เติ้งจวนแทบจะโมโหตายเพราะจางลี่หง แต่พอได้เห็นว่าคู่รักหนุ่มสาวมีความสัมพันธ์ที่ดี ก็อารมณ์ดีขึ้น ขอแค่ลูกสาวของเธอมีความสุขก็ไม่มีอะไรทุกข์ยากอีกแล้ว เธออยากรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขาด้จึงบอกว่า “หนีหนี่ หนานโจวยอมช่วยเพราะเห็นแก่ลูก เขาใจดีกับลูก ลูกเองก็ควรทำดีกับหนานโจวด้วย”เมื่อได้ยินแบบนั้น เวินหนี่ก็เหลือบมองเย่หนานโจวอีกครั้ง เขาประจบแม่ของเธอจนแม่เข้าข้างเขาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?เย่หนานโจวรู้สึกยินดีมาก เขาพูดกับเติ้งจวนว่า “แม่ครับ นี่เพราะว่าแม่คอยพูดแต่เรื่องดี ๆ ของผม”เติ้งจวนยิ้มและพูดว่า “แน่นอน แม่ไม่ใช่คนตาบอด และแม่ก็มองเห็นความดีของเธอ”เธอมองไปที่เวินจ้าวเวินจ้าวจ้องมองไปที่พวกเขา รู้สึกทั้งสุขทั้งทุกข์ปะปนกัน เขามีความสุขที่เวินหนี่ดูจะมีชีวิตแต่งงานที่ดีและไม่ได้ทุกข์ใจนัก แต่เขาก็ยังห่วงเพราะไม่รู้ว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน และลูกสาวของเขามีความสุขจริงหรือไม่พวกเขาอยู่ต่อพักหนึ่งและจัดการเรื่องขั้นตอนการรักษาของเวินจ้าวจนเรียบร้อย เขาต้องอยู่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ถึงจะสามารถกลับบ้านได้ เพราะอาการก็ไม่ได้ร้ายแ
หนทางนักแสดงของเธอไม่ได้มากมายนักในตอนแรก ในงานเลี้ยงของตระกูลเย่ เย่หนานโจวขีดเส้นความสัมพันธ์ของเขากับเธออย่างชัดเจนต่อหน้าสาธารณชน ทำให้เธอเสียหน้าไม่น้อย วงการบันเทิงนั้นเต็มไปด้วยคนปากหวานก้นเปรี้ยว จึงมีคนหัวเราะเยาะเย้ยเธอในเรื่องนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ลู่ม่านเซิงเป็นคนฉลาด เธอรู้ว่าเย่หนานโจวจะปกป้องเธอ และเขาจะกลายเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอในอนาคต หลังจากเกลี้ยกล่อมเย่หนานโจวได้ ทรัพยากรของเธอก็จะมั่งคั่งขึ้นอีกครั้งเธอยุ่งอยู่กับการถ่ายทำ ดังนั้นจึงไม่มีเวลามาหาเรื่องทะเลาะกับเวินหนี่ ชึ่งทำให้ชีวิตเวินหนี่เงียบสงบลงไปมาก เธออยากเอาเวลามาสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เธอไม่มีความสุขเช่นนั้นก็อย่าคิดเยอะเลยดีกว่าแต่หลี่ถิงที่อยู่ข้าง ๆ เวินหนี่มองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบ “พี่เวิน ครั้งนี้ฉันดูผิดไป พี่อย่าใส่ใจเลยนะคะ ฉันจะไม่นินทาพี่กับประธานเย่อีกแล้วค่ะ”เวินหนี่มองเธอ “หมายความว่าอะไร?”หลี่ถิงขมวดคิ้ว “ประธานเย่มีภรรยาแล้ว แถมยังซุกบ้านน้อยอยู่ข้างนอกอีก แสดงว่าประธานเย่ไม่ใช่คนซื่อสัตย์ ก่อนนี้ฉันเคยเดาว่าประธานเย่ชอบพี่
แผนกต้อนรับเห็นเธอมาหลายวันแล้ว เธอช่างดื้อรั้นจริง ๆ แผนกต้อนรับตอบเธอไปว่า “ฉันจะโทรไปถามให้ค่ะ รอสักครู่นคะ”ตราบเท่าที่ยังมีความหวัง โจวเสี่ยวหลินก็มีความคาดหวัง “ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”แผนกต้อนรับโทรไปถาม ก่อนจะตอบโจวเสี่ยวหลินอย่างสุภาพ “คุณผู้หญิงคะ ประธานเย่ไม่อยู่ในบริษัทค่ะ รบกวนกลับมาใหม่คราวหน้านะคะ”มาเมื่อไหร่เขาก็ไม่อยู่ จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง? ครั้งนี้โจวเสี่ยวหลินไม่เชื่อนัก และถามกลับไปอย่างไม่ย่อท้อว่า “คุณช่วยโทรไปหาประธานเย่โดยตรงได้ไหมคะ? แค่บอกว่าเสี่ยวหลินทำอาหารจานพิเศษมาให้ อยากให้เขาได้ลองชิม หากเขาชิมแล้วฉันก็จะกลับค่ะ”แผนกต้อนรับเคยเห็นผู้หญิงที่ต้องการประจบประแจงเย่หนานโจวมามากมาย และเธอก็เป็นเพียงหนึ่งในนั้น จึงตอบกลับไปส่ง ๆ ว่า “ประธานเย่ยุ่งมาก เขาไม่พบกับบุคคลภายนอกค่ะ”“ฉันไม่ใช่คนนอก ฉัน...” โจวเสี่ยวหลินเกือบจะร้องไห้ แต่เธอก็ไม่สามารถพูดได้ว่าตัวเองเป็นอะไรกับเย่หนานโจว“คุณผู้หญิง ได้โปรดอย่ารบกวนการทำงานของฉันเลยค่ะ” แผนกต้อนรับตำหนิขึ้นอีกครั้งโจวเสี่ยวหลินรอมาหลายวันแล้ว เธอไม่สามารถอยู่ในวิลล่าต่อไปได้อย่างสบายใจจึงพูดขึ้นว่า
เวินหนี่ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกไร้สาระ “เธอคิดมากเกินไปแล้ว ฉันก็แค่พูดความจริง”“แล้วคุณกล้าพูดว่าคุณไม่ชอบประธานเย่หรือเปล่าคะ?” โจวเสี่ยวหลินถามขึ้นพลางมองเข้าไปในดวงตาของเธอเวินหนี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งเป็นการบอกว่าโจวเสี่ยวหลินพูดตรงประเด็น“คุณไม่ตอบก็แสดงว่ายอมรับแล้ว”ในฐานะผู้หญิง สัมผัสที่หกของเธอนั้นแม่นยำ เวินหนี่ชอบเย่หนานโจวผ่านมาหลายปีแล้วแต่เย่หนานโจวก็ไม่ได้ตกหลุมรักเธอ ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา แต่เวินหนี่ก็ไม่ยอมให้ผู้หญิงคนอื่นชอบประธานเย่ไม่น่าแปลกใจเลยที่มีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับเขาน้อยมาก เพราะมีเวินหนี่คอยขัดขานี่เอง“คุณเวิน เรามาแข่งขันกันอย่างยุติธรรมเถอะค่ะ แบบนั้นถ้าฉันแพ้ฉันก็ยอม” โจวเสี่ยวหลินพูด “ถ้าประธานเย่ไม่ชอบฉัน ฉันก็จะยอมถอยและไม่เซ้าซี้เขาอีก”เวินหนี่เพียงแค่คิดว่ามันน่าขัน “เธอคิดว่าฉันเห็นเธอเป็นคู่แข่งอย่างนั้นเหรอ?”โจวเสี่ยวหลินเองก็เข้าใจ “ฉันรู้ว่าคุณอยู่กับประธานเย่มาหลายปีแล้ว และเขาก็มีความรู้สึกต่อคุณ แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกระหว่างชายหญิง แต่คือความใส่ใจที่มีต่อลูกน้องฉันเข้าใจคุณค่ะและฉันหวังก็ว่าคุณจะเข
รถแล่นออกไปอย่างรวดเร็วจากหน้าอาคารเวินหนี่มองดูรถที่แล่นออกไป และกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว“เหมือนว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้โกหก เธอรู้จักกับประธานเย่จริง ๆ” แผนกต้อนรับเริ่มไม่แน่ใจแล้ว“อุ้มไปขนาดนั้น ต้องมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา ถ้าประธานเย่เอาผิด พวกเราจะซวยกันแน่ ๆ”เมื่อได้ยินแบบนั้นเวินหนี่รู้สึกหดหู่เล็กน้อย เธอเคยเห็นความเย็นชาของเย่หนานโจวที่มีต่อผู้หญิง และก็เคยเห็นความอ่อนโยนที่เขามีให้ผู้หญิง มันขึ้นอยู่กับว่าเขาชอบเธอคนนั้นหรือไม่เขาชอบลู่ม่านเซิง เขาพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลอย่างเป็นกังวลแม้จะเป็นเพียงบาดแผลเล็ก ๆ และเขาก็กังวลว่าโจวเสี่ยวหลินจะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจึงขับรถพาเธอไปโรงพยาบาลในทันทีแผนกต้อนรับก็พากันกังวลเล็กน้อย กลัวว่าเป็นเพราะพวกตนขวางโจวเสี่ยวหลินไว้เธอถึงได้วิ่งเข้าไปชนรถ เมื่อเห็นเวินหนี่ยังอยู่ที่นี่จึงขอร้องว่า “คุณเวิน ถ้าประธานเย่เอาผิดขึ้นมา คุณต้องช่วยพวกเราพูดด้วยนะคะ”เวินหนี่กลับมามีสติอีกครั้ง เธอปรับอารมณ์ให้สงบลงและพูดว่า “สถานการณ์วันนี้เป็นอุบัติเหตุ พวกคุณไม่ต้องโทษตัวเอง ถ้าประธานเย่เอาผิด ฉันจะพูดให้เอง”“ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณเวิน” พวกเธอร
คุณปู่กู้เล่าด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ หลังจากผ่านสงครามมามากมาย เขารู้ดีว่ากว่าจะมีชีวิตสงบสุขอย่างทุกวันนี้ยากลำบากเพียงใด มีเพียงประเทศเข้มแข็งถึงจะไม่ถูกรังแก และเราต้องปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนที่รักษาไว้อย่างยากลำบากเวินหนี่ไม่ได้ประสบกับความโหดร้ายในยุคนั้น แต่เธอก็รู้ว่าช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดของคุณปู่กู้คือตอนที่เขายังหนุ่ม แม้จะแก่ตัวแล้วเขาก็ยังอยากจะทำเพื่อประเทศชาติให้มากขึ้น คุณปู่กู้พูดไปจนตาแดงก่ำเวินหนี่ตั้งใจฟัง และเห็นบาดแผลที่เกิดจากถูกยิงที่ขาของเขาก็ตระหนักได้ถึงความยากลำบากของพวกเขา“คุณปู่กู้ ตอนนี้ประเทศนี้แข็งแกร่งขึ้นแล้วและเต็มไปด้วยคนมากความสามารถ จะไม่มีสงครามเกิดขึ้นแล้วค่ะ” เวินหนี่ปลอบใจเขาคุณปู่กู้กล่าว “จะทะนงตนเกินไปไม่ได้”ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แต่คนมีความสามารถนั้นเยอะจริง ๆ หนานโจวเป็นคนที่มีความสามารถ เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย มันเป็นความผิดของคนแก่อย่างตาเฒ่าเย่ที่อยากให้เขากลับมาสืบทอดธุรกิจของครอบครัว หากเขายังติดตามฉัน เกรงว่าคงจะเก่งกว่าฉันตอนหนุ่ม ๆ เสียอีก”คำพูดเหล่านี้ทำให้เวินหนี่ปร
เขากำลังเตือนเวินหนี่ว่าเธอควรจับตาดูสามีของตัวเองให้ดี และอย่าให้คนอื่นฉวยโอกาสจากช่องว่างของความสัมพันธ์ได้เวินหนี่ไม่อยากให้คุณปู่กู้ที่ป่วยอยู่ต้องมากังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับเย่หนานโจว เธอยิ้มและพูดว่า “หนูทราบค่ะ หนานโจวบอกกับหนูแล้ว คุณปู่กู้ นี่ก็เริ่มค่ำแล้ว ด้านนอกอากาศหนาว เราเข้าไปข้างใน กันเถอะค่ะ”“อืม” คุณปู่กู้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรจึงไม่ได้พูดอะไรอีกเวินหนี่ส่งคุณปู่กู้ไปที่วอร์ดก่อนจะบอกลาเขา และลังเลว่าจะไปแผนกสูตินรีเวชหรือไม่แต่โจวเสี่ยวหลินก็โทรมาเธอพอดี “คุณเวิน คุณมาที่โรงพยาบาลหน่อยได้ไหมคะ? ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ”และสุดท้ายเวินหนี่ก็ตัดสินใจไปเผยชิงเฝ้าอยู่ที่ประตู เมื่อเห็นเวินหนี่เดินเข้ามา เขาก็มีสีหน้าอ้ำอึ้ง ราวกับกลัวว่าเธอจะมาที่นี่ “เลขาเวิน ทำไมคุณถึงมาที่นี่ล่ะครับ?” เผยชิงฝืนยิ้มเวินหนี่สงบนิ่งมากและถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นคะ?”“เอ่อ ผมว่าคุณน่าจะโทรหาประธานเย่ให้เขามาที่นี่ก่อน…”เขาดูระมัดระวังมากซึ่งทำให้เวินหนี่เกิดความสงสัย “มีอะไรที่ฉันรู้ไม่ได้งั้นเหรอ?”เผยชิงลังเลว่าจะพูดดีไหม เขามองไปที่โจวเสี่ยวหลินในห้องแล้วถอนหายใจ
เผยชิงเหลือบมองเวินหนี่เวินหนี่พูดขึ้นว่า “คุณออกไปข้างนอกก่อน”เผยชิงปิดประตูลงโจวเสี่ยวหลินยกผ้าห่มออกและนั่งบนขอบเตียง ก่อนจะลูบท้องตัวเองอย่างคาดหวัง“คุณเวิน ฉันรู้ว่าประธานเย่มีคนอยู่ในใจแล้ว”เวินหนี่กำหมัดแน่นโจวเสี่ยวหลินก้มหน้าลงและพูดช้า ๆ “ความอ่อนโยนของประธานเย่ที่มีต่อฉันก็เป็นเพราะคน ๆ นั้น ฉันเหมือนเธอ ประธานเย่ถึงได้ชอบฉัน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ฉันก็พอใจแล้ว ฉันไม่ขออะไรมาก แค่ตั้งครรภ์ลูกของประธานเย่ก็พอแล้ว”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ โจวเสี่ยวหลินก็มองไปที่เวินหนี่แล้วพูดว่า “คุณเวิน คุณก็รู้ดีใช่ไหมคะ? คน ๆ นั้นชื่อเซิงเซิง”สีหน้าของเวินหนี่ซีดเผือด เธอรู้เรื่องนี้ด้วยงั้นเหรอ?“เย่หนานโจวบอกเธอว่าคนที่เขาชอบคือเซิงเซิง และคิดว่าเธอเป็นตัวแทนของเซิงเซิงงั้นเหรอ?” เวินหนี่ถามอีกครั้งโจวเสี่ยวหลินไม่สนใจ “ฉันไม่สนใจว่าจะเป็นตัวแทนของใครหรือไม่ ฉันเกิดมาธรรมดา แค่ได้รับการ ดูแลเป็นพิเศษเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว”ถ้าเย่หนานโจวไม่ได้บอกโจวเสี่ยวหลินเอง เธอจะรู้ได้อย่างไร?เวินหนี่รู้สึกใจสลายมาก เล็บเธอจิกแน่นเข้าไปในเนื้อ ผ่านมาตั้งนานแล้วแต่เธอก็ยังคงไม่สามารถหน
อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส
[ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา
ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ
เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู
เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ
เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน
นักข่าวที่มางานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอ เพราะสื่อออนไลน์พัฒนาไปไว ทุกคนต่างก็พยายามเป็นคนแรกในการปล่อยข่าว รายงานแรกที่แม่นยำที่สุดย่อมได้เรตติ้งดีที่สุดแม้งานเดินแบบเวทีทีสเตจนี้จะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่การถ่ายทอดสดก็ทำให้ทุกสื่อแข่งกันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งของกระแสบนรันเวย์ตอนนี้มีนางแบบเดินอยู่บ้างแล้ว บรรดาดาราหลายคนก็อยู่ที่นั่งฝั่งผู้ชม เวินหนี่กำลังมองหามุมที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ“คุณเวิน”ทันใดนั้นเสียงเรียกเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เวินหนี่หันกลับไปก็พบว่าจางจื่อฉีกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ เห็นแต่ทีมงานและดาราที่อยู่ด้านใน“คุณจาง ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้คะ?”จางจื่อฉีตอบอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณจางหรอก เรียกว่าจื่อฉีก็พอ”เวินหนี่รู้สึกดีกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว “ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ? เข้าไปด้านในเถอะนะ ตรงนี้มีแต่ทีมงาน เดี๋ยวถ้าโดนนักข่าวรุมถ่ายจะลำบากเอานะคะ!”เวินหนี่รู้ดีว่าพวกนักข่าวนั้นดุดันแค่ไหน การที่จางจื่อฉีออกมาแบบนี้อาจทำให้เธอเสี่ยงต่ออันตรายได้จางจื่อฉีไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เธอมองไปยังพวกนักข่าวและช่างภาพที่กำล
เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา “เคยเห็นการยินยอมพร้อมใจแบบนี้ด้วยหรือไง?”ปลายสายถึงกับเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็ในเมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ถึงกับถูกหลอกกันง่าย ๆ เขารู้สึกว่าเย่หนานโจวกังวลเกินไปแต่พอคิดอีกที คงเป็นเพราะความห่วงใยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ จึงเข้าใจได้ว่าความกังวลของเย่หนานโจวก็มีเหตุผลอยู่เย่หนานโจวเปิดม่านหน้าต่างออก มองออกไปข้างนอก ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความกังวลใจ "เธอแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย ถ้ามีใครสักคนเข้ามาหว่านล้อมไม่กี่คำแล้วเธอดันหลงเชื่อขึ้นมาล่ะ? มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย"ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เขาจะประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหลังจากวางสาย เย่หนานโจวเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เวินหนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาพอดี เห็นเขาเดินเข้ามาตรงเวลา เธอจึงหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา “ฉันจัดการเองได้”เย่หนานโจวไม่คัดค้าน แต่จ้องมองเธอแล้วกล่าวว่า “ฉันต้องไปทำธุระสักพัก คราวหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน”“ค่ะ” เวินหนี่พูดขณะเป่าผม โดยไม่หันไปมองเขาเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย เวินหนี่เดินออกมาพร้อมกับเย่หนานโจว“หน
เย่หนานโจวมองเวินหนี่ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังเธอไม่วางตาโดนมองแบบนี้แล้ว เวินหนี่ก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “ว่ายน้ำเสร็จแล้วหรือยังคะ? ถ้าเสร็จแล้ว ช่วยปล่อยให้ฉันออกไปจะได้ไหม?”เย่หนานโจวสบตาเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำขึ้นทุกที “เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?”เวินหนี่ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนร่างกายถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นเชือกที่มองไม่เห็น เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขากลับ “ฉันไม่ได้โกหก”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อย ๆ คลายมือที่จับเธอไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “เธอโกหกฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้เธอโกหกอีกเป็นครั้งที่สอง”เวินหนี่นิ่งเงียบ ตอนนี้ในสถานการณ์ระหว่างพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็นการโกหกหรือไม่ ก็แทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว การปกป้องตัวเองด้วยการโกหกก็เป็นเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เย่หนานโจวไม่ทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้ เขาปล่อยให้เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้เวินหนี่เดินเข้าไปข้างในทันที แล้วเลขาหญิงก็ตามเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ เป็นชุดกีฬาที่สวมใส่สบายและโปร่ง “คุณเวินคะ นี่เป็นชุดที่ท่านประธานเตรียมไว้ให้ค่ะ”เวินหนี่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปหม