เย่หนานโจวรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูภาพจากกล้องวงจรปิด ในภาพสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของผู้ชายคนนั้นได้ แม้ว่าเขาจะพยายามหลีกเลี่ยงกล้องแล้ว แต่บางมุมกล้องยังจับภาพเอาไว้ได้คนร้ายพยายามหลบเลี่ยงกล้อง โดยเปลี่ยนเสื้อผ้าในจุดอับก่อนจะออกไปข้างนอก ทำให้การติดตามเขาใช้เวลาพอสมควร แต่ในที่สุดพวกเขาก็สามารถหาที่อยู่ของคนร้ายได้“รีบตามไปเดี๋ยวนี้!” เย่หนานโจวสั่งทันทีพวกเขารีบขึ้นรถและออกเดินทางตามร่องรอยของคนร้ายเพื่อค้นหาเวินหนี่อย่างรวดเร็ว…เวินหนี่รู้สึกอ่อนเพลียและหมดเรี่ยวแรง แม้ว่าเธอจะกำลังหลับอยู่แต่ก็รู้สึกเหมือนติดอยู่ในภวังค์ที่ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ในความมึนงงนั้น เธอได้ยินเพียงเสียงสนทนาลาง ๆ“ตอนนี้จะเอายังไงต่อ?” เสียงหนึ่งถามขึ้น“ในเมื่อจับตัวเธอมาแล้ว ก็ต้องจัดการให้สิ้นซาก!” เสียงของผู้หญิงอีกคนหนึ่งตอบกลับ“จัดการงั้นเหรอ? เธอคิดว่าฉันจะฆ่าคนงั้นเหรอ? นี่มันหลานสาวของฉันนะ ฉันไม่ทำ! ฉันแค่อยากได้เงินเท่านั้น!” เวินเซี่ยนแสดงความลังเล เขาไม่เคยคิดจะเอาชีวิตของเวินหนี่เลย“โทรหาเย่หนานโจว ถ้าเขาต้องการตัวภรรยาของตัวเอง ก็ให้เอาเงินมาแลก!”“อย่าโทรนะ! บ้าไปแล้ว
“ฉันมีเงิน อย่าทำร้ายฉันเลย!”เวินหนี่เหงื่อออกท่วมตัว รู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปทั้งร่าง เธอหายใจหอบหนักและพูดออกมาเป็นคำแรกทันทีที่รู้สึกตัวสิ่งแรกที่เธอต้องทำคือรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้เมื่อดวงตากลมเริ่มโฟกัสได้ เธอก็เห็นสภาพแวดล้อมรอบตัวที่ช่างสกปรกและรกรุงรัง ในขณะที่มือทั้งสองข้างถูกมัดเอาไว้ตอนนั้นเองที่เวินหนี่เห็นคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน ทันใดนั้นสีหน้าก็พลันซีดลง “อา...”เวินเซี่ยนมองเธอด้วยสายตาเย็นชาและพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ตอนนี้ถึงจะเรียกฉันว่าอาเหรอ?”เธอไม่คิดว่าเขาจะโหดเหี้ยมถึงขนาดนี้ ไม่สนใจแม้กระทั่งความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัวและจับตัวเธอมาด้วยมือของเขาเองเวินหนี่รู้ดีว่าไม่สามารถคาดหวังให้อาไว้ชีวิตเธอได้อีกต่อไป จึงถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา “ต้องทำยังไงถึงจะปล่อยหนูไป?”“แกไม่ได้บอกว่าแกมีเงินเหรอ” เวินเซี่ยนถามพร้อมกับชูบัตรที่เย่หนานโจวให้เธอ “ในบัตรใบนี้มีเงินอยู่หรือเปล่า?”“มี” เวินหนี่ตอบรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเวินเซี่ยนอีกครั้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโลภ “มีเท่าไร?”เวินหนี่จ้องมองเขาและถามต่อ “ถ้าหนูให้เงิน จะยอมปล่อยหนูไปจริง ๆ ใช่ไหม?”แ
เมื่อเวินหนี่พูดเช่นนี้ เวินเซี่ยนก็เริ่มคล้อยตามและเริ่มคิดว่าผู้หญิงคนนี้ที่เขาแทบไม่รู้จักคงมีแผนบางอย่างแน่ ๆ ถึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ และที่สำคัญเวินหนี่ก็ยังเป็นหลานสาวของเขาแม้ว่าเขาจะถูกบีบคั้นจนต้องทำแบบนี้ แต่ก็ยังต้องระวังไม่ให้ถูกคนอื่นหลอกใช้สายตาของเขาเริ่มหันไปมองผู้หญิงคนนั้นด้วยความสงสัยผู้หญิงคนนั้นเริ่มร้อนรนแล้วพูดด้วยความโกรธ “เธอกำลังพยายามยั่วยุเรา ถ้าไม่ใช่เพราะฉันคิดแผนให้ คุณคิดเหรอว่าเวินหนี่จะยอมให้เงินคุณง่าย ๆ? เราสองคนกำลังร่วมมือกันอยู่นะ!”เวินเซี่ยนเริ่มรู้สึกตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ที่มาจากด้านนอก เขาจับเวินหนี่ไว้แน่นและเอามีดจ่อไปที่คอของเธอด้วยความกังวล “มีคนอยู่ข้างนอก!”ร่างบางรู้สึกได้ถึงความคมของมีดที่จ่ออยู่ใกล้คอตัวเอง และรู้ว่าเธอไม่สามารถเชื่อใจเขาได้อย่างง่ายดายเช่นกันสถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียดมาก ทุกอย่างดูเหมือนพร้อมจะหลุดจากการควบคุมได้ในทันทีเธอพยายามสงบสติอารมณ์และคิดหาทางเอาตัวรอด ขณะที่ภายนอกเสียงรถยนต์ยังคงดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆเวินหนี่มองไปยังมีดที่จ่ออยู่ใกล้คอของตัวเอง ก่อนจะหายใจแทบไม่ออกด้วยความหวา
จริงสินะเย่หนานโจวสามารถวางเงินถึงหนึ่งพันล้านในบัตรให้เธอได้ ทำไมเขาจะยอมเสียห้าสิบล้านเพื่อช่วยเธอไม่ได้เธอหลุบตาลง รู้สึกถึงความเจ็บปวดลึก ๆ ในใจ เขาเป็นคนดีมาก ดีจริง ๆ แต่ทุกครั้งที่เขาทำดี มันกลับเหมือนยิงกระสุนใส่หัวใจของเธอไม่ยั้ง ทำให้เธอไม่อยากจากเขาไปแต่ถ้าอยู่มันก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเสมอเวินเซี่ยนยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ และรีบบอกหมายเลขบัญชีธนาคารของเขาทันทีเย่หนานโจวหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วสั่งการ “โอนเงินห้าสิบล้านเข้าบัญชีนี้ทันที!”ผู้หญิงที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเห็นสถานการณ์นี้แล้วก็เริ่มรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาเพราะแผนการของเธออาจจะไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ในใจของเธอคนนั้นเต็มไปด้วยความกังวลและโกรธแค้น เธอคิดว่าต้องทำให้เวินหนี่หายไปจากโลกนี้เท่านั้นถึงจะพอใจทันใดนั้น เสียงแจ้งเตือน "ติ๊ง" ดังขึ้นจากโทรศัพท์ของเวินเซี่ยนเขาเปิดข้อความขึ้นมาและเห็นว่าธนาคารส่งข้อความแจ้งยอดเงินเข้า เขามองไปที่จำนวนเงินบนหน้าจอ เห็นตัวเลขศูนย์เรียงกันหลายตัวห้าสิบล้าน!เป็นเงินห้าสิบล้านจริง ๆ!เวินเซี่ยนไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขา ความตื่นเต้นและความโลภจึงเข้าครอบงำ
รถที่เวินเซี่ยนขึ้นไปนั่งเกิดระเบิดขึ้นทันที เปลวไฟลุกลามไปทั่วทั้งท้องฟ้า ส่วนรถก็ถูกระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆใบหน้าขาวซีดของเวินหนี่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นถูกแสงจากเปลวไฟสะท้อนกลับมา ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเกิดอะไรขึ้น? ทำไมรถถึงระเบิดได้?แม้ว่าเธอจะไม่สนิทกับอาของเธอมากนัก แต่เวินเซี่ยนก็ยังเป็นอาแท้ ๆ ของเธอภาพของคนที่เสียชีวิตต่อหน้าต่อตาทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก หัวใจของเธอเต้นแรงและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและเศร้าใจเวินหนี่รู้สึกเหมือนสมองว่างเปล่า น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างเงียบ ๆเธอยืนนิ่งอยู่ชั่วขณะ ราวกับเป็นเพียงซากศพที่เดินได้ จากนั้นก็เริ่มก้าวเท้าไปยังจุดที่เกิดการระเบิดอย่างไร้สติ“เวินหนี่!”เย่หนานโจวที่ยังตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเวินหนี่ เขารีบดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาทันทีด้วยสีหน้าจริงจังและน้ำเสียงเคร่งเครียด เขาพูดขึ้นว่า “ตรงนั้นอันตราย อย่าไป!”“เผยชิง ไปหาคนมาช่วยดับไฟก่อน!” เย่หนานโจวสั่งอย่างรวดเร็วเวินหนี่ที่มีดวงตาแดงก่ำพยายามดันเย่หนานโจวออก แต่ก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า “ไม่เป็นไร ฉันแค่อยากมองดูจาก
เย่หนานโจวขมวดคิ้ว “เมื่อกี้เธอหมดสติไป ตรวจให้แน่ใจหน่อยดีกว่า”เวินหนี่ดึงเสื้อให้แน่นขึ้น มองไปที่เลือดบนมือของเขา “ฉันคิดว่าคุณน่าจะต้องตรวจมากกว่าฉันนะ”เธอลงจากเตียงอย่างรวดเร็วแล้วพูดต่อ “ฉันแค่มีแผลเล็ก ๆ ที่คอ แค่พันแผลก็พอแล้ว!”“คุณหมอ ช่วยดูแผลให้คุณเย่ก่อนเถอะค่ะ”เย่หนานโจวจ้องมองเวินหนี่ด้วยดวงตาที่หรี่แคบลง รู้สึกว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ และดูเหมือนเธอจะมีบางอย่างที่ปิดบังเขาอยู่เธอบอกว่าไม่อยากตรวจร่างกาย แต่กลับแอบไปโรงพยาบาลเอกชนนี่มันหมายความว่ายังไงกัน?คุณหมอเห็นว่าทั้งสองคนเริ่มมีความเห็นไม่ตรงกัน จึงพูดขึ้นว่า “คุณเย่ ผมว่าให้พวกเราเริ่มจากการทำแผลให้พวกคุณก่อนดีกว่า”เย่หนานโจวไม่ตอบหมอในทันที แต่หันไปถามเวินหนี่แทน “เธอบอกว่าไม่อยากตรวจร่างกาย แต่กลับแอบไปโรงพยาบาลเอกชน นี่เธอกำลังปิดบังอะไรจากฉันหรือเปล่า?”สายตาของเขาเริ่มเย็นชา และน้ำเสียงก็แฝงไปด้วยความเย็นเฉียบเวินหนี่รู้สึกตึงเครียดในใจ แต่เธอยังคงแสร้งทำเป็นสงบนิ่งและจ้องตาเย่หนานโจวตอบกลับไปว่า “ฉันไปโรงพยาบาลนั้นเพราะฉันใส่ใจเรื่องความเป็นส่วนตัว แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากตรวจร่างกายเพราะฉันไม่มีอาก
เวินหนี่ไม่คิดแบบนั้นแม้ว่าเธอจะเคยพูดดูถูกแบบนั้นใส่ลู่ม่านเซิงก็ตามแต่เธอก็พูดเพียงแค่เพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น“คุณก็รู้ว่าฉันมีคนที่ชอบในใจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?” เวินหนี่กล่าวเพียงประโยคเดียวก็ทำให้เย่หนานโจวถึงทางตัน เธอมีคนที่ชอบอยู่แล้วแต่เขาก็ไม่เคยเห็นผู้ชายคนนั้น!สิ่งนี้กลายเป็นปริศนาระหว่างพวกเขาใบหน้าของเย่หนานโจวเย็นชาแต่ก็พูดขึ้นว่า “เธอไม่จำเป็นต้องพูดถึงผู้ชายคนนั้น เมื่อถึงเวลาฉันก็จะปล่อยเธอไปเอง และต่อให้เธอไม่เอาใบหย่ามาให้ฉัน ฉันก็จะส่งมันไปถึงมือเธอเอง!”พวกเขารับทราบว่าจนกว่าสัญญาการแต่งงานจะสิ้นสุดลง ตอนนั้นพวกเขาถึงจะได้รับหุ้นเวินหนี่รู้ข้อนี้ดีและเธอให้ความร่วมมือกับเขาเป็นอย่างดีถือซะว่านี่เป็นการตอบแทนเขาอย่างหนึ่งด้วย“ได้ค่ะ” เวินหนี่หยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะดูปฏิทิน “เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นประธานเย่จะหาเวลาว่างมาได้นะคะ”เย่หนานโจวไม่ได้ตอบทั้งสองได้รับการทำแผลจากคุณหมอ บาดแผลของเวินหนี่ไม่ได้ลึกมาก แค่ผิวถลอก เธอรู้ว่าเวินเซี่ยนไม่ได้ต้องการฆ่าชีวิตเธอทั้งหมดนี้เกิดจากการยุแยงของผู้หญิงคนนั้นไม่นา
เธอรับมันมา นมยังอุ่นอยู่เลย ก่อนจะยกมันขึ้นดื่ม เป็นนมรสหวานและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ มันช่วยบรรเทาความกลัวของเธอ แต่ก็ทำให้รู้สึกโศกเศร้า“พักสักหน่อยเถอะ” เย่หนานโจวทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว “ฉันจะดูแลเรื่องฝั่งตำรวจให้เอง”เขาไม่อยากให้เวินหนี่เหนื่อยเกินไปคดีลักพาตัวร้ายแรงเช่นนี้จำเป็นต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดเขาเองก็ไม่มีเวลาจะพักผ่อนได้เวินหนี่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ไม่นานก็มีคนเข้ามา“หนีหนี่”“แม่คะ” เวินหนี่ตะโกนเรียกเติ้งจวนมาที่โรงพยาบาล และเห็นเวินหนี่นอนอยู่บนเตียงโดยมีบาดแผลที่คอ เธอร้องไห้ออกมาทันทีและเข้ามากอดลูก “เวินหนี่ คนเลวเวินเซี่ยนนั่นมันสมควรตาย มาลักพาตัวและข่มขู่ลูกได้ยังไง? ไอ้สารเลวทำให้ลูกฉันต้องทุกข์ทรมานขนาดนี้! ต่อไปครอบครัวเราจะไม่มีการติดต่อกับครอบครัวของพวกนั้นอีกเด็ดขาด! แม่ว่าพ่อของลูกไปแล้ว เป็นเพราะเขาเห็นแก่ความสัมพันธ์พี่น้องมากเกินไปเรื่องถึงได้เป็นแบบนี้! พ่อเองก็ได้สติแล้ว ไว้พ่อเขาจะไปจัดการกับอาเอง!”เวินจ้าวยืนอยู่ที่ประตู แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความทุกข์และความรู้สึกผิดเป็นเพราะเขาเห็นแก่ความสัมพัน
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ