@ คอนโดหรูกลางกรุง ของฟ้าใส
ฟ้าใสที่ยังคิดทบทวนถึงเรื่องที่คุยกับแม่เมื่อตอนกลางวัน ทันใดนั้น อยู่ๆ ก็เกิดอาการปวดหัวขึ้นมาเมื่อนึกถึงชื่อ ‘ปกรณ์’ ทำไมชื่อนี้คุ้นๆ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
ความทรงจำบางอย่างโผล่ขึ้นมาถึงหน้าเด็กชายหน้าตาหล่อเหลา จมูกโด่ง พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ และเสียงดังตูม แค่แวบเดียวเท่านั้น มันก็หายไป แต่อาการปวดหัวยังอยู่
ฟ้าใสเดินไปหยิบยาแก้ปวดหัวออกมาจากตู้ยา พร้อมทั้งเดินไปที่ห้องครัวเพื่อหาน้ำ หลังจากจัดการกับยาเรียบร้อย เดินกลับไปที่ห้องน้ำแล้วแช่น้ำอุ่น พร้อมคิดว่าจะหาทางออกจากเรื่องนี้อย่างไรดี อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ครืด ครืด
“ฮัลโหล” ฟ้าใสไม่ทันได้มองว่าใครโทรมา เอื้อมมือไปแล้วรับแล้วกรอกสายลงไปด้วยอารมณ์ เหนื่อยอ่อน
“สวัสดี คุณเพื่อน กลับไปหาแม่มา เป็นไงบ้าง แม่เป็นอะไรหรือเปล่า” แป้ง เพื่อนสาวคนสนิท ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เอ่ยถามออกมา เมื่อเพื่อนรักส่งเสียงทักทาย
“แป้ง แกโทรมาพอดีเลย ฉันมีเรื่องกลุ้มใจมาก อยากหาที่ปรึกษาพอดี” ฟ้าใสผุดตัวนั่งหลังจากที่นอนหลับตาในอ่างอาบน้ำเพื่อคิดหาทางออกจากเรื่องนั้น
“แกเป็นอะไร ยัยฟ้าใส ทำไมเสียงดูร้อนรนแบบนี้ แกอยู่ไหน”
“ฉันอยู่ที่คอนโด อาบน้ำอยู่ คืนนี้แกมานอนกับฉันได้มั้ย อยากคุยวะ” ฟ้าใสขอร้องเพื่อนสาวอย่างต้องการที่ปรึกษาจริงๆ
“เออๆ งั้นแกไปอาบน้ำต่อ เดี๋ยวคืนนี้ฉันไปนอนด้วย ไปถึงแล้วจะเคาะห้องนะ แกอย่าเพิ่งคิดอะไรมากหละ” จากนั้นแป้งก็รีบวางหู หยิบกุญแจรถแล้วออกจากห้องไปทันที โดยลืมไปว่าตัวเองใส่ชุดนอนเตรียมจะนอนเพื่อรีบไปหาเพื่อนสาวที่ดูน่าจะมีอะไรใหญ่ เกิดขึ้น แน่ๆ เพราะปกติฟ้าใสเป็นคนค่อนข้างสุขุม วางแผนรอบคอบ เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในแผน ฟ้าใสไม่เคยจะแสดงอาการร้อนรน หรือทำอะไรไม่ได้อย่างที่เห็น เจ้าหล่อนจะมีแผน 2 แผน 3 อยู่ในหัว ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือเรื่องการดำเนินชีวิต นี่เป็นครั้งแรกที่ฟ้าใสแสดงอาการตื่นตระหนกกับอะไรสักอย่าง
เอี๊ยด
แป้งขับรถมาจอดที่คอนโดฟ้าใสภายในไม่เกินครึ่งชั่วโมง แป้งในชุดนอนกระโปรงยาวลายหมี มุ่งหน้าไปที่ลิฟท์ ระหว่างนั้นก็ก้มกดมือถือเพื่อโทรหาฟ้าใส โดยไม่ทันได้มอง ทำให้ชนกับอกแกร่งของใครบางคน
ปึก “โอ้ย”
“นี่ป้าเดินยังไงกันครับเนี่ย หิวก่อนนอนก็มองทางหน่อยครับ มัวแต่กดสั่งอาหารอยู่ได้” เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นข้างหูอย่างดัง
“ป้าบ้านแกสิ” แป้งเอ่ยพร้อมเงยหน้าขึ้นมา พลันก็อึ้งไปชั่วขณะ หูว นี่เทพบุตรชัดๆ สันจมูกนั่น ไหนจะตาเรียวที่ดูน่าค้นหา แล้วปากหยักได้รูป คนอะไรจะหล่อขนาดนี้เนี่ย
“ป้าผมอยู่ที่ต่างจังหวัดครับ ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับผม” หนุ่มหล่อยังคงกวนประสาทหญิงสาว ทั้งๆ ที่ ก็แอบตะลึงเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมา แล้วเห็นตากลมโต ปากเล็ก จมูกโด่งเชิด มีความรั้นอย่างไม่อาจปกปิด ขัดกับชุดนอนลายหมี เป็นไหนๆ ‘น่าแกล้งดีแหะ’ ชายหนุ่มนึกในใจ
“นะ นะ นายเรียกใครว่าป้า หน้าฉันกับนายก็พอๆ กันอะแหละ เผลอๆฉันยังดูเด็กกว่าอีก” แป้งรีบดึงสติกลับมา แล้วรีบตอบโต้ ‘หึย ปากเสียชะมัด หล่อแต่ปากแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ’ แป้งนึกในใจพร้อมทั้งเสียดายความหล่อ
“เอาละครับ ผมรีบ ไม่มีเวลามานั่งเถียงกับป้าหรอกนะครับ ว่าแต่ชนผม ไม่คิดจะขอโทษเหรอครับ”
“ขอโทษก็ได้ ฉันก็รีบเหมือนกัน ไม่อยากเสียเวลากับนายหรอก” แป้งรีบๆ ขอโทษเพื่อให้เรื่องจบไปเร็วๆ หญิงสาวนึกถึงเรื่องด่วนของเพื่อน
“ป้าชนผมแรงขนาดนี้ ไม่รู้หน้าอกผมเป็นอะไรหรือเปล่า เอางี้ ป้าอยู่ห้องไหน ชั้นไหน เผื่อผมมีปัญหา ไปตรวจร่างกายมาแล้วจะได้ให้ป้าชดใช้ให้ผม” ธันวา อยากรู้จักหญิงสาวมากขึ้น เขาสนใจในตัวเธอเสียแล้ว แต่ก็ต้องรีบไปเช่นกัน เพื่อนตัวดีกำลังโทรตามเค้ายิก ๆ อยู่ในกระเป๋ากางเกงที่เค้ารู้สึกได้
“นายจะบ้าเหรอ ฉันไม่ได้ชนแรงขนาดนั้นสักหน่อย ถอยไปได้แล้ว ฉันไม่มีเวลา” ว่าแล้วแป้งก็ผลักชายหนุ่มออกไป แล้วรีบวิ่งเข้าไปในลิฟท์ที่เปิดออกพอดี
“เฮ้” ธันวาเซ ถอยหลังไปหน่อยเมื่อโดนผลักพร้อมมองตามหญิงสาวในชุดนอนลายหมีวิ่งเข้าไปในลิฟท์อย่างรวดเร็ว “หึหึ ปล่อยไปก่อนแล้วกัน” ชายหนุ่มไม่รีบร้อนตามเข้าไปเพราะเขาต้องรีบไปหาเพื่อน
ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง
เสียงออดหน้าห้องฟ้าใสดังขึ้น ปลุกให้หญิงสาวที่เผลองีบหลับไปบนโซฟา เนื่องจากอาการปวดหัว ลุกขึ้นมานั่ง สะบัดหัวไปมา เพื่อให้หายอาการหนักหัว แล้วเดินไปเปิดประตูให้เพื่อนสาว โดยที่ไม่ได้มองที่ตาแมว ด้วยคอนโดแห่งนี้มีราคาสูง ฟ้าใสค่อนข้างมั่นใจในระบบความปลอดภัยของที่นี้มาก
“ไงจ๊ะ คุณเพื่อน ทำไมหน้าเป็นเบบนี้หละ ไม่สบายหรือเปล่า หน้าแกไม่ดีเลย ไปหาหมอมั้ย” เสียงแป้งดังออกมาทันทีเมื่อประตูเปิดขึ้น จากเสียงสดใสในประโยคแรก ต้องเปลี่ยนไปเมื่อเห็นหน้าเพื่อนสนิท
“อืม ไม่มีอะไรมากหรอกแก รู้สึกปวดหัวอะ” ฟ้าใสเดินหันหลังกลับมานั่งที่โซฟา พร้อมทั้งเอนหัวหลับตาไปตรงพนักพิง
“ขอบใจแกมากนะ ที่มาหาหนะ” ฟ้าใสค่อยๆ ลืมตาเมื่อรู้สึกว่าโซฟาข้างๆ ยุบลง พร้อมมีมือเพื่อนมาแตะที่หน้าผาก
“หูว แกมาพร้อมชุดนอนเลยเหรอ เพื่อนดีเด่นมาก” แม้หน้าตาจะไม่สบาย แต่ก็ยังไม่วายกระเซ้าเย้าแหย่เพื่อนที่อุตส่าห์มาหาด้วยชุดนอนตัวเก่ง
“ก็เพราะเป็นห่วงแกนะสิ รู้มั้ยว่ารีบมากแค่ไหน พอมาถึงคอนโดแก ก็ดันมาชนใครก็ไม่รู้อีก คนอะไรก็ไม่รู้ปากเสียชมัด มาเรียกชั้นว่าป้าด้วยอะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใครนะ ตาถั่วมาเรียกอดีตดาวคณะว่าป้าได้น้า” ฟ้าใสหัวเราะออกมาอย่างดัง ก็จริงนี่นา เพื่อนสาวของเธอสวยมาก หน้าตายังดูเด็ก ไม่เหมือนคนอายุ 27 เลยแม้แต่น้อย
“ฉันอดีตดาวคณะ เพราะแกหละสิ จริงๆ ถ้าแกไม่สละสิทธิ์ ฉันก็ไม่ได้เป็นหรอก”
“ก็ฉันนไม่ชอบทำอะไรที่มันไม่ได้อยู่ในแผนชั้นนี่ แกก็รู้ ฉันวางแผนว่าเข้าไปเรียน ทำกิจกรรมไม่เกินสองอย่างต่อปีเท่านั้น เพื่อเอาเกียรตินิยมมาให้ได้”
“แล้วแกก็ได้จริงๆ ตามแผนแกหนะแหละ ว่าแต่อาการป่วยของแกเนี่ย อยู่ในแผนแกด้วยมั้ย” เพื่อนสาวชม พร้อมแขวะไป อย่างเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าที่ตัวเองมาเนี่ย อยู่ในแผนด้วยหรือเปล่า“ถ้าอยู่ในแผน ฉันจะมีหน้าอย่างนี้เหรอแกกก” ฟ้าใสพูดออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน พร้อมทั้งไหลนอนพิงไปกับพนักโซฟา ลืมตามองเพดานอย่างไร้จุดหมาย“เฮ้ย ฟ้า มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันไม่เคยเห็นแกเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ ไหนมีอะไรเล่ามาเดี๋ยวนี้”“แม่บอกให้ฉันหมั้นกับเพื่อนลูกชายแม่.....” ฟ้าใสหลับตานั่งสักพัก ก่อนจะเริ่มเอ่ยปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น“ก็ดีแล้วนี่แก เราก็อายุเยอะกันแล้วนะ อีกไม่กี่ปีจะเข้าเลขสามแล้ว ถ้าเราเริ่มหาคนรู้ใจตอนนี้ กว่าจะคบ กว่าจะทำความรู้จัก จนถึงแต่งงาน เหี่ยวพอดี แกโชคดีออก แม่หาให้ ข้ามขั้นแต่งไปเลย เหี่ยวน้อยกว่าคนอื่นในอายุเท่ากันไปสองถึงสามปี ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” แป้งพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี พร้อมแหย่เพื่อนสาวไปในตัว เพราะรู้ว่าเพื่อนของเธอไม่มีทางที่จะเริ่มเปิดใจให้ใครแน่นอน หากแม่อัญ คุณแม่ของฟ้าใส สามารถหาคนดีๆ มาเป็นคู่ให้กับเพื่อนเธอได้ก็คงดีไม่น้อย“แกก็รู้ว่ามันไม่ได้อยู่ในแผนฉัน ฉันวางแผนชีวิตฉันไว้หมด
“ไง ไอ้เสือ กลับมาแล้วคิดถึงมาก เลยโทรตามกูยิกๆ ให้ออกมาหาเลยเหรอ” ธันวาเอ่ยถามปกรณ์อย่างอารมณ์ดี พร้อมดีใจที่เห็นเพื่อนรักกลับมาเมืองไทยสักที“เออ กูคิดถึงมึงมาก แต่มึงมาช้านะ กูนัดกี่โมงนี่ เลทมาเกือบชั่วโมงแล้วไอ้เวร” ปกรณ์ยักคิ้ว พร้อมยิ้มที่มุมปากแล้วพูดออกมา“เออ โทษทีวะ พอดีมีเรื่องกับป้าที่คอนโดนิดหน่อย เลยเสียเวลาต่อปากต่อคำ” ธันวาพูดพร้อมนึกถึงใบหน้าป้าที่เขาพูดถึง ‘ทำไมน่ารักได้ขนาดนั้นนะ คุณป้า หึหึ’“ป้าที่ไหนวะ ป้าแกอยู่ต่างจังหวัดไม่ใช่เหรอ หรือท่านลงมาหาแก แล้วอยู่ถึงเมื่อไหร่ กูจะได้เข้าไปไหว้ คิดถึงท่านเหมือนกัน”“เปล่า ป้าที่อาศัยที่คอนโด ไม่ใช่ป้ากู” ธันวาส่ายหัวไปมา “ว่าแต่ที่เรียกกูมาเนี่ย คิดถึงมากงั้น ถึงมาปุ๊บ เรียกหากูปั๊บเลย” ว่าพลางยกคิ้วพลาง พร้อมรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์“อืม อยากดื่มเลยคิดถึงมึง” ว่าพลางยกแก้วสีอำพันขึ้นดื่ม“เป็นไรวะ กลับมาก็ดีแล้ว ทำไมดูหน้าเครียดๆ” ธันวาเอ่ย เมื่อลอบสังเกตอากัปกิริยาของเพื่อน ขณะที่ยกดื่มหลายๆ อึก ในคราวเดียว ‘หรือมันรีบวะ’ ได้แต่คิดในใจ“แม่กูจะให้กูหมั้นวะ” สักพักใหญ่ๆ ปกรณ์ ก็ยอมเปิดปากพูดออกมา หลังจากที่นั่งดื่มเงียบๆ มาห
@บริษัท TK กรุ๊ปการประชุมผู้บริหาร เพื่อแนะนำปกรณ์ผ่านไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าจะมีการลองภูมิจากผู้บริหารเก่าแก่บ้าง แต่ปกรณ์ที่มีประสบการณ์ทำงานมาจากต่างประเทศ ก็สามารถรับมือได้อย่างดี และทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารทั้งหมดในท้ายที่สุด“เก่งมาก ลูกแม่ ตอนนี้แม่ก็วางมือได้แล้วหละ” คุณหญิงอรพินท์กล่าวชื่นชมลูกชายด้วยความภูมิใจ“ใช่คะ คุณแม่ พี่กรณ์เก่งมากเลย” น้องมินท์รีบพูดเยินยอพี่ชาย ‘ฮิฮิ ต่อไปงานส่วนใหญ่ก็ส่งต่อให้พี่กรณ์ เราก็มีเวลาหนีเที่ยวแล้ว นึกถึงก็มีความสุขแล้ว’“ตอนนี้เพิ่ง 11 โมง เดี๋ยวแม่ขอโทรหาน้าอัญก่อนนะคะ จะได้นัดหนูฟ้าใสมาเจอกันเย็นนี้ น้องมินท์อย่าลืมดูสถานที่ให้แม่ด้วยนะลูก ขอส่วนตัว พี่เขาจะได้ไม่เขิน” คุณหญิงพูดไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี ลูกชายจะทั้งลัคกี้อินเกมส์ และลัคกี้อินเลิฟด้วยหรือเปล่าน้า คิดแล้วก็มีความสุข“คะ คุณแม่ รอคุณแม่คุยเสร็จได้เวลาแน่นอน แล้วมินท์จะได้จองให้ทันทีเลยคะ”“โอเคคะ งั้นแม่รีบโทรเลยนะ”“ฮัลโหล อัญเหรอ สบายดีมั้ย พอดีอยากจะนัดเธอกับหนูฟ้าใสทานข้าวเย็นนี้หน่อยจ๊ะ จะได้ถือโอกาสให้เจอกับตากรณ์เลย” อรพินท์เอ่ยปากทักทายพร้อมถามเพื่อนสนิททัน
“กรณ์ ลูกนี่ น้องก็ขอโทษแล้วบอกเหตุผลแล้วนิ ว่ารถเสีย ทำไมยังไปว่าน้องอีกหนะ ไม่เป็นไรลูกฟ้า ป้าเข้าใจจ๊ะ ว่าแต่หนูมายังไงจ๊ะ” ประโยคแรกปรามลูกชายเสียงดัง ประโยคหลังพูดกับว่าที่ลูกสะใภ้เสียงอ่อนโยน“แหม แม่ไม่ค่อยลำเอียงเลยนะคะ กับว่าที่ลูกสะใภ้เสียงสองเชียว มินท์ว่าพี่กรณ์กลายเป็นหมาหัวเน่าแล้วแหละ แม่มีลูกคนใหม่แล้ว แบร่” มินท์ได้ทีรีบแกล้งแหย่พี่ชายทันทีปกรณ์ทำท่าจะเขกหัวน้องสาวตัวแสบที่นั่งอยู่ข้างๆ เสียงแม่ก็รีบปรามเป็นคำรบสอง“หยุดเลยนะ สองคนนี้ โตกันแล้ว อยู่ต่อหน้าหนูฟ้าใส และคุณน้าอัญเรายังจะตีกันเป็นเด็กๆ ไปได้” อรพินท์ส่ายหน้า พร้อมพูดอย่างไม่ใส่ใจมากนัก“ทั้งสองคนยังร่าเริงกันเหมือนเดิมนะ น่ารักน่าเอ็นดูกันจริงๆ” อัญชลีเอ่ยปากออกมาอย่างเอ็นดู“ว่าแต่หนูฟ้าใสมาอย่างไรจ๊ะ เราเลยไม่มีโอกาสได้บอกป้าสักทีเพราะสองคนนี้แย่งเราพูดใช่มั้ย” คุณหญิงหันกลับมาถามคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบสักที“มารถไฟฟ้าคะ ตอนนี้รถส่งไปเข้าศูนย์คะ” ฟ้าใสตอบอย่างสุภาพ หลังจากที่สูดหายใจลึกๆ เพื่อไม่ให้โมโหคนกวนประสาทไปมากกว่านี้“อ้าว แล้วขากลับเรากลับยังไงหละจ๊ะ”“กลับรถไฟฟ้าได้คะ คอนโดฟ้าอยู่ xxx ใกล้สถา
ระหว่างทางนั่งรถกลับบ้านของหนุ่มสาวทั้งสอง ไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้นเกือบสิบนาที“อะแฮ่ม” ปกรณ์กระแอมออกมาเพื่อต้องการกลบความเงียบ และเรียกร้องความสนใจอีกฝ่ายก่อนการเริ่มบทสนทนา เสียงกระแอมทำให้หญิงสาวที่หันหน้าเข้าหากระจกข้างตลอดเวลาหันกลับมามองหน้าคนขับ“เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ยัยผมเปีย ตั้งแต่ตกน้ำคราวนั้น ก็ไม่มาที่บ้านฉันอีกเลย คงจะโกรธสินะ แล้วนี่ ทำไมถึงยอมรับการหมั้นครั้งนี้หละ” ปกรณ์รีบถามเข้าเรื่อง เพื่อจะปูไปยังเป้าหมายที่ต้องการ“คุณพูดอะไร เราเคยเจอกันมาก่อนเหรอ” ฟ้าใสขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินคำทักเหมือนรู้จักกันมาก่อนของชายหนุ่ม“ไม่เอาหน่า ไม่ต้องมาอำ ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ เรื่องนานมาแล้วนะ อะไรจะโกรธนานขนาดนั้น โกรธยาวขนาดนี้ เจ้าคิดเจ้าแค้นนะเนี่ย คุณหนะ” ปกรณ์ยังคงยียวน และไม่เชื่อว่าหญิงสาวจำเขาไม่ได้“คุณนี้มันจริงๆ เลย นอกจากหน้าตาและความรวยแล้ว ที่เหลือก็ไม่มีอะไรดีจริงๆ โดยเฉพาะปาก ฉันไม่เคยเจอคุณมาก่อน เราไม่เคยรู้จักกัน แล้วฉันจะไปโกรธอะไรคุณฮะ” ฟ้าใส เริ่มทนไม่ได้กับความปากเสียของหนุ่มหล่อ ‘เสียของอย่างแรง’ นั่นคือประโยคที่คิดในใจ“อ้าวคุณ พูดอย่างนี้เลยเหรอ ว่าจะขอโทษสัก
ฟ้าใสสะบัดมือออกจากการจับกุมผลักหน้าชายหนุ่มออกพร้อมกับมองหน้าเขาด้วยอาการโกรธจัด ‘เล่นอย่างนี้ใช่มั้ย ได้’“เรียกก็เรียกคะ พี่กรณ์ พอใจมั้ยคะ แค่นี้ ไม่ทำให้ฟ้าทนไม่ได้หรอกคะ ก็ดีมีพี่กับเขา จะได้มีที่พึ่งพิง มีคนปกป้องจริงมั้ยค่ะ พี่กรณ์” เสียงขุ่นเขียวเปลี่ยนมาเป็นเสียงหวานหยาดเยิ้ม จนปกรณ์ ต้องถอยห่าง และมองหน้าอย่างงงกับอาการที่เปลี่ยนไปของหญิงสาว ‘ได้ปกป้องหนักแน่คุณพี่กรณ์ อยากเป็นพี่นักใช่มั้ย’“พี่กรณ์อยากอยู่กับฟ้าต่อเหรอค่ะ งั้นเราไปที่อื่นกันต่อมั้ยคะ” คราวนี้เป็นฟ้าใสที่เป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าไปหาปกรณ์พร้อมส่งสายตาหยาดเยิ้มไปให้“ไม่เป็นไรครับ วันนี้พี่ไม่สะดวกแล้วครับ ไว้วันหลังแล้วกันนะครับ” ว่าพลางพร้อมปลดล็อคทันที เมื่อสาวหน้าหวานยื่นหน้าเข้าใกล้อย่างไม่ทันตั้งตัว“งั้นฟ้ากลับก่อนนะคะ ไว้เจอกันวันหลัง” ฟ้าใสเปิดประตูยิ้มหวาน เพราะยกนี้เธอเป็นฝ่ายชนะทำให้อีกฝ่ายไปต่อไม่เป็น พร้อมกับปิดประตูรถดังสนั่น เมื่อหันหลัง หน้าที่ยิ้มก็เริ่มกลับมาเครียดอีกครั้ง ต้องเขียนแผนใหม่ทั้ง
@ คลับ Sหลังจากส่งฟ้าใสที่คอนโด ปกรณ์รีบต่อสายหาธันวาทันที แล้วนัดเจอกันที่คลับ Sชายหนุ่มมาถึงที่คลับก่อนเพื่อนสนิทจึงนั่งดื่มรอในห้อง VIP เงียบๆ สายตาเรียวสวยจ้องมองเครื่องดื่มสีอำพัน พลางครุ่นคิด ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้“จำไม่ได้จริงๆ เหรอ หรือแกล้งจำไม่ได้นะ ถ้าเป็นการแกล้งก็เหมือนจริงเกินไปแล้ว” ชายหนุ่มรำพัน ก่อนจะยกแก้วเครื่องดื่มนั่นขึ้นดื่มกึก ปัง“ไงเพื่อน มาก่อนเปิดก่อนเลยเหรอ ไปเจอว่าที่คู่หมั้นเป็นไงบ้าง มีความสุขจนอยากฉลองเลยเหรอวะ” ธันวาเปิดประตูเข้ามาเห็นเพื่อนยกแก้วกระดกเครื่องดื่ม ไปหลายยก พร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่างเลยรีบทักทาย“หึ ฉลองเหรอ ฉลองอะไรวะ หน้ากูนี่ เหมือนคนอยากฉลองเหรอวะ”“อ้าว เห็นยกเอา ยกเอา ก็นึกว่าสบายใจ” ก็ยังไม่ได้เห็นหน้านี่หว่า“สบายใจกับผีอะไร คิดไม่ออกเนี่ยว่าจะทำยังไงดี ให้เขายกเลิกไปด้วยตนเอง แต่ดูเหมือนจะดื้อด้านพอสมควร”“แกหมายถึงใคร คู่หมั้นแก หรือแม่แก”“ไอ้เวรนี่ ลามปาม ก
ประมาณเกือบห้านาทีหลังจากปกรณ์วางสายไปแล้ว โดยทิ้งฟ้าใสให้มึนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมขาถึงเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทไปได้ เจ้านายของฟ้าใส ‘คุณสาธิต’ ก็เดินมาสะกิด“ฟ้าใส ทางผู้บริหารแจ้งว่าอนุมัติลาช่วงบ่ายให้เธอแล้วนะ เห็นว่ามีธุระด่วน เก็บของแล้วไปก่อนได้เลย พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อก็ได้ งานนี้กำหนดให้ลูกค้าดูอาทิตย์หน้า ยังมีเวลา” สาธิตกล่าวออกมาเสียงเรียบแล้วเดินออกไป หากแต่ตอนพูดนั้นเสียงได้ดังไปจนถึงคนรอบข้าง ทำให้ทุกคนแอบงงว่า แค่ลางานทำไมคุณสาธิตถึงไม่อนุมัติเอง ต้องไปถึงผู้บริหารด้วย ฟ้าใสยังไม่คิดอะไรไม่ค่อยออก แต่จากสถานการณ์นี้แล้ว คงต้องรีบเก็บของแล้วลงไปรอข้างล่างจะดีกว่าไม่อยากอยู่เป็นเป้าสายตานานๆ“ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้” เมื่อเก็บของลงมานั่งรออยู่ที่หน้าบริษัทเรียบร้อยแล้ว ฟ้าใสถึงได้เอ่ยประโยคแรกออกมาบรืน บรืน เอี๊ยดดดดด ปริ๊น ปริ๊นเสียงเบรคดังอยู่ข้างหน้าฟ้าใส พร้อมเสียงบีบแตรเสียงดัง ทำให้ฟ้าใสหลุดจากความคิดของตัวเอง และเงยหน้ามองไปยังกระจกฝั่งข้างคนขับที่เลื่อนลงมา“อ้าว นั่งเหม่อคิดถึงผมอะไรอยู่ครับ
“ทำอะไรกันนะ”เสียงทุ้มดังขึ้นมา ทำให้ทั้งสองสะดุ้งทันที ฟ้าใสหันมาเจอกับปกรณ์ที่มีสีหน้าทะมึงถึงพร้อมกับสายตาของเขาที่จ้องไปที่มือทั้งสองที่ยังคงจับกันอยู่ ในขณะที่พีทก้มหัวทักทายปกรณ์เล็กน้อย แต่เมื่อมองตามสายตาของปกรณ์ไปก็ตกใจรีบปล่อยมือตัวเองออกจากแฟนสาวของท่านประธานทันที“ตกใจหมดเลยกรณ์ ทำไมต้องเสียงดังด้วย เบาหน่อยสิค่ะ เดี๋ยวเรื่องก็แตกหรอก” ฟ้าใสบ่นไปยังแฟนตัวเอง แล้วยกนิ้วชี้ปิดที่ปากของตัวเอง พร้อมกับส่งเสียง จุ๊ ๆ พลางมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นออยออกมาจากห้องก็ถอนหายใจออกมา แล้วหันไปทำตางอนๆ ใส่แฟนตัวเอง“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้ แล้วนี่ทำอะไรกัน ทำไมมาอยู่กันสองคน พร้อมจับไม้จับมือกันอยู่ ไม่อยากให้คนเข้าใจผิดก็ไม่ควรทำ” ปกรณ์เอ่ยออกมาอย่างตำหนิ น่าหยิกแฟนตัวเองดีนัก“ขอโทษครับ พอดีผมตื่นเต้นและดีใจเกินไปหน่อย” พีทขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้ทั้งสองคนตรงหน้ากำลังเข้าใจผิดซึ่งกันและกันปกรณ์เหลือบมองฝ่ายชายอย่างไม่ค่อยใส่ใจ ถึงแม้เขาพอจะรู้แล้วว่าเพื่อนคนนี้ของแฟนสาวมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็เคยช
“ฟ้ารู้ใช่มั้ยว่าพีทรักฟ้า” พีทไม่ตอบคำถามหญิงสาว แต่กลับถามกลับไปแทน“ฟ้าไม่รู้ เพิ่งรู้วันนั้นแหล่ะ แต่วันนี้ฟ้าจะพูดให้ชัด ฟ้าไม่ได้มองพีทเป็นอย่างอื่น นอกจากเพื่อน” เสียงหญิงสาวอ่อนลงแต่หนักแน่นเพื่อให้เพื่อนของตัวเองรู้ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน“หึหึ พีทรู้อยู่แล้วหล่ะ พีทผิดเองที่พึ่งรู้ใจตัวเอง เมื่อมันสายไป แต่เราสองคนยังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย” พีทหันไปจ้องที่หญิงสาวที่ตัวเองหลงรักมานานหลายปี“ได้สิ ถ้าพีทไม่คิดกับเราเกินเพื่อนเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม” ฟ้าใสยิ้มบางๆ ให้กับคนตรงหน้า“อืม” พีทฝีนยิ้มออกมา เขาต้องทำให้ได้เพราะตอนนี้เขามีอีกสองชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ“แล้วออยหล่ะ พีทจะทำยังไง” ฟ้าใสถามออกมาอีกครั้ง“พีทจะรับผิดชอบออยกับลูก พีทว่าพีทก็เริ่ม...” พีทยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงแหบแห้งพูดออกมา“ไม่ต้อง ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เราไม่ใช่ตัวสำรองของใคร” เสียงออยดังขึ้นมา จริงๆ แล้วหญิงสาวรู้สึกตัวตั้งแต่ไ
“แล้วแกไม่โกรธมันเหรอ” ออยถามหยั่งเชิงนิดๆ อยากรู้ว่าเพื่อนรักรู้สึกอะไรกับนายนั่นหรือเปล่า“อืม จะพูดยังไงดีหล่ะ รู้นะว่ามันเมา มันไม่ได้ตั้งใจ แต่แค่ไม่คิดว่ามันจะคิดกับฉันแบบนั้น”“แกไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลยเหรอ” ออยถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง“ไม่ได้คิดอะไรเลย คิดเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น อีกอย่าง...”“อีกอย่างอะไร” เสียงอยากรู้ออกมาทันที จนฟ้าใสนึกเอ็นดูเพื่อน“อีกอย่างตอนนี้ฉันกับคุณกรณ์ก็ตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้ว”“หา! ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายอมบอกรักแกแล้วเหรอ”“อืม เมื่ออาทิตย์ที่แล้วหล่ะ” ฟ้าใสตอบไปด้วยมีริ้วแดงขึ้นบนหน้าไปด้วย แสดงออกถึงความเขินอายเล็กน้อย“เฮ้ย ยินดีด้วยนะ” ออยจับมือฟ้าใสขึ้นมาแล้วยิ้มออกมาอย่างจริงใจ“ว่าแต่แกยังไม่บอกเลย ว่าโกรธอะไรกับมัน”“เอ่อ มีเรื่องทะเลาะกับมันนิดหน่อย ตอนนี้ยังไม่อยากคุยกับมัน ฟ้าอย่าสนใจเลย เดี๋ยวพออะไรๆ ดีขึ้น เรากับมันก็คุยกันเ
“ฟ้า ทบทวนเรื่องของเราสองคนอีกรอบได้มั้ย”ฟ้าใสหันไปมองหน้าชายหนุ่มอย่างงุนงง ทบทวนอะไรเหรอ“ทบทวนเรื่องความรู้สึกของเราสองคนไงหล่ะ เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้กรณ์ไม่อยากรอถึงสองปีแล้ว ถ้าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับฟ้า กรณ์คงอยู่ไม่ได้แน่ๆ กรณ์อยากจะสามารถปกป้องฟ้าได้อย่างเต็มที่ ฟ้าเป็นแฟนกับกรณ์นะ”พูดจบก็ยิ่งกระชับไหล่ที่โอบไว้แน่นขึ้นร่างบางเมื่อได้ยินร่างสูงพูดความในใจออกมาก็เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ หากเมื่อคืน เธอโดนพีทล่วงเกิน แม้จะแค่จูบ เธอก็คงจะรู้สึกกับเขาเช่นกันตอนนี้เธอค่อนข้างจะมั่นใจตัวเองแล้วว่าเธอรักเขามากจริงๆ แต่เขาหล่ะ“กรณ์แน่ใจแล้วเหรอว่า กรณ์รักฟ้า ไม่ใช่แค่ความใกล้ชิด”ร่างหนาพยักหน้าอย่างแรงจนเธอนึกเอ็นดู“จริง ตอนนี้กรณ์รู้ใจตัวเองแล้ว ว่ากรณ์รักฟ้า กรณ์ไม่อาจเสียฟ้าไปได้ เราแต่งงานกันนะฟ้า”เพี๊ยะ เสียงตีดังขึ้น พร้อมกับรอยแดงที่แขน แต่แปลก หน้าคนตีก็แดงด้วย“เร็วไปแล้วค่ะ เป็นแฟนกันก่อนก็พอ”“อ้าวเหรอ ก็อยากข้ามขั้นอ
“มึง ไอ้พีท”พีทโดนกระชากออกจากตัวฟ้าใสทันที ปกรณ์ตามเข้าไปต่อยชายหนุ่มที่บังอาจทำกับคนของเขาแบบนั้น ส่วนฟ้าใสก็ตัวสั่นอยู่ภายในอ้อมกอดของแป้ง โดยมีมิ้นท์ยืนอยู่ข้างๆออยวิ่งเข้ามาดูเป็นคนสุดท้ายเพราะออกไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียงมา เมื่อเห็นเพื่อนโดนปกรณ์ทั้งต่อย ทั้งเตะ และมองไปเห็นฟ้าใสตัวสั่นด้วยความกลัว ก็พอจะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออยเดินเข้าไปหาฟ้าใสแล้วถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“ฟ้า เป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น”เหมือนฟ้าจะได้สติขึ้นมา จึงรีบเดินเข้าไปจับมือปกรณ์ที่กำลังง้างเพื่อต่อยเขาอีก“พอเถอะกรณ์ พีทไม่ได้ตั้งใจหรอก เขาเมาหนะ” ฟ้าพูดด้วยเสียงที่สั่นเทาปกรณ์หันหน้ามาหาหญิงสาวแล้วโอบกอดเธอไว้ พร้อมมองไปที่ร่างของชายหนุ่มที่นอนกองอยู่กับพื้น ไม่ถึงกับสลบแต่ก็น่าหายเมาพอสมควร“ยังจะไปแก้ตัวแทนมันอีก” ปกรณ์ดันหัวฟ้าเข้าหาตัวเอง แล้วพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเช่นกัน เขาคิดไม่ออกว่าถ้าหญิงสาวเป็นอะไรไป เขาจะทำยังไงพีทเมื่อเริ่มได้สติ หันไปเห็นคนที่ตัวเองแอบรักมาหลายปี มีอา
ฟ้าใสรีบเดินออกมาจากห้องครัวอย่างเร็วเพื่อเดินไปเปิดประตูทันทีแกร๊ก“สวัสดีพี่ฟ้าใส” เสียงใสดังขึ้นหน้าประตูทันที“สวัสดีจ๊ะ น้องมิ้นท์ คุณเจมส์” ฟ้าใสยิ้มทักทายทั้งสองคนมิ้นท์ชูของขวัญให้กับว่าที่พี่สะใภ้ หันไปส่งให้เจมส์เป็นคนถือ จากนั้น ก็รีบควงแขนพี่สะใภ้คนโปรดเข้าไปในห้องทันที“อ้าวสวัสดีค่ะ พี่กรณ์ และก็พี่ๆ ทุกคนค่ะ”มิ้นท์ทักทายทุกคนอย่างไม่ถือตัว“เอาหละค่ะ ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว งั้นเราเริ่มตั้งหม้อเลยมั้ย” ฟ้าใสยิ้มบอกกับทุกคน“เย้ เอาเลย หิวแล้ว” ทุกคนเอ่ยพร้อมกันฟ้าใสรีบเข้าไปในครัวเพื่อจัดการเทน้ำซุปที่ต้มไว้แล้ว เมื่อกำลังจะยก ปกรณ์รีบมาช่วยยกแทนหญิงสาวเอง แต่ก่อนเดินออกไปก็แอบหอมแก้มร่างบางตอนเผลอแล้ววิ่งออกไปทันทีฟ้าใสยืนจับแก้มตัวเอง แต่ก็แอบอมยิ้มเขินๆ ไปด้วยปกรณ์เมื่อยกเตาชาบูมาวางบนโต๊ะกินข้าว ก็เดินเข้าไปเตะขาเพื่อนสนิท กับมือขวาตัวเอง ที่นั่งอยู่บนโซฟาเล่นโทรศัพท์อยู่“เฮ้ย อยากกินก็ไปช่วยกันดิ”
เมื่อเข้ามาที่โต๊ะอาหาร ก็เห็นอาหารวางอยู่บนโต๊ะหลายอย่าง“อ๋อ ที่ทำเป็นงอนกลับห้องเนี่ย แอบไปสั่งอาหารเนี่ยเอง กลิ่นหอมจัง” ฟ้าใสยิ้มตาหยี ถูมือไปมา อยากกระโจนเข้าหาอาหารเต็มที่แล้ว เข้าเช้ามีแค่โจ๊กรองท้องไปเอง“หิวก็กินสิ ผมไม่ใช่คนใจร้ายแบบใครบางคนหรอก เวลาผมทำอะไรก็คิดถึงฟ้าตลอดแหละ” ว่าแล้วก็เดินหน้าตึงไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามทันที พร้อมกับยื่นอาหารซึ่งเป็นของโปรดของฟ้าใสออกมาฟ้าใสยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี ก็เลยเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ ร่างสูงปกรณ์เงยมองฟ้าใส ยกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยว่ามายืนทำอะไรยังไม่ทันได้ตั้งตัว ฟ้าใสก็ก้มลงหอมแก้มชายหนุ่มไปหนึ่งฟอดทันที แล้วรีบเดินกลับไปนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม พร้อมทั้งกับดึงอาหารจานโปรดมากินอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าหูกับแก้มมีสีแดงเรื่อๆ ออกมาเล็กน้อยส่วนปกรณ์เมื่อรู้ว่าโดนจู่โจม ก็ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีทันที แล้วนั่งทานข้าวอย่างมีความสุขเมื่อทานกันเสร็จแล้ว ปกรณ์ก็เลยอาสาเดินไปกับถือของให้กับฟ้าใสเพื่อเตรียมสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้เมื่อซื้อของเสร
ฟ้าหันหาเพื่อนทันที ทำหน้างงๆ“ใครนะ พีทนะเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า ออยคิดอะไรเนี่ย”เมื่อได้ยินที่เพื่อนรักถามออกมา ก็หัวเราะออกมาอย่างหนัก“ขำอะไรอะ ก็เห็นนายนั่นเข้ามาหาแกมากขึ้น เห็นหลายๆ คนเริ่มพูดถึงเรื่องนี้กันด้วย ก็เลยมาถามแกก่อนไง ว่าแต่ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”ออยมีสีหน้าอยากรู้อยากเห็นมากจริงๆ ฟ้าใสมองอย่างนั้นก็อมยิ้ม ส่ายหัวไปมา“ไม่มีอะไรหรอก จำไม่ได้เหรอ เมื่ออาทิตย์ก่อนที่ฉันขอไปนอนห้องแกแล้วแกไม่อยู่ห้อง หลังจากนั้นแกก็เอาเบอร์พีทมาให้ไงหล่ะ”“อ๋อ จำได้แล้ว และสรุปวันนั้นแกไปนอนที่ไหนอะ พีทมันหาที่ให้แกนอนเหรอ”ฟ้าใสนิ่งสักพักก่อนจะพยักหน้า ไม่แน่ใจว่าควรจะบอกเพื่อนดีมั้ย ว่าไปนอนห้องชายหนุ่มแต่นึกถึงที่เพื่อนไม่อยู่ห้องก็ยังอุตส่าห์พยายามหาคนมาช่วยเหลือก็เลยยอมเล่าความจริงให้เพื่อนฟัง“อืม นอนห้องมันหนะ”ออยพยักหน้าแล้วยิ้ม แต่พอนึกได้ว่าเพิ่งได้ยินอะไรก็ทำหน้าตกใจ รีบถามเพื่อนเสียงดังอีกครั้ง“อะไรนะ แกว่าแกไปนอนห้องพีทเหรอ&rdqu
“คุณกรณ์” เสียงฟ้าใสตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออด อะไรจะงี่เง่าขนาดนี้เนี่ย“ไม่เป็นไรฟ้า คุณกรณ์คงไม่ได้ตั้งใจ” พีทเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน“หึ หึ ปกติเห็นแต่ผู้หญิงที่จะทำตัวเสแสร้งแกล้งเป็นคนดี นึกไม่ถึงว่าผู้ชายก็ทำเป็นด้วย”ปกรณ์เอ่ยออกมาอย่างประชดประชันพีทหันมามองหน้าปกรณ์ แล้วยิ้มเยาะออกมา เขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของปกรณ์แม้แต่น้อยผิดกับฟ้าใส ที่รู้สึกว่าวันนี้คู่หมั้นหนุ่มไปกินยาอะไรผิดสำแดงหรือเปล่า ทำไมดูหงุดหงิดแปลกๆ“เอาล่ะ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ถ้าพีทไม่เป็นอะไรแล้ว เราขอตัวกลับก่อนนะ ขอบใจมากนะที่ช่วยเหลือเรา ไว้ไปทานข้าวเที่ยงกันนะ เราเลี้ยงเอง”ฟ้าใสตัดบท เพราะเริ่มรู้สึกปวดหัว ตุบๆ กับทั้งสองคนนี้พีทพยักหน้ารับ “โชคดีฟ้า จำไว้ ถ้ามีปัญหาอะไรเราพร้อมเป็นที่ปรึกษาให้ฟ้าเสมอ”พูดจบก็ยิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์ ไม่วายเหลือบไปยิ้มเหยียดให้กับปกรณ์ที่ยืนถือกระเป๋ามือสั่นอยู่ไม่ไกลฟ้าใสเดินไปขึ้นรถกับปกรณ์ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ส่วนชายหนุ่มนั้น รู้ตัวว่า