กวีก้าวช้าๆไปยังต้นเสียงที่คาดว่าน่าจะอยู่ข้างตู้ใบสุดท้ายที่มีตะกร้าใบใหญ่วางบังอยู่ แม่พราวกับพรรณดารายืนกอดกันมองตามเขาไปตาไม่กะพริบ
“ออกมาได้แล้วลูกปลากะพงคำราม” กวีหยุดยืนอยู่หน้าตู้ใบสุดท้าย เขารอให้ลูกๆลุกออกมาเอง
“พ่อปลากะพงจงบอกรหัสลับของเรา” เสียงจริงจังของพี่พร้อมดังขึ้น ผู้เป็นพ่อยิ้มทว่าไม่ยอมบอกรหัสลับ
“ออกมาได้แล้วครับ คุณแม่รออยู่” กวีบอก เขาหันกลับไปมองสบตากับภรรยา เธอยิ้มตอบเขาอย่างดีใจ
“ไม่เอา พ่อปลากะพงคำรามต้องบอกรหัสลับมาก่อนสิค้า ถ้าบอกรหัสลับไม่ได้ ก็แสดงว่าไม่ใช่พวกเดียวกัน ลูกปลากะพงคำรามไม่ออกไปหรอก” คราวนี้เป็นเสียงเล็กๆของน้องพริ้ง
กวีถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาหันกลับไปยิ้มแหยๆให้ภรรยากับแม่ยาย ก่อนจะเอ่ยรหัสลับอย่างที่ลูกต้องการ
“เอ่อ...คลิปลับสาวมอปลายครับ”
“เย้! ป๊ะป๋า” เสียงร้องดีอกดีใจของลูกๆดังขึ้น เด็กๆลุกขึ้นวิ่งออกมาสู่อ้อมกอดบิดา กวีกอดลูกทั้งสอง หอมแก้มรับขวัญด้วยความโล่งใจ ก่อนจะปล่อยให้ลูกวิ่งไปหาภรรยากับแม่ยาย ทั้งสองกอดหอม ลูบหน้าลูบหลังเรียกขวัญเด็กๆซ้ำไปมาอยู่หลายครั้ง ต่อเมื่อพรรณดาราถอนหายใจอ
“ชู่ว์!” น้องพริ้งส่งเสียงพร้อมกับทำปากจู๋ เด็กหญิงยกนิ้วชี้เล็กๆขึ้นแตะริมฝีปาก แล้วเหลือบมองคุณแม่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล“อย่าเพิ่งตั้งใหม่สิค้า มีคนนอกแก๊งอยู่ในห้องนี้ด้วย”กวีมองตามสายตาลูก เห็นคนนอกแก๊งยืนกอดอกอ้าปากเหวออยู่ก็หัวเราะเบาๆ“งั้นให้คุณแม่เข้าแก๊งด้วยดีไหมครับ” เขาบอกลูกๆ ขณะที่สายตาหวานเชื่อมมองภรรยาพอป๊ะป๋าเสนอให้คุณแม่เข้าแก๊ง พี่พร้อมน้องพริ้งก็มองหน้ากัน ใบหน้าเล็กๆน่ารักต่างครุ่นคิดราวกับว่านี่เป็นวาระแห่งชาติ“เราต้องประชุมกันก่อนนะครับป๊ะป๋า” พี่พร้อมเสนอ“ใช่ค่ะเราต้องประชุมกันก่อนนะคะ” น้องพริ้งพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับผู้เป็นพี่“เอ้า! ประชุมก็ประชุมครับ”เมื่อตกลงกันว่าจะประชุม กวีก็ปล่อยลูกๆลงยืนบนพื้นห้อง ส่วนเขานั่งคุกเข่าลงบนพื้น แล้วกอดคอกันเป็นวงกลม สามพ่อลูกเอาศีรษะชนกัน พูดคุยซุบซิบเสียงเบา ปล่อยให้คนนอกแก๊งยืนมองอย่างสงสัยใคร่รู้ว่าคุณพ่อคุณลูกคุยอะไรกันครู่เดียวหลังจากที่ที่ประชุมลงมติเป็นเอกฉันท์ พี่พร้อมกับน้องพริ้งก็วิ่งเข้ามาจับมือคุณแม่คนละข้าง ดึงเบาๆเดินเข้าไปหาหัวหน้าแก๊ง
“รู้แล้วค่ะ” พรรณดาราว่าเสียงแข็ง หญิงสาวหันไปมองลูกทั้งสอง จึงได้รับแรงสนับสนุนเป็นรอยยิ้มและการพยักหน้าหงึกๆ ส่งสัญญาณบอกเธอว่าให้ทำตามที่ป๊ะป๋าต้องการ พรรณดาราขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนที่ทำปากจู๋รอเธออยู่แล้วจุ๊บ...พี่พร้อมน้องพริ้งปรบมือดีใจกันใหญ่ที่เห็นคุณแม่จุ๊บป๊ะป๋า คนถูกจุ๊บยิ้มกรุ้มกริ่ม สุขเต็มหัวใจ ทว่าคนที่ต้องจุ๊บสามีแบบจำใจมองค้อนแล้วค้อนอีกอย่างหมั่นไส้“พี่พร้อมน้องพริ้งไปกินของว่างกันเถอะลูก” แม่พราวเดินเข้ามาเรียกหลาน พอเห็นลูกสาวอยู่ในวงแขนลูกเขยก็อมยิ้ม“เอ่อ...พี่วีปล่อยหนูได้แล้ว” พรรณดาราอายสายตาผู้เป็นแม่ หญิงสาวรีบดันอกกว้าง ดิ้นขยุกขยิก“แม่พราวครับผมฝากพี่พร้อมกับน้องพริ้งด้วยนะครับ ผมขออนุญาตคุยกับหนูพรรณสักครู่” กวีบอกแม่ยาย เขาไม่ยอมปล่อยภรรยาออกจากวงแขน“แต่หนูไม่มีอะไรจะคุยด้วย” พรรณดาราว่าเสียงแข็ง“คุยกับพี่เขาก่อน พูดคุยกันดีๆ รับฟังเหตุผล สงสัยอะไรก็ถามกันไปตรงๆ” แม่พราวบอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงติดดุเล็กน้อย มีอย่างที่ไหนจะเอาแต่วิ่งหนี ไม่ยอมพูดคุยกันแล้วเมื่อไรจะเข้าใจกันสักที
...“พี่วีกับยายมยุรีนั่นมีอะไรกันหรือยังคะ” เมื่อเขาเปิดโอกาสให้ถาม เธอก็ถามแบบไม่ถนอมน้ำใจ สองปีที่ผ่านมา มันเลยจุดที่จะพูดอ้อมค้อมเพื่อให้คำถามฟังดูดีแล้ว“ไม่! ไม่เคยมี และไม่เคยคิดจะมี” คำตอบหนักแน่นของเขาทำให้เธอใจชื้นมาเป็นกอง ทว่าทั้งรูปภาพและคำบอกเล่าจากผู้หวังดีที่ไม่ประสงค์ออกนามหลายคนทำให้เธอไม่เชื่อเขาเต็มหัวใจเท่าไรนัก“มยุรีต้องการรวบกิจการร้านทั้งหมดไว้ในมือคนเดียว โดยใช้วิธีการสกปรก ที่ไอ้ห่าพลมันขายให้พี่เพราะมันต้องการให้พี่มาจัดการเขี่ยยายนี่ออกจากร้านให้”“แล้วทำไมพี่พลไม่จัดการเอง ทำไมต้องให้พี่วีช่วย” แม้จะอยากเชื่อ แต่ก็ยังรู้สึกขัดใจ“ไอ้พลมันก็มีปัญหากับเมีย เหมือนกับที่เรามีปัญหากันนี่แหละ แม่นั่นใช้วิธีสกปรกปล่อยภาพตัดต่อ ปล่อยคลิปเสียง สร้างเรื่องว่ามีอะไรกับมัน ทำลายครอบครัวมัน มันเลยจำเป็นต้องพาลูกเมียออกห่างจากผู้หญิงคนนั้น เพื่อรอเวลากลับมา”“แล้วพี่วีคนดีก็เลยกระโดดเข้าไปช่วยเหลือเพื่อน ปล่อยให้เมียหอบลูกหนีกลับบ้าน โดยไม่ตามมาอธิบายข้อเท็จจริง ไม่มาดูดำดูดีตั้งสองปี”
“แต่พี่จะหอม”“ไม่ให้หอม”“อย่าดื้อสิ เป็นแค่ลูกกระจ๊อก อย่าริอ่านขัดขืนหัวหน้าแก๊ง”“แบบนี้มันเอาเปรียบกันชัดๆ”“ลงโทษคุณแม่เลยครับป๊ะป๋า” พี่พร้อมบอก เมื่อเห็นป๊ะป๋ากับคุณแม่เอาแต่กระซิบคุยกันงึมงำๆ“น้องพริ้งรอนานแล้วนะค้า ง่วงแล้วด้วยค่ะ คุณแม่ยอมให้ป๊ะป๋าลงโทษสักทีสิค้า เวลาพวกเราทำผิดป๊ะป๋าก็ลงโทษแบบนี้เหมือนกันค่ะ” พูดจบน้องพริ้งก็ใช้สองมือปิดปากขณะอ้าปากหาว ดวงตาปรือ เพราะง่วงนอนจริงๆ“เห็นไหมว่าลูกง่วงแล้ว เด็กๆนอนดึกไม่ดีนะ มามะ...มาให้พี่หอมแก้มซะดีๆ”พรรณดาราหันไปยิ้มแหยให้ลูกทั้งสอง ก่อนจะหันมามองหน้าคนที่ทำปากจู๋เตรียมพร้อมจะหอมแก้มตน“กี่ครั้งคะ” หญิงสาวถามเสียงขุ่น“จนกว่าพี่จะพอใจ”“ขี้โกง” ต่อว่าเขาได้เพียงเท่านั้น คนขี้โกงก็ระดมทั้งหอมทั้งจุ๊บไปบนดวงหน้าเนียน เสียงลูกๆปรบมือร้องเชียร์กันสนุกสนาน พรรณดาราจึงได้แต่ทอดถอนใจ ยอมให้คนลงโทษค้ากำไรกับแก้มนวลจนหนำใจ“เอาล่ะค่ะ ทีนี้ก็กลับไปนอนกันได้แล้วนะคะ” พอเป็นอิสระจากวงแขนแข็งแรง คุณแม่ลูกสองก็หันมาชวนลูกๆกลับไปนอนที่บ้านหลังใหญ่ ทว่าทั้งพี่
“พี่วี!” พรรณดาราตามตะปบมือที่ดึงรั้งเสื้อคลุมออกจากร่างตัวเอง ทว่าเธอก็ไม่อาจสู้แรงเขาได้ ในที่สุดเสื้อคลุมของเธอก็ถูกเขาถอดโยนทิ้งลงบนพื้นระเบียงจนได้“ทีนี้ก็ไม่รุ่มร่ามแล้ว” กวีจับบ่าบอบบาง ดันร่างสาวออกห่างเพียงนิด แล้วกวาดสายตาโลมเลียอย่างไม่ปิดบัง แสงจันทร์ว่านวลสวยแล้ว แต่ยังไม่เทียมเท่าเมียรักในชุดนอนสายเดี่ยวสีครีม แม้ความยาวจะคลุมถึงหัวเข่า แต่เพราะผ้าบางเบาเนื้อนุ่มทำให้มองเห็นทรวดทรงองค์เอวชัดเจน“หยุดมองได้แล้ว จะพูดอะไรก็พูดมาสักที หนูหนาวนะ” แก้มสาวร้อนผ่าว เมื่อถูกตาคมปลาบจับจ้องราวกับจะมองให้ทะลุชุดนอนที่สวมอยู่ เธออุตส่าห์สวมชุดคลุมรัดกุมแล้ว เพราะรู้ว่าเขาจ้องจะเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็ยังหน้าด้านหน้ามึนมาถอดมันออกจนได้“หนาวเหรอครับ มามะพี่จะกอดให้หายหนาว” กวีดึงร่างนุ่มมากอดแนบอก เขารัดรั้งเธอไว้แนบแน่น กดจูบเรือนผมหอมกรุ่นหนักๆซ้ำๆ“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะ” กวีกระซิบเสียงพร่า มือไม้เริ่มลูบไล้ร่างงามไปทั่ว“พี่ไม่เคยมีคนอื่น พี่มีหนูคนเดียว สองปีที่ผ่านมางานยุ่งมาก มีเรื่องวุ่นวายเยอะแยะ พี่อย
พรรณดาราขยุ้มเส้นผมดกหนาเต็มสองมือ หญิงสาวแหงนเงยหน้า ขบกัดริมฝีปากล่างไว้แน่น กันเสียงดังน่าอายเล็ดลอดออกมา เพราะกลัวว่าลูกน้อยจะได้ยินเสียงแล้วตกใจตื่น กระนั้นการรุกรานจากปลายลิ้นสากแบบไม่มีเว้นวรรคให้พักหายใจของสามีก็ทำให้เธอเผลอหลุดครางเสียงพร่าผะแผ่วออกมาเป็นบางครั้งจนได้“พี่วี...อา...” พรรณดาราเด้งสะโพกเข้าหาปากร้อน ปลายทางสุขสมเข้ามาใกล้ทุกขณะ ใกล้จนเธอต้องเร่งเร้าเขาด้วยการจับศีรษะสามีขยับโยกในจังหวะที่ต้องการ ยิ่งเขารุกรานด้วยการประกบดูดเนินเนื้อเต็มคำ พร้อมกับเกร็งปลายลิ้นแล้วสอดแทงกลางร่องรักระรัว พรรณดาราก็ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง หญิงสาวปล่อยตัวเองล่องลอยไปกับสัมผัสเร่งเร้า วาบหวาม วูบไหวในช่องท้อง จนต้องเกร็งแขม่วแล้วคลายอยู่หลายครั้ง กลีบเนื้อนุ่มไหวระริก เบ่งบาน หญิงสาวห่อปาก หอบหายใจหนัก เมื่อความสุขสมซ่านกระสันถาโถมเข้าใส่อย่างรุนแรง ไม่นานเธอก็ระเบิดพร่าง หวีดร้องออกมาเบาๆ สะโพกอวบแอ่นเกร็งค้าง มือบางกดศีรษะเขาให้ซุกซบแนบสนิทอยู่กลางเรือนกาย พรรณดาราปรนเปรอคนที่จัดการส่งเธอไปแตะเส้นวิมานด้วยการพร่างพรมหยาดน้ำหวานให้เขาได้ลิ้มรสจนอิ่มเอมหลังจากจัดการกับน
“ชู่ว์! อย่าเสียงดังสิครับที่รัก เดี๋ยวลูกก็ตื่นหรอก”“พี่วี! อย่าแกล้งสิ” พรรณดาราบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่เบาลง“จะเอายังไงเนี่ยที่รัก แรงก็ว่า ช้าก็บ่น แบบนี้ดีไหม...หืม” กวีโหมห่มสะโพกในจังหวะถี่กระชั้นอย่างต้องการแกล้ง เมียรักต้านทานเขาไม่ไหวจนต้องหมอบลง ไขว่คว้าเอาเสื้อคลุมมากอดแล้วแนบใบหน้าลงกับพื้น หากสะโพกยังลอยเด่นเพราะถูกจับตรึงไว้ด้วยมือแข็งแรง“อื้อ! คะ คนบ้า!” พรรณดาราเกร็งตัว สั่นกระเพื่อมไปทั้งกาย“อ๊ะ! นะ...หนูเจ็บ หะ...หัวเข่า” พรรณดาราบอกกระท่อนกระแท่น เพราะแรงปานม้าคึกที่โหมกระหน่ำอยู่เบื้องหลังทำให้เธอเปล่งเสียงออกมาแทบไม่เป็นคำ“งั้นมาอยู่ข้างบน” กวีผู้ใจดี ยอมพลิกกายนอนหงาย ดันร่างภรรยาขึ้นนั่งคร่อมเหนือร่างตน“พี่วี!”“ขย่มลงมาอย่าบ่น” กวีบอกเสียงเข้ม เขาตบแก้มก้นเด้งหยุ่นดังเพียะ!พรรณดาราขึงตาดุใส่เขา กระนั้นก็ยอมทำตามที่เขาบอก หญิงสาววางสองมือลงบนอกกว้าง ตั้งหัวเข่าสองข้างชันขึ้น วางสองเท้ากับตั้งมั่นกับพื้นระเบียงก่อนเริ่มขยับโยกเชื่องช้า และค่อยเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเสียงสะโพกอวบหนั่นแน่นกระทบห
“ไปกับพี่อีกครั้งนะครับที่รัก” พรรณดาราส่ายหน้าเร็วๆ มือไม้พยายามผลักเขาออกเป็นพัลวัน แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น เพราะเมื่อสามีเริ่มรุกอย่างเอาแต่ใจอีกครั้ง คนที่คิดว่าตัวเองไม่ไหวแล้ว ก็กลับไหวขึ้นมาดื้อๆ เขาสาดส่งแรงมาเท่าไร เธอก็ขยับโยกเด้งสะโพกเข้าหารองรับอย่างเท่าเทียมเท่านั้น และในเมื่อไม่มีใครยอมใคร ณ ริมระเบียงห้องนอนจึงร้อนระอุด้วยเปลวไฟพิศวาสเกือบค่อนคืนวันรุ่งขึ้น คนของกวีนำเสื้อผ้ามาให้เขาตั้งแต่ตะวันยังไม่ทันขึ้นพ้นขอบฟ้า และนำรถตู้มาจอดรอที่ไร่ภูอิงฟ้าด้วยตามคำสั่งของเขา วันนี้เขาจะไปส่งลูกที่โรงเรียนกับเมียรัก ชายหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวเสร็จตั้งแต่เช้าตรู่ แล้วจึงปลุกลูกๆและภรรยา เขาอุ้มลูกทั้งสองไว้คนละข้างพาไปส่งถึงบ้านหลังใหญ่ พรรณดาราเดินตามไปด้วยใบหน้าบูดบึ้ง เธอทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย แถมยังรู้สึกนอนไม่เต็มอิ่ม แต่ก็จำต้องฝืนใจตื่น เดินตามเขาไป เพื่อเตรียมตัวให้ลูกๆไปโรงเรียนกวีช่วยอาบน้ำแต่งตัวให้พี่พร้อมกับน้องพริ้ง เมื่อเสร็จแล้วจึงพาลูกทั้งสองลงไปรับประทานอาหารเช้ารอผู้เป็นแม่ซึ่งเพิ่งเขาห้องน้ำไปหลังจากตรวจดูความเรียบร
เรือนร่างสาวสวยสะพรั่งเปลือยเปล่าถูกอุ้มมาวางลงบนเตียงอย่างเบามือที่สุด คนอุ้มสวมเพียงผ้าเช็ดตัวพันเอวสอบอยู่ผืนเดียวถอยห่างไปทันที แต่ไม่ไวไปกว่ามือเรียวบางที่คว้าหมับกระตุกเอาชายผ้าเช็ดตัวหลุดติดมือไป จนเจ้าของผ้าเช็ดตัวต้องถลาตามไปดึงเอาไว้ด้วยความตกใจ แต่กลับพลาดสะดุดขาตัวเองล้มลงทาบทับกายเปลือยนุ่มนิ่มที่นอนหงายอยู่บนเตียงเสียเต็มเปา ยังดีที่เขายั้งตัวเองไว้ได้ทันด้วยการใช้ข้อศอกดันตัวเองไว้ ไม่ให้น้ำหนักตัวทุ่มลงไปบนตัวเธอทั้งหมด ไม่อย่างนั้นคนตัวเล็กอาจจะกระดูกหักก็เป็นได้“กระติ๊บ ทำอะไรของคุณฮึ!” พบรักว่าเสียงเข้มทว่าไม่มั่นคง“นอนๆ นอนด้วยกันค่ะ” พลอยชมพูว่าเสียงอู้อี้ แถมยังใช้สองแขนกอดรัดร่างเกือบเปลือยของคนที่คร่อมทับตัวเองอยู่ไว้แน่น“จะนอนก็นอนไป ปล่อยผม”“ไม่ปล่อย จุ๊บๆก่อนนะคะพี่ต่าย”พบรักถอนหายใจ พลอยชมพูคงเข้าใจว่าเขาเป็นพี่ชายของเธอ ชายหนุ่มจึงตัดใจหลับตาจุ๊บไปหนึ่งทีที่หน้าผากมน“ฝันดีนะคะ” พลอยชมพูว่าแล้วปล่อยวงแขนออก หญิงสาวหลับตาลงเอาดื้อๆ เป็นพบรักเสียเองที่เริ่มลังเลว่าจะลุกไปจากตรงนี้ทั้งที่มีโอกาสแล้วหรือไม่ เขาไ
“กระติ๊บ” พบรักเรียกคนที่ยังเมาไม่รู้เรื่อง หวังให้เธอได้สติสักน้อยนิดก็ยังดี เขาจะได้บอกให้เธอจัดการอาบน้ำทำความสะอาดตัวสักหน่อย ขืนปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ดีแน่“ขา...” พลอยชมพูเงยหน้าขึ้น ขานรับเสียงยานคางหวานจ๋อย ทว่าดวงตาคู่งามยังหลับพริ้ม ริมฝีปากอิ่มสวยคลี่ยิ้มหวานเย้ายวน“คุณควรอาบน้ำ” พบรักถอนหายใจ แล้วบอกคนที่ยืนอิงแนบอกตัวเองอยู่ ไม่ใช่เธอคนเดียวที่ควรอาบน้ำหรอก เขาก็ด้วย เพราะเปื้อนไปทั้งตัว ทั้งกลิ่นก็ชวนให้คลื่นเหียนอาเจียนออกมาสมทบกับเธอเหลือเกิน“ไม่อาบ จะนอนค่ะ” พลอยชมพูบอกแล้วซบหน้ากับอกกว้าง“ไม่อาบไม่ได้” พบรักบอกเสียงเข้ม จับบ่าของคนยืนโงนเงนดันตัวเธอออกห่าง“ไม่หวายยย...ง่วงค่ะ มึนหัวด้วย” พลอยชมพูส่ายหน้า โบกไม้โบกมือว่าไม่ไหวจริงๆพบรักถอนหายใจแรง ชักรำคาญยายเมรีขี้เมา ถ้ายังต่อล้อต่อเถียงกับเธออยู่นี่ เขาก็คงไม่ได้พักผ่อนสักที ชายหนุ่มจึงตัดสินใจดันร่างสาวไปยืนใต้ฝักบัว แล้วเปิดน้ำชำระล้างร่างกายเธอ ทว่าเมื่อคนเมาถูกสายน้ำรินรดตัวก็สะดุ้ง กระโดดเข้ามากอดเขาไว้แน่น“กระติ๊บ! ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย” พบรักอยากจะจับแม่ตั
“ถ้าบอกว่าไม่พอใช้ คุณพบจะเพิ่มเงินเดือนให้ติ๊บเหรอคะ” พลอยชมพูถามแล้วยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย“เปล่า จะบอกว่าไม่พอก็ต้องพอ”“โธ่! ก็นึกว่าจะใจดีให้เงินเดือนเพิ่ม” ใบหน้ายิ้มร่าเมื่อครู่หุบลงทันควัน“คนอื่นเขายังพอใช้เลย อยู่ที่นี่บ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ ผมไม่เห็นว่ากระติ๊บมีความจำเป็นต้องใช้เงินเลยนะ”“ผู้ชายก็งี้แหละ ไม่เข้าใจผู้หญิงเอาเสียเลย คุณพบรู้ไหมว่าผู้หญิงน่ะ เขามีของที่ต้องซื้อใช้ประจำเดือนเยอะแยะ”“ของใช้ประจำเดือน...หมายถึงผ้าอนามัยเหรอ มันก็ไม่น่าจะแพงอะไรขนาดนั้นนะ”พลอยชมพูถอนหายใจแรง ตาคู่งามเหลือบมองบน“ติ๊บไม่คุยกับคุณพบแล้ว ผู้ชายอะไรไม่เข้าใจความเป็นผู้หญิงเอาเสียเลย ติ๊บขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”ลูกจ้างสาวสวยของพบรักสะบัดค้อนเดินออกจากห้องไปแล้ว ชายหนุ่มมองตามจนกระทั่งประตูห้องปิดลง พบรักเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ถอนหายใจบางเบา ระบายยิ้มเต็มใบหน้าคมเข้ม เธอน่ารักสดใส เวลาได้พูดคุย ได้อยู่ใกล้ๆ เขายอมรับว่าหัวใจเต้นในจังหวะที่แปลกไปจากเดิม“เอ้า! ไชโย!” เสียงเ
“คุณกระติ๊บ” ลำดวนกวักมือเรียกเมื่อเห็นคนที่ตามหามาตั้งแต่เช้าเดินเข้ามาใกล้“กินอะไรมาหรือยังคะคุณกระติ๊บ”“กินแล้วค่ะ อิ่มตื้อเลย” ก็จะไม่ให้อิ่มได้อย่างไร เธอกินขนมมาตลอดทาง และกินหมดคนเดียวไม่แบ่งคนขับรถด้วย“แล้วนี่ไปไหนมาคะ รู้หรือเปล่าว่าวันนี้เป็นวันเงินเดือนออก”“วันนี้เงินเดือนออกหรือคะ แล้วติ๊บต้องไปรับเงินเดือนที่ไหนคะ” พลอยชมพูถามกลับด้วยความตื่นเต้น“ของน้าและของคนอื่นที่เป็นพนักงานประจำก็โอนเข้าบัญชีค่ะ แต่ถ้าเป็นพวกจ้างรายวันมาทำงานบางอย่างก็ให้ไปรับกับการเงินที่ออฟฟิศ”“งั้นติ๊บคงต้องไปรับที่ออฟฟิศ เพราะติ๊บไม่ได้ให้เลขที่บัญชีธนาคารไว้ ติ๊บไปรับตอนนี้เลยได้ไหมคะ” เพราะเป็นเงินเดือนจากน้ำพักน้ำแรงเดือนแรก หลังจากที่ออกจากบ้านมาทำงานที่นี่ พลอยชมพูจึงตื่นเต้นเป็นพิเศษ“ตอนนี้ติดพักเที่ยงค่ะ ไปรับหลังบ่ายโมงดีกว่าค่ะ” พลอยชมพูพยักหน้ารับ ยิ้มหวานวาดฝันถึงเงินเดือนก้อนเล็กๆของเธอ“เอ่อ...คุณพบบอกว่าจะเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้คุณกระติ๊บเองค่ะ”พลอยชมพูโกรธจนควันออกหู เมื่อเธออุตส่าห์เดินไปถึงออ
พยาบาลเงยหน้ามองสบตาญาติผู้ป่วยยิ้มๆ พบรักค้อมศีรษะให้ และเอ่ยคำขอบคุณ เขารอกระทั่งคุณพยาบาลเดินออกไปจากห้องแล้ว จึงก้มลงมองคนที่ยังคงกอดเขาไว้แน่น“ไหนใครบอกจะไม่ร้องไห้นะ”พลอยชมพูผละหน้าที่เปียกปอนน้ำตาออกมาจากอกกว้าง ใช้หลังมือปาดน้ำตา เงยหน้ามองคนล้อเลียนด้วยสายตางอนๆ“ก็ตอนแรกว่าจะไม่ร้องแล้ว ฮึกๆ แต่มันทนไม่ไหว มันเจ็บ ฮึกๆ คุณพบไม่ได้เป็นคนถูกฉีดยานี่ คุณพบไม่เข้าใจหรอก”“เจ็บเท่ามดกัด แค่นี้ทำมาร้อง”“มดกัดไม่เจ็บขนาดนี้หรอก ติ๊บเคยถูกมดกัดนะ ทำไมจะไม่รู้ว่ามันเจ็บแค่ไหน คุณพบน่ะเป็นผู้ใหญ่เสียเปล่า มาโกหกเด็กทำไม”คนถูกกล่าวหาว่าโกหกเด็กยิ้มในหน้า“เด็กโข่งน่ะสิ”พลอยชมพูสะอึกเมื่อถูกเขาว่า หญิงสาวยืดอก เชิดหน้าขึ้น มองเมินไปทางอื่น ปาดน้ำตาอีกสองที บอกเขาด้วยน้ำเสียงงอนๆ“คุณพบไม่เป็นติ๊บคุณพบไม่มีวันเข้าใจหรอก คนเรามีเรื่องที่ทำให้เจ็บแล้วจำฝังใจทั้งนั้นแหละ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ฉีดเข็มสุดท้ายติ๊บคงไปฉีดที่กรุงเทพ เพราะถึงวันนั้นติ๊บคงกลับบ้านแล้ว คงไม่ได้รบกวนคุณพบอีกแล้วค่ะ”หลังขับรถออกมาจากโรงพยา
“มีคนทำแล้วค่ะ บ้านพักตั้งยี่สิบหลัง ต้องช่วยกันหลายคนหน่อยค่ะ ไม่งั้นเสร็จไม่ทันลูกค้าที่จะเข้าเช็กอินช่วงบ่ายแน่”“อ๋อ! ค่ะ...แล้วทำห้องนี้เสร็จแล้ว เราไปกินข้าวกันได้เลยใช่ไหมคะน้าลำดวน” พลอยชมพูถาม ขณะที่เดินตามลำดวนเข้าไปในห้อง เริ่มลงมือจัดเก็บตามขั้นตอนที่ลำดวนแนะนำและทำให้ดูมาหลายห้องแล้ว“หิวแล้วเหรอคะ” ลำดวนถามยิ้มๆ มือก็จัดการดึงผ้าปูที่นอนขึ้นจากเตียง“นิดหน่อยค่ะ” ก็จะไม่ให้เธอหิวได้อย่างไร เมื่อเช้าหลังจากที่พบรักบอกเธอว่าสัปดาห์หน้าต้องไปฉีดยาเข็มที่สอง เธอก็ตื้อไปหมด กินอะไรไม่ลง การกินข้าวมื้อเช้าน้อยเกินไป เลยส่งผลให้หิวเร็วกว่าปกติ“งั้นก็เร่งมือช่วยกันนะคะ เสร็จแล้วเราไปกินข้าวที่ห้องครัวกัน”“ค่ะ เอ่อ...น้าลำดวนคะ ติ๊บสงสัยอย่างหนึ่งค่ะ”“อะไรหรือคะ”“ที่นี่ไม่มีผู้จัดการรีสอร์ตหรือคะ คือตั้งแต่มาทำงานที่นี่ ติ๊บเห็นคุณพบทำโน่นนี่เองทุกอย่างเลย”“ก็คุณพบไงล่ะคะ คุณพบน่ะเป็นทั้งเจ้าของทั้งผู้จัดการ เธอทำเองทุกอย่าง ทำจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน เพราะไม่อยากมีเวลาว่างให้จิตใจต้องคิดเรื่องอื่นฟุ้งซ่าน” ลำดวนพูดไปด้ว
พลอยชมพูตัดสินใจออกแรงดันอกกว้าง พยายามพาตัวออกจากพันธนาการแสนหวาดเสียว ทว่าตัวเล็กๆแรงน้อยๆอย่างเธอไม่สามารถพาตัวเองขยับไปไหนได้เลย หญิงสาวถอนหายใจออกมาสุดแรง ตัดสินใจแล้วว่า การปลุกเขาให้ตื่นดูจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นเธอคงโดนเขากอดจนขาดอากาศหายใจตายแน่ๆพลอยชมพูสูดหายใจลึก รวบรวมพลังกายพลังใจ บอกตัวเองว่าต้องตั้งมั่นอยู่บนความหาญกล้า ก่อนจะเอ่ยเรียกเขาออกไปด้วยเสียงสั่นน้อยๆ“คุณพบคะ”แต่ดูเหมือนว่างูเหลือมตัวโตที่รัดเธอไว้แน่นจะไม่ได้ยิน เขาไม่รู้สึกตัว ไม่ลืมตา และที่สำคัญไม่ยอมคลายอ้อมแขนออกจากตัวเธอด้วย มิหนำซ้ำยังรัดแน่นขึ้นอีกต่างหาก นี่เขาคิดจะรัดเธอจนกระดูกหัก แล้วหลังจากนั้นก็จะเขมือบเธอลงท้องหรือเปล่า“คุณพบคะ! คุณพบๆๆๆๆๆ” พลอยชมพูเรียกเขาเสียงดังขึ้น และเรียกติดๆกันหลายครั้ง ทั้งออกแรงดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วย และครั้งนี้มันได้ผล เขาค่อยๆลืมตาขึ้น เธอยิ้มดีใจที่เขารู้สึกตัว เขามองสบตาเธอ แต่ครู่เดียวเขาก็หลับตาลงดังเดิม“อ้าว! คุณพบ! ตื่นสิคะ” พลอยชมพูโวยวาย เมื่อกี้ก็ตื่นแล้วนี่ แล้วก็เห็นอยู่ว่าเธอนอนอยู่ตรงนี้
พบรักยกมือขึ้นกอดอก มองตามร่างบางเดินหนีไปด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนหันไปมองบริเวณที่งานแต่งกำลังดำเนินอยู่ แล้วระบายยิ้มบางเบาโดยไม่รู้ตัวหลังพิธีแต่งงานของลูกค้าเสร็จสิ้นลงแล้ว ช่วงค่ำมีงานเลี้ยงแขกผู้มาร่วมงาน พนักงานรีสอร์ตต้องมาคอยทำหน้าที่บริการอาหารและเครื่องดื่ม พลอยชมพู น้ำหวาน และพนักงานชายอีกคนรับหน้าที่ผสมเครื่องดื่ม“สีสวยจังเลย” แม้จะอยู่ประจำจุดผสมเครื่องดื่ม แต่ดูเหมือนว่าพลอยชมพูก็ทำได้แค่เพียงยืนให้กำลังใจเพื่อนพนักงาน และชื่นชมเมื่อพนักงานชายผสมเครื่องดื่มและจัดวางท็อปปิ้งบนแก้วออกมาได้อย่างสวยงาม“อร่อยด้วยนะคะคุณกระติ๊บ” น้ำหวานกระซิบบอก“อร่อยแต่เมาแหงๆ” พลอยชมพูทำหน้าเหยเก“ไม่เมาหรอกค่ะ ผสมเหล้านิดเดียวเอง ลองชิมดูหน่อยไหมคะ” น้ำหวานยื่นแก้วน้ำสีสวยให้พลอยชมพู“ไม่เอาค่ะ เดี๋ยวเมา เดี๋ยวถูกคุณพบว่า” พลอยชมพูส่ายหน้าปฏิเสธ“ลองชิมดูนิดเดียวเองค่ะ คุณพบไม่เห็นหรอก อย่างน้อยก็จะได้รู้รสชาติ เผื่อวันหลังจะได้มาหัดชงไงคะ” น้ำหวานยื่นแก้วไปแตะมือพลอยชมพู คนถูกคะยั้นคะยอรับมาถือไว้สีหน้าไม่สู้ดีเท่าไร“แก้วเดียวไม่
“เอามันม่วงด้วยนะคะคุณพบ” พลอยชมพูเกาะแขนคนข้างๆ เขย่าอย่างตื่นเต้น ตากลมสุกใสมองมันทิพย์ลูกขนาดพอดีคำทั้งสีขาวสีม่วงที่ถูกปิ้งอยู่บนตะแกรงด้วยความตื่นตาตื่นใจพบรักหลุบตามองมือนุ่มที่เกาะแขนตนอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปสั่งแม่ค้าให้ พอแม่ค้ายื่นถุงให้ พลอยชมพูก็รับมาถือไว้เอง“ของติ๊บ ติ๊บถือเองค่ะ” เจ้าของมันทิพย์ยิ้มอย่างดีใจ“จะเอาอะไรอีกไหม” พบรักเอ่ยถามคนที่ยังเกาะแขนเขาไว้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกมือถือถุงขนมไว้พลอยชมพูมองซ้ายขวา ชะเง้อคอมองร้านค้าที่เรียงรายกันอยู่“แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ เรารีบกลับรีสอร์ตกันเถอะ”“แล้วไหนบอกว่าจะซื้ออย่างอื่นด้วย”“ก็ตอนนี้ไม่อยากได้แล้ว ไปเถอะค่ะ” พลอยชมพูดึงแขนที่เธอเกาะอยู่ให้เดินกลับไปที่รถด้วยกัน พบรักยอมเดินตามแต่โดยดี เขายิ้มในหน้า ตาคมอ่อนแสงลงเมื่อหลุบมองมือที่จับอยู่บนแขนของตน“คุณพบรีบๆหน่อยสิคะ” พลอยชมพูเร่ง เมื่อคนขับขับรถด้วยความเร็วที่ไม่ค่อยทันใจเธอเอาเสียเลย“รู้ไหมว่าการขับรถเร็วอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้”“รู้ค่ะ แต่ติ๊บอยากกลับถึงรีสอร์ตก่อนบ