รุ่งเช้าในหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบ แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านหน้าต่างไม้เก่าๆ ของบ้านหญิงชรา หลินหลินค่อยๆ ลืมตาขึ้นจากการนอนหลับ เธอรู้สึกถึงความอ่อนเพลียที่บรรเทาลงเล็กน้อยจากการพักผ่อนเมื่อคืน แต่ในใจก็ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปเธอค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นอนและมองออกไปทางหน้าต่าง สายลมอ่อนๆ พัดผ่านต้นไม้รอบๆ หมู่บ้าน ท้องฟ้ากระจ่างใส ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้ไม่เคยมีความวุ่นวาย หลินหลินรู้สึกว่าเวลาที่นี่ดูเหมือนจะเดินช้ากว่าที่อื่น ทำให้เธอมีเวลาทบทวนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่พบกับซาเอบะจนถึงตอนนี้เสียงฝีเท้าของซาเอบะขณะเดินกลับเข้ามาในบ้านเรียกความสนใจของเธอ เขาออกไปสำรวจหมู่บ้านรอบๆ เพื่อดูว่ามีใครที่น่าสงสัยอยู่แถวนี้หรือไม่“ตื่นแล้วเหรอ?” ซาเอบะถามพลางวางข้าวของที่เขาถืออยู่ลงบนโต๊ะ “ฉันออกไปสำรวจรอบๆ หมู่บ้านแล้ว ที่นี่ปลอดภัยดีสำหรับตอนนี้”หลินหลินพยักหน้าอย่างเงียบๆ แม้เธอจะรู้สึกโล่งใจที่ไม่มีอันตรายใกล้เข้ามาในขณะนี้ แต่ความจริงที่ว่าอันตรายยังคงมีอยู่ทุกที่ก็ยังทำให้เธอไม่สบายใจ“เราคงจะพักที่นี่ต่อไปไม่ได้นานนัก” ซาเอบะพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าต่าง “ถึงที่นี่
หลังจากพักผ่อนกันพอสมควรที่ลำธาร หลินหลินและซาเอบะลุกขึ้นและเตรียมตัวออกเดินทางต่อ ทั้งสองรู้ดีว่าจุดหมายต่อไปคือการหาทางกลับไปที่สำนักงานนักสืบของซาเอบะ ซึ่งเป็นที่เดียวที่พวกเขาจะสามารถรวบรวมข้อมูลและเตรียมตัวเผชิญกับศัตรูได้ซาเอบะมองแผนที่ในมือแล้วหันไปพูดกับหลินหลิน “เราต้องเดินตามเส้นทางนี้ไปอีกสักระยะ ถึงจะออกจากป่าได้ แต่ปัญหาคือจากนั้นเราจะต้องหาพาหนะสำหรับเดินทางกลับไปที่เมือง”“แล้วถ้าเราหาไม่ได้ล่ะ?” หลินหลินถามด้วยความกังวล“ถ้าหาไม่ได้ เราก็ต้องใช้เท้าเดินต่อไป” ซาเอบะตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่ก็แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นหลินหลินพยักหน้าแม้จะรู้สึกเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินต่อไป เธอรู้ดีว่าซาเอบะมีเป้าหมายที่ชัดเจน และเธอก็เชื่อมั่นในตัวเขาการเดินทางในป่าผ่านไปอย่างช้าๆ เสียงใบไม้กรอบแกรบใต้ฝีเท้าทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แม้ทั้งสองจะไม่พูดอะไรกันมากนัก แต่ในใจของหลินหลินกลับเต็มไปด้วยคำถามและความรู้สึกหลายอย่างที่เธอไม่สามารถบรรยายได้เมื่อเดินทางผ่านไปจนถึงขอบป่า ซาเอบะหยุดและมองไปข้างหน้า “เรามาถึงถนนแล้ว” เขากล่าวอย่างเบาๆ “ตอนนี้เ
ภายในสำนักงานนักสืบที่เงียบสงบ ซาเอบะและหลินหลินนั่งอยู่ในห้องทำงานเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเอกสารซ้อนกันสูงจนแทบไม่มีพื้นที่วางมือ หลินหลินเหลือบมองไปรอบๆ และสัมผัสถึงความเก่าแก่ของสถานที่นี้ เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่า สำนักงานนักสืบจะดูเรียบง่ายและรกร้างแบบนี้ แต่นี่ก็เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขาในขณะนี้ ซาเอบะนั่งลงที่โต๊ะทำงานและหยิบสมุดจดขึ้นมา เปิดไปหน้าที่เขียนบันทึกการสืบสวนล่าสุด ซึ่งเต็มไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มของโทโมะและกิจการผิดกฎหมายของพวกมัน “เราต้องคิดแผนใหม่เพื่อจัดการกับโทโมะ” ซาเอบะพูดพลางหยิบปากกาและขีดเขียนอะไรลงบนสมุด หลินหลินนั่งอยู่ตรงข้าม ครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอไม่เคยเผชิญกับอันตรายมากขนาดนี้ การถูกตามล่าและการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดทำให้เธอรู้สึกกดดัน แต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็เรียนรู้ที่จะพึ่งพาซาเอบะและเชื่อมั่นในเขา “แล้วแผนที่คุณคิดคืออะไร?” หลินหลินถามขึ้นขณะที่เธอมองซาเอบะที่กำลังวุ่นอยู่กับการวางแผน “พวกมันยังคงไม่รู้ว่าเราซ่อนตัวอยู่ที่นี่ นี่เป็นโอกาสที่เราจะใช้ความเงียบของสถานที่นี้ให้เป็นประโยชน์” ซาเอบะอธิบาย “แผนของเราต
เช้าวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าดูมืดครึ้มเหมือนกับสถานการณ์ที่ซาเอบะและหลินหลินต้องเผชิญ หลินหลินลืมตาตื่นขึ้นมาบนโซฟา สายลมเย็นพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้เธอรู้สึกหนาว เธอหันไปมองซาเอบะที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเหมือนเมื่อคืน เขายังคงตั้งใจตรวจสอบแผนที่และเบาะแสต่างๆ อย่างละเอียดรอบคอบ“นอนไม่หลับเหรอคะ?” หลินหลินถามขณะลุกขึ้นบิดขี้เกียจซาเอบะเงยหน้าขึ้นและยิ้มเล็กน้อย “ฉันเคยชินกับการทำงานแบบนี้แล้ว ไม่ต้องห่วง”หลินหลินพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง แม้ว่าจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับการที่ต้องเดินเท้าเป็นระยะทางไกล แต่เธอก็พร้อมที่จะเดินหน้าต่อทั้งสองคนรวบรวมอุปกรณ์ที่จำเป็นเล็กน้อยเพื่อให้การเดินทางไม่ลำบากมากนัก หลังจากนั้นซาเอบะและหลินหลินก็ออกจากสำนักงานนักสืบอย่างระมัดระวัง โดยไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ท้องถนนในเมืองตอนเช้าค่อนข้างเงียบ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์จากรถที่แล่นผ่านไปบางครั้ง ซาเอบะพาหลินหลินเดินไปตามตรอกซอยเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคนผ่าน เพื่อหลบเลี่ยงการสังเกตของพวกศัตรูที่อาจจะตามมา“คุณคิดว่าเราจะไปถึงบ้านของคนที่คุณบอกได้ไหมคะ?” หลินหลินถามขณะเดินตามซ
เมื่อออกจากหมู่บ้านมาได้ไม่นาน ซาเอบะและหลินหลินก็ยังคงเดินทางต่อด้วยความเร่งรีบ เส้นทางขรุขระที่พวกเขาต้องผ่านเป็นถนนแคบๆ แถบชานเมืองซึ่งมุ่งหน้าไปยังที่ซ่อนของอดีตสมาชิกกลุ่มโทโมะที่พวกเขาตั้งใจจะไปพบ ซาเอบะบอกว่าชายคนนี้เคยมีข้อมูลลับของโทโมะ ซึ่งอาจช่วยให้พวกเขาหาทางหยุดยั้งการตามล่าได้“เราจะถึงบ้านเขาในอีกไม่กี่ชั่วโมง” ซาเอบะพูด ขณะมองแผนที่ด้วยแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือ หลินหลินพยักหน้า แม้จะรู้สึกเหนื่อยล้า แต่ความหวังที่จะได้รับความช่วยเหลือจากคนที่รู้เบื้องลึกของกลุ่มโทโมะนั้นทำให้เธอมีแรงก้าวเดินต่อ“คุณแน่ใจใช่ไหมคะว่าเขาจะยอมช่วยเรา?” หลินหลินถามเสียงเบา ขณะที่พวกเขาเดินผ่านถนนเล็กๆ ที่เงียบสงัด ต้นไม้สองข้างทางขยับไหวไปตามแรงลมเย็นในยามค่ำ“ไม่แน่ใจหรอก” ซาเอบะตอบตรงไปตรงมา “แต่เขาเป็นหนึ่งในคนที่เคยถูกโทโมะหักหลัง ถ้าเราโชคดี เขาอาจจะอยากแก้แค้นเหมือนกัน”หลินหลินถอนหายใจเบาๆ เธอรู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้เปราะบางมาก ไม่มีใครที่พวกเขาไว้ใจได้เต็มที่ ทุกคนต่างมีความเสี่ยงและเป้าหมายของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้ว่านี่เป็นหนทางเดียวที่พวกเขามีอยู่ในตอนนี้สองคนเดินทางด้วยคว
ในขณะที่ซาเอบะและหลินหลินนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ชายคนนั้นเปิดแฟ้มเอกสารเก่าๆ บนโต๊ะแล้วเริ่มคัดเลือกบางสิ่งออกมา เอกสารเหล่านั้นมีคราบเหลืองจากความเก่า และบางแผ่นยังมีรอยน้ำที่ทำให้ข้อความเลอะเลือน แต่ที่สำคัญคือข้อมูลเกี่ยวกับโทโมะและกลุ่มของเขา“นี่คือข้อมูลที่ฉันรวบรวมได้ตอนที่ยังทำงานกับพวกมัน” ชายคนนั้นพูดพลางส่งแฟ้มเอกสารให้ซาเอบะ เขามองไปที่ชายคนนั้นด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เปิดแฟ้มและพิจารณาข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในนั้นข้อมูลในแฟ้มเอกสารเผยให้เห็นเบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มโทโมะ ซึ่งมีเครือข่ายกว้างขวางกว่าที่พวกเขาคิด โทโมะไม่ใช่แค่คนที่พวกเขาเห็นอยู่เบื้องหน้า เขามีกลุ่มสนับสนุนและลูกน้องที่ทำงานเงียบๆ อยู่เบื้องหลังเป็นจำนวนมาก ข้อมูลเหล่านี้ทำให้พวกเขาเห็นแผนการใหญ่ที่ซ่อนอยู่“แล้วทำไมคุณถึงช่วยเราครับ?” หลินหลินถามอย่างสงสัยชายคนนั้นหันมามองหลินหลินด้วยสายตาหนักอึ้ง “ฉันเคยเป็นหนึ่งในพวกมัน และฉันก็เคยเชื่อในสิ่งที่พวกมันทำ จนกระทั่งโทโมะหักหลังฉัน…” เขาหยุดพูดชั่วขณะเหมือนจะรำลึกถึงอดีตที่เจ็บปวด “ตอนนั้นมันสัญญาว่าจะช่วยปกป้องครอบครัวของฉัน แลกกับการที่ฉันจะให้ข้อมูลเกี
ซาเอบะและหลินหลินเดินต่อไปท่ามกลางความมืดที่เงียบงัน ถนนแถบชานเมืองดูร้างไร้ผู้คน ยิ่งเข้าใกล้คลังอาวุธลับของโทโมะมากขึ้น ความรู้สึกกดดันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตาม สองคนยังคงเดินไปอย่างระวัง เพราะรู้ดีว่าทุกย่างก้าวคือความเสี่ยง “นายคิดว่าข้างในจะมีอะไรอยู่บ้าง?” หลินหลินถามเบาๆ สายตาของเธอกวาดมองรอบๆ อย่างระแวดระวัง “คงมีพวกคนของโทโมะเฝ้าอยู่ แต่ไม่รู้จำนวนเท่าไหร่” ซาเอบะตอบด้วยเสียงเรียบๆ “แล้วก็ข้อมูลที่เราต้องการ ถ้าเราสามารถทำลายมันได้ เราจะตัดเส้นทางของโทโมะไปได้เยอะ” “แต่พวกเรามีกันแค่สองคน…” หลินหลินพูดด้วยน้ำเสียงกังวล ซาเอบะหยุดเดินและหันมามองหลินหลิน เขายิ้มบางๆ “ไม่ต้องห่วง เราจะผ่านมันไปได้เหมือนที่เคยทำมา” หลินหลินยิ้มตอบ แม้จะรู้สึกกลัวแต่เธอก็เชื่อมั่นในซาเอบะ การที่เขาอยู่เคียงข้างทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยแม้ว่าสถานการณ์จะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม เมื่อทั้งสองเดินมาถึงจุดที่ชายคนนั้นบอก พวกเขาก็พบกับอาคารร้างที่ดูเหมือนไม่มีใครอยู่ แต่ซาเอบะรู้ดีว่านี่คือกับดัก ข้างในต้องมีพวกของโทโมะซ่อนตัวอยู่ เขากับหลินหลินหาที่หลบในมุมมืดเพื่อสังเกตการณ์ก่อนเข้าไป “เราต้องระวัง อย่าพรวดพราด
แสงจันทร์ส่องผ่านเมฆบางเบา ทำให้คืนที่มืดมิดดูไม่มืดมนเท่าไรนัก ซาเอบะและหลินหลินยังคงวิ่งต่อไปบนเส้นทางที่ทอดยาวผ่านป่า พวกเขารู้ดีว่าเวลาของพวกเขามีน้อย เพราะเสียงสัญญาณเตือนจากคลังอาวุธของโทโมะได้ดังก้องไปทั่ว และไม่ช้าก็เร็วพวกของโทโมะจะตามมาถึง “เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่โดยเร็ว” ซาเอบะพูดขณะหันมามองหลินหลินที่วิ่งอยู่ข้างๆ เขา หลินหลินพยักหน้าแม้จะหอบเหนื่อย ทั้งสองรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถหยุดพักได้ในตอนนี้ ขณะที่วิ่ง หลินหลินก็เหลือบมองไปที่แฟลชไดร์ฟที่อยู่ในกระเป๋าของเธอ ภายในนั้นมีข้อมูลสำคัญที่อาจช่วยพวกเขาได้ในการโค่นโทโมะ แต่ยังไม่มีเวลาให้พวกเขาตรวจสอบหรือวางแผนใดๆ “ซาเอบะ เราจะไปทางไหนต่อ?” หลินหลินถามอย่างกังวล “ที่ปลอดภัยที่สุดตอนนี้คือที่สำนักงานของฉัน” ซาเอบะตอบ “แต่เส้นทางไปยังตัวเมืองยังอีกไกล และเราต้องผ่านพื้นที่ที่อาจมีคนของโทโมะซุ่มอยู่” หลินหลินถอนหายใจเบาๆ “ถ้าต้องกลับไปเผชิญหน้ากับพวกมันอีก ฉันไม่มั่นใจว่าจะไหว…” ซาเอบะหยุดวิ่งและหันมามองหลินหลิน เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “เธอทำได้ดีมาก หลินหลิน ตอนนี้เราก็ต้องก้าวต่อไป เรามาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ” “แต
เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น รถของซาเอบะและทาเคชิก็แล่นกลับมายังสำนักงานลับที่พวกเขาใช้เป็นฐานชั่วคราว เมย์ หลินหลิน และอาคิระยืนรออยู่ด้านหน้าอาคารเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของเขตชานเมือง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและเหน็ดเหนื่อย “กลับมาแล้ว” ทาเคชิกล่าวพลางเปิดประตูรถ “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน” “ได้ข้อมูลที่ต้องการไหม?” หลินหลินถามทันที ซาเอบะพยักหน้า เขาชูแฟลชไดรฟ์ในมือขึ้น “รายชื่อเป้าหมายทั้งหมดอยู่ในนี้ รวมถึงที่ตั้งขององค์กรด้วย” “แล้วแผนต่อไปล่ะ?” เมย์ถาม สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความกดดัน “เราต้องพักก่อน” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ “ทุกคนต้องพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้” พวกเขาทั้งหมดเดินเข้าไปในสำนักงาน ทาเคชิล็อกประตูทันทีเพื่อป้องกันการถูกติดตาม ห้องภายในดูเรียบง่าย มีเพียงโต๊ะทำงานเก่าๆ และแผนที่ขนาดใหญ่ที่ปิดทับผนังด้านหนึ่ง “พักฟื้นก่อน” ซาเอบะพูดพร้อมกับวางกระเป๋าเป้ลง “คืนนี้เราจะเริ่มวางแผนตอบโต้” หลังจากพักผ่อนและรักษาบาดแผลจากการปะทะที่ผ่านมา ทุกคนรวมตัวกันในห้องประชุมขนาดเล็ก แสงไฟจากโคมเพดานทำให้บรรยากาศดูจริงจัง “นี่คือเป้าหมายที่เราต้องจัดการ” ซาเอบ
รถคันเล็กแล่นผ่านเส้นทางเปลี่ยวในยามเช้าตรู่ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังแผ่วๆ กลมกลืนกับบรรยากาศเงียบสงบ ซาเอบะและทาเคชิยังคงอยู่ในชุดที่พร้อมสำหรับการต่อสู้ โดยทั้งคู่ไม่มีการพูดคุยมากนักระหว่างทาง ทั้งสองต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง “ใกล้ถึงแล้ว” ทาเคชิเอ่ยขึ้นขณะมองแผนที่ GPS บนหน้าจอคอนโซล “อีกห้านาทีก็จะถึงจุดพักที่เราวางแผนไว้” ซาเอบะพยักหน้า “อย่าลืมว่าเราต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าตรงๆ เข้าไปแบบเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้” “แน่นอน” ทาเคชิตอบ พร้อมกับขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ ที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ เส้นทางนี้นำไปสู่จุดซ่อนตัวซึ่งห่างจากโกดังเป้าหมายเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เมื่อจอดรถเสร็จ ทั้งสองก็ลงจากรถและตรวจสอบอุปกรณ์เป็นครั้งสุดท้าย ซาเอบะสะพายกระเป๋าเป้ที่บรรจุเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และระเบิดขนาดเล็ก ส่วนทาเคชิถือปืนไรเฟิลติดกล้องซึ่งเขาใช้เพื่อการป้องกันระยะไกล “พร้อมไหม?” ทาเคชิถาม ขณะที่ทั้งสองคนเริ่มเดินเท้าไปยังจุดเป้าหมาย “พร้อม” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ โกดังขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นอยู่ลิบๆ ท่ามกลางความมืดสลัวของเงาต้นไม้ อาคารนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่รกร้าง มีรั้วลวดหนามล้อมรอบแล
ความเงียบยามค่ำคืนปกคลุมสำนักงานลับของทาเคชิ แม้สมาชิกในทีมคนอื่นๆ จะพักผ่อนอยู่ในห้องต่างๆ แต่ซาเอบะกับทาเคชิยังคงนั่งจมอยู่กับกองข้อมูลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สายตาของทั้งคู่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พวกเขารู้ดีว่าทุกนาทีมีค่า และการตอบโต้ต้องเกิดขึ้นก่อนที่ศัตรูจะได้เปรียบ “ข้อมูลนี้…” ทาเคชิชี้ไปที่ไฟล์รายชื่อบุคคลสำคัญในองค์กรร้ายที่ปรากฏบนหน้าจอ “ฉันเจาะเข้าไปในระบบของพวกมันได้บางส่วน รายชื่อเหล่านี้คือคนที่มีบทบาทสำคัญในการตามล่าเรา” ซาเอบะก้มลงอ่านรายละเอียด ชื่อแต่ละชื่อถูกบันทึกไว้พร้อมตำแหน่ง หน้าที่ และความเชื่อมโยงกับหัวหน้าองค์กร หลายคนเป็นผู้ที่พวกเขาเคยเจอหน้าในสนามรบก่อนหน้านี้ “เราจะเริ่มยังไงดี?” ซาเอบะถามเสียงเบา “ก่อนอื่น เราต้องตัดกำลังพวกมัน” ทาเคชิกล่าว “คนพวกนี้แต่ละคนเป็นเหมือนเสาหลักขององค์กร ถ้าเราสามารถจัดการพวกเขาได้แม้เพียงบางส่วน ความสามารถในการเคลื่อนไหวของพวกมันจะลดลง” “แต่นั่นก็หมายความว่าเราต้องเสี่ยงอีกครั้ง” ซาเอบะเอ่ยพร้อมถอนหายใจ “เรายังไม่รู้เลยว่าพวกมันจะวางแผนอะไรต่อ” ทาเคชิพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นแหละที่ทำให้มันยากขึ้น แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น
บรรยากาศภายในสำนักงานลับของทาเคชิเริ่มเงียบสงบลงหลังจากความโกลาหลที่พวกเขาเผชิญมาตลอดหลายวัน ซาเอบะเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบในขณะที่ทาเคชิกำลังตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งคู่รู้ดีว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ “ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ” ซาเอบะเอ่ยเสียงเรียบขณะหันมองหลินหลิน เมย์ และอาคิระที่ดูอ่อนล้าจนเห็นได้ชัด หลินหลินถอนหายใจยาว ก่อนพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกันค่ะ ฉันแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว” เมย์ยิ้มบางๆ พร้อมกับพยุงหลินหลินเดินไปยังโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่มุมห้อง “พักก่อนเถอะหลินหลิน ฉันจะหาน้ำมาให้” อาคิระนั่งลงกับเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วเอนหลังพิงกำแพง “พวกนายควรพักเหมือนกัน ไม่ใช่แค่พวกเราหรอกที่เหนื่อย นายสองคนก็คงไม่ต่างกัน” ทาเคชิหัวเราะเบาๆ พลางเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลจากชั้นวาง “ยังมีงานที่ต้องจัดการ แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจะพักบ้าง” เมื่อทุกคนเริ่มผ่อนคลาย ซาเอบะจึงเดินไปที่ห้องครัวเล็กๆ ที่มุมสำนักงาน เขาเปิดตู้เย็นและหยิบขวดน้ำออกมา มือที่หยิบขวดน้ำยังมีรอยช้ำจากการต่อสู้ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ขยับเขารู้สึกเจ็บแปลบ แต่ก็พยายามไม่แสดงออก “เจ็บอยู่ใช่ไหม?” ทาเคชิถามขณะเดิ
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อผ่านป่าเขาที่หนาแน่น ทิวไม้สูงตระหง่านและเสียงนกกาหม่นมัวในอากาศให้บรรยากาศที่ทั้งสงบและน่าหวาดหวั่น ทุกคนยังคงระวังภัย แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มห่างจากการไล่ล่าของคนร้ายไปแล้ว หลินหลินเดินอยู่ข้างเมย์ มือของเธอแตะไหล่เพื่อนอย่างปลอบโยน “ไม่ไกลแล้ว เมย์ เราต้องออกจากป่านี้ได้แน่” ซาเอบะซึ่งนำหน้าอยู่หันกลับมามอง “พวกเราต้องเก็บแรงไว้ ถ้าออกจากป่านี้เมื่อไร เราต้องหารถเพื่อเดินทางต่อให้เร็วที่สุด” อาคิระที่เดินตามหลังก้มมองแผนที่กระดาษในมือ “เส้นทางนี้ควรนำเราไปถึงถนนสายเล็กที่มุ่งหน้าออกจากป่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด เราอาจเจอใครสักคนที่ช่วยได้” การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป เสียงฝีเท้าของพวกเขาเป็นเพียงเสียงเดียวที่ดังก้องอยู่ในป่า แม้ทุกคนจะเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่มีใครบ่น ทุกก้าวที่เดินคือการเข้าใกล้ความปลอดภัย จนกระทั่งในที่สุด ขอบป่าก็ปรากฏขึ้นมาในสายตา ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลินหลินยิ้มให้เมย์ “เห็นไหม? เราทำได้แล้ว!” เมื่อพวกเขาออกมาจากป่า ก็พบกับถนนลูกรังสายเล็กที่ทอดยาวไปยังพื้นที่ชนบท มีป้ายบอกทางเก่าๆ ตั้งอยู่ริมถนน ซาเอบะมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น “เรา
แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปทั่วหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมป่า กลุ่มของซาเอบะที่เพิ่งผ่านพ้นการหนีตายอย่างหวุดหวิดเริ่มตั้งหลักได้อีกครั้ง พวกเขาได้รับการต้อนรับจากชาวบ้านในแบบเรียบง่าย ผู้คนในหมู่บ้านนี้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไร้ความวุ่นวายจากโลกภายนอก ชายแปลกหน้าที่เป็นผู้นำทางมายังหมู่บ้านยืนอยู่ห่างออกไปจากกลุ่ม สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความลังเลบางอย่าง ซาเอบะมองเขาแล้วเดินเข้าไป “คุณดูเหมือนมีเรื่องจะพูด” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ชายแปลกหน้าหันมามองเขา ก่อนจะถอนหายใจ “พวกคุณปลอดภัยแล้ว ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องแยกตัวไป” คำพูดนั้นทำให้ทุกคนในกลุ่มหันมาสนใจ หลินหลินถามขึ้น “ทำไมคุณต้องไปตอนนี้? พวกเรายังต้องการความช่วยเหลือของคุณอยู่นะ” ชายแปลกหน้ายิ้มเล็กน้อย “ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการ พวกคุณมีจุดหมายที่ชัดเจนแล้ว ผมมั่นใจว่าคุณซาเอบะจะนำพวกคุณไปสู่ทางออกได้” ซาเอบะจับจ้องชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ “คุณช่วยเรามากแล้ว เราไม่มีสิทธิ์รั้งคุณไว้” “แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออีก คุณจะหาผมได้ที่ไหน?” ซาเอบะถาม ชายแปลกหน้าหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ออกมา เขียนข้อความสั้นๆ แล้วส่งให
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อไปในป่าที่เริ่มเบาบางลง ใบไม้และกิ่งไม้ที่ทึบจนบดบังแสงจันทร์ก่อนหน้านี้เริ่มเปิดทางให้มองเห็นฟ้ากว้าง พวกเขาทุกคนเหนื่อยล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะเอาชีวิตรอดยังคงขับเคลื่อนพวกเขาให้เดินหน้าต่อไป หลินหลินหันไปมองซาเอบะที่เดินอยู่ข้างหน้า แม้ใบหน้าของเขาจะเปื้อนไปด้วยรอยเหนื่อยล้า แต่แววตาของเขายังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “คุณแน่ใจหรือว่าพวกมันไม่ตามมาแล้ว?” เธอถามเสียงเบา “น่าจะปลอดภัยแล้ว” ซาเอบะตอบกลับพลางมองไปรอบๆ เขาหยุดเดินชั่วครู่เพื่อฟังเสียงรอบตัว เสียงใบไม้ไหวเบาๆ จากลมและเสียงแมลงกลางคืนคือสิ่งเดียวที่ดังขึ้น ทาเคชิที่เดินอยู่ด้านหลังพูดขึ้นมา “เราหนีมาไกลพอสมควร ถ้าพวกมันจะตามมา ก็คงไม่เร็วขนาดนี้” “แต่เราก็ประมาทไม่ได้” ชายแปลกหน้าพูดเสริม “เราไม่รู้ว่าพวกมันมีคนมากแค่ไหน หรือมีแผนอะไรอีก” ทุกคนหยุดพักกันใกล้ลำธารเล็กๆ น้ำใสเย็นช่วยให้พวกเขาเติมพลัง หลินหลินใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าของตัวเอง ในขณะที่เมย์นั่งซบอยู่ข้างอาคิระ ท่าทางของเธอสะท้อนถึงความเหนื่อยล้าทางจิตใจ “พวกเราควรวางแผนต่อไปยังไง?” เมย์ถาม ขณะดื่มน้ำจากมือที่วักขึ้นจากลำธาร ซาเอบะมองทุกคนก่
แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนเส้นทางแคบที่ทอดยาวเข้าสู่ป่าทึบ ซาเอบะเดินนำหน้ากลุ่ม โดยมีชายแปลกหน้าติดตามอยู่ใกล้ๆ เสียงกรอบแกรบของใบไม้ใต้ฝ่าเท้าเป็นเสียงเดียวที่ดังขึ้นในความเงียบงันของค่ำคืน “ทางนี้แหละ,” ชายแปลกหน้ากระซิบ พลางชี้ไปที่ซอกหินขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ “เส้นทางนี้จะนำเราไปสู่ป่าด้านหลังหมู่บ้าน ถ้าพวกมันยังอยู่ในหมู่บ้าน เราจะมีโอกาสหลบหนีไปได้” หลินหลินเงยหน้ามองเถาวัลย์และพึมพำเบาๆ “มันดูเหมือนไม่เคยมีใครใช้มานานแล้ว คุณแน่ใจนะว่าพวกเราจะปลอดภัย?” ชายแปลกหน้าพยักหน้า “ทางนี้เป็นทางลับที่คนในหมู่บ้านใช้หลบภัยเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ไม่มีใครใช้มันอีกเพราะป่าเส้นทางนี้รกและอันตราย” ทาเคชิที่เดินอยู่ข้างหลังส่ายหน้าเล็กน้อย “อันตรายแค่ไหนก็ต้องลอง ไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว” ซาเอบะหันมาสบตาทุกคน “เราไม่มีทางเลือก เราต้องเดินต่อไป ถ้าหยุดตอนนี้ พวกมันจะตามมาถึงแน่” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ชายแปลกหน้าจะยกมือขึ้นเปิดเถาวัลย์ออก เผยให้เห็นช่องแคบที่พอให้คนผ่านเข้าไปได้ทีละคน พวกเขาเดินเรียงกันเข้าไปในเส้นทางแคบนี้ โดยมีซาเอบะเป็นคนนำหน้า ทาเคชิเป็นคนปิดท้าย ทางเดินในซอ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในบ้านหลังเก่า ซาเอบะนั่งอยู่บนพื้นไม้ที่เย็นเฉียบ ยกมือขึ้นสัมผัสแผลที่ข้อมือของเขา ก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนร่วมทีมที่นั่งกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ของห้อง ทุกคนดูเหนื่อยล้าและเครียดจากการไล่ล่าอย่างหนัก แต่ในแววตาของพวกเขากลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น “เราจะอยู่ที่นี่ไม่นานหรอก” ซาเอบะพูดเบาๆ พลางลุกขึ้นจากพื้นไม้แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปข้างนอก หมู่บ้านที่เงียบสงบในตอนนี้ กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าโลกภายนอกนั้นห่างไกลออกไปทุกที คนร้ายที่ตามล่าพวกเขากำลังอยู่แค่ไม่กี่ก้าว และไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าพวกเขาจะสามารถหลบหนีไปได้อีกนานแค่ไหน ทาเคชิยืดตัวออกจากเก้าอี้ไม้และหันไปมองซาเอบะ “พวกเราต้องคิดแผนใหม่ให้เร็วที่สุด อย่าลืมว่าพวกเขาตามมาใกล้แล้ว และพวกเราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้จนถึงรุ่งเช้า” “จริงของนาย” ซาเอบะตอบเสียงเครียด “เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าจะมีแผนอะไร เราต้องไม่ยึดติดกับที่เดิมเกินไป” หลินหลินที่นั่งเงียบมองไปที่พวกเขา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แม้จะพยายามกลั้นอารมณ์แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ “พวกเราจะทำยังไงถ้าหมู่บ้านนี้ไม่ไ