Share

6

last update Last Updated: 2024-11-09 21:36:02

จิ้นเหอหันมาถามหญิงสาวที่เขากำลังประคองไหล่ของนางไว้ ทว่าฟางซินกลับมิได้รู้สึกว่าเขาฉวยโอกาสแต่อย่างใดเพราะแววตาที่เขามองมายังนางนั้นสำแดงความห่วงใยอย่างจริงจัง เขาค่อย ๆ ผละห่างและนางต้องแสดงว่าสามารถเดินเองได้

“ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก มันอาจลำบากแค่เวลาที่ข้าลงจากหลังม้าเท่านั้น หลังจากนี้ข้าช่วยเหลือตัวเองได้”

จิ้นเหอพยักหน้าและเดินนำหน้าเข้าไปในโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ สร้างติดหน้าผาอันเป็นเส้นทางแคบก่อนเข้าไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ ภายในโรงเตี๊ยมมีคนนั่งอยู่สองสามคนล้วนเป็นผู้ชาย ที่โต๊ะหนึ่งมีคนยกไหเหล้าขึ้นซดอย่างไม่ยี่หระขณะเจ้าของโรงเตี๊ยมเป็นชายแก่อายุประมาณสักหกสิบกว่าวิ่งเข้ามาหาคนทั้งสาม

“นายท่าน...เชิญครับเชิญนั่ง คนของข้าได้จัดเตรียมห้องพักไว้ให้ท่านแล้วสองห้อง สำหรับท่านกับฮูหยินหนึ่งห้องและเพื่อนของท่านหนึ่งห้อง ไม่ทราบว่าท่านต้องการรับน้ำชาและอาหารก่อนหรือไม่”

“จัดอาหารและน้ำชามาให้เพื่อนของข้าและฮูหยินของข้า จะเป็นอาหารอะไรก็ได้ที่โรงเตี๊ยมของเจ้ามีในตอนนี้”

“ครับท่าน”

เจ้าของโรงเตี๊ยมกุลีกุจอวิ่งกลับเข้าไปด้านในเมื่อได้ยินเสียงจิ้นเหอสั่ง ฟางซินนึกประหลาดใจที่เขายอมรับออกมาว่านางเป็นภรรยาของเขาทั้งที่ไม่ใช่ หรือว่าเขาจะคิดอะไรไม่ดี ประมุขพรรคบุปผาสวรรค์คลางแคลงใจในการกระทำนั้นเหลือที่ นี่เรียกว่าหนีเสือปะจระเข้ บุรุษผู้นี้ที่แท้ฉวยโอกาสทั้งที่พึ่งพบเจอนางแท้ ๆ หรือเขาคิดว่านางก็แค่หญิงอ่อนแอไร้วรยุทธ์ และเมื่อทั้งสามนั่งลงที่โต๊ะหนึ่ง ฟางซินสังเกตว่าโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ แห่งนี้เก่าซอมซ่อ ห้องพักของโรงเตี๊ยมก็คงเก่าเช่นกัน สักครู่เสี่ยวเอ้อร่างท้วมคนเดิมก็นำอาหารมาวางเต็มโต๊ะ หากแต่ฟางซินหาได้ยินว่าจิ้นเหอสั่งเหล้ามาด้วยไม่ มีเพียงน้ำชาส่งกลิ่นหอมอวล แต่แล้วเมื่อนางหยิบตะเกียบขึ้นมาก็ได้ยินเสียงชายที่นั่งซดเหล้าจากไหกล่าวขึ้น

“ข้าล่ะสงสัยจริงว่า...แท้แล้วนางมารหมื่นบุปผาอาจเป็นแค่หญิงตัวเล็กที่มิได้มีพิษภัยหรือแม้แต่จะสู้กับชายอกสามศอกอย่างข้าได้แม้เพียงหนึ่งกระบวนท่า หรือเจ้าว่าอย่างไรฮะ...เสี่ยวเอ้อ”

เสียงนั้นวกวนอย่างคนเมา เสี่ยวเอ้อพยักหน้าและยิ้มรับ

“คงจริงอย่างท่านว่าขอรับ”

“มีเสียงลือมากมายเกี่ยวกับนางมารร้ายผู้นี้ แต่มิเคยมีผู้ใดพานพบตัวจริงของนางสักที เห็นว่านางมีวรยุทธล้ำเลิศเพราะได้ครอบครองคัมภีร์ฟ้าคำราม ถึงขั้นถล่มยอดเขาหวงซานได้ในพริบตา เหอะ!...อาจเป็นแค่เรื่องหลอกพวกจอมยุทธให้กลัวเล่น อยากพบตัวจริงสักครั้ง ข้าจะรวบตัวนางจับทำเมียโทษฐานทำให้คนกลัวคนเสียขวัญ สร้างเรื่องหลอกลวงถึงความอำมหิตน่าหวาดหวั่นไปทั่ว ฮ่าๆๆๆๆ”

ฟางซินเหลือบมองหากแต่ต้องสะกดใจให้นิ่ง นางมีจุดอ่อนที่แก้ไม่เคยหายและเป็นอุปสรรคที่ยังทำให้ฝึกกระบวนท่าสุดท้ายไม่สำเร็จนั่นคือการสยบใจตัวเอง พลังวัตต์และลมปราณในกายนางจะผกผันและปรวนแปรเมื่อเริ่มบังเกิดความโกรธแค้นขึ้นมา

“เชิญกินดื่มตามสบายนะขอรับ...อย่าสนใจคนเมา เดี๋ยวก็คงหลับคาโต๊ะเช่นเคย”

เสี่ยวเอ้อร่างท้วมเดินเข้ามากระซิบกระซาบขณะยกการินน้ำชาให้คนทั้งสาม จิ้นเหอดึงผ้าโพกหัวออก เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองชายเมาแอ๋โต๊ะใกล้ ๆ

“แล้วเรื่องนางมารหมื่นบุปผานั้น แท้แล้วมิใช่เรื่องที่สร้างขึ้นมาลวงหลอกคนในยุทธภพใช่หรือไม่...ข้าเพียงอยากรู้”

คำถามนั้นทำให้เสี่ยวเอ้อหยุดรินน้ำชาและรีบวางกาลงบนโต๊ะ เขากลอกตามองซ้ายขวาและก้มหน้าลงมากระซิบใกล้ ๆ หากเสียงนั้นก็ชัดเจนต่อผู้นั่งร่วมโต๊ะ

“โอย...ท่าน...ข้าได้ยินมาว่าคนในหลายหมู่บ้านนั้นรู้จักนางผู้อยู่พรรคมารผู้นี้ นางเป็นหญิงงามแต่ใจอำมหิต ฆ่าคนเป็นว่าเล่น เมื่อไม่กี่วันข้าได้ข่าวว่ามีคนจากวังหลวงเดินทางมาเพื่อสักการะพระผู้น่าเลื่อมไสและเก่งกาจอย่างหยางเซิงไต้ซือแต่ถูกฆ่าตายหมดก่อนเดินทางไปยังวัดโค้วอิงยี่”

เสี่ยวเอ้อลดเสียงต่ำลงอีก “ข้าแน่ใจว่าต้องเป็นฝีมือนางมารผู้นี้ เพราะคนเหล่านั้นตายด้วยกลีบดอกไม้ปลิดวิญญาณ นางเหี้ยมโหดฆ่าคนเหมือนผักปลา พูดก็พูดเถิด งามแค่ไหนข้าก็ไม่อยากพบหน้าถ้าหากเห็นชีวิตคนไร้ค่าเช่นนี้”

“เจ้ากล่าวเหมือนว่าเคยเห็นนาง”

Related chapters

  • นางมารหมื่นบุปผา   7

    “อือ” เสี่ยวเอ้อส่ายหน้าพร้อมหรี่นัยน์ตา “ไม่เคยเห็นหรอก ไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง แต่มีคนหนึ่งที่เคยออกมาประกาศว่าเคยสับประยุทธ์กับนางมารใจอำมหิต”“เขาเป็นใคร?” จิ้นเหอถามอย่างใคร่รู้“เขาคือไป๋เจี้ยน...จอมยุทธกระบี่ขาวประมุขพรรคเฟิงอี้ เขาคือผู้เยี่ยมยุทธในดินแดนหวงซาน มิมีผู้ใดกล้าต่อกรกับคนผู้นี้ ฝีมือกระบี่ของเขาล้ำเลิศยอดยี่ยมหาผู้ใดเทียม”“แล้วการสับประยุทธ์กันผู้ใดเป็นฝ่ายชนะกันเล่า”หวังซื่อถามอย่างใคร่รู้เช่นกันขณะฟางซินนั่งอย่างเยือกเย็น นางไล่ความร้อนบนผิวน้ำชาในถ้วยใบเล็กตรงหน้าด้วยปลายนิ้วที่ส่งพลังออกมาโดยมิมีผู้ใดสังเกตเห็น“ไป๋เจี้ยนบอกว่าเขาเกือบเอาชนะนางได้ แต่นางหนีไปเสียก่อน...ข้าว่าเขามิได้โป้ปดหรือสร้างเรื่องขึ้นมาแน่นอน ผู้เยี่ยมยุทธ์เช่นเขาน่านับถือยิ่งนัก ข้าเคยพบเขาแล้ว เขาผ่านมายังหมู่บ้านนี้และแวะดื่มน้ำชาที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ด้วยนะท่าน”หน้าตาของเสี่ยวเอ้อบ่งบอกถึงความภูมิใจที่ได้รู้จักกับผู้เปี่ยมวิทยายุทธ์สูงส่ง ฟางซินตวัดสายตามอง หัวใจของนางกำลังร้อนรุ่มขึ้นมาทีละน้อยหากก็ต้องสยบคลื่นอารมณ์ที่จะทำให้ลมปราณภายในผันผวน คงมีนางเท่านั้นที่รู้ว่าไ

    Last Updated : 2024-11-09
  • นางมารหมื่นบุปผา   8

    “ขอบคุณท่านมาก...คนอย่างท่านหาได้ยากยิ่ง วันหนึ่งข้าคงได้ตอบแทนบุญคุณของท่านที่ช่วยเหลือข้าในครั้งนี้”“เจ้าเคยได้ยินคำนี้หรือไม่...ไม่มีใครเลี้ยงอาหารใครเปล่า ๆ โดยไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทน แต่ข้าเลี้ยงอาหารเจ้าหนนี้หวังเพียงเจ้าจะได้มีแรงเดินทางไปพบญาติของเจ้าในวันพรุ่ง นอนหลับพักผ่อนเถิด เมื่อฟ้าสางข้าจะพาเจ้าเข้าไปส่งในหมู่บ้าน”ฟางซินมิรู้ว่าจะตอบกลับไปเช่นใด ในหัวใจของนางบังเกิดความซาบซึ้งอย่างมิเคยเป็นมาก่อน ชั่วชีวิตของนางจมอยู่กับความแค้นและเจ็บปวดเพราะคิดว่าคงมิมีผู้ใดในปฐพีนี้จริงใจหากมิมีผลประโยชน์ต่อกัน จิ้นเหอเป็นคนแรกที่ทำให้หัวใจของนางมารอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาดแม้นี่จะเป้นครั้งแรกที่ได้พบ ฟางซินเข้าไปในห้องพักที่ได้รับการปัดกวาดอย่างสะอาดสะอ้านแม้เป็นห้องเล็ก หากแต่นางมิได้คิดว่าจะนอนหลับอย่างสบายใจ มีอะไรบางอย่างที่กระตุ้นเตือนให้นางใคร่รู้มากกว่าการเดินทางเข้ามายังหมู่บ้านแห่งนี้ และสิ่งที่ทำให้นางมิอาจล้มตัวลงนอนได้ในทันทีทันใดคือความสงสัยในตัวบุรุษหนุ่มรูปงามผู้นั้น แม้เขาจะแสดงความดีและจริงใจหากฟางซินก็ยังคงเคลือบแคลง นางตรงไปยังหน้าต่างห้องและเปิดมันออก มองออกไปเห

    Last Updated : 2024-11-09
  • นางมารหมื่นบุปผา   9

    จิ้นเหอร้องเรียกและไม่ยอมลดละติดตามร่างอรชรในชุดพลิ้วเบาที่ลอยตัวอยู่ไม่ห่างจากสายตาของเขาแม้เป็นคืนเดือนเสี้ยว ด้วยวิชาการรบและชั้นเชิงการต่อสู้ที่ไม่เป็นรองผู้ใดทำให้หนึ่งในแม่ทัพใหญ่แห่งองค์ซ่งไท่จู่ผู้เกรียงไกรที่แม้มิอาจลอยตัวเหยียบปลายไม้ได้หากก็สามารถกระโดดข้ามจากไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นอย่างว่องไว“หยุดเดี๋ยวนี้...อย่าคิดว่าจะหนีพ้น!”จิ้นเหอตะโกนและเสียงกังวานที่แหวกความมืดไปนั้นทำให้ร่างอรชรในชุดพลิ้วไหวที่ลอยตัวลงบนพื้นหยุดนิ่งอยู่ด้านหน้าห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว นางหันกลับมาและแสงสว่างจากจันทรานั้นมิเพียงพอจะให้เขาเห็นหน้าชัดเจนหากก็ทำให้แม่ทัพผู้กล้าแกร่งซึ่งดึงดาบออกจากฝักต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าผู้ที่เขาตามติดมานั้นเป็นอิสตรี แม่ทัพหนุ่มอึ้งไปเพียงเสี้ยวความรู้สึกทว่ายังกุมดาบในมือมั่นด้วยประหวัดนึกได้ว่านางผู้อยู่ตรงหน้ามิใช่หญิงธรรมดาด้วยนางมีวิชาตัวเบา“บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเจ้าเป็นใคร เมื่อกี๊เจ้าแอบดูข้าจากหลังคาโรงเตี๊ยมใช่หรือไม่”เขาถามเสียงกังวานในความหมองของราตรี ฟางซินถอยหลังไปหนึ่งก้าว นางไม่อาจตอบเขาได้เพราะเกรงว่าจิ้นเหอจะจำได้หากได้ยินเสียงของนางจึงหยุดยืนนิ่

    Last Updated : 2024-11-09
  • นางมารหมื่นบุปผา   10

    “แล้วท่านเห็นหรือไม่ว่านางเป็นใคร”“นางใช้ผ้าปิดหน้าและราตรีนี้แทบไม่มีแสงจันทร์ จึงไม่อาจรู้ได้เลยว่านางเป็นใคร แต่นางมิใช่ธรรมดาเพราะสามารถฆ่าหมาป่าตัวใหญ่ด้วยวิทยายุทธ์ไม่ถึงหนึ่งกระบวนท่า”“ท่านได้สับประยุทธ์กับนางหรือไม่”“ข้าพลาดท่าและนางหนีไปเสียก่อน แต่ฝีมือของนางมิใช่ธรรมดาเลย ฟางซิน...นั่นชุดของเจ้าเปื้อนเลือด!”จิ้นเหอก้มลงมองที่ชายกระโปรงของหญิงสาว ฟางซินชะงักกึก นางมิทันสังเกตด้วยซ้ำว่าชุดของนางเปื้อนเปรอะโลหิต คงเป็เมื่อครู่ที่นางใช้กลีบดอกไม้ปลิดวิญญาณล้มเจ้าหมาป่าดุร้ายตัวนั้นอย่างรวดเร็วฉับไว“อ้อ...เลือดที่ข้อเท้าของข้าเองนั่นล่ะท่านจิ้นเหอ...เอ้อ...ข้าเผลอเดินสะดุดขาโต๊ะจึงมีเลือดไหลออกมา”“ถ้าเช่นนั้นข้าก็โล่งใจ แต่เจ้าต้องระมัดระวังตัวเพราะข้าชักไม่แน่ใจว่าจะมีผู้ประสงค์ร้ายอยู่แถวนี้อีกหรือไม่ หากมิมิสิ่งใดแล้วข้าก็คงต้องขอตัวก่อน ต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนเจ้า”“มิเป็นไร ท่านแสดงความเป็นห่วงข้าก็ซาบซึ้งในน้ำใจยิ่งนัก”“ฟางซิน”จิ้นเหอที่หันหลังให้หันกลับมาอีกครั้งและทำให้ฟางซินที่กำลังจะปิดประตูห้องต้องชะงัก“มีอะไรหรือคะ ท่านจิ้นเหอ”“ปิดประตูหน้าต่างให้แน่นหนา หา

    Last Updated : 2024-11-09
  • นางมารหมื่นบุปผา   11

    “เจ้ามิได้ต่างจากข้า ก็แค่เด็กกำพร้าที่ท่านแม่เก็บมาเลี้ยง แท้จริงเจ้ามิเคยสงสารผู้ใด เจ้ามิเคยรู้จักความเมตตาหรือรักใครด้วยซ้ำ แต่...เอ๊ะ...หรือว่าตอนนี้เจ้าได้พบรักแท้เข้าแล้ว หนุ่มรูปงามที่ข้าเห็นเมื่อครู่...”“อย่าแตะต้องจิ้นเหอ!”“เหตุใดจึงต้องร้อนรนทั้งที่ข้ายังมิทันได้พูดอะไรออกมาด้วยซ้ำ”“มี่อิง...เราต่างเป็นศิษย์ร่วมสำนักอาจารย์เดียว ใยข้าจักมิรู้นิสัยของเจ้าว่าเป็นเช่นไร ขอบอกไว้ก่อนว่าอย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับจิ้นเหอเป็นเด็ดขาด”“หนุ่มรูปงามผู้นั้นชื่อจิ้นเหอหรือนี่ ที่หวงห้ามเพราะเจ้าคงอยากได้ไว้เองกระมัง...ฟางซิน เจ้าเป็นถึงประมุขพรรคอย่าลืมกฎของสำนักบุปผาสวรรค์ก็แล้วกัน ผู้ใดผิดกฎปักใจรักต่อชายใดถึงขั้นตกลงปลงใจจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแล้วไซ้ต้องถูกทำลายวรยุทธ์ด้วยการกลืนพิษกุหลาบพันปีให้กลายเป็นคนวิปลาศแล้วถูกขับไล่ออกจากพรรค แม้แต่คนที่เจ้ารักก็ต้องถูกฆ่าให้ตายต่อหน้าโดยไร้ความปราณี เจ้าก็รู้ดีว่ามิเคยมีใครได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ตัวเองรักแม้แต่ผู้เดียว หรือหากเจ้าทนต่อความต้องการของตัวเองมิไหวก็ทำอย่างข้าสิ มิต้องใช้ชีวิตอยู่กับผู้ใด แค่ลิ้มลองเล่นให้สนุกแล้วฆ่าให้ตายเมื่อพอใ

    Last Updated : 2024-11-09
  • นางมารหมื่นบุปผา   12

    เมื่อพูดจบเสี่ยวเอ้อก็นำอาหารมาวางเต็มโต๊ะก่อนจะถามขึ้นว่า“ท่านไม่รับเหล้าสักไหหรือขอรับ เพิ่มรสชาติอาหารได้ดีนัก ทำให้เจริญอาหาร ดื่มแล้วกระชุ่มกระชวย”หวังซื่อยิ้มแล้วตอบ “เราไม่ดื่มของเมาเวลาเดินทาง ดื่มจนเมาเดี๋ยวจะหลับกลางทางไปได้มิถึงไหน”“แหม...ท่านก็จิบสักเล็กน้อยพอเป็นกระศัยสิขอรับ เพื่อให้ได้ความรื่นรมย์เวลาเดินทาง เพียงสักจอกน้อยก็เดินทางต่อไปได้อีกหลายร้อยลี้ แหะๆ”เสี่ยวเอ้อยิ้มแหย ๆ จิ้นเหอเพียงเหลือบมองและมีรอยยิ้มมุมปากก่อนที่เขาจะลงมือทานอาหารโดยมิได้กล่าวว่ากระไรหลังจากนั้น ฟางซินคอยสังเกตอาการของคนตรงหน้าและเห็นว่าในแววตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความครุ่นคิดสงสัย จิ้นเหออาจยังแคลงใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หากนางก็ทำได้เพียงแค่มองอย่างเงียบ ๆ และเมื่อกินอาหารแล้วทั้งสามจึงออกจากโรงเตี๊ยมและเดินทางเข้าหมู่บ้านซึ่งใช้เวลาเพียงไม่นาน มันเป็นหมูบ้านที่ไม่เล็ก ๆ อย่างจิ้นเหอคิดไว้เพราะมีผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ในตลาดยามเช้าและมีบ้านเรือนทั้งหลายตรอกซอกซอย คนทั้งสามเดินเข้าไปแต่ก็ไม่เป็นที่สังเกตของใครว่ามีคนแปลกถิ่นปะปนเข้ามาในที่นั้น จิ้นเหอนำทางกระทั่งเดินไปหยุดที่ตรอกหนึ่

    Last Updated : 2024-11-09
  • นางมารหมื่นบุปผา   13

    “ข้ามิพบใครเลยท่านจิ้นเหอ ข้าได้ลองถามคนในหมู่บ้านแล้วมิมีใครรู้จักญาติของข้าเลยแม้แต่คนเดียว ข้าจึงคิดว่าเขาอาจมิได้อยู่ที่นี่ก็เลยคิดว่าอยู่ไปก็เสียเวลา สู้ข้ากลับออกมาจะดีกว่า”“แต่ทางนี้มิใช่ทางกลับบ้านเจ้านี่มิใช่หรือ”“ข้ารู้ แต่ข้าคงกลับไปที่หมู่บ้านของข้ามิได้อีกแล้ว”“บอกข้าได้หรือไม่ว่าเหตุใด”“เพราะจริงแล้วพ่อแม่ของข้าได้เสียชีวิตไปจนหมด และข้าก็อยู่กับญาติห่าง ๆ แต่ข้าไม่อยากรบกวนพวกเขาอีกต่อไป จึงได้มาตามหาญาติใกล้ชิดพ่อกับแม่ของข้าที่หมู่บ้านแห่งนี้ ช่างโชคร้ายที่ข้ามิพบผู้ใดเลย”“แล้วเจ้าคิดจะไปไหนกัน แผ่นดินนี้กว้างใหญ่นักและเจ้าก็เป็นหญิงตัวคนเดียว”“ข้าคิดว่าจะตามท่านให้ทันและจะขอติดตามท่านไปยังสำนักเฟิงอี้”“ทำเช่นนั้นมิได้!”จิ้นเหอปฏิเสธทันควัน เขาเก็บดาบกลับเข้าฝักและหันหลังให้แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงของฟางซินดังขึ้น“เหตุใดจึงมิได้”“เจ้าไม่เข้าใจ ข้ามาที่นี่เพื่อการธุระสำคัญ มันอาจหมายถึงความเป็นความตาย ข้าจะพาเจ้าไปพบกับภยันตรายเบื้องหน้ามิได้ดอก”“จิ้นเหอ...หากข้ามองมิผิดท่านมิใช่ชาวบ้านธรรมดาใช่หรือไม่”จิ้นเหอผงะและหันกลับมายังหญิงสาวซึ่งเมื่อได้เห็นใบห

    Last Updated : 2024-11-09
  • นางมารหมื่นบุปผา   14

    “ท่านมีใจรักต่อหญิงนางเดียว ช่างน่าภูมิใจแทนแม่นางผู้นั้น”“และหมื่นความชังข้าจักทุ่มเทมันให้นางมารใจโหดเหี้ยม”คำก็อำมหิต สองคำก็โหดเหี้ยม เขาจะรู้หรือไม่ว่ากำลังโถมทับความเคียดแค้นไปให้คนที่มิรู้เรื่องราวใดแต่ต้องกลับกลายเป็นจำเลยความผิดที่ตนมิได้ก่อ สักครู่แม่ทัพหนุ่มจึงกล่าวขึ้น“การที่ข้ามาเพียงสองคนกับหวังซื่อก็เพื่อต้องการอำพรางสถานะที่แท้จริง มิได้นำกองทัพมามากมายเพราะมิต้องการให้ใครรู้ ไม่เช่นนั้นนางมารอาจไหวตัวทัน เมื่อรู้เช่นนี้แล้วเจ้าก็มิควรต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงกกับข้า”“แต่ข้าก็มิมีใครอีกแล้ว”ฟางซินบีบน้ำตา ทว่าในหัวใจของนางก็มีความเศร้าอันแท้จริงซุกซ่อนอยู่ในส่วนลึก“ขอข้าติดตามท่านด้วยเถิด ท่านจิ้นเหอ...ข้าเพียงขอรับใช้ท่าน มิได้ต้องการสิ่งใดมากไปกว่านี้ หากท่านจะไปตามล่าตัวนางมารข้าก็จะมิรบกวนหรือถ่วงงานของท่าน”“ไม่ได้! เจ้าจะตามข้าไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด”“ได้โปรด”ฟางซินคุกเข่าลงตรงหน้า แม้รู้ว่านี่คือการผิดกฎอย่างร้ายแรงด้วยประมุขแห่งพรรคมารต้องไม่คุกเข่าต่อหน้าผู้ซึ่งมีอำนาจน้อยกว่านอกเสียจากว่าจะเป็นเพ่ยหลิน แม่บุญธรรมผู้ชุบเลี้ยงนางมาเท่านั้น และทำให้จิ้นเหอชะงัก

    Last Updated : 2024-11-09

Latest chapter

  • นางมารหมื่นบุปผา   83

    “ต่อชีวิตเช่นนั้นหรือ?”“มันเป็นคัมภีร์ที่มีทั้งความเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดหากซุกซ่อนไว้ด้วยความแหลมคมอย่างที่สุด ครั้งหนึ่งฟางซินช่วยชีวิตท่านไว้ด้วยการถ่ายพลังลมปราณให้และพลังที่ไหลวนในตัวของท่านคือลมหายใจสุดท้ายของนาง”“แต่ตอนนี้ฟางซินอ่อนแอเหลือเกิน”“คนที่ต้องสังเวยชีวิตให้การฝึกวรยุทธ์จากคัมภีร์เฟิงเหลยคือผู้ตัดขาดตัวเองจากคนอื่นโดยปราศจากการเรียนรู้อย่างถ่องแท้ พวกเขาคิดเพียงว่าเมื่อสูญเสียสิ่งหนึ่งไปคือสูญสิ้นทั้งหมดหากทว่ามิใช่ แม้ฟางซินยอมสละทุกอย่างต่อท่านหากนางก็ยังมิสิ้นลมหายใจ นั่นเป็นเพราะนาง...ยังมีท่าน...แม่ทัพเฉิง จงพาฟางซินเดินทางไปยังบูรพทิศในยามตะวันทอแสง ท่านต้องอยู่เคียงข้างนางเสมอ อย่าได้ทอดทิ้งฟางซินเพราะท่านคือผู้นำพาหัวใจของนางและนางก็เปรียบเสมอโคมทองส่องสว่างในหัวใจของท่านไปยังสุดเขตแดนเพื่อตามหาปัญญาชนในสายลมหนาว พวกเขาจะรับรู้เรื่องราวของพวกท่านโดยมิต้องเอ่ยปากบอกเล่าใดๆ”“ปัญญาชนในสายลมหนาว...หนทางนั้นยาวไกลหรือไม่กว่าที่ข้าและฟางซินจะได้พบ”“หากท่านพร้อมยอมเสียสละเพราะมันอาจหมายถึงตลอดชีวิตของท่าน...และนาง”“เสียสละเช่นนั้นหรือ”“จิ้นเหอ...ท่านจะทำอะไร”ฟางซ

  • นางมารหมื่นบุปผา   82

    “เจ้ากลับมาหาข้าแล้ว ฟางซิน”เสียงที่เปล่งออกมายังความประหลาดใจแก่จิ้นเหอด้วยเป็นสรรพเสียงที่ดังกังวานไปถึงเบื้องนอกเมื่อครู่ นางอยู่ในนี้แล้วรู้ได้อย่างไรว่ามีคนเข้ามาในหอตะวันตก“นั่งก่อนเถิด...เจ้าทั้งสอง”นางเชื้อเชิญพลางผายมือเรียวบางไปเบื้องหน้า แม่ทัพหนุ่มก้าวไปหยุดอยู่ห่างออกมาสามสี่ก้าวก่อนค่อย ๆ วางร่างของฟางซินลงก่อนเขาจะหย่อนตัวนั่งเคียงข้างหญิงสาว จิ้นเหอพินิจร่างบอบบางของผู้อยู่เบื้องหลังเตาเหล็ก เจ้าของใบหน้างดงามราวเด็กสาวและแววตาน้ำตาลแวววาวเจิดจรัสราวกับมีรัศมีบางอย่างเปล่งออกมา“ฟางซินบอกข้าว่าท่านคือเทพพยากรณ์”“เรียกข้าว่าจิว”นางกล่าวขณะหยิบกลีบดอกไม้โรยลงในเตาบังเกิดควันพวยพุ่งก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็ว“ฟ้าดินเท่านั้นลิขิตชีวิต ข้ารู้เท่าที่ข้ารู้แต่มิอาจล่วงรู้ความลับสวรรค์”“เช่นนั้นท่านก็คงรู้แล้วว่าที่เรามาที่นี่ก็เพื่อสิ่งใด...ข้าคือ เฉิงจิ้นเหอ แม่ทัพแห่งองค์ซ่งไท่จู่”“แม่ทัพเฉิง ข้าเคยบอกฟางซินแล้วว่าวันหนึ่งนางต้องกลับมาหาข้า”“และเป็นดังเช่นท่านกล่าวไว้จริงๆ”ฟางซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนเบา ทว่าน่าประหลาดที่รู้สึกถึงเรี่ยวแรงฟื้นคืนกลับมากกว่าเก่าเมื่อเข้

  • นางมารหมื่นบุปผา   81

    หวังซื่อถาม หลวนคุนลุกขึ้นยืนและยืดไหล่หลังตรงอย่างสง่า เขาเชิดหน้าขึ้น“ข้าจะบอกทุกคนว่า....ลุงของข้าประมือกับนางมารหมื่นบุปผา ต่างคนต่างพลาดพลั้งเสียทีต่อกันทำให้ลุงของข้าและประมุขพรรคมารต่างสิ้นลมด้วยกันทั้งคู่”คำตอบนั้นทำให้ทุกคนเงียบกริบด้วยยอมจำนนต่อสติปัญญาของหลวนคุน ทุกคนรู้ว่าเขามิได้ปกป้องตัวเองด้วยเกรงถูกมองว่าเณรคุนเพราะหากมิทำเช่นนี้ก็จะเกิดข้อสงสัยแก่ผู้ที่มีใจภักดิ์ดีต่อเจ้าสำนักเฟิงอี้ที่สิ้นลมไปแล้วอย่างไป่เจี้ยนได้ ขณะนั้นจิ้นเหอกลับกอดฟางซินแนบแน่นยิ่งขึ้น เขากระซิบกับนางด้วยเสียงแม้ห้าวหนักทว่าอ่อนหวานยิ่งนัก“ฟางซิน...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หวงซานนี้จะถล่มฤาแผ่นฟ้าจะแหลกสลายลง หากข้าก็จะขออยู่เคียงข้างเจ้า...มิหนีไปไหน”หลังจากนั้นมินานที่หลวนคุนเป็นผู้นำทุกคนกลับไปยังพรรคเฟิงอี้ ทั้งแม่ทัพเฉิงจิ้นเหอ หวังซื่อผู้ติดตาม หยางเซิงไต้ซือ รวมทั้งเหมยเหม่ยที่คอยดูแลฟางซินซึ่งนางอ่อนแรงลงทั้งจากลมปราณปรวนแปรและจากการใช้กำลังที่เหลือเพียงน้อยนิดต่อสู้กับทั้งไป๋เจี้ยนและมี่อิง นางทิ้งพรรคบุปผาสวรรค์ที่บัดนี้ยังมิมีผู้ใดขึ้นเป็นประมุขไว้เบื้องหลังเพื่อมุ่งหน้าไปยังหอตะวันตก

  • นางมารหมื่นบุปผา   80

    แม่ทัพหนุ่มร้องด้วยความตกใจก่อนคว้าร่างของหญิงสาวที่ทรุดฮวบไว้ในอ้อมแขน นางลืมตาขึ้นมอง สติของนางยังคงอยู่หากแต่จิ้นเหอนั้นกอดร่างเล็กบอบบางไว้แนบแน่น“ฟางซิน...เจ้าเป็นอะไร”“ลมปราณในกายของนางกำลังปรวนแปร มันค่อย ๆ ทำลายตัวเองทีละน้อย”หยางเซิงไต้ซือตอบขณะก้าวเข้ามา จิ้นเหอแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่“นี่เป็นเพราะนางฝึกพลังลมปราณจากคัมภีร์เล่มนั้น และเป็นเพราะข้าที่ทำให้นางต้องเป็นเช่นนี้ มิมีวิธีใดเลยหรือที่จะช่วยรักษาชีวิตของนางไว้ให้ยืนยาวกว่านี้”ไต้ซือเฒ่าระบายลมหายใจขณะทำสีหน้าครุ่นคิด“เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินมี่อิงเอ่ยถึงเทพพยากรณ์ ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวบุคคลผู้นี้ ผู้ซึ่งอาจช่วยฟางซินได้”“แต่ท่านไต้ซือบอกกับข้านี่มิใช่หรือว่าผู้ฝึกวิชาจากคัมภีร์ฟ้าคำรามหากสูญเสียพรหมจรรย์แล้วจะมิมีทางช่วยให้พ้นจากความตายได้”เหมยเหม่ยรีบเข้ามาดูอาการของฟางซินที่นอนหายใจรวยรินในอ้อมกอดของจิ้นเหอ หยางเซิงไต้ซือส่ายหน้า“ที่ข้าบอกจ้าเช่นนั้นเพราะมันเป็นเรื่องเล่ามาช้านาน ข้าเองมิเคยแน่ใจว่าเทพพยากรณ์มีอยู่จริง คนทั้งยุทธภพร่ำลือถึงบุคคลผู้มีญาณวิเศษ มองเห็นอนาคต บางคนว่าเป็นหนุ่มรูปงามราวเทพบ

  • นางมารหมื่นบุปผา   79

    มี่อิงตื่นตระหนกเมื่อรู้สึกปวดปลาบตั้งแต่หน้าผากไปจนถึงท้ายทอย ความเจ็บปวดนั้นราวกับมีเข็มเล็ก ๆ ทิ่มแทงอยู่บนหัวของนาง“อะ...อะไรกันนี่...อะไรกัน!!”ครานี้นางเป็นฝ่ายอุทานขึ้นบ้างเมื่อโลหิตมิใช่หยาดเดียวหยดลงมาอาบเต็มใบหน้าสวยที่บิดเบี้ยวด้วยความหวั่นกลัวและเจ็บปวด มี่อิงพยายามจะถอดมาลาประดับผมออกแต่สายเกินไปเมื่อนางรู้ตัวแล้วว่ากำลังต้องพิษร้ายจากมาลาของประมุข นางกรีดร้องเสียงดัง“กรี๊ด!...ทำไมเป็นเช่นนี้...ฟางซิน...เจ้าใช่ไหม...เจ้าวางยาพิษในมาลานี่ใช่ไหม!”“มิใช่ข้าดอกมี่อิง” ฟางซินตอบด้วยน้ำเสียงอันแน่วนิ่ง “หากแต่นี่คือสิ่งที่ผู้มิใช่ประมุขมิมีวันรู้เกี่ยวกับการได้ครอบครองเสื้อคลุมและมาลาของประมุขพรรคบุปผาสวรรค์”“มะ...มิรู้เช่นนั้นรึ...มิรู้อันใด...โอย...ข้ามิรู้สิ่งใด”มี่อิงร่ำร้องและพยายามถอดมาลาออกจากหัวของนางเพราะความเจ็บปวดทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ใบหน้าบิดเบี้ยวของนางอาบด้วยโลหิตแดงฉานที่ไหลหลั่งลงอาบเสื้อคลุมขนาดที่คนติดตามคอยรับใช้ยังถอยหนีด้วยความสะพรึงกลัว ฟางซินก้าวไปหยุดตรงหน้าบันไดซึ่งทอดตัวขึ้นไปสู่บัลลังค์ทองงาช้าง นางส่ายหน้าไปมาขณะมี่อิงซวนเซจนล้มนั่ง โลหิตมากม

  • นางมารหมื่นบุปผา   78

    “ท่านมีบุญคุณต่อข้าใยจะมิสำนึก แต่หากมิทำเช่นนี้แล้วก็มิมีวันที่จะหยุดความทะเยอทะยานของท่านได้ อภัยให้ข้าด้วย...ท่านลุง”หลวนคุนนั่งคุกเข่าและวางคันธนูลงข้างลำตัว ไป๋เจี้ยนเหยียดปากทั้งน้ำกบดวงตา“ข้ามินึก...ทั้งที่มีคนเตือนข้าแล้วว่าให้ระวังคนใกล้ตัว...ข้านึกไปมิถึง...นึกมิถึงเลยจริง ๆ ว่าที่แท้...คนใกล้ตัวก็คือ...เจ้า...”เจ้าสำนักเฟิงอี้ตาเหลือกถลนเมื่อผ่อนลมหายใจสุดท้ายด้วยมิทานทนต่อความเจ็บปวดจากดอกศรที่ปักเข้าบนอกด้านซ้ายพอดิบพอดีก่อนจะล้มตึงลงนอนคว่ำหน้าดวงตาเบิกค้างและผู้ที่ตกใจมากที่สุดเห็นจะไม่พ้นมี่อิงที่ผงะงันและถอยไปเบื้องหลัง“ไป๋เจี้ยน...”จิ้นเหอครางชื่อเจ้าสำนักเฟิงอี้ที่ขาดใจตายลงต่อหน้าอย่างมิน่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ขณะฟางซินปรี่เข้าไปหา ทั้งสองกอดกันแนบแน่นราวกับได้เกิดใหม่“หลวนคุน...ท่านทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”หวังซื่อเอ่ยกับหลวนคุนแต่ไม่ทันจะพูดอะไรต่อก็ได้ยินเสียงมี่อิงกังวานขึ้น“ถึงมิมีไป๋เจี้ยนแล้วแต่พวกเจ้าหยุดข้ามิได้ดอก!”นางมารดอกไม้เงินเหยียดยิ้มเยาะก่อนหันไปยังคนสนิทอีกสองคนที่ยังไม่ยอมออกไปจากห้องโถงใหญ่ดังคนอื่น ๆ ที่แตกตื่นวิ่งหนีออกไปเกือบสิ้น หญิงสา

  • นางมารหมื่นบุปผา   77

    ดังนั้นนางจึงมิอาจต้านทานกำลังอันกล้าแกร่งของอีกฝ่ายได้จึงถูกซัดฝ่ามือใส่จังหวะที่นางพลาดท่าจนล้มกลิ้งไปนอนกับพื้น ฟางซินพยายามหยัดกายลุกขึ้นทั้งที่กระอักเลือดเปิดโอกาสให้ไป๋เจี้ยนพุ่งเข้าหาเพื่อหวังจะซัดฝ่ามือซ้ำแต่จิ้นเหอกลับเข้ามาขวางและถูกพลังลมปราณของไป๋เจี้ยนจนเขาเองก็ถึงกับหงายหลังลงไปนอนบนพื้น ไป๋เจี้ยนสบโอกาสหยิบกระบี่ขึ้นมาแล้วจ่อไปที่คอหอยของแม่ทัพหนุ่มอีกครั้งขณะหันไปยังฟางซินที่มองด้วยความตระหนก“จิ้นเหอ!”“นางมารหมื่นบุปผา เห็นหรือยังว่าพวกเจ้ามิอาจต้านกำลังของข้าได้ หากเจ้าอยากให้แม่ทัพเฉิงมีชีวิตอยู่ต่อไปก็จงบอกที่ซ่อนคัมภีร์มาเดี๋ยวนี้”“อย่า!” จิ้นเหอตะโกนบอกทั้งที่ไป๋เจี้ยนกดปลายกระบี่ลงบนคอของเขาจนเลือดเริ่มซึมออกมา “อย่าบอกที่ซ่อนคัมภีร์ให้พวกคนใจชั่ว ถึงข้าตายก็มิเสียดายถือเสียว่าได้ทำคุณแก่แผ่นดินด้วยการปกป้องคนดีจากคนชั่ว”“ไม่...จิ้นเหอ...จิ้นเหอ”ฟางซินร่ำร้องเมื่อเห็นเลือดไหลจากรอยกรีดลึกของคมกระบี่บนคอแม่ทัพหนุ่ม หัวใจของนางราวกับจะขาดเสียให้ได้แต่มี่อิงกลับหัวเราะเย้ยเสียงดัง“หากเจ้าอยากให้คนที่เจ้ารักมีชวิตอยู่ใยจึงไม่บอกที่ซ่อนคัมภีร์แก่ท่านไป๋เจี้ยนเล่

  • นางมารหมื่นบุปผา   76

    “แม่ทัพเฉิง มีสิ่งใดน่าขัน”“หึ...จะมิให้ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องหัวเราะได้อย่างไร ท่านติดตามหาคัมภีร์เล่มนั้นจนแล้วจนรอดก็ยังมิได้ครอบครอง คิดว่าสวรรค์คงมีตามิเข้าข้างคนใจโฉดเช่นเจ้า”“ถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังกล้าปากดีอยู่อีกรึ ยศฐาและตำแหน่งของเจ้าใช้ได้ต่อหน้าฮ่องเต้เท่านั้น หากแต่เมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ก็หาได้มีความหมายเพราะเจ้าเป็นเพียงเชลยที่มิรู้ชะตากรรมว่าจะตายเสียเมื่อใด”“ข้ายินดีตาย...หากมันจะแลกได้กับการไถ่โทษที่ข้าปรารถนามอบมันให้กับ...หญิงที่ข้ารัก”จิ้นเหอกล่าวขณะหันกลับไปยังฟางซินที่ยืนผงะนิ่งท่ามกลางเหมยเหม่ย หวังซื่อรวมทั้งหยางเซิงไต้ซือที่มองคนทั้งสอง ฟางซินมิคิดว่าจะได้ยินคำกล่าวนั้นจากปากของแม่ทัพเฉิงจิ้นเหอ แม่ทัพหนุ่มผู้เคยมีหัวใจเย็นชาราวหินผาและครั้งหนึ่งเคยโกรธเกลียดเคียดแค้นนางมารหมื่นบุปผาถึงขนาดจะสับร่างนางเป็นหมื่นชิ้น ฟางซินน้ำตาซึม“จิ้นเหอ...”“ถึงข้าตายเสียตอนนี้ก็มิรู้สึกว่าเสียดายชีวิต ข้ายอมสละตัวเองได้เพราะเจ้าจะมิมีวันได้คัมภีร์เล่มนั้นจากนางมารหมื่นบุปผาดอกไป๋เจี้ยน!”จิ้นเหอฉวยจังหวะที่ไป๋เจี้ยนพลั้งเผลอเพียงเวลาพลิกฝ่ามือดึงโซ่ตรวนที่พันธนาการข้อมือรวบ

  • นางมารหมื่นบุปผา   75

    เสียงที่ดังก้องขึ้นทำให้ทั้งหมดในที่นั้นหันกลับไปมองพร้อมกัน มี่อิงเลิกคิ้วขึ้นขณะไป๋เจี้ยนก็หันไปดังขวับส่วนจิ้นเหอเมื่อเหลียวกลับไปก็ได้เห็นคนที่เขาอยากพบมากที่สุดในเวลานี้ ฟางซินยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมด้วยเหมยเหม่ย หวังซื่อและหยางเซิงไต้ซือซึ่งเขาจำได้มิเคยลืมเมื่อครั้งเคยมาเยือนหวงซาน ณ อารามวัดโค้วอิงยี่ ทั้งหมดยืนอยู่ท่ามกลางคนพรรคมารที่ต่างจ้องมองด้วยความประหลาดใจ จิ้นเหอสบนัยน์ตานางมารหมื่นบุปผาด้วยหัวใจรุ่มร้อน หากมิตายเสียก่อนก็จะขอให้นางอภัยต่อความโง่เขลาที่เยขาหลงเชื่อคนใจคดอย่างมี่อิงและไป๋เจี้ยน แต่แล้วมี่อิงกลับระเบิดเสียงหัวเราะขึ้น“ฮ่าๆๆๆๆ....มาแล้วรึเจ้าพวกแมงเม่า ฟางซิน...ข้านึกไว้แล้วเชียวว่าเจ้าต้องหวนกลับมาที่นี่อีกครั้งเพราะเจ้าคงมิอาจทนเห็นคนรักของเจ้าตายอย่างทุกข์ทรมานอยู่ที่พรรคบุปผาสวรรค์เป็นแน่แท้”“มี่อิง เจ้าเลิกก่อกรรมเสียที มิรู้หรืออย่างไรว่าเจ้ากำลังเล่นกับสิ่งใด หากเกิดอะไรขึ้นกับแม่ทัพเฉิงคนจากวังหลวงย่อมมิปล่อยเจ้าไว้ให้เป็นเสี้ยนหนามแผ่นดิน”“ข้าไม่กลัว! คนจากวังหลวงหรือเป็นเพราะเจ้าห่วงเขากันแน่ มาวันนี้ก็ดีแล้วจะมาเป็นพยานให้กับข้าในการขึ้นเป็นป

DMCA.com Protection Status