ระหว่างทางนั่งรถกลับบ้านของหนุ่มสาวทั้งสอง ไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้นเกือบสิบนาที
“อะแฮ่ม” ปกรณ์กระแอมออกมาเพื่อต้องการกลบความเงียบ และเรียกร้องความสนใจอีกฝ่ายก่อนการเริ่มบทสนทนา เสียงกระแอมทำให้หญิงสาวที่หันหน้าเข้าหากระจกข้างตลอดเวลาหันกลับมามองหน้าคนขับ
“เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ยัยผมเปีย ตั้งแต่ตกน้ำคราวนั้น ก็ไม่มาที่บ้านฉันอีกเลย คงจะโกรธสินะ แล้วนี่ ทำไมถึงยอมรับการหมั้นครั้งนี้หละ” ปกรณ์รีบถามเข้าเรื่อง เพื่อจะปูไปยังเป้าหมายที่ต้องการ
“คุณพูดอะไร เราเคยเจอกันมาก่อนเหรอ” ฟ้าใสขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินคำทักเหมือนรู้จักกันมาก่อนของชายหนุ่ม
“ไม่เอาหน่า ไม่ต้องมาอำ ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ เรื่องนานมาแล้วนะ อะไรจะโกรธนานขนาดนั้น โกรธยาวขนาดนี้ เจ้าคิดเจ้าแค้นนะเนี่ย คุณหนะ” ปกรณ์ยังคงยียวน และไม่เชื่อว่าหญิงสาวจำเขาไม่ได้
“คุณนี้มันจริงๆ เลย นอกจากหน้าตาและความรวยแล้ว ที่เหลือก็ไม่มีอะไรดีจริงๆ โดยเฉพาะปาก ฉันไม่เคยเจอคุณมาก่อน เราไม่เคยรู้จักกัน แล้วฉันจะไปโกรธอะไรคุณฮะ” ฟ้าใส เริ่มทนไม่ได้กับความปากเสียของหนุ่มหล่อ ‘เสียของอย่างแรง’ นั่นคือประโยคที่คิดในใจ
“อ้าวคุณ พูดอย่างนี้เลยเหรอ ว่าจะขอโทษสักหน่อย ในเมื่อจำไม่ได้ งั้นผมคงไม่ต้องขอโทษแล้วมั้ง” สงสัยคงโกรธยาว อยากแกล้งเป็นจำไม่ได้ก็ตามนั้น เดี๋ยวจะแกล้งให้โป๊ะแตกออกมาให้ได้เลย
‘ทีอยู่ต่อหน้าแม่ๆ หละทำเป็นเถียงไม่ทัน ทีอย่างนี้ใส่ไม่ยั้งเชียวนะ ยัยผมเปีย’
“ว่าแต่คุณคิดยังไงกับการหมั้นของเรา คุณยังไม่ตอบเลย” ปกรณ์วกกลับมาเรื่องที่อยากเข้าประเด็น
“ก็ไม่ว่ายังไง ว่าแต่คุณหละ คิดยังไง” ฟ้าใส ดีใจที่ได้เริ่มแผนสักที เรื่องอะไรจะบอกความคิดของเราก่อน เราต้องถามเค้าก่อนสิ จะได้แก้เกมส์ได้ทัน
“ผมเหรอ ผมว่าผมไม่ติดนะแต่คุณก็เห็น ผมเป็นคนพูดจาหวานไม่ค่อยเป็น คุณจะทนได้เหรอ ถ้าคุณไม่โอเคก็แค่บอกคุณแม่คุณไปว่าคุณต้องการยกเลิกสัญญา ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ” ปกรณ์กล่าวออกมาพร้อมกับเหลือบสายตาไปมองหน้าหวานว่ามีปฏิกิริยายังไง
ฟ้าใสหันกลับไปจ้องหน้าหล่อคม พร้อมทั้งยิ้มหวาน
“ฉันไม่ติดหรอกนะ เรื่องปากของคุณ อาจจะปวดหัวไปบ้าง แต่คงไม่ถึงขั้นต้องยกเลิก ว่าแต่เอ เหมือนคุณก็ไม่ค่อยเต็มใจไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณไม่บอกคุณแม่คุณหละว่าคุณยังไม่พร้อม และอยากยกเลิกสัญญา” ฟ้าใสรีบโยนกลับ
สุดท้ายทั้งสองคนก็เงียบไป ต่างฝ่ายต่างนั่งคิดว่าจะโต้ตอบอย่างไรดี
“ว่าไงหละคะ คุณปกรณ์ เท่าๆ ที่ดู คุณก็ไม่อยากหมั้นกับฉัน ทำไมคุณไม่บอกคุณแม่คุณไปหละว่าคุณไม่โอเค อยากยกเลิก” ในที่สุด เป็นฝ่ายฟ้าใสที่เริ่มพูดตรงประเด็นขึ้นมา
“แต่ผมว่า เท่าที่ฟัง คุณเองก็ไม่ได้อยากหมั้นกับผมเหมือนกัน แล้วทำไมคุณถึงไม่บอกคุณแม่คุณไปหละ” ปกรณ์ก็ไม่ยอมเช่นกัน
“ฉันบอกแล้วไงว่าชั้นไม่ติด” ฟ้าใสรีบเปลี่ยนแผน จากตอนแรกที่คิดว่าจะปรึกษาเค้าอย่างตรงไปตรงมา กลับกลายเป็นว่า ต้องเล่นเกมส์เพื่อให้เค้ายอมไปเองสะแล้ว
“ผมก็ไม่ติดเช่นเดียวกัน งั้นตกลงว่าเราเริ่มทำความรู้จักกันตามที่แม่ๆ เราอยากให้รู้จักกันแล้วกันนะครับ” เมื่อติดไฟแดงปกรณ์จึงหันมามองหน้าหวานในแสงไฟ ‘ก็สวยดีนะ’ คงต้องใช้มาตรการเด็ดขาดให้ทนไม่ได้เองสะแล้ว
ซึ่งก็เป็นแผนเดียวกับฟ้าใสเช่นเดียวกัน “งั้นก็ได้ค่ะ เรามาทำความรู้จักกันก่อนแล้วกันนะคะ” ‘เอาสิ ใครทนไม่ได้ก็ต้องถอยไป’
“ข้างหน้านั้นเป็นคอนโดฉันแล้วค่ะ คุณจอดข้างหน้าได้เลยค่ะ” ฟ้าใสรีบบอกเมื่อเห็นว่าคอนโดตัวเองอยู่ข้างหน้าแล้ว
รถสปอร์ตเคลื่อนมาจอดหน้าคอนโดหรู อย่างที่สาวเจ้าบอกทันที
“ขอบคุณนะคะ” ฟ้าใสรีบบอก ใจอยากลงใจจะขาด เพื่อไปเขียนแผนการใหม่ จังหวะที่กำลังจะเปิดประตูลงไปนั้น
หมับ !!!!!
มือหนาจับลงบนแขนดึงสาวเข้ามาใกล้ กลิ่นน้ำหอมผู้ชายราคาแพงโชยเข้าจมูก ‘อืมกลิ่นนี้หอมจริงๆ’ ฟ้าใสเหลือบตามองไปที่ชายหนุ่มหน้าคมคายในใจสั่นไหวไม่เคยได้ใกล้ชิดผู้ชายที่ไหนใกล้เท่านี้มาก่อน แต่ก็พยายามสงบใจ เพราะคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่ตัวเธอจะมีความรัก ‘ถ้าเราเจอกันอีก 5 ปีข้างหน้าก็ดีเนอะ’ พลางคิดในใจว่าหมอนี่มาผิดเวลาไปหน่อย
“ว่ายังไงคะ มีอะไรหรือเปล่า คุณปกรณ์”
“คุณจำผมไม่ได้จริงๆ เหรอ หรือยังโกรธผมอยู่” ปกรณ์หลุบตามองหน้าหวานอย่างมีความหมาย ชายหนุ่มไม่เชื่อจริงๆ ว่าฟ้าใสจำเขาไม่ได้
“ฉันจำไม่ได้จริงๆ เราเคยเจอกันมาก่อนเหรอ” ฟ้าใสขมวดคิ้ว พยายามนึกแล้ว ก็นึกไม่ออกจริงๆ หรือจะเป็นมุขของเขากันนะ ผู้ชายรวยส่วนใหญ่เจ้าชู้กันทุกคน
“เรียกตัวเองว่าฟ้า น่ารักกว่านะครับ ตอนเด็กๆ เวลาคุณอารมณ์ดีๆ คุณก็แทนตัวเองว่าฟ้าตลอด ไหนๆ เรากำลังจะศึกษาซึ่งกันและกัน ผมอยากให้คุณแทนตัวเองว่าฟ้านะครับ”
“ทำไมฉันต้องทำตามคุณด้วย และฉันก็จำไม่ได้จริงๆ ว่าเราเคยเจอกัน แม้กระทั่งตอนเด็กๆ ก็ตาม”
“ถ้าคุณไม่ทำตามก็ไม่ต้องลง วันนี้ก็ทำความรู้จักกันบนรถจนถึงเช้าเนี่ยแหละ และเราเคยเจอกันมาก่อนแน่นอน ไม่รู้เหตุผลอะไรที่ทำให้คุณแกล้งจำไม่ได้” ปกรณ์เริ่มอารมณ์ไม่ดี ตอนแรกแค่อยากแกล้งบังคับ แต่เห็นเถียง แบบนี้ เริ่มอยากเอาชนะสะแล้ว
“คุณจะบ้าเหรอ ทำไมฉันต้องแกล้ง และฉันไม่แทนตัวเองว่าฟ้า เข้าใจมั้ย” ฟ้าใสเริ่มไม่ยอม วันนี้มันผิดแผนไปหมดแล้ว ยังมาโดนบังคับอีก นายนี่เป็นยังไงนะ
“บอกให้แทนตัวเองว่าฟ้า แล้วเรียกผมว่าพี่กรณ์ ตามที่คุณแม่ผมต้องการ” ปกรณ์เริ่มกดเสียงต่ำ การแสดงความบังคับ และเอาแต่ใจเป็นส่วนนึงของแผน พร้อมทั้งเริ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้อย่างคุกคาม
“อี๋ เอาหน้าออกไปนะ นายแก่กว่าฉันไม่กี่เดือนทำไมฉันต้องเรียกนายว่าพี่ด้วย” สรรพนามเริ่มเปลี่ยนตามอารมณ์ของฟ้าใสพร้อมพยายามที่จะผลักหน้าหล่อให้ถอยห่างออกไป
ชายหนุ่มยักคิ้ว จับมือเรียวทั้งสองข้างไว้ พร้อมยื่นหน้าเข้าใกล้มากขึ้น พร้อมกระซิบที่ข้างหู “เราต้องสนิทกันมากขึ้น ดังนั้นการเปลี่ยนคำเรียก จะทำให้เราสนิทกันมากขึ้น แล้วพี่ชอบใช้คำแทนแบบนี้ ถ้าคุณไม่ทำ หรือทนไม่ได้ ก็แค่โทรไปบอกคุณแม่คุณสิครับ” ‘หึ ดูใกล้ๆ ก็ยิ่งน่ารัก’
ฟ้าใสนั่งอยู่ในห้องทำงานเล็กๆ ของเธอที่บริษัทโฆษณาชื่อดังในกรุงเทพฯ เธอกำลังจดจ่อกับงานออกแบบโปสเตอร์สำหรับลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องส่งในวันพรุ่งนี้ ขณะที่เธอกำลังวุ่นวายกับการหามุมที่ลงตัว เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ทำให้ฟ้าใสสะดุ้งเล็กน้อย เธอคว้ามันขึ้นมาดูชื่อที่แสดงบนหน้าจอ"แม่?" ฟ้าใสพึมพำกับตัวเองด้วยความแปลกใจ แม่ไม่ค่อยโทรหาช่วงเวลางาน ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ"สวัสดีค่ะ แม่ มีอะไรเหรอคะ?" ฟ้าใสถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเสียงของแม่ดังขึ้นที่ปลายสาย แต่กลับไม่ใช่เสียงที่ฟ้าใสคุ้นเคยที่มักจะใจดีและร่าเริง แต่เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล “ฟ้าใส ลูกต้องกลับบ้านด่วนเลยจ้ะ มีเรื่องสำคัญมากที่แม่ต้องบอก”ฟ้าใสขมวดคิ้ว “เรื่องอะไรคะ แม่? เล่าให้ฟ้าฟังทางโทรศัพท์ก็ได้นี่คะ”“ไม่ได้จ้ะ มันเป็นเรื่องที่พูดทางโทรศัพท์ไม่ได้ ลูกต้องกลับมาจริงๆ” แม่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยอมให้ปฏิเสธฟ้าใสถอนหายใจเบาๆ แม้เธอจะมีงานที่ต้องทำ แต่เมื่อแม่พูดเช่นนี้ เธอรู้ว่ามันต้องเป็นเรื่องที่เธอไม่ควรเมินเฉย “ได้ค่ะ ฟ้าจะรีบกลับไป”หลังจากวางสาย ฟ้าใสรีบเก็บของและขอตัวออกจากออฟฟิศ เธอรู้สึกไม่สบายใจเพราะ
ฟ้าใสยังคงรู้สึกสับสนหลังจากกลับมาจากบ้านแม่ เธอพยายามทำใจให้สงบ แต่ความคิดต่าง ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ตอนนี้เธอต้องเผชิญกับความจริงที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน นั่นคือเธออาจจะต้องแต่งงานกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จักมาก่อน "เราอยู่สมัยไหนกันแล้วเนี่ย ไม่มีทางแน่นอน มันจะต้องไม่เกิดขึ้น"หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ณ คฤหาสน์หรู ขนาด 100 ไร่ ใจกลางกรุงเทพฯ คุณหญิงอรพินท์ ธนเกียรติ์โภคิน ประธานบริษัท TK กรุ๊ป บริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีในประเทศ และมีธุรกิจในเครืออีก 10 กว่าแห่ง มีลูกสองคน ปกรณ์ และมินตรา ธนเกียรติ์โภคิน สามีเพิ่งเสียไปเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว นั่งชะเง้อคอยใครสักคนอยู่ที่ห้องโถงกลางบ้าน สายตาคอยจับจ้องไปที่ประตูอยู่ตลอดเวลาบรืนนนนนน เอี๊ยดดดดดด“ตากรณ์” คุณหญิงร้องเรียกขึ้นมาทันที โดยที่ยังไม่ได้เห็นเลยว่าผู้ที่มาคือใครตึก ตึก ตึก“มาแล้วค่ะ คุณแม่ ลูกชายสุดที่รักของคุณแม่กลับมาแล้วค่ะ” เสียงใสดังขึ้นมา พร้อมร่างเพรียวบางราวนางแบบ เดินเคียงข้างควงแขนมากับชายหนุ่มหล่อสูงโปร่ง ผิวขาวละเอียด และดวงตาคม เข้ามาที่ห้องโถงกลางบ้าน ที่คุณหญิงนั่งรออยู่ หญิงสาวเข้ามาสวมกอดคนเป็นแม่พร้อมยิ้ม
“โอเคครับแม่ ผมยอมแล้ว แม่อย่าร้องไห้เลยครับ” ชายหนุ่มพูดขึ้นมาหลังถอนหายใจครู่ใหญ่ ทำอย่างไรได้ แม่เล่นมาแนวนี้ ถ้าหากเขายังดื้อดึง มีหวังได้คุยกันยาว แถมแม่ต้องร้องไห้มากกว่านี้แน่ ถึงจะรู้ว่าอะไรคืออะไรก็ตาม“ว่าแต่คนที่ผมจะแต่งงานด้วย ชื่ออะไรครับ แล้วเป็นเพื่อนแม่คนไหนครับ”แม่เมื่อได้ฟังสิ่งที่อยากได้ยินแล้วนั้น ก็ตาเป็นประกาย ยิ้มกว้าง พร้อมทั้งเอ่ยสาธยายลูกสาวเพื่อนในทันที “เขาชื่อฟ้าใสจ๊ะ สวย น่ารัก แถมเก่งอีกต่างหาก เขาทำงานเป็นนักออกแบบโฆษณาอยู่ที่บริษัท CTM บริษัทในเครือเราเองจ๊ะ แต่หนูฟ้าใสเค้าไม่รู้นะ ว่าแม่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ เป็นลูกของน้าอัญชลีไงจ๊ะ ตอนเด็กๆ เราก็เคยเจอกันบ่อยๆ”“ผมพอจำน้าอัญชลีได้ครับ เมื่อก่อนครอบครัวเรากับครอบครัวน้านัดเจอกันบ่อยๆ แต่ฟ้าใสผมไม่เจอตั้งแต่เค้าอายุ 12 แล้วนี่ครับ”“อ๋อ มินท์จำได้แล้วค่ะ พี่ฟ้าใส ที่ชอบผูกเปียสองข้าง แล้วพี่กรณ์ชอบแกล้งเค้าบ่อยๆ เจอกันทีไร พี่เขาร้องไห้กลับไปทุกที พอขึ้น ป. 4 หนูก็ไม่เห็นพี่เขามากับคุณแม่เขาอีกเลย”“คุณน้าบอกว่าชวนมาแล้วฟ้าใสเขาไม่ยอมมาด้วยจ๊ะ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น” คุณหญิงนั่งนึกถึงเรื่องเก่าๆ พร้อมขมว
@ คอนโดหรูกลางกรุง ของฟ้าใสฟ้าใสที่ยังคิดทบทวนถึงเรื่องที่คุยกับแม่เมื่อตอนกลางวัน ทันใดนั้น อยู่ๆ ก็เกิดอาการปวดหัวขึ้นมาเมื่อนึกถึงชื่อ ‘ปกรณ์’ ทำไมชื่อนี้คุ้นๆ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกความทรงจำบางอย่างโผล่ขึ้นมาถึงหน้าเด็กชายหน้าตาหล่อเหลา จมูกโด่ง พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ และเสียงดังตูม แค่แวบเดียวเท่านั้น มันก็หายไป แต่อาการปวดหัวยังอยู่ฟ้าใสเดินไปหยิบยาแก้ปวดหัวออกมาจากตู้ยา พร้อมทั้งเดินไปที่ห้องครัวเพื่อหาน้ำ หลังจากจัดการกับยาเรียบร้อย เดินกลับไปที่ห้องน้ำแล้วแช่น้ำอุ่น พร้อมคิดว่าจะหาทางออกจากเรื่องนี้อย่างไรดี อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นครืด ครืด“ฮัลโหล” ฟ้าใสไม่ทันได้มองว่าใครโทรมา เอื้อมมือไปแล้วรับแล้วกรอกสายลงไปด้วยอารมณ์ เหนื่อยอ่อน“สวัสดี คุณเพื่อน กลับไปหาแม่มา เป็นไงบ้าง แม่เป็นอะไรหรือเปล่า” แป้ง เพื่อนสาวคนสนิท ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เอ่ยถามออกมา เมื่อเพื่อนรักส่งเสียงทักทาย“แป้ง แกโทรมาพอดีเลย ฉันมีเรื่องกลุ้มใจมาก อยากหาที่ปรึกษาพอดี” ฟ้าใสผุดตัวนั่งหลังจากที่นอนหลับตาในอ่างอาบน้ำเพื่อคิดหาทางออกจากเรื่องนั้น“แกเป็นอะไร ยัยฟ้าใส ทำไมเสียงดูร้อนรนแ
“แล้วแกก็ได้จริงๆ ตามแผนแกหนะแหละ ว่าแต่อาการป่วยของแกเนี่ย อยู่ในแผนแกด้วยมั้ย” เพื่อนสาวชม พร้อมแขวะไป อย่างเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าที่ตัวเองมาเนี่ย อยู่ในแผนด้วยหรือเปล่า“ถ้าอยู่ในแผน ฉันจะมีหน้าอย่างนี้เหรอแกกก” ฟ้าใสพูดออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน พร้อมทั้งไหลนอนพิงไปกับพนักโซฟา ลืมตามองเพดานอย่างไร้จุดหมาย“เฮ้ย ฟ้า มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันไม่เคยเห็นแกเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ ไหนมีอะไรเล่ามาเดี๋ยวนี้”“แม่บอกให้ฉันหมั้นกับเพื่อนลูกชายแม่.....” ฟ้าใสหลับตานั่งสักพัก ก่อนจะเริ่มเอ่ยปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น“ก็ดีแล้วนี่แก เราก็อายุเยอะกันแล้วนะ อีกไม่กี่ปีจะเข้าเลขสามแล้ว ถ้าเราเริ่มหาคนรู้ใจตอนนี้ กว่าจะคบ กว่าจะทำความรู้จัก จนถึงแต่งงาน เหี่ยวพอดี แกโชคดีออก แม่หาให้ ข้ามขั้นแต่งไปเลย เหี่ยวน้อยกว่าคนอื่นในอายุเท่ากันไปสองถึงสามปี ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” แป้งพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี พร้อมแหย่เพื่อนสาวไปในตัว เพราะรู้ว่าเพื่อนของเธอไม่มีทางที่จะเริ่มเปิดใจให้ใครแน่นอน หากแม่อัญ คุณแม่ของฟ้าใส สามารถหาคนดีๆ มาเป็นคู่ให้กับเพื่อนเธอได้ก็คงดีไม่น้อย“แกก็รู้ว่ามันไม่ได้อยู่ในแผนฉัน ฉันวางแผนชีวิตฉันไว้หมด
“ไง ไอ้เสือ กลับมาแล้วคิดถึงมาก เลยโทรตามกูยิกๆ ให้ออกมาหาเลยเหรอ” ธันวาเอ่ยถามปกรณ์อย่างอารมณ์ดี พร้อมดีใจที่เห็นเพื่อนรักกลับมาเมืองไทยสักที“เออ กูคิดถึงมึงมาก แต่มึงมาช้านะ กูนัดกี่โมงนี่ เลทมาเกือบชั่วโมงแล้วไอ้เวร” ปกรณ์ยักคิ้ว พร้อมยิ้มที่มุมปากแล้วพูดออกมา“เออ โทษทีวะ พอดีมีเรื่องกับป้าที่คอนโดนิดหน่อย เลยเสียเวลาต่อปากต่อคำ” ธันวาพูดพร้อมนึกถึงใบหน้าป้าที่เขาพูดถึง ‘ทำไมน่ารักได้ขนาดนั้นนะ คุณป้า หึหึ’“ป้าที่ไหนวะ ป้าแกอยู่ต่างจังหวัดไม่ใช่เหรอ หรือท่านลงมาหาแก แล้วอยู่ถึงเมื่อไหร่ กูจะได้เข้าไปไหว้ คิดถึงท่านเหมือนกัน”“เปล่า ป้าที่อาศัยที่คอนโด ไม่ใช่ป้ากู” ธันวาส่ายหัวไปมา “ว่าแต่ที่เรียกกูมาเนี่ย คิดถึงมากงั้น ถึงมาปุ๊บ เรียกหากูปั๊บเลย” ว่าพลางยกคิ้วพลาง พร้อมรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์“อืม อยากดื่มเลยคิดถึงมึง” ว่าพลางยกแก้วสีอำพันขึ้นดื่ม“เป็นไรวะ กลับมาก็ดีแล้ว ทำไมดูหน้าเครียดๆ” ธันวาเอ่ย เมื่อลอบสังเกตอากัปกิริยาของเพื่อน ขณะที่ยกดื่มหลายๆ อึก ในคราวเดียว ‘หรือมันรีบวะ’ ได้แต่คิดในใจ“แม่กูจะให้กูหมั้นวะ” สักพักใหญ่ๆ ปกรณ์ ก็ยอมเปิดปากพูดออกมา หลังจากที่นั่งดื่มเงียบๆ มาห
@บริษัท TK กรุ๊ปการประชุมผู้บริหาร เพื่อแนะนำปกรณ์ผ่านไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าจะมีการลองภูมิจากผู้บริหารเก่าแก่บ้าง แต่ปกรณ์ที่มีประสบการณ์ทำงานมาจากต่างประเทศ ก็สามารถรับมือได้อย่างดี และทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารทั้งหมดในท้ายที่สุด“เก่งมาก ลูกแม่ ตอนนี้แม่ก็วางมือได้แล้วหละ” คุณหญิงอรพินท์กล่าวชื่นชมลูกชายด้วยความภูมิใจ“ใช่คะ คุณแม่ พี่กรณ์เก่งมากเลย” น้องมินท์รีบพูดเยินยอพี่ชาย ‘ฮิฮิ ต่อไปงานส่วนใหญ่ก็ส่งต่อให้พี่กรณ์ เราก็มีเวลาหนีเที่ยวแล้ว นึกถึงก็มีความสุขแล้ว’“ตอนนี้เพิ่ง 11 โมง เดี๋ยวแม่ขอโทรหาน้าอัญก่อนนะคะ จะได้นัดหนูฟ้าใสมาเจอกันเย็นนี้ น้องมินท์อย่าลืมดูสถานที่ให้แม่ด้วยนะลูก ขอส่วนตัว พี่เขาจะได้ไม่เขิน” คุณหญิงพูดไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี ลูกชายจะทั้งลัคกี้อินเกมส์ และลัคกี้อินเลิฟด้วยหรือเปล่าน้า คิดแล้วก็มีความสุข“คะ คุณแม่ รอคุณแม่คุยเสร็จได้เวลาแน่นอน แล้วมินท์จะได้จองให้ทันทีเลยคะ”“โอเคคะ งั้นแม่รีบโทรเลยนะ”“ฮัลโหล อัญเหรอ สบายดีมั้ย พอดีอยากจะนัดเธอกับหนูฟ้าใสทานข้าวเย็นนี้หน่อยจ๊ะ จะได้ถือโอกาสให้เจอกับตากรณ์เลย” อรพินท์เอ่ยปากทักทายพร้อมถามเพื่อนสนิททัน
“กรณ์ ลูกนี่ น้องก็ขอโทษแล้วบอกเหตุผลแล้วนิ ว่ารถเสีย ทำไมยังไปว่าน้องอีกหนะ ไม่เป็นไรลูกฟ้า ป้าเข้าใจจ๊ะ ว่าแต่หนูมายังไงจ๊ะ” ประโยคแรกปรามลูกชายเสียงดัง ประโยคหลังพูดกับว่าที่ลูกสะใภ้เสียงอ่อนโยน“แหม แม่ไม่ค่อยลำเอียงเลยนะคะ กับว่าที่ลูกสะใภ้เสียงสองเชียว มินท์ว่าพี่กรณ์กลายเป็นหมาหัวเน่าแล้วแหละ แม่มีลูกคนใหม่แล้ว แบร่” มินท์ได้ทีรีบแกล้งแหย่พี่ชายทันทีปกรณ์ทำท่าจะเขกหัวน้องสาวตัวแสบที่นั่งอยู่ข้างๆ เสียงแม่ก็รีบปรามเป็นคำรบสอง“หยุดเลยนะ สองคนนี้ โตกันแล้ว อยู่ต่อหน้าหนูฟ้าใส และคุณน้าอัญเรายังจะตีกันเป็นเด็กๆ ไปได้” อรพินท์ส่ายหน้า พร้อมพูดอย่างไม่ใส่ใจมากนัก“ทั้งสองคนยังร่าเริงกันเหมือนเดิมนะ น่ารักน่าเอ็นดูกันจริงๆ” อัญชลีเอ่ยปากออกมาอย่างเอ็นดู“ว่าแต่หนูฟ้าใสมาอย่างไรจ๊ะ เราเลยไม่มีโอกาสได้บอกป้าสักทีเพราะสองคนนี้แย่งเราพูดใช่มั้ย” คุณหญิงหันกลับมาถามคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบสักที“มารถไฟฟ้าคะ ตอนนี้รถส่งไปเข้าศูนย์คะ” ฟ้าใสตอบอย่างสุภาพ หลังจากที่สูดหายใจลึกๆ เพื่อไม่ให้โมโหคนกวนประสาทไปมากกว่านี้“อ้าว แล้วขากลับเรากลับยังไงหละจ๊ะ”“กลับรถไฟฟ้าได้คะ คอนโดฟ้าอยู่ xxx ใกล้สถา
ระหว่างทางนั่งรถกลับบ้านของหนุ่มสาวทั้งสอง ไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้นเกือบสิบนาที“อะแฮ่ม” ปกรณ์กระแอมออกมาเพื่อต้องการกลบความเงียบ และเรียกร้องความสนใจอีกฝ่ายก่อนการเริ่มบทสนทนา เสียงกระแอมทำให้หญิงสาวที่หันหน้าเข้าหากระจกข้างตลอดเวลาหันกลับมามองหน้าคนขับ“เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ยัยผมเปีย ตั้งแต่ตกน้ำคราวนั้น ก็ไม่มาที่บ้านฉันอีกเลย คงจะโกรธสินะ แล้วนี่ ทำไมถึงยอมรับการหมั้นครั้งนี้หละ” ปกรณ์รีบถามเข้าเรื่อง เพื่อจะปูไปยังเป้าหมายที่ต้องการ“คุณพูดอะไร เราเคยเจอกันมาก่อนเหรอ” ฟ้าใสขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินคำทักเหมือนรู้จักกันมาก่อนของชายหนุ่ม“ไม่เอาหน่า ไม่ต้องมาอำ ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ เรื่องนานมาแล้วนะ อะไรจะโกรธนานขนาดนั้น โกรธยาวขนาดนี้ เจ้าคิดเจ้าแค้นนะเนี่ย คุณหนะ” ปกรณ์ยังคงยียวน และไม่เชื่อว่าหญิงสาวจำเขาไม่ได้“คุณนี้มันจริงๆ เลย นอกจากหน้าตาและความรวยแล้ว ที่เหลือก็ไม่มีอะไรดีจริงๆ โดยเฉพาะปาก ฉันไม่เคยเจอคุณมาก่อน เราไม่เคยรู้จักกัน แล้วฉันจะไปโกรธอะไรคุณฮะ” ฟ้าใส เริ่มทนไม่ได้กับความปากเสียของหนุ่มหล่อ ‘เสียของอย่างแรง’ นั่นคือประโยคที่คิดในใจ“อ้าวคุณ พูดอย่างนี้เลยเหรอ ว่าจะขอโทษสัก
“กรณ์ ลูกนี่ น้องก็ขอโทษแล้วบอกเหตุผลแล้วนิ ว่ารถเสีย ทำไมยังไปว่าน้องอีกหนะ ไม่เป็นไรลูกฟ้า ป้าเข้าใจจ๊ะ ว่าแต่หนูมายังไงจ๊ะ” ประโยคแรกปรามลูกชายเสียงดัง ประโยคหลังพูดกับว่าที่ลูกสะใภ้เสียงอ่อนโยน“แหม แม่ไม่ค่อยลำเอียงเลยนะคะ กับว่าที่ลูกสะใภ้เสียงสองเชียว มินท์ว่าพี่กรณ์กลายเป็นหมาหัวเน่าแล้วแหละ แม่มีลูกคนใหม่แล้ว แบร่” มินท์ได้ทีรีบแกล้งแหย่พี่ชายทันทีปกรณ์ทำท่าจะเขกหัวน้องสาวตัวแสบที่นั่งอยู่ข้างๆ เสียงแม่ก็รีบปรามเป็นคำรบสอง“หยุดเลยนะ สองคนนี้ โตกันแล้ว อยู่ต่อหน้าหนูฟ้าใส และคุณน้าอัญเรายังจะตีกันเป็นเด็กๆ ไปได้” อรพินท์ส่ายหน้า พร้อมพูดอย่างไม่ใส่ใจมากนัก“ทั้งสองคนยังร่าเริงกันเหมือนเดิมนะ น่ารักน่าเอ็นดูกันจริงๆ” อัญชลีเอ่ยปากออกมาอย่างเอ็นดู“ว่าแต่หนูฟ้าใสมาอย่างไรจ๊ะ เราเลยไม่มีโอกาสได้บอกป้าสักทีเพราะสองคนนี้แย่งเราพูดใช่มั้ย” คุณหญิงหันกลับมาถามคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบสักที“มารถไฟฟ้าคะ ตอนนี้รถส่งไปเข้าศูนย์คะ” ฟ้าใสตอบอย่างสุภาพ หลังจากที่สูดหายใจลึกๆ เพื่อไม่ให้โมโหคนกวนประสาทไปมากกว่านี้“อ้าว แล้วขากลับเรากลับยังไงหละจ๊ะ”“กลับรถไฟฟ้าได้คะ คอนโดฟ้าอยู่ xxx ใกล้สถา
@บริษัท TK กรุ๊ปการประชุมผู้บริหาร เพื่อแนะนำปกรณ์ผ่านไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าจะมีการลองภูมิจากผู้บริหารเก่าแก่บ้าง แต่ปกรณ์ที่มีประสบการณ์ทำงานมาจากต่างประเทศ ก็สามารถรับมือได้อย่างดี และทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารทั้งหมดในท้ายที่สุด“เก่งมาก ลูกแม่ ตอนนี้แม่ก็วางมือได้แล้วหละ” คุณหญิงอรพินท์กล่าวชื่นชมลูกชายด้วยความภูมิใจ“ใช่คะ คุณแม่ พี่กรณ์เก่งมากเลย” น้องมินท์รีบพูดเยินยอพี่ชาย ‘ฮิฮิ ต่อไปงานส่วนใหญ่ก็ส่งต่อให้พี่กรณ์ เราก็มีเวลาหนีเที่ยวแล้ว นึกถึงก็มีความสุขแล้ว’“ตอนนี้เพิ่ง 11 โมง เดี๋ยวแม่ขอโทรหาน้าอัญก่อนนะคะ จะได้นัดหนูฟ้าใสมาเจอกันเย็นนี้ น้องมินท์อย่าลืมดูสถานที่ให้แม่ด้วยนะลูก ขอส่วนตัว พี่เขาจะได้ไม่เขิน” คุณหญิงพูดไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี ลูกชายจะทั้งลัคกี้อินเกมส์ และลัคกี้อินเลิฟด้วยหรือเปล่าน้า คิดแล้วก็มีความสุข“คะ คุณแม่ รอคุณแม่คุยเสร็จได้เวลาแน่นอน แล้วมินท์จะได้จองให้ทันทีเลยคะ”“โอเคคะ งั้นแม่รีบโทรเลยนะ”“ฮัลโหล อัญเหรอ สบายดีมั้ย พอดีอยากจะนัดเธอกับหนูฟ้าใสทานข้าวเย็นนี้หน่อยจ๊ะ จะได้ถือโอกาสให้เจอกับตากรณ์เลย” อรพินท์เอ่ยปากทักทายพร้อมถามเพื่อนสนิททัน
“ไง ไอ้เสือ กลับมาแล้วคิดถึงมาก เลยโทรตามกูยิกๆ ให้ออกมาหาเลยเหรอ” ธันวาเอ่ยถามปกรณ์อย่างอารมณ์ดี พร้อมดีใจที่เห็นเพื่อนรักกลับมาเมืองไทยสักที“เออ กูคิดถึงมึงมาก แต่มึงมาช้านะ กูนัดกี่โมงนี่ เลทมาเกือบชั่วโมงแล้วไอ้เวร” ปกรณ์ยักคิ้ว พร้อมยิ้มที่มุมปากแล้วพูดออกมา“เออ โทษทีวะ พอดีมีเรื่องกับป้าที่คอนโดนิดหน่อย เลยเสียเวลาต่อปากต่อคำ” ธันวาพูดพร้อมนึกถึงใบหน้าป้าที่เขาพูดถึง ‘ทำไมน่ารักได้ขนาดนั้นนะ คุณป้า หึหึ’“ป้าที่ไหนวะ ป้าแกอยู่ต่างจังหวัดไม่ใช่เหรอ หรือท่านลงมาหาแก แล้วอยู่ถึงเมื่อไหร่ กูจะได้เข้าไปไหว้ คิดถึงท่านเหมือนกัน”“เปล่า ป้าที่อาศัยที่คอนโด ไม่ใช่ป้ากู” ธันวาส่ายหัวไปมา “ว่าแต่ที่เรียกกูมาเนี่ย คิดถึงมากงั้น ถึงมาปุ๊บ เรียกหากูปั๊บเลย” ว่าพลางยกคิ้วพลาง พร้อมรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์“อืม อยากดื่มเลยคิดถึงมึง” ว่าพลางยกแก้วสีอำพันขึ้นดื่ม“เป็นไรวะ กลับมาก็ดีแล้ว ทำไมดูหน้าเครียดๆ” ธันวาเอ่ย เมื่อลอบสังเกตอากัปกิริยาของเพื่อน ขณะที่ยกดื่มหลายๆ อึก ในคราวเดียว ‘หรือมันรีบวะ’ ได้แต่คิดในใจ“แม่กูจะให้กูหมั้นวะ” สักพักใหญ่ๆ ปกรณ์ ก็ยอมเปิดปากพูดออกมา หลังจากที่นั่งดื่มเงียบๆ มาห
“แล้วแกก็ได้จริงๆ ตามแผนแกหนะแหละ ว่าแต่อาการป่วยของแกเนี่ย อยู่ในแผนแกด้วยมั้ย” เพื่อนสาวชม พร้อมแขวะไป อย่างเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าที่ตัวเองมาเนี่ย อยู่ในแผนด้วยหรือเปล่า“ถ้าอยู่ในแผน ฉันจะมีหน้าอย่างนี้เหรอแกกก” ฟ้าใสพูดออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน พร้อมทั้งไหลนอนพิงไปกับพนักโซฟา ลืมตามองเพดานอย่างไร้จุดหมาย“เฮ้ย ฟ้า มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันไม่เคยเห็นแกเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ ไหนมีอะไรเล่ามาเดี๋ยวนี้”“แม่บอกให้ฉันหมั้นกับเพื่อนลูกชายแม่.....” ฟ้าใสหลับตานั่งสักพัก ก่อนจะเริ่มเอ่ยปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น“ก็ดีแล้วนี่แก เราก็อายุเยอะกันแล้วนะ อีกไม่กี่ปีจะเข้าเลขสามแล้ว ถ้าเราเริ่มหาคนรู้ใจตอนนี้ กว่าจะคบ กว่าจะทำความรู้จัก จนถึงแต่งงาน เหี่ยวพอดี แกโชคดีออก แม่หาให้ ข้ามขั้นแต่งไปเลย เหี่ยวน้อยกว่าคนอื่นในอายุเท่ากันไปสองถึงสามปี ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” แป้งพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี พร้อมแหย่เพื่อนสาวไปในตัว เพราะรู้ว่าเพื่อนของเธอไม่มีทางที่จะเริ่มเปิดใจให้ใครแน่นอน หากแม่อัญ คุณแม่ของฟ้าใส สามารถหาคนดีๆ มาเป็นคู่ให้กับเพื่อนเธอได้ก็คงดีไม่น้อย“แกก็รู้ว่ามันไม่ได้อยู่ในแผนฉัน ฉันวางแผนชีวิตฉันไว้หมด
@ คอนโดหรูกลางกรุง ของฟ้าใสฟ้าใสที่ยังคิดทบทวนถึงเรื่องที่คุยกับแม่เมื่อตอนกลางวัน ทันใดนั้น อยู่ๆ ก็เกิดอาการปวดหัวขึ้นมาเมื่อนึกถึงชื่อ ‘ปกรณ์’ ทำไมชื่อนี้คุ้นๆ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกความทรงจำบางอย่างโผล่ขึ้นมาถึงหน้าเด็กชายหน้าตาหล่อเหลา จมูกโด่ง พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ และเสียงดังตูม แค่แวบเดียวเท่านั้น มันก็หายไป แต่อาการปวดหัวยังอยู่ฟ้าใสเดินไปหยิบยาแก้ปวดหัวออกมาจากตู้ยา พร้อมทั้งเดินไปที่ห้องครัวเพื่อหาน้ำ หลังจากจัดการกับยาเรียบร้อย เดินกลับไปที่ห้องน้ำแล้วแช่น้ำอุ่น พร้อมคิดว่าจะหาทางออกจากเรื่องนี้อย่างไรดี อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นครืด ครืด“ฮัลโหล” ฟ้าใสไม่ทันได้มองว่าใครโทรมา เอื้อมมือไปแล้วรับแล้วกรอกสายลงไปด้วยอารมณ์ เหนื่อยอ่อน“สวัสดี คุณเพื่อน กลับไปหาแม่มา เป็นไงบ้าง แม่เป็นอะไรหรือเปล่า” แป้ง เพื่อนสาวคนสนิท ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เอ่ยถามออกมา เมื่อเพื่อนรักส่งเสียงทักทาย“แป้ง แกโทรมาพอดีเลย ฉันมีเรื่องกลุ้มใจมาก อยากหาที่ปรึกษาพอดี” ฟ้าใสผุดตัวนั่งหลังจากที่นอนหลับตาในอ่างอาบน้ำเพื่อคิดหาทางออกจากเรื่องนั้น“แกเป็นอะไร ยัยฟ้าใส ทำไมเสียงดูร้อนรนแ
“โอเคครับแม่ ผมยอมแล้ว แม่อย่าร้องไห้เลยครับ” ชายหนุ่มพูดขึ้นมาหลังถอนหายใจครู่ใหญ่ ทำอย่างไรได้ แม่เล่นมาแนวนี้ ถ้าหากเขายังดื้อดึง มีหวังได้คุยกันยาว แถมแม่ต้องร้องไห้มากกว่านี้แน่ ถึงจะรู้ว่าอะไรคืออะไรก็ตาม“ว่าแต่คนที่ผมจะแต่งงานด้วย ชื่ออะไรครับ แล้วเป็นเพื่อนแม่คนไหนครับ”แม่เมื่อได้ฟังสิ่งที่อยากได้ยินแล้วนั้น ก็ตาเป็นประกาย ยิ้มกว้าง พร้อมทั้งเอ่ยสาธยายลูกสาวเพื่อนในทันที “เขาชื่อฟ้าใสจ๊ะ สวย น่ารัก แถมเก่งอีกต่างหาก เขาทำงานเป็นนักออกแบบโฆษณาอยู่ที่บริษัท CTM บริษัทในเครือเราเองจ๊ะ แต่หนูฟ้าใสเค้าไม่รู้นะ ว่าแม่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ เป็นลูกของน้าอัญชลีไงจ๊ะ ตอนเด็กๆ เราก็เคยเจอกันบ่อยๆ”“ผมพอจำน้าอัญชลีได้ครับ เมื่อก่อนครอบครัวเรากับครอบครัวน้านัดเจอกันบ่อยๆ แต่ฟ้าใสผมไม่เจอตั้งแต่เค้าอายุ 12 แล้วนี่ครับ”“อ๋อ มินท์จำได้แล้วค่ะ พี่ฟ้าใส ที่ชอบผูกเปียสองข้าง แล้วพี่กรณ์ชอบแกล้งเค้าบ่อยๆ เจอกันทีไร พี่เขาร้องไห้กลับไปทุกที พอขึ้น ป. 4 หนูก็ไม่เห็นพี่เขามากับคุณแม่เขาอีกเลย”“คุณน้าบอกว่าชวนมาแล้วฟ้าใสเขาไม่ยอมมาด้วยจ๊ะ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น” คุณหญิงนั่งนึกถึงเรื่องเก่าๆ พร้อมขมว
ฟ้าใสยังคงรู้สึกสับสนหลังจากกลับมาจากบ้านแม่ เธอพยายามทำใจให้สงบ แต่ความคิดต่าง ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ตอนนี้เธอต้องเผชิญกับความจริงที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน นั่นคือเธออาจจะต้องแต่งงานกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จักมาก่อน "เราอยู่สมัยไหนกันแล้วเนี่ย ไม่มีทางแน่นอน มันจะต้องไม่เกิดขึ้น"หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ณ คฤหาสน์หรู ขนาด 100 ไร่ ใจกลางกรุงเทพฯ คุณหญิงอรพินท์ ธนเกียรติ์โภคิน ประธานบริษัท TK กรุ๊ป บริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีในประเทศ และมีธุรกิจในเครืออีก 10 กว่าแห่ง มีลูกสองคน ปกรณ์ และมินตรา ธนเกียรติ์โภคิน สามีเพิ่งเสียไปเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว นั่งชะเง้อคอยใครสักคนอยู่ที่ห้องโถงกลางบ้าน สายตาคอยจับจ้องไปที่ประตูอยู่ตลอดเวลาบรืนนนนนน เอี๊ยดดดดดด“ตากรณ์” คุณหญิงร้องเรียกขึ้นมาทันที โดยที่ยังไม่ได้เห็นเลยว่าผู้ที่มาคือใครตึก ตึก ตึก“มาแล้วค่ะ คุณแม่ ลูกชายสุดที่รักของคุณแม่กลับมาแล้วค่ะ” เสียงใสดังขึ้นมา พร้อมร่างเพรียวบางราวนางแบบ เดินเคียงข้างควงแขนมากับชายหนุ่มหล่อสูงโปร่ง ผิวขาวละเอียด และดวงตาคม เข้ามาที่ห้องโถงกลางบ้าน ที่คุณหญิงนั่งรออยู่ หญิงสาวเข้ามาสวมกอดคนเป็นแม่พร้อมยิ้ม
ฟ้าใสนั่งอยู่ในห้องทำงานเล็กๆ ของเธอที่บริษัทโฆษณาชื่อดังในกรุงเทพฯ เธอกำลังจดจ่อกับงานออกแบบโปสเตอร์สำหรับลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องส่งในวันพรุ่งนี้ ขณะที่เธอกำลังวุ่นวายกับการหามุมที่ลงตัว เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ทำให้ฟ้าใสสะดุ้งเล็กน้อย เธอคว้ามันขึ้นมาดูชื่อที่แสดงบนหน้าจอ"แม่?" ฟ้าใสพึมพำกับตัวเองด้วยความแปลกใจ แม่ไม่ค่อยโทรหาช่วงเวลางาน ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ"สวัสดีค่ะ แม่ มีอะไรเหรอคะ?" ฟ้าใสถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเสียงของแม่ดังขึ้นที่ปลายสาย แต่กลับไม่ใช่เสียงที่ฟ้าใสคุ้นเคยที่มักจะใจดีและร่าเริง แต่เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล “ฟ้าใส ลูกต้องกลับบ้านด่วนเลยจ้ะ มีเรื่องสำคัญมากที่แม่ต้องบอก”ฟ้าใสขมวดคิ้ว “เรื่องอะไรคะ แม่? เล่าให้ฟ้าฟังทางโทรศัพท์ก็ได้นี่คะ”“ไม่ได้จ้ะ มันเป็นเรื่องที่พูดทางโทรศัพท์ไม่ได้ ลูกต้องกลับมาจริงๆ” แม่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยอมให้ปฏิเสธฟ้าใสถอนหายใจเบาๆ แม้เธอจะมีงานที่ต้องทำ แต่เมื่อแม่พูดเช่นนี้ เธอรู้ว่ามันต้องเป็นเรื่องที่เธอไม่ควรเมินเฉย “ได้ค่ะ ฟ้าจะรีบกลับไป”หลังจากวางสาย ฟ้าใสรีบเก็บของและขอตัวออกจากออฟฟิศ เธอรู้สึกไม่สบายใจเพราะ