ระหว่างทางนั่งรถกลับบ้านของหนุ่มสาวทั้งสอง ไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้นเกือบสิบนาที
“อะแฮ่ม” ปกรณ์กระแอมออกมาเพื่อต้องการกลบความเงียบ และเรียกร้องความสนใจอีกฝ่ายก่อนการเริ่มบทสนทนา เสียงกระแอมทำให้หญิงสาวที่หันหน้าเข้าหากระจกข้างตลอดเวลาหันกลับมามองหน้าคนขับ
“เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ยัยผมเปีย ตั้งแต่ตกน้ำคราวนั้น ก็ไม่มาที่บ้านฉันอีกเลย คงจะโกรธสินะ แล้วนี่ ทำไมถึงยอมรับการหมั้นครั้งนี้หละ” ปกรณ์รีบถามเข้าเรื่อง เพื่อจะปูไปยังเป้าหมายที่ต้องการ
“คุณพูดอะไร เราเคยเจอกันมาก่อนเหรอ” ฟ้าใสขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินคำทักเหมือนรู้จักกันมาก่อนของชายหนุ่ม
“ไม่เอาหน่า ไม่ต้องมาอำ ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ เรื่องนานมาแล้วนะ อะไรจะโกรธนานขนาดนั้น โกรธยาวขนาดนี้ เจ้าคิดเจ้าแค้นนะเนี่ย คุณหนะ” ปกรณ์ยังคงยียวน และไม่เชื่อว่าหญิงสาวจำเขาไม่ได้
“คุณนี้มันจริงๆ เลย นอกจากหน้าตาและความรวยแล้ว ที่เหลือก็ไม่มีอะไรดีจริงๆ โดยเฉพาะปาก ฉันไม่เคยเจอคุณมาก่อน เราไม่เคยรู้จักกัน แล้วฉันจะไปโกรธอะไรคุณฮะ” ฟ้าใส เริ่มทนไม่ได้กับความปากเสียของหนุ่มหล่อ ‘เสียของอย่างแรง’ นั่นคือประโยคที่คิดในใจ
“อ้าวคุณ พูดอย่างนี้เลยเหรอ ว่าจะขอโทษสักหน่อย ในเมื่อจำไม่ได้ งั้นผมคงไม่ต้องขอโทษแล้วมั้ง” สงสัยคงโกรธยาว อยากแกล้งเป็นจำไม่ได้ก็ตามนั้น เดี๋ยวจะแกล้งให้โป๊ะแตกออกมาให้ได้เลย
‘ทีอยู่ต่อหน้าแม่ๆ หละทำเป็นเถียงไม่ทัน ทีอย่างนี้ใส่ไม่ยั้งเชียวนะ ยัยผมเปีย’
“ว่าแต่คุณคิดยังไงกับการหมั้นของเรา คุณยังไม่ตอบเลย” ปกรณ์วกกลับมาเรื่องที่อยากเข้าประเด็น
“ก็ไม่ว่ายังไง ว่าแต่คุณหละ คิดยังไง” ฟ้าใส ดีใจที่ได้เริ่มแผนสักที เรื่องอะไรจะบอกความคิดของเราก่อน เราต้องถามเค้าก่อนสิ จะได้แก้เกมส์ได้ทัน
“ผมเหรอ ผมว่าผมไม่ติดนะแต่คุณก็เห็น ผมเป็นคนพูดจาหวานไม่ค่อยเป็น คุณจะทนได้เหรอ ถ้าคุณไม่โอเคก็แค่บอกคุณแม่คุณไปว่าคุณต้องการยกเลิกสัญญา ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ” ปกรณ์กล่าวออกมาพร้อมกับเหลือบสายตาไปมองหน้าหวานว่ามีปฏิกิริยายังไง
ฟ้าใสหันกลับไปจ้องหน้าหล่อคม พร้อมทั้งยิ้มหวาน
“ฉันไม่ติดหรอกนะ เรื่องปากของคุณ อาจจะปวดหัวไปบ้าง แต่คงไม่ถึงขั้นต้องยกเลิก ว่าแต่เอ เหมือนคุณก็ไม่ค่อยเต็มใจไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณไม่บอกคุณแม่คุณหละว่าคุณยังไม่พร้อม และอยากยกเลิกสัญญา” ฟ้าใสรีบโยนกลับ
สุดท้ายทั้งสองคนก็เงียบไป ต่างฝ่ายต่างนั่งคิดว่าจะโต้ตอบอย่างไรดี
“ว่าไงหละคะ คุณปกรณ์ เท่าๆ ที่ดู คุณก็ไม่อยากหมั้นกับฉัน ทำไมคุณไม่บอกคุณแม่คุณไปหละว่าคุณไม่โอเค อยากยกเลิก” ในที่สุด เป็นฝ่ายฟ้าใสที่เริ่มพูดตรงประเด็นขึ้นมา
“แต่ผมว่า เท่าที่ฟัง คุณเองก็ไม่ได้อยากหมั้นกับผมเหมือนกัน แล้วทำไมคุณถึงไม่บอกคุณแม่คุณไปหละ” ปกรณ์ก็ไม่ยอมเช่นกัน
“ฉันบอกแล้วไงว่าชั้นไม่ติด” ฟ้าใสรีบเปลี่ยนแผน จากตอนแรกที่คิดว่าจะปรึกษาเค้าอย่างตรงไปตรงมา กลับกลายเป็นว่า ต้องเล่นเกมส์เพื่อให้เค้ายอมไปเองสะแล้ว
“ผมก็ไม่ติดเช่นเดียวกัน งั้นตกลงว่าเราเริ่มทำความรู้จักกันตามที่แม่ๆ เราอยากให้รู้จักกันแล้วกันนะครับ” เมื่อติดไฟแดงปกรณ์จึงหันมามองหน้าหวานในแสงไฟ ‘ก็สวยดีนะ’ คงต้องใช้มาตรการเด็ดขาดให้ทนไม่ได้เองสะแล้ว
ซึ่งก็เป็นแผนเดียวกับฟ้าใสเช่นเดียวกัน “งั้นก็ได้ค่ะ เรามาทำความรู้จักกันก่อนแล้วกันนะคะ” ‘เอาสิ ใครทนไม่ได้ก็ต้องถอยไป’
“ข้างหน้านั้นเป็นคอนโดฉันแล้วค่ะ คุณจอดข้างหน้าได้เลยค่ะ” ฟ้าใสรีบบอกเมื่อเห็นว่าคอนโดตัวเองอยู่ข้างหน้าแล้ว
รถสปอร์ตเคลื่อนมาจอดหน้าคอนโดหรู อย่างที่สาวเจ้าบอกทันที
“ขอบคุณนะคะ” ฟ้าใสรีบบอก ใจอยากลงใจจะขาด เพื่อไปเขียนแผนการใหม่ จังหวะที่กำลังจะเปิดประตูลงไปนั้น
หมับ !!!!!
มือหนาจับลงบนแขนดึงสาวเข้ามาใกล้ กลิ่นน้ำหอมผู้ชายราคาแพงโชยเข้าจมูก ‘อืมกลิ่นนี้หอมจริงๆ’ ฟ้าใสเหลือบตามองไปที่ชายหนุ่มหน้าคมคายในใจสั่นไหวไม่เคยได้ใกล้ชิดผู้ชายที่ไหนใกล้เท่านี้มาก่อน แต่ก็พยายามสงบใจ เพราะคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่ตัวเธอจะมีความรัก ‘ถ้าเราเจอกันอีก 5 ปีข้างหน้าก็ดีเนอะ’ พลางคิดในใจว่าหมอนี่มาผิดเวลาไปหน่อย
“ว่ายังไงคะ มีอะไรหรือเปล่า คุณปกรณ์”
“คุณจำผมไม่ได้จริงๆ เหรอ หรือยังโกรธผมอยู่” ปกรณ์หลุบตามองหน้าหวานอย่างมีความหมาย ชายหนุ่มไม่เชื่อจริงๆ ว่าฟ้าใสจำเขาไม่ได้
“ฉันจำไม่ได้จริงๆ เราเคยเจอกันมาก่อนเหรอ” ฟ้าใสขมวดคิ้ว พยายามนึกแล้ว ก็นึกไม่ออกจริงๆ หรือจะเป็นมุขของเขากันนะ ผู้ชายรวยส่วนใหญ่เจ้าชู้กันทุกคน
“เรียกตัวเองว่าฟ้า น่ารักกว่านะครับ ตอนเด็กๆ เวลาคุณอารมณ์ดีๆ คุณก็แทนตัวเองว่าฟ้าตลอด ไหนๆ เรากำลังจะศึกษาซึ่งกันและกัน ผมอยากให้คุณแทนตัวเองว่าฟ้านะครับ”
“ทำไมฉันต้องทำตามคุณด้วย และฉันก็จำไม่ได้จริงๆ ว่าเราเคยเจอกัน แม้กระทั่งตอนเด็กๆ ก็ตาม”
“ถ้าคุณไม่ทำตามก็ไม่ต้องลง วันนี้ก็ทำความรู้จักกันบนรถจนถึงเช้าเนี่ยแหละ และเราเคยเจอกันมาก่อนแน่นอน ไม่รู้เหตุผลอะไรที่ทำให้คุณแกล้งจำไม่ได้” ปกรณ์เริ่มอารมณ์ไม่ดี ตอนแรกแค่อยากแกล้งบังคับ แต่เห็นเถียง แบบนี้ เริ่มอยากเอาชนะสะแล้ว
“คุณจะบ้าเหรอ ทำไมฉันต้องแกล้ง และฉันไม่แทนตัวเองว่าฟ้า เข้าใจมั้ย” ฟ้าใสเริ่มไม่ยอม วันนี้มันผิดแผนไปหมดแล้ว ยังมาโดนบังคับอีก นายนี่เป็นยังไงนะ
“บอกให้แทนตัวเองว่าฟ้า แล้วเรียกผมว่าพี่กรณ์ ตามที่คุณแม่ผมต้องการ” ปกรณ์เริ่มกดเสียงต่ำ การแสดงความบังคับ และเอาแต่ใจเป็นส่วนนึงของแผน พร้อมทั้งเริ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้อย่างคุกคาม
“อี๋ เอาหน้าออกไปนะ นายแก่กว่าฉันไม่กี่เดือนทำไมฉันต้องเรียกนายว่าพี่ด้วย” สรรพนามเริ่มเปลี่ยนตามอารมณ์ของฟ้าใสพร้อมพยายามที่จะผลักหน้าหล่อให้ถอยห่างออกไป
ชายหนุ่มยักคิ้ว จับมือเรียวทั้งสองข้างไว้ พร้อมยื่นหน้าเข้าใกล้มากขึ้น พร้อมกระซิบที่ข้างหู “เราต้องสนิทกันมากขึ้น ดังนั้นการเปลี่ยนคำเรียก จะทำให้เราสนิทกันมากขึ้น แล้วพี่ชอบใช้คำแทนแบบนี้ ถ้าคุณไม่ทำ หรือทนไม่ได้ ก็แค่โทรไปบอกคุณแม่คุณสิครับ” ‘หึ ดูใกล้ๆ ก็ยิ่งน่ารัก’
ฟ้าใสสะบัดมือออกจากการจับกุมผลักหน้าชายหนุ่มออกพร้อมกับมองหน้าเขาด้วยอาการโกรธจัด ‘เล่นอย่างนี้ใช่มั้ย ได้’“เรียกก็เรียกคะ พี่กรณ์ พอใจมั้ยคะ แค่นี้ ไม่ทำให้ฟ้าทนไม่ได้หรอกคะ ก็ดีมีพี่กับเขา จะได้มีที่พึ่งพิง มีคนปกป้องจริงมั้ยค่ะ พี่กรณ์” เสียงขุ่นเขียวเปลี่ยนมาเป็นเสียงหวานหยาดเยิ้ม จนปกรณ์ ต้องถอยห่าง และมองหน้าอย่างงงกับอาการที่เปลี่ยนไปของหญิงสาว ‘ได้ปกป้องหนักแน่คุณพี่กรณ์ อยากเป็นพี่นักใช่มั้ย’“พี่กรณ์อยากอยู่กับฟ้าต่อเหรอค่ะ งั้นเราไปที่อื่นกันต่อมั้ยคะ” คราวนี้เป็นฟ้าใสที่เป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าไปหาปกรณ์พร้อมส่งสายตาหยาดเยิ้มไปให้“ไม่เป็นไรครับ วันนี้พี่ไม่สะดวกแล้วครับ ไว้วันหลังแล้วกันนะครับ” ว่าพลางพร้อมปลดล็อคทันที เมื่อสาวหน้าหวานยื่นหน้าเข้าใกล้อย่างไม่ทันตั้งตัว“งั้นฟ้ากลับก่อนนะคะ ไว้เจอกันวันหลัง” ฟ้าใสเปิดประตูยิ้มหวาน เพราะยกนี้เธอเป็นฝ่ายชนะทำให้อีกฝ่ายไปต่อไม่เป็น พร้อมกับปิดประตูรถดังสนั่น เมื่อหันหลัง หน้าที่ยิ้มก็เริ่มกลับมาเครียดอีกครั้ง ต้องเขียนแผนใหม่ทั้ง
@ คลับ Sหลังจากส่งฟ้าใสที่คอนโด ปกรณ์รีบต่อสายหาธันวาทันที แล้วนัดเจอกันที่คลับ Sชายหนุ่มมาถึงที่คลับก่อนเพื่อนสนิทจึงนั่งดื่มรอในห้อง VIP เงียบๆ สายตาเรียวสวยจ้องมองเครื่องดื่มสีอำพัน พลางครุ่นคิด ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้“จำไม่ได้จริงๆ เหรอ หรือแกล้งจำไม่ได้นะ ถ้าเป็นการแกล้งก็เหมือนจริงเกินไปแล้ว” ชายหนุ่มรำพัน ก่อนจะยกแก้วเครื่องดื่มนั่นขึ้นดื่มกึก ปัง“ไงเพื่อน มาก่อนเปิดก่อนเลยเหรอ ไปเจอว่าที่คู่หมั้นเป็นไงบ้าง มีความสุขจนอยากฉลองเลยเหรอวะ” ธันวาเปิดประตูเข้ามาเห็นเพื่อนยกแก้วกระดกเครื่องดื่ม ไปหลายยก พร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่างเลยรีบทักทาย“หึ ฉลองเหรอ ฉลองอะไรวะ หน้ากูนี่ เหมือนคนอยากฉลองเหรอวะ”“อ้าว เห็นยกเอา ยกเอา ก็นึกว่าสบายใจ” ก็ยังไม่ได้เห็นหน้านี่หว่า“สบายใจกับผีอะไร คิดไม่ออกเนี่ยว่าจะทำยังไงดี ให้เขายกเลิกไปด้วยตนเอง แต่ดูเหมือนจะดื้อด้านพอสมควร”“แกหมายถึงใคร คู่หมั้นแก หรือแม่แก”“ไอ้เวรนี่ ลามปาม ก
ประมาณเกือบห้านาทีหลังจากปกรณ์วางสายไปแล้ว โดยทิ้งฟ้าใสให้มึนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมขาถึงเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทไปได้ เจ้านายของฟ้าใส ‘คุณสาธิต’ ก็เดินมาสะกิด“ฟ้าใส ทางผู้บริหารแจ้งว่าอนุมัติลาช่วงบ่ายให้เธอแล้วนะ เห็นว่ามีธุระด่วน เก็บของแล้วไปก่อนได้เลย พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อก็ได้ งานนี้กำหนดให้ลูกค้าดูอาทิตย์หน้า ยังมีเวลา” สาธิตกล่าวออกมาเสียงเรียบแล้วเดินออกไป หากแต่ตอนพูดนั้นเสียงได้ดังไปจนถึงคนรอบข้าง ทำให้ทุกคนแอบงงว่า แค่ลางานทำไมคุณสาธิตถึงไม่อนุมัติเอง ต้องไปถึงผู้บริหารด้วย ฟ้าใสยังไม่คิดอะไรไม่ค่อยออก แต่จากสถานการณ์นี้แล้ว คงต้องรีบเก็บของแล้วลงไปรอข้างล่างจะดีกว่าไม่อยากอยู่เป็นเป้าสายตานานๆ“ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้” เมื่อเก็บของลงมานั่งรออยู่ที่หน้าบริษัทเรียบร้อยแล้ว ฟ้าใสถึงได้เอ่ยประโยคแรกออกมาบรืน บรืน เอี๊ยดดดดด ปริ๊น ปริ๊นเสียงเบรคดังอยู่ข้างหน้าฟ้าใส พร้อมเสียงบีบแตรเสียงดัง ทำให้ฟ้าใสหลุดจากความคิดของตัวเอง และเงยหน้ามองไปยังกระจกฝั่งข้างคนขับที่เลื่อนลงมา“อ้าว นั่งเหม่อคิดถึงผมอะไรอยู่ครับ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ปกรณ์ก็ได้พาหญิงสาวมาถึงห้องเสื้อหรูในห้างกลางเมืองผู้จัดการสาวสวยประจำร้านเมื่อเห็นชายหนุ่มก็รีบยิ้มพร้อมกับออกมาต้อนรับทันที ทั้งยังมองไปทางหญิงสาวที่เดินตามหลังชายหนุ่มมาด้วย“สวัสดีค่ะ คุณปกรณ์ ยินดีต้อนรับกลับประเทศไทยนะคะ ไม่ได้เจอกันนานเลย นี่คือคุณฟ้าใสใช่มั้ยคะ คุณหญิงอรพินท์โทรมาแจ้งทางร้านแล้วคะ ว่าคุณปกรณ์จะพาว่าที่คู่หมั้นมาเลือกชุดพร้อมแต่งตัวเพื่องานเลี้ยงคืนนี้ คุณหญิงยังส่งเครื่องเพชรมาให้ทางร้านแล้วด้วยค่ะ เชิญคุณฟ้าใสข้างในเลยค่ะ คุณปกรณ์รบกวนนั่งรอที่โชนวีไอพีนะคะ”จากนั้นพนักงาน 2-3 คนก็เดินมาพาฟ้าใสเข้าไปยังโซนแต่งตัวทันที ในขณะเดียวกันผู้จัดการก็นำปกรณ์เข้าไปในโซนวีไอพีเพื่อนั่งรอ พร้อมทั้งนำชุดเครื่องเพชรมาให้ปกรณ์“คุณแม่ส่งเซ็ตนี้มาให้เหรอครับ เป็นเซ็ตโปรดของคุณแม่เลยนะครับ” ปกรณ์เมื่อได้เห็นชุดเครื่องเพชรที่คุณแม่ส่งมาให้ก็มีอาการประหลาดใจเล็กน้อย เพราะจำได้ว่าเซ็ตนี้แม้แต่น้องมินท์ลูกสาวสุดที่รักของหญิงอรพินท์จะยืมไปใส่ออกงานเมื่อหลายปีก่อน คุณหญิงยังไม่ยอมเลย บอกว่าจะเก็บไว้ให้ลูกสะใ
“ผมว่า........”ทันใดนั้น เสียงของคุณขวัญผู้จัดการสาวประจำห้องเสื้อก็พูดแทรกขึ้นมา“คุณปกรณ์คะ คุณฟ้าใสเสร็จแล้วค่ะ สวยมั้ยคะ”เมื่อปกรณ์หันไปมองตามเสียงก็พบกับสาวสวยในชุดเดรสสายเดี่ยวสีน้ำเงินเข้มมีประกายเลื่อมยาวกรอมเท้า แต่ผ่าข้างจนถึงต้นขาทำให้เห็นขาอ่อนขาวนวลอย่างน่าหวาดเสียว ผมที่เคยมัดเป็นหางม้า กลับปล่อยสยายพร้อมทั้งดัดเป็นลอน เพื่อปกปิดแผ่นหลังเนียนที่โชว์เนื่องจากเป็นชุดเปิดหลัง ใบหน้าตกแต่งไปด้วยเครื่องสำอางราคาแพงอย่างลงตัว ไม่น้อย และไม่มากเกินไป วันนี้ฟ้าใสสวยมากจริงๆในชุดที่ขับผิวให้ส่องสว่างเช่นนี้ปกรณ์ได้แต่มองตาค้าง พร้อมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ฟ้าใสรู้สึกเขินอายเมื่อเห็นชายหนุ่มจ้องมองมาตาไม่กระพริบ จึงทำได้เพียงแค่เอามือขึ้นมาทัดหูพร้อมกับก้มหน้าลงเล็กน้อย“ผู้หญิงคนนี้คือใครคะกรณ์” คำถามของนีน่าทำให้ปกรณ์หลุดจากภวังค์ พร้อมกับขมวดคิ้วหันกลับมามองที่นีน่า“เพื่อนเหรอคะ” ฟ้าใสถามปกรณ์ขึ้นมาเช่นกัน ปกรณ์หันไปหาฟ้าใสยิ้มออกมาอย่างชื่นชม“คุณสวยมากครับ มาครับใ
ในขณะเดียวกัน ในห้องเปลี่ยนชุดผู้ชาย ปกรณ์ได้ยินทุกอย่างที่นีน่าพูด เขาได้แต่ส่ายหัวให้กับความเอาแต่ใจและไม่ยอมแพ้ของนีน่า ถึงนีน่าจะเป็นคนที่เขาเคยรัก แต่เขาไม่คิดจะกลับไปหาหญิงสาวแน่นอน เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ แล้วยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าหญิงสาวอีกครั้ง จึงรีบทำการเปลี่ยนชุดเพื่อพาคู่หมั้นสาวไปหาแม่ที่งานเลี้ยงให้เร็วที่สุด“กรณ์คะ เย็นนี้นีน่าก็ต้องไปงานเลี้ยงที่เดียวกับกรณ์ นีน่าขอไปด้วยคนนะคะ”เสียงดังมาก่อนตัว เมื่อหญิงสาวเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว รีบออกมาหาเพื่อให้ชายหนุ่มยลโฉมตัวเองว่าสวยกว่าผู้หญิงอีกคนมากแค่ไหน แต่กลับพบกับความว่างเปล่า“เอ่อ คุณนีน่าคะ คุณปกรณ์กับคุณฟ้าใสออกไปกันสักพักแล้วคะ” ขวัญรีบวิ่งเข้ามาแจ้งเมื่อเห็นหญิงสาวเดินดุ่มมาที่ห้องวีไอพี พร้อมกับร้องเรียกหาฝ่ายชาย“ชิ หนีได้ก็หนีไป ยังไงวันนี้ก็เจอกันอยู่ดี” หญิงสาวพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วพยายามสะกดอารมณ์ตัวเองไม่ให้วีนหวี่ยงไปมากกว่านี้ เพราะยังต้องรักษาภาพพจน์ตัวเองต่อหน้าคนอื่น................................................................................................
ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน“เราก็ยังไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี เราบอกลูกทั้งสองก่อนดีมั้ย” อัญชลีกลัวฟ้าใสจะโกรธ เธอรู้นิสัยลูกสาวของเธอดี หากอยากให้ฟ้าใสทำอะไร ต้องบอกล่วงหน้าเพื่อให้หญิงสาวได้มีโอกาสเตรียมตัว หรือวางแผน แต่ถ้าเป็นอะไรที่กะทันหัน จะทำให้ฟ้าใสหงุดหงิดและโกรธเป็นอย่างมาก ซึ่งอัญชลีไม่อยากให้ลูกสาวโกรธเธอเลย“เชื่อเราเถอะอัญ พวกเราทำเพื่อลูก ๆ ของเรานะ” อรพินท์พอจะเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนรัก เธอเองก็มีความกังวลว่าเจ้าลูกชายตัวแสบจะโกรธเช่นเดียวกัน แต่มันไม่มีทางเลือกจริง ๆ ไม่งั้นเชื่อว่าทั้งสองคนไม่มีโอกาสได้เรียนรู้กันแน่นอน“คุณแม่ คุณป้าคะ ได้เวลาแล้วคะ เราออกไปต้อนรับแขกเถอะคะ แล้วเหมือนพี่กรณ์กับพี่ฟ้าใสจะมากันแล้วนะคะ เห็นคนข้างล่างแจ้งมาคะ” มิ้นท์ส่งเสียงเรียกแม่กับน้าที่เธอเคารพให้ออกไปข้างนอก หลังจากวางสายจากคนจัดงานว่าเห็นพระเอกกับนางเอกของงานกำลังขึ้นมาที่ห้องจัดเลี้ยงแล้ว“ไปกัน อัญ เราทำเพื่อพวกเขา ถ้าพวกเขาจะโกรธ ก็ให้มันรู้ไป” คุณหญิงอรพินท์ลุกขึ้นจากโซฟาหลุยส์ และดึงอัญชลีเพื่อนรักให้ลุกขึ้นแล้วจูงมือลูกสาวเดินออกจากห้
ทั้งสองกำลังคุยกับลูกค้ารายใหญ่อย่างออกรสชาติ ด้วยภรรยาของลูกค้ารายนั้นเคยทำงานออกแบบโฆษณาเมื่อนานมาแล้ว เมื่อเจอรุ่นน้องที่ทำงานสายงานเดียวกันเลยถือโอกาสอัพเดทเทรนด์กันนีน่าที่เห็นคนที่ตัวเองหมายปองแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ จริง ๆ แล้วงานเลี้ยงนี้ ต้องเป็นคุณทวี เจ้านายและคู่นอนลับ ๆ ของเธอมากับภรรยา แต่เธออยากมาเพราะรู้ว่าจะได้เจอกับปกรณ์ ชายผู้ที่เธอทิ้งไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ถ้ารู้ว่าเขาจะได้เป็นประธานบริษัท เธอจะไม่มีวันทิ้งเขาไปหาเพื่อนเขาแน่นอน เธอจึงวางแผนให้ทวีพาเธอมาออกงานแทนภรรยา และเมื่อใกล้ถึงเวลาที่ต้องมารับเธอ นีน่าก็จัดการส่งข้อความจากผู้หวังดีไปให้ภรรยาของทวีที่บ้าน ทำให้ภรรยาโทรมาเม้งกับเจ้านายของเธอ สุดท้ายทวีจึงจำต้องให้เธอมาออกงานคนเดียว และเป็นตัวแทนบริษัทแทนเขาที่ต้องไปง้อภรรยาที่บ้าน ซึ่งก็เป็นไปตามแผนที่เธอต้องการนีน่ารีบเดินเข้าไปหาปกรณ์ พร้อมกับคล้องแขนปกรณ์แล้วซบหน้าไปอย่างออดอ้อน ซึ่งทำให้แขนของฟ้าใสหลุดจากแขนของชายหนุ่มในทันที ทุกคนหยุดคุยและหันไปมองหญิงสาวมาใหม่อย่างงง“สวัสดีคะ กรณ์ เราเจอกันอีกแล้วนะคะ อุ้ย ขอโทษคะ พอดีนีน่ามัวแต่ด
“ทำอะไรกันนะ”เสียงทุ้มดังขึ้นมา ทำให้ทั้งสองสะดุ้งทันที ฟ้าใสหันมาเจอกับปกรณ์ที่มีสีหน้าทะมึงถึงพร้อมกับสายตาของเขาที่จ้องไปที่มือทั้งสองที่ยังคงจับกันอยู่ ในขณะที่พีทก้มหัวทักทายปกรณ์เล็กน้อย แต่เมื่อมองตามสายตาของปกรณ์ไปก็ตกใจรีบปล่อยมือตัวเองออกจากแฟนสาวของท่านประธานทันที“ตกใจหมดเลยกรณ์ ทำไมต้องเสียงดังด้วย เบาหน่อยสิค่ะ เดี๋ยวเรื่องก็แตกหรอก” ฟ้าใสบ่นไปยังแฟนตัวเอง แล้วยกนิ้วชี้ปิดที่ปากของตัวเอง พร้อมกับส่งเสียง จุ๊ ๆ พลางมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นออยออกมาจากห้องก็ถอนหายใจออกมา แล้วหันไปทำตางอนๆ ใส่แฟนตัวเอง“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้ แล้วนี่ทำอะไรกัน ทำไมมาอยู่กันสองคน พร้อมจับไม้จับมือกันอยู่ ไม่อยากให้คนเข้าใจผิดก็ไม่ควรทำ” ปกรณ์เอ่ยออกมาอย่างตำหนิ น่าหยิกแฟนตัวเองดีนัก“ขอโทษครับ พอดีผมตื่นเต้นและดีใจเกินไปหน่อย” พีทขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้ทั้งสองคนตรงหน้ากำลังเข้าใจผิดซึ่งกันและกันปกรณ์เหลือบมองฝ่ายชายอย่างไม่ค่อยใส่ใจ ถึงแม้เขาพอจะรู้แล้วว่าเพื่อนคนนี้ของแฟนสาวมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็เคยช
“ฟ้ารู้ใช่มั้ยว่าพีทรักฟ้า” พีทไม่ตอบคำถามหญิงสาว แต่กลับถามกลับไปแทน“ฟ้าไม่รู้ เพิ่งรู้วันนั้นแหล่ะ แต่วันนี้ฟ้าจะพูดให้ชัด ฟ้าไม่ได้มองพีทเป็นอย่างอื่น นอกจากเพื่อน” เสียงหญิงสาวอ่อนลงแต่หนักแน่นเพื่อให้เพื่อนของตัวเองรู้ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน“หึหึ พีทรู้อยู่แล้วหล่ะ พีทผิดเองที่พึ่งรู้ใจตัวเอง เมื่อมันสายไป แต่เราสองคนยังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย” พีทหันไปจ้องที่หญิงสาวที่ตัวเองหลงรักมานานหลายปี“ได้สิ ถ้าพีทไม่คิดกับเราเกินเพื่อนเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม” ฟ้าใสยิ้มบางๆ ให้กับคนตรงหน้า“อืม” พีทฝีนยิ้มออกมา เขาต้องทำให้ได้เพราะตอนนี้เขามีอีกสองชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ“แล้วออยหล่ะ พีทจะทำยังไง” ฟ้าใสถามออกมาอีกครั้ง“พีทจะรับผิดชอบออยกับลูก พีทว่าพีทก็เริ่ม...” พีทยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงแหบแห้งพูดออกมา“ไม่ต้อง ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เราไม่ใช่ตัวสำรองของใคร” เสียงออยดังขึ้นมา จริงๆ แล้วหญิงสาวรู้สึกตัวตั้งแต่ไ
“แล้วแกไม่โกรธมันเหรอ” ออยถามหยั่งเชิงนิดๆ อยากรู้ว่าเพื่อนรักรู้สึกอะไรกับนายนั่นหรือเปล่า“อืม จะพูดยังไงดีหล่ะ รู้นะว่ามันเมา มันไม่ได้ตั้งใจ แต่แค่ไม่คิดว่ามันจะคิดกับฉันแบบนั้น”“แกไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลยเหรอ” ออยถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง“ไม่ได้คิดอะไรเลย คิดเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น อีกอย่าง...”“อีกอย่างอะไร” เสียงอยากรู้ออกมาทันที จนฟ้าใสนึกเอ็นดูเพื่อน“อีกอย่างตอนนี้ฉันกับคุณกรณ์ก็ตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้ว”“หา! ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายอมบอกรักแกแล้วเหรอ”“อืม เมื่ออาทิตย์ที่แล้วหล่ะ” ฟ้าใสตอบไปด้วยมีริ้วแดงขึ้นบนหน้าไปด้วย แสดงออกถึงความเขินอายเล็กน้อย“เฮ้ย ยินดีด้วยนะ” ออยจับมือฟ้าใสขึ้นมาแล้วยิ้มออกมาอย่างจริงใจ“ว่าแต่แกยังไม่บอกเลย ว่าโกรธอะไรกับมัน”“เอ่อ มีเรื่องทะเลาะกับมันนิดหน่อย ตอนนี้ยังไม่อยากคุยกับมัน ฟ้าอย่าสนใจเลย เดี๋ยวพออะไรๆ ดีขึ้น เรากับมันก็คุยกันเ
“ฟ้า ทบทวนเรื่องของเราสองคนอีกรอบได้มั้ย”ฟ้าใสหันไปมองหน้าชายหนุ่มอย่างงุนงง ทบทวนอะไรเหรอ“ทบทวนเรื่องความรู้สึกของเราสองคนไงหล่ะ เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้กรณ์ไม่อยากรอถึงสองปีแล้ว ถ้าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับฟ้า กรณ์คงอยู่ไม่ได้แน่ๆ กรณ์อยากจะสามารถปกป้องฟ้าได้อย่างเต็มที่ ฟ้าเป็นแฟนกับกรณ์นะ”พูดจบก็ยิ่งกระชับไหล่ที่โอบไว้แน่นขึ้นร่างบางเมื่อได้ยินร่างสูงพูดความในใจออกมาก็เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ หากเมื่อคืน เธอโดนพีทล่วงเกิน แม้จะแค่จูบ เธอก็คงจะรู้สึกกับเขาเช่นกันตอนนี้เธอค่อนข้างจะมั่นใจตัวเองแล้วว่าเธอรักเขามากจริงๆ แต่เขาหล่ะ“กรณ์แน่ใจแล้วเหรอว่า กรณ์รักฟ้า ไม่ใช่แค่ความใกล้ชิด”ร่างหนาพยักหน้าอย่างแรงจนเธอนึกเอ็นดู“จริง ตอนนี้กรณ์รู้ใจตัวเองแล้ว ว่ากรณ์รักฟ้า กรณ์ไม่อาจเสียฟ้าไปได้ เราแต่งงานกันนะฟ้า”เพี๊ยะ เสียงตีดังขึ้น พร้อมกับรอยแดงที่แขน แต่แปลก หน้าคนตีก็แดงด้วย“เร็วไปแล้วค่ะ เป็นแฟนกันก่อนก็พอ”“อ้าวเหรอ ก็อยากข้ามขั้นอ
“มึง ไอ้พีท”พีทโดนกระชากออกจากตัวฟ้าใสทันที ปกรณ์ตามเข้าไปต่อยชายหนุ่มที่บังอาจทำกับคนของเขาแบบนั้น ส่วนฟ้าใสก็ตัวสั่นอยู่ภายในอ้อมกอดของแป้ง โดยมีมิ้นท์ยืนอยู่ข้างๆออยวิ่งเข้ามาดูเป็นคนสุดท้ายเพราะออกไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียงมา เมื่อเห็นเพื่อนโดนปกรณ์ทั้งต่อย ทั้งเตะ และมองไปเห็นฟ้าใสตัวสั่นด้วยความกลัว ก็พอจะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออยเดินเข้าไปหาฟ้าใสแล้วถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“ฟ้า เป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น”เหมือนฟ้าจะได้สติขึ้นมา จึงรีบเดินเข้าไปจับมือปกรณ์ที่กำลังง้างเพื่อต่อยเขาอีก“พอเถอะกรณ์ พีทไม่ได้ตั้งใจหรอก เขาเมาหนะ” ฟ้าพูดด้วยเสียงที่สั่นเทาปกรณ์หันหน้ามาหาหญิงสาวแล้วโอบกอดเธอไว้ พร้อมมองไปที่ร่างของชายหนุ่มที่นอนกองอยู่กับพื้น ไม่ถึงกับสลบแต่ก็น่าหายเมาพอสมควร“ยังจะไปแก้ตัวแทนมันอีก” ปกรณ์ดันหัวฟ้าเข้าหาตัวเอง แล้วพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเช่นกัน เขาคิดไม่ออกว่าถ้าหญิงสาวเป็นอะไรไป เขาจะทำยังไงพีทเมื่อเริ่มได้สติ หันไปเห็นคนที่ตัวเองแอบรักมาหลายปี มีอา
ฟ้าใสรีบเดินออกมาจากห้องครัวอย่างเร็วเพื่อเดินไปเปิดประตูทันทีแกร๊ก“สวัสดีพี่ฟ้าใส” เสียงใสดังขึ้นหน้าประตูทันที“สวัสดีจ๊ะ น้องมิ้นท์ คุณเจมส์” ฟ้าใสยิ้มทักทายทั้งสองคนมิ้นท์ชูของขวัญให้กับว่าที่พี่สะใภ้ หันไปส่งให้เจมส์เป็นคนถือ จากนั้น ก็รีบควงแขนพี่สะใภ้คนโปรดเข้าไปในห้องทันที“อ้าวสวัสดีค่ะ พี่กรณ์ และก็พี่ๆ ทุกคนค่ะ”มิ้นท์ทักทายทุกคนอย่างไม่ถือตัว“เอาหละค่ะ ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว งั้นเราเริ่มตั้งหม้อเลยมั้ย” ฟ้าใสยิ้มบอกกับทุกคน“เย้ เอาเลย หิวแล้ว” ทุกคนเอ่ยพร้อมกันฟ้าใสรีบเข้าไปในครัวเพื่อจัดการเทน้ำซุปที่ต้มไว้แล้ว เมื่อกำลังจะยก ปกรณ์รีบมาช่วยยกแทนหญิงสาวเอง แต่ก่อนเดินออกไปก็แอบหอมแก้มร่างบางตอนเผลอแล้ววิ่งออกไปทันทีฟ้าใสยืนจับแก้มตัวเอง แต่ก็แอบอมยิ้มเขินๆ ไปด้วยปกรณ์เมื่อยกเตาชาบูมาวางบนโต๊ะกินข้าว ก็เดินเข้าไปเตะขาเพื่อนสนิท กับมือขวาตัวเอง ที่นั่งอยู่บนโซฟาเล่นโทรศัพท์อยู่“เฮ้ย อยากกินก็ไปช่วยกันดิ”
เมื่อเข้ามาที่โต๊ะอาหาร ก็เห็นอาหารวางอยู่บนโต๊ะหลายอย่าง“อ๋อ ที่ทำเป็นงอนกลับห้องเนี่ย แอบไปสั่งอาหารเนี่ยเอง กลิ่นหอมจัง” ฟ้าใสยิ้มตาหยี ถูมือไปมา อยากกระโจนเข้าหาอาหารเต็มที่แล้ว เข้าเช้ามีแค่โจ๊กรองท้องไปเอง“หิวก็กินสิ ผมไม่ใช่คนใจร้ายแบบใครบางคนหรอก เวลาผมทำอะไรก็คิดถึงฟ้าตลอดแหละ” ว่าแล้วก็เดินหน้าตึงไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามทันที พร้อมกับยื่นอาหารซึ่งเป็นของโปรดของฟ้าใสออกมาฟ้าใสยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี ก็เลยเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ ร่างสูงปกรณ์เงยมองฟ้าใส ยกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยว่ามายืนทำอะไรยังไม่ทันได้ตั้งตัว ฟ้าใสก็ก้มลงหอมแก้มชายหนุ่มไปหนึ่งฟอดทันที แล้วรีบเดินกลับไปนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม พร้อมทั้งกับดึงอาหารจานโปรดมากินอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าหูกับแก้มมีสีแดงเรื่อๆ ออกมาเล็กน้อยส่วนปกรณ์เมื่อรู้ว่าโดนจู่โจม ก็ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีทันที แล้วนั่งทานข้าวอย่างมีความสุขเมื่อทานกันเสร็จแล้ว ปกรณ์ก็เลยอาสาเดินไปกับถือของให้กับฟ้าใสเพื่อเตรียมสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้เมื่อซื้อของเสร
ฟ้าหันหาเพื่อนทันที ทำหน้างงๆ“ใครนะ พีทนะเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า ออยคิดอะไรเนี่ย”เมื่อได้ยินที่เพื่อนรักถามออกมา ก็หัวเราะออกมาอย่างหนัก“ขำอะไรอะ ก็เห็นนายนั่นเข้ามาหาแกมากขึ้น เห็นหลายๆ คนเริ่มพูดถึงเรื่องนี้กันด้วย ก็เลยมาถามแกก่อนไง ว่าแต่ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”ออยมีสีหน้าอยากรู้อยากเห็นมากจริงๆ ฟ้าใสมองอย่างนั้นก็อมยิ้ม ส่ายหัวไปมา“ไม่มีอะไรหรอก จำไม่ได้เหรอ เมื่ออาทิตย์ก่อนที่ฉันขอไปนอนห้องแกแล้วแกไม่อยู่ห้อง หลังจากนั้นแกก็เอาเบอร์พีทมาให้ไงหล่ะ”“อ๋อ จำได้แล้ว และสรุปวันนั้นแกไปนอนที่ไหนอะ พีทมันหาที่ให้แกนอนเหรอ”ฟ้าใสนิ่งสักพักก่อนจะพยักหน้า ไม่แน่ใจว่าควรจะบอกเพื่อนดีมั้ย ว่าไปนอนห้องชายหนุ่มแต่นึกถึงที่เพื่อนไม่อยู่ห้องก็ยังอุตส่าห์พยายามหาคนมาช่วยเหลือก็เลยยอมเล่าความจริงให้เพื่อนฟัง“อืม นอนห้องมันหนะ”ออยพยักหน้าแล้วยิ้ม แต่พอนึกได้ว่าเพิ่งได้ยินอะไรก็ทำหน้าตกใจ รีบถามเพื่อนเสียงดังอีกครั้ง“อะไรนะ แกว่าแกไปนอนห้องพีทเหรอ&rdqu
“คุณกรณ์” เสียงฟ้าใสตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออด อะไรจะงี่เง่าขนาดนี้เนี่ย“ไม่เป็นไรฟ้า คุณกรณ์คงไม่ได้ตั้งใจ” พีทเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน“หึ หึ ปกติเห็นแต่ผู้หญิงที่จะทำตัวเสแสร้งแกล้งเป็นคนดี นึกไม่ถึงว่าผู้ชายก็ทำเป็นด้วย”ปกรณ์เอ่ยออกมาอย่างประชดประชันพีทหันมามองหน้าปกรณ์ แล้วยิ้มเยาะออกมา เขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของปกรณ์แม้แต่น้อยผิดกับฟ้าใส ที่รู้สึกว่าวันนี้คู่หมั้นหนุ่มไปกินยาอะไรผิดสำแดงหรือเปล่า ทำไมดูหงุดหงิดแปลกๆ“เอาล่ะ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ถ้าพีทไม่เป็นอะไรแล้ว เราขอตัวกลับก่อนนะ ขอบใจมากนะที่ช่วยเหลือเรา ไว้ไปทานข้าวเที่ยงกันนะ เราเลี้ยงเอง”ฟ้าใสตัดบท เพราะเริ่มรู้สึกปวดหัว ตุบๆ กับทั้งสองคนนี้พีทพยักหน้ารับ “โชคดีฟ้า จำไว้ ถ้ามีปัญหาอะไรเราพร้อมเป็นที่ปรึกษาให้ฟ้าเสมอ”พูดจบก็ยิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์ ไม่วายเหลือบไปยิ้มเหยียดให้กับปกรณ์ที่ยืนถือกระเป๋ามือสั่นอยู่ไม่ไกลฟ้าใสเดินไปขึ้นรถกับปกรณ์ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ส่วนชายหนุ่มนั้น รู้ตัวว่า