วันนี้ชิงชิงมาเดินเล่นที่ตลาด นางสบายใจขึ้นบ้างแล้วและเริ่มทำใจได้ นางคิดได้แล้วจะขอหย่ากับท่านอ๋องให้ได้ เมื่อตัดใจได้จึงมาเดินเล่นซื้อหาของกินที่ตลาดกับหยงเอ๋อ เมื่อเดินหาของกินเล่นได้หลายอย่างแล้ว แวะซื้ออุปกรณ์ตัดเย็บเล็กน้อย ซื้อเครื่องปรุงครีบประทินผิวเพิ่มเติม ผลไม้เชื่อมหลายๆอย่าง และก็เดินเล่นเรื่อยๆไป ขณะนั้นหันไปสบตากับบุรุษคนหนึ่งเขายิ้มกว้างให้นางเหมือนดีใจที่ได้พบกัน นางมองรอยยิ้มนั้นแล้วเพิ่งนึกออกว่าคืออดีตสหายวัยเด็ดที่ชื่อหงอี้หราน ฝ่ายอี้หรานรีบเดินมาหานางทันที “ จำข้าได้ไหมชิงเอ๋อ ข้าไปค้าขายที่ต่างเมืองมาหลายปีเพิ่งกลับมาเยี่ยมญาติที่นี่จึงมาเดินเล่นดูข้าวของแปลกๆเผื่อจะนำไปขายยังเมืองตงสูที่ข้าทำการค้าอยู่ ” ชิงชิงยิ้มตอบร่างหนา “ ไม่ได้พบกันเสียนาน เมื่อยังเยาว์เจ้าขี้เหร่มากไม่หล่อเหลาเท่านี้ พอโตขึ้นแทบจำไม่ได้ รูปร่างที่เคยผอมเกร็งตอนนี้สูงใหญ่ผึ่งผายน่าดู ” อี้หรานยิ้มแย้มให้อีกฝ่าย “ ก็ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้วอยู่ดีกินดีกว่าเดิมก็เลยอ้วนท้วนขึ้น แต่เจ้าสวยงามขึ้นมาก ออกเรือนหรือยัง หากยังข้าขอสมัครเป็นคนแรก เจ้าจะรับพิจารณาหรือไม่ ”ชิงชิงหัวเราะเบาๆคิดว่าเขาพู
ท่านอ๋องอี้หลงสั่งองครักษ์ไปสอดแนมที่จวนเสนาบดีหลิวว่าพระชายาทำอะไรบ้างในแต่ละวัน มีใครมาหานางหรือนางไปพบใครบ้าง ให้มารายงานทุกเรื่องที่เกี่ยวกับนาง ด้านจวนเสนาบดี หงอี้หรานมาเยี่ยมชิงชิงที่จวนเสนาบดีบ่อยๆ เขามักจะมานั่งคุยกับชิงชิงที่ศาลากลางสระบัว มานั่งกินขนมที่ชิงชิงทำ และบางครั้งก็หาซื้ออะไรแปลกๆมาฝากนาง หรือเขามักจะอยู่รับทานอาหารค่ำกับครอบครัวเสนาบดีหลิวเพราะเขารู้จักครอบครัวนี้มาตั้งแต่เขาเป็นเด็กมาวิ่งเล่นในจวนเสนาบดีนี้ และมาเยี่ยมครอบครัวเสนาบดีหลิวพร้อมบิดามารดาของเขาที่ตอนนี้อยู่ที่เมืองตงสู ชิงชิงเกิดความคิดอยากจะไปเที่ยวเมืองตงสูดูบ้าง นางไม่ได้ไปเที่ยวต่างเมืองมานานแล้ว หงอี้หรานจึงบอกว่างั้นก็ตามเขาไปเที่ยวที่เมืองตงสูได้เลย เขาจะกลับเอาของไปส่งเป็นเที่ยวแรกในอีกสามวัน ชิงชิงจึงบอกว่าจะต้องขออนุญาติท่านพ่อก่อนว่าจะให้นางไปได้หรือไม่ องครักษ์ขั้นสองของท่านอ๋องนำข่าวเรื่องเกี่ยวกับพระชายากลับไปทูลท่านอ๋องทุกเรื่อง เมื่อเสร็จสิ้นการรายงานขององครักษ์ขั้นสอง ท่านอ๋องใบหน้าบึ้งตึ้งขึ้นมาทันที หมายความว่านางมีที่หมายใหม่ อยากจะหาสามีใหม่ทั้งที่สามีเก่าก็ยังอยู่ตรงนี้ นาง
พระชายารองหลู้เดินวนเวียนไปมาในเรือนเล็กปีกซ้ายของตนเอง ตั้งแต่หลังเข้าหอท่านอ๋องแทบจะไม่มาที่เรือนหลังนี้เลยเมื่อนางไปหาก็ไม่พบหรือไม่ท่านอ๋องก็ให้นางกลับมารอที่เรือนนี้แล้วจะตามมา แต่ก็ไม่เคยตามมาหานางดังที่บอกนางเลย นางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี หลานเอ๋อสาวใช้ของนางที่นั่งมองพระชายาหลู้เดินวนเวียนไปมาจนปวดหัวจึงเอ่ยขึ้นว่า “ พระชายารองเจ้าคะ เรื่องแบบนี้ต้องใจเย็นๆ หากคิดจะผูกใจสามีท่านต้องมีความอดทนมากกว่านี้ งั้นวันนี้ท่านลองทำขนมไปให้ท่านอ๋องชิมดีไหมเจ้าคะ จะได้เป็นการหาทางใกล้ชิดพูดคุยกันมากๆ เผื่อจะได้สนิทสนมกันมากขึ้น ” พระชายาหลู้มีสีหน้าที่ดีขึ้น “ ถ้าอย่างนั้นดีเลย ข้าจะเข้าไปทำขนมแล้วเอาไปให้ท่านพี่ลองชิมดูก็แล้วกัน” นางเข้าไปไปทำขนมขนมหวานสูตรที่มารดาเคยสอนนางและมันอร่อยมาก เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางถือจานขนมนั้นตรงไปที่ตำหนักใหญ่ เมื่อเข้าไปถึงพ่อบ้านบอกว่าท่านอ๋องไม่อยู่ออกไปธุระต่างเมืองอีกหลายวันถึงจะกลับนางโมโหมากที่ท่านอ๋องไม่บอกนางเลยว่าจะไปที่ไหนนางเป็นพระชายาของท่านอ๋องแท้ๆ แต่ไม่รู้ความเคลื่อนไหวของสวามีเลยว่าเขาจะอยู่หรือไม่อยู่ที่ตำหนัก แถมยังไม่เคยมาห
ท่านอ๋องนั่งที่เรือนเล็กปล่อยให้นางบีบนวดตามร่างกายไปได้สักครู่ เขาก็รู้สึกถึงอาการป่วยของเขาที่เริ่มจะกำเริบขึ้น เริ่มมีอาการร้อนรุ่มตามร่างกายเหมือนมีอาการลมปรานแปรปรวน ธาตุไฟจะเข้าแทรกพอเริ่มมีอาการเขาก็เริ่มกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนเหมือนสัตว์ที่บาดเจ็บ เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาตามลำคอและใบหน้าของเขาเป็นสีแดงเต้นตุบๆเหมือนมีสิ่งใดเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น มองดูน่ากลัวมากทั้งหน้าเขามีแต่เส้นเลือดไขว้กันเป็นใยแมงมุม เริ่มขึ้นตามหน้าใบหน้าและลำคอให้เห็นดูน่าสยดสยองมาก พระชายาหลู้และบ่าวรับใช้ของนางกรีดร้องขึ้นพร้อมกัน เมื่อเห็นสิ่งนั้นนางทรุดนั่งลงกับพื้น หงายหลังล้มลงเพราะตกใจเป็นอย่างมาก นางหนีท่านอ๋องออกมายังหน้าประตู เมื่อนางหันไปมองเห็นท่านอ๋องทรุดนั่งลงแล้วกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน เสียงนั้นบาดลึกเข้าไปในใจนาง มันน่ากลัวมากเหมือนกับอสุรกายร้ายหรือปีศาจที่เขาเล่าลือกัน นางรู้แล้วสิ่งที่เขาเล่าลือกันนั้นเป็นความจริงท่านอ๋องเป็นมนุษย์กึ่งปีศาจนางเพียงแต่เห็นแต่รูปโฉมที่เป็นมนุษย์ของเขา อาจจะเป็นรูปโฉมที่ลวงตาคนก็ได้ แต่ตอนนี้นางได้เห็นอีกด้านหนึ่งของเขามันเหมือนปีศาจที่น่ากลัวม
อีกสองวันต่อมาท่านแม่ทัพใหญ่ลู่กังเข้าวังเพื่อไปทูลขอร้องฮ่องเต้ให้ขอออกราชโองการหย่าร้างหลู้เหม่ยหลิงกับท่านอ๋องอี้หลงเพราะว่าท่านอออี้หลงมีอาการกำเริบทำให้ลูกเหม่ยหลิงหวาดกลัวมาก นางกลัวจนแทบจะเป็นบ้าแม้ท่านแม่ทัพบอกว่าแม้จะเห็นใจท่านอ๋องอี้หลงเป็นอย่างมากแต่ไม่อาจปล่อยให้บุตรสาวหวาดกลัวสามีตนเองจงมีอาการเหมือนเหมือนจะบ้า เขาคงขอต้องขอตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก่อนที่บุตรีของตนเองจะกลายเป็นบ้า เมื่อฮ่องเต้รู้เรื่องก็ไม่ได้เอาความอะไร เพราะเข้าใจดีและอีกอย่างหนึ่งท่านอ๋องอี้หลงก็มาบอกเรื่องราวเหล่านี้แก่เขา ตั้งแต่แรกแล้วเพราะว่าไม่ได้ต้องการพระชายารองตั้งแต่แรกแล้วเขารักเพียงหลิวชิงชิงชายาของเขาเพียงเท่านั้น หากว่ามีท่านแม่ทัพใหญ่มาขอหย่าก็ขอให้ฮ่องเต้ช่วยจัดการให้เขาด้วยฮ่องเต้จึงรับปากว่าจะออกราชโองการให้เลยตอนนี้ ท่านแม่ทัพใหญ่กลับออกไปด้วยสีหน้าโล่งใจ ที่การขอร้องฮ่องเต้เป็นไปอย่างง่ายดายและราบรื่น เมื่อคล้อยหลังท่านอ๋องท่านแม่ทัพใหญ่ ฮ่องเต้ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ท่านอ๋องทำแบบนี้ดีแล้วมันจะได้ไม่มีปัญหากับทุกฝ่ายทั้งไม่มีปัญหากับบ้านเมืองและท่านอ๋องก็สมหวังไม่ต้องมีชายาที่ตัวเองไม
หลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายไปไป 3 เดือนเช้าวันหนึ่ง เมื่อตื่นมาพระชายาหลิวมีอาการคลื่นไส้อาเจียนตั้งแต่เช้านางรีบวิ่งไปที่กระโถนเพื่ออาเจียนเอาน้ำใสๆออกมา ท่านอ๋องลุกขึ้นนั่งบนเตียงมองพระชายาวิ่งไปอาเจียนตั้งแต่เช้าและลุกขึ้นไปลูบหลังนางว่าเป็นอย่างไรบ้างรู้สึกเป็นยังไงบ้าง จะให้ตามท่านหมอเลยไหมนางบอกว่าตามท่านหมอมาก็ดีเหมือนกันเพราะนางไม่เคยมีอาการแบบนี้เลย ท่านอ๋องจึงเรียกหยงเอ๋อมาบอกว่าให้ไปตามให้ไปบอกพ่อบ้านให้ไปตามหมอมาดูอาการพระชายาตอนนี้เลย หลังจากนั้นเขาลุกขึ้นไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและพยุงชิงชิงมานั่งมานั่งบนเตียง จากนั้นให้หย่งเอ๋อมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้นาง เมื่อเช็ดหน้าเช็ดตาจนสบายดีแล้วเอายายาแก้คลื่นเหียนมาให้นางสูดดมจนนางรู้สึกสบายขึ้นจึงนั่งพิงหัวเตียงอยู่เพื่อรอท่านหมอ ผ่านไปครู่ใหญ่ท่านหมอก็เดินเข้ามาในเรือนหลังเล็กและลงมือตรวจอาการพระชายา เมื่อลงมือตรวจอาการไปได้สักพักหนึ่งก็หันมาบอกท่านอ๋องว่าขอแสดงความยินดีด้วยตอนนีพระะชายมีท่านอ๋องน้อยแล้วขอให้พระชายาดูแลตนเองให้ดีๆตอนช่วงนี้อย่าเคลื่อนไหวร่างกายมากให้ทำกิจกรรมเบาๆเพราะยังท้องอ่อนๆอยู่และได้ให้ยาบำรุงครรภ์ไว้
มีประกาศจากทางวังหลวง ให้สาวงามที่พ้นวัยปักปิ่นทุกคนในเมืองให้ไปรับการคัดเลือกเป็นพระชายาของท่านอ๋องอี้หลงในอีกสามวันถัดไป หากผู้ใดมีคุณสมบัติดังกล่าวแล้วไม่ไปแสดงตัวเพื่อรับการคัดเลือกที่ท้องพระโรงต่อหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้นั้นมีความผิดโทษโบย 50 ไม้ที่จวนของเสนาบดีเสนาบดีหลินบรรยากาศกรุ่นไปด้วยความวิตกกังวล เพราะว่ามีบุตรสาวสองคนที่มีคุณสมบัติจะต้องไปเข้ารับการคัดเลือกเป็นพระชายาของท่านอองอี้หลงเหมือนกัน จึงจำต้องพาบุตรสาวทั้งสองเข้ารับการคัดเลือกที่ท้องพระโรงพร้อมกับบุตรสาวของขุนนาง คหบดีและชาวเมืองอื่นๆ เมื่อไปถึงท้องพระโรงสาวงามที่คุณสมบัติดังกล่าวต่างยืนเข้าแถวยาวเต็มท้องพระโรงเพื่อรอฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จมาเมื่อถึงเวลาฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จมาเป็นประธานในพิธีในการคัดเลือกสาวงามเพื่อเข้ารับตำแหน่งพระฉายาของท่านอ๋องอี้หลงแล้วนั้น หลี่กงกงก็ประกาศเริ่มพิธีการคัดเลือกสาวงามเข้ารับตำแหน่งพระชายาของท่านอองอี้หลง หลี่กงกงประกาศว่าหากสาวงามคนใดต้องรับการคัดเลือกให้ก้าวขาออกจากแถวมายืนตรงหน้าเบื้องพระพักตร์ เมื่อสิ้นประกาศของหลี่กงกงในท้องพระเงียบกริบไม่มีแม้แต่เสียงหายใจเนื่องจากทุกคน
หลินชิงชิงเงยหน้ามองพระพักตร์ของฮ่องเต้ แต่นางไม่กล้าบอกว่านางนั้นไม่ได้ตั้งใจสมัครรับการคัดเลือกเป็นพระชายาของท่านอ๋องอี้หลง แต่นางนั้นถูกใครก็ไม่รู้ถีบนางออกมาจากแถวของสาวงามจนจนนางเซออกมาจากแถว มายืนตรงหน้าเบื้องหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้อยู่เพียงผู้เดียว นางได้แต่ตอบไปว่านางเป็นบุตรีของเสนาบดีหลิว เมื่อฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแย้มดีใจชื่นชมบิดาของนางเป็นการใหญ่ จากนั้นบอกกับนางว่าได้รับการคัดเลือกนางได้รับตำแหน่งพระชายาแล้ว ไม่ต้องแข่งขันกับผู้ใดเพราะไม่มีใครสมัครมีแต่นางคนเดียวจึงให้รวบรัดตัดขั้นตอนการคัดเลือกไปเลยเหลือขั้นตอนการยกตำแหน่งนี้ให้นางไปเลย แล้วหลังจากนี้จะแจ้งกำหนดการตบแต่งนางเข้าไปในตำหนักของท่านอ๋องอี้หลงอีกครั้งหนึ่ง หลินชิงชิงฟังคำสั่งของฮ่องเต้แล้วนั้นนางก็ตะลึงงันไป แต่ก็ไม่สามารถจะคัดค้านอะไรได้เพราะนางกลัวจะเป็นความผิดใหญ่หลวงและเดือดร้อนไปถึงครอบครัว จึงได้แต่เงียบเฉยเมื่อหันไปมองท่านพ่อ เห็นท่านพ่อมองนางด้วยสีหน้าตื่นตกใจเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เมื่อเสร็จพิธีการเลือกคัดเลือกพระชายาแล้วแล้วทุกคนต่างทยอยออกจากท้องพระโรง เมื่อครอบครัวเสนาบ
หลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายไปไป 3 เดือนเช้าวันหนึ่ง เมื่อตื่นมาพระชายาหลิวมีอาการคลื่นไส้อาเจียนตั้งแต่เช้านางรีบวิ่งไปที่กระโถนเพื่ออาเจียนเอาน้ำใสๆออกมา ท่านอ๋องลุกขึ้นนั่งบนเตียงมองพระชายาวิ่งไปอาเจียนตั้งแต่เช้าและลุกขึ้นไปลูบหลังนางว่าเป็นอย่างไรบ้างรู้สึกเป็นยังไงบ้าง จะให้ตามท่านหมอเลยไหมนางบอกว่าตามท่านหมอมาก็ดีเหมือนกันเพราะนางไม่เคยมีอาการแบบนี้เลย ท่านอ๋องจึงเรียกหยงเอ๋อมาบอกว่าให้ไปตามให้ไปบอกพ่อบ้านให้ไปตามหมอมาดูอาการพระชายาตอนนี้เลย หลังจากนั้นเขาลุกขึ้นไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและพยุงชิงชิงมานั่งมานั่งบนเตียง จากนั้นให้หย่งเอ๋อมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้นาง เมื่อเช็ดหน้าเช็ดตาจนสบายดีแล้วเอายายาแก้คลื่นเหียนมาให้นางสูดดมจนนางรู้สึกสบายขึ้นจึงนั่งพิงหัวเตียงอยู่เพื่อรอท่านหมอ ผ่านไปครู่ใหญ่ท่านหมอก็เดินเข้ามาในเรือนหลังเล็กและลงมือตรวจอาการพระชายา เมื่อลงมือตรวจอาการไปได้สักพักหนึ่งก็หันมาบอกท่านอ๋องว่าขอแสดงความยินดีด้วยตอนนีพระะชายมีท่านอ๋องน้อยแล้วขอให้พระชายาดูแลตนเองให้ดีๆตอนช่วงนี้อย่าเคลื่อนไหวร่างกายมากให้ทำกิจกรรมเบาๆเพราะยังท้องอ่อนๆอยู่และได้ให้ยาบำรุงครรภ์ไว้
อีกสองวันต่อมาท่านแม่ทัพใหญ่ลู่กังเข้าวังเพื่อไปทูลขอร้องฮ่องเต้ให้ขอออกราชโองการหย่าร้างหลู้เหม่ยหลิงกับท่านอ๋องอี้หลงเพราะว่าท่านอออี้หลงมีอาการกำเริบทำให้ลูกเหม่ยหลิงหวาดกลัวมาก นางกลัวจนแทบจะเป็นบ้าแม้ท่านแม่ทัพบอกว่าแม้จะเห็นใจท่านอ๋องอี้หลงเป็นอย่างมากแต่ไม่อาจปล่อยให้บุตรสาวหวาดกลัวสามีตนเองจงมีอาการเหมือนเหมือนจะบ้า เขาคงขอต้องขอตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก่อนที่บุตรีของตนเองจะกลายเป็นบ้า เมื่อฮ่องเต้รู้เรื่องก็ไม่ได้เอาความอะไร เพราะเข้าใจดีและอีกอย่างหนึ่งท่านอ๋องอี้หลงก็มาบอกเรื่องราวเหล่านี้แก่เขา ตั้งแต่แรกแล้วเพราะว่าไม่ได้ต้องการพระชายารองตั้งแต่แรกแล้วเขารักเพียงหลิวชิงชิงชายาของเขาเพียงเท่านั้น หากว่ามีท่านแม่ทัพใหญ่มาขอหย่าก็ขอให้ฮ่องเต้ช่วยจัดการให้เขาด้วยฮ่องเต้จึงรับปากว่าจะออกราชโองการให้เลยตอนนี้ ท่านแม่ทัพใหญ่กลับออกไปด้วยสีหน้าโล่งใจ ที่การขอร้องฮ่องเต้เป็นไปอย่างง่ายดายและราบรื่น เมื่อคล้อยหลังท่านอ๋องท่านแม่ทัพใหญ่ ฮ่องเต้ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ท่านอ๋องทำแบบนี้ดีแล้วมันจะได้ไม่มีปัญหากับทุกฝ่ายทั้งไม่มีปัญหากับบ้านเมืองและท่านอ๋องก็สมหวังไม่ต้องมีชายาที่ตัวเองไม
ท่านอ๋องนั่งที่เรือนเล็กปล่อยให้นางบีบนวดตามร่างกายไปได้สักครู่ เขาก็รู้สึกถึงอาการป่วยของเขาที่เริ่มจะกำเริบขึ้น เริ่มมีอาการร้อนรุ่มตามร่างกายเหมือนมีอาการลมปรานแปรปรวน ธาตุไฟจะเข้าแทรกพอเริ่มมีอาการเขาก็เริ่มกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนเหมือนสัตว์ที่บาดเจ็บ เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาตามลำคอและใบหน้าของเขาเป็นสีแดงเต้นตุบๆเหมือนมีสิ่งใดเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น มองดูน่ากลัวมากทั้งหน้าเขามีแต่เส้นเลือดไขว้กันเป็นใยแมงมุม เริ่มขึ้นตามหน้าใบหน้าและลำคอให้เห็นดูน่าสยดสยองมาก พระชายาหลู้และบ่าวรับใช้ของนางกรีดร้องขึ้นพร้อมกัน เมื่อเห็นสิ่งนั้นนางทรุดนั่งลงกับพื้น หงายหลังล้มลงเพราะตกใจเป็นอย่างมาก นางหนีท่านอ๋องออกมายังหน้าประตู เมื่อนางหันไปมองเห็นท่านอ๋องทรุดนั่งลงแล้วกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน เสียงนั้นบาดลึกเข้าไปในใจนาง มันน่ากลัวมากเหมือนกับอสุรกายร้ายหรือปีศาจที่เขาเล่าลือกัน นางรู้แล้วสิ่งที่เขาเล่าลือกันนั้นเป็นความจริงท่านอ๋องเป็นมนุษย์กึ่งปีศาจนางเพียงแต่เห็นแต่รูปโฉมที่เป็นมนุษย์ของเขา อาจจะเป็นรูปโฉมที่ลวงตาคนก็ได้ แต่ตอนนี้นางได้เห็นอีกด้านหนึ่งของเขามันเหมือนปีศาจที่น่ากลัวม
พระชายารองหลู้เดินวนเวียนไปมาในเรือนเล็กปีกซ้ายของตนเอง ตั้งแต่หลังเข้าหอท่านอ๋องแทบจะไม่มาที่เรือนหลังนี้เลยเมื่อนางไปหาก็ไม่พบหรือไม่ท่านอ๋องก็ให้นางกลับมารอที่เรือนนี้แล้วจะตามมา แต่ก็ไม่เคยตามมาหานางดังที่บอกนางเลย นางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี หลานเอ๋อสาวใช้ของนางที่นั่งมองพระชายาหลู้เดินวนเวียนไปมาจนปวดหัวจึงเอ่ยขึ้นว่า “ พระชายารองเจ้าคะ เรื่องแบบนี้ต้องใจเย็นๆ หากคิดจะผูกใจสามีท่านต้องมีความอดทนมากกว่านี้ งั้นวันนี้ท่านลองทำขนมไปให้ท่านอ๋องชิมดีไหมเจ้าคะ จะได้เป็นการหาทางใกล้ชิดพูดคุยกันมากๆ เผื่อจะได้สนิทสนมกันมากขึ้น ” พระชายาหลู้มีสีหน้าที่ดีขึ้น “ ถ้าอย่างนั้นดีเลย ข้าจะเข้าไปทำขนมแล้วเอาไปให้ท่านพี่ลองชิมดูก็แล้วกัน” นางเข้าไปไปทำขนมขนมหวานสูตรที่มารดาเคยสอนนางและมันอร่อยมาก เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางถือจานขนมนั้นตรงไปที่ตำหนักใหญ่ เมื่อเข้าไปถึงพ่อบ้านบอกว่าท่านอ๋องไม่อยู่ออกไปธุระต่างเมืองอีกหลายวันถึงจะกลับนางโมโหมากที่ท่านอ๋องไม่บอกนางเลยว่าจะไปที่ไหนนางเป็นพระชายาของท่านอ๋องแท้ๆ แต่ไม่รู้ความเคลื่อนไหวของสวามีเลยว่าเขาจะอยู่หรือไม่อยู่ที่ตำหนัก แถมยังไม่เคยมาห
ท่านอ๋องอี้หลงสั่งองครักษ์ไปสอดแนมที่จวนเสนาบดีหลิวว่าพระชายาทำอะไรบ้างในแต่ละวัน มีใครมาหานางหรือนางไปพบใครบ้าง ให้มารายงานทุกเรื่องที่เกี่ยวกับนาง ด้านจวนเสนาบดี หงอี้หรานมาเยี่ยมชิงชิงที่จวนเสนาบดีบ่อยๆ เขามักจะมานั่งคุยกับชิงชิงที่ศาลากลางสระบัว มานั่งกินขนมที่ชิงชิงทำ และบางครั้งก็หาซื้ออะไรแปลกๆมาฝากนาง หรือเขามักจะอยู่รับทานอาหารค่ำกับครอบครัวเสนาบดีหลิวเพราะเขารู้จักครอบครัวนี้มาตั้งแต่เขาเป็นเด็กมาวิ่งเล่นในจวนเสนาบดีนี้ และมาเยี่ยมครอบครัวเสนาบดีหลิวพร้อมบิดามารดาของเขาที่ตอนนี้อยู่ที่เมืองตงสู ชิงชิงเกิดความคิดอยากจะไปเที่ยวเมืองตงสูดูบ้าง นางไม่ได้ไปเที่ยวต่างเมืองมานานแล้ว หงอี้หรานจึงบอกว่างั้นก็ตามเขาไปเที่ยวที่เมืองตงสูได้เลย เขาจะกลับเอาของไปส่งเป็นเที่ยวแรกในอีกสามวัน ชิงชิงจึงบอกว่าจะต้องขออนุญาติท่านพ่อก่อนว่าจะให้นางไปได้หรือไม่ องครักษ์ขั้นสองของท่านอ๋องนำข่าวเรื่องเกี่ยวกับพระชายากลับไปทูลท่านอ๋องทุกเรื่อง เมื่อเสร็จสิ้นการรายงานขององครักษ์ขั้นสอง ท่านอ๋องใบหน้าบึ้งตึ้งขึ้นมาทันที หมายความว่านางมีที่หมายใหม่ อยากจะหาสามีใหม่ทั้งที่สามีเก่าก็ยังอยู่ตรงนี้ นาง
วันนี้ชิงชิงมาเดินเล่นที่ตลาด นางสบายใจขึ้นบ้างแล้วและเริ่มทำใจได้ นางคิดได้แล้วจะขอหย่ากับท่านอ๋องให้ได้ เมื่อตัดใจได้จึงมาเดินเล่นซื้อหาของกินที่ตลาดกับหยงเอ๋อ เมื่อเดินหาของกินเล่นได้หลายอย่างแล้ว แวะซื้ออุปกรณ์ตัดเย็บเล็กน้อย ซื้อเครื่องปรุงครีบประทินผิวเพิ่มเติม ผลไม้เชื่อมหลายๆอย่าง และก็เดินเล่นเรื่อยๆไป ขณะนั้นหันไปสบตากับบุรุษคนหนึ่งเขายิ้มกว้างให้นางเหมือนดีใจที่ได้พบกัน นางมองรอยยิ้มนั้นแล้วเพิ่งนึกออกว่าคืออดีตสหายวัยเด็ดที่ชื่อหงอี้หราน ฝ่ายอี้หรานรีบเดินมาหานางทันที “ จำข้าได้ไหมชิงเอ๋อ ข้าไปค้าขายที่ต่างเมืองมาหลายปีเพิ่งกลับมาเยี่ยมญาติที่นี่จึงมาเดินเล่นดูข้าวของแปลกๆเผื่อจะนำไปขายยังเมืองตงสูที่ข้าทำการค้าอยู่ ” ชิงชิงยิ้มตอบร่างหนา “ ไม่ได้พบกันเสียนาน เมื่อยังเยาว์เจ้าขี้เหร่มากไม่หล่อเหลาเท่านี้ พอโตขึ้นแทบจำไม่ได้ รูปร่างที่เคยผอมเกร็งตอนนี้สูงใหญ่ผึ่งผายน่าดู ” อี้หรานยิ้มแย้มให้อีกฝ่าย “ ก็ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้วอยู่ดีกินดีกว่าเดิมก็เลยอ้วนท้วนขึ้น แต่เจ้าสวยงามขึ้นมาก ออกเรือนหรือยัง หากยังข้าขอสมัครเป็นคนแรก เจ้าจะรับพิจารณาหรือไม่ ”ชิงชิงหัวเราะเบาๆคิดว่าเขาพู
พระชายาหลิวยืนอยู่ข้างเรือนเล็กปีกซ้ายที่ท่านอ๋องจัดให้พระชายาหลู้หรืออดีตหลู้เหม่ยหลิน นางได้ยินเสียงร้องครวญครางของสวามีและหลู้เหม่ยหลินชัดเจน เสียงร่วมรักดังก้องสนั่นจนออกมานอกตัวเรือน นางเดินหลบบ่าวไพร่มาเพื่ออยากจะรู้ความจริงว่ากับหญิงอื่นที่ท่านอ๋องบอกว่าไม่ได้รักนาง ไม่ได้ต้องการนางท่านอ๋องจะร่วมรักกับนางอย่างเร่าร้อนเหมือนที่เป็นกับตนเองหรือไม่ เมื่อได้ยินเสียงทั้งหมดนางก็ได้คำตอบว่านางก็เป็นเพียงหญิงคนหนึ่งในอีกหลายๆคนของท่านอ๋องเท่านั้น ในอนาคตคงจะมีหญิงอื่นเข้าตำหนักมาอีกหลายๆคน คงไม่หยุดอยู่แค่หลู้เหม่ยหลินอย่างที่นางเคยคิด เมื่อยืนแอบฟังที่หลังพุ่มไม้ใหญ่ได้สองชั่วยามแล้ว เสียงร่วมรักของสวามีกับหลู้เหม่ยหลินก็ยังดังก้องให้ได้ยิน เสียงครวญครางของสวามีแสดงถึงความสุขสมของเขาเป็นอย่างมาก น้ำตาของนางไหลรินเป็นทาง นางคงจะไร้เดียงสาจนเกินไป คิดว่าความรักนั้นมีอยู่จริง แต่นางเพิ่งได้รู้ว่าสำหรับชายแล้ว ความใคร่ไม่จำเป็นต้องมีความรักเสมอไป เขาสามารถร่วมรักกับหญิงใดก็ได้อย่างมีความสุข คำว่ารักจากปากชายนั้นเป็นเพียงคำลวงให้หญิงที่ไร้เดียงสาเช่นนางหลงไปก็เท่านั้น เมื่อคิดได้ดังนั้น
เช้าวันงานแต่งงานท่านอ๋องกับหลู้เหม่ยหลิน ทางวังหลวงเป็นผู้มาดำเนินการต่างๆในตำหนักให้จนพร้อมพรัก ภายในตำหนักตบแต่งด้วยโคมไฟสีแดง ม่านสีแดง และเครื่องตกแต่งต่างๆจนสวยงาม และคบไฟสว่างตามจุดต่างๆ โต๊ะอาหารและเก้าอี้นั่งถูกเตรียมไว้เต็มลานกว้างหน้าตำหนักนับร้อยๆชุดบ่าวไพร่เดินสวนกันไปมาเพื่อจัดเตรียมความพร้อมต่างๆ อาหารถูกส่งมาจากวังหลวงมาจัดเตรียมไว้อย่างมากมายข้าวปลาอาหารมีมากมายหลากหลายอย่าง สุราชั้นดีรสเลิศที่สุดถูกเตรียมไว้จนพร้อม ผลไม้และขนมมคลต่างๆจัดไว้เต็มโต๊ะขนาดใหญ่มีหลากหลายสีสันสวยงามล้วนน่ารับประทานเป็นอันมากแต่ที่ตรงข้ามกับบรรยากาศงานนั้นคือเจ้าบ่าวแต่งตัวอย่างแกนๆ อยู่ในห้องของเขา ไม่แม้จะไปรับเจ้าสาวด้วยตนเอง ส่งเพียงแม่สื่อไปเท่านั้นเขาไม่มีกระจิตกระใจจะไป ยิ่งมองไปทางเรือนหลังเล็กของชายารักใจเขารานรอน นางจะเสียใจมากไหม นางจะร้องไห้หรือเปล่า ในอกเขาเจ็บแปลบน้อยๆ กลัวนางจะน้อยใจจนร้องไห้ เขาไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยแต่ว่าด้วยความเป็นราชวงศ์บางครั้งต้องแยกระหว่างหัวใจกับหน้าที่ แม้ไม่ได้อยากทำก็ต้องทำไปอย่างนั้นเพื่อแว่นแคว้นให้คงอยู่อย่างร่มเย็นส่วนพระชายาหลิวยืนมองบรรยากา
บ่ายวันต่อมาหลู้เหม่ยหลินมาขอพบพระชายาหลิว บ่าวที่ตำหนักหน้าจึงเดินนำนางมาส่งยังเรือนเล็กของพระชายาหลิว เมื่อหยงเอ๋อได้ยินเสียงที่หน้าเรือนจึงเดินออกไปเมียงมองเห็นหลู้เหม่ยหลินยืนอยู่ที่ด้านหน้าเรือนและกำลังมองไปมองมารอบๆตัว หยงเอ๋อเปิดประตูออกไป“ หยงเอ๋อ พระชายาหลิวอยู่หรือไม่ ข้ามาพบเพื่อฝากเนื้อฝากตัวกับนาง รู้หรือไม่อีกไม่นานข้าจะเข้ามาเป็นพระชายารองแล้วนะ ” หลู้เหม่ยหลินเอ่ยขึ้น หยงเอ๋อแอบเบ้ปากเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ อีกสักครู่พระชายาจะออกมาพบเชิญคุณหนูหลู้นั่งรอที่โต๊ะด้านข้างนี่ก่อนเจ้าค่ะ ”หลู้เหม่ยหลินเดินขึ้นไปบนระเบียงแล้วไปหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้มุกชุดเล็ก ด้านหน้าเรือนพลางแอบสำรวจดูรอบๆ นางรำพึงในใจว่าพระชายาหลิวได้มาอยู่เรือนเล็กๆนิดเดียวแถมยังอยู่เสียท้ายตำหนักอย่างนี้ แสดงว่าท่านอ๋องก็ไม่ได้ชื่นชอบอะไรนางมากมาย เป็นพระชายาท้ายจวนชัดๆ เฮ้อะ !! นางขิงในใจเล็กน้อย พระชายาหลิวเดินออกมาจากในเรือนแล้วอ้อมมานั่งที่เก้าอี้มุกข้างๆหลู้เหม่ยหลิน “ เจ้ามีธุระอะไรกับข้า พูดมาตามตรงระหว่างเรานั้นเหมือนไก่เห็นนมงู งูเห็นนมไก่เพราะฉะนั้นเจ้าไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำตัวเป็นหญิงอ่อนหวานต