รุ่งเช้าในหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบ แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านหน้าต่างไม้เก่าๆ ของบ้านหญิงชรา หลินหลินค่อยๆ ลืมตาขึ้นจากการนอนหลับ เธอรู้สึกถึงความอ่อนเพลียที่บรรเทาลงเล็กน้อยจากการพักผ่อนเมื่อคืน แต่ในใจก็ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปเธอค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นอนและมองออกไปทางหน้าต่าง สายลมอ่อนๆ พัดผ่านต้นไม้รอบๆ หมู่บ้าน ท้องฟ้ากระจ่างใส ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้ไม่เคยมีความวุ่นวาย หลินหลินรู้สึกว่าเวลาที่นี่ดูเหมือนจะเดินช้ากว่าที่อื่น ทำให้เธอมีเวลาทบทวนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่พบกับซาเอบะจนถึงตอนนี้เสียงฝีเท้าของซาเอบะขณะเดินกลับเข้ามาในบ้านเรียกความสนใจของเธอ เขาออกไปสำรวจหมู่บ้านรอบๆ เพื่อดูว่ามีใครที่น่าสงสัยอยู่แถวนี้หรือไม่“ตื่นแล้วเหรอ?” ซาเอบะถามพลางวางข้าวของที่เขาถืออยู่ลงบนโต๊ะ “ฉันออกไปสำรวจรอบๆ หมู่บ้านแล้ว ที่นี่ปลอดภัยดีสำหรับตอนนี้”หลินหลินพยักหน้าอย่างเงียบๆ แม้เธอจะรู้สึกโล่งใจที่ไม่มีอันตรายใกล้เข้ามาในขณะนี้ แต่ความจริงที่ว่าอันตรายยังคงมีอยู่ทุกที่ก็ยังทำให้เธอไม่สบายใจ“เราคงจะพักที่นี่ต่อไปไม่ได้นานนัก” ซาเอบะพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าต่าง “ถึงที่นี่
หลังจากพักผ่อนกันพอสมควรที่ลำธาร หลินหลินและซาเอบะลุกขึ้นและเตรียมตัวออกเดินทางต่อ ทั้งสองรู้ดีว่าจุดหมายต่อไปคือการหาทางกลับไปที่สำนักงานนักสืบของซาเอบะ ซึ่งเป็นที่เดียวที่พวกเขาจะสามารถรวบรวมข้อมูลและเตรียมตัวเผชิญกับศัตรูได้ซาเอบะมองแผนที่ในมือแล้วหันไปพูดกับหลินหลิน “เราต้องเดินตามเส้นทางนี้ไปอีกสักระยะ ถึงจะออกจากป่าได้ แต่ปัญหาคือจากนั้นเราจะต้องหาพาหนะสำหรับเดินทางกลับไปที่เมือง”“แล้วถ้าเราหาไม่ได้ล่ะ?” หลินหลินถามด้วยความกังวล“ถ้าหาไม่ได้ เราก็ต้องใช้เท้าเดินต่อไป” ซาเอบะตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่ก็แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นหลินหลินพยักหน้าแม้จะรู้สึกเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินต่อไป เธอรู้ดีว่าซาเอบะมีเป้าหมายที่ชัดเจน และเธอก็เชื่อมั่นในตัวเขาการเดินทางในป่าผ่านไปอย่างช้าๆ เสียงใบไม้กรอบแกรบใต้ฝีเท้าทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แม้ทั้งสองจะไม่พูดอะไรกันมากนัก แต่ในใจของหลินหลินกลับเต็มไปด้วยคำถามและความรู้สึกหลายอย่างที่เธอไม่สามารถบรรยายได้เมื่อเดินทางผ่านไปจนถึงขอบป่า ซาเอบะหยุดและมองไปข้างหน้า “เรามาถึงถนนแล้ว” เขากล่าวอย่างเบาๆ “ตอนนี้เ
ภายในสำนักงานนักสืบที่เงียบสงบ ซาเอบะและหลินหลินนั่งอยู่ในห้องทำงานเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเอกสารซ้อนกันสูงจนแทบไม่มีพื้นที่วางมือ หลินหลินเหลือบมองไปรอบๆ และสัมผัสถึงความเก่าแก่ของสถานที่นี้ เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่า สำนักงานนักสืบจะดูเรียบง่ายและรกร้างแบบนี้ แต่นี่ก็เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขาในขณะนี้ ซาเอบะนั่งลงที่โต๊ะทำงานและหยิบสมุดจดขึ้นมา เปิดไปหน้าที่เขียนบันทึกการสืบสวนล่าสุด ซึ่งเต็มไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มของโทโมะและกิจการผิดกฎหมายของพวกมัน “เราต้องคิดแผนใหม่เพื่อจัดการกับโทโมะ” ซาเอบะพูดพลางหยิบปากกาและขีดเขียนอะไรลงบนสมุด หลินหลินนั่งอยู่ตรงข้าม ครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอไม่เคยเผชิญกับอันตรายมากขนาดนี้ การถูกตามล่าและการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดทำให้เธอรู้สึกกดดัน แต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็เรียนรู้ที่จะพึ่งพาซาเอบะและเชื่อมั่นในเขา “แล้วแผนที่คุณคิดคืออะไร?” หลินหลินถามขึ้นขณะที่เธอมองซาเอบะที่กำลังวุ่นอยู่กับการวางแผน “พวกมันยังคงไม่รู้ว่าเราซ่อนตัวอยู่ที่นี่ นี่เป็นโอกาสที่เราจะใช้ความเงียบของสถานที่นี้ให้เป็นประโยชน์” ซาเอบะอธิบาย “แผนของเราต
เช้าวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าดูมืดครึ้มเหมือนกับสถานการณ์ที่ซาเอบะและหลินหลินต้องเผชิญ หลินหลินลืมตาตื่นขึ้นมาบนโซฟา สายลมเย็นพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้เธอรู้สึกหนาว เธอหันไปมองซาเอบะที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเหมือนเมื่อคืน เขายังคงตั้งใจตรวจสอบแผนที่และเบาะแสต่างๆ อย่างละเอียดรอบคอบ“นอนไม่หลับเหรอคะ?” หลินหลินถามขณะลุกขึ้นบิดขี้เกียจซาเอบะเงยหน้าขึ้นและยิ้มเล็กน้อย “ฉันเคยชินกับการทำงานแบบนี้แล้ว ไม่ต้องห่วง”หลินหลินพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง แม้ว่าจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับการที่ต้องเดินเท้าเป็นระยะทางไกล แต่เธอก็พร้อมที่จะเดินหน้าต่อทั้งสองคนรวบรวมอุปกรณ์ที่จำเป็นเล็กน้อยเพื่อให้การเดินทางไม่ลำบากมากนัก หลังจากนั้นซาเอบะและหลินหลินก็ออกจากสำนักงานนักสืบอย่างระมัดระวัง โดยไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ท้องถนนในเมืองตอนเช้าค่อนข้างเงียบ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์จากรถที่แล่นผ่านไปบางครั้ง ซาเอบะพาหลินหลินเดินไปตามตรอกซอยเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคนผ่าน เพื่อหลบเลี่ยงการสังเกตของพวกศัตรูที่อาจจะตามมา“คุณคิดว่าเราจะไปถึงบ้านของคนที่คุณบอกได้ไหมคะ?” หลินหลินถามขณะเดินตามซ
เมื่อออกจากหมู่บ้านมาได้ไม่นาน ซาเอบะและหลินหลินก็ยังคงเดินทางต่อด้วยความเร่งรีบ เส้นทางขรุขระที่พวกเขาต้องผ่านเป็นถนนแคบๆ แถบชานเมืองซึ่งมุ่งหน้าไปยังที่ซ่อนของอดีตสมาชิกกลุ่มโทโมะที่พวกเขาตั้งใจจะไปพบ ซาเอบะบอกว่าชายคนนี้เคยมีข้อมูลลับของโทโมะ ซึ่งอาจช่วยให้พวกเขาหาทางหยุดยั้งการตามล่าได้“เราจะถึงบ้านเขาในอีกไม่กี่ชั่วโมง” ซาเอบะพูด ขณะมองแผนที่ด้วยแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือ หลินหลินพยักหน้า แม้จะรู้สึกเหนื่อยล้า แต่ความหวังที่จะได้รับความช่วยเหลือจากคนที่รู้เบื้องลึกของกลุ่มโทโมะนั้นทำให้เธอมีแรงก้าวเดินต่อ“คุณแน่ใจใช่ไหมคะว่าเขาจะยอมช่วยเรา?” หลินหลินถามเสียงเบา ขณะที่พวกเขาเดินผ่านถนนเล็กๆ ที่เงียบสงัด ต้นไม้สองข้างทางขยับไหวไปตามแรงลมเย็นในยามค่ำ“ไม่แน่ใจหรอก” ซาเอบะตอบตรงไปตรงมา “แต่เขาเป็นหนึ่งในคนที่เคยถูกโทโมะหักหลัง ถ้าเราโชคดี เขาอาจจะอยากแก้แค้นเหมือนกัน”หลินหลินถอนหายใจเบาๆ เธอรู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้เปราะบางมาก ไม่มีใครที่พวกเขาไว้ใจได้เต็มที่ ทุกคนต่างมีความเสี่ยงและเป้าหมายของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้ว่านี่เป็นหนทางเดียวที่พวกเขามีอยู่ในตอนนี้สองคนเดินทางด้วยคว
ในขณะที่ซาเอบะและหลินหลินนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ชายคนนั้นเปิดแฟ้มเอกสารเก่าๆ บนโต๊ะแล้วเริ่มคัดเลือกบางสิ่งออกมา เอกสารเหล่านั้นมีคราบเหลืองจากความเก่า และบางแผ่นยังมีรอยน้ำที่ทำให้ข้อความเลอะเลือน แต่ที่สำคัญคือข้อมูลเกี่ยวกับโทโมะและกลุ่มของเขา“นี่คือข้อมูลที่ฉันรวบรวมได้ตอนที่ยังทำงานกับพวกมัน” ชายคนนั้นพูดพลางส่งแฟ้มเอกสารให้ซาเอบะ เขามองไปที่ชายคนนั้นด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เปิดแฟ้มและพิจารณาข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในนั้นข้อมูลในแฟ้มเอกสารเผยให้เห็นเบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มโทโมะ ซึ่งมีเครือข่ายกว้างขวางกว่าที่พวกเขาคิด โทโมะไม่ใช่แค่คนที่พวกเขาเห็นอยู่เบื้องหน้า เขามีกลุ่มสนับสนุนและลูกน้องที่ทำงานเงียบๆ อยู่เบื้องหลังเป็นจำนวนมาก ข้อมูลเหล่านี้ทำให้พวกเขาเห็นแผนการใหญ่ที่ซ่อนอยู่“แล้วทำไมคุณถึงช่วยเราครับ?” หลินหลินถามอย่างสงสัยชายคนนั้นหันมามองหลินหลินด้วยสายตาหนักอึ้ง “ฉันเคยเป็นหนึ่งในพวกมัน และฉันก็เคยเชื่อในสิ่งที่พวกมันทำ จนกระทั่งโทโมะหักหลังฉัน…” เขาหยุดพูดชั่วขณะเหมือนจะรำลึกถึงอดีตที่เจ็บปวด “ตอนนั้นมันสัญญาว่าจะช่วยปกป้องครอบครัวของฉัน แลกกับการที่ฉันจะให้ข้อมูลเกี
ซาเอบะและหลินหลินเดินต่อไปท่ามกลางความมืดที่เงียบงัน ถนนแถบชานเมืองดูร้างไร้ผู้คน ยิ่งเข้าใกล้คลังอาวุธลับของโทโมะมากขึ้น ความรู้สึกกดดันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตาม สองคนยังคงเดินไปอย่างระวัง เพราะรู้ดีว่าทุกย่างก้าวคือความเสี่ยง “นายคิดว่าข้างในจะมีอะไรอยู่บ้าง?” หลินหลินถามเบาๆ สายตาของเธอกวาดมองรอบๆ อย่างระแวดระวัง “คงมีพวกคนของโทโมะเฝ้าอยู่ แต่ไม่รู้จำนวนเท่าไหร่” ซาเอบะตอบด้วยเสียงเรียบๆ “แล้วก็ข้อมูลที่เราต้องการ ถ้าเราสามารถทำลายมันได้ เราจะตัดเส้นทางของโทโมะไปได้เยอะ” “แต่พวกเรามีกันแค่สองคน…” หลินหลินพูดด้วยน้ำเสียงกังวล ซาเอบะหยุดเดินและหันมามองหลินหลิน เขายิ้มบางๆ “ไม่ต้องห่วง เราจะผ่านมันไปได้เหมือนที่เคยทำมา” หลินหลินยิ้มตอบ แม้จะรู้สึกกลัวแต่เธอก็เชื่อมั่นในซาเอบะ การที่เขาอยู่เคียงข้างทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยแม้ว่าสถานการณ์จะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม เมื่อทั้งสองเดินมาถึงจุดที่ชายคนนั้นบอก พวกเขาก็พบกับอาคารร้างที่ดูเหมือนไม่มีใครอยู่ แต่ซาเอบะรู้ดีว่านี่คือกับดัก ข้างในต้องมีพวกของโทโมะซ่อนตัวอยู่ เขากับหลินหลินหาที่หลบในมุมมืดเพื่อสังเกตการณ์ก่อนเข้าไป “เราต้องระวัง อย่าพรวดพราด
แสงจันทร์ส่องผ่านเมฆบางเบา ทำให้คืนที่มืดมิดดูไม่มืดมนเท่าไรนัก ซาเอบะและหลินหลินยังคงวิ่งต่อไปบนเส้นทางที่ทอดยาวผ่านป่า พวกเขารู้ดีว่าเวลาของพวกเขามีน้อย เพราะเสียงสัญญาณเตือนจากคลังอาวุธของโทโมะได้ดังก้องไปทั่ว และไม่ช้าก็เร็วพวกของโทโมะจะตามมาถึง “เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่โดยเร็ว” ซาเอบะพูดขณะหันมามองหลินหลินที่วิ่งอยู่ข้างๆ เขา หลินหลินพยักหน้าแม้จะหอบเหนื่อย ทั้งสองรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถหยุดพักได้ในตอนนี้ ขณะที่วิ่ง หลินหลินก็เหลือบมองไปที่แฟลชไดร์ฟที่อยู่ในกระเป๋าของเธอ ภายในนั้นมีข้อมูลสำคัญที่อาจช่วยพวกเขาได้ในการโค่นโทโมะ แต่ยังไม่มีเวลาให้พวกเขาตรวจสอบหรือวางแผนใดๆ “ซาเอบะ เราจะไปทางไหนต่อ?” หลินหลินถามอย่างกังวล “ที่ปลอดภัยที่สุดตอนนี้คือที่สำนักงานของฉัน” ซาเอบะตอบ “แต่เส้นทางไปยังตัวเมืองยังอีกไกล และเราต้องผ่านพื้นที่ที่อาจมีคนของโทโมะซุ่มอยู่” หลินหลินถอนหายใจเบาๆ “ถ้าต้องกลับไปเผชิญหน้ากับพวกมันอีก ฉันไม่มั่นใจว่าจะไหว…” ซาเอบะหยุดวิ่งและหันมามองหลินหลิน เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “เธอทำได้ดีมาก หลินหลิน ตอนนี้เราก็ต้องก้าวต่อไป เรามาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ” “แต