“อย่าค่ะ!” เสียงห้ามแผ่วเบาและแหบพร่า ขณะที่ร่างกายกลับทรยศแอ่นกายรับลิ้นสากร้อน ที่จาบจ้วงเข้ามาเพื่อดูดดุนเนื้อนิ่มด้วยจังหวะหนักแน่นเนิบช้า ธีร์ภาณุดูดกลืนทุกหยาดหยดของน้ำผึ้งหวานที่ออกมาจากกายสาว และเมื่อชายหนุ่มยกสะโพกเต่งตึงขึ้นเพื่อควบคุมได้ถนัด เขาเร่งจังหวะตวัดรัวเร็วขึ้น ไอรักแอ่นกายรับอย่างลืมตัว หญิงสาวรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังล่องลอยสูงลิ่ว และกำลังจะตกลงมาจากที่สูง มันเสียวซ่านเนิ่นนานจนแทบจะลืมหายใจ เมื่อถึงจุดที่ความทรมานถูกปลดปล่อย สมองพร่างพรายว่างเปล่าชั่วขณะ หญิงสาวกรีดร้องเสียงหวานอย่างลืมอาย กายสาวเกร็งกระตุกหอบหายใจถี่และแรง ธีร์ภาณุจูบย้ำแรงๆที่เนื้อนิ่ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาดวงตาปรือปรอยของหญิงสาว ไอรักทุบบ่าของชายหนุ่มเบาๆ และหลบสายตาคมด้วยความเขินอาย ชายหนุ่มเคลื่อนตัวขึ้นคร่อมร่างบางไว้
“พี่รักหนูไอนะครับ” ธีร์ภาณุกระซิบข้างหูไอรักแผ่วเบา หากแต่คนที่กำลังฟังได้ยินชัดเจน ส่งผลให้หัวใจคนฟังพองโตคับอก ชายหนุ่มใช้แขนยันตัวเองขึ้นเพื่อสบตากับตากลมโตด้วยแววตาที่จริงใจ
“หนูไอไม่ได้รังเกียจพี่ใช่ไหม พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้หนูไอเสียใจเด็ดขาด” ไอรักพยา
เพื่อระบายความเสียวซ่านรุ่มร้อนในกาย หญิงสาวแยกเรียวขาออกกว้างขยับสะโพก เพื่อไขว่คว้าหาความสุขตามครรลองธรรมชาติของชายหญิง ธีร์ภาณุส่งเสียงครางทุ้มต่ำในลำคอย่างพอใจ เขาละมือจากกลุ่มผมสลวยแล้ววางมือไว้บนที่นอนนุ่ม เพื่อรับน้ำหนักของตนและคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตัวเขา ชายหนุ่มยกสะโพกสอบขึ้นเพื่อส่งความแข็งแกร่งเข้าไปในร่างบางล้ำลึก มือหนาอีกข้างยังทำหน้าที่กดคลึงไล้วนติ่งกลางกายสาวไอรักถอนริมฝีปากออกจากปากหนา แล้วเอนศีรษะพิงบ่ากว้างใบหน้าแหงนหงายครางเสียงหวานกระเส่า ในทุกจังหวะที่ถูกรุกล้ำรัวเร็วจากคนข้างล่างกายเธอ ธีร์ภาณุก้มลงดอมดมแก้มเนียน ไล้เลียไปตามลำคอระหงหอมกรุ่น“พี่ธีร์...” ไอรักครางชื่อของชายหนุ่มออกมาเมื่อใกล้จะถึงวิมานแสงดาว ที่เธอรู้ว่ามันจะสุขสมเพียงใด ธีร์ภาณุรู้สึกถึงแรงรัดของหญิงสาว ทำให้เขารู้ว่าใกล้จะส่งเธอถึงฝั่งฝันแล้ว ชายหนุ่มเร่งสะโพกสอบขึ้นเร็วแรง นิ้วใหญ่กดคลึงติ่งสาวเน้นหนัก แสงดาวพร่างพรายแตกกระจายในความรู้สึกของไอรัก หากแต่คนตัวใหญ่เอาแต่ใจกลับไม่พอใจแค่นั้น ชายหนุ่มจับวางร่างบางนอนคว่ำกับเตียงนุ่ม ขณะที่ร่างกายยังสอดประสานกัน ธีร์ภาณุกดสะโพกสอ
“อ้าว! ยังไงล่ะเนี่ย ไม่อาบน้ำแล้วเหรอครับ”“เอ่อ...” ก่อนจะได้ตัดสินใจตอบอะไรออกมา ร่างบางก็ถูกกอดแนบแน่น ธีร์ภาณุย่อตัวลงใช้สองแขนโอบรอบใต้สะโพกผาย แล้วยกคนเนื้อนิ่มกอดกระชับแนบตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมกระซิบแผ่วข้างหู“พี่อาบให้นะครับ” ธีร์ภาณุพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ทำเอาคนฟังที่พอจะจับอารมณ์หวามของชายหนุ่มได้หัวใจเต้นโครมคราม“มะ...” ธีร์ภาณุบดริมฝีปากบางด้วยปากของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วพาหญิงสาวเดินหายไปในห้องน้ำ โดยไม่ปล่อยริมฝีปากบางให้เป็นอิสระภายในห้องน้ำค่อนข้างแคบ เพราะเนื้อที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดของตู้คอนเทนเนอร์ แต่ทุกอย่างกลับถูกจัดวางอย่างลงตัว อุปกรณ์ทุกชิ้นในห้องน้ำดูเรียบหรูในโทนสีขาว ธีร์ภาณุวางไอรักลงแล้วเอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำ น้ำอุ่นจากฝักบัวอันใหญ่เหนือศีรษะตกกระทบทั้งร่างของธีร์ภาณุและไอรัก คนตัวเล็กได้แต่ยืนกอดอกตัวเองห่อไหล่ และหันหลังให้คนตัวโต“อยากอยู่อย่างนี้นานๆ” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับโอบกอดเอวคอดจากด้านหลัง“รีบๆอาบสิคะ” ไอรักประท้วง ธีร์ภาณุหัวเราะเบาๆ ชายหนุ่มประทับริมฝีปากลงบนไหล่เนียน ไล้เลียไปทั่วแผ่นหลังนุ่มลื่น
ความซาบซ่านจากจุดกึ่งกลางกายสาว แผ่ไปทั่วร่างของไอรัก สุดที่จะยับยั้งความรู้สึกหวามรัญจวนได้ ไอรักจิกเล็บบนแผ่นหลังกว้าง ส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอร่างบางกระตุกเกร็งหลายครั้ง ขาเรียวอ่อนแรงจนแทบจะทรงตัวไม่ไหว ธีร์ภาณุเร่งจังหวะสุดท้ายรุนแรงและถี่รัว ก่อนจะปีนป่ายไปถึงความสุขล้ำลึก ที่แผ่ซ่านไปทั้งร่าง ชายหนุ่มกระตุกเกร็ง พร้อมกับส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำในลำคอ ในขณะที่ริมฝีปากยังดูดดึงจุมพิตอยู่กับริมฝีปากบางอย่างเร่าร้อน เนิ่นนาน ก่อนจะเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นดูดดึงเบาๆและขบเม้มอย่างหยอกล้อ ท่อนขาเรียวถูกปล่อยวางลงบนพื้น หากแต่มือหนายังไม่วายลูบไล้ไปทั่วทุกที่บนร่างบางอย่างเอาแต่ใจ ไอรักก้มหน้าลงแนบแก้มกับอกกว้าง แขนเรียวกลมกลึงยังกอดลำตัวแกร่งไว้แน่น เธอคิดว่าถ้าหากปล่อยมือตอนนี้ ร่างของเธออาจจะร่วงไปกองอยู่กับพื้นก็เป็นได้ เพราะเธอเหนื่อยเหลือเกิน“หนูไอง่วงจัง”ไอรักพึมพำกับอกกว้าง หญิงสาวแทบจะหลับตาอยู่ใต้สายน้ำอุ่น เธอรับรู้ถึงการกระเพื่อมของอกแกร่ง เนื่องจากธีร์ภาณุหัวเราะเบาๆกับท่าทางของเธอ“พี่อาบน้ำให้นะครับ”ไอรักพยักหน้ารับ เธอไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว หญิงสา
“ว้าย!” ธีร์ภาณุโผทับร่างเล็กเบาๆแต่กดตรึงไว้ด้วยร่างของตน ไอรักแทบจะจมหายไปบนที่นอนนุ่ม หัวใจเต้นโครมคราม แต่กลับมีความรู้สึกหวิวไหวแปลบปลาบเกิดขึ้นอย่างน่าตกใจ เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของธีร์ภาณุที่เธอสวมใส่อยู่ก็ร่นไปถึงไหนต่อไหน เพราะเธอไม่ได้ใส่ชั้นในสักชิ้น มันทำให้ไอรักรู้สึกไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย ก็คนตัวโตนี่แหละพาเธอไปนอนที่โกดังโดยไม่รู้ตัวทำให้หลังจากอาบน้ำแล้ว เธอต้องพึ่งพาเสื้อผ้าของเขาไปโดยปริยาย“ไม่เอานะคะ หนูไอหิว”“พี่ก็หิว กินยังไงก็ไม่อิ่ม” คำพูดกำกวมทำให้ไอรักหน้าแดงเรื่อ และผินหน้ามองเมินไปทางอื่นไม่กล้าสบตาชายหนุ่ม แก้มนวลถูกหอมซ้ำๆหลายครั้งอย่างมันเขี้ยว“พอแล้วค่ะ” ไอรักใช้มือยันคางสากไว้“ใจร้าย” คนตัวโตประท้วง สายตาเว้าวอน“พี่ธีร์แหละใจร้าย หนูไอจะฟ้องป๊ากับคุณลุง”“ฟ้องเลยจ้า อืม...เดี๋ยวหนูไอจะเล่าเหตุการณ์ไม่ครบถ้วน มามะพี่จะทวนความจำให้”“ไม่ๆ พี่ธีร์อย่าสิคะ”คนตัวโตได้ทีจับตรงโน้น จุ๊บตรงนี้ คนตัวเล็กก็ได้แต่ป่ายปัดเป็นพัลวัน เสียงหัวเราะของธีร์ภาณุและเสียงใสๆของไอรักดังแว่วออกจากห้องมา ทำให้มินตราที่เ
ไอรักเปิดประตูออกมาเห็นธีร์ภาณุนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ และมินตรายืนอยู่ใกล้ๆกัน ก่อนที่ไอรักจะได้พูดอะไรมินตราก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน“ขอบคุณสำหรับที่พักหนึ่งคืนนะคะคุณไอรัก ลาก่อนค่ะ” มินตราพูดจบก็เดินเร็วออกจากบ้านไป ไอรักมองตามงงๆ และหันกลับมามองคนตัวโตที่นั่งส่งยิ้มหวานเชื่อมมาให้เธอ“คุณมินตราเขาไม่อยู่ทานอาหารเช้ากับเราหรือคะ”“ช่างเขาเถอะ ต่อไปนี้มินคงไม่กลับมาที่ไร่แสงตะวันแล้วล่ะ” ธีร์ภาณุลุกขึ้นเดินมาโอบกอดหญิงสาวตัวเล็กไว้หลวมๆ ไอรักไม่ได้ขัดขืนอะไร“ทำไมล่ะคะ”“เขารู้แล้วว่าไม่มีทางสู้กับนายหญิงตัวจริงของไร่แสงตะวันได้ ก็นายหญิงคนนี้ของพี่ทั้งน่ารัก ทั้งเก่ง หัวไวทุกเรื่อง” ไอรักหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที หญิงสาวเข้าใจในความหมายที่ธีร์ภาณุพูดถึง และก็อดไม่ได้ที่จะหยิกแขนแกร่งแรงๆ“โอ๊ย! ทำร้ายร่างกายอย่างนี้ต้องโดนทำโทษ” ธีร์ภาณุย่อตัวลงอุ้มร่างบางแนบอก“อาหารเช้ามาแล้วค่ะนายเล็ก” ธีร์ภาณุสบตาไอรักทำหน้าเซ็ง หันไปมองป้าบัวด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความขัดใจยิ่งนัก ป้าบัวรู้ตัวว่ามาผิดเวลา จึงรีบวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะแล้วเดินเลี่ยงออกไป
“ว้าย!” เสียงผู้หญิงที่เขาควงมาด้วยร้องวี้ดว้ายและนั่งลงช่วยพยุงเขา ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นเริ่มเข้ามามุงดู“ไอ้ไทธรณ์ แกกล้าชกฉันเหรอ แกรู้จักฉันน้อยไปแล้ว ฉันจะฟ้องพ่อให้จัดการแก” กฤษณ์ถูกชกจนเซล้มก้นกระแทกพื้นชี้หน้าไทธรณ์“ให้มันรู้กันไปว่าใครจะโดนจัดการกันแน่” ไทธรณ์หันหลังกลับไม่สนใจเสียงโหวกเหวกโวยวายแถวนั้น เขาโอบเอวรสิตาที่ยืนตะลึงอยู่แล้วพากลับไปที่รถ ก่อนจะขับรถออกจากร้านไป โดยในใจก็คิดหาวิธีจะจบปัญหากับชายหนุ่มคนนี้เสียที เขาไม่อยากให้รสิตาเสียหายกับเรื่องแบบนี้“มีคนมาบอกพ่อว่ามีเรื่องกันที่ร้านอาหารหรือแนน?” น้ำเสียงเยือกเย็นและหนักแน่นยิงคำถามทันที ที่รสิตาและไทธรณ์ก้าวเท้าผ่านประตูห้องรับแขกเข้ามา เจ้าสัวปรีชานั่งรอลูกสาวอยู่นานพอสมควรแล้ว หลังจากได้ข่าวว่า ไทธรณ์และรสิตามีเรื่องชกต่อยกับลูกนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ร้านอาหาร ไทธรณ์เหลือบมองบอดี้การ์ดชุดดำกระจายตัวยืนอยู่ทั่วบริเวณบ้าน แล้วแอบกลืนน้ำลายลงคอ“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณพ่อ ทุกอย่างเรียบร้อยดี แนนก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยนี่คะ” รสิตาเดินปรี่เข้าไปนั่งข้างบิดา และโอบกอดเอวหนาพร้อมกั
“เอ่อ...เรานอนห้องเดียวกันก็ได้นะแนน พี่สัญญาว่าจะเป็นเด็กดี” รสิตาหลุดยิ้มออกมากับคำบอกกล่าวของไทธรณ์“แนนมั่นใจในตัวพี่ไทค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวานให้สมาชิกร่วมห้องคนใหม่ของตน“พี่ไทอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเราค่อยมาคิดหาทางออกกัน” รสิตาพูดเพื่อให้กำลังใจไทธรณ์ หญิงสาวรู้สึกสงสารเขาที่ถูกบิดาของตนบังคับ ดูท่าทางไทธรณ์จะอึดอัดอยู่ไม่น้อยประตูห้องน้ำปิดลง พร้อมกับรอยยิ้มผุดพรายขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา แววตาหม่นเศร้าที่ดูอึดอัดหายไปในบัดดล เขาแทบจะผิวปากออกมาด้วยซ้ำ ถ้าไม่กลัวว่าคนข้างนอกจะได้ยินหญิงสาวในชุดนอนสายเดี่ยวกระโปรงยาวเหนือเข่านิดหน่อย เนื้อผ้าแสนบางเบาสีขาวนวล นั่งบนเตียงกว้างคนละมุม กับชายหนุ่มในชุดนอนกางเกงเนื้อนิ่มขายาวและเสื้อสีขาว ทั้งสองสบตากันแล้วถอนหายใจ คนหนึ่งถอนหายใจด้วยความเห็นอกเห็นใจอีกคน ที่ถูกบังคับกักขังให้อยู่ในบ้านของตน อีกคนถอนหายใจเพราะภาพที่ปรากฏแก่สายตาตรงหน้าทำให้ร่างกายชักร้อนรุ่ม จนเริ่มจะควบคุมยากรสิตาสาบานได้เลยว่าเธอมีแต่ชุดนอนแบบนี้ และเธอก็ถือว่ามันเป็นเรื่องปกติมากในการที่จะใส่ชุดแบบ
รสิตาลืมตาขึ้นทันทีเมื่อพลิกกายมาอีกด้านสำเร็จ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกโล่งๆ หญิงสาวขมวดคิ้วเป็นโบสองชั้นในความมืด ก่อนจะเบิกตากว้างพลิกตัวกลับมาสบตาคนที่นอนมองเธออยู่ก่อนแล้ว ไทธรณ์ชูนิ้วชี้ที่เกี่ยวซับในขึ้น แล้วสะบัดไปด้านหลังอย่างไม่ไยดี เจ้าของซับในอ้าปากค้าง สปริงตัวลุกขึ้นนั่งทันทีแล้วเอื้อมมือไปสุดแขนเพื่อจะแย่งคืน แต่ทันซะที่ไหนล่ะท่านั่งคุกเข่าของรสิตามองหาซับในที่ปลิวตกไปอยู่ข้างเตียง ทำให้ไทธรณ์ร้อนรุ่มจนเลยขีดการควบคุมตนเอง ชายหนุ่มดึงร่างบางให้คร่อมขาอยู่บนร่างของตน“พี่ไททำอะไรน่ะ ไหนบอกว่าจะเป็นเด็กดี” รสิตาโวยวายในความมืด มือบางทุบอกแกร่งรัว“พี่เป็นเด็กดีมาตลอดล่ะ แต่ตอนนี้พี่โตแล้วนี่ และก็ไม่ได้สัญญาว่าจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีซะหน่อย” เป็นไงล่ะวาจาของนายใหญ่ รสิตาพยายามเอามือมาปิดกึ่งกลางกายของตนที่มันอ้ากว้างอยู่บนหน้าท้องแกร่งของชายหนุ่ม แต่พอเอามาปิด คนตัวโตก็ดึงออก จะหุบขาเข้ามือใหญ่ก็ดันออก ความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้นบนเตียงกว้างอย่างเลี่ยงไม่ได้“อ๊า” จะเป็นเสียงใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เสียงคนที่แรงน้อยกว่า ไทธรณ์ใช้แรงที่มากกว่าพลิกร่างรสิตาให้นอนห
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน
“ก็ได้ครับ ผมจะให้โอกาสคุณแล้วกัน พรุ่งนี้เราจะเริ่มงานกันจริงๆเสียที หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ต้องเลื่อนวันเริ่มงานอีกนะครับ” น่านน้ำคลี่ยิ้มกว้าง ยิ้มหวานบนในหน้าเนียนกับแววตาสดใสบ่งบอกว่าดีใจสุดขีด ทำให้หัวใจของภูชิตกระตุกวูบไหวอีกแล้ว“ขอบคุณมากค่ะ น้ำสัญญาว่าจะทำงานให้สุดความสามารถเลยค่ะ” ภูชิตพยักหน้ารับ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป เมื่อประตูห้องถูกปิดลง“คุณได้อยู่ต่อนะจ๊ะ คุณน่านน้ำ” น่านน้ำบอกกับตัวเองแล้วลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น โดยไม่สนใจเสื้อคลุมที่หล่นไปกองอยู่กับพื้น เธอกระทืบเท้ากรี๊ดในลำคอ ดีใจที่ยังมีโอกาสอยู่พิชิตใจเจ้านายหนุ่ม ร่างเล็กหมุนตัวอย่างมีคนมีความสุขสุดๆ จนไม่ได้ยินเสียงประตูที่เปิดออกอีกครั้ง“เอ่อ...คุณน่านน้ำผมรอทานขะ...” ภูชิตอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น น่านน้ำหยุดทุกการเคลื่อนไหวอ้าปากค้างตาโตและรีบหันหลังให้คนที่โผล่หน้าเข้ามา ภูชิตรีบดึงประตูปิด เขาหอบหายใจแรงราวกับเด็กหนุ่มเพิ่งเคยเห็นเนื้อนวลสาวครั้งแรก“ขะ...ขอโทษครับ ผมรอทานข้าวนะครับ” น่านน้ำรีบวิ่งไปกดล็อกประตู ก่อนที่จะเอ่ยเสียงแผ่วเบาออกไป“ค่ะ”
ภูชิตเปิดประตูรถออกแล้ววางร่างบอบบางไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับ มือใหญ่จับโน่นถอดนี่อย่างว่องไวไม่เว้นแม้แต่ชั้นในตัวจิ๋วสองชิ้น น่านน้ำตกใจหัวใจหล่นไปกองที่ตามตุ่ม ครั้นจะยกมือปัดป้องหรือเอ่ยปากว่าไม่เป็นไรแล้ว ก็ไม่ทันการณ์ นั่นยิ่งจะทำให้มารยาเล่มแรกที่เธองัดมาใช้ถูกเขาจับได้ เสียเชิงหญิงอย่างเธอกันพอดี คนตัวเล็กจึงจำใจหลับตาไว้อย่างนั้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าผิวเนื้อเนียนขาวโพลนของตัวเอง ตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงเรื่อขึ้นจนทั่วร่าง ด้วยความสะเทิ้นอาย หากแต่ภูชิตไม่ได้สังเกตเพราะเขารีบถอดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของตนมาคลุมร่างของหญิงสาวไว้ทันที และถึงจะไม่ทันได้สังเกตผิวเนื้อเนียนที่เปลี่ยนสี สายตาคมกล้าก็อดไม่ได้ที่ชำเลืองมองทรวงอกอวบอิ่มที่เคยสัมผัสมาแล้ว และรู้ว่าหยุ่นเด้งเพียงใดภูชิตรวบพันเสื้อผ้าและชั้นในเปียกน้ำเอาไปวางไว้ท้ายกระบะ ร่างใหญ่วิ่งไปเปิดประตูด้านคนขับ แล้วขึ้นนั่งประจำที่ หลังจากสตาร์ทรถแล้วภูชิตจึงรู้ว่าลืมปิดประตูอีกด้าน ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยื่นแขนยาวและโน้มตัวไปดึงประตูปิดช้าๆ กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆ
“ไร่ภูชิตนี่อากาศดี๊ดีนะคะ” น่านน้ำเอ่ยเสียงกังวานใส ยิ้มหวานระบายเต็มใบหน้าเนียน เจ้าของไร่ภูชิตมองรอยยิ้มนั้นนิ่งค้าง“คุณภูชิต คุณภูชิตคะ” น่านน้ำโบกมือไปมาตรงหน้าชายหนุ่ม ภูชิตสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเหมือนเดิม“เอ่อ...ครับ” “น้ำว่าที่นี่อากาศดี๊ดีนะคะ” ภูชิตยิ้มเล็กน้อยพยักหน้ารับ“คุณน่านน้ำชอบที่นี่ไหมครับ” คนถูกถามระบายยิ้มหวานอีกครั้ง“ชอบค่ะ เอ่อ...คุณภูชิตเรียกน้ำเฉยๆก็ได้นะคะ” ภูชิตพยักหน้ารับ“ครับคุณน้ำ” เสียงเรียกราวกับคนละเมอ“น้ำขออนุญาตเรียกคุณภูนะคะ จะได้คุ้นเคยกัน”“ครับ” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าใกล้ จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจกันและกัน บรรยากาศเบื้องหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน พระอาทิตย์ดวงกลมโตกำลังจะลับขอบฟ้า ลำแสงสีส้มสาดส่องไปทั่วบริเวณไร่ภูชิต น่านน้ำหลับตาพริ้ม เอาล่ะ...อะไรจะเกิดมันก็ต
“สิน...ไอ้สิน” ภูชิตตะโกนเรียกลูกน้อง เพราะรู้ดีว่าเหล่าลูกน้องที่ติดตามเขา ต้องคอยดูและระวังความปลอดภัยให้เขาอยู่ใกล้ๆ“ครับนาย” นายสินวิ่งเร็วมาถึงหน้าเรือนไม้ ยืนเอามือกุมเป้าก้มหน้ารอฟังคำสั่ง“ไปซื้อยาลดไข้ชนิดน้ำมาให้หน่อย” ลูกน้องตัวโตทำหน้างงแปลกใจ ภูชิตจึงตวาดเสียงดัง“แกจะทำหน้างงทำไม สั่งอะไรก็ไปซื้อมาสิ”“ครับนาย ว่าแต่วันนี้นายจะเข้าไปดูในไร่ไหมครับ ผมจะได้ให้ไอ้อ๋องมันมาขับรถให้”“วันนี้คงไม่ไปไหน จะไปทำอะไรกันก็ไปเถอะ” ภูชิตพูดจบก็เดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้ลูกน้องเกาหัวแกรกๆ ปกติแล้วภูชิตจะออกสำรวจไร่ทุกวัน ‘ไร่ภูชิต’ปลูกพืชไร่หลายชนิด ไม่เคยมีสักวันที่ผู้เป็นนายจะไม่ออกไปตรวจไร่ เพราะชายหนุ่มจะมุ่งมั่นกับการทำงานให้ออกมาดีที่สุด และมักจะควบคุมการทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง หากแต่ตอนนี้ผู้เป็นนายกลับมีบางอย่างที่รั้งให้เขาอยากอยู่กับบ้าน มากกว่าการออกไปตรวจงานไร่อย่างที่เคยเป็น“คุณน้ำ...ลุกมาทานยาเถอะจ้ะ” นางแตงอ่อนปลุกน่านน้ำในตอนเที่ยงเกือบบ่ายโมง หญิงสาวปรือตามองอย่างลำบาก แต่การที่ได้นอนหลับพักผ่อนมาตลอดช่วงเช้า และได้รับการเช็ด
ภูชิตสะบัดศีรษะไล่ความคิดติดเรทออกจากสมองตัวเอง เขายืนขึ้นเต็มความสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร แล้วก้มมองสภาพเปียกปอนของตัวเอง และหันไปมองคนบนเตียง เสื้อนอนลายคิดตี้สีชมพูเปียกแนบไปกับอกอวบ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าคิตตี้เป็นอะไรที่น่ารักมาก ยิ่งตอนนี้ที่มันสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะลมหายใจของคนที่สวมใส่อยู่ คิตตี้ช่างเป็นอะไรที่น่าค้นหาจริงๆยาก็กินไม่ได้ ตัวก็ร้อนจี๋ วิธีเดียวที่จะลดอุณหภูมิในตัวคนไข้ได้ ก็คงเป็นการเช็ดตัวสินะภูชิตกลับเข้ามาในห้องของน่านน้ำอีกครั้งในชุดใหม่ พร้อมกับกะละมังใบเล็กและผ้าขนหนู ชายหนุ่มยืนมองร่างของคนบนเตียงแล้วถอนหายใจ เขาวางกะละมังไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ร่างสูงนั่งลงบนเตียงชิดร่างของหญิงสาว“ผมจะเช็ดตัวให้นะ ไม่ได้คิดอะไรจริงๆนะ” บุรุษพยาบาลจำเป็นเอ่ยขึ้นเพื่อเตือนสติตัวเอง มากกว่าที่จะบอกคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง มือใหญ่ดึงผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างเล็กจนถึงคอ ก่อนจะค่อยๆคลำเข้าไปใต้ผ้าห่ม แกะกระดุมเสื้อนอนทีละเม็ด แล้วค่อยๆพลิกร่างใต้ผ้าห่มดึงเสื้อนอนออก“ชิ้นที่หนึ่ง” เสื้ออุ่นๆที่อยู่ในมือทำให้ภูชิตอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นอย่างกล้า