ความซาบซ่านจากจุดกึ่งกลางกายสาว แผ่ไปทั่วร่างของไอรัก สุดที่จะยับยั้งความรู้สึกหวามรัญจวนได้ ไอรักจิกเล็บบนแผ่นหลังกว้าง ส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอร่างบางกระตุกเกร็งหลายครั้ง ขาเรียวอ่อนแรงจนแทบจะทรงตัวไม่ไหว ธีร์ภาณุเร่งจังหวะสุดท้ายรุนแรงและถี่รัว ก่อนจะปีนป่ายไปถึงความสุขล้ำลึก ที่แผ่ซ่านไปทั้งร่าง ชายหนุ่มกระตุกเกร็ง พร้อมกับส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำในลำคอ ในขณะที่ริมฝีปากยังดูดดึงจุมพิตอยู่กับริมฝีปากบางอย่างเร่าร้อน เนิ่นนาน ก่อนจะเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นดูดดึงเบาๆและขบเม้มอย่างหยอกล้อ ท่อนขาเรียวถูกปล่อยวางลงบนพื้น หากแต่มือหนายังไม่วายลูบไล้ไปทั่วทุกที่บนร่างบางอย่างเอาแต่ใจ ไอรักก้มหน้าลงแนบแก้มกับอกกว้าง แขนเรียวกลมกลึงยังกอดลำตัวแกร่งไว้แน่น เธอคิดว่าถ้าหากปล่อยมือตอนนี้ ร่างของเธออาจจะร่วงไปกองอยู่กับพื้นก็เป็นได้ เพราะเธอเหนื่อยเหลือเกิน
“หนูไอง่วงจัง”
ไอรักพึมพำกับอกกว้าง หญิงสาวแทบจะหลับตาอยู่ใต้สายน้ำอุ่น เธอรับรู้ถึงการกระเพื่อมของอกแกร่ง เนื่องจากธีร์ภาณุหัวเราะเบาๆกับท่าทางของเธอ
“พี่อาบน้ำให้นะครับ”
ไอรักพยักหน้ารับ เธอไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว หญิงสา
“ว้าย!” ธีร์ภาณุโผทับร่างเล็กเบาๆแต่กดตรึงไว้ด้วยร่างของตน ไอรักแทบจะจมหายไปบนที่นอนนุ่ม หัวใจเต้นโครมคราม แต่กลับมีความรู้สึกหวิวไหวแปลบปลาบเกิดขึ้นอย่างน่าตกใจ เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของธีร์ภาณุที่เธอสวมใส่อยู่ก็ร่นไปถึงไหนต่อไหน เพราะเธอไม่ได้ใส่ชั้นในสักชิ้น มันทำให้ไอรักรู้สึกไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย ก็คนตัวโตนี่แหละพาเธอไปนอนที่โกดังโดยไม่รู้ตัวทำให้หลังจากอาบน้ำแล้ว เธอต้องพึ่งพาเสื้อผ้าของเขาไปโดยปริยาย“ไม่เอานะคะ หนูไอหิว”“พี่ก็หิว กินยังไงก็ไม่อิ่ม” คำพูดกำกวมทำให้ไอรักหน้าแดงเรื่อ และผินหน้ามองเมินไปทางอื่นไม่กล้าสบตาชายหนุ่ม แก้มนวลถูกหอมซ้ำๆหลายครั้งอย่างมันเขี้ยว“พอแล้วค่ะ” ไอรักใช้มือยันคางสากไว้“ใจร้าย” คนตัวโตประท้วง สายตาเว้าวอน“พี่ธีร์แหละใจร้าย หนูไอจะฟ้องป๊ากับคุณลุง”“ฟ้องเลยจ้า อืม...เดี๋ยวหนูไอจะเล่าเหตุการณ์ไม่ครบถ้วน มามะพี่จะทวนความจำให้”“ไม่ๆ พี่ธีร์อย่าสิคะ”คนตัวโตได้ทีจับตรงโน้น จุ๊บตรงนี้ คนตัวเล็กก็ได้แต่ป่ายปัดเป็นพัลวัน เสียงหัวเราะของธีร์ภาณุและเสียงใสๆของไอรักดังแว่วออกจากห้องมา ทำให้มินตราที่เ
ไอรักเปิดประตูออกมาเห็นธีร์ภาณุนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ และมินตรายืนอยู่ใกล้ๆกัน ก่อนที่ไอรักจะได้พูดอะไรมินตราก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน“ขอบคุณสำหรับที่พักหนึ่งคืนนะคะคุณไอรัก ลาก่อนค่ะ” มินตราพูดจบก็เดินเร็วออกจากบ้านไป ไอรักมองตามงงๆ และหันกลับมามองคนตัวโตที่นั่งส่งยิ้มหวานเชื่อมมาให้เธอ“คุณมินตราเขาไม่อยู่ทานอาหารเช้ากับเราหรือคะ”“ช่างเขาเถอะ ต่อไปนี้มินคงไม่กลับมาที่ไร่แสงตะวันแล้วล่ะ” ธีร์ภาณุลุกขึ้นเดินมาโอบกอดหญิงสาวตัวเล็กไว้หลวมๆ ไอรักไม่ได้ขัดขืนอะไร“ทำไมล่ะคะ”“เขารู้แล้วว่าไม่มีทางสู้กับนายหญิงตัวจริงของไร่แสงตะวันได้ ก็นายหญิงคนนี้ของพี่ทั้งน่ารัก ทั้งเก่ง หัวไวทุกเรื่อง” ไอรักหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที หญิงสาวเข้าใจในความหมายที่ธีร์ภาณุพูดถึง และก็อดไม่ได้ที่จะหยิกแขนแกร่งแรงๆ“โอ๊ย! ทำร้ายร่างกายอย่างนี้ต้องโดนทำโทษ” ธีร์ภาณุย่อตัวลงอุ้มร่างบางแนบอก“อาหารเช้ามาแล้วค่ะนายเล็ก” ธีร์ภาณุสบตาไอรักทำหน้าเซ็ง หันไปมองป้าบัวด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความขัดใจยิ่งนัก ป้าบัวรู้ตัวว่ามาผิดเวลา จึงรีบวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะแล้วเดินเลี่ยงออกไป
“ว้าย!” เสียงผู้หญิงที่เขาควงมาด้วยร้องวี้ดว้ายและนั่งลงช่วยพยุงเขา ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นเริ่มเข้ามามุงดู“ไอ้ไทธรณ์ แกกล้าชกฉันเหรอ แกรู้จักฉันน้อยไปแล้ว ฉันจะฟ้องพ่อให้จัดการแก” กฤษณ์ถูกชกจนเซล้มก้นกระแทกพื้นชี้หน้าไทธรณ์“ให้มันรู้กันไปว่าใครจะโดนจัดการกันแน่” ไทธรณ์หันหลังกลับไม่สนใจเสียงโหวกเหวกโวยวายแถวนั้น เขาโอบเอวรสิตาที่ยืนตะลึงอยู่แล้วพากลับไปที่รถ ก่อนจะขับรถออกจากร้านไป โดยในใจก็คิดหาวิธีจะจบปัญหากับชายหนุ่มคนนี้เสียที เขาไม่อยากให้รสิตาเสียหายกับเรื่องแบบนี้“มีคนมาบอกพ่อว่ามีเรื่องกันที่ร้านอาหารหรือแนน?” น้ำเสียงเยือกเย็นและหนักแน่นยิงคำถามทันที ที่รสิตาและไทธรณ์ก้าวเท้าผ่านประตูห้องรับแขกเข้ามา เจ้าสัวปรีชานั่งรอลูกสาวอยู่นานพอสมควรแล้ว หลังจากได้ข่าวว่า ไทธรณ์และรสิตามีเรื่องชกต่อยกับลูกนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ร้านอาหาร ไทธรณ์เหลือบมองบอดี้การ์ดชุดดำกระจายตัวยืนอยู่ทั่วบริเวณบ้าน แล้วแอบกลืนน้ำลายลงคอ“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณพ่อ ทุกอย่างเรียบร้อยดี แนนก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยนี่คะ” รสิตาเดินปรี่เข้าไปนั่งข้างบิดา และโอบกอดเอวหนาพร้อมกั
“เอ่อ...เรานอนห้องเดียวกันก็ได้นะแนน พี่สัญญาว่าจะเป็นเด็กดี” รสิตาหลุดยิ้มออกมากับคำบอกกล่าวของไทธรณ์“แนนมั่นใจในตัวพี่ไทค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวานให้สมาชิกร่วมห้องคนใหม่ของตน“พี่ไทอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเราค่อยมาคิดหาทางออกกัน” รสิตาพูดเพื่อให้กำลังใจไทธรณ์ หญิงสาวรู้สึกสงสารเขาที่ถูกบิดาของตนบังคับ ดูท่าทางไทธรณ์จะอึดอัดอยู่ไม่น้อยประตูห้องน้ำปิดลง พร้อมกับรอยยิ้มผุดพรายขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา แววตาหม่นเศร้าที่ดูอึดอัดหายไปในบัดดล เขาแทบจะผิวปากออกมาด้วยซ้ำ ถ้าไม่กลัวว่าคนข้างนอกจะได้ยินหญิงสาวในชุดนอนสายเดี่ยวกระโปรงยาวเหนือเข่านิดหน่อย เนื้อผ้าแสนบางเบาสีขาวนวล นั่งบนเตียงกว้างคนละมุม กับชายหนุ่มในชุดนอนกางเกงเนื้อนิ่มขายาวและเสื้อสีขาว ทั้งสองสบตากันแล้วถอนหายใจ คนหนึ่งถอนหายใจด้วยความเห็นอกเห็นใจอีกคน ที่ถูกบังคับกักขังให้อยู่ในบ้านของตน อีกคนถอนหายใจเพราะภาพที่ปรากฏแก่สายตาตรงหน้าทำให้ร่างกายชักร้อนรุ่ม จนเริ่มจะควบคุมยากรสิตาสาบานได้เลยว่าเธอมีแต่ชุดนอนแบบนี้ และเธอก็ถือว่ามันเป็นเรื่องปกติมากในการที่จะใส่ชุดแบบ
รสิตาลืมตาขึ้นทันทีเมื่อพลิกกายมาอีกด้านสำเร็จ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกโล่งๆ หญิงสาวขมวดคิ้วเป็นโบสองชั้นในความมืด ก่อนจะเบิกตากว้างพลิกตัวกลับมาสบตาคนที่นอนมองเธออยู่ก่อนแล้ว ไทธรณ์ชูนิ้วชี้ที่เกี่ยวซับในขึ้น แล้วสะบัดไปด้านหลังอย่างไม่ไยดี เจ้าของซับในอ้าปากค้าง สปริงตัวลุกขึ้นนั่งทันทีแล้วเอื้อมมือไปสุดแขนเพื่อจะแย่งคืน แต่ทันซะที่ไหนล่ะท่านั่งคุกเข่าของรสิตามองหาซับในที่ปลิวตกไปอยู่ข้างเตียง ทำให้ไทธรณ์ร้อนรุ่มจนเลยขีดการควบคุมตนเอง ชายหนุ่มดึงร่างบางให้คร่อมขาอยู่บนร่างของตน“พี่ไททำอะไรน่ะ ไหนบอกว่าจะเป็นเด็กดี” รสิตาโวยวายในความมืด มือบางทุบอกแกร่งรัว“พี่เป็นเด็กดีมาตลอดล่ะ แต่ตอนนี้พี่โตแล้วนี่ และก็ไม่ได้สัญญาว่าจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีซะหน่อย” เป็นไงล่ะวาจาของนายใหญ่ รสิตาพยายามเอามือมาปิดกึ่งกลางกายของตนที่มันอ้ากว้างอยู่บนหน้าท้องแกร่งของชายหนุ่ม แต่พอเอามาปิด คนตัวโตก็ดึงออก จะหุบขาเข้ามือใหญ่ก็ดันออก ความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้นบนเตียงกว้างอย่างเลี่ยงไม่ได้“อ๊า” จะเป็นเสียงใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เสียงคนที่แรงน้อยกว่า ไทธรณ์ใช้แรงที่มากกว่าพลิกร่างรสิตาให้นอนห
ไทธรณ์คลายอ้อมกอดแล้วจับร่างบางหันหลังให้นั่งบนตักตัวเอง จมูกโด่งดอมดมไปตามไหล่เนียน มือหนาควานสะเปะสะปะไปทั่วร่างนุ่มนิ่มด้านหน้า รสิตาต้องตามตะครุบไว้ และยึดสองมือร้อนร้ายกาจไว้แน่น“พี่ไทเป็นเด็กดื้อ” รสิตาเอ่ยเสียงเบา“หึๆ” ไทธรณ์หัวเราะเบาๆ ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดแน่น เขาพยายามข่มความรู้สึกที่ยังไม่มอดดับไปทั้งหมด“แนนนอนเถอะ พี่ขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะครับ” ชายหนุ่มวางร่างนุ่มนิ่มลงอย่างแสนเสียดาย เขาห่มผ้าให้รสิตา ก้มลงจุ๊บหน้าผากมนเบาๆ แล้วรีบลุกเข้าห้องน้ำไปไทธรณ์ใช้น้ำเย็นในการดับอารมณ์รักที่ยังคุกรุ่นอยู่ แค่นี้มันไม่พอสำหรับผู้ชายสุขภาพดีและแข็งแรงอย่างเขา เพียงแต่ไทธรณ์ยังต้องการให้คืนเข้าห้องหอมีความหมายอยู่ เขาคงต้องจัดงานแต่งงานพร้อมกับน้องชายเลย สมใจคุณกานดาเขาล่ะ จัดงานครั้งเดียวได้ลูกสะใภ้ตั้งสองคน ป่านนี้แม่ของเขาคงกระโดดดีใจแล้วมั้ง ที่รู้ว่าลูกชายถูกกักตัวอยู่ที่นี่ จะว่าไปเมื่อตอนกลางวันเขาเกือบหลุดเก๊กดีใจ ตอนที่เจ้าสัวปรีชาบอกให้อยู่ที่นี่เลย เขาเองคิดถึงรสิตามาก ยิ่งคิดถึงภาพคืนเร่าร้อนที่เขาพาเธอข้ามผ่านไปด้วยกันภายในห้องนอนที่ออฟฟิศ
“เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะครับ” ไทธรณ์ถือโอกาสรั้งเบาๆให้คนตัวเล็กเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของตน แล้วกระซิบข้างหูเบาๆ“ค่ะ...รับทราบค่ะคุณสามี”รสิตาตอบรับยิ้มๆอยู่ชิดแผงอกกว้างถ้าอย่างนั้นคืนนี้ก็เป็นคืนเข้าหอสินะ...รอยยิ้มฉาบอยู่บนในหน้าคมเข้มเมื่อคิดถึงคืนนี้“อ้าว! ตาธีร์ หนูไอ วันนี้กินข้าวเที่ยงกับแม่เลยนะ แล้วค่อยไปดูชุดที่ร้าน แม่ไปหาพระอาจารย์คอนเฟิร์มฤกษ์เดือนหน้ามาแล้วนะ ฤกษ์ดีสำหรับแต่งทั้งสองคู่” คุณกานดาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลูกชายคนเล็กจูงมือลูกสะใภ้ขึ้นมาบนเรือนไทย“สองคู่!” ธีร์ภาณุและไอรักเอ่ยขึ้นพร้อมกัน“จะตกใจอะไรกัน ก็ตาธีร์กับหนูไอ ตาไทกับแนนไง เฮ้อ! ในที่สุดแม่ก็จะได้นอนตายตาหลับเสียที เจ้าทโมนทั้งสองได้เป็นฝั่งเป็นฝากับเขาแล้ว”“ทำไมอยู่ดีๆ พี่ไทถึงได้แต่งปุ๊บปั๊บล่ะครับ” ธีร์ภาณุยังไม่หายสงสัย เพราะไม่เห็นพี่ชายจะเล่าอะไรให้ตนฟังเลย นี่เขาพลาดอะไรไปหรือเปล่า ถึงไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพี่ชายตนเอง คุณกานดาเลยต้องเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกชายคนเล็กฟัง ธีร์ภาณุแอบหลุดขำเล็กน้อย เมื่อรู้ถึงเห
“ก็ได้ครับ นอนคนเดียวพี่คงเหงาน่าดู” ธีร์ภาณุก็ยังอดไม่ได้ที่จะตีหน้าเศร้า แต่ชายหนุ่มก็ยินยอมที่จะทำตามที่ไอรักต้องการ เขาไม่ได้กลัวว่าจะโดนฟ้อง เพราะยังไงผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็ยินยอมพร้อมให้ที่จะจับคู่ให้เขาอยู่แล้ว เพียงแต่เขาต้องการให้ไอรักมั่นใจในตัวเขา ว่าทำตามที่พูดได้จริงๆ ไอรักยิ้มให้กับชายหนุ่ม“ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่ธีร์ต้องกลับมาส่งหนูไออีก กว่าจะกลับไร่เดี๋ยวจะค่ำมืด”“หนูไอเป็นห่วงพี่ใช่ไหมครับ” ไอรักยิ้ม“ค่ะ เป็นห่วง”“ดีใจจัง” ธีร์ภาณุพูดจบก็หมายจะหอมแก้มนวลอีกสักฟอด ไอรักรู้ทันเบี่ยงตัวหลบทันท่วงที“พอแล้วค่ะพี่ธีร์ ไปค่ะ”หญิงสาวออกแรงดึงชายตัวโต ให้เดินตามกันไปขึ้นรถเพื่อจะลองชุดที่ร้าน เพราะดูๆสถานการณ์แล้ว ถ้ายังยืนคุยกันอยู่ตรงนี้ เธอต้องเสียค่ามัดจำไปอีกหลายกระบุงโกยแน่นอน“อยากให้ถึงวันแต่งงานเร็วๆจัง พี่จะตรอมใจตายก่อนไหมหนอ?” ธีร์ภาณุออดอ้อนคนนั่งข้างๆ ขณะที่ขับรถอย่างสบายอารมณ์ ไอรักยิ้มหวานให้อย่างรู้ทัน“อย่างพี่ธีร์ไม่มีทางตรอมใจตายหรอกค่ะ หรือถ้าจะตรอมใจตายจริงๆ ก็ดีน
ไอรักหลับยาวแทบจะไม่รู้เรื่อง หลังจากจบงานพิธีช่วงเช้าตอนเกือบเที่ยง และถูกพาตัวมาที่ไร่เพื่อเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงกลางคืน หญิงสาวถูกกำหนดว่าให้พักผ่อน ก่อนจะลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมอีกครั้งเพียงสองชั่วโมง หากแต่คนที่เป็นเจ้าบ่าวกลับไม่ได้พักผ่อนเลย เขาต้องการตรวจงานเองทุกอย่างเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด“นายเล็ก พี่หนูไอยังไม่ออกมาจากห้องเลยค่ะ สงสัยหลับอยู่น่ะค่ะ ช่างแต่งหน้าทำผมมานั่งรอนานแล้วนะคะ” น้อยหน่าวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกชายหนุ่มขณะที่เขากำลังสั่งงานเสร็จพอดี และกำลังจะไปเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงค่ำคืนนี้“หนูไอคงเหนื่อยมาตั้งแต่เมื่อเช้าน่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเรียกให้เอง”ธีร์ภาณุเดินเร็วกลับไปยังบ้านหลังเล็กของเขา เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน บรรดาช่างแต่งหน้าทำผมที่เป็นสาวประเภทสอง ต่างก็แอบกรี๊ดอยู่ในใจเมื่อเห็นเจ้าบ่าวในระยะใกล้“ขอโทษนะครับที่ต้องรอ เดี๋ยวผมจะเรียกเจ้าสาวให้นะครับ”พูดจบธีร์ภาณุหายเขาไปในห้องนอนพร้อมกับปิดล็อกประตู ทำเอาคนที่นั่งรอแต่งหน้าเจ้าสาวที่ได้ยินเสียงล็อกประตู ต่างมองหน้ากันว่าจะ ล็อกประตูเพื่ออะไร แค่เข้
“ได้ยาดีอย่างนี้หายวันหายคืนแน่” ไอรักหยิกที่อกกว้างเบาๆ“เจ้าเล่ห์ตลอด ไปทานข้าวกันได้แล้วค่ะ ป่านนี้ป้าบัวยกสำรับมาให้แล้ว”“อีกนิดไม่ได้เหรอ?” ธีร์ภาณุออดอ้อนต่อรอง“หยุดเลยนะ อีกนิดของพี่ธีร์มันไม่เคยเชื่อถือได้เลยค่ะ ไปค่ะลุกแล้วไปทานข้าวกันจะได้ทานยา”“รู้ทันตลอด” ธีร์ภาณุลุกขึ้นจากอ่างก่อน เขาไม่อายร่างกายของตัวเอง แต่ไอรักน่ะสิ ได้แต่ก้มหน้างุดไม่กล้ามอง ทั้งที่ก็เห็นมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว“ลุกขึ้นสิครับหนูไอ พี่จะเช็ดตัวให้” ธีร์ภาณุพันผ้าเช็ดตัวที่เอวสอบ แล้วถือไว้ในมืออีกผืน ไอรักโยกโย้ไม่อยากลุกขึ้นจากอ่าง“พี่ธีร์ออกไปก่อน หนูไอเช็ดเองก็ได้ค่ะ”“ถ้าหนูไอไม่ลุกออกมาจากตรงนั้น พี่จะลงไปอีกนะ” ไม่พูดเปล่ามือหนาทำท่าจะปลดปมผ้าขนหนูที่เอวตนเองด้วย“ลุกค่ะ ลุกแล้ว” ไอรักลุกขึ้นก้าวขาเรียวอกมาจากอ่าง ธีร์ภาณุมองร่างสมส่วนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าแล้วยิ้มกริ่ม ไอรักค้อนขวับวงใหญ่“หนาวค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเบาๆ ทำให้ธีร์ภาณุต้องรีบใช้ผ้าเช็ดตัวให้ร่างนุ่มนิ่มอย่างอ้อยอิ่ง“แต่งงานแล้ว เราอาบน้ำด้วยกันทุกวันเนอะ” ไอรักตวัดส
“พี่ธีร์” ไอรักเรียกหาคนป่วยเมื่อขึ้นบ้านมาแล้วไม่เห็นธีร์ภาณุนั่งอยู่ที่เดิม“ไปไหนของเขานะ” ไอรักเดินตามเข้าไปหาในห้องนอน มองไปยังประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่“พี่ธีร์อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่าคะ” ไอรักเคาะประตูห้องน้ำเบาๆ แต่ก็เงียบไม่มีเสียงตอบ หญิงสาวเลยเปิดประตูห้องน้ำ แล้วโผล่หน้าเข้าไปมองหา จึงได้เห็นว่าคนตัวโตนอนหลับตาพริ้มแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ“พี่ธีร์” ไอรักเรียกเบาๆ ธีร์ภาณุลืมตาขึ้นช้าๆ เขายันกายขึ้นนั่งตัวตรงในอ่างอาบน้ำ“พี่เมื่อยตัวเลยอยากแช่น้ำอุ่นหน่อย นี่เผลอหลับไปหรือเนี่ย” ธีร์ภาณุพูดด้วยน้ำเสียงเพลียๆ“หนูไอรอที่โต๊ะหลังบ้านนะคะ อีกเดี๋ยวป้าบัวจะยกกับข้าวมาให้”“ครับ...โอ๊ย!” ธีร์ภาณุยกมือขึ้นกุมหัว สีหน้าแสดงอาการเจ็บปวดได้อย่างแนบเนียน ไอรักรีบปราดเข้าไปนั่งลงข้างอ่างอาบน้ำ แล้วจับบ่าคนสำออยด้วยความเป็นห่วง“เป็นอะไรคะ ปวดหัวหรือคะ ไปหาหมอไหม” คนเป็นห่วงซักถามอาการเร็วปรื๋อ“เจ็บตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้” ธีร์ภาณุจับมือบางวางตรงนั้น ตรงนี้แล้วทำหน้าสำออย แต่ไอ้ตรงนี้สุดท้ายของเขาน่ะ มันอยู่ใต้น้ำ คนที่สัมผัสได้ถ
“เออ...หายไวๆนะครับนายเล็ก รีบกลับไปเคลียร์งานที่ไร่ให้เสร็จด้วย ไม่อย่างนั้นจะบอกแม่ให้เลื่อนงานแต่งของแกออกไป ให้ฉันแต่งกับแนนคู่เดียวพอ” ไทธรณ์ขู่น้องชาย แต่ดูเหมือนคนไข้จะจงใจหลับตาลงทำหูทวนลมไม่สนใจคำพูดใดๆ“พี่กลับก่อนนะคะหนูไอ อย่าดูแลแต่คุณธีร์จนลืมดูแลสุขภาพตัวเองนะ”“ค่ะพี่แนน ขอบคุณมากนะคะ” ไอรักยิ้มหวานพร้อมกับเดินไปส่ง รสิตากับไทธรณ์ที่ประตู“ฝากดูแล้เจ้าธีร์ด้วยนะหนูไอ พี่กลับก่อนนะครับ” ไทธรณ์พูดพร้อมกับชำเลืองสายตารู้ทันไปที่คนไข้ที่ทำเป็นนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง“ค่ะพี่ไท” ไอรักตอบยิ้มๆแล้วเหลือบสายตามองไปยังร่างของคนตัวโตบนเตียงคนไข้ไอรักดึงประตูห้องปิดแผ่วเบา แต่ก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมือใหญ่ปาดหน้ากดปิดล็อกตามทันที“พี่ธีร์! ทำอะไรคะ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหลือร้ายผุดพรายเต็มใบหน้า“มันค้างอะ” ไอรักตีท่อนแขนแกร่งเบาๆ แล้วรุนหลังธีร์ภาณุตรงไปยังเตียง ชายหนุ่มเดินไปตามแรงน้อยนิดที่พยายามบังคับตัวเองอยู่“ไม่ต้องเลยนะ เป็นคนไข้ก็ต้องพักผ่อนเยอะๆ” ไอรักจับคนตัวโตหมุนแล้วเขย่งเท้าเพื่อวางมือบนบ่ากว้าง ออกแรงกดลงเ
ชายหนุ่มรุกเร้าหนักขึ้น เขาดึงร่างนุ่มนิ่มขึ้นมานั่งบนตักตัวเอง เพื่อจะได้สัมผัสทุกส่วนของหญิงสาวได้ถนัด เสื้อชั้นในลูกไม้ถูกปลดตะขอหน้าอวดความอวบอิ่มจนคนเห็นแทบคลั่ง ใบหน้าสากก้มลงซุกไซ้อกนิ่มอย่างรวดเร็วด้วยความพึงพอใจ และดูดดึงชิมความหวานจากยอดอกชูชันอย่างไม่รู้จักอิ่ม จนร่างบางสะท้านครั้งแล้วครั้งเล่าไอรักกัดริมฝีปากบางไว้แน่น แต่ก็ยังไม่สามารถกักเก็บอารมณ์หวามไว้ได้จนต้องเผลอครางออกมา เมื่อได้กำไรพอควรจากร่างบางที่มีรสหวานล้ำ ชายหนุ่มก็หยุดการรุกรานซบหน้านิ่งลงกับอกนิ่ม ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นสบตาของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยเพลิงเสน่หา ซึ่งตนเองเป็นคนก่อ ธีร์ภาณุยิ้มใส่ดวงตาคู่สวยก่อนจะค่อยๆติดตะขอชั้นในและกระดุมเสื้อให้หญิงสาว และจัดชุดให้เรียบร้อยเหมือนเดิม แล้วโอบเอวบางไว้หลวมๆไอรักถอนหายใจด้วยความโล่งอกปนเสียดายอย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวยังนั่งนิ่งอยู่บนตักของธีร์ภาณุ มันรู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้ๆผู้ชายคนนี้ ไอรักไม่รู้ว่าความรู้สึกรังเกียจเมื่อตอนที่พบครั้งกันครั้งแรกมันหายไปไหน รู้แต่ว่าไม่กลัวสัมผัสจากเขาแล้ว หากแต่รู้สึกดีด้วยซ้ำไป สองหนุ่มสาวสบตาก
หญิงสาวพูดจบก็กอดคุณนายกานดาแน่น น้ำตาที่สะกดกลั้นเอาไว้ไหลอาบสองแก้มนวล ไอรักสะอื้นจนตัวโยน จึงไม่ทันได้สังเกตว่าคุณกานดาหยุดร้องไห้แล้วคนป่วยที่นั่งอยู่บนรถเข็นถูกเข็นออกมา ทันได้ยินทุกถ้อยคำชัดเจน ธีร์ภาณุยิ้มกว้าง รู้สึกหัวใจพองโตจนคับอก อยากจะดึงตัวคนร่างบางในชุดเจ้าสาวเข้ามากอดแล้วหอมแก้มนวลสักฟอดใหญ่ๆ“พี่จะถือเป็นคำสัญญานะครับ” ไอรักผละจากอ้อมกอดคุณกานดาทันที พร้อมๆกับหันขวับไปทางเจ้าของเสียง“พี่ธีร์...”ไอรักใช้มือปาดน้ำตาป้อยๆยิ้มอย่างเอียงอาย มองดูทุกคนที่อมยิ้มไปกับท่าทางของเธอ“หนูไอครับพี่หิวน้ำ” น้ำเสียงออดอ้อนของคนป่วยช่างน่าหมั่นไส้นัก“ค่ะ” ไอรักรับคำอย่างเสียไม่ได้ไอรักรินน้ำใส่แก้วแล้วนำมายื่นให้คนป่วย ที่นั่งพิงหลังอยู่บนเตียง แต่ธีร์ภาณุก็ไม่รับแก้วไปสักที“รับไปสิคะพี่ธีร์”“พี่ปวดแขน” ไอรักมองหน้าคนตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จอย่างเหนื่อยใจ เพราะจากการสอบถามอาการจากคุณหมอเจ้าของไข้ ก็ทำให้ ไอรักรู้ว่า ธีร์ภาณุไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ศีรษะกระแทกแล้วหมดสติไป เมื่อตรวจ
ไอรักอยู่ในชุดเจ้าสาวสีฟ้าอ่อน ผ้าลูกไม้อย่างดีถูกออกแบบให้ดูเรียบหรู ในแบบชุดเกาะอกกระโปรงสั้นเหนือเข่า กับรองเท้าส้นสูงแบบสานสีฟ้าอ่อนเข้ากับชุด บนศีรษะมีช่อดอกไม้สีขาวเล็กๆพร้อมกับผ้าพลิ้วบางสีฟ้าทิ้งตัวลงมาด้านหลัง พอดีกับผมยาวเกือบกลางหลังของหญิงสาว“โอเคไหมคะ” เจ้าของร้านถามไถ่อย่างใส่ใจ ขณะที่ยืนมองไอรักหมุนซ้ายขวาอยู่หน้ากระจกบานใหญ่“เอ่อ หนูไอว่าช่วงเอวจะหลวมไปนิดน่ะค่ะ พี่หลินช่วยแก้ให้หน่อยนะคะ”“ได้ค่ะ แล้วจะให้ใส่อะไรเพิ่มในรายละเอียดของชุดไหมคะ” ไอรักมองดูตัวเองในกระจก แล้วหันมายิ้มให้เจ้าของห้องเสื้อ“ไม่ล่ะค่ะพี่หลิน แก้แค่เอวก็พอแล้วค่ะ”“พี่ขอเวลาแก้สักหนึ่งคืนนะคะ พรุ่งนี้พี่หลินจะให้คนไปส่งที่เรือนไทยนะคะ”“ค่ะ ขอบคุณพี่หลินมากนะคะ”“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ยินดีบริการสำหรับคุณไอรักเป็นพิเศษเลยค่ะ” เจ้าของร้านกับลูกค้าต่างยิ้มให้กัน และกำลังจะช่วยกันถอดชุดเจ้าสาวออก“หนูไอครับ หนูไอ”ไอรักชะเง้อฟังเสียงที่เรียกอย่างร้อนรนนั้น“เสียงคุณไทค่ะคุณไอรัก”ไอรักทำสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย แล้วรีบเดินออกมาจ
“อ้าว! วอนแล้วไหมล่ะ นั่นเมียเพื่อนนะโว้ย!” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับทำสีหน้าจริงจังเอาเรื่อง“เฮ้ย! ไอ้บ้า ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ฉันหมายถึงว่า น่าจะพาคุณไอรักมาให้ฉันคุ้นเคยหน่อย เผื่อเขาจะมีเพื่อนที่หน้าตาน่ารักเหมือนกัน ฉันจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาสักที นี่แม่ก็มาวุ่นวายจับคู่คนโน้น แนะนำคนนี้ให้ฉันอยู่ได้ ไม่รู้อะไรนักหนา”“สมน้ำหน้า ก็แกเล่นทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัย ลอยไปลอยมาอยู่ได้ เมื่อไหร่จะหาสะใภ้เป็นตัวเป็นตนให้แม่เขาได้วางใจสักทีล่ะ”“เฮ้ย! ของอย่างนี้มันบังคับใจกันได้ที่ไหน ก็ที่เจอมันเคมีไม่ตรงกันนี่หว่า คบประเดี๋ยวประด๋าวพอได้ แต่ให้เอามาเป็นแม่ของลูก ไม่ไหวว่ะ...ว่าแต่แกเหอะไอ้เสือ คิดยังไงวะ ถึงตัดสินใจลงเอยกับคุณไอรัก เห็นตอนแรกที่มาเล่าให้ฟังโวยวายนักหนาว่าโดนบังคับ บอกตรงๆเซอร์ไพรส์มาก” ปลัดเมฆายิงคำถามจบก็จ้องหน้าเพื่อนรอฟังคำตอบ“แกเคยเชื่อในรักแรกพบไหมวะ” คำตอบที่ได้รับทำให้ปลัดเมฆาสำลักกาแฟ จ้องมองหน้าเพื่อนอย่างขำๆ“ครั้งแรกที่ฉันเจอหนูไอ ฉันก็หลงใหลไปกับหน้าตาเหมือนกับผู้ชายทั่วไปที่เจอผู้หญิงสวยๆแหละ แต่พอได้ใกล้ชิดพูดคุยยิ่งทำให้ฉันรู้
“แนนเป็นไงบ้างตาไท ทางนั้นมีอะไรให้เราช่วยไหม” คุณกานดาถามถึงว่าที่ลูกสะใภ้คนโตอย่างเป็นห่วง“ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ งานไม่ล่มแน่นอนครับคุณกานดา” ไทธรณ์ยิ้มให้มารดา ก่อนจะถูกค้อนขวับวงใหญ่จากคุณกานดา“ไม่ต้องมาประชดประชันแม่เลยตาไท ดีนะที่แนนไม่เป็นไร เพราะเราคนเดียวเลยที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ต่อไปต้องดูแลแนนให้ดีๆเข้าใจไหม”“ครับแม่ ผมจะดูแลสะใภ้คนโตของแม่ให้ดีที่สุด ด้วยเกียรติของกระผมครับ” ไทธรณ์ล้อเลียนรับคำหนักแน่น“หนูไอคิดถึงพี่บ้างไหมครับ” ธีร์ภาณุยิงคำถามตรงๆเมื่ออยู่กันสองต่อสองภายในสวนหลังบ้าน หลังจากที่ทานอาหารว่างกับคุณกานดาตามคำชวนของผู้เป็นแม่แล้ว ไทธรณ์ก็ขอตัวกลับไปดูงานที่ท่าข้าว คุณกานดาเองก็ติดภารกิจเลือกเครื่องเพชรไว้ให้ว่าที่ลูกสะใภ้ใส่ในวันแต่งงานเมื่อถูกถามตรงๆไอรักเลือกที่จะยิ้มหวานแทนคำตอบ ทำเอาคนที่ตั้งคำถามโวยวายประท้วงไม่ยอม“ไม่เอาครับ อย่ายิ้มอย่างเดียวสิ พี่อยากได้ยินให้หายเหนื่อย พอให้พี่ได้ชื่นใจนะหนูไอ” ไอรักหัวเราะคิก จ้องมองนัยน์ตาของคนที่กำลังรอคำตอบ“คิดถึงสิคะป๋า” ธีร์ภา