น้ำมนต์เธอมองฉันแล้วก็จับมือของฉันพร้อมกับบีบเบาๆ ก่อนจะพูด “ฉันรู้นะว่าเธอฝืนยิ้มอยู่น่ะ”“……” เมื่อถูกท้วงแบบนั้นหยดน้ำตามันก็ไหลลงมาอาบแก้ม ไม่อาจจะกลั้นไว้ได้อีกต่อไป ฉันจึงรีบยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาทันที มันรู้สึกอายที่ต้องมาร้องไห้แบบนี้ต่อหน้าคนอื่น“ฉันว่าตอนนี้เฮียคงไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว”“แล้วคุณเหนือก็ไม่ได้คิดอะไรกับฉันด้วย ฉันรู้ตัวเองดีว่าสถานะคืออะไร ฉันไม่ควรรู้สึกอะไรทั้งนั้น”“รินอย่าพูดแบบนั้นสิ ฉันว่าเฮียออกจะหวงเธอมากๆ เลยนะ”“เขาไม่ได้หวงเพราะรู้สึกดีกับฉัน ที่หวงเพราะฉันคือของเล่นชิ้นโปรดของเขาต่างหาก”“…ริน” น้ำมนต์เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อได้ฟังคำตอบจากฉันฉันรู้ทุกอย่างและฉันก็ไม่ได้อยากจะหลอกตัวเองว่าคุณเหนือรู้สึกดี ตอนนี้ฉันแค่ต้องพยายามหยุดคิด หยุดฟุ้งซ่าน หยุดทุกความรู้สึกเอาไว้“ฉันเห็นใจเธอจังวาริน”“…..”“เอางี้ดีไหมฉันแนะนำเพื่อนของฉันให้ ว่าที่นักบินเชียวนะ”ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ผู้หญิงที่เปื้อนมลทินแบบฉันไม่เหมาะสมกับใครทั้งนั้น”“รินทำไมถึงดูถูกตัวเองแบบนั้นล่ะ เราทุกคนมีคุณค่าของตัวเองนะ”“เธอก็รู้ว่าตอนนี้ฉันเป็นอะไร ถ้าหมดสัญญากับคุณเ
ฉันกัดริมฝีปากตัวเองจนห้อเลือด รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อหลุดปากพูดบ้าๆ แบบนั้นออกไปคุณเหนือลุกขึ้นมาจากเตียง เขากระชากแขนฉันอย่างแรงเพื่อจะเอาคำตอบ “ฉันถามว่าเธอหมายถึงใคร!!”“ระ รินเจ็บ” ฉันพยายามแกะมือคุณเหนือออก แต่เขากลับจ้องเขม็งแล้วบีบแขนฉันแรงขึ้น “คุณเหนือรินเจ็บ”“เธอรู้อะไรมา ?”“น้ำมนต์เธอบอกรินว่าผู้หญิงที่ชื่อลดาเธอเคยเป็นคนที่คุณเหนือรัก” ฉันพูดตามความจริง ในเมื่อหลุดพูดออกมาแบบนั้นแล้วคุณเหนือค่อยๆ ปล่อยมือออกไปจากแขนของฉัน เขานิ่งไปเลย“รินว่าเธอคงไม่ใช่ผู้หญิงที่คุณเหนือเคยรักหรอกค่ะ ในตอนนี้คุณเหนือก็ยังรักเธออยู่”“……”“รินอยากให้คุณเหนือทำกับรินแบบผู้หญิงคนอื่นๆ รินไม่อยากได้ความพิเศษอะไรทั้งนั้น”“ทำไม ?”“รินมีความรู้สึก รินรักเป็น เจ็บเป็น”ฉันพูดออกไปน้ำเสียงสั่นเครือ วันนี้ฉันตัดสินใจพูดความรู้สึกของตัวเองให้ผู้ชายตรงหน้าได้รับรู้ และกล้าบอกอย่างไม่อาย ฉันอยากจะขอร้องให้เขาหยุดทำเหมือนว่าฉันสำคัญสักที ในเมื่อหัวใจของเขายังมีผู้หญิงคนนั้นอยู่“รินไม่อยากรักคุณเหนือ อึก~” ฉันก้มหน้าสะอื้นออกมาเบาๆ “เพราะรินรู้ว่ายังไงรินก็เป็นได้แค่นางบำเรอ”“……”“คุณเหนือช่
หลังจากที่พูดคำนั้นออกไป สายตาอำมหิตของคุณเหนือก็จ้องเขม็งมาที่ใบหน้าของฉันทันที ฉันรู้ว่าไม่ควรพูดแบบนั้น แต่ในบางความรู้สึกมันก็อยากจะหลุดพ้นจากเขา“มึงได้ยินหรือยังไอ้เหนือ” ผู้ชายคนนั้นถาม ก่อนที่เขาจะมองหน้าฉัน “ขึ้นรถไปกับฉัน”หมับ! สิ้นสุดคำพูดของผู้ชายคนนั้น คุณเหนือก็กระชากแขนฉันอย่างแรง ทั้งที่ฉันยังไม่ทันจะได้ก้าวขาเดินไปหาผู้ชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำ“มึงไม่มีสิทธิ์เอาผู้หญิงของกูไปไหนทั้งนั้น”“มึงก็ได้ยินว่าเธออยากมาอยู่กับกู”“ถ้ากูไม่อนุญาตมึงก็ไม่มีสิทธิ์เอาผู้หญิงคนนี้ไป!!”คุณเหนือประกาศเสียงกร้าว จากนั้นเขาก็ลากตัวฉันให้เดินตามมาที่รถในขณะที่ฝนกำลังตกหนัก ทำให้ฉันเปียกไปทั้งตัว คุณเหนือเองก็เหมือนกันแถมการที่เขาลากฉันแบบนั้นมันยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บแผลที่เท้าของตัวเองเอามากๆพอมาถึงที่รถคุณเหนือก็ผลักร่างของฉันมากระแทกกับฝากระโปรง เขากดร่างของฉันให้นอนราบ เม็ดฝนมันตกมากระทบผิวทำให้รู้สึกเจ็บแสบไปหมดทั่วทั้งใบหน้า“ออกมาข้างนอกทำไม หรือเธอนัดกับมันไว้จริงๆ” คุณเหนือเค้นถามเสียงดัง เขายังคงกดร่างฉันให้นอนราบไม่ยอมให้ลุกขึ้น“รินจะไปนัดเขาได้ยังไง”“เธอจะบอกว่าเป็นเรื่องบังเอ
ตอนนี้เป็นเวลาตีสาม ร่างกายของฉันมันบอบช้ำทั้งตัวจากการกระทำดิบเถื่อนของคุณเหนือ ในตอนนี้ฉันกำลังนอนเปลือยกายอยู่บนเตียง ส่วนคุณเหนือกำลังใส่เสื้อผ้า ฉันค่อยๆ ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองเอาไว้พอใส่เสื้อผ้าเสร็จคุณเหนือก็เดินมานั่งลงบนเตียง เขาใช้มือปัดไรผมของฉันมาทัดไว้หลังใบหูให้ ก่อนจะก้มหน้าลงมากระซิบบอก “หวังว่าเธอจะไม่คิดอะไรโง่ๆ แบบวันนี้อีก” “…รินคิดผิดเอง” ฉันมองหน้าคุณเหนือแล้วพูดออกไป“หมายความว่ายังไง ?”“เปล่าค่ะ”“ต่อให้เธออยากจะไปจากฉันแค่ไหน เธอก็ทำไม่ได้ อย่าลืมสิตอนนี้ฉันเป็นเจ้าของชีวิตเธอ”“….ค่ะ”“ไอ้ติณเป็นศัตรูของฉัน หวังว่าเธอจะไม่ไปให้ท่ามันอีก” คุณเหนือขบกรามแน่น แววตาของเขามันแฝงไปด้วยความอำมหิต“รินขออะไรคุณเหนือสักอย่างได้ไหมคะ”“อะไร ?”“รินอยากให้คุณเหนือแบ่งเวลาไปหาผู้หญิงคนอื่นบ้าง รินไม่ไหวแล้วจริงๆ รินเจ็บไปทั้งตัวแล้ว” ฉันบอกคำนี้ออกไปด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด มันไม่ไหวแล้วจริงๆ ฉันไม่อยากมีอะไรกับเขาอีกแล้วคุณเหนือเงียบเขาไม่พูดอะไร ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกไปจากห้องให้หลังจากที่คุณเหนือออกไปจากห้องแล้วฉันก็ร้องไห้ออกมา แรงจ
ฉันดันคุณเหนือออกห่าง ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรเขาก็เห็นแก่ตัวเหมือนเดิม“อยากให้ฉันนอนเฝ้าหรือเปล่า ?” คุณเหนือขมวดคิ้วพร้อมกับคำถาม และมันทำให้คนที่ได้ยินอย่างฉันแปลกใจเอามากๆ“มะ ไม่ค่ะ รินอยากพักผ่อน”“คิดว่าฉันอยากทำอะไรตอนที่เธอป่วยอยู่หรือไง”ใช่! ฉันคิดแบบนั้น ขนาดเมื่อกี้เขายังใช้ปากงับหน้าอกของฉันเลย หากนอนด้วยคืนนี้ฉันอาจจะไม่รอด“ไม่ต้องคอยดูแลรินหรอกค่ะ”“ฉันไม่ใช่คนใจดำขนาดนั้น”“……” ฉันเบือนหน้าหนีไม่พูดอะไรต่อ คุณเหนือจึงจัดการใส่เสื้อให้หลังจากที่ใส่เสื้อผ้าให้ฉันเรียบร้อยแล้ว คุณเหนือก็เดินหายออกไปจากห้อง ส่วนฉันก็ยังนอนซมอยู่บนเตียงเพราะพิษไข้ในขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับ เสียงประตูห้องที่ถูกเปิดเข้ามาทำให้ฉันค่อยๆ ปรือตามอง แล้วเห็นว่าเป็นคุณเหนือในมือของเขาถือชามอะไรสักอย่างมาวางไว้บนโต๊ะข้างๆ กับหัวเตียง เมื่อได้กลิ่นฉันถึงได้รู้ว่ามันคือข้าวต้ม“ลุกขึ้นมากินข้าวก่อน” ไม่พูดเปล่าคุณเหนือยังค่อยๆ ประคองฉันขึ้นโดยไม่ได้ถามสักคำว่าฉันหิวหรือเปล่า“คุณเหนือไม่กลับไปที่บริษัทเหรอคะ” ฉันถามเพราะตอนแรกคิดว่าเขากลับไปที่บริษัทแล้วซะอีก“สองทุ่มแล้วจะให้ฉันไปบริษัททำไม”สองทุ่มแล
ในตอนนี้ฉันอยากจะโทรหานาลินมาก แต่ก็ไม่อยากจะโทรไปรบกวนเพราะที่อังกฤษเวลานี้คงจะดึกแล้ว“คุณเหนือจะพารินไปรับนาลินที่อังกฤษใช่ไหมคะ”“อื้ม”“ขอบคุณมากนะคะ ^_^”น้ำตาของฉันมันคลอเบ้า ถึงแม้ว่าผู้ชายตรงหน้าจะทำร้ายหัวใจของฉัน ทำร้ายความรู้สึกของฉันจากคำพูด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าไม่มีเขานาลินอาจจะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้วก็ได้ “เดี๋ยวฉันจะบอกให้ลูกน้องเอาอาหารมาให้แล้วกัน”ฉันพยักหน้าตอบจากนั้นคุณเหนือก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง ตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว ฉันไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของคุณเหนืออย่างก่อนหน้านี้ ในขณะที่กำลังกินข้าวอยู่ก็ถูกสายตาของคุณเหนือจ้องมองตลอดเวลา มันทำให้ฉันรู้สึกเกร็งจนแทบไม่กล้ายกช้อนเข้าปาก “ทำไมถึงเอาแต่มองรินแบบนั้นล่ะคะ”“มองไม่ได้ ?” คุณเหนือถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ชวนหาเรื่อง“ไม่เข้าบริษัทเหรอคะ”“ไม่ว่าง”ฉันขมวดคิ้วเป็นปมทันทีเมื่อได้ยินที่คุณเหนือบอกว่าไม่ว่าง“ทำไมไม่ว่างล่ะคะ หรือคุณเหนือต้องออกไปเจอหุ้นส่วน” ถึงฉันจะอยู่ในฐานะผู้ช่วยเลขาของคุณเหนือ แต่ก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่องขนาดนั้น ถ้าพี่รุ้งไม่เอาตารางงานให้ฉันก็ไม่รู้อะไรเลย “ต้องดูแลคนป่วย”ตึกตัก! ตึก
เมื่อได้ยินคำที่คุณเหนือพูดสิ่งที่ฉันทำคือแกะมือเขาออกจากเอวแล้วเดินหนีทันที โดยไม่ฟังว่าคุณเหนือจะตะโกนเรียกตามหลังฉันรู้ว่าสถานะของตัวเองคือของเล่น แต่คำพูดแบบนั้นเขาก็ไม่ควรจะเที่ยวไปบอกคนอื่น คำว่าของเล่นแก้เบื่อแค่พูดกับฉันยังเจ็บ นี่เขาบอกให้คนอื่นได้รู้มันยิ่งตอกย้ำให้ฉันเจ็บปวดฉันเดินหนีคุณเหนือออกมาหน้างาน ไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะไปไหน ฉันแค่ไม่อยากยืนอยู่ตรงนั้นเพราะความอับอาย“ริน รินรอพี่ก่อน” ฉันหยุดเดินเพราะได้ยินเสียงของพี่เพชร จึงหันไปมองเป็นพี่เพชรที่วิ่งมา “รินจะไปไหน”“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ รินแค่ไม่อยากอยู่ในงาน”จบคำพูดของฉันคุณเหนือก็เดินตามหลังพี่เพชรมาติดๆ เขาจ้องหน้าฉันตาเขม็ง“เป็นอะไรหรือเปล่า ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนไหม”“ไม่เป็นไรค่ะ รินไม่อยากทำให้พี่เพชรเดือดร้อนเพราะริน”“เดือดร้อนอะไรกัน พี่เต็มใจนะริน”“กลับเข้าไปในงาน!!”สิ้นสุดคำถามของพี่เพชรเสียงของคุณเหนือก็ดังขึ้น ทำให้พี่เพชรหันไปมอง ทั้งคู่จ้องหน้ากันเขม็งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร“วาริน!! ฉันสั่งให้เธอกลับเข้าไปในงาน”ฉันก็ยืนนิ่งไม่ยอมเดินเข้าไปในงานตามคำสั่งของคุณเหนือ ส่วนพี่เพชรก็หันมามองฉันอีกครั้งแล้วพ
“อย่าเล่นกับความรู้สึกของรินอีกเลยนะคะ”“ฉันไม่ได้เล่นกับความรู้สึกของเธอ”“คุณเหนือกำลังจะบอกว่ารู้สึกดีกับรินอย่างนั้นเหรอคะ” ฉันถามออกไปด้วยความประหม่า แต่มันก็อยากจะรู้คำตอบของเขา“ถ้าเธออยากจะกลับฉันก็จะพาเธอกลับ” คุณเหนือบอกโดยที่ไม่ได้ตอบคำถามของฉันอีก มันทำให้ฉันรู้สึกหน้าเสียเพราะคิดเข้าข้างตัวเองไปแบบนั้นคำว่าสำคัญของคุณเหนือคงไม่ได้หมายถึงในสถานะผู้หญิงที่เขารัก…ฉันคิดไปเอง“คุณเหนือไม่ต้องเข้าไปในงานแล้วเหรอคะ” พอคุณเหนือไม่ยอมตอบคำถามนั้น ฉันก็ทำเหมือนว่าตัวเองไม่ได้พูดอะไรออกไปทั้งนั้น ทั้งที่ความรู้สึกมันอับอาย“ไหนเธออยากจะกลับ ?”“คุณเหนือให้ลูกน้องไปส่งรินก็ได้ค่ะ”“ฉันจะพาเธอกลับเอง ไม่ใช่คนอื่น” คุณเหนือบอกพร้อมกับสายตาที่ดุดัน ก่อนที่เขาจะเปิดประตูรถแล้วหันมาบอก “ลงมานั่งเบาะข้างๆ คนขับสิฉันไม่ใช่คนขับรถของเธอ”ฉันรีบลงจากรถตามคุณเหนือ ถึงมันจะงุนงงว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้คุณเหนือเกือบจะฆ่าฉันอยู่แล้วนะ สายตาของเขาน่ะ แต่พอนึกอยากจะเปลี่ยนอารมณ์ก็เปลี่ยนซะดื้อๆ“เธออยากกินอะไรก่อนไหม” คุณเหนือหันมาถามขณะที่กำลังขับรถอยู่“รินอยากกินก๋วยเตี๋ยวค่