"คุณ!?" ทีแรกคิดว่าข้าวปุ้นเดินตามมา แต่พอได้ยินเสียงปิดประตูแล้วไม่ใช่ข้าวปุ้นแน่ ทรงอัปสรเลยหันกลับไปมองพอเห็นว่าเป็นใครเธอก็รีบถอยไปจนหลังชนกับโต๊ะทำงาน "ถอยออกไปนะ"
พอไม่มีทางถอยต่ออีกฝ่ายก็เดินมุ่งตรงเข้ามาหา จนร่างหนาเบียดเข้ากับร่างของเธอที่พิงอยู่กับโต๊ะทำงานเกือบจะเป็นท่านั่ง "ผมไม่เข้าใจทำไมคุณต้องทำให้ผมเสียอารมณ์ตลอดเลย" "คุณถอยออกไปก่อนสิ" มือเรียวผลักแผ่นอกอีกฝ่ายที่โน้มลำตัวเข้ามาใกล้ให้ออกไป แต่ครั้นจะขยับออกก็ถูกมือเขาล็อกไว้ทั้งซ้ายและขวาของโต๊ะทำงาน "เราจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยหรือไง คุณก็เห็นความสามารถของคนที่ผมหามาแล้ว คลับของเราต้องรีบปรับเปลี่ยนเพื่อเรียกลูกค้า" "แต่ฉันยังไม่เห็น" เขาเคยบอกว่าไม่เห็นความสามารถในตัวอลิส ทรงอัปสรเลยเอาคืนบ้าง "ผมไม่รู้ว่าคุณหลงใหลอะไรในตัวเด็กคนนั้นนักหนา คุณมองไม่เห็นเลยเหรอว่าเธอไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลย" "คนที่คุณพามามีความสามารถพิเศษว่างั้น" "วันนี้ผมจะคุยกับคุณรู้เรื่องไหม" "คนของคุณก็ไม่ได้มีประสบการณ์ในการทำงาน แล้วทำไมคุณถึงมองเห็นความสามารถล่ะ" "เพราะเธอ.." นเรศวรหยุดพูดไว้แค่นี้ มันยิ่งทำให้ทรงอัปสรเชื่อในความคิดของตัวเอง "เพราะเธอคือเด็กของคุณใช่ไหมล่ะ" "เด็ก?" "ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณเลี้ยงเด็กไว้กี่คน แต่ฉันคิดว่าเด็กของคุณไม่จำเป็นต้องมาทำงานก็ได้มั้ง" นเรศวรเพิ่งเข้าใจความคิดของเธอ "คุณพูดเหมือนกำลังหึงผมเลย" "ใครจะไปหึงคุณ!" "อย่าบอกนะว่าผมตกคุณสำเร็จแล้ว" ชายหนุ่มไม่พูดเปล่ายังยื่นริมฝีปากเข้าไปใกล้จนแทบจะสัมผัสถึงลมหายใจของอีกฝ่าย จังหวะนั้นทรงอัปสรกำลังจะกำจัดจุดอ่อนเขาอีกรอบ แต่ก็ไม่ง่ายเพราะร่างของเขาอยู่ติดกับร่างเธอเกินไป "นี่ขนาดยังไม่ได้จัดนัดกระชับมิตร คุณยังมีท่าทีหึงหวงในตัวผมแล้ว" ไอ้บ้าเอ้ย มั่นหน้ามั่นโหนกขนาดนั้นเลยเหรอ ก๊อกๆ "คุณหนูคะ คุณหนูเปิดประตูให้ข้าวปุ้นหน่อยค่ะ" ทีแรกข้าวปุ้นคิดว่าคุณหนูยังไม่จบการประชุม แต่พอเห็นอลิสออกมาเลยถามหาคุณหนู ได้ความว่าเธอออกมาจากห้องประชุมพร้อมกับเสี่ยนเรศ "ข้าวปุ้น" ห้องผู้บริหารและห้องประชุมเป็นห้องเก็บเสียง ถ้าไม่ตะโกนใกล้ประตูจริงๆ ด้านในจะไม่ได้ยินเสียง ส่วนคนที่อยู่ด้านในตะโกนออกไปให้ตายคนด้านนอกก็ไม่ได้ยิน เพราะเสียงที่ดังอยู่แล้วแถมยังเป็นห้องเก็บเสียงอีก "ปล่อยนะ" จังหวะที่ทรงอัปสรดิ้นรนก็ถูกอีกฝ่ายจับกดลงกับโต๊ะทำงาน "ปากหายแล้วนี่ คงจูบได้แล้วใช่ไหม" "คนเลว ไอ้คนฉวยโอกาส ไปตายซะ!" หญิงสาวพยายามเบือนหน้าหลบริมฝีปากอีกฝ่ายที่โน้มลงมาเหมือนจะจูบ แต่เขาก็ดูไม่ค่อยจริงจังนัก ถ้าเขาคิดจะจูบจริงๆ มีหรือแรงแค่นี้จะหยุดเขาได้ ชั่วขณะเดียวกันคนที่อยู่ด้านบนก็ขยับตัวออก เพราะวันนี้เขาอยากจะคุยกับเธอแบบจริงจัง "คุณหนูแบบคุณคงถูกตามใจจนเคยชินสินะ ถึงไม่ยอมฟังความคิดเห็นของใครเลย" "คุณก็คงเคยใช้แต่กำลังจนเคยชิน ไม่สนว่าใครเขาจะยอมหรือไม่ยอม" หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วก็เดินถอยออกมาให้ห่างจากตัวอันตรายแบบเขา "คุณหนูคะถ้าคุณหนูไม่เปิดประตูข้าวปุ้นจะโทรเรียกตำรวจแล้วนะคะ" คิดอะไรไม่ได้ก็เอาตำรวจนี่แหละมาขู่ ป่านนี้คุณหนูจะเป็นยังไงบ้าง ได้ยินว่าคนข้างนอกจะเรียกตำรวจแล้วนเรศวรเลยเดินไปเปิดประตู เพราะเขาไม่อยากให้ตำรวจเข้ามาวุ่นวายกับที่นี่ "คุณหนูเป็นยังไงบ้างคะ" ข้าวปุ้นกำลังจะเข้ามาดูแต่ถูกคนที่ยืนอยู่หน้าประตูขวางไว้ "ฉันกำลังคุยกับคุณหนูเธออยู่ ไม่ต้องเข้ามาวุ่นวาย" "คุณหนูคะ" ข้าวปุ้นยังคงชะโงกหน้ามองเข้าไปดูโดยที่ไม่สนใจคำพูดของคนที่ยืนขวางประตูอยู่เลย "ถ้าอีกสิบนาทีฉันไม่ออกไปก็เรียกตำรวจได้เลยนะ" เธอให้เวลาเขาพูดสิบนาทีถ้ารีบออกไปตอนนี้เดี๋ยวเขาหาว่ากลัว "ค่ะ" ข้าวปุ้นยังคงยืนอยู่หน้าประตู รอเวลาให้ถึงสิบนาที "สิบนาทีจะคุยอะไรกันรู้เรื่อง ผมคุยกับคุณมานี่กี่เดือนแล้ว" "นั่นหมายความว่าคุณก็ไม่มีความสามารถ" "ก็ได้ถ้าโปรเจคนี้คุณไม่ยอมรับผมจะให้รดาร่างโปรเจคใหม่ขึ้นมา" "โปรเจคเก่ายังทำไม่สำเร็จเลยจะรีบทำใหม่ไปไหน" จริงๆ ทรงอัปสรก็สนใจงานของรินรดาแต่เพียงแค่เธออยากจะเอาชนะ "ตกลงคุณจะเอายังไงกันแน่" "ก็ลองให้ผู้หญิงของคุณทำโปรเจคเดิมไปก่อนสิ" "คุณไม่กลัวว่ามันจะเป็นงานก๊อปคนอื่นเหรอ" "ฉันได้ยินว่าผู้หญิงของคุณจะทำให้แตกต่าง แค่ยกตัวอย่างฉันอนุญาตให้ทำต่อก็ได้" นเรศวรยกนาฬิกาข้อมือราคาแพงขึ้นมาดูเหลือเวลาอีกแค่สองนาที เขาเลยหันกลับไปแล้วเปิดประตู ..อีกฝ่ายที่ยืนรออยู่หน้าประตูจับโทรศัพท์แน่นเลย แถมหน้าจอของโทรศัพท์โชว์หมายเลขที่ต้องการจะกดโทรออกไว้ด้วย "คุณหนูคะ" หลังจากที่ประตูเปิดออกข้าวปุ้นก็รีบเข้ามาด้านใน "คุณหนูเป็นยังไงบ้างคะ" "ฉันไม่เป็นอะไรขอบใจข้าวปุ้นมากนะ" "ข้าวปุ้นขอโทษที่ไม่ได้อยู่กับคุณหนูตลอดเวลานะคะ" "มันไม่ใช่ความผิดของข้าวปุ้นหรอก" "มึงยืนทำอะไรอยู่ทำไมไม่จัดการวะ" นเรศวรอารมณ์เสียกับคนของทรงอัปสรมาก พอออกมาก็ตำหนิทันน์ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู "จะให้ผมจัดการยังไงครับ" "ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกมึงจะลากไปทำอะไรก็เอาไป เสียอารมณ์!" ทันน์และตุนท์เป็นฝาแฝดกันก็จริงแต่นิสัยคนละเรื่องเลย ทางด้านทันน์จริงจังกับงานมาก และไม่เคยอ่อนข้อให้ใคร ถ้าเจ้านายสั่งอะไรมาก็จะได้แบบนั้น ส่วนตุนท์เป็นผู้ชายที่สาวๆ หลายคนชอบ "อะไรนะคะ" รินรดาถูกเรียกตัวเข้ามาหาในห้องทำงานของผู้บริหาร "ทำไมตอนอยู่ในห้องประชุมเหมือนคุณอัปสรจะไม่ชอบงานรดาเลยล่ะคะ" "กลัวเสียหน้าน่ะสิ" "กลัวเสียหน้า? สองคนมีอะไรกันหรือเปล่าคะเนี่ย" "จะมีอะไรล่ะ" "แน่ใจนะคะ" "ไปทำงาน!" "ทำไมต้องดุด้วย" ก่อนจะเดินออกไปรินรดาปิ๊งไอเดียอะไรขึ้นมาอย่างหนึ่ง เธอหัวไวแบบนี้แหละนเรศวรถึงได้เรียกตัวให้กลับมาช่วยงานนี้ "คุณหนูจะกลับแล้วหรอคะ" ข้าวปุ้นเห็นว่ายังเหลืออีกเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเลิกงาน แต่คุณหนูเก็บของจะกลับแล้ว "ช่วงนี้ฉันต้องกลับเร็วหน่อย" ถ้าเธอกลับพร้อมกับอีกฝ่ายเปอร์เซ็นต์สูงมากที่จะเจอกันอยู่คอนโด ทรงอัปสรเลยชิงกลับก่อน เพราะถ้าจะกลับทีหลังคงต้องทิ้งเวลาอีกเป็นชั่วโมง "ให้ข้าวปุ้นไปพักด้วยไหมคะ" "ไม่ต้องหรอกอยู่บ้านนั่นแหละดีแล้ว จะได้คอยเป็นหูเป็นตาให้ฉันด้วย" เพราะมีข้าวปุ้นอยู่บ้านนั่นแหละเธอถึงไม่เป็นห่วงพ่อมากนัก "เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ" เพราะมันเป็นคำสั่งข้าวปุ้นถึงยังกล้ำกลืนฝืนทนอยู่ที่บ้านหลังนั้น การงานและเงินที่เก็บไว้ก็พอจะมีออกมาตั้งหลักปักฐานใหม่แล้ว แต่เพราะคำสั่งของคุณหนูเธอเลยต้องยอมอยู่ที่นั่นต่อ ถึงแม้ว่าคนที่บ้านหลังนั้นจะไม่ชอบหน้าเธอเลย กลับเข้ามาในห้องทรงอัปสรก็มีเวลามากกว่าเดิมเพราะเธอกลับก่อนเวลา เลยใช้เวลานี้มาร์คหน้าบำรุงผิว แช่น้ำนมก่อนจะเข้านอน "ไม่ต้องตามขึ้นไป พวกมึงกลับเถอะ" หลังจากที่ลูกน้องมาส่ง นเรศวรก็สั่งให้กลับไป ที่จริงเขาไม่ได้พักที่นี่ตลอดเพราะเป็นแค่ที่ที่ซื้อไว้เพื่อทำอะไรบางอย่าง ที่ที่เขาพักจริงๆ คือ safe house ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง นเรศวรไม่ลืมที่จะชำเลืองมองไปดูประตูของห้องข้างๆ ก่อนหน้านี้ที่จะเข้าห้องเขาต้องคอยระวัง ไม่ให้ห้องข้างๆ เห็น แต่ช่วงหลังมากลับกันอีกห้องต้องคอยระวังไม่ให้เขาเห็น วันต่อมาที่คลับ.. "คุณหนูคะห้องประชุมรอคุณหนูอยู่ค่ะ" "วันนี้มีประชุมอะไร" "เป็นโปรเจคของคุณรินรดาค่ะ" "เสร็จแล้วเหรอ" "ไม่รู้เหมือนกันค่ะ" ทรงอัปสรส่งของในมือให้กับข้าวปุ้นเอาไปเก็บในห้องทำงานก่อน แล้วเธอก็เดินไปทางห้องประชุม นเรศวรยังนั่งทำมาดขรึมอยู่เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามา เขาเคยพูดเชิญเธอนั่งแล้วแต่ก็ถูกตอกกลับ เลยไม่พูดดีกว่า "เชิญคุณนั่งก่อนสิคะ" แต่ทันใดนั้นคนที่เชิญนั่งก็คือรินรดา สายตาของนเรศวรรีบตวัดมองไปดู ว่าเธอจะพูดเหมือนที่พูดกับเขาไหม เพราะวันนั้นเธอบอกว่าเธอคงไม่ยืนคุยงานให้เมื่อยหรอก แต่ทรงอัปสรก็ไม่ได้พูดอะไร เธอขยับเก้าอี้ออกแล้วก็นั่งลง "ฉันจองโต๊ะอาหารที่โรงแรมไว้ให้พวกคุณสองคนแล้วนะคะ" "จองโต๊ะอาหาร?//จองทำไม" ทั้งสองถามแทบจะพร้อมกัน "คลิปวีดีโอสั้นๆ พวกคุณอาจจะมองไม่เห็นภาพ ฉันอยากให้พวกคุณไปสัมผัสด้วยตัวเองค่ะ" "โรงแรมนั้นฉันเคยไปมาแล้ว" ทรงอัปสรพูดแบบเย็นชา หรูกว่านั้นที่ต่างประเทศเธอก็เคยไปใช้บริการมาแล้ว "คุณอาจจะเคยไปค่ะ แต่คุณคงไปทานข้าวเฉยๆ แต่ครั้งนี้ฉันอยากให้คุณไปสังเกตตามข้อมูลที่ฉันเขียนไว้" "ทำไมฉันต้องไปกับเขาด้วย" เพราะเรื่องแค่นี้เธอไปคนเดียวก็ได้ "พวกคุณเป็นหุ้นส่วน เป็นผู้บริหาร เป็นคนที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ เหตุผลนี้เพียงพอหรือยังคะ" "ฉันต้องไปวันไหน" "วันนี้ค่ะ" "วันนี้?" _______________________ Set มาเฟียมีทั้งหมด 5 เรื่องค่ะ (๑) สิงขร [มาเฟียร้ายรัก] (๒) สมิงดำ [มาเฟียร้ายรัก] (๓) นเรศวร [มาเฟียร้ายรัก] (๔) เจ้าเวหา [มาเฟียร้ายรัก] (๕) นรสิงห์ [มาเฟียร้ายรัก] เลือกอ่านคู่ไหน ก็ได้นะคะเพราะว่าแยกคู่พระนางชัดเจน แต่เรื่องแรกเริ่มที่สิงขรค่ะ"ขึ้นรถสิ""ใครบอกว่าฉันจะไปรถคันเดียวกับคุณ" จะพาข้าวปุ้นมาด้วยก็ไม่ได้เพราะคนนั้นงานเยอะมาก ถ้าจะชวนอลิสมามันก็เป็นงานของรินรดา แต่คงไม่เป็นไรหรอกเพราะโรงแรมคนก็เยอะมันคงไม่กล้าทำอะไรเธอหญิงสาวเดินสะบัดสะโพกผ่านรถหรูของมาเฟียหนุ่มไปที่รถอีกคัน รถของเธอก็หรูไม่ต่างกันช่วงนี้ยังหัวค่ำอยู่และรถบนท้องถนนก็กำลังติดกว่าจะมาถึงโรงแรมใช้เวลาอยู่พอสมควร ทรงอัปสรมาถึงก็เห็นว่าเขานั่งรออยู่โต๊ะที่จองไว้แล้วพนักงานเสิร์ฟเห็นลูกค้าเดินตรงมาที่โต๊ะก็รีบขยับเก้าอี้ให้นั่ง"ขอบคุณค่ะ" ทรงอัปสรหยิบเอกสารที่ได้มาจากรินรดาออกมาดู เพราะเธอทำหน้าที่ขับรถเองเลยไม่มีเวลาอ่านเหมือนอีกคนขณะที่เธออ่านเอกสารอยู่ก็สังเกตได้ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเอาแต่จับจ้องมาที่เธอ หญิงสาวเลยเหลือบตามองไปดู"หน้าฉันมีอะไรน่ามองขนาดนั้น""คุณว่าอะไรนะ" ดวงตาคมคู่นั้นขยับมองมาที่เธอ"ฉันเห็นคุณมองฉันนานแล้วนะ""คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ผมมองสาวสวยที่อยู่ด้านหลังคุณต่างหาก"ทรงอัปสรหันขวับกลับไปมองด้านหลังด้วยใบหน้าที่ชาเล็กน้อยพอเธอหันกลับมาก็เห็นว่าเขายกแก้วไวน์ขึ้นเหมือนเชื้อเชิญผู้หญิงคนที่อยู่ด้านหลังชนแก้ว"พ่อรูปหล
"คุณอัปสร?" ไม่ได้ตกใจแค่อลิส รินรดาที่อยู่ในห้องด้วยก็ตกใจ ส่วนทางด้านนเรศวรยังคงนิ่ง"ไม่เป็นไรหรอกฉันทำได้" เธอผ่านมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำแล้ว เมืองหนาวเธอก็เคยอยู่มาตั้งหลายปีแค่นั้นคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง"ดีเลยค่ะถ้างั้นรดา..""ไม่ได้!" รินรดายังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำนเรศวรก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน เพราะเขารู้ว่ารินรดาจะเสนอตัวใส่ชุดว่ายน้ำอีกคน จนคนที่อยู่ในห้องประชุมหันไปมองแทบจะพร้อมกัน"หวังว่า Project นี้คงจะผ่านนะคะ" พวกเขาจะมีอาการหึงหวงกันมันก็เรื่องของเขาสิ แล้วเธอก็ไม่ได้หวังให้ผู้หญิงของเขามาช่วยงานด้วย แต่ตอนนี้เธอสนใจงานของอลิสอยากช่วยอีกฝ่ายให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีมากกว่ารินรดาเห็นว่านเรศวรไม่ตอบเรื่อง Project งานของอลิส เธอเลยหันมองไปจิกตาใส่"ลองดูก็ได้"หึ.. และการกระทำของทั้งสองก็อยู่ในสายตาทรงอัปสรเห็นแล้วก็อยากจะขำ เขาคงจริงจังกับผู้หญิงคนนี้มากสิท่า อยากเห็นนักถ้ารถไฟชนกันจะเป็นยังไง แค่คิดก็สนุกแล้ว"ขอบคุณคุณอัปสรมากนะคะ" ออกมาจากห้องประชุมอลิสก็ไหว้ขอบคุณทรงอัปสร"จะขอบคุณฉันทำไม ถ้ามันได้ผลมันก็เป็นผลดีกับที่นี่"ทีแรกอลิสไม่มั่นใจหรอกแต่ได้ยินว่าทรงอัปสรจะเป็นคนประเ
"แต่เรื่องนี้คุณรดาจะบอกใครไม่ได้นะคะ""รดาไม่บอกใครหรอกค่ะ""ส่วนเรื่องชุดว่ายน้ำ..""เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เดี๋ยวรดาเตรียมมาเอง""มันเป็นความลับสุดยอดนะคะ" ก่อนแยกจากกันทรงอัปสรยังไม่วายที่จะเน้นย้ำคำนี้ เพราะถ้าผู้ชายของรินรดารู้ก็คงจะห้ามไม่ให้ทำแน่"มีอะไรน่ายินดีคะ" ข้าวปุ้นเห็นคุณหนูเดินยิ้มหน้าบานเข้ามาในห้องทำงานเลยถามดู"เรานี่ก็ขี้สงสัยจังเลยนะ""คุณหนูอย่าไปทำอะไรแผลงๆ อีกนะคะ จบเรื่องนี้แล้วถ้าจะทำอะไรคุณหนูต้องปรึกษาข้าวปุ้นก่อนนะคะ""ตกลงฉันมีเพื่อนหรือมีแม่เพิ่มกันแน่เนี่ย""คุณหนูอย่าพูดแบบนั้นสิคะ" พูดถึงเรื่องแม่ของคุณหนู ข้าวปุ้นก็อดคิดถึงนายหญิงไม่ได้ เพราะนายหญิงรับเธอมาชุบเลี้ยงเธอถึงได้มีที่อยู่ ได้ร่ำเรียนจบสูงๆ แถมยังมีงานดีๆ ทำ ก่อนตายนายผู้หญิงยังไม่ลืมที่จะฝากข้าวปุ้นให้ดูแลทรงอัปสรให้ดี"ข้าวปุ้นเป็นอะไรฉันยังไม่ได้ว่าอะไรให้เธอเลย" คุยกันอยู่ดีๆ อีกฝ่ายก็เช็ดน้ำตาสะงั้น"คุณหนูอย่าเอาข้าวปุ้นไปเปรียบกับนายผู้หญิงอีกนะคะ""ฉันไม่ได้เปรียบ ฉันแค่ยกยอเธอว่าเธอดีกับฉันเหมือนแม่เลย""แบบนั้นก็ไม่ได้ค่ะ""เธอนี่จริงจังกับชีวิตเกินไปแล้วนะ สงสัยฉันต้องห
เสียดายความรู้สึก อุตส่าห์มองว่าพวกเขาดูดีแต่ที่ไหนได้เป็นพวกเดียวกับไอ้หมอนั่น ว่าแต่คนพวกนี้เป็นอะไรกับมัน เท่าที่มองไม่น่าจะเป็นลูกน้องแต่มันเห็นเราแล้วจะทำยังไงดี หวังว่ามันคงไม่ไปเล่าให้กันฟังนะ โอ๊ยอยากจะบ้าตาย ทำไมฉันต้องใช้ชีวิตอะไรยากๆ แบบนี้ด้วย ..ว่าจะนอนเอาแรงคืนนี้สักหน่อยเล่นนอนไม่หลับเลย แต่ถึงยังไงก็ต้องนอนให้หลับถ้าไม่งั้นไม่มีแรงทำงานแน่เลยเราหญิงสาวพยายามสุดขีดที่จะบังคับตัวเองให้หลับ และเธอก็ทำได้สำเร็จ ตื่นมาอีกทีบ่ายคล้อยแล้วทรงอัปสรงัวเงียตื่นขึ้นมาเดินไปเปิดตู้เย็นดู เธอไม่ได้ซื้อผักผลไม้และอาหารสดมาใส่ตู้เย็นหลายวันแล้วเพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงาน วันนี้จะออกไปซื้อก็คงไม่ทัน เพราะต้องแต่งหน้าทำผมให้สวยเป็นพิเศษหน่อยหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เธอเลยออกไปหาอะไรทานง่ายๆ และจะแวะไปร้านเสริมสวยด้วย"เฮ้ยนั่นสาวข้างห้องมึงนี่หว่า""มึงจะทำอะไร""ว่าจะไปสานสัมพันธ์สักหน่อย""ออกรถ!" จังหวะที่ขุนรามเปิดประตูรถนเรศวรก็สั่งให้คนขับออกตัว อีกฝ่ายเลยต้องรีบปิดประตูที่กำลังเปิด"มึงเป็นบ้าอะไรวะ เกือบกูตกรถแล้วไหมล่ะ""พวกมึงเล่นอะไรกัน แล้วทำไมมึงต้องหอบกูมาด้วย" ผ
"โอ้แม่เจ้า" ขุนรามมองแทบไม่กระพริบตา ในกลุ่มนั้นไม่ใช่แค่ขุนรามหรอกที่จ้องแบบเอาเป็นเอาตาย เพราะทุกคนต่างก็จ้องมอง ..ไม่มองน่ะสิแปลกคนคงหาว่าไม่ใช่ผู้ชายแท้กูเป็นโรคหัวใจหรือเปล่าวะ นเรศวรแปลกใจอยู่ดีๆ หัวใจของเขาก็เต้นรัวเหมือนคนเป็นโรคหัวใจเลยพอเธอเดินมาถึงสระว่ายน้ำขาเรียวก็ก้าวเหยียบขึ้นไปตรงที่เป็นบันไดของสระ เสียงดนตรีและเสียงเพลงก็ยังคงขับร้อง แต่ทุกคนไม่ได้หันไปให้ความสนใจกับสิ่งนั้นเลยพอก้าวขึ้นไปจนถึงขั้นบนสุดทรงอัปสรก็หมุนหันไปรอบๆ เพื่อโชว์หุ่นอันเร่าร้อนของเธอ แต่เธอก็พยายามระวังตัวไม่ให้ตก พอเธอโชว์ลวดลายการหมุนตัวบนขอบสระแล้วขาเรียวก็ค่อยๆ วางลง ไปในน้ำเบาๆ แบบระมัดระวังสระว่ายน้ำทำสูงขึ้นจากพื้นแค่เมตรเดียว และน้ำก็อยู่ระหว่างต้นขาขาวของเธอนี่เองผู้ชายที่เริ่มจะทนไม่ไหวต่างก็ขยับเข้ามาใกล้ แต่บอดี้การ์ดก็พยายามคุมสถานการณ์ไว้"ทำไมคุณหนูต้องใส่ชุดโป๊ขนาดนี้ด้วย" ข้าวปุ้นยืนกอดเสื้อคลุมของอัปสรไว้แน่น ถ้าหมดเวลาโชว์เธอจะได้รีบเอาชุดคลุมนั้นสวมปิดร่างกายให้กับคุณหนูทรงอัปสรลงไปในน้ำเธอก็ไม่ได้ยืนอยู่เฉยๆ เธอย่างก้าวไปตามความยาวของสระเหมือนว่ากำลังเดินแบบอยู่บนรัน
"แล้วมึงจะตามกูเข้ามาทำไม" นเรศวรบ่นให้ขุนรามเพราะเดินตามหลังมาต้อยๆ เลย"กูก็จะมาดูไงว่าสาวข้างห้อง.."ทรงอัปสรตกใจกลัวเรื่องที่เธออยู่ข้างห้องของนเรศวรจะถูกเปิดเผย หญิงสาวรีบหันมองไปดูเพื่อนของเขาก่อนจะขอความช่วยเหลือโดยการส่ายหน้าเป็นสัญญาณบอกว่าอย่าพูดเรื่องนี้ ..และตอนนั้นนเรศวรก็สังเกตเห็นเหมือนกันว่าเธอกำลังขอให้เพื่อนของเขาช่วยปิดบังเรื่องนี้"เอ่อ.. กูตามมาดูคุณคนสวยน่ะสิวะ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกัน" ขุนรามแก้คำพูดให้ และก็แอบแปลกใจ เธอไม่รู้เหรอว่าไอ้เพื่อนรักของเขารู้แล้วว่าเธออยู่ห้องนั้น"คุณจะทำอะไร" อยู่ดีๆ นเรศวรก็ถอดรองเท้าเธอออกมาดู"ทำไมมันถึงหักได้" รองเท้ายี่ห้อนี้ครึ่งแสนได้มั้ง ใส่เดินลงน้ำแค่นี้ทำไมถึงหักได้"ไหนกูดูซิ" ขุนรามหยิบรองเท้าคู่นั้นมาดู ส่วนทางด้านข้าวปุ้นพยายามเอาผ้าคลุมร่างของคุณหนูของเธอไว้อย่างมิดชิดเลย "เหมือนรอยถูกเลื่อยเลย""ไหนคะ" ทรงอักษรขอดูรองเท้าที่ขุนรามบอกว่ามันเหมือนถูกเลื่อย"ตอนซื้อมาคุณดูดีไหม" นเรศวรเป็นคนถามต่อ"ดูดีสิ""แล้วคุณเก็บรองเท้าไว้ที่ไหน" เขาพยายามคิดดูว่ามีคู่แข่งทางธุรกิจไหม เพราะการแสดงโชว์ของคลับเป็นที่สนใจของลูกค้าใ
"เป็นยังไงบ้างครับนาย""จะเป็นยังไงล่ะ กระดูกไม่ร้าวก็ดีเท่าไรแล้ว" ถึงแม้ว่าจะไม่ร้าวแต่มือของเขาก็มีผ้าพันแผลพันรอบไว้เพราะช่วงนี้จะได้รับแรงกระทบกระเทือนไม่ได้"เจ้านายจะกลับคอนโดก่อนไหมครับ""จะกลับทำไมเพิ่งหัวค่ำเองกลับไปทำงานก่อน""แต่เจ้านายเจ็บ""เจ็บแค่นี้เอง" ทีแรกกลัวว่ากระดูกจะแตกเลยมาหาหมอ ..กี่ครั้งแล้วที่ต้องมาหาหมอเพราะผู้หญิงคนนี้ว่าจะเอาคืนแต่เจอทุกดอกตุนท์ขับรถพาเจ้านายกลับมาที่คลับ.."เสี่ยขา" อุ๋งอิ๋งที่มารออยู่แล้วเห็นเสี่ยเดินเข้ามาก็รีบเข้ามาหา"ใครให้เธอมา" วันนี้เขาไม่ได้ให้คนไปรับเธอมา"เสี่ยไม่ได้ไปหาอุ๋งอิ๋งหลายวันแล้วนี่คะ""เธอเลยมาหาฉันที่นี่?" นเรศวรมีท่าทีไม่ชอบใจเอามากๆ เพราะเธอทำเกินหน้าที่ของตัวเองทรงอัปสรที่ออกมาดูงานมองไปเห็นแต่ไกลว่าเขากลับมาแล้วเลยจะเข้ามาถามดูอาการ เพราะได้ยินทันน์บอกว่าตุนท์พาเจ้านายไปหาหมอ แต่พอเดินเข้ามาถึงเห็นว่าเขากำลังคุยกับเด็กของเขาอยู่"แสดงว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ยังมีแรงเรียกเด็กมาหาได้" หญิงสาวหยุดมองเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านไป แต่พอเดินยังไม่ถึงไหนก็มองไปเห็นรินรดาเดินมาทางนี้พอดี "งานนี้สงสัยสนุกแน่เลย""ถ้าไม่มีคำสั
"คุณจะมามีอารมณ์อะไรกับฉันปล่อยฉันนะคุณนเรศ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนชื่อให้คุณ""เปลี่ยนชื่อให้ผม?""ฉันบอกให้ปล่อยไง""คุณจะเปลี่ยนชื่ออะไรให้ผม""อย่ารู้เลยดีกว่า""อยากรู้แล้วสิ" ชายหนุ่มขยับใบหน้าเข้าไปใกล้เหมือนจะจูบ แต่ริมฝีปากยังไม่แตะถูกผิวอีกฝ่ายเลยเข่าอรหันต์ของเธอก็เด้งขึ้นมา"โอ๊ยปล่อยฉันนะ"แต่เขาจับทางเธอได้หมดแล้วไม่มีวันสะหรอกที่จะปล่อยให้เธอทำแบบเดิมได้อีกทรงอัปสรเหลือบตามองดูมือข้างที่เขาจับมือเธอกดไว้กับผนังห้อง มือข้างนั้นมีผ้าพันแผล ในเมื่อเล่นงานจุดอ่อนมันไม่ได้ก็เล่นงานตรงที่มันเจ็บนี่แหละ ..หญิงสาวเลยใช้แรงที่มีอยู่บิดมือตัวเองเพื่อให้มือของเขาได้รับแรงกระทบไปด้วย"โอ๊ยยย ปล่อย!" แต่เกินความคาดหมายของเธอถึงแม้เขาจะเจ็บแต่เรี่ยวแรงเขาก็มีมากกว่า มือเรียวที่ใช้บิดอยู่เมื่อครู่ถูกอีกฝ่ายจับกดในท่าบิดเธอเลยร้องเจ็บ"ฉันอยากจะดูซิว่าเธอจะงัดไม้ไหนมาอีก" ขาก็ถูกหนีบล็อกไว้ แขนทั้งสองข้างก็ถูกพันธนาการไว้กับผนังห้อง"อย่าบังคับให้ฉันต้องเปลี่ยนชื่อให้คุณนะ!" คนตัวเล็กกัดปากกัดฟันพูด "ถ้าคุณยอมปล่อยฉันจะไม่เปลี่ยน""หึหึ ก็แค่เปลี่ยนชื่อ คุณจะเปลี่ยนเรียกผมว่าที่รักเหรอ""
ขุนราม [มาเฟียร้ายรัก] บทที่ 97 ตอนจบเธอไม่รู้หรอกว่าท่านให้มาบริษัททำไม แต่รินรดาก็แต่งตัวเรียบร้อยให้ดูเป็นหน้าเป็นตาของสามีตอนที่เขาพาเธอเดินเข้ามาพนักงานต่างก็ทำความเคารพกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา"เข้ามาด้วยกันสิคะ" หญิงสาวเห็นว่าพนักงานยืนรอลิฟต์กันหลายคน พอเธอกับสามีเดินเข้ามาพนักงานก็ไม่กล้าเข้ามาด้วย"เอ่อ..""เข้ามาสิ" จริงๆ ตอนที่เขาใช้ลิฟต์ไม่มีใครกล้าใช้ด้วย แต่พอท่านรองประธานอนุญาตให้เข้าพนักงานก็เข้าไปแต่ก็เข้าไม่กี่คนรินรดาขยับให้พนักงานยืนกันจนหลังเธอพิงเข้ากับร่างของขุนราม เขาเลยเอื้อมมือมาโอบเอวเธอไว้ พนักงานไม่ได้หันไปมองหรอกแต่มองผ่านผนังของลิฟต์ที่เป็นกระจก เห็นภาพนั้นแล้วต่างก็อมยิ้มไปตามๆ กันจนลิฟต์มาเปิดที่ชั้นผู้บริหาร ส่วนพนักงานออกไปก่อนหน้านั้นแล้ว"ไปห้องทำงานผมก่อน" เขาคิดว่าห้องประชุมคงยังไม่เรียบร้อย ค่อยพาเธอไปทีหลังแล้วกันแต่พอเข้ามาในห้องทำงานไม่นานเลขาก็มาตามให้เข้าห้องประชุมห้องประชุมใหญ่ของบริษัทณโยดม.."มานั่งนี่สิ" รัตติกาลที่นั่งตำแหน่งประธานบริษัทแทนสามีที่เสียไป เรียกให้ลูกชายมานั่งประจำที่ของนาง"ครับ?" ทุกครั้งที่เขาจะนั่งตรงนั้นก็ตอนท
คืนนั้นที่บ้านณโยดม..ก๊อกๆ "ที่รักครับ เปิดประตูให้ผัวหน่อย""คุณไปนอนห้องอื่นเลยค่ะฉันจะนอนกับลูก""คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ" ชายหนุ่มไม่ได้พูดเสียงดังเพราะกลัวแม่จะได้ยินว่าเธอไม่ให้เขาเข้าห้องด้วย"ถ้าคุณยังพูดอยู่แบบนี้เดี๋ยวลูกก็ตื่น" ขุนเขาเข้ามารอแม่ตั้งแต่เล่นกับคุณย่าเสร็จแล้ว จนตอนนี้แกนอนหลับรออยู่ในห้อง พี่เลี้ยงที่ดูแลก็ออกไปตอนที่เห็นคุณผู้หญิงกลับมา พอเข้ามาในห้องเธอก็จัดการล็อกห้องไม่ให้เขาตามเข้ามาได้"ไหนเราเคลียร์กันรู้เรื่องแล้วไง เปิดประตูให้ผมหน่อยนะ""รู้เรื่องแค่คุณน่ะสิคะ จำไว้ว่าอย่าทำแบบนี้อีก" ตอนที่รู้ว่าพี่ชายเปลี่ยนยาคุมกำเนิดเป็นยาบำรุงให้กับทรงอัปสรเธอก็รู้สึกโมโหมากพออยู่แล้ว พอมาเจอกับตัวยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดุด่าว่ากล่าวเขามากมายแต่เธอต้องดัดนิสัยเขาบ้าง จะได้ไม่มีความคิดแผลงๆ แบบนี้อีก"คุณเมียครับ พรุ่งนี้ผัวต้องไปทำงาน""ก็ไปนอนห้องอื่นสิคะ" ในใจก็แอบรู้สึกสงสาร เพราะเขาต้องรับผิดชอบบริษัทที่ใหญ่โต ผ่านไปสักพักรินรดาก็รู้สึกว่าด้านนอกเงียบไปแล้ว เธอเลยเดินมาเปิดประตูดู "อุ้ยคุณ"เธอประเมินความอดทนของเขาต่ำไป เขารู้ว่าถ้าเงียบเธอต้องม
"ดูเหมือนคุณจะตกใจจังเลยนะคะ มีอะไรหรือเปล่า""ปะเปล่าา ผมจะมีอะไรล่ะก็นั่นน้องสาวผม""ไม่มีอะไรแน่นะคะ" เธอรู้ว่าเขาเป็นคนเจ้าแผนการ แถมสายตาที่มองเพื่อนดูมีพิรุธมันต้องมีอะไรแน่"อีกสามวันก็เป็นวันเกิดหุ้นส่วนอีกคนแล้ว" นเรศวรรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะถ้าไม่งั้นเขาคงถูกจับได้แน่ว่ามีส่วนร่วมแต่มีหรือที่ทรงอัปสรจะปล่อยไป เธอคิดว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ ฉับพลันนั้นทรงอัปสรก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เพราะเธอยังไม่ได้จัดกระเป๋าใหม่ แสดงว่าเจ้าสิ่งนั้นมันยังคงอยู่ในกระเป๋า"อยู่ไหนนะ""คุณอัปสรหาอะไรเหรอคะ""ลิปสติกน่ะสิคะว่าจะเติมสักหน่อย" เธอแสร้งทำเป็นค้นหาของในกระเป๋าแต่ระหว่างนั้นคนในห้องก็คุยเรื่องวันเกิดของหุ้นส่วนอีกคนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปเรื่องอื่น"ปีนี้มันจะจัดวันเกิดเหรอ" พวกเขาไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวันเกิดมากนักนอกจากครอบครัวจะเป็นคนจัดให้ แต่สำหรับคนที่ไม่มีครอบครัวก็ชวนเพื่อนมาดื่มกินที่บ้านหรือไม่ก็นัดกันที่ร้านอาหาร"มันบอกว่าจะมาสังสรรค์กันที่นี่แหละ""จะปิดร้านเลี้ยงวันเกิดเหรอ""ไม่ได้ปิดแต่มันบอกว่าถ้าลูกค้าคนไหนมาใช้บริการคืนนั้นมันจะเป็นคนเลี้ยงเอง""ไอเดียเจ๋งนี่""
"ที่คุณพูดหมายความว่ายังไงคะ" หญิงสาวตามเขาขึ้นมาข้างบน แต่ยังไม่ถึงห้องทำงานเลยด้วยซ้ำเธอก็อดถามเรื่องนี้ไม่ได้"สวัสดีค่ะท่านรอง" แต่ก่อนที่เขาจะตอบเธอก็ได้ยินเสียงนี้ก่อน"?" ทั้งสองที่เดินตามกันมาหยุดแล้วก็มองคนที่กล่าวสวัสดีเมื่อครู่ ก่อนที่ขุนรามจะหันไปมองดูสายตารินรดา "คุณเป็นใคร""ชะเอมเป็นเลขาคนใหม่ที่มาแทนคุณเอวาค่ะ""เธอไปทำงานแผนกอื่น เปลี่ยนเลขาคนใหม่มา""แต่ชะเอมสอบสัมภาษณ์ผ่านแล้วนะคะ""ตกลงใครเป็นเจ้าของบริษัท""เอ่อ.."เขาไม่รอฟังคำอธิบายก็พาเธอเข้าไปในห้องทำงานก่อน"คุณยังไม่บอกฉันเลย""ผมไม่ได้หาเลขาเองเลยไม่รู้ว่าเขาส่งใครมา""ฉันไม่ได้หมายถึงผู้หญิงคนเมื่อกี้""อ้าวแล้วคุณหมายถึงอะไรล่ะ""เรื่องที่คุณบอกว่าเลขาคนเก่าอยู่โรงพักไงคะ""ไม่ใช่แค่เลขาคนเก่าหรอกที่อยู่โรงพัก ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นตอนนี้อยู่โรงพักทั้งหมด""อะไรนะคะ คุณส่งพวกนั้นให้กับตำรวจเหรอคะ""ข้อหาพยายามฆ่า""พยายามฆ่า?""ใช่ ผมแจ้งความจับทั้งหมดเลย ผมจะไม่ให้ใครทำร้ายคุณได้อีก""อย่าบอกนะคะว่าที่คุณรับสมัครพนักงานใหม่?""อืม" ชายหนุ่มตอบเธอไปโดยการเปล่งเสียงออกมาจากลำคอเบาๆ สายตามองดูผู้หญิ
"อื้อ" สะโพกงามเด้งรับเรียวลิ้นที่ตวัดเลียวนอยู่กึ่งกลางร่อง "อ่ะอ่ะอ่ะมะไม่ไหวแล้วค่ะ"ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางมันก็ยิ่งทำให้เขาเร่งความเร็วที่กำลังทำอยู่ เพราะเขาต้องการเห็นเธอเสร็จก่อนโดยที่ยังไม่สอดใส่และเขาก็ทำได้สำเร็จ ชายหนุ่มค่อยๆ ชักนิ้วออกมาก่อนจะขยี้นิ้วให้เธอเห็นว่าเขาเก่งไหมที่ทำให้เธอหลั่งได้โดยที่ยังไม่เจอไม้เด็ด"ทำบ้าอะไรของคุณ""แต่ก่อนชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ""ยังจำได้อยู่เหรอ นึกว่าจำแต่เรื่องผู้หญิงคนอื่นได้""ผู้หญิงคนอื่นที่ไหนไม่มีหรอก" ขณะที่เอ่ยร่างหนาก็ขยับขึ้นมา ก่อนจะคว้ามือเล็กมาโอบอุ้มความแข็งแกร่งเพื่อให้เธอวัดขนาด และในเวลาเดียวกันเขาก็จับมือเธอรูดชักขึ้นและลง"พูดเหมือนฉันจะเชื่อ"ใบหน้าหล่อคมเผลอเผยรอยยิ้มออกมา แต่ก็รีบซ่อนอาการนั้นไว้"ปล่อยนะ!" ถึงแม้จะรู้ว่าเขาคงไม่เก็บร่างกายตัวเองไว้ใช้แค่กับเธอ แต่ก็อยากได้ยินเขาพูดอะไรออกมาบ้าง แม้ว่ามันจะเป็นคำโกหก"จะจบเกมคนเดียวได้ยังไง แบบนี้ผมก็เคว้งคว้างน่ะสิ""คุณก็ไปปล่อยกับผู้หญิงพวกนั้นสิ""หึงผัวเหรอ""อึบ!" รินรดากัดฟันใช้แรงที่อุ้งมือ"ซี๊ดดดอ๊อยย ถ้ามันขาดจะมีใช้ไหม" ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้ง"ไม่มีก็ไม่ใ
"ถึงแบบนั้นก็เถอะค่ะ ข้อหาพยายามฆ่ามันไม่รุนแรงเกินไปเหรอคะ" เอวาก็เป็นลูกของผู้มีฐานะท่านหนึ่ง ไม่ยอมเจอข้อหาอะไรแบบนี้ง่ายๆ อยู่แล้ว"รุนแรงเกินไป? เธอจะให้ฉันรอจนเมียกับลูกฉันเป็นอะไรไปงั้นเหรอ" ชายหนุ่มหันหน้ามาประชันกับผู้หญิงที่เขาไม่เคยเห็นค่าเลย"แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ถึงยังไงฉันก็ไม่ยอมรับข้อหานี้" ในขณะที่พูดใบหน้าเอวาก็เชิดขึ้นแบบหยิ่งผยอง"แสดงว่าเธอยอมรับแล้วว่าเป็นตัวบงการ คุณตำรวจได้ยินหรือยังครับ""เชิญคุณเอวาไปที่โรงพักด้วยครับ""ฉันยอมรับตอนไหน! คุณแม่คะช่วยเอวาด้วยค่ะ" เอวาที่ถูกตำรวจพาออกไปตะโกนเข้ามาขอให้แม่ของเขาช่วย "ถึงยังไงเอวาก็ไม่ยอมถูกจับ""และก็เชิญพนักงานทุกท่านขึ้นรถด้วยนะครับ" ตำรวจหันมาบอกพนักงานที่อยู่ในที่นี้ทั้งหมด และรถที่ตำรวจเตรียมมาก็คันใหญ่พอที่จะขนคนพวกนี้ไปได้"พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ เราไม่ได้แตะตัวภรรยาของท่านรองเลยค่ะ" ในคลิปกล้องวงจรปิดก็ไม่เห็นว่าคนพวกนี้ทำอะไร แค่มีแต่คำพูดที่วิพากษ์วิจารณ์"นั่นแหละมันคือข้อหาของพวกเธอ เห็นคนถูกทำร้ายร่างกายทำไมไม่ช่วย แถมยังยืนพูดให้ร้าย" เขาไม่คิดจะปล่อยใครไปง่ายๆ แน่ ยิ่งคนยืนมุงนี่แหละสำคัญเล
"ถ้างั้นเอวาขอลงไปรอข้างล่างก่อนนะคะคุณแม่" เอวาคิดว่าลงไปรอข้างล่างดีกว่า ถ้าขุนรามเห็นคงไม่ให้เธอไปด้วยแน่ หรือไม่เขาอาจจะไม่ออกไปเลย"ดีเหมือนกันถ้างั้นหนูไปรออยู่ที่รถนะ" ถึงยังไงเอวาก็เป็นบุตรสาวของเพื่อนรัก ถ้าทั้งสองไม่มีบุญวาสนาต่อกันจริงๆ ยังทิ้งความเป็นเพื่อนไว้อยู่เอวาลงมาข้างล่างก็เห็นว่าพนักงานกำลังยืนมุงอะไรกันอยู่"มีอะไรกัน" เธอเลยรีบเดินตรงไปดู นี่มันยังไม่ไปอีกเหรอ? ออกมาก็เห็นว่าคนที่ถูกมุงอยู่ก็คือรินรดา"คุณเอวามาโน่นแล้ว" พนักงานที่ยืนมองดูกันอยู่ต่างก็ขยับออกให้เอวาเดินเข้ามา"ดูมันสิคะ ยังหน้าด้านหน้าทน""เธอนี่ทนทายาทจริงๆ เลยนะ ใครก็ได้รีบลากตัวมันออกไป" จะปล่อยให้รินรดาอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว เพราะเดี๋ยวอีกหน่อยขุนรามก็จะลงมา"ปล่อยฉันนะ" พอได้รับคำสั่งรปภ.ที่อยู่ตรงนั้นก็รีบมาลากตัวรินรดาออกไป ส่วนเธอไม่ยอมให้พวกนั้นถูกเนื้อต้องตัวได้ง่ายๆ เลยมีการดิ้นรน"แล้วจะมายืนมุงอะไรนักหนาไม่ไปกินข้าวกันหรือไง" เอวาหันไปตะคอกพนักงานที่ยืนมุงกันอยู่"พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาทำกับฉันแบบนี้!" เพราะเธอดิ้นรนจนทำให้เสื้อที่ใส่อยู่ถูกกระชากจนขาดหน่วยรักษาความปลอดภัยที่เป็นผู้ชา
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นอะไรมาก" หลังจากตรวจอาการดูแล้วคุณหมอก็ให้แค่ยาทาแก้ฟกช้ำภายนอก"ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว""คุณจะไปไหน" เขาไม่ได้ขับรถกลับทางเดิมเธอเลยสงสัย"กลับบ้านเรา""กลับบ้าน?" รินรดามองดูทางที่เขาขับไปอีกรอบ ทางนี้ก็ไม่ได้กลับบ้านเธอนี่ "คุณจะพาฉันไปบ้านหลังไหน"[คฤหาสน์ณโยดม]"คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม""ลูกอยู่ที่นี่แล้ว""ทำไมลูกถึงมาอยู่ที่นี่""ผมจะไม่ยอมให้คุณกลับไปทำงานที่เสี่ยงอันตรายแบบนั้นอีก""มันก็ไม่ได้เสี่ยงขนาดนั้น""กี่ครั้งแล้วที่ผมเห็นคุณตกอยู่ในอันตราย แล้วไอ้ที่ผมไม่เห็นล่ะกี่ครั้ง""ฉันจะพยายามดูแลตัวเอง""คุณไม่ต้องพยายามเดี๋ยวผมจะดูแลคุณเอง""คุณก็รู้ว่าฉันกับแม่คุณไม่ค่อย..""ท่านยอมไปตามถึงที่บ้าน คุณไม่รู้เลยหรือไงว่าท่านยอมเราสองคนแล้ว"พอเขาลงจากรถเธอก็ไม่ยอมตามลงไป จนขุนรามเดินมาเปิดประตูรถให้ เธอยังคงนั่งทำหน้าบึ้งตึงอยู่"สงสัยอยากจะให้ผมอุ้ม""อุ๊ยคุณจะทำอะไร ปล่อยฉันลงนะ""อย่าดิ้นเดี๋ยวก็หลุดมือ""ฉันเดินเองได้""อุ้ยคุณผู้ชาย" แม่บ้านได้ยินเสียงรถเลยมาเปิดประตูให้ พอประตูเปิดออกก็เห็นว่าคุณผู้ชายกำลังอุ้มภรรยาอยู่"ปล่อยฉันลงได้หรือยัง" หลังจากที่
"แม่มาทำไมครับ""แกทำไมถามแม่แบบนี้""แม่อย่ามาก่อเรื่องที่นี่ดีกว่าครับ""แกอย่าลืมนะว่าฉันมีลูกแค่คนเดียว และแกก็มีแม่แค่คนเดียวด้วย"รินรดาที่เดินตามหลังเขามายกมือไหว้ท่านแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร และกำลังจะเข้าไปในบ้าน"ฉันอยากคุยอะไรกับแกและก็เมียแกหน่อย"ขุนรามหันมองไปดูเธอที่เดินเข้าไปในบ้านแต่พอได้ยินแม่เขาพูดแบบนั้นเธอก็หยุดแล้วหันกลับมา"แม่จะคุยอะไรครับ""คุยเรื่องของแกนี่แหละ บริษัทก็ไม่รู้จักเข้า ฉันแก่มากแล้วแกจะให้ฉันทำงานไปถึงไหน" หลายวันแล้วที่ลูกชายไม่เข้าบริษัท และนางก็ต้องเป็นคนดูแลเองทั้งหมด"แล้วแม่ทำตามที่ผมขอหรือยังล่ะครับ""ฉันถึงจะมาคุยกับแกอยู่นี่ไง""ถ้างั้นแม่ก็เข้ามาในบ้านก่อนสิครับ" ตอนที่ชวนแม่เข้าบ้านเขาไม่ลืมที่จะมองไปดูหน้าเธอก่อน แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร"นี่ห้องรับแขกเหรอ แล้วทำไมไม่ติดแอร์สักตัว""แม่ครับ" ขุนรามตำหนิแม่"จะไม่ให้ฉันพูดอะไรเลยหรือไง ร้อนๆ แบบนี้หลานฉันอยู่ยังไง""ผมอยู่ในห้องกับแม่ครับ" ขุนเขาเป็นคนตอบคุณย่าเอง ช่วงนี้อากาศร้อนมาก อุณหภูมิถึง 40 องศาเลยแหละ"แม่จะพูดอะไรก็รีบพูดมาสิครับ""ฉันจะมาบอกให้แกกลับไปทำงานที่บริษัท เรื่องนั้นเดี๋ยว