“ได้ยาดีอย่างนี้หายวันหายคืนแน่” ไอรักหยิกที่อกกว้างเบาๆ
“เจ้าเล่ห์ตลอด ไปทานข้าวกันได้แล้วค่ะ ป่านนี้ป้าบัวยกสำรับมาให้แล้ว”
“อีกนิดไม่ได้เหรอ?” ธีร์ภาณุออดอ้อนต่อรอง
“หยุดเลยนะ อีกนิดของพี่ธีร์มันไม่เคยเชื่อถือได้เลยค่ะ ไปค่ะลุกแล้วไปทานข้าวกันจะได้ทานยา”
“รู้ทันตลอด” ธีร์ภาณุลุกขึ้นจากอ่างก่อน เขาไม่อายร่างกายของตัวเอง แต่ไอรักน่ะสิ ได้แต่ก้มหน้างุดไม่กล้ามอง ทั้งที่ก็เห็นมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
“ลุกขึ้นสิครับหนูไอ พี่จะเช็ดตัวให้” ธีร์ภาณุพันผ้าเช็ดตัวที่เอวสอบ แล้วถือไว้ในมืออีกผืน ไอรักโยกโย้ไม่อยากลุกขึ้นจากอ่าง
“พี่ธีร์ออกไปก่อน หนูไอเช็ดเองก็ได้ค่ะ”
“ถ้าหนูไอไม่ลุกออกมาจากตรงนั้น พี่จะลงไปอีกนะ” ไม่พูดเปล่ามือหนาทำท่าจะปลดปมผ้าขนหนูที่เอวตนเองด้วย
“ลุกค่ะ ลุกแล้ว” ไอรักลุกขึ้นก้าวขาเรียวอกมาจากอ่าง ธีร์ภาณุมองร่างสมส่วนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าแล้วยิ้มกริ่ม ไอรักค้อนขวับวงใหญ่
“หนาวค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเบาๆ ทำให้ธีร์ภาณุต้องรีบใช้ผ้าเช็ดตัวให้ร่างนุ่มนิ่มอย่างอ้อยอิ่ง
“แต่งงานแล้ว เราอาบน้ำด้วยกันทุกวันเนอะ” ไอรักตวัดส
ไอรักหลับยาวแทบจะไม่รู้เรื่อง หลังจากจบงานพิธีช่วงเช้าตอนเกือบเที่ยง และถูกพาตัวมาที่ไร่เพื่อเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงกลางคืน หญิงสาวถูกกำหนดว่าให้พักผ่อน ก่อนจะลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมอีกครั้งเพียงสองชั่วโมง หากแต่คนที่เป็นเจ้าบ่าวกลับไม่ได้พักผ่อนเลย เขาต้องการตรวจงานเองทุกอย่างเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด“นายเล็ก พี่หนูไอยังไม่ออกมาจากห้องเลยค่ะ สงสัยหลับอยู่น่ะค่ะ ช่างแต่งหน้าทำผมมานั่งรอนานแล้วนะคะ” น้อยหน่าวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกชายหนุ่มขณะที่เขากำลังสั่งงานเสร็จพอดี และกำลังจะไปเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงค่ำคืนนี้“หนูไอคงเหนื่อยมาตั้งแต่เมื่อเช้าน่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเรียกให้เอง”ธีร์ภาณุเดินเร็วกลับไปยังบ้านหลังเล็กของเขา เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน บรรดาช่างแต่งหน้าทำผมที่เป็นสาวประเภทสอง ต่างก็แอบกรี๊ดอยู่ในใจเมื่อเห็นเจ้าบ่าวในระยะใกล้“ขอโทษนะครับที่ต้องรอ เดี๋ยวผมจะเรียกเจ้าสาวให้นะครับ”พูดจบธีร์ภาณุหายเขาไปในห้องนอนพร้อมกับปิดล็อกประตู ทำเอาคนที่นั่งรอแต่งหน้าเจ้าสาวที่ได้ยินเสียงล็อกประตู ต่างมองหน้ากันว่าจะ ล็อกประตูเพื่ออะไร แค่เข้
ปอยผมระบ่าเนียน บนศีรษะถูกแซมด้วยดอกไม้สีฟ้าดอกเล็กๆหลายดอกเมื่อเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวขึ้นไปอยู่บนเวที พิธีกรจึงเริ่มทำหน้าที่ เชิญพ่อและแม่ของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวขึ้นมาบนเวทีเพื่อกล่าวคำอวยพรพร้อม ทั้งถ่ายรูปหมู่ครอบครัว รอยยิ้มและเสียงหัวเราะทำให้บรรยากาศอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณงานคู่ไทธรณ์และรสิตาได้ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอตอนตีหนึ่ง โดยใช้คฤหาสน์หลังใหญ่ของเจ้าสัวปรีชาที่ไทธรณ์ย้ายสำมะโนครัวเข้าไปอยู่แล้วเป็นเรือนหอคู่ของธีร์ภาณุและไอรักได้ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอก่อนเที่ยงคืน ซึ่งคุณกานดาตกลงว่าจะใช้เวลา23.59น. เป็นฤกษ์ดี และเรือนหอที่ใช้ก็คือบ้านหลังเล็กในไร่นี้เอง ตามความประสงค์ของเจ้าบ่าวงานเลี้ยงเต็มไปด้วยความชื่นมื่นและรอยยิ้ม เจ้าบ่าวทั้งสองคอยประคับประคองดูแลเจ้าสาวของตนเองอย่างดี จนหญิงสาวที่มาร่วมงานต่างอิจฉา ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มเพื่อนไอรักสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย“สวัสดีค่ะพี่ธีร์” พิมพ์รพีพรหนึ่งในสองสาวที่มีท่าทางมั่นใจ เอ่ยทักทายเพื่อนเขย เมื่อเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเดินทักทายขอบคุณแขกเหรื่อในงานจนมาถึงโต๊ะที่พวกเธอนั่งกันอยู่
“รู้สึกว่าคุณพิมพ์จะมีปัญหาคาใจจริงนะครับ” ปลัดเมฆารู้สึกกรุ่นๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ที่ผู้หญิงคนนี้ดูจะปักใจเชื่อว่าเขาเป็นประเภทชอบไม้ป่าเดียวกัน นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่กลางงานแต่งเพื่อนรักล่ะก็ จะจับมาจูบกระชากวิญญาณให้ถอนคำพูดให้ได้เลยล่ะ รู้จักเสือเมฆาน้อยไปเสียแล้ว“ขอโทษด้วยนะคะพี่เมฆ ยายพิมพ์เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว หนูไอเล่าให้ฟังทุกอย่างแล้ว แกยังจะสงสัยอะไรอีกเนี่ย” ประโยคท้ายๆน่านน้ำพยายามกระซิบเบาๆกับเพื่อนสาวตัวเองพิมพ์รพีพรจึงเงียบและไม่พูดอะไรต่อ ปลัดเมฆาเองที่ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงด้วยจึงเงียบด้วยเช่นกัน“คุณภูชิตครับ” ปลัดเมฆาร้องเรียกภูชิต และโบกไม้โบกมือให้สัญญาณ ภูชิตที่เพิ่งมาถึงงานจึงเดินตรงไปยังโต๊ะที่ปลัดเมฆานั่งอยู่กับสองสาวเพื่อนของไอรัก“สวัสดีครับปลัด” ภูชิตทักทายพร้อมกับยื่นมือสัมผัสกับมือของปลัดเมฆาที่ยื่นมารออยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีครับ คุณภูชิตมีโต๊ะนั่งหรือยังครับ”“ผมเพิ่งมาถึงน่ะครับยังไม่มีโต๊ะครับ”“ถ้าคุณภูชิตไม่รังเกียจ เชิญร่วมโต๊ะกับพวกเราได้นะครับ นี่คุณพิมพ์กับคุณน้ำ เพื่อนของเจ้าสาวครับ คุณพิมพ์ คุ
“จะทำอะไร ปล่อยนะ” พิมพ์รพีพรโวยวายประท้วงเมื่อข้อมือบางถูกคว้าหมับและจับไว้แน่น“รู้ไหมว่าผู้ชายไม่ชอบให้ใครมาตราหน้าว่า ไอ้ตุ๊ด”“เหรอ ไอ้ตุ๊ด ๆๆ อุ๊บ!” เสียงของพิมพ์รพีพรถูกกลืนหายเข้าไปในปากของปลัดเมฆา ริมฝีปากหนาบดเคล้าจนพิมพ์รพีพรรู้สึกเจ็บ จนต้องเปิดปากตัวเองรับลิ้นร้อนร้ายกาจของชายหนุ่มอย่างไม่ได้เต็มใจนัก ร่างบางพยายามดิ้นรนจากอ้อมแขนแข็งแรงที่ตอนแรกเธอเองคิดว่าอ้อนแอ้นราวกับผู้หญิง แต่เมื่อได้สัมผัสใกล้ชิดทำให้หญิงสาวรู้ว่า มันแข็งแกร่งเหลือเกิน พิมพ์รพีพรพยายามดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนกับว่าเธอยิ่งติดกับดัก ที่ถูกรัดรึงด้วยอ้อมแขนแข็งแรงของชายหนุ่ม“อ้าว! ยายพิมพ์หายไปไหนแล้วล่ะ ไม่รอกันเลย” น่านน้ำที่กลับออกมาจากห้องน้ำเมื่อไม่เห็นเพื่อนรักจึงเดินกลับเข้าไปในงาน โดยไม่ได้เอะใจว่าเพื่อนตัวเองกำลังถูกลงโทษอยู่อีกด้านของพุ่มดอกแก้วเมื่อได้ชิมความหวานจากริมฝีปากบางที่ช่างค่อนขอด ปลัดเมฆาเองกลับเคลิ้มจนไม่อยากถอนริมฝีปากออก แต่เมื่อต้องตัดใจถอนริมฝีปาก ชายหนุ่มยังไม่วายกระซิบชิดอยู่ริมฝีปากบาง“นี่คือบทเรียนสำหรับผู้หญิงตัวเล็กอย่า
“บ้าน่าแก มันเป็นเรื่องขำๆ ฉันไม่เชื่อหรอก” พิมพ์รพีพรกล่าวอย่างไม่สนใจมากนัก“เหลือดอกไม้ของพี่แนน เผื่อฉันจะได้บ้าง อย่าเพิ่งไปไหนนะแก” น่านน้ำดึงแขนเพื่อนไว้ ขณะที่สาวๆยังยืนเต็มบริเวณหน้าเวที“จะโยนมาแล้วแก” น่านน้ำปรี่วิ่งเข้าไปหน้าเวทีท่ามกลางสาวๆ เธออาจจะสนใจแต่ช่อดอกไม้จนลืมระวังตัว ความเร็วของฝีเท้าบวกกับรองเท้าส้นสูงที่ไม่คุ้นชินเท่าไรนัก ทำให้เธอหกล้มหัวคะมำอยู่ในท่าคลานเข่า หัวเข่าถลอกปอกเปิก หญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆต่างเบี่ยงตัวหลบ เพราะกลัวถูกน่านน้ำดึงให้ล้มลงไปด้วยดอกไม้ช่อเล็กๆตกอยู่ตรงหน้า น่านน้ำกลอกตามองซ้ายขวา เอาวะหน้าแตกทั้งที่ก็ให้มันคุ้มหน่อย เธอตัดสินใจคว้าช่อดอกไม้ตรงหน้าขึ้นมา ก่อนจะลุกขึ้นด้วยความยากเย็น หญิงสาวเดินกะเผลกตรงไปหาเพื่อน พิมพ์รพีพรทำหน้าตาเหยเกกับท่าทางของเพื่อน เธอไม่รู้ว่าจะขำหรือจะสงสารเพื่อนดี แต่ยังไม่ทันเอ่ยอะไร น่านน้ำก็ดึงแขนเพื่อนสาวก้าวฉับๆเพื่อจะกลับไปที่โต๊ะทันที อายก็อายแต่มันแก้ไขสถานการณ์อะไรไม่ได้แล้ว เธอจึงเลือกที่จะเดินออกจากบริเวณหน้าเวทีเงียบๆ พร้อมกับกำช่อดอกไม้ในมือไว้แน่นสองสาวเดินยังไม่ถึง
“ป๊าเชื่อว่าได้ฝากลูกสาวไว้กับคนที่สามารถดูแลลูกสาวป๊าได้ ขอบใจธีร์มากนะที่ไม่ทำให้ป๊าผิดหวัง” ไอรักและธีร์ภาณุก้มศีรษะลงไหว้ท่านทั้งสอง เสี่ยอินตบบ่าลูกเขยเบาๆคำอวยพรต่างๆนานาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายในการส่งตัวเข้าห้องหอ มันช่างยืดยาวนักในความคิดของธีร์ภาณุ และเมื่อประตูห้องถูกปิดลง ชายหนุ่มจึงยิ้มให้ภรรยาของตนเอง หากแต่ไอรักมัวแต่เหยียดขาออกเพราะเมื่อยขบเต็มที่ ธีร์ภาณุจึงลุกขึ้นยืนก่อนพร้อมกับยื่นมือให้ไอรัก“เมื่อยละสิ” ไอรักพยักหน้าพร้อมกับยื่นมือให้ธีร์ภาณุช่วยประคองตนเองให้ลุกขึ้น“หนูไออาบน้ำก่อนเลยนะครับ ดึกมากแล้วจะได้พักผ่อน” ไอรักทำตามอย่างว่าง่าย หญิงสาวเดินไปค้นชุดในตู้แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ อย่างรวดเร็ว จนธีร์ภาณุอดขำกับอาการของไอรักไม่ได้ด้านไทธรณ์และรสิตา พร้อมกับญาติผู้ใหญ่เดินทางกลับคฤหาสน์เจ้าสัวปรีชา หลังจากส่งตัวคู่น้องเข้าห้องหอไปแล้ว เพื่อทำพิธีส่งตัวเข้าหอ ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวคำอวยพรแก่คู่บ่าวสาว ที่นั่งอยู่บนพื้นภายในห้องหอที่ถูกประดับประดาด้วยดอกกุหลาบสีชมพู เนิ่นนานจนรสิตา แทบจะสัปหงก“พ
“พี่รักหนูไอนะครับ” พูดจบก็ประคองหน้านวลไว้ในอุ้งมือแผ่วเบา ไอรักสบสายตาของชายหนุ่มที่มองมา หญิงสาวหลับตาพริ้ม ธีร์ภาณุจึงประทับรอยจูบแผ่วเบาที่หน้าผากมน แล้วเลื่อนมากระซิบที่ข้างหูของไอรัก“รอพี่สักครู่นะครับ อันนี้มัดจำไว้ก่อน” ไอรักยิ้มเขินธีร์ภาณุในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนขายาว เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปทั่วห้อง แต่กลับไม่พบเจ้าสาวหมาดๆของตัวเอง หากแต่ชายหนุ่มสะดุดตากับประตูกระจกบานใหญ่ริมระเบียงที่ปิดไม่สนิทไอรักยืนกอดอกอยู่ริมระเบียง หญิงสาวทอดสายตาไกลออกไป สายลมหนาวพัดเบา ทำให้ผมยาวที่ถูกปล่อยเป็นอิสระปลิวไสวตามแรงลม“อุ๊ย!” เมื่อถูกสวมกอดจากด้านหลังหญิงสาวจึงอุทานด้วยความตกใจ“อากาศเย็นมากนะครับ มายืนตากลมคนเดียวระวังจะไม่สบาย” ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดแน่น ถ่ายทอดความอบอุ่นให้กับหญิงสาว ไอรักเอนศีรษะพิงกับแผงอกกว้าง และวางมือบนท่อนแขนแข็งแรงที่โอบกอดตัวเธอไว้“คืนนี้ดาวสวยนะคะ เต็มท้องฟ้าเลย”“ทุกคืนต่อจากนี้ไปจะเป็นค่ำคืนที่สวยงามสำหรับพี่เสมอ” ไอรักพลิกตัวกลับมามองชายหนุ่ม
เธอนอนทับมันไว้ตอนนี้มันแข็งแกร่งดุนดันอยู่ที่ต้นขาของเธอ หญิงสาวสบสายตาสามีของตนเองที่นอนยิ้มกริ่ม ก่อนที่ริมฝีปากบางจะได้เปล่งเสียงออกมา ท่อนขาเรียวของเธอถูกขาแข็งแรงของเขาแยกออกจากกัน มือหนาจับต้นขาทั้งสองของเธอยกขึ้น แล้วกดลงเบาๆให้ร่องดอกไม้ชุ่มฉ่ำได้ครอบครองกลางความเป็นชายของตนเอง ธีร์ภาณุขบกรามแน่นเมื่อถูกความร้อนชื้นครอบครองตัวตนของเขาไว้จนมิด ไอรักจิกเล็บลงที่บ่าแกร่ง ธีร์ภาณุเลื่อนฝ่ามือกดสะโพกเต่งตึงเพื่อให้ทั้งสองแนบชิดกันลึกซึ้งยิ่งขึ้นเนิ่นนานโดยไม่ยอมทำอะไรต่อ ไอรักส่งเสียงอื้ออ้าในลำคอ เพราะตอนนี้เธอรอคอยเขา รอคอยให้ธีร์ภาณุจับจูงไปยังวิมานแสงดาว เป็นการรอคอยที่ทรมานมาก จนเธอไม่สามารถต้านทานความต้องการของตนเองได้ไอรักเริ่มขยับสะโพกของตนเอง ร่างบางสั่นไหวกับความซาบซ่านที่ค้นพบว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องรอคอยจากธีร์ภาณุก็ได้ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอย่างสมใจ เมื่อไอรักยันกายลุกขึ้นนั่งบนตัวตนของเขา สองมือหนาเลื่อนขึ้นป่ายปัดแผ่วเบาผ่านยอดอก และบีบเคล้นอกอวบสลับไปมา สายตาคมวาวจับจ้องหน้านวลที่แหงนเงยขณะกำลังขยับเข้าออกอยู่บนกายของเขาธีร์ภาณุไม่ปล่อยให้ไอรักคุมเกมฝ่าย
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน
“ก็ได้ครับ ผมจะให้โอกาสคุณแล้วกัน พรุ่งนี้เราจะเริ่มงานกันจริงๆเสียที หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ต้องเลื่อนวันเริ่มงานอีกนะครับ” น่านน้ำคลี่ยิ้มกว้าง ยิ้มหวานบนในหน้าเนียนกับแววตาสดใสบ่งบอกว่าดีใจสุดขีด ทำให้หัวใจของภูชิตกระตุกวูบไหวอีกแล้ว“ขอบคุณมากค่ะ น้ำสัญญาว่าจะทำงานให้สุดความสามารถเลยค่ะ” ภูชิตพยักหน้ารับ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป เมื่อประตูห้องถูกปิดลง“คุณได้อยู่ต่อนะจ๊ะ คุณน่านน้ำ” น่านน้ำบอกกับตัวเองแล้วลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น โดยไม่สนใจเสื้อคลุมที่หล่นไปกองอยู่กับพื้น เธอกระทืบเท้ากรี๊ดในลำคอ ดีใจที่ยังมีโอกาสอยู่พิชิตใจเจ้านายหนุ่ม ร่างเล็กหมุนตัวอย่างมีคนมีความสุขสุดๆ จนไม่ได้ยินเสียงประตูที่เปิดออกอีกครั้ง“เอ่อ...คุณน่านน้ำผมรอทานขะ...” ภูชิตอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น น่านน้ำหยุดทุกการเคลื่อนไหวอ้าปากค้างตาโตและรีบหันหลังให้คนที่โผล่หน้าเข้ามา ภูชิตรีบดึงประตูปิด เขาหอบหายใจแรงราวกับเด็กหนุ่มเพิ่งเคยเห็นเนื้อนวลสาวครั้งแรก“ขะ...ขอโทษครับ ผมรอทานข้าวนะครับ” น่านน้ำรีบวิ่งไปกดล็อกประตู ก่อนที่จะเอ่ยเสียงแผ่วเบาออกไป“ค่ะ”
ภูชิตเปิดประตูรถออกแล้ววางร่างบอบบางไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับ มือใหญ่จับโน่นถอดนี่อย่างว่องไวไม่เว้นแม้แต่ชั้นในตัวจิ๋วสองชิ้น น่านน้ำตกใจหัวใจหล่นไปกองที่ตามตุ่ม ครั้นจะยกมือปัดป้องหรือเอ่ยปากว่าไม่เป็นไรแล้ว ก็ไม่ทันการณ์ นั่นยิ่งจะทำให้มารยาเล่มแรกที่เธองัดมาใช้ถูกเขาจับได้ เสียเชิงหญิงอย่างเธอกันพอดี คนตัวเล็กจึงจำใจหลับตาไว้อย่างนั้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าผิวเนื้อเนียนขาวโพลนของตัวเอง ตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงเรื่อขึ้นจนทั่วร่าง ด้วยความสะเทิ้นอาย หากแต่ภูชิตไม่ได้สังเกตเพราะเขารีบถอดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของตนมาคลุมร่างของหญิงสาวไว้ทันที และถึงจะไม่ทันได้สังเกตผิวเนื้อเนียนที่เปลี่ยนสี สายตาคมกล้าก็อดไม่ได้ที่ชำเลืองมองทรวงอกอวบอิ่มที่เคยสัมผัสมาแล้ว และรู้ว่าหยุ่นเด้งเพียงใดภูชิตรวบพันเสื้อผ้าและชั้นในเปียกน้ำเอาไปวางไว้ท้ายกระบะ ร่างใหญ่วิ่งไปเปิดประตูด้านคนขับ แล้วขึ้นนั่งประจำที่ หลังจากสตาร์ทรถแล้วภูชิตจึงรู้ว่าลืมปิดประตูอีกด้าน ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยื่นแขนยาวและโน้มตัวไปดึงประตูปิดช้าๆ กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆ
“ไร่ภูชิตนี่อากาศดี๊ดีนะคะ” น่านน้ำเอ่ยเสียงกังวานใส ยิ้มหวานระบายเต็มใบหน้าเนียน เจ้าของไร่ภูชิตมองรอยยิ้มนั้นนิ่งค้าง“คุณภูชิต คุณภูชิตคะ” น่านน้ำโบกมือไปมาตรงหน้าชายหนุ่ม ภูชิตสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเหมือนเดิม“เอ่อ...ครับ” “น้ำว่าที่นี่อากาศดี๊ดีนะคะ” ภูชิตยิ้มเล็กน้อยพยักหน้ารับ“คุณน่านน้ำชอบที่นี่ไหมครับ” คนถูกถามระบายยิ้มหวานอีกครั้ง“ชอบค่ะ เอ่อ...คุณภูชิตเรียกน้ำเฉยๆก็ได้นะคะ” ภูชิตพยักหน้ารับ“ครับคุณน้ำ” เสียงเรียกราวกับคนละเมอ“น้ำขออนุญาตเรียกคุณภูนะคะ จะได้คุ้นเคยกัน”“ครับ” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าใกล้ จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจกันและกัน บรรยากาศเบื้องหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน พระอาทิตย์ดวงกลมโตกำลังจะลับขอบฟ้า ลำแสงสีส้มสาดส่องไปทั่วบริเวณไร่ภูชิต น่านน้ำหลับตาพริ้ม เอาล่ะ...อะไรจะเกิดมันก็ต
“สิน...ไอ้สิน” ภูชิตตะโกนเรียกลูกน้อง เพราะรู้ดีว่าเหล่าลูกน้องที่ติดตามเขา ต้องคอยดูและระวังความปลอดภัยให้เขาอยู่ใกล้ๆ“ครับนาย” นายสินวิ่งเร็วมาถึงหน้าเรือนไม้ ยืนเอามือกุมเป้าก้มหน้ารอฟังคำสั่ง“ไปซื้อยาลดไข้ชนิดน้ำมาให้หน่อย” ลูกน้องตัวโตทำหน้างงแปลกใจ ภูชิตจึงตวาดเสียงดัง“แกจะทำหน้างงทำไม สั่งอะไรก็ไปซื้อมาสิ”“ครับนาย ว่าแต่วันนี้นายจะเข้าไปดูในไร่ไหมครับ ผมจะได้ให้ไอ้อ๋องมันมาขับรถให้”“วันนี้คงไม่ไปไหน จะไปทำอะไรกันก็ไปเถอะ” ภูชิตพูดจบก็เดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้ลูกน้องเกาหัวแกรกๆ ปกติแล้วภูชิตจะออกสำรวจไร่ทุกวัน ‘ไร่ภูชิต’ปลูกพืชไร่หลายชนิด ไม่เคยมีสักวันที่ผู้เป็นนายจะไม่ออกไปตรวจไร่ เพราะชายหนุ่มจะมุ่งมั่นกับการทำงานให้ออกมาดีที่สุด และมักจะควบคุมการทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง หากแต่ตอนนี้ผู้เป็นนายกลับมีบางอย่างที่รั้งให้เขาอยากอยู่กับบ้าน มากกว่าการออกไปตรวจงานไร่อย่างที่เคยเป็น“คุณน้ำ...ลุกมาทานยาเถอะจ้ะ” นางแตงอ่อนปลุกน่านน้ำในตอนเที่ยงเกือบบ่ายโมง หญิงสาวปรือตามองอย่างลำบาก แต่การที่ได้นอนหลับพักผ่อนมาตลอดช่วงเช้า และได้รับการเช็ด