ในขณะเดียวกัน ในห้องเปลี่ยนชุดผู้ชาย ปกรณ์ได้ยินทุกอย่างที่นีน่าพูด เขาได้แต่ส่ายหัวให้กับความเอาแต่ใจและไม่ยอมแพ้ของนีน่า ถึงนีน่าจะเป็นคนที่เขาเคยรัก แต่เขาไม่คิดจะกลับไปหาหญิงสาวแน่นอน เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ แล้วยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าหญิงสาวอีกครั้ง จึงรีบทำการเปลี่ยนชุดเพื่อพาคู่หมั้นสาวไปหาแม่ที่งานเลี้ยงให้เร็วที่สุด
“กรณ์คะ เย็นนี้นีน่าก็ต้องไปงานเลี้ยงที่เดียวกับกรณ์ นีน่าขอไปด้วยคนนะคะ”
เสียงดังมาก่อนตัว เมื่อหญิงสาวเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว รีบออกมาหาเพื่อให้ชายหนุ่มยลโฉมตัวเองว่าสวยกว่าผู้หญิงอีกคนมากแค่ไหน แต่กลับพบกับความว่างเปล่า
“เอ่อ คุณนีน่าคะ คุณปกรณ์กับคุณฟ้าใสออกไปกันสักพักแล้วคะ” ขวัญรีบวิ่งเข้ามาแจ้งเมื่อเห็นหญิงสาวเดินดุ่มมาที่ห้องวีไอพี พร้อมกับร้องเรียกหาฝ่ายชาย
“ชิ หนีได้ก็หนีไป ยังไงวันนี้ก็เจอกันอยู่ดี” หญิงสาวพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วพยายามสะกดอารมณ์ตัวเองไม่ให้วีนหวี่ยงไปมากกว่านี้ เพราะยังต้องรักษาภาพพจน์ตัวเองต่อหน้าคนอื่น
................................................................................................
ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน“เราก็ยังไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี เราบอกลูกทั้งสองก่อนดีมั้ย” อัญชลีกลัวฟ้าใสจะโกรธ เธอรู้นิสัยลูกสาวของเธอดี หากอยากให้ฟ้าใสทำอะไร ต้องบอกล่วงหน้าเพื่อให้หญิงสาวได้มีโอกาสเตรียมตัว หรือวางแผน แต่ถ้าเป็นอะไรที่กะทันหัน จะทำให้ฟ้าใสหงุดหงิดและโกรธเป็นอย่างมาก ซึ่งอัญชลีไม่อยากให้ลูกสาวโกรธเธอเลย“เชื่อเราเถอะอัญ พวกเราทำเพื่อลูก ๆ ของเรานะ” อรพินท์พอจะเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนรัก เธอเองก็มีความกังวลว่าเจ้าลูกชายตัวแสบจะโกรธเช่นเดียวกัน แต่มันไม่มีทางเลือกจริง ๆ ไม่งั้นเชื่อว่าทั้งสองคนไม่มีโอกาสได้เรียนรู้กันแน่นอน“คุณแม่ คุณป้าคะ ได้เวลาแล้วคะ เราออกไปต้อนรับแขกเถอะคะ แล้วเหมือนพี่กรณ์กับพี่ฟ้าใสจะมากันแล้วนะคะ เห็นคนข้างล่างแจ้งมาคะ” มิ้นท์ส่งเสียงเรียกแม่กับน้าที่เธอเคารพให้ออกไปข้างนอก หลังจากวางสายจากคนจัดงานว่าเห็นพระเอกกับนางเอกของงานกำลังขึ้นมาที่ห้องจัดเลี้ยงแล้ว“ไปกัน อัญ เราทำเพื่อพวกเขา ถ้าพวกเขาจะโกรธ ก็ให้มันรู้ไป” คุณหญิงอรพินท์ลุกขึ้นจากโซฟาหลุยส์ และดึงอัญชลีเพื่อนรักให้ลุกขึ้นแล้วจูงมือลูกสาวเดินออกจากห้
ทั้งสองกำลังคุยกับลูกค้ารายใหญ่อย่างออกรสชาติ ด้วยภรรยาของลูกค้ารายนั้นเคยทำงานออกแบบโฆษณาเมื่อนานมาแล้ว เมื่อเจอรุ่นน้องที่ทำงานสายงานเดียวกันเลยถือโอกาสอัพเดทเทรนด์กันนีน่าที่เห็นคนที่ตัวเองหมายปองแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ จริง ๆ แล้วงานเลี้ยงนี้ ต้องเป็นคุณทวี เจ้านายและคู่นอนลับ ๆ ของเธอมากับภรรยา แต่เธออยากมาเพราะรู้ว่าจะได้เจอกับปกรณ์ ชายผู้ที่เธอทิ้งไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ถ้ารู้ว่าเขาจะได้เป็นประธานบริษัท เธอจะไม่มีวันทิ้งเขาไปหาเพื่อนเขาแน่นอน เธอจึงวางแผนให้ทวีพาเธอมาออกงานแทนภรรยา และเมื่อใกล้ถึงเวลาที่ต้องมารับเธอ นีน่าก็จัดการส่งข้อความจากผู้หวังดีไปให้ภรรยาของทวีที่บ้าน ทำให้ภรรยาโทรมาเม้งกับเจ้านายของเธอ สุดท้ายทวีจึงจำต้องให้เธอมาออกงานคนเดียว และเป็นตัวแทนบริษัทแทนเขาที่ต้องไปง้อภรรยาที่บ้าน ซึ่งก็เป็นไปตามแผนที่เธอต้องการนีน่ารีบเดินเข้าไปหาปกรณ์ พร้อมกับคล้องแขนปกรณ์แล้วซบหน้าไปอย่างออดอ้อน ซึ่งทำให้แขนของฟ้าใสหลุดจากแขนของชายหนุ่มในทันที ทุกคนหยุดคุยและหันไปมองหญิงสาวมาใหม่อย่างงง“สวัสดีคะ กรณ์ เราเจอกันอีกแล้วนะคะ อุ้ย ขอโทษคะ พอดีนีน่ามัวแต่ด
เมื่อประโยคนั้นจบ เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วห้องจัดเลี้ยง คุณหญิงยิ้มแย้มยกแก้วไวน์ขึ้นชู แล้วร้อง“ไชโย ไชโย ไชโย ขอให้ทุกคนสนุกไปกับงานเลี้ยงวันนี้ค่ะ” แล้วทุกคนก็เดินลงจากเวที ยกเว้น สองสาวและหนึ่งหนุ่มบนเวทีฟ้าใสและปกรณ์มองหน้ากันอย่างมึนงง ทั้งสองคิดว่า คุณหญิงจะแค่แนะนำตัวทั้งสองว่าเป็นคู่หมั้นกัน กับแขกเหรื่อแค่ไม่กี่คนเท่านั้น เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น คนรู้อาจจะไม่ได้เยอะเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นการประกาศหมั้นนั่นหมายถึงไม่ใช่แค่แขกในงาน รวมถึงนักข่าวทั้งหลายก็ต้องรู้ด้วย เรื่องมันจะไม่ได้เล็กอย่างที่ควรจะเป็น แล้วถ้าทั้งสองยกเลิกการหมั้นหมายหละ.....แค่คิดก็แต่สำหรับนีน่า เสียงที่คุณหญิงประกาศเหมือนมีดมากรีดกลางใจหญิงสาวเมื่อสามปีก่อนเธอทำผิดกับชายหนุ่ม เพราะปกรณ์นั้นเป็นสุภาพบุรุษเกินไป ถึงแม้ว่าที่บ้านจะฐานะดี แต่ก็ต้องเชื่อฟังคุณพ่อของเค้ามาก ในขณะที่เพื่อนของเค้า ‘กฤษ’ หนุ่มเจ้าเสน่ห์ ฐานะทางบ้านไม่แพ้ปกรณ์ และยังคอยแอบเล่นหูเล่นตากับคอยเอาใจนีน่าตลอดเวลา เมื่อนานวันเข้า นีน่าก็รู้สึกว่าปกรณ์น่าเบื่อ จึงเผลอไผลไปกับสิ่งที่กฤษปรนเปรอให้ ถึงขั้นมีสัมพันธ์ลึ
“แต่วันนี้ นีน่ามาในนามบริษัทคุณทวีนะครับ แล้วเราก็เป็นแค่เพื่อนกัน” ปกรณ์รีบอธิบายให้แม่ได้เข้าใจ“ถึงอย่างนั้น ลูกก็ไม่ควรจะให้ผู้หญิงอื่นมาจับมืออยู่ดี อย่าลืมว่าวันนี้ลูกมากับหนูฟ้า แล้วคนอื่นจะมองหนูฟ้ายังไง ไหนลูกเพิ่งจะรับตำแหน่ง ลูกอยากมีชื่อเสียงว่าเป็นประธานบริษัทที่เจ้าชู้เหรอ แล้วลูกคิดว่าความเชื่อมั่นจะยังคงอยู่มั้ย” คุณหญิงอรพินท์ร่ายยาว“เอ่อ คุณน้าคะ หนูไม่เป็นไรค่ะ” ฟ้าใสพยายามแก้ตัวช่วยชายหนุ่ม“ไม่เป็นไรได้อย่างไร ยังไงเราก็เป็นผู้หญิง มากับคนนึง เดินจับมือกับอีกคนนึง คิดว่าคนอื่นเขาจะมองพวกเธอสามคนดีนักเหรอ” คุณหญิงยังคงไม่ยอมแต่น้ำเสียงก็ไม่ได้เกรี้ยวกราดอย่างที่ตอบกับลูกชาย“ผมเข้าใจแล้วครับ ผมขอโทษครับแม่” ปกรณ์จึงต้องยอมรับความผิดไป ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง“รู้ว่าผิดก็แก้ไขนะกรณ์ อย่าทำให้แม่ผิดหวัง เอาหละ เราต้องกลับเข้างานแล้วหละ แขกรอเราอยู่” คุณหญิงตัดบทอีกครั้ง เพราะทั้งครอบครัวออกจากงานเลี้ยงมานานพอสมควรแล้ว ไม่ควรปล่อยแขกให้รอ คิดว่าคงมีหลายคนอยากเข
หลังจากออกจากห้องทำงานของคุณสาธิต ฟ้าใสเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างเหนื่อยอ่อน พร้อมคิดหนักอย่างไม่เข้าใจว่าเรื่องมันเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้อย่างไร ขณะที่ทำธุระส่วนตัวอยู่นั้น ได้มีเสียงเปิดประตูพร้อมกับเสียงผู้หญิงสองคนพูดขึ้นมา“นี่ อ่านข่าวหรือยัง เรื่องของนักออกแบบคนเก่งของเราอะ”“อ่านแล้วสิ ข่าวดังมากนะ ฝ่ายชายเป็นถึงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเราเลย อิจฉาจัง”“อิจฉาอะไร ขี้โกงหละสิ หึ มิน่า ที่ผ่านมาหัวหน้าคอยแต่ป้อนงานดีๆ ให้แต่ยัยคนนั้นตลอด เห็นว่ามีคุยกันเรื่องเลื่อนขั้นสิ้นปีด้วยนะ ที่แท้ได้มาเพราะเป็นเด็กเส้นนี่เอง น่ารังเกียจจริงๆ”“แต่เขาก็เก่งจริงๆ นะ เคยเห็นผลงานออกแบบหลายงาน สวยมาก และดูทันสมัย ลูกค้าก็ชื่นชมกันตลอด ไปขายงานไหนไม่ค่อยโดนตีกลับมาเลย”“ยัยน้อง เธอนี่นะ อ่อนต่อโลกจริงๆ หัวหน้าก็คงคัดงานให้เธอแล้วนะสิ เอาแต่งานง่ายๆ งานครีมๆ ให้หล่อน เพื่อให้ประวัติการทำงานของหล่อนดูสวยอย่างไรหล่ะ ถ้าพูดถึงความเก่ง เราว่านะพีทยังเก่งกว่าอีก”“พีท เด็กรุ่นน้องคนนั้นอะน
ปกรณ์ได้ฟังก็งง ว่ารักสามเส้าคืออะไร ไม่รอให้พี่ชายถาม มิ้นท์รีบยื่นมือถือไปให้กับชายเพื่อให้เห็นข่าวซุบซิบระหว่างเขาสามคน และมีคนเริ่มขุดคุ้ยประวัติแต่ละคนออกมา“เฮ้ย ทำไมเป็นแบบนี้” ปกรณ์อ่านแล้วก็งุนงงเป็นอย่างมาก เรื่องอดีตของนีน่ากับเขา และเรื่องที่เขาถูกบังคับหมั้น ทำไมถึงหลุดออกไปได้ เนื้อหาข่าวราวกับหลุดออกไปจากคนในเลยทีเดียว ปกรณ์มีสีหน้าเคร่งขรึม ตาคู่สวยเริ่มมืดลงอย่างเห็นได้ชัด“เจมส์ไปสืบมาว่าใครให้ข่าวพวกนี้ และจัดการเคลียร์ข่าวกอสซิปพวกนี้ให้หมดภายในวันนี้” ชายหนุ่มสั่งคนสนิทให้ไปจัดการด้วยเสียงอันเยือกเย็น มิ้นท์ได้ฟังก็รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก“ครับนาย” เมื่อเห็นหน้าเจ้านาย วินาทีนี้ รู้ว่าไม่มีเวลาเล่นลิ้นกับน้องสาวเจ้านายก่อนออกไปทำงานแน่ จึงรีบขอตัวออกไปจัดการทันที“คุณแม่รู้หรือยัง” หันหน้ามาถามน้องสาว นึกเป็นห่วงแม่ของตัวเอง กลัวจะเครียดจนสุขภาพย่ำแย่“ยังเลย ไม่งั้นคงโทรมาบ่นพี่หูชาแน่ แล้วพี่ไม่โทรไปหาพี่ฟ้าหน่อยเหรอ ไม่รู้ทางนั้นจะโดนอะไรบ้าง”“อืม แม
“ฮือ นีน่าจะทำยังไงดีค่ะ กรณ์” เสียงหญิงสาวในสายดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นชายหนุ่มยังคงเงียบอยู่“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน” ชายหนุ่มถามออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง“นีน่าอยู่ที่บริษัทค่ะ เขาให้นีน่าพักงานสามเดือนหรือจนกว่าข่าวลือจะเงียบลง มีผลทันที ฮือ นีน่าอายผู้คน นีน่าอยากตายค่ะ” เสียงหญิงสาวยิ่งร้องไห้หนัก ฟังดูน่าสงสารอย่างมาก“งั้นคุณจะให้ผมช่วยคุณยังไงดี”“เอ่อ คุณมารับนีน่าที่บริษัทฯ ได้หรือเปล่าค่ะ” นีน่านึกในใจ แค่นี้ก็ต้องถามเหรอไง ไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา ทำไมยังซื่อบื้อเหมือนเดิมเนี่ย“ผมคิดว่ามันไม่เหมาะนะ เพราะข่าวเพิ่งออกมา แล้วคุณจะให้ผมไปรับคุณที่บริษัทอีก จะยิ่งตอกย้ำเรื่องข่าวลือไปอีกหรือเปล่า เอาอย่างนี้ เดี๋ยวผมให้คนของผมไปรับคุณไปส่งที่บ้านแล้วกันนะ” ว่าแล้วปกรณ์ก็วางหูไปทันที“กรณ์ค่ะ กรณ์ กรณ์ โธ่เว้ย ทำตัวน่าเบื่อเหมือนเดิมจริงๆ ถ้าไม่เห็นว่าเป็นประธานบริษัทใหญ่ พ่อตาย แล้วหละก็ ฮึ่ม” เสียงสบถของนีน่าดังขึ้นเมื่อเห็นว่าฝ่ายชายวางหูไปอย่างไม่
หลังจากน้องสาวออกไป ปกรณ์โทรหาฟ้าใส ไม่นานหญิงสาวก็รับสาย“สวัสดีค่ะ ฟ้าใสพูดค่ะ”“ผมปกรณ์นะครับ” ‘เสียงหวานเชียวนะ’ ปกรณ์คิดในใจ“นาย! นายโทรมาทำไม” เสียงหวานเปลี่ยนเป็นเสียงขุ่นขึ้นมาทันที“โห เปลี่ยนเสียงเชียวนะครับ คู่หมั้นโทรหาไม่ได้เหรอครับ” ชายหนุ่มยังคงความกวนอย่างคงเส้นคงวา“นายนี่มัน ยังไม่สำนึกใช่มั้ยว่าทำให้ชีวิตฉันต้องยุ่งยากขนาดไหน” หญิงสาวตะโกนออกมาอย่างเหลืออด ท้ายประโยคมีอาการสั่นเครือเล็กน้อย แต่ก็พยายามสะกดกลั้นไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา กับความกดดันที่เจอตั้งแต่ข่าวออกเมื่อเช้า“เอ่อ...คุณเป็นอย่างไรบ้าง ผมเห็นข่าวแล้ว ก็เลยเป็นห่วงว่าคุณโอเคมั้ย” ประธานหนุ่มยอมละทิ้งความกวนลง พูดเสียงอ่อนลงอย่างรู้สึกผิด“เป็นอย่างไรเหรอ ก็แค่โดนเจ้านายเรียกเข้าไปบอกว่าตำแหน่งงานที่ต้องการจะเลื่อนขั้นอาจจะเป็นไปไม่ได้ ก็แค่โดนเพื่อนร่วมงานนินทาว่ามีคนหนุนหลังเลยได้แต่งานดีๆ นายรู้มั้ย สิ่งที่ฉันพยายามอย่างมากมายเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนชีวิตขอ
“ทำอะไรกันนะ”เสียงทุ้มดังขึ้นมา ทำให้ทั้งสองสะดุ้งทันที ฟ้าใสหันมาเจอกับปกรณ์ที่มีสีหน้าทะมึงถึงพร้อมกับสายตาของเขาที่จ้องไปที่มือทั้งสองที่ยังคงจับกันอยู่ ในขณะที่พีทก้มหัวทักทายปกรณ์เล็กน้อย แต่เมื่อมองตามสายตาของปกรณ์ไปก็ตกใจรีบปล่อยมือตัวเองออกจากแฟนสาวของท่านประธานทันที“ตกใจหมดเลยกรณ์ ทำไมต้องเสียงดังด้วย เบาหน่อยสิค่ะ เดี๋ยวเรื่องก็แตกหรอก” ฟ้าใสบ่นไปยังแฟนตัวเอง แล้วยกนิ้วชี้ปิดที่ปากของตัวเอง พร้อมกับส่งเสียง จุ๊ ๆ พลางมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นออยออกมาจากห้องก็ถอนหายใจออกมา แล้วหันไปทำตางอนๆ ใส่แฟนตัวเอง“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้ แล้วนี่ทำอะไรกัน ทำไมมาอยู่กันสองคน พร้อมจับไม้จับมือกันอยู่ ไม่อยากให้คนเข้าใจผิดก็ไม่ควรทำ” ปกรณ์เอ่ยออกมาอย่างตำหนิ น่าหยิกแฟนตัวเองดีนัก“ขอโทษครับ พอดีผมตื่นเต้นและดีใจเกินไปหน่อย” พีทขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้ทั้งสองคนตรงหน้ากำลังเข้าใจผิดซึ่งกันและกันปกรณ์เหลือบมองฝ่ายชายอย่างไม่ค่อยใส่ใจ ถึงแม้เขาพอจะรู้แล้วว่าเพื่อนคนนี้ของแฟนสาวมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็เคยช
“ฟ้ารู้ใช่มั้ยว่าพีทรักฟ้า” พีทไม่ตอบคำถามหญิงสาว แต่กลับถามกลับไปแทน“ฟ้าไม่รู้ เพิ่งรู้วันนั้นแหล่ะ แต่วันนี้ฟ้าจะพูดให้ชัด ฟ้าไม่ได้มองพีทเป็นอย่างอื่น นอกจากเพื่อน” เสียงหญิงสาวอ่อนลงแต่หนักแน่นเพื่อให้เพื่อนของตัวเองรู้ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน“หึหึ พีทรู้อยู่แล้วหล่ะ พีทผิดเองที่พึ่งรู้ใจตัวเอง เมื่อมันสายไป แต่เราสองคนยังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย” พีทหันไปจ้องที่หญิงสาวที่ตัวเองหลงรักมานานหลายปี“ได้สิ ถ้าพีทไม่คิดกับเราเกินเพื่อนเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม” ฟ้าใสยิ้มบางๆ ให้กับคนตรงหน้า“อืม” พีทฝีนยิ้มออกมา เขาต้องทำให้ได้เพราะตอนนี้เขามีอีกสองชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ“แล้วออยหล่ะ พีทจะทำยังไง” ฟ้าใสถามออกมาอีกครั้ง“พีทจะรับผิดชอบออยกับลูก พีทว่าพีทก็เริ่ม...” พีทยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงแหบแห้งพูดออกมา“ไม่ต้อง ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เราไม่ใช่ตัวสำรองของใคร” เสียงออยดังขึ้นมา จริงๆ แล้วหญิงสาวรู้สึกตัวตั้งแต่ไ
“แล้วแกไม่โกรธมันเหรอ” ออยถามหยั่งเชิงนิดๆ อยากรู้ว่าเพื่อนรักรู้สึกอะไรกับนายนั่นหรือเปล่า“อืม จะพูดยังไงดีหล่ะ รู้นะว่ามันเมา มันไม่ได้ตั้งใจ แต่แค่ไม่คิดว่ามันจะคิดกับฉันแบบนั้น”“แกไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลยเหรอ” ออยถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง“ไม่ได้คิดอะไรเลย คิดเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น อีกอย่าง...”“อีกอย่างอะไร” เสียงอยากรู้ออกมาทันที จนฟ้าใสนึกเอ็นดูเพื่อน“อีกอย่างตอนนี้ฉันกับคุณกรณ์ก็ตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้ว”“หา! ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายอมบอกรักแกแล้วเหรอ”“อืม เมื่ออาทิตย์ที่แล้วหล่ะ” ฟ้าใสตอบไปด้วยมีริ้วแดงขึ้นบนหน้าไปด้วย แสดงออกถึงความเขินอายเล็กน้อย“เฮ้ย ยินดีด้วยนะ” ออยจับมือฟ้าใสขึ้นมาแล้วยิ้มออกมาอย่างจริงใจ“ว่าแต่แกยังไม่บอกเลย ว่าโกรธอะไรกับมัน”“เอ่อ มีเรื่องทะเลาะกับมันนิดหน่อย ตอนนี้ยังไม่อยากคุยกับมัน ฟ้าอย่าสนใจเลย เดี๋ยวพออะไรๆ ดีขึ้น เรากับมันก็คุยกันเ
“ฟ้า ทบทวนเรื่องของเราสองคนอีกรอบได้มั้ย”ฟ้าใสหันไปมองหน้าชายหนุ่มอย่างงุนงง ทบทวนอะไรเหรอ“ทบทวนเรื่องความรู้สึกของเราสองคนไงหล่ะ เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้กรณ์ไม่อยากรอถึงสองปีแล้ว ถ้าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับฟ้า กรณ์คงอยู่ไม่ได้แน่ๆ กรณ์อยากจะสามารถปกป้องฟ้าได้อย่างเต็มที่ ฟ้าเป็นแฟนกับกรณ์นะ”พูดจบก็ยิ่งกระชับไหล่ที่โอบไว้แน่นขึ้นร่างบางเมื่อได้ยินร่างสูงพูดความในใจออกมาก็เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ หากเมื่อคืน เธอโดนพีทล่วงเกิน แม้จะแค่จูบ เธอก็คงจะรู้สึกกับเขาเช่นกันตอนนี้เธอค่อนข้างจะมั่นใจตัวเองแล้วว่าเธอรักเขามากจริงๆ แต่เขาหล่ะ“กรณ์แน่ใจแล้วเหรอว่า กรณ์รักฟ้า ไม่ใช่แค่ความใกล้ชิด”ร่างหนาพยักหน้าอย่างแรงจนเธอนึกเอ็นดู“จริง ตอนนี้กรณ์รู้ใจตัวเองแล้ว ว่ากรณ์รักฟ้า กรณ์ไม่อาจเสียฟ้าไปได้ เราแต่งงานกันนะฟ้า”เพี๊ยะ เสียงตีดังขึ้น พร้อมกับรอยแดงที่แขน แต่แปลก หน้าคนตีก็แดงด้วย“เร็วไปแล้วค่ะ เป็นแฟนกันก่อนก็พอ”“อ้าวเหรอ ก็อยากข้ามขั้นอ
“มึง ไอ้พีท”พีทโดนกระชากออกจากตัวฟ้าใสทันที ปกรณ์ตามเข้าไปต่อยชายหนุ่มที่บังอาจทำกับคนของเขาแบบนั้น ส่วนฟ้าใสก็ตัวสั่นอยู่ภายในอ้อมกอดของแป้ง โดยมีมิ้นท์ยืนอยู่ข้างๆออยวิ่งเข้ามาดูเป็นคนสุดท้ายเพราะออกไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียงมา เมื่อเห็นเพื่อนโดนปกรณ์ทั้งต่อย ทั้งเตะ และมองไปเห็นฟ้าใสตัวสั่นด้วยความกลัว ก็พอจะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออยเดินเข้าไปหาฟ้าใสแล้วถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“ฟ้า เป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น”เหมือนฟ้าจะได้สติขึ้นมา จึงรีบเดินเข้าไปจับมือปกรณ์ที่กำลังง้างเพื่อต่อยเขาอีก“พอเถอะกรณ์ พีทไม่ได้ตั้งใจหรอก เขาเมาหนะ” ฟ้าพูดด้วยเสียงที่สั่นเทาปกรณ์หันหน้ามาหาหญิงสาวแล้วโอบกอดเธอไว้ พร้อมมองไปที่ร่างของชายหนุ่มที่นอนกองอยู่กับพื้น ไม่ถึงกับสลบแต่ก็น่าหายเมาพอสมควร“ยังจะไปแก้ตัวแทนมันอีก” ปกรณ์ดันหัวฟ้าเข้าหาตัวเอง แล้วพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเช่นกัน เขาคิดไม่ออกว่าถ้าหญิงสาวเป็นอะไรไป เขาจะทำยังไงพีทเมื่อเริ่มได้สติ หันไปเห็นคนที่ตัวเองแอบรักมาหลายปี มีอา
ฟ้าใสรีบเดินออกมาจากห้องครัวอย่างเร็วเพื่อเดินไปเปิดประตูทันทีแกร๊ก“สวัสดีพี่ฟ้าใส” เสียงใสดังขึ้นหน้าประตูทันที“สวัสดีจ๊ะ น้องมิ้นท์ คุณเจมส์” ฟ้าใสยิ้มทักทายทั้งสองคนมิ้นท์ชูของขวัญให้กับว่าที่พี่สะใภ้ หันไปส่งให้เจมส์เป็นคนถือ จากนั้น ก็รีบควงแขนพี่สะใภ้คนโปรดเข้าไปในห้องทันที“อ้าวสวัสดีค่ะ พี่กรณ์ และก็พี่ๆ ทุกคนค่ะ”มิ้นท์ทักทายทุกคนอย่างไม่ถือตัว“เอาหละค่ะ ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว งั้นเราเริ่มตั้งหม้อเลยมั้ย” ฟ้าใสยิ้มบอกกับทุกคน“เย้ เอาเลย หิวแล้ว” ทุกคนเอ่ยพร้อมกันฟ้าใสรีบเข้าไปในครัวเพื่อจัดการเทน้ำซุปที่ต้มไว้แล้ว เมื่อกำลังจะยก ปกรณ์รีบมาช่วยยกแทนหญิงสาวเอง แต่ก่อนเดินออกไปก็แอบหอมแก้มร่างบางตอนเผลอแล้ววิ่งออกไปทันทีฟ้าใสยืนจับแก้มตัวเอง แต่ก็แอบอมยิ้มเขินๆ ไปด้วยปกรณ์เมื่อยกเตาชาบูมาวางบนโต๊ะกินข้าว ก็เดินเข้าไปเตะขาเพื่อนสนิท กับมือขวาตัวเอง ที่นั่งอยู่บนโซฟาเล่นโทรศัพท์อยู่“เฮ้ย อยากกินก็ไปช่วยกันดิ”
เมื่อเข้ามาที่โต๊ะอาหาร ก็เห็นอาหารวางอยู่บนโต๊ะหลายอย่าง“อ๋อ ที่ทำเป็นงอนกลับห้องเนี่ย แอบไปสั่งอาหารเนี่ยเอง กลิ่นหอมจัง” ฟ้าใสยิ้มตาหยี ถูมือไปมา อยากกระโจนเข้าหาอาหารเต็มที่แล้ว เข้าเช้ามีแค่โจ๊กรองท้องไปเอง“หิวก็กินสิ ผมไม่ใช่คนใจร้ายแบบใครบางคนหรอก เวลาผมทำอะไรก็คิดถึงฟ้าตลอดแหละ” ว่าแล้วก็เดินหน้าตึงไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามทันที พร้อมกับยื่นอาหารซึ่งเป็นของโปรดของฟ้าใสออกมาฟ้าใสยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี ก็เลยเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ ร่างสูงปกรณ์เงยมองฟ้าใส ยกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยว่ามายืนทำอะไรยังไม่ทันได้ตั้งตัว ฟ้าใสก็ก้มลงหอมแก้มชายหนุ่มไปหนึ่งฟอดทันที แล้วรีบเดินกลับไปนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม พร้อมทั้งกับดึงอาหารจานโปรดมากินอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าหูกับแก้มมีสีแดงเรื่อๆ ออกมาเล็กน้อยส่วนปกรณ์เมื่อรู้ว่าโดนจู่โจม ก็ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีทันที แล้วนั่งทานข้าวอย่างมีความสุขเมื่อทานกันเสร็จแล้ว ปกรณ์ก็เลยอาสาเดินไปกับถือของให้กับฟ้าใสเพื่อเตรียมสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้เมื่อซื้อของเสร
ฟ้าหันหาเพื่อนทันที ทำหน้างงๆ“ใครนะ พีทนะเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า ออยคิดอะไรเนี่ย”เมื่อได้ยินที่เพื่อนรักถามออกมา ก็หัวเราะออกมาอย่างหนัก“ขำอะไรอะ ก็เห็นนายนั่นเข้ามาหาแกมากขึ้น เห็นหลายๆ คนเริ่มพูดถึงเรื่องนี้กันด้วย ก็เลยมาถามแกก่อนไง ว่าแต่ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”ออยมีสีหน้าอยากรู้อยากเห็นมากจริงๆ ฟ้าใสมองอย่างนั้นก็อมยิ้ม ส่ายหัวไปมา“ไม่มีอะไรหรอก จำไม่ได้เหรอ เมื่ออาทิตย์ก่อนที่ฉันขอไปนอนห้องแกแล้วแกไม่อยู่ห้อง หลังจากนั้นแกก็เอาเบอร์พีทมาให้ไงหล่ะ”“อ๋อ จำได้แล้ว และสรุปวันนั้นแกไปนอนที่ไหนอะ พีทมันหาที่ให้แกนอนเหรอ”ฟ้าใสนิ่งสักพักก่อนจะพยักหน้า ไม่แน่ใจว่าควรจะบอกเพื่อนดีมั้ย ว่าไปนอนห้องชายหนุ่มแต่นึกถึงที่เพื่อนไม่อยู่ห้องก็ยังอุตส่าห์พยายามหาคนมาช่วยเหลือก็เลยยอมเล่าความจริงให้เพื่อนฟัง“อืม นอนห้องมันหนะ”ออยพยักหน้าแล้วยิ้ม แต่พอนึกได้ว่าเพิ่งได้ยินอะไรก็ทำหน้าตกใจ รีบถามเพื่อนเสียงดังอีกครั้ง“อะไรนะ แกว่าแกไปนอนห้องพีทเหรอ&rdqu
“คุณกรณ์” เสียงฟ้าใสตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออด อะไรจะงี่เง่าขนาดนี้เนี่ย“ไม่เป็นไรฟ้า คุณกรณ์คงไม่ได้ตั้งใจ” พีทเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน“หึ หึ ปกติเห็นแต่ผู้หญิงที่จะทำตัวเสแสร้งแกล้งเป็นคนดี นึกไม่ถึงว่าผู้ชายก็ทำเป็นด้วย”ปกรณ์เอ่ยออกมาอย่างประชดประชันพีทหันมามองหน้าปกรณ์ แล้วยิ้มเยาะออกมา เขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของปกรณ์แม้แต่น้อยผิดกับฟ้าใส ที่รู้สึกว่าวันนี้คู่หมั้นหนุ่มไปกินยาอะไรผิดสำแดงหรือเปล่า ทำไมดูหงุดหงิดแปลกๆ“เอาล่ะ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ถ้าพีทไม่เป็นอะไรแล้ว เราขอตัวกลับก่อนนะ ขอบใจมากนะที่ช่วยเหลือเรา ไว้ไปทานข้าวเที่ยงกันนะ เราเลี้ยงเอง”ฟ้าใสตัดบท เพราะเริ่มรู้สึกปวดหัว ตุบๆ กับทั้งสองคนนี้พีทพยักหน้ารับ “โชคดีฟ้า จำไว้ ถ้ามีปัญหาอะไรเราพร้อมเป็นที่ปรึกษาให้ฟ้าเสมอ”พูดจบก็ยิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์ ไม่วายเหลือบไปยิ้มเหยียดให้กับปกรณ์ที่ยืนถือกระเป๋ามือสั่นอยู่ไม่ไกลฟ้าใสเดินไปขึ้นรถกับปกรณ์ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ส่วนชายหนุ่มนั้น รู้ตัวว่า