อะไรกัน ฉันคิดว่าเราเข้าใจตรงกันแล้วซะอีกเรื่องพี่เพชร เพราะในตอนนั้นฉันยืนยันน้ำเสียงหนักแน่นว่ามันไม่มีอะไร คุณเหนือก็ทำเหมือนเชื่อ แล้วทำไมตอนนี้คุณเหนือถึงได้พูดแบบนี้ออกมาอีก“พี่เพชรไม่อยู่บ้านค่ะ รินไปหาพราวคุยกันไม่นานรินก็กลับ”“ไม่เถียงแปลว่าเธอยอมรับว่าแอบคบชู้กับมัน”“เปล่านะคะ รินไม่ได้ยอมรับ” สายตาของคุณเหนือจ้องเขม็งมายังใบหน้าของฉันอย่างคาดคั้น “รินก็แค่อธิบายให้ฟัง”พอพูดจบฉันก็ซบหน้าลงบนแผงอกแกร่งเพื่อออดอ้อนหวังว่าเขาจะใจเย็นลง และมันก็ได้ผล“ถ้าเธอจะไปไหนต่อไปนี้ให้รายงานฉัน ฉันจะให้ลูกน้องพาเธอไป”“ค่ะ ต่อไปนี้รินจะรายงานคุณเหนือทุกอย่าง”คุณเหนือดันตัวฉันออก เขาจับปลายคางของฉันให้เงยหน้าขึ้นแล้วจ้องลึกเข้ามา ก่อนจะถาม “อ้อนฉันขนาดนี้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ ?”“รินไม่อยากได้อะไรเลยค่ะ รินแค่ไม่อยากถูกคุณเหนือดุ”“ถ้าเธอทำตัวดีกับฉัน ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะถูกดุ”“รินก็ทำตัวดีทุกครั้งนี่คะ…”“แต่ท่าทางไร้เดียงสาของเธอมันขัดใจฉัน”“เหตุผลนี้เหรอคะที่ทำให้คุณเหนือชอบไม่พอใจริน”“อยากให้ฉันพอใจในตัวเธอมากขนาดนั้น ?” คุณเหนือโน้มใบหน้ามาใกล้ๆ มันทำให้ฉันเริ่มทำอะไรไม่ถูก“
คุณเหนือเงียบเมื่อได้ยินคำพูดของฉัน คิ้วหนาขมวดชนกันและเอาแต่จ้องมองใบหน้าของฉันอยู่อย่างนั้น“ระ รินจะไปล้างตัวค่ะ” ฉันใช้มือดันแผงอกแกร่งให้ออกห่าง แต่คุณเหนือกลับไม่ยอมลุกขึ้นไปไหน“ฉันไม่ได้บอกผิดคน ฉันก็แค่ลืมว่ายังไม่ได้ซื้อให้เธอ”“ไม่เห็นต้องแก้ตัวเลยนี่คะ”“แก้ตัว ?”ฉันเบือนหน้าหนี ก่อนจะพูด “คุณเหนือมีผู้หญิงหลายคน ไม่แปลกหรอกค่ะที่จะจำผิดคน”ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดลงมาบนพวงแก้มของฉัน ก่อนที่เสียงทุ้มเข้มจะเอ่ยขึ้น “ฉันไม่เคยสดกับผู้หญิงคนไหน นอกจากเธอ” มันยากที่จะเชื่อคำพูดที่เพิ่งออกมาจากปากของเขา จะให้ฉันเชื่อได้ยังไง เพราะกับฉันเขาแทบจะไม่ป้องกันเลย“ทำหน้าแบบนี้แปลว่าไม่เชื่อที่ฉันพูด ?” ไม่ถามเปล่า คุณเหนือใช้มือจับปลายคางของฉันให้หันหน้ามาหาตัวเอง“ไม่เห็นต้องอธิบายเลยค่ะ รินเป็นแค่นางบำเรอ”“อื้ม! นั่นสิฉันไม่จำเป็นต้องอธิบาย” แววตาของคุณเหนือเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดริมฝีปากหนากดทับลงมาบนริมฝีปากของฉันพร้อมกับบดขยี้จูบอย่างหนักหน่วงจนรู้สึกถึงความชาหนึบบนริมฝีปาก“อื้อ” ฉันร้องประท้วงในลำคอเมื่อคนด้านบนป่าเถื่อนจนเกินไปไม่เพียงแต่ทำรุนแรงขึ้น คุณเหนือยังเริ่มขยับเอวส
ฉันมองหน้าคุณเหนือ นี่เขาต่อว่าฉันอีกแล้วนะ ทั้งที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่เอาเอกสารมาวาง พี่เอกก็แค่ถามชื่อ ฉันตอบกลับนี่แปลว่าอ่อยอย่างนั้นเหรอ“ออกไป ฉันจะคุยธุระ!!”“คุณเหนือไม่เห็นต้องดุขนาดนี้เลยครับ ดูสิรินกลัวจนสั่นไปทั้งตัวแล้ว”“ขะ ขอตัวก่อนนะคะ”ฉันรีบเดินหนีออกมาเมื่อถูกสายตาเขม็งของคุณเหนือจับจ้องมอง“ริน”“อ้าวพี่เอมสวัสดีค่ะ” ฉันกำลังจะเข้าลิฟต์ เจอกับพี่เอมพอดี“รู้สึกเหมือนไม่ได้เจอรินหลายวันเลยนะเนี่ย ตั้งแต่รินย้ายแผนกไป”“รินเพิ่งกลับมาจากไปเยี่ยมน้องสาวด้วยค่ะ”“แล้วน้องสาวเป็นไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง”“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ^_^” ฉันพูดพร้อมกับเดินเข้าลิฟต์พร้อมพี่เอม“อย่าไปสนใจปากพวกพนักงานในบริษัทเลยนะ” พี่เอมพูดขึ้นหลังจากที่เราเข้ามาในลิฟต์กันแล้ว แถมยังพูดเหมือนรู้เรื่องของฉันกับคุณเหนือ ทำให้ฉันไม่กล้าที่จะถามอะไรต่อ“ไม่ต้องคิดว่าพี่จะเป็นแบบคนพวกนั้นหรอกนะ และพี่ก็จะไม่ถามว่าอะไรเป็นอะไร เพราะมันเรื่องส่วนตัวของริน”“ขอบคุณพี่เอมมากนะคะ ^_^”พี่เอมพยักหน้า เป็นจังหวะเดียวกับที่ลิฟต์เปิดออกพอดี ฉันจึงเอ่ยลาพี่เอมแล้วเดินแยกตัวมายังโต๊ะทำงานมันรู้สึกดีใจ ดีใจที่
“ขอตัวนะคะ” ฉันตัดสินใจเดินเลี่ยงมาอีกทาง“แล้วเธอจะเสียใจที่เลือกอยู่กับมัน” เขาพูดตามหลัง ฉันเองพยายามไม่สนใจ รีบเดินเข้าลิฟต์ฉันไม่รู้ว่าเขามีจุดประสงค์อะไรที่มาพูดแบบนั้น และฉันก็กล้าพูดเลยว่านอกจากคุณเหนือแล้วฉันจะไม่ยอมขายตัวให้ใครอีก ที่ฉันทำเพราะความจำเป็น ไม่ใช่ต้องการขายตัวเพื่อแลกกับเงิน#ภายในห้องฉันล้วงหาโทรศัพท์ในกระเป๋าอยู่พักใหญ่ก็ไม่เจอ ไม่รู้เอาไปไว้ไหน จึงตัดสินใจลงมาดูที่รถอีกครั้งเผื่อจะลืมไว้ แต่ก็ไม่เจอ จึงกลับมาหาในห้องเผื่อจะวางไว้แล้วลืม“ไปทำหายไว้ที่ไหนนะ”ฉันนั่งคิดอยู่นานแต่ก็คิดไม่ออก ถ้าหาจนทั่วแล้วไม่เจอก็คงจะลืมไว้ที่บริษัทฉันล้มเลิกความคิดที่จะตามหาโทรศัพท์ จากนั้นก็เข้าห้องมาอาบน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จก็มาทำอาหารกินเสร็จแล้วฉันก็นั่งดูทีวีต่อสักพัก แล้วเข้านอนไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่ ฉันสะดุ้งตื่นจากแรงกระชากที่แขนอย่างรุนแรง แขนมันแทบจะหลุดออกมาจากบ่าเลยก็ว่าได้ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้น ไฟในห้องถูกเปิดสว่าง แต่เห็นว่าคนที่มากระชากแขนฉันจนมันแทบจะหลุดคือคุณเหนือ“คุณเหนือ”“มันอยู่ที่ไหน!!” จู่ๆ คุณเหนือก็ตวาดถามเสียงดัง ทำเอาฉันที่เพิ่งตื่นนอนถึงก
ฉันร้องไห้อยู่พักใหญ่ จนกระทั่งน้ำตามันค่อยๆ แห้งเหือดหายไป พราวถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วพูด “คุณเหนือใช่ไหม เขาคงทำให้แกลำบากใจมาก”“เขากดดันฉันหลายอย่าง จนฉันแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง”“แกตัดสินใจไปแล้วคงทำอะไรไม่ได้นอกจากอดทนนะริน”“……”“ฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไงให้แกรู้สึกดีขึ้น ในเมื่อหนีไม่พ้นแกก็ต้องยอมจำนนแบบนี้ต่อไป”“ขนาดกับพี่เพชรเขายังสั่งห้ามไม่ให้ฉันยุ่ง”พราวทำหน้าไม่เชื่อ “จริงเหรอริน แล้วแกได้บอกไหมว่าพี่เพชรคือพี่ชายของเพื่อน”“ฉันบอกไปแล้ว แต่เขาไม่ฟัง”“เฮ้อ! ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้”“แล้วที่ฉันทนไม่ไหวจนต้องมาหาแกวันนี้ก็เพราะว่าคุณเหนือโทรหาฉันแล้วมีผู้ชายรับสาย ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าไปทำโทรศัพท์ตกหายไว้ที่ไหน แล้วเขาก็ไม่ฟังอะไรเหมือนเดิม”“โหย! เกินไปแล้วนะ แบบนี้น่ะ”“เพราะแบบนี้ไงฉันถึงอึดอัด ชีวิตฉัน มันไม่ใช่ของฉันตั้งแต่คุณเหนือเข้ามา”“ฟังแกพูดแล้วฉันก็แอบคิดนะว่าคุณเหนือจะชอบแก”“ไม่หรอก แกจะบ้าหรือไงพราว”“เขาดูหวงแกออกนอกหน้ามากไปนะฉันว่า มันเหมือนไม่ใช่แค่ข้อตกลงบ้าๆ ที่แกเล่ามา เหมือนคุณเหนือรู้สึกมากกว่านั้น”ตึกตัก! ตึกตัก! หัวใจดวงน้อยของฉันมันเต้นรัวเมื่อได้
คุณเหนือดึงฉันให้เดินตามเขามาที่โซฟา ก่อนจะกดตัวฉันให้นั่งลงแล้วออกคำสั่ง “นั่งตรงนี้ห้ามลุกขึ้นไปไหน”พูดจบแล้วเขาก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานค้นหาอะไรอยู่สักอย่าง ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าคุณเหนือคิดจะทำอะไร ได้แต่นั่งนิ่งๆ ทำตามคำสั่งของเขาไม่นานคุณเหนือก็เดินกลับมาพร้อมอะไรบางอย่างในมือ มันเป็นหลอดคล้ายยาสีฟันแต่ไม่ใช่คุณเหนือเดินมานั่งลงข้างๆ กับฉันแล้วพูด “เอามือมา”ฉันได้แต่นิ่งไม่ยอมทำตามคำสั่ง ทำให้คนข้างๆ พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะดึงมือฉันไป แถมยังจับตรงที่ฉันถูกน้ำกาแฟลวกอีกต่างหาก การเสียดสีทำให้ฉันเจ็บและร้องอุทานออกมา“โอ๊ย~”“เจ็บแล้วจะเล่นตัวทำไม” คุณเหนือถามเสียงดุ ฉันไม่ได้เล่นตัวสักหน่อยพอดึงมือฉันไปแล้วคุณเหนือก็บีบเจลใสๆ ในหลอดลงบนมือของฉัน จากนั้นเขาก็ถูวนไปมา เจลนี้ทำให้ฉันรู้สึกเย็น และมันก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมากกว่าตอนแรกฉันมองหน้าคุณเหนือที่กำลังตั้งใจถูเจลบนมือของฉันอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาทำให้แบบนี้ และนี่คือครั้งแรกที่ฉันถูกสายตาที่เหมือนจะเป็นห่วงของเขาจ้องมอง“เรื่องเมื่อวานฉันอารมณ์ร้อนไปหน่อย” เมื่อความเงียบเข้ามาปกคลุม คุณเหนือก็พูดขึ้นมา“….ค่ะ”
“ใครวะ! เดี๋ยวพี่ไปถามเขาก่อนว่ามาหาใคร” พี่เพชรทำท่าจะลุกขึ้นไปหาคุณเหนือที่กำลังเดินมา เห็นแบบนั้นฉันจึงรีบห้ามไว้ “ไม่ต้องหรอกค่ะ”“รินรู้จัก ?” พี่เพชรถามอย่างแปลกใจ“…..” ฉันจะตอบยังไงดี จะบอกว่าคุณเหนือคือเจ้านายที่บริษัทพี่เพชรจะสงสัยไหมว่าเขาตามมาที่นี่ทำไม “รู้จักค่ะ”ฉันตอบไปแค่นั้นไม่ได้ขยายความอะไรต่อ และในตอนนี้คุณเหนือก็เดินมาหยุดที่โต๊ะแล้วด้วย สายตาอำมหิตของเขาจ้องหน้าพี่เพชรอย่างหาเรื่อง รวมทั้งฉันด้วย“ริน อย่าบอกนะว่านี่คือ….” พราวมองหน้าคุณเหนือก่อนจะหันมาตั้งคำถามกับฉัน ฉันจึงพยักหน้าแทนคำตอบเพราะรู้ว่าพราวหมายถึงอะไร“เขาเป็นใครเหรอริน” พี่เพชรที่ยังงุนงงอยู่ก็ได้เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง“เขาคือ….”“ฉันคือเจ้าของชีวิตของวาริน” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบ เสียงของคุณเหนือก็ดังขึ้นมาซะก่อน และคำว่า ‘เจ้าของชีวิต’ มันก็ทำให้ฉันสะอึกจนพูดอะไรไม่ออก“หมายความว่ายังไงริน”“……” ฉันได้แต่กำมือแน่นจนมันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไม่กล้าที่จะพูดอะไรกับพี่เพชร ฉันพลาดเอง พลาดที่เลือกจะมาค้างที่บ้านพราวในวันนี้“เธอคงไม่เคยพูดว่าฉันเป็น….”“คุณเหนือคะ!!” ฉันลุกขึ้นยืนทำให้คุณเหนือเงียบไป
คุณเหนือเปิดประตูรถแล้วเดินตรงไปยังโต๊ะที่พี่เพชรกับพราวนั่งรออยู่โดยไม่รอฉัน จึงทำให้ฉันต้องรีบวิ่งตามเขาไป เพราะกลัวว่าพี่เพชรจะถูกหาเรื่องอีกเมื่อเดินมาถึงทั้งพราวกับพี่เพชรก็มองคุณเหนือโดยไม่ได้พูดอะไร“คือคุณเหนือจะมากินข้าวด้วย” ฉันบอกพราว พราวจึงรีบพยักหน้าตอบ “อะ อื้อๆ ได้สิ คุณเหนือเชิญนั่งเลยค่ะ”ฉันนั่งลงข้างๆ กับพี่เพชรเพราะตอนแรกฉันนั่งตรงนี้อยู่แล้ว แต่พอนั่งลงไม่ทันไรก็ถูกคุณเหนือดึงแขนขึ้น จากนั้นก็กดให้ฉันนั่งลงข้างๆ กับตัวเอง“พราวบอกพี่ว่าคุณเหนือเป็นเจ้านายของริน” พี่เพชรพูดขึ้น ก่อนจะมองฉันกับคุณเหนือสลับกัน “ไม่ยักรู้ว่าเจ้านายใส่ใจเด็กฝึกงานถึงขึ้นตามมา….”“พี่เพชรคะ” พราวเรียกพี่เพชรแล้วส่ายหน้าไปมาสื่อประมาณว่าไม่ต้องพูด ทำให้พี่เพชรยอมเงียบ แต่คุณเหนือกลับพูดต่อ“ถ้าฉันถูกใจพนักงานคนไหน ก็จะดูแลเป็นพิเศษ” พูดจบคุณเหนือก็โอบเอวฉัน และนั่นทำให้ฉันรับรู้ได้ว่าสิ่งที่เพิ่งจะอ้อนวอนไปไม่ได้ผล เขาตั้งใจทำให้คนอื่นรู้ในตอนนี้คุณเหนือกับพี่เพชรกำลังทำสงครามด้วยการจ้องตากันอย่างเอาเป็นเอาตาย“เอ่อ กะ กินข้าวกันดีกว่านะคะ” พราวขัดขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ ทำให้ทั้งคู่ยอมล