"ตัวอ่อนผีเสื้อคืออะไรวะ?"
"อะไรนะครับนาย" ตุนท์ที่ยืนรออยู่ด้านนอกเห็นว่าทรงอัปสรออกไปแล้วเลยรีบเปิดประตูเข้ามาเผื่อเจ้านายมีเรื่องจะสั่งงาน
"มึงรู้จักตัวอ่อนผีเสื้อไหมวะ"
"ตัวอ่อนผีเสื้อ..หนอนน้อยน่ะหรือครับ"
"หนอนน้อย?!"
"มีอะไรครับเจ้านาย.. อย่าบอกนะครับว่า?" ตุนท์พูดพร้อมกับมองต่ำลงไปดูช่วงกลางลำตัวของผู้เป็นเจ้านาย
"มึงมองอะไร!"
"หึหึ" มองแล้วก็อดขำไม่ได้ แค่นี้ตุนท์ก็พอจะเดาได้แล้วว่าใครเป็นคนพูดประโยคนั้น "แต่ผมว่ามันน่ารักดีนะครับ"
"น่ารักพ่อมึงสิ!" ร้ายกาจนะผู้หญิงคนนี้ กล้าดียังไงมาว่าของฉันเป็นหนอนผีเสื้อ
อีกห้องหนึ่งในเวลาเดียวกันนั้น..
"เป็นไงบ้างคะคุณหนู" ข้าวปุ้นรออยู่ในห้องก็อดเป็นห่วงคุณหนูของเธอไม่ได้
"ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องเรียกคุณหนูแล้ว ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กในบ้านแล้วนะ"
"ก็มันชินปากนี่คะ" ข้าวปุ้นเป็นเด็กทำงานในบ้าน ครอบครัวของทรงอัปสรส่งเรียนจนจบปริญญา ก่อนหน้าข้าวปุ้นก็เข้ามาทำงานช่วยสกายตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็เรียนไปด้วยเลยไม่ได้ทำงานเต็มที่ แต่พอทรงอัปสรเข้ามาทำงานที่นี่แบบเต็มตัวเธอเลยมาเป็นผู้ช่วยให้
"เราจะช่วยอลิสยังไงดี"
"ไม่ได้เรื่องหรือคะ"
"เธอก็รู้อยู่ว่าไอ้มาเฟียนั่นมันนิสัยยังไง"
"ถ้าพิมพ์อยู่คงจะช่วยเราได้นะคะ"
"พิมพ์งั้นเหรอ เธอมีเบอร์โทรของพิมพ์ไหม"
"มีค่ะ"
ทรงอัปสรเลยให้ข้าวปุ้นต่อสายถึงพิมพ์เพราะอยากจะปรึกษาหารือเรื่องนี้
เห็นว่าเป็นเบอร์ของข้าวปุ้นโทรมาพิมพ์เลยรีบรับสาย แล้วข้าวปุ้นก็แจ้งบอกว่าคุณอัปสรอยากคุยด้วย
>>{"พิมพ์ว่างไหม"}
{"ว่างค่ะคุณอัปสรมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ"}
>>{"ฉันอยากปรึกษาพิมพ์เรื่องของอลิสหน่อย"} ใช้เวลาคุยกันอยู่ไม่นานทรงอัปสรก็วางสายไป เธอคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ขอความช่วยเหลือจากพิมพ์ ผู้หญิงคนนี้หัวไวมาก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพิมพ์อยากให้อลิสเป็นคนใช้ความสามารถของตัวเองเอา เพราะไม่มีใครช่วยใครได้ตลอดเวลา
ทรงอัปสรก็เลยเรียกอลิสเข้ามาหาในห้องทำงาน
"เธอคิดว่าจะทำได้ไหม" ก่อนที่จะไปยื่นข้อตกลงนี้กับฝ่ายตรงข้าม อัปสรต้องคุยกับเจ้าตัวให้รู้เรื่องก่อน เพราะมันต้องใช้ทักษะส่วนตัวของบุคคลนั้น เหมือนที่พิมพ์เคยทำให้เห็นมาแล้ว
"อลิสจะพยายามค่ะ" สิ่งที่ทรงอัปสรเรียกอลิสเข้ามาคุย คือจะให้โอกาสอลิสได้ใช้ฝีมือของตัวเองชิงตำแหน่งนี้กับคนใหม่ที่นเรศวรหามา
หลังจากที่คุยกันเข้าใจแล้ว ทรงอัปสรก็จะไปพูดเรื่องนี้กับคนที่เธอไม่แม้แต่อยากจะเห็นหน้า หญิงสาวหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา ถือสะว่าหาพรรคพวกไว้เพิ่มแล้วกัน เพราะถ้าช่วยอลิสได้นั่นหมายถึงคว้าใจของอลิสมาอยู่ฝั่งของเธอได้ด้วย
"ฉันขอคุยกับคุณนเรศหน่อย"
"เจ้านายกลับไปแล้วครับ" ภาณุก็คือคนของนเรศวรที่ให้ อยู่ประจำที่นี่ เวลาที่เขาไม่อยู่ก็ได้ภาณุนี่แหละดูงานแทน
"กลับไปแล้ว?" ทรงอัปสรยกนาฬิกาข้อมือราคาแพงของเธอขึ้นมาดูเวลา เหลืออีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าคลับจะปิดทำไมเขาต้องรีบกลับ หรือว่าจะตามไปหาเด็กคนนั้น
เอาไงดีเธอต้องคุยกับเขาคืนนี้ให้จบด้วยสิ พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะเจอหน้าเขาตอนไหน กลัวว่าคนของเขาจะเข้ามารับตำแหน่งก่อนน่ะสิ
"ช่วยต่อสายให้ฉันหน่อยได้ไหม" เธอไม่มีเบอร์โทรของหุ้นส่วนหรอก แต่ก่อนตอนซื้อขายหุ้นกันมีแค่เขาที่ติดต่อมาหาทนายของเธอ
"ได้ครับ" ภาณุล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วก็โทรเข้าเบอร์ของตุนท์ เพราะตุนท์เป็นผู้ติดตามเจ้านายไป
หลังจากที่คุยอยู่ครู่หนึ่งคนของเขาก็วางสายไปแล้วหันมารายงาน
"เจ้านายบอกว่าถ้าคุณมีธุระก็เก็บไว้คุยกันพรุ่งนี้ครับ"
"ฉันจะคุยวันนี้"
"ถ้าคุณอยากคุยวันนี้ เจ้านายสั่งไว้ว่า.."
"ว่าอะไรก็รีบพูดมาสิ"
"ให้คุณตามไปที่คอนโดครับ"
"เจ้านายคุณจะมาไม้ไหน แค่คุยกับฉันผ่านโทรศัพท์ก็ได้แล้ว""ผมว่าถ้าคุณไม่มีธุระด่วนมากรอคุยพรุ่งนี้จะดีกว่านะครับ" ภาณุไม่อยากให้ทรงอัปสรเข้าไปเล่นกับไฟกองนี้เลย ใจจริงเขาอยากบอกเธอให้ขายหุ้นแล้วก็ไปใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่า"เอาที่อยู่คอนโดมา""คุณอัปสรครับ""คิดว่าฉันกลัวหรือไง""กลัวหน่อยก็ดีนะครับ""หึ.. คุณก็คงไม่ต่างจากเจ้านายของคุณหรอก""นี่นามบัตรคอนโดครับ" คงช่วยได้เท่าที่ช่วยนี่แหละ ที่เหลือปล่อยให้โชคชะตาทำงานไปทรงอัปสรรับเอานามบัตรของคอนโดนั้นมาดู เธอก็รู้สึกแปลกใจทำไมคอนโดของเขาถึงเป็นที่เดียวกับคอนโดเธอล่ะ แต่ก็ไม่แปลกหรอกคอนโดนี้หรูหรา มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันหวังว่าคงจะอยู่คนละชั้นคนละโซนนะ ถ้าไม่ใช้ลิฟต์หรือว่าออกมาพร้อมกันก็คงจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่นั่น เหมือนที่ไม่รู้ว่าเขาอาศัยอยู่คอนโดเดียวกันกับเธอแต่พอดูไปถึงเลขชั้นทรงอัปสรก็รีบมองไปดูเลขห้องในทันที.. มันจะบังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ? เพราะห้องอีกฝ่ายอยู่ข้างห้องของเธอนี่เอง และห้องนี้ก็เพิ่งขายออกไปไม่นาน หรือว่าเจ้าของคือเขา? อยากจะบ้าตายหวังว่าเขาคงไม่รู้นะว่าเธอพักอยู่ที่นั่น"มีอะไรหรือคะคุณอัปสร" ข้าวปุ
"คุณคงเจอฝรั่งมาจนชินแล้วล่ะสิ ถึงมาเปรียบของผมเป็นแค่ดักแด้"ไอ้เลวเอ้ยเอาจนได้นะมึง ..หญิงสาวได้แต่กัดฟันไว้กับความคิดสกปรกโสโครกของผู้ชายคนนี้"แต่ผมคิดว่าของผมก็ไม่ได้น้อยหน้าไอ้ฝรั่งตาน้ำข้าวพวกนั้นหรอกนะ""แหวะจะคุยว่าของตัวเองใหญ่ว่างั้น" พูดไปแล้วถึงนึกได้ว่าไม่น่าไปต่อปากต่อคำกับคนแบบนี้เลย แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อมันคิดแบบนั้นก็พูดให้มันเข้าใจแบบที่มันคิดไปเลยแล้วกัน "กรี๊ดด คุณจะทำอะไร!" หญิงสาวหันหน้าหนีอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายขยับผ้าเช็ดตัวเหมือนจะถอด"เดี๋ยวหาว่าผมคุย จะให้ดูหน้างานเลยไง""ใครอยากจะดูของคุณล่ะ! บอกลูกน้องคุณเปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ""ไม่แน่จริงนี่หว่า""เราเลิกพูดเรื่องไร้สาระดีกว่า วันนี้ที่ฉันมาหาคุณฉันอยากจะคุยเรื่องหัวหน้า" ทรงอัปสรต้องรีบพูดเบี่ยงเบนไปเรื่องอื่นถ้าไม่งั้นก็คงไม่จบ"อยากเจอหน้าผมมากจนต้องเอาเรื่องนี้มาอ้างเพื่อเข้าหาผมเลยเหรอ"นี่ขนาดเราอยากจะจบเรื่องนั้นนะมันยังไม่ยอมจบอีก ไอ้โรคจิตเอ้ย "แล้วแต่คุณจะคิดเถอะ.. ฉันขอคุยเรื่องงานก่อนได้ไหม""ก็ว่ามาสิ" ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าเดินเข้ามาใกล้จนหญิงสาวรีบถอยออกไป แต่เธอก็ถอยไม่ได้ไกลเพราะหลังชนเข้าก
"ถ้าคุณไม่อยากประลองงั้นเรามาจัดนัดกระชับมิตรกันดูไหม""สมองของคุณคงคิดได้แค่เรื่องเดียวนี่สินะ ถ้างั้นวันนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ""แต่ผมคิดว่าสมองของเราก็ไม่ต่างกันหรอก ดูแค่สายตาคุณที่มอง.." ดวงตาคมคู่นั้นมองต่ำลงไปดูอวัยวะส่วนที่เขาภูมิใจมากที่สุดในร่างกาย และเธอก็ดันเผลอมองตามสายตาเขาไปอีกจนได้"มันก็แค่ดักแด้ที่เพิ่งออกจากฝักดูคุณจะภูมิใจจังเลยนะ"หมดกันความภูมิใจของกูดักแด้ที่เพิ่งออกจากฝักงั้นเหรอ! ปากเก่งแบบนี้จัดให้สักดอกดีไหมขี้คร้านจะมาขอร้องกูให้จัดอีกน่ะสิ"ถอยออกไปนะ!" เห็นว่าอีกฝ่ายเดินตรงเข้ามาเธอก็รีบหันไปเคาะประตูห้องเสียงดังเพื่อให้คนด้านนอกเปิด "กรี๊ดดด" ทรงอัปสรสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่สัมผัสกับสะโพกของเธอหญิงสาวหลับตาลงแล้วกลั้นหายใจหันกลับมาก่อนจะยกเข่าขึ้นสูงเพื่อที่จะกำจัดจุดอ่อนของอีกฝ่าย"กรี๊ดด ปล่อยนะ!" แต่ขาของเธอถูกมือหนาจับล็อกไว้ในท่ายก "ไอ้เลวปล่อยฉัน!" เธอสวมใส่กระโปรงเลยทำอะไรไม่สะดวก แถมตอนนี้ขาที่ยกขึ้นมาเมื่อครู่ก็ถูกอีกฝ่ายจับล็อกไว้ในท่าเดิม ส่วนมือที่กำลังปกป้องตัวเองก็ถูกมือหนาอีกข้างจับรวบไว้ด้วยกันทั้งขาและมือถูกพันธนาการไว้จน
"แล้วเรื่องนั้นได้เรื่องไหมคะ""เรื่องอะไร""เรื่องของอลิสไงคะ"ถ้าข้าวปุ้นไม่พูดทรงอัปสรคงลืมไปแล้วเพราะมัวแต่โมโห ..แต่ถ้าพูดพรุ่งนี้เขาจะยอมฟังไหมเล่นงานเขาหนักขนาดนั้น พอคิดถึงเรื่องนั้นก็รู้สึกขยะแขยงอีก ไม่คิดว่าจะต้องมาเสียจูบให้คนที่เธอรังเกียจหลังจากที่เห็นว่าคุณหนูปลอดภัยแล้วข้าวปุ้นเลยขอตัวกลับไปทำงาน และไม่ลืมเน้นย้ำว่าคืนนี้ห้ามออกจากห้อง เวลาจะออกจากห้องต้องดูให้ดีด้วยว่าห้องข้างๆ ออกมาพร้อมกันไหมสายๆ ของวันต่อมา..ตื่นนอนมาสิ่งแรกที่ทำคือเดินไปดูใบหน้าตัวเองในกระจก เห็นริมฝีปากที่ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ทรงอัปสรก็รู้สึกเจ็บใจขึ้นมาอีกครั้งช่วงกลางวันถ้าไม่ได้ออกไปช้อปปิ้งเธอก็จะหาอะไรทานในห้อง เพราะซื้ออาหารสดมาใส่ตู้เย็นไว้ทำทานเองอยู่ต่างประเทศเธอก็ทำแบบนี้ค่ำวันนั้นที่ Nreṣ̄wr Clubทรงอัปสรยืนมองป้ายชื่อที่เพิ่งถูกเปลี่ยนไปเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ ถ้ารู้ว่าพี่ชายจะอายุสั้นเธอคงกลับมาอยู่ใกล้ๆ พี่ตั้งแต่เรียนจบแล้ว ถ้าป้ายสถานบันเทิงแห่งนี้กลับมาเป็นชื่อพี่ชายได้อีกครั้งก็คงจะดีในเมื่อทุกอย่างมันเอากลับคืนมาไม่ได้ เธอก็คงต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด สิ่งแรกที่เธอต้องทำคือดันอ
"มองอะไรเหรอจ๊ะแม่อลิส.. อุ๊ยๆ ฉันลืมไปว่าตอนนี้ปีนป่ายขึ้นจนเป็นว่าที่หัวหน้าแล้ว"ที่จริงอลิสก็ไม่ได้อยากมองหรอกพอเดินผ่านเห็นอีกฝ่ายจ้องมาเธอเลยมองกลับ แต่พอถูกหาเรื่องอลิสเลยทำเป็นไม่สนใจ"วัวลืมตีน" ประโยคนี้น้ำตาลพูดออกมาเพียงแค่เบาๆ "อุ้ยสวัสดีค่ะ" พอมองไปอีกทางหนึ่งก็เห็นคนที่ตัวเองอยากทำความรู้จัก เพราะตอนนี้ข่าวหัวหน้าที่มารับตำแหน่งเป็นที่พูดถึงกันมาก แต่ก็ได้ยินมาอีกว่าต้องชิงตำแหน่งกับอลิสให้ได้ก่อนถึงจะได้เป็นหัวหน้าอลิสได้ยินเสียงน้ำตาลทักใครไม่รู้เลยหันกลับไปมอง"คุณใช่หัวหน้าคนใหม่ไหมคะ""ใช่ค่ะ" รินรดาเห็นว่ามีคนทักเลยส่งยิ้มให้พร้อมกับเดินเข้าไปคุยด้วย"ฉันชื่อน้ำตาลค่ะ เป็นคนดูแลโต๊ะทั้งหมดที่นี่""ดูแลโต๊ะเหรอคะ" รินรดาก็แปลกใจมีแบบนี้ด้วยเหรอ เพราะตำแหน่งนี้น่าจะเป็นตำแหน่งของหัวหน้า"ใช่ค่ะก็ไม่แตกต่างจากหัวหน้ามากนักหรอกค่ะ คือเด็กที่นี่เชื่อฟังฉัน เพราะฉันเป็นคนดูแลพวกเขาค่ะ""อ๋อแบบนั้นเองหรือคะ ฉันชื่อรินรดาค่ะฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ""คุณหัวหน้าอย่าพูดแบบนั้นสิคะ ฉันเองต่างหากที่ต้องฝากเนื้อฝากตัว""ฉันยังไม่ได้เป็นหัวหน้าหรอกค่ะแค่ฝึกงาน ไม่แน่ใจว่าจะได้เป
โชคดีนะที่เราไหวตัวทัน เมื่อกี้ลืมดูเลยว่ามีลูกน้องมันตามมาด้วยไหม ถ้าพวกนั้นยืนรออยู่หน้าห้องจะทำยังไง ..ทรงอัปสรลองแง้มประตูดูอีกทีว่าข้างนอกยังมีคนอยู่ไหม แต่พอเห็นว่าไม่มีใครเธอก็รีบเปิดประตูแล้วก็รีบเดินผ่านหน้าห้องนั้นไปอย่างไวไม่ได้การแล้วถ้าอยู่แบบนี้มีหวังมันรู้แน่ว่าเธออยู่ข้างห้อง กลับไปอยู่บ้านดีไหมเรา ..คิดถึงหน้าเมียใหม่ของพ่อก็เสียอารมณ์อีก ต้องไปเจอหน้าผู้หญิงคนนั้น ต่อหน้าพ่อก็พูดกับเราดีอยู่หรอก พอลับหลังพ่อกลัวว่าเราจะไปแย่งมรดกอยู่นั่นแหละหญิงสาวขับรถออกมาก็แวะช้อปปิ้งก่อน เพราะยังเหลือเวลาอีก 2-3 ชั่วโมงเลยผ่านไปชั่วโมงกว่าเธอก็หิ้วของกลับมาที่รถ นี่ขนาดแวะเดินเล่นนะเนี่ยยังหมดไปเป็นแสน อดมองดูของที่เพิ่งซื้อมาไม่ได้ เงินที่ขายหุ้นไปเธอได้เยอะมากใช้ทั้งชาติไม่รู้จะหมดหรือเปล่า ถ้าพี่ชายมีครอบครัวก็คงจะดีเธอจะได้ไม่ต้องมารับภาระใช้สมบัติของพี่อยู่แบบนี้ ..คิดบ้าอะไรของเราเนี่ย คนอื่นปากกัดตีนถีบเพื่อหาเงินใช้แต่เรากลับมีเงินใช้แบบฟลุ๊คๆ จากการตายของพี่ เงินที่ได้มาไม่ได้มีแค่การขายหุ้นหรอก ยังรวมถึงประกันชีวิตที่พี่ชายทำไว้ให้เป็นชื่อเธอด้วยพอคิดแล้วก็อดน้ำตาไห
"คุณ!?" ทีแรกคิดว่าข้าวปุ้นเดินตามมา แต่พอได้ยินเสียงปิดประตูแล้วไม่ใช่ข้าวปุ้นแน่ ทรงอัปสรเลยหันกลับไปมองพอเห็นว่าเป็นใครเธอก็รีบถอยไปจนหลังชนกับโต๊ะทำงาน "ถอยออกไปนะ"พอไม่มีทางถอยต่ออีกฝ่ายก็เดินมุ่งตรงเข้ามาหา จนร่างหนาเบียดเข้ากับร่างของเธอที่พิงอยู่กับโต๊ะทำงานเกือบจะเป็นท่านั่ง"ผมไม่เข้าใจทำไมคุณต้องทำให้ผมเสียอารมณ์ตลอดเลย""คุณถอยออกไปก่อนสิ" มือเรียวผลักแผ่นอกอีกฝ่ายที่โน้มลำตัวเข้ามาใกล้ให้ออกไป แต่ครั้นจะขยับออกก็ถูกมือเขาล็อกไว้ทั้งซ้ายและขวาของโต๊ะทำงาน "เราจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยหรือไง คุณก็เห็นความสามารถของคนที่ผมหามาแล้ว คลับของเราต้องรีบปรับเปลี่ยนเพื่อเรียกลูกค้า""แต่ฉันยังไม่เห็น" เขาเคยบอกว่าไม่เห็นความสามารถในตัวอลิส ทรงอัปสรเลยเอาคืนบ้าง"ผมไม่รู้ว่าคุณหลงใหลอะไรในตัวเด็กคนนั้นนักหนา คุณมองไม่เห็นเลยเหรอว่าเธอไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลย""คนที่คุณพามามีความสามารถพิเศษว่างั้น""วันนี้ผมจะคุยกับคุณรู้เรื่องไหม""คนของคุณก็ไม่ได้มีประสบการณ์ในการทำงาน แล้วทำไมคุณถึงมองเห็นความสามารถล่ะ""เพราะเธอ.." นเรศวรหยุดพูดไว้แค่นี้ มันยิ่งทำให้ทรงอัปสรเชื่อในความคิดของตัวเอ
"ขึ้นรถสิ""ใครบอกว่าฉันจะไปรถคันเดียวกับคุณ" จะพาข้าวปุ้นมาด้วยก็ไม่ได้เพราะคนนั้นงานเยอะมาก ถ้าจะชวนอลิสมามันก็เป็นงานของรินรดา แต่คงไม่เป็นไรหรอกเพราะโรงแรมคนก็เยอะมันคงไม่กล้าทำอะไรเธอหญิงสาวเดินสะบัดสะโพกผ่านรถหรูของมาเฟียหนุ่มไปที่รถอีกคัน รถของเธอก็หรูไม่ต่างกันช่วงนี้ยังหัวค่ำอยู่และรถบนท้องถนนก็กำลังติดกว่าจะมาถึงโรงแรมใช้เวลาอยู่พอสมควร ทรงอัปสรมาถึงก็เห็นว่าเขานั่งรออยู่โต๊ะที่จองไว้แล้วพนักงานเสิร์ฟเห็นลูกค้าเดินตรงมาที่โต๊ะก็รีบขยับเก้าอี้ให้นั่ง"ขอบคุณค่ะ" ทรงอัปสรหยิบเอกสารที่ได้มาจากรินรดาออกมาดู เพราะเธอทำหน้าที่ขับรถเองเลยไม่มีเวลาอ่านเหมือนอีกคนขณะที่เธออ่านเอกสารอยู่ก็สังเกตได้ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเอาแต่จับจ้องมาที่เธอ หญิงสาวเลยเหลือบตามองไปดู"หน้าฉันมีอะไรน่ามองขนาดนั้น""คุณว่าอะไรนะ" ดวงตาคมคู่นั้นขยับมองมาที่เธอ"ฉันเห็นคุณมองฉันนานแล้วนะ""คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ผมมองสาวสวยที่อยู่ด้านหลังคุณต่างหาก"ทรงอัปสรหันขวับกลับไปมองด้านหลังด้วยใบหน้าที่ชาเล็กน้อยพอเธอหันกลับมาก็เห็นว่าเขายกแก้วไวน์ขึ้นเหมือนเชื้อเชิญผู้หญิงคนที่อยู่ด้านหลังชนแก้ว"พ่อรูปหล
ขุนราม [มาเฟียร้ายรัก] บทที่ 97 ตอนจบเธอไม่รู้หรอกว่าท่านให้มาบริษัททำไม แต่รินรดาก็แต่งตัวเรียบร้อยให้ดูเป็นหน้าเป็นตาของสามีตอนที่เขาพาเธอเดินเข้ามาพนักงานต่างก็ทำความเคารพกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา"เข้ามาด้วยกันสิคะ" หญิงสาวเห็นว่าพนักงานยืนรอลิฟต์กันหลายคน พอเธอกับสามีเดินเข้ามาพนักงานก็ไม่กล้าเข้ามาด้วย"เอ่อ..""เข้ามาสิ" จริงๆ ตอนที่เขาใช้ลิฟต์ไม่มีใครกล้าใช้ด้วย แต่พอท่านรองประธานอนุญาตให้เข้าพนักงานก็เข้าไปแต่ก็เข้าไม่กี่คนรินรดาขยับให้พนักงานยืนกันจนหลังเธอพิงเข้ากับร่างของขุนราม เขาเลยเอื้อมมือมาโอบเอวเธอไว้ พนักงานไม่ได้หันไปมองหรอกแต่มองผ่านผนังของลิฟต์ที่เป็นกระจก เห็นภาพนั้นแล้วต่างก็อมยิ้มไปตามๆ กันจนลิฟต์มาเปิดที่ชั้นผู้บริหาร ส่วนพนักงานออกไปก่อนหน้านั้นแล้ว"ไปห้องทำงานผมก่อน" เขาคิดว่าห้องประชุมคงยังไม่เรียบร้อย ค่อยพาเธอไปทีหลังแล้วกันแต่พอเข้ามาในห้องทำงานไม่นานเลขาก็มาตามให้เข้าห้องประชุมห้องประชุมใหญ่ของบริษัทณโยดม.."มานั่งนี่สิ" รัตติกาลที่นั่งตำแหน่งประธานบริษัทแทนสามีที่เสียไป เรียกให้ลูกชายมานั่งประจำที่ของนาง"ครับ?" ทุกครั้งที่เขาจะนั่งตรงนั้นก็ตอนท
คืนนั้นที่บ้านณโยดม..ก๊อกๆ "ที่รักครับ เปิดประตูให้ผัวหน่อย""คุณไปนอนห้องอื่นเลยค่ะฉันจะนอนกับลูก""คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ" ชายหนุ่มไม่ได้พูดเสียงดังเพราะกลัวแม่จะได้ยินว่าเธอไม่ให้เขาเข้าห้องด้วย"ถ้าคุณยังพูดอยู่แบบนี้เดี๋ยวลูกก็ตื่น" ขุนเขาเข้ามารอแม่ตั้งแต่เล่นกับคุณย่าเสร็จแล้ว จนตอนนี้แกนอนหลับรออยู่ในห้อง พี่เลี้ยงที่ดูแลก็ออกไปตอนที่เห็นคุณผู้หญิงกลับมา พอเข้ามาในห้องเธอก็จัดการล็อกห้องไม่ให้เขาตามเข้ามาได้"ไหนเราเคลียร์กันรู้เรื่องแล้วไง เปิดประตูให้ผมหน่อยนะ""รู้เรื่องแค่คุณน่ะสิคะ จำไว้ว่าอย่าทำแบบนี้อีก" ตอนที่รู้ว่าพี่ชายเปลี่ยนยาคุมกำเนิดเป็นยาบำรุงให้กับทรงอัปสรเธอก็รู้สึกโมโหมากพออยู่แล้ว พอมาเจอกับตัวยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดุด่าว่ากล่าวเขามากมายแต่เธอต้องดัดนิสัยเขาบ้าง จะได้ไม่มีความคิดแผลงๆ แบบนี้อีก"คุณเมียครับ พรุ่งนี้ผัวต้องไปทำงาน""ก็ไปนอนห้องอื่นสิคะ" ในใจก็แอบรู้สึกสงสาร เพราะเขาต้องรับผิดชอบบริษัทที่ใหญ่โต ผ่านไปสักพักรินรดาก็รู้สึกว่าด้านนอกเงียบไปแล้ว เธอเลยเดินมาเปิดประตูดู "อุ้ยคุณ"เธอประเมินความอดทนของเขาต่ำไป เขารู้ว่าถ้าเงียบเธอต้องม
"ดูเหมือนคุณจะตกใจจังเลยนะคะ มีอะไรหรือเปล่า""ปะเปล่าา ผมจะมีอะไรล่ะก็นั่นน้องสาวผม""ไม่มีอะไรแน่นะคะ" เธอรู้ว่าเขาเป็นคนเจ้าแผนการ แถมสายตาที่มองเพื่อนดูมีพิรุธมันต้องมีอะไรแน่"อีกสามวันก็เป็นวันเกิดหุ้นส่วนอีกคนแล้ว" นเรศวรรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะถ้าไม่งั้นเขาคงถูกจับได้แน่ว่ามีส่วนร่วมแต่มีหรือที่ทรงอัปสรจะปล่อยไป เธอคิดว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ ฉับพลันนั้นทรงอัปสรก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เพราะเธอยังไม่ได้จัดกระเป๋าใหม่ แสดงว่าเจ้าสิ่งนั้นมันยังคงอยู่ในกระเป๋า"อยู่ไหนนะ""คุณอัปสรหาอะไรเหรอคะ""ลิปสติกน่ะสิคะว่าจะเติมสักหน่อย" เธอแสร้งทำเป็นค้นหาของในกระเป๋าแต่ระหว่างนั้นคนในห้องก็คุยเรื่องวันเกิดของหุ้นส่วนอีกคนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปเรื่องอื่น"ปีนี้มันจะจัดวันเกิดเหรอ" พวกเขาไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวันเกิดมากนักนอกจากครอบครัวจะเป็นคนจัดให้ แต่สำหรับคนที่ไม่มีครอบครัวก็ชวนเพื่อนมาดื่มกินที่บ้านหรือไม่ก็นัดกันที่ร้านอาหาร"มันบอกว่าจะมาสังสรรค์กันที่นี่แหละ""จะปิดร้านเลี้ยงวันเกิดเหรอ""ไม่ได้ปิดแต่มันบอกว่าถ้าลูกค้าคนไหนมาใช้บริการคืนนั้นมันจะเป็นคนเลี้ยงเอง""ไอเดียเจ๋งนี่""
"ที่คุณพูดหมายความว่ายังไงคะ" หญิงสาวตามเขาขึ้นมาข้างบน แต่ยังไม่ถึงห้องทำงานเลยด้วยซ้ำเธอก็อดถามเรื่องนี้ไม่ได้"สวัสดีค่ะท่านรอง" แต่ก่อนที่เขาจะตอบเธอก็ได้ยินเสียงนี้ก่อน"?" ทั้งสองที่เดินตามกันมาหยุดแล้วก็มองคนที่กล่าวสวัสดีเมื่อครู่ ก่อนที่ขุนรามจะหันไปมองดูสายตารินรดา "คุณเป็นใคร""ชะเอมเป็นเลขาคนใหม่ที่มาแทนคุณเอวาค่ะ""เธอไปทำงานแผนกอื่น เปลี่ยนเลขาคนใหม่มา""แต่ชะเอมสอบสัมภาษณ์ผ่านแล้วนะคะ""ตกลงใครเป็นเจ้าของบริษัท""เอ่อ.."เขาไม่รอฟังคำอธิบายก็พาเธอเข้าไปในห้องทำงานก่อน"คุณยังไม่บอกฉันเลย""ผมไม่ได้หาเลขาเองเลยไม่รู้ว่าเขาส่งใครมา""ฉันไม่ได้หมายถึงผู้หญิงคนเมื่อกี้""อ้าวแล้วคุณหมายถึงอะไรล่ะ""เรื่องที่คุณบอกว่าเลขาคนเก่าอยู่โรงพักไงคะ""ไม่ใช่แค่เลขาคนเก่าหรอกที่อยู่โรงพัก ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นตอนนี้อยู่โรงพักทั้งหมด""อะไรนะคะ คุณส่งพวกนั้นให้กับตำรวจเหรอคะ""ข้อหาพยายามฆ่า""พยายามฆ่า?""ใช่ ผมแจ้งความจับทั้งหมดเลย ผมจะไม่ให้ใครทำร้ายคุณได้อีก""อย่าบอกนะคะว่าที่คุณรับสมัครพนักงานใหม่?""อืม" ชายหนุ่มตอบเธอไปโดยการเปล่งเสียงออกมาจากลำคอเบาๆ สายตามองดูผู้หญิ
"อื้อ" สะโพกงามเด้งรับเรียวลิ้นที่ตวัดเลียวนอยู่กึ่งกลางร่อง "อ่ะอ่ะอ่ะมะไม่ไหวแล้วค่ะ"ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางมันก็ยิ่งทำให้เขาเร่งความเร็วที่กำลังทำอยู่ เพราะเขาต้องการเห็นเธอเสร็จก่อนโดยที่ยังไม่สอดใส่และเขาก็ทำได้สำเร็จ ชายหนุ่มค่อยๆ ชักนิ้วออกมาก่อนจะขยี้นิ้วให้เธอเห็นว่าเขาเก่งไหมที่ทำให้เธอหลั่งได้โดยที่ยังไม่เจอไม้เด็ด"ทำบ้าอะไรของคุณ""แต่ก่อนชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ""ยังจำได้อยู่เหรอ นึกว่าจำแต่เรื่องผู้หญิงคนอื่นได้""ผู้หญิงคนอื่นที่ไหนไม่มีหรอก" ขณะที่เอ่ยร่างหนาก็ขยับขึ้นมา ก่อนจะคว้ามือเล็กมาโอบอุ้มความแข็งแกร่งเพื่อให้เธอวัดขนาด และในเวลาเดียวกันเขาก็จับมือเธอรูดชักขึ้นและลง"พูดเหมือนฉันจะเชื่อ"ใบหน้าหล่อคมเผลอเผยรอยยิ้มออกมา แต่ก็รีบซ่อนอาการนั้นไว้"ปล่อยนะ!" ถึงแม้จะรู้ว่าเขาคงไม่เก็บร่างกายตัวเองไว้ใช้แค่กับเธอ แต่ก็อยากได้ยินเขาพูดอะไรออกมาบ้าง แม้ว่ามันจะเป็นคำโกหก"จะจบเกมคนเดียวได้ยังไง แบบนี้ผมก็เคว้งคว้างน่ะสิ""คุณก็ไปปล่อยกับผู้หญิงพวกนั้นสิ""หึงผัวเหรอ""อึบ!" รินรดากัดฟันใช้แรงที่อุ้งมือ"ซี๊ดดดอ๊อยย ถ้ามันขาดจะมีใช้ไหม" ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้ง"ไม่มีก็ไม่ใ
"ถึงแบบนั้นก็เถอะค่ะ ข้อหาพยายามฆ่ามันไม่รุนแรงเกินไปเหรอคะ" เอวาก็เป็นลูกของผู้มีฐานะท่านหนึ่ง ไม่ยอมเจอข้อหาอะไรแบบนี้ง่ายๆ อยู่แล้ว"รุนแรงเกินไป? เธอจะให้ฉันรอจนเมียกับลูกฉันเป็นอะไรไปงั้นเหรอ" ชายหนุ่มหันหน้ามาประชันกับผู้หญิงที่เขาไม่เคยเห็นค่าเลย"แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ถึงยังไงฉันก็ไม่ยอมรับข้อหานี้" ในขณะที่พูดใบหน้าเอวาก็เชิดขึ้นแบบหยิ่งผยอง"แสดงว่าเธอยอมรับแล้วว่าเป็นตัวบงการ คุณตำรวจได้ยินหรือยังครับ""เชิญคุณเอวาไปที่โรงพักด้วยครับ""ฉันยอมรับตอนไหน! คุณแม่คะช่วยเอวาด้วยค่ะ" เอวาที่ถูกตำรวจพาออกไปตะโกนเข้ามาขอให้แม่ของเขาช่วย "ถึงยังไงเอวาก็ไม่ยอมถูกจับ""และก็เชิญพนักงานทุกท่านขึ้นรถด้วยนะครับ" ตำรวจหันมาบอกพนักงานที่อยู่ในที่นี้ทั้งหมด และรถที่ตำรวจเตรียมมาก็คันใหญ่พอที่จะขนคนพวกนี้ไปได้"พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ เราไม่ได้แตะตัวภรรยาของท่านรองเลยค่ะ" ในคลิปกล้องวงจรปิดก็ไม่เห็นว่าคนพวกนี้ทำอะไร แค่มีแต่คำพูดที่วิพากษ์วิจารณ์"นั่นแหละมันคือข้อหาของพวกเธอ เห็นคนถูกทำร้ายร่างกายทำไมไม่ช่วย แถมยังยืนพูดให้ร้าย" เขาไม่คิดจะปล่อยใครไปง่ายๆ แน่ ยิ่งคนยืนมุงนี่แหละสำคัญเล
"ถ้างั้นเอวาขอลงไปรอข้างล่างก่อนนะคะคุณแม่" เอวาคิดว่าลงไปรอข้างล่างดีกว่า ถ้าขุนรามเห็นคงไม่ให้เธอไปด้วยแน่ หรือไม่เขาอาจจะไม่ออกไปเลย"ดีเหมือนกันถ้างั้นหนูไปรออยู่ที่รถนะ" ถึงยังไงเอวาก็เป็นบุตรสาวของเพื่อนรัก ถ้าทั้งสองไม่มีบุญวาสนาต่อกันจริงๆ ยังทิ้งความเป็นเพื่อนไว้อยู่เอวาลงมาข้างล่างก็เห็นว่าพนักงานกำลังยืนมุงอะไรกันอยู่"มีอะไรกัน" เธอเลยรีบเดินตรงไปดู นี่มันยังไม่ไปอีกเหรอ? ออกมาก็เห็นว่าคนที่ถูกมุงอยู่ก็คือรินรดา"คุณเอวามาโน่นแล้ว" พนักงานที่ยืนมองดูกันอยู่ต่างก็ขยับออกให้เอวาเดินเข้ามา"ดูมันสิคะ ยังหน้าด้านหน้าทน""เธอนี่ทนทายาทจริงๆ เลยนะ ใครก็ได้รีบลากตัวมันออกไป" จะปล่อยให้รินรดาอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว เพราะเดี๋ยวอีกหน่อยขุนรามก็จะลงมา"ปล่อยฉันนะ" พอได้รับคำสั่งรปภ.ที่อยู่ตรงนั้นก็รีบมาลากตัวรินรดาออกไป ส่วนเธอไม่ยอมให้พวกนั้นถูกเนื้อต้องตัวได้ง่ายๆ เลยมีการดิ้นรน"แล้วจะมายืนมุงอะไรนักหนาไม่ไปกินข้าวกันหรือไง" เอวาหันไปตะคอกพนักงานที่ยืนมุงกันอยู่"พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาทำกับฉันแบบนี้!" เพราะเธอดิ้นรนจนทำให้เสื้อที่ใส่อยู่ถูกกระชากจนขาดหน่วยรักษาความปลอดภัยที่เป็นผู้ชา
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นอะไรมาก" หลังจากตรวจอาการดูแล้วคุณหมอก็ให้แค่ยาทาแก้ฟกช้ำภายนอก"ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว""คุณจะไปไหน" เขาไม่ได้ขับรถกลับทางเดิมเธอเลยสงสัย"กลับบ้านเรา""กลับบ้าน?" รินรดามองดูทางที่เขาขับไปอีกรอบ ทางนี้ก็ไม่ได้กลับบ้านเธอนี่ "คุณจะพาฉันไปบ้านหลังไหน"[คฤหาสน์ณโยดม]"คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม""ลูกอยู่ที่นี่แล้ว""ทำไมลูกถึงมาอยู่ที่นี่""ผมจะไม่ยอมให้คุณกลับไปทำงานที่เสี่ยงอันตรายแบบนั้นอีก""มันก็ไม่ได้เสี่ยงขนาดนั้น""กี่ครั้งแล้วที่ผมเห็นคุณตกอยู่ในอันตราย แล้วไอ้ที่ผมไม่เห็นล่ะกี่ครั้ง""ฉันจะพยายามดูแลตัวเอง""คุณไม่ต้องพยายามเดี๋ยวผมจะดูแลคุณเอง""คุณก็รู้ว่าฉันกับแม่คุณไม่ค่อย..""ท่านยอมไปตามถึงที่บ้าน คุณไม่รู้เลยหรือไงว่าท่านยอมเราสองคนแล้ว"พอเขาลงจากรถเธอก็ไม่ยอมตามลงไป จนขุนรามเดินมาเปิดประตูรถให้ เธอยังคงนั่งทำหน้าบึ้งตึงอยู่"สงสัยอยากจะให้ผมอุ้ม""อุ๊ยคุณจะทำอะไร ปล่อยฉันลงนะ""อย่าดิ้นเดี๋ยวก็หลุดมือ""ฉันเดินเองได้""อุ้ยคุณผู้ชาย" แม่บ้านได้ยินเสียงรถเลยมาเปิดประตูให้ พอประตูเปิดออกก็เห็นว่าคุณผู้ชายกำลังอุ้มภรรยาอยู่"ปล่อยฉันลงได้หรือยัง" หลังจากที่
"แม่มาทำไมครับ""แกทำไมถามแม่แบบนี้""แม่อย่ามาก่อเรื่องที่นี่ดีกว่าครับ""แกอย่าลืมนะว่าฉันมีลูกแค่คนเดียว และแกก็มีแม่แค่คนเดียวด้วย"รินรดาที่เดินตามหลังเขามายกมือไหว้ท่านแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร และกำลังจะเข้าไปในบ้าน"ฉันอยากคุยอะไรกับแกและก็เมียแกหน่อย"ขุนรามหันมองไปดูเธอที่เดินเข้าไปในบ้านแต่พอได้ยินแม่เขาพูดแบบนั้นเธอก็หยุดแล้วหันกลับมา"แม่จะคุยอะไรครับ""คุยเรื่องของแกนี่แหละ บริษัทก็ไม่รู้จักเข้า ฉันแก่มากแล้วแกจะให้ฉันทำงานไปถึงไหน" หลายวันแล้วที่ลูกชายไม่เข้าบริษัท และนางก็ต้องเป็นคนดูแลเองทั้งหมด"แล้วแม่ทำตามที่ผมขอหรือยังล่ะครับ""ฉันถึงจะมาคุยกับแกอยู่นี่ไง""ถ้างั้นแม่ก็เข้ามาในบ้านก่อนสิครับ" ตอนที่ชวนแม่เข้าบ้านเขาไม่ลืมที่จะมองไปดูหน้าเธอก่อน แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร"นี่ห้องรับแขกเหรอ แล้วทำไมไม่ติดแอร์สักตัว""แม่ครับ" ขุนรามตำหนิแม่"จะไม่ให้ฉันพูดอะไรเลยหรือไง ร้อนๆ แบบนี้หลานฉันอยู่ยังไง""ผมอยู่ในห้องกับแม่ครับ" ขุนเขาเป็นคนตอบคุณย่าเอง ช่วงนี้อากาศร้อนมาก อุณหภูมิถึง 40 องศาเลยแหละ"แม่จะพูดอะไรก็รีบพูดมาสิครับ""ฉันจะมาบอกให้แกกลับไปทำงานที่บริษัท เรื่องนั้นเดี๋ยว