เอวาวันนี้เป็นวันเสาร์ หลังจากงานปาร์ตี้นั้นหนึ่งวัน แม้เมื่อวานนี้จะวุ่นวายแต่ฉันกลับรู้สึกมีความสุขไม่น้อยเลยที่มันสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีฉันลุกออกจากเตียงและเดินไปยังห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตรประจำวัน แม้อีธานจะเดินทางกลับมาที่บ้านฉันพร้อม กันแต่เขาก็ไม่ได้นอนค้าง วันนี้เขาจำเป็นต้องตื่นแต่เช้าตรู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการขัดจังหวะการนอนของฉันเมื่อเขาต้องตื่นและออกไปฉันแปรงฟันไปพลางคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ทั้งหมดตอนที่เอมม่ามาไล่ต้อนฉันนั้น ฉันก็เตรียมพร้อมสำหรับการปะทะไว้แล้ว ฉันรู้ได้เมื่อโรแวนเดินมาและพบว่าฉันและเอมม่าประจันหน้ากันอยู่ฉันรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ฉันสัมผัสได้ถึงการมาของเขา แต่เอมม่ากลับไม่รู้สึกเลย ฉันต้องการจะเอาคืนสำหรับทุกสิ่งเรื่องโกหกที่เอมม่าพ่นออกมา ฉันต้องการให้โรแวนเห็นว่าคนที่เขารักหัวปักหัวปำเป็นผู้หญิงแบบไหน ที่ฉันพูดกับเธอไปทุกคำนั้นล้วนออกมาจากใจและนี่เป็นเวลาที่เขาจะได้ตาสว่างสักทีทุกคนต่างพากันเชิดชูเอมม่าไว้เหนือหัว คิดเสมอว่าเธอนั้นไร้ที่ติและเธอไม่มีวันทำเรื่องเลวทรามอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นก็เป็นความจริงสำหรับเด็กสาวที่เธอเคยเป็นในอดีต แ
เมื่อเข้าใกล้ตัวบ้าน ต้นไม้เรียงรายเป็นแถวตลอดทางที่ขับรถเข้าไปจะรอต้อนรับคุณอยู่ ซึ่งนำทางไปยังทางเข้าอันแสนดึงดูดสายตาซึ่งมีประตูกระจกบานใหญ่อยู่ตรงหน้า พร้อมทั้งไม้ประดับน้อยใหญ่เรียงรายเมื่อคุณเดินเข้าไปภายใน คุณจะพบกับห้องโถงอันโอ่อ่า ด้านบนเป็นฝ้าเพดานสูงและโคมระย้าสุดตระการตาระยิบระยับราวประดับประดาด้วยเพชรนับพันภายในบ้านตกแต่งตามสไตล์ที่ผสมผสานความสวยงามและเอื้อต่อการใช้สอยเข้าด้วยกัน ห้องนั่งเล่นมีแสงธรรมชาติสาดส่องอย่างทั่วถึง และประดับด้วยโซฟ3าหรูหราแสนสบาย จัดวางในรูปแบบที่ให้ความรู้สึกไม่อึดอัดเลยห้องครัวเป็นดั่งฝันของพ่อครัวหลายคน มีเครื่องครัวพร้อมใช้ เคาน์เตอร์ทำอาหารทำจากหินอ่อนและโต๊ะนั่งรับประทานอาหารขนาดใหญ่พร้อมเก้าอี้ทรงสูงบ้านโฮปมีห้องนอนซึ่งมีพื้นที่กว้างอยู่หลายห้อง แต่ละห้องตกแต่งได้อย่างมีเอกลักษณ์ซึ่งเป็นไปตามความชื่นชอบของเด็ก ๆ จุดนี้เองจึงทำให้แต่ละคนรู้สึกเหมือนมีพื้นที่เป็นของตนเองและรู้สึกสบายใจนอกจากนี้ยังมีพื้นที่สันทนาการด้วยเช่นกัน อย่างห้องเล่นเกม โรงหนังภายในบ้าน ห้องสมุด ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำในร่ม รวมถึงสนามเด็กเล่นที่มีชิงช้าและส
“นี่ล้อเล่นกันใช่ไหม?” ฉันเอ่ยถามแมรี่ โดยหวังว่าเธอเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้นเธอส่ายหน้าปฏิเสธอย่างโศกเศร้าก่อนยื่นโทรศัพท์ของเธอมาให้“บ้านเอวา ชาร์ปไฟโหมจนวอด หลังเปิดเผยตัวตนว่าเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิโฮป”ฉันอ่านพาดหัวข่าวนั้นซ้ำไปซ้ำมาโดยหวังว่านี่คงเป็นเพียงการอำกันเล่น ฉันกลับคาดหวังผิดไปเมื่อเลื่อนลงมาพบวิดีโอที่แสดงว่าบ้านกำลังไฟลุกอยู่ยิ่งฉันไม่ยอมรับมากเท่าไร ก็ยิ่งไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้เลยว่าบ้านของฉันกำลังไฟไหม้จริง ๆหัวใจฉันตกไปอยู่ที่ตาตุ่มโดยพลัน ฉันวางโทรศัพท์ของแมรี่ลงและดีดร่างกายลุกขึ้น ทุกการเคลื่อนไหวสั่นสะท้านขณะรีบร้อนออกจากห้องทำงาน“เอวา เดี๋ยวก่อน” เธอร้องเรียกฉันแต่เสียงนั้นกลับส่งมาไม่ถืงโสตประสาทฉันใบหน้าของเด็กน้อยตรงนั้นกลายเป็นภาพเลือนลาง ขณะฉันเคลื่อนไหวโดยไวขนาดเสือชีตาร์ยังอาย หัวสมองฉันว่างเปล่าขณะพุ่งตัวออกไปข้างนอกฉันเดินขึ้นไปบนรถและรีบขับออกจากที่จอด นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่แมรี่พุ่งตัวมาที่ประตู เธอโบกมือราวกับจะให้ฉันหยุดรถ ฉันไม่สนใจเธอและรีบขับรถออกไปสติของฉันมันยุ่งเหยิงไปหมด ความโกรธและความกังวลกลืนกินฉันหรือว่าฉันลืมปิดเตาและนั
“แล้วรถคุณเล่า?” ฉันเอ่ยถามพลางติดเครื่องยนต์ฉันรู้ว่าเขาต้องขับรถมาเองหรือไม่คงเป็นคนขับรถขับมาส่ง คนอย่างโรแวนไม่มีทางเรียกรถรับจ้างมารับอย่างแน่นอน “เดี๋ยวเดนนิสขับรถผมกลับบ้านเอง…ผมโทรเรียกเขามาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ” เขากล่าวเป็นเวลาเดียวกับที่ฉันถอยรถและขับออกไป“บ้าน…ฉันไม่มีอีกแล้ว” ฉันกระซิบเสียงเบาด้วยความเศร้า“เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” “คิดงั้นหรือ?” ฉันเอ่ยถามด้วยความเศร้าด้วยเหตุผลบางประการ ฉันรู้ว่าไม่มีอะไรดีขึ้นทั้งนั้น มันกลับจะยิ่งแย่ลงไปเรื่อย ๆฉันหยิบโทรศัพท์ออกพร้อมกดโทรไปหานายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เขารับสายตั้งแต่เสียงดังครั้งแรก“ผมเสียใจด้วยจริง ๆ นะครับคุณเอวา ผมเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านของคุณหมดแล้ว” เขาเอ่ยด้วยโทนเสียงที่แตกต่างจากเคย“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันหยุดเพียงครู่ “บอกฉันหน่อยได้ไหมคะว่าคุณเตรียมอะไรไว้ให้ฉันบ้าง อะไรก็ได้ค่ะ เพราะตอนนี้ฉันไม่มีบ้านให้อยู่แล้ว”ฉันไม่ใช่คนที่ชอบนอนค้างอ้างแรมในโรงแรมเสียเท่าไรนัก ยิ่งในเวลาเช่นนี้ด้วย ฉันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรหากเขาตอบกลับมาว่าไม่มีบ้านหลังไหนเหลืออยู่เลย“มีครับ มีอยู่หลังหนึ่ง มันเหมาะกับคุ
“แล้วตอนนี้ทุกอย่างก็ดำเนินมามากกว่าห้าปีแล้วใช่ไหม?” เขาเอ่ยถามเสียงเบา“ใช่…ตอนที่ฉันได้เงินล้านก้อนแรก ฉันอยากจะบอกคุณใจจะขาด อยากให้คุณภูมิใจในตัวฉัน อยากให้รู้ไว้ว่าฉันไม่ใช่คนขี้แพ้พวกนั้น” ฉันรู้สึกเหมือนย้อนไปในวันนั้น “ฉันจำได้ว่ารอคุณกลับถึงบ้าน แต่คุณก็ไม่ได้กลับมาบ้าน ฉันจึงต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้จนเช้า แต่ฉันก็อยากจะบอกคุณอยู่ดี ตอนที่เห็นคุณอยู๋ในครัววันต่อมา ฉันจึงเดินเข้าไปนั่งข้างคุณ แล้วบอกว่าฉันมีเรื่องจะบอก”ฉันหยุดไปครู่หนึ่งและสูดลมหายใจเข้าลึก ความทรงจำนั้นฝังลึกในสมองฉัน“แทนที่คุณจะตั้งใจฟังฉัน คุณกลับหันหน้ามาแล้วทำสายตาเย็นชาใส่ แล้วก็บอกว่าไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ฉันจะพูด บอกว่าไม่ได้สนใจชีวิตฉันหรือว่าฉันจะทำอะไร คุณยังใจร้ายบอกอีกว่าฉันจะไปตายที่ไหนก็ไป ไม่ว่าจะไปที่ไหนคุณก็ไม่ได้สนใจทั้งนั้น แทนที่จะมานั่งเสียเวลาตรงนี้แล้วทำให้ช่วงเวลาตอนเช้าของคุณเสียเปล่าไป ทำไมออกไปกวนคนอื่นแทนเล่า”ความเงียบสงัดที่ก่อตัวขึ้นในรถคันนี้ช่างหนักอึ้ง ฉันเหลือบเห็นลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงขณะกลืนน้ำลาย“เอวา…” เขาเริ่มพูดออกมา กระนั้นฉันขัดจังหวะเขาเสียก่อน “ดังนั้นฉ
ฉันเดินทางมาซื้อเฟอร์นิเจอร์ กระนั้นจิตกลับไม่ได้จดจ่ออยู่มันเลย ฉันซื้อบ้านหลังใหม่ มันเหมาะสมและเข้ากับความชื่นชอบของฉันเป็นอย่างมาก เรียบง่ายแต่ก็อบอุ่น บ้านหลังใหม่อยู่ในระแวกเพื่อนบ้านที่ดีและยังอยู่ใกล้กับโรงเรียนของโนอาอีกด้วย ฉันรู้สึกชอบทันทีที่ได้เห็น อีกทั้งยังมีสนามหญ้าหลังบ้านขนาดใหญ่ซึ่งโนอาสามารถวิ่งเล่นได้เต็มที่ไม่เหมือนบ้านหลังเก่า“คุณตั้งใจเลือกอยู่หรือเปล่าเนี่ย?” เล็ตตี้เอ่ยถามด้วยความหงุดหงิดเธอมาช่วยฉันเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านใหม่ ซึ่งฉันก็ซื้อบ้านมาได้สามวันแล้ว บ้านหลังใหม่ยังเป็นบ้านโล่ง ๆ อยู่เลย พูดกันตามตรงฉันยังไม่มีเตียงนอนเลยด้วยซ้ำ ฉันต้องเอาฟูกมาปูนอนกับพื้นอยู่“ขอโทษทีนะเล็ตตี้…พอดีคิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะ” ฉันกล่าวขอโทษเมื่อคิดว่ามีคนจ้องจะเอาชีวิตของคุณอยู่ หลายสิ่งหลายอย่างก็กลายเป็นด้อยความสำคัญไป เรื่องพวกนี้ไม่ได้มีความสำคัญเทียบเท่ากับการมีชีวิตอยู่ให้นานมากพอที่จะเห็นลูกน้อยของคุณเติบโต ฉันยังคงทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่แม้รู้ว่าเพิ่งเฉียดความตายมาได้อีกครั้ง มีใครบางคนตั้งใจลอบวางเพลิงบ้านฉัน คนเหล่านั้นต้องการให้ฉันไฟครอกตายทั้งเป็น
ฉันส่งยิ้มให้เธอเราหาร้านน่ารัก ๆ แห่งหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว เมื่อนั่งประจำที่อาหารของพวกเราทั้งสองก็มาเสิร์ฟในเวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น เราสั่งอาหารพื้น ๆ เหมือนกัน เฟรนช์ฟรายซ์ เบอร์เกอร์ ปีกไก่ทอดและมิลก์เชคบทสนทนาของเรานั้นลื่นไหลอย่างมาก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องใหญ่อะไรเพียงแค่มุกตลก เพลิดเพลินกับมื้ออาหารและรู้สึกสนุกที่ได้อยู่ด้วยกัน ช่วงเวลานั้นฉันลืมปัญหาที่มีและรู้สึกดีจริง ๆ“โอ้ย อิ่มจนแทบจะคิดอะไรอย่างคนอื่นเขาไม่ได้แล้ว” เล็ตตี้เล่นมุก ฉันจึงหัวเราะออกมา ความสุขเอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่นั้นของเธอ ซึ่งดูน่ารักใช่ย่อย“แหม พูดอย่างกับถึงจุดสุดยอดอย่างนั้นแหละ” ฉันเล่นมุกบ้างเธอหัวเราะตอบโต้ “ใช่เลยจ้า อาหารทำให้ฉันถึงจุดสุดยอด”ฉันหัวเราะพลางบอกเธอว่ามันไม่มีเรื่องแบบนั้นสักหน่อย คำว่าอาหารและจุดสุดยอดไม่ควรมารวมกันในประโยคเดียว“ได้สิ…ก็อาหารทำให้เรามีความสุขใช่ไหมเล่า แม้จะไม่เหมือนกันเสียทีเดียว แต่ก็เป็นความสุขเดียวกับที่เจ้าหนูน้อยของทราวิส…”ฉันสำลัก “อย่ากล้าพูดจนจบประโยคนะ…ไม่เคยได้ยินหรือว่าปลาหมอน่ะตายเพราะปาก” ฉันมองเธอด้วยสายตาหวาดหวั่น “บอกเอาไว้เลยนะว่าสิ
“ก็แกหลงโรแวนขนาดนั้น คิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดของแกลงหรือไง?” เอมม่าเย้ยหยันและฉันก็ตอกกลับ“แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเป็นเธอมากกว่านะที่หลงเขาจนโงหัวไม่ขึ้น…แล้วถ้าไม่ว่าอะไรฉันขอตัวนะ เธอทำให้ฉันเสียเวลามากเกินพอแล้ว”“ฉันยังพูดไม่จบนะ นางบ้า” ฉันไม่สนใจเธอแต่คำพูดต่อมาทำให้ฉันตัวแข็งทื่อ“ฉันสาบานเอาไว้ตรงนี้เลย เอวา ถ้าแกเดินไปอีกก้าวเดียว ฉันจะตามล่าหาไอ้เด็กเหลือขอลูกชายแกให้มาชดใช้เรื่องนี้ มันเองก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องเสียทุกอย่างไปเหมือนกัน”ฉันได้ยินเสียงสูดหายใจจากทราวิส แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจฉันขยับร่างกายไปโดยไม่ได้คิดฉันหมุนตัวและผลักเธอกระแทกเข้ากับรถตู้คันหนึ่ง ฉันใช่ท่อนแขนกดเข้าที่คอของเอมม่า ตรึงร่างของเธอเอาไว้กับรถตู้และบีบคอเธอจนหายใจไม่ออกหลักสูตรการเรียนป้องกันตัวที่ฉันเสียเงินเรียนไปเมื่ออาทิตย์ก่อนได้ใช้งานเสียที อีกทั้งฉันยังมีใบอนุญาตการครอบครองอาวุธปืนด้วย อีธานแนะนำให้ฉันพกปืนเอาไว้ป้องกันตัวหลังจากที่บ้านเกิดเหตุไฟไหม้ครั้งนั้นในหัวฉันว่างโล่งตอนที่ฉันควักปืนออกมาจ่อเข้าที่ขมับของเอมม่า“ถ้าหล่อนพูดข่มขู่โนอาอีกแค่ครั้งเดียว ฉันเอาหล่อนตายแน่ ฉันจะ