แต่เย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นว่าเวินหนี่ไม่ได้กลับมากับเขาด้วยเธอรู้ว่าเย่หนานโจวไม่ต้องการให้เวินหนี่คอยดูสีหน้าเธอ และไม่อยากให้เวินหนี่ถูกรังแก ถึงได้พาหล่อนไปอาศัยอยู่ที่อื่นในช่วงที่ผ่านมาแต่เขากลับมาอยู่ที่บ้านหลายวันติดต่อกันแล้วโดยไม่เห็นเวินหนี่เลย ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจเธอไม่เคยได้ยินเย่หนานโจวพูดถึงเวินหนี่ ดังนั้นเธอรู้สึกสนใจเรื่องนี้ขึ้นมา เธอลองสืบและพบว่าเวินหนี่ไม่ได้ไปที่บริษัทหลายวันแล้วหรือเธอเลิกกับเขาแล้วอย่างนั้นเหรอ?เธอต้องการสืบ แต่เย่หนานโจวไม่ยอมให้เธอรู้ทุกอย่าง ยกตัวอย่างเรื่องในว่างเจียงหยวนเธอก็ไม่อาจสืบได้ตามจริงแล้วเธอเป็นแม่ของเย่หนานโจว เป็นนายหญิงของตระกูลนี้ รวมถึงคนที่ว่างเจียงหยวนก็ต้องให้ความเคารพเธอ แต่พวกเขากลับไม่สามารถงัดปากได้ด้วยเงินและฟังแค่คำสั่งของเย่หนานโจวเท่านั้นซึ่งมันทำให้เธอหงุดหงิดมากไม่ว่าจะยังไง สิ่งสำคัญคือเวินหนี่เลิกลากับเย่หนานโจวแล้ว เธอต้องถามอะไรบางอย่างขณะที่เย่หนานโจวกำลังขึ้นไปชั้นบน เย่ซูเฟินก็กล่าวขึ้นว่า “ช่วงนี้ไม่เห็นเวินหนี่เลย ลูกทะเลาะกับเธอ หรือว่าหย่ากันแล้ว?”หากพวกเขาหย่ากันแล้ว เธ
ชายคนนั้นได้เจอกับเวินหนี่และคุยกันอยู่สักพักดูเหมือนว่าจะคุ้นเคยกันมากคนนี้เขาพอจะจำได้ลาง ๆ ว่าน่าจะเป็นคนในบริษัทของเขาหลังจากเวินหนี่เดินไปแล้ว เขาก็เริ่มค้นหาในถังขยะการกระทำของเขาทำให้เย่หนานโจวขมวดคิ้ว แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ความจริงที่แท้จริง!…ต่งหมิงห้าวกำลังเร่งทำโปรแกรมบริษัทใหญ่ขนาดเย่กรุ๊ป การแข่งขันย่อมดุเดือดมาก ตอนที่เขาทำงานในบริษัทเล็ก ๆ เขาคือคนสำคัญแต่เมื่อมาที่นี่แล้ว โปรแกรมเมอร์ที่มีความสามารถแบบเขามีตั้งสิบกว่าคนหากต้องการก้าวหน้า เขาต้องโดดเด่นกว่าใครการออกจากบริษัทเก่า ก็เพราะอยากจะปีนไปให้สูงขึ้น เขาไม่กล้าผ่อนคลายเลยแม้แต่นาทีเดียว จึงทำงานอย่างบ้าคลั่งการกินข้าว ก็แค่กัดขนมปังไม่กี่คำเพื่อให้ผ่านไปในตอนนั้นเองขณะที่ต่งหมิงห้าวถือขนมปังอยู่ในมือ เตรียมจะใส่เข้าปาก ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีคนยืนอยู่ข้าง ๆเขาเงยหน้าขึ้นก็ตกใจเกือบสะดุ้ง ขนมปังในมือเกือบหลุดร่วง “ประธานเย่!”ร่างสูงใหญ่ของเย่หนานโจวยืนอยู่ตรงหน้าเขา สร้างแรงกดดันมหาศาลต่งหมิงห้าวรีบลุกขึ้นทันที “ประธานเย่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”สายตาของเย่หนานโจวจ้องมองชาย
ต่งหมิงห้าวเต็มไปด้วยความสงสัย คิดว่าเย่หนานโจวจะมาถามความผิดของเขา แต่เย่หนานโจวก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม เขาเพียงมาถามว่าเวินหนี่ไปโรงพยาบาลทำไมแต่หลังจากถามเสร็จ ร่างสูงก็จากไปเวินหนี่ท้องเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?ต่งหมิงห้าวไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ตราบใดที่เขาไม่ถูกไล่ออกก็พอใจแล้วเย่หนานโจวขึ้นลิฟต์ มือทั้งสองล้วงกระเป๋าเพื่อปิดบังความโกรธของตัวเอง น้ำเสียงเย็นชาพูดออกมา “เช็คให้ฉันเดี๋ยวนี้ว่าเวินหนี่อยู่ที่ไหน!”เธอกล้านอกใจเขาถึงเธอจะหนีไปสุดขอบฟ้า เขาก็ต้องจับเธอกลับมาให้ได้!เผยชิงไม่เคยเห็นสายตาโกรธเกรี้ยวของเย่หนานโจวมาก่อน ราวกับจะกลืนกินคนทั้งเป็นเมื่อเริ่มถามถึงที่อยู่ของเวินหนี่ เขาก็อดตัวสั่นไม่ได้ คิดว่าเวินหนี่คงต้องเจอเรื่องหนักหนาแน่นอนเมื่อถูกเจอตัวขอให้เธอโชคดีเถอะ!"ฮัดชิ่ว"เวินหนี่จามเสียงดัง น้ำตาไหลออกมาเธอใช้กระดาษเช็ดน้ำตาออก แล้วกลับมาเขียนต้นฉบับต่อไม่รู้ว่ามีใครกำลังคิดถึงเธออยู่หรือจะเป็นพ่อแม่ของเธอ?เมื่อไม่กี่วันก่อนเธอเพิ่งโทรไปบอกข่าวว่าปลอดภัย ไม่น่าจะใช่"เวินหนี่ บรรณาธิการให้เธอแก้ข่าวนี้หน่อย"เวินหนี่รับเอกสารจากเ
ในภาวะคับขัน เธอใช้กำลังทุบหลังของคนผู้นั้นอย่างแรง พร้อมตะโกนเสียงดังว่า “คุณเป็นใคร ปล่อยฉันนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้!”แต่ชายคนนั้นไม่สนใจคำพูดของเธอ ปล่อยให้เธอตีและด่าไปตามเรื่อง พร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินต่อไปเวินหนี่ร้อนรนและตื่นตระหนก ไม่ทันได้คิดอะไร คิดแต่จะหลุดพ้นจากมือของเขาเธอเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วัน ไม่รู้ว่าสภาพแวดล้อมรอบ ๆ นี้มีขโมยหรือโจรอยู่หรือเปล่าเธอกลัวจะได้รับอันตราย สิ่งแรกที่คิดคือการหนีออกจากอันตรายแต่ไม่ว่าเธอจะทุบตีแค่ไหน ชายคนนั้นก็ไม่ได้ทำร้ายเธอแต่อย่างใดนั่นหมายความว่าเขาไม่ใช่โจรอีกอย่างเธอตะโกนเสียงดังขนาดนี้ เขาก็ไม่กลัว หรือว่า…พอเธอคิดได้ เขาก็วางเธอลงกับพื้นอย่างมั่นคงเมื่อเธอมองเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน เวินหนี่ถึงกับหน้าซีดทันที “คุณ...”คำพูดติดอยู่ในลำคอ เวินหนี่ตระหนักได้ว่าพวกเขาแตกหักกันขนาดนี้แล้ว เธอไม่มีใจจะพูดอะไรอีกเธอปิดปากเงียบ ไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา และรีบเดินหันหลังหนี“พอเห็นฉันแล้วจะหนี รู้สึกผิดหรือไง?” ชายคนนั้นพูดเสียงเย็นเวินหนี่หยุดเดินและเริ่มมีคำถามในหัว ตลอดเวลาที่เธอจากมา เขาไม่เคยตามหาเธอเธอทำกับเขาอย่างนั
“แล้วเด็กในท้องเธอหมายความว่ายังไง?” เย่หนานโจวแทบจะตะโกนออกมา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธเมื่อได้ยินเช่นนั้น เวินหนี่ถึงกับตาเบิกโพลง ตกใจอย่างมากเขารู้เรื่องที่เธอท้องได้อย่างไร ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก จนไม่สามารถคิดหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลได้ในทันทีเย่หนานโจวเห็นสายตาเธอที่ตกตะลึง เขาก็รู้ทันทีว่ามันเป็นเรื่องจริง เขาหัวเราะเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “ไม่มีคำจะพูดแล้วใช่ไหม? ชีวิตนี้ฉัน เย่หนานโจว ยังไม่เคยถูกใครทรยศมาก่อน เธอเป็นคนแรก เธอบอกสิว่าฉันควรจะลงโทษเธอยังไงดี!”เวินหนี่รู้สึกถึงมือใหญ่ที่ร้อนแรงและเต็มไปด้วยอันตรายของเขา ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าเขาตามหาเธอเจอเพราะรู้ว่าเธอท้องเมื่อมองดูดวงตาที่อันตรายของเย่หนานโจว ราวกับว่าเขาอยากจะกลืนกินเธอทั้งเป็น เธอยิ่งไม่กล้าบอกความจริงกับเขา มือหนึ่งของเธอโอบป้องท้องไว้ อีกมือหนึ่งพูดออกมาว่า “เย่หนานโจว ต่อให้ฉันท้องจริง ๆ ฉันก็ไม่ได้ผิดสัญญาของเรานะ คุณบอกเองว่าเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน หวังว่าคุณจะรักษาสัญญานั้น ยังไงซะการแต่งงานของฉันกับคุณก็ไม่มีใครรู้มากนัก พอหย่ากันคุณก็แต่งงานใหม่ได้โดยไม่กระทบอะไรเลย!”
เวินหนี่ฟาดใบหน้าของเย่หนานโจวเต็มแรงเย่หนานโจวไม่หลบ เขารับแรงตบของเธออย่างจัง บนใบหน้าจึงปรากฏรอยแดงชัดเจนศีรษะเขาเอียงไปเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองเวินหนี่ด้วยสายตาเย็นชาเวินหนี่เองก็ตกใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะตบเขาแรงขนาดนี้ จนมือของเธอเองก็เจ็บการกระทำของเธอทำให้ตัวเองตกใจเช่นกันตลอดเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมานานถึงเจ็ดปี แม้ว่าจะมีความขัดแย้งกัน แต่เธอก็ไม่เคยลงมือทำร้ายเขามาก่อนไม่ใช่แค่เธอ แม้แต่เย่หนานโจวเองที่โตมาอย่างสง่าผ่าเผย ก็คงไม่เคยมีใครตบหน้าเขามาก่อน“เวินหนี่…” เย่หนานโจวเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่แฝงความโกรธและเย็นชาเวินหนี่รีบลดมือลง ดึงมือที่ชาหน่อย ๆ ของเธอกลับมา เธออธิบายว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจ... ถ้าคุณไม่ทำแบบนั้น ฉันจะตบคุณทำไม!”เย่หนานโจวโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา เขากำหมัดแน่นจนเสียงกระดูกลั่นท่าทางที่เต็มไปด้วยความโกรธของเขาทำให้เวินหนี่รู้สึกหวาดหวั่น กลัวว่าเขาจะตบเธอกลับแต่เย่หนานโจวเพียงแค่จ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา “เพื่อผู้ชายคนนั้น เธอกล้าทำทุกอย่างแล้วสินะ!”เวินหนี่จะไม่มีวันบอกเขาถึงความจริงของลูกเธอไม่ต้องการอยู่กับเขาอีกต่อไป
แม้แต่การวางยาเขา เธอก็เอามาใช้!เขามีเพียงข้อเรียกร้องเดียว คือต้องการให้เธอทำแท้ง แต่เธอก็ไม่ยอมยังดื้อดึงที่จะคลอดลูกของคนอื่นออกมาเธอกล้าทำได้ยังไง!เธอกล้าที่จะพูดกับเขาแบบนี้ได้ยังไง!ในที่สุดเย่หนานโจวก็ค่อย ๆ คลายมือที่จับเธอไว้ ไม่บังคับเธออีกต่อไป แต่สายตาของเขายังคงเย็นชาและเต็มไปด้วยความผิดหวัง “เวินหนี่ เธอจะต้องเสียใจทีหลัง!”นี่เป็นคำพูดที่เฉียบขาดและเด็ดขาดหลังจากพูดจบ เขาก็ไม่สนใจสายตาเศร้าของเวินหนี่อีกต่อไปในดวงตาของเธอมีแววตาน้ำตาเอ่อคลอ น้ำตาหนึ่งหยดร่วงลงจากดวงตาของเธอ แต่ยังคงเต็มไปด้วยความดื้อรั้น เธอจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาเย่หนานโจวเดินจากไปอย่างแน่วแน่ โดยไม่หันกลับมามอง จนกระทั่งหายไปจากสายตาของเธอเวินหนี่ค่อย ๆ นั่งยอง ๆ ลง มองดูมือที่ถูกเขาดึงจนแดง เธอกำมันไว้แน่น ก้มหน้าลง ความเจ็บปวดมากมายที่อธิบายไม่ถูกซ่อนอยู่ในใจเธอรู้สึกโดดเดี่ยวแต่ความโดดเดี่ยวนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการตั้งแต่แรกผ่านมาหลายปีที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง ทำให้เธอคิดว่าการอยู่คนเดียวก็ดีแล้ว การละทิ้งการแต่งงานครั้งนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีเดิมทีเธอคิดว่าชีวิตของเธอจะดีขึ้น
เวินหนี่นิ่งไปหลายวินาที ก่อนจะเงยหน้ามองหลัวฉี “คุณให้ฉันไปสัมภาษณ์กับประธานของเย่กรุ๊ปงั้นเหรอคะ?”หลัวฉีเก็บมือทั้งสองข้างไว้ข้างตัว แล้วลุกขึ้นพูดอย่างสบายใจว่า “ใช่ มีปัญหาอะไร? การสัมภาษณ์กับเย่หนานโจวไม่ใช่งานที่ใครก็รับได้นะ แต่เธอนี่แหละเหมาะที่สุด”เวินหนี่ปิดเอกสารลงก่อนจะพูดอีกครั้งว่า “ในประวัติการทำงานของฉันเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าฉันเพิ่งออกมาจากเย่กรุ๊ป คุณจะให้ฉันกลับไปอีกเหรอคะ?”การที่เธอมาทำงานที่สถานีโทรทัศน์ก็เหมือนกับการจากเย่กรุ๊ปโดยไม่บอกกล่าวความขัดแย้งระหว่างเธอกับเย่หนานโจวนั้นลึกซึ้งมาก การกลับไปอีกครั้งก็เท่ากับเป็นการทำร้ายตัวเองยิ่งเป็นการยืนยันคำพูดของเย่หนานโจวที่ว่า เธอจะต้องเสียใจแน่ ๆ !หลัวฉีไม่ได้ใส่ใจมากนักและก็ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเย่หนานโจว เพียงแค่พูดว่า “ก็เพราะเธอออกมาจากเย่กรุ๊ป มีความสัมพันธ์กันบ้าง งานนี้จึงต้องเป็นเธอเท่านั้น”เวินหนี่วางเอกสารลงบนโต๊ะ “บรรณาธิการคะ ฉันขอปฏิเสธงานนี้”ถ้าเธอต้องกลับไป แม้จะในฐานะที่ต่างออกไป แต่เธอก็ไม่อยากทำเธอไม่อยากมีเรื่องเกี่ยวข้องกับเย่หนานโจวอีกต่อไปแล้วที่สำคัญกว่านั้น คร
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ