แสงอ่อน ๆ ส่องกระทบใบหน้าปลุกฉันให้ตื่น ตอนแรกฉันสับสนว่าฉันมาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง แต่แล้วมือหนัก ๆ ที่โอบเอวของฉันก็ทำให้ฉันนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาได้ฉันเริ่มรู้สึกตื่นตระหนกมากจนกลัวว่าจะปลุกอีธานขึ้นมา ฉันยังไม่อยากให้เขาตื่นตอนนี้ ไม่ใช่ตอนที่ฉันกำลังสติแตก ตอนที่ในหัวของฉันกำลังวุ่นวาย ฉันลุกขึ้นและออกจากเตียงอย่างเชื่องช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้เขาพลิกตัวและพึมพำอะไรบางอย่างแต่เขาไม่ได้ตื่น ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกในขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าและหยิบโทรศัพท์จากตู้ลิ้นชักฉันเดินย่องไปที่ประตูและหรี่ตาเล็กน้อยเมื่อเปิดมันออกและได้ยินเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ฉันมองกลับไปด้วยใจที่เต้นระรัว ฉันรู้สึกโล่งอกทันทีที่เห็นว่าอีธานยังนอนอยู่บนเตียงผ้าห่มปกคลุมเพียงเอวของเขาลงมา เผยให้เห็นกล้ามท้องอันโดดเด่นของเขา และแขนข้างหนึ่งก็ปิดหน้าของเขาเอาไว้ ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างดังแล้วออกจากห้องไปฉันเดินลงบันไดด้วยความรู้สึกราวกับว่ากำลังหนีความอับอายแม้ว่าฉันจะอยู่ในบ้านของตัวเองก็ตาม ความเจ็บปวดระหว่างขาทั้งสองข้างเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าอีธานได้ทำหน้าที่รักษาความเจ็บปวดในใจของฉันอย่างจริงจังท
ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมต้องเป็นตอนนี้? พวกเขาต้องการอะไร?“การให้อภัยของเธอมั้ง?” เสียงเดียวกันกระซิบการให้อภัย คำง่าย ๆ แต่กลับซับซ้อนฉันจะให้อภัยพวกเขาได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาก็ไม่ได้ให้อภัยฉันในตอนนั้น? ฉันจะให้อภัยพวกเขาได้อย่างไรเมื่อพวกเขาทำร้ายฉัน? ฉันจะปล่อยวางทุกอย่างได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาไม่ยอมให้ฉันได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเพราะสิ่งที่เกิดขึ้น?อีธานพูดถูก ทั้งโรแวนและฉันต่างก็เมา แต่ฉันเป็นคนเดียวที่โดนทำโทษ คนเดียวที่โดนตำหนิคือฉัน ฉันเป็นคนที่ด่าว่า เป็นคนที่ถูกดูถูก คนเดียวที่โดนกลั่นแกล้งฉันเป็นคนเดียวที่โดนด่าทอด้วยอารมณ์และวาจา ฉันรับมันคนเดียวทั้งหมด ฉันรับผิดทั้งที่ไม่ควรรับ เพราะฉันรักโรแวนฉันยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ฉันรู้สึกถึงน้ำตาแห่งความโกรธที่พยายามจะไหลออกมาและครั้งนี้ฉันไม่อยากอดกลั้นอีกฉันเหนื่อยมาก เหนื่อยเหลือเกินกับการพยายามเข้มแข็ง ฉันสูญเสียมากพอ ๆ กับที่โรแวนต้องสูญเสียเพราะคืนนั้นไม่มีใครเห็นว่าความรู้สึกผิดนั้นทำให้แหลกสลายแค่ไหน ไม่มีใครเห็นว่าฉันพังทลายลงอย่างไร หรือว่าฉันต้องดิ้นรนแค่ไหน พวกเขาสนใจแต่โรแวนและเอมม่าเสมอมาทุกอย่างเกี่ยวกั
โรแวนผมกำลังเตรียมตัวไปงานเลี้ยง ผมไม่อยากจะไปแต่ก็ต้องไป ผู้ก่อตั้งมูลนิธิโฮปจัดงานเลี้ยงเพื่อแสดงความขอบคุณและเป็นเกียรติแก่ผู้บริจาคทุกคน และเนื่องจากผมเป็นหนึ่งในผู้บริจาคจำนวนมาก ผมจึงได้รับเชิญ“มีอะไรเหรอครับไบรอัน? ผมยุ่งอยู่” ผมตอบหลังจากที่มองหมายเลขผู้ที่โทรเข้ามา“เราจับคู่ดีเอ็นเอได้จากตัวอย่างเลือดที่เก็บมาจากบ้านของคุณชาร์ปได้แล้วครับ” เขาเข้าประเด็นทันทีชื่อของเธอทำให้ผมหายใจเย็นเยียบเข้าลึก คำพูดสุดท้ายที่ผมพ่นใส่เธอยังคงก้องอยู่ในห้วของผม ผมไม่ควรพูดสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดเหล่านั้น แต่ผมโกรธมากที่เธอลงมือกับเอมม่า“แล้วไง?” ผมเร่งเร้าให้เขาพูดต่อผมหวังว่านี่จะเป็นข่าวดี ผมต้องการเพียงแค่คลี่คลายคดีของเอวาและลืมมันไปซะ“ไม่ดีเท่าไรครับ” เขาตอบและทำให้ผมส่งเสียงโอดไม่พอใจ“เกิดอะไรขึ้น?”“เราสามารถระบุตัวชายคนนั้นได้แล้ว เขาใช้ชื่อว่าอสรพิษทมิฬ เราตามหาเขามาระยะหนึ่งแล้วเนื่องจากเขาเป็นมือสังหารรับจ้าง มีคนบอกกับเราว่าเขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ปัญหาเดียวคือเราพบว่าเขาเสียชีวิตแล้วโดยมีกระสุนฝังอยู่ในกะโหลกศีรษะ” น้ำเสียงของเขาดูสงสัยบางอย่าง ซึ่งผมก็รู้สึกเช่นเดียวกั
เราไปถึงตรงเวลาและผมก็โล่งใจ พอรถจอดผมก็ลงจากรถแล้วจึงไปช่วยเอ็มม่า กล้องเริ่มจับภาพทันทีที่เราเหยียบพรมแดง“คุณวูดส์ จริงหรือเปล่าครับที่ตอนนี้คุณคบกับกับเอมม่า ชาร์ป พี่สาวของอดีตภรรยาของคุณ?” นักข่าวคนหนึ่งถาม“มีคนบอกว่าคุณเอมม่าคือรักแท้ของคุณ ในขณะที่สถานการณ์บีบบังคับให้คุณต้องคบกับเอวา ชาร์ป” นักข่าวอีกคนก็พูดขึ้น“อดีตภรรยาของคุณอยู่ที่ไหนเหรอครับคุณวูดส์?”“คุณเอมม่า คุณรู้สึกยังไงที่ได้อยู่กับผู้ชายที่เคยแต่งงานกับน้องสาวของคุณ? แถมพวกเขายังมีลูกชายด้วยกันด้วย”ผมรู้สึกว่ามือของเอมม่าบีบต้นแขนผมแน่นขึ้นเมื่อพวกเขาถามคำถามนั้นกับเธอ ผมจึงพาเธอเดินออกไปในขณะที่พวกเขาถามคำถามแล้วคำถามเล่ากับเรา ในที่สุดเราก็มาถึงทางเข้าและได้รับการต้อนรับผู้จัดงานทำงานได้ยอดเยี่ยมมาก ปกติผมไม่ชอบอะไรแบบนี้แต่สถานที่ดูน่าทึ่งมาก เราถูกพาไปที่โต๊ะของเราและพบว่าเกเบรียล ทราวิส เล็ตตี้ และคริสตินนั่งลงแล้วผมไม่ทักทายใครเลย ไม่เหมือนเอมม่า ผมแค่ช่วยเอมม่านั่งที่ของเธอ จากนั้นผมก็นั่งที่ของตัวเองตอนนี้จิตใจผมไม่ได้อยู่ที่นี่ ความคิดของผมวนเวียนอยู่กับเอวาและความปลอดภัยของเธอ ผมไม่สามารถจด
ทั้งเอมม่าและคริสตินจ้องมองเธอด้วยความตกใจและโกรธ อาจเป็นเพราะไม่มีใครเคยกล้าพูดกับพวกเธอแบบนั้น เอมม่ากำมือแน่น เธอโกรธอย่างเห็นได้ชัด“พอแล้ว เล็ตตี้... ผมจะไม่ยอมให้คุณพูดกับเอมม่าแบบนั้น เธอเป็นน้องสาวของผมนะ ถ้าคุณไม่เคารพเธอก็ออกไปซะ” ทราวิสขู่ เล็ตตี้มองเอมม่าก่อนที่จะยิ้มเยาะแล้วหันไปหาทราวิส“ฉันต้องเตือนคุณไหมว่าเอวาก็เป็นน้องสาวของคุณ? แต่นั่นไม่เห็นสำคัญสำหรับคุณเลย ยังไงซะคุณก็คือหนึ่งในคนที่ดูถูกเธอและปฏิบัติกับเธอเหมือนขยะ” จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืน “ฉันยินดีที่จะไป ฉันอยากอยู่บ้านมากกว่าที่จะต้องอยู่กับพวกคนงี่เง่าและเห็นแก่ตัว ฉันเบื่อหน่ายพวกคุณทุกคน”“เล็ตตี้…” ทราวิสอ้อนวอนและเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว แต่เธอก็หันหลังแล้วเดินออกไปแล้วทั้งโต๊ะยังคงเงียบอยู่ขณะที่เราเฝ้าดูเธอเดินออกไป แต่เธอก็ไปได้ไม่ไกลเพราะถูกบอดี้การ์ดหยุดเอาไว้ จากนั้นเขาก็พาเธอกลับมาที่ห้องจัดเลี้ยงและเดินผ่านพวกเราไปที่โต๊ะของเอวาเอวาลุกขึ้นและกอดเล็ตตี้ จากนั้นพวกเธอก็นั่งลงและเริ่มพูดคุยกันไม่กี่วินาทีต่อมา บอดี้การ์ดก็มายืนที่โต๊ะของเรา“คุณครับ ผมต้องขอให้คุณออกไปด้วยครับ” เขาบอกคริสติน
“อะไรนะ?” เอมม่าที่อยู่ข้าง ๆ ผมกระซิบด้วยความตกใจทั้งห้องเงียบลง ทุกคนประหลาดใจมาก ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น ไม่มีใครคาดคิดว่าเอวาจะเป็นผู้ก่อตั้งองค์กรใหญ่โตเช่นนี้ผมเคยแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นแท้ ๆ แม้แต่ผมเองยังไม่รู้เลย นั่นบ่งบอกอะไรเกี่ยวกับผมได้มากมายถ้าผมเองยังไม่รู้เรื่องนี้เกี่ยวกับเอวาด้วยซ้ำ“นายรู้เรื่องนี้ไหม?” เกเบรียลถามด้วยตาและปากที่เบิกกว้าง“ไม่” ผมกัดฟันตอบด้วยความโมโหที่พลาดเรื่องนี้ไปผมเฝ้าดูเธอเลื่อนเก้าอี้ตัวเองออกก่อนที่จะลุกขึ้น อีธานเองก็ลุกขึ้นพร้อมกับยื่นมือให้เธอ เธอวางมือของเธอไว้บนมือของเขาด้วยรอยยิ้มและเขาก็พาเธอเดินไปยังเวที ผมกัดฟันแน่นเมื่อเขาวางมือบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเธอขณะที่ช่วยเธอขึ้นบันไดเมื่อเธอขึ้นเวทีแล้ว เขาก็ก้าวลงมา เธอโอบกอดแมรี่ก่อนที่จะก้าวขึ้นไปบนโพเดียมเธอยิ้มก่อนที่จะกระแอมในลำคอ“สวัสดีค่ะ” เธอหัวเราะคิกคักอย่างประหม่า “แปลกดีนะคะ ฉันสามารถทักทายห้องที่เต็มไปด้วยวัยรุ่นจอมเกเรได้ง่ายกว่าห้องที่เต็มไปด้วยผู้ใหญ่”คำพูดนี้ทำให้เธอได้รับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากผู้คนมากมาย“ฉันไม่คิดว่าจะมีใครที่นี่ที่ไม่
“เยี่ยมเลย” เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เธอแค่หยิบแท็บเล็ตขึ้นมาแล้วเริ่มพิมพ์บางอย่างลงไป“เฮ้” เอมม่าเริ่มพูด “นั่นไม่ใช่เคเลบ คิงส์ตัน จากบริษัทคิงส์ตันเทคโนโลยีเหรอ? เขาไปหาเอวาทำไม? เขารู้จักเธอเหรอ?”ผมมองตามสายตาของเธอไป มีชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่กับเอวา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นเคยมากบริษัทคิงส์ตันเทคโนโลยีถูกก่อตั้งเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว เขาเป็นผู้บริหารที่อายุน้อยที่สุดและได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในโลกธุรกิจ ด้วยอายุเพียงยี่สิบปีเขาได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก เทคโนโลยีของเขาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และเขาก็ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในกลุ่มของผู้บริหารระดับสูงถ้าผมเป็นคนไม่เอาไหน ผมคงกังวลว่าเขาจะแย่งตำแหน่งผู้ประกอบการอันดับหนึ่งของประเทศของไป เด็กหนุ่มคนนี้ทำให้บรรดานักธุรกิจคนอื่น ๆ ต้องเสียเงินกันเป็นกอบเป็นกำ“โอ้ ใช่แล้ว… เขาเป็นผู้ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิโฮป เขาเป็นเด็กกำพร้าและคุณเอวาได้ก็รับเขาไว้ภายใต้การดูแลของเธอ เธอเป็นคนสังเกตเห็นว่าเขาเป็นอัจฉริยะด้านเทคโนโลยี เธอจึงสนับสนุนให้เขาเริ่มต้นทำบางอย่างด้วยพรสวรรค์ของเขา เมื่อเขาคิดที่จะมีบริษัทของตัวเองขึ้นมา ค
“คุณกล้าดียังไง?” น้ำเสียงของเอวาเต็มไปด้วยความโกรธเบรนดายิ้มเยาะราวกับว่าเธอมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ “ไม่ใช่ความผิดของฉันที่เด็กนี่เดินไม่มองทาง นี่เป็นชุดรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นของหลุยส์ วิตตอง และนังเด็กเวรนั่นเกือบจะทำลายชุดฉันด้วยการสาดน้ำผลไม้ใส่”เบรนดาและเอวาไม่เคยลงรอยกัน ผมรู้ว่าเอวาเคยถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียนและเบรนดาคือคนที่ทำให้เธอทรมานมากที่สุดเด็กผู้หญิงที่พวกเขากำลังพูดถึงกำลังหลบอยู่ข้างหลังเอวา เธอน่าจะอายุไม่เกินห้าขวบ เธอเป็นเด็กที่หน้าตาน่ารัก ใส่ชุดสีชมพูสวยงาม ใบหน้ารูปหัวใจ ริมฝีปากอิ่มและผมสีดำยาวสยายลงมาด้านหลังผมนึกภาพตัวเองมีลูกสาวตัวน้อยที่มีดวงตาสีเทาและผมสีน้ำตาลเป็นมันเงาเหมือนเอวาผมตัวแข็งทื่อทันที นี่มันอะไรกัน? ความคิดนั้นมาจากไหนกัน? ผมส่ายหัวและสลัดความคิดนั้นออกไปก่อนมุ่งความสนใจไปที่เอวา ดูเหมือนว่าเอวาจะกำลังจะสั่งสอนเบรนดา“คุณล้อฉันเล่นใช่ไหม? นั่นเป็นเหตุผลที่โง่เง่าจริง ๆ ที่จะทำร้ายเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเราอยู่ที่นี่ก็เพื่อพวกเขา” เอวาตำหนิพลางขมวดคิ้วบนใบหน้าที่สวยงามของเธอ“มันไม่ใช่เหตุผลที่โง่เง่า” เบรนดากระทืบเท้าเหมือ
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท
ฉันจ้องมองเขาอย่างมึนงง ไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรดี“คุณชอบกลิ่นหอม และคุณชอบกลิ่นที่มีเบอร์รี่ผสมอยู่มากกว่า ขอแค่น้ำหอมหรือสบู่เหลวอาบน้ำมีส่วนผสมของเบอร์รี่ คุณก็จะยอมซื้อ คุณไม่มีอาหารจานโปรดจริง ๆ เพราะคุณจะกินอะไรก็ได้ตราบใดที่มันอร่อย คุณชอบอาบน้ำอุ่นนาน ๆ เพราะมันทำให้คุณผ่อนคลาย คุณเกลียดความสูง คุณเกลียดการไปสาย และคุณเกลียดการขึ้นเครื่องบินด้วย คุณเกลียดแมลงสาบ คุณมักจะพูดว่าอยากให้บ้านของคุณเต็มไปด้วยแมงมุมมากกว่าพวกแมลงสีน้ำตาลน่ารังเกียจนั่น... ให้ผมจะพูดต่อไหม”เขาไม่ให้โอกาสฉันตอบ“คุณชอบรวบผมเป็นหางม้าและมวยผม คุณไม่ชอบแต่งหน้ามากนักและแต่งหน้าเฉพาะเมื่อจำเป็นหรืออยากแต่ง คุณไม่ชอบนอนหงายเพราะมันทำให้คุณนึกถึงคนตายในโลงศพ คุณเกลียดความไม่เป็นระเบียบและสีเหลืองด้วย…”ฉันยกมือให้เขาหยุดพูดเพราะฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง เพราะเราไม่เคยสนิทกันมาก่อน ครอบครัวชาร์พคงไม่ได้บอกเขาหรอก เพราะพวกเขาแทบจะไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ“ได้ยังไง?” ฉันพูดติดขัด ในหัวไม่สามารถประมวณผลทุกอย่างได้“ผมบอกคุณแล้ว” เขากล่าวพร้
ฉันมองออกไปนอกรถแล้วตะลึงงัน สถานที่แห่งนี้ดูราวกับเป็นสวรรค์ มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่มีหญ้าเขียวขจีและคงมีดอกไม้มากมายนานาพันธุ์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของที่นี่ แต่มันคือเพราะทิวทัศน์ต่างหาก ดวงดาวนับพันเปล่งแสงระยิบระยับราวกับกำลังเห็นด้วยกับเดตนี้“คุณชอบไหม” โรแวนถาม และคำตอบเดียวของฉันคือการพยักหน้าฉันค่อย ๆ ออกจากรถ สูดอากาศบริสุทธิ์และชมทิวทัศน์ที่สวยงามจับใจ ฉันเดินไปเกือบถึงขอบถนนและมองลงไปที่เมืองเบื้องล่าง ฉันไม่รู้ว่าโรแวนไปเจอสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร และฉันก็ไม่สนใจฉันหลับตาลง รู้สึกว่าความกังวลทั้งหมดมลายหายไป นี่คือฉากในแบบที่ฉันชอบ ฉันชอบมันมากเมื่อฉันหันกลับไป ฉันพบว่าโรแวนจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มีผ้าห่มและตะกร้าปิกนิกพร้อมสิ่งที่ฉันเดาว่าเป็นช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่และไวน์ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่เราสั่งอยู่ด้วยฉันเดินช้า ๆ ไปหาเขา ถอดรองเท้าและนั่งลงข้าง ๆ เขา “นี่มันสุดยอดเลย โรแวน ขอบคุณนะคะ”เขาพยักหน้า “อะไรก็ตามที่จะทำให้คุณมีความสุขที่รัก ตอนนี้เรามาทานอาหารกันเถอะ เพราะผมหิวจะแย่แล้ว”เราทานอาหารกันเงียบ ๆ ฉันใช้โอกาสนี้ชื่นชมทิวทัศน์
การเดินทางใช้เวลาไม่นานนัก และนอกจากการคุยกันเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เราก็เงียบกันเกือบตลอดเวลา แต่ก็เป็นครั้งแรกเท่าที่ฉันจำได้ ที่ความเงียบระหว่างเราให้ความรู้สึกสบายใจในช่วงเวลาที่หาได้ยากที่เราขับรถไปด้วยกัน โรแวนมักจะพยายามทำเป็นไม่สนใจฉัน ขณะที่ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อชวนเขาคุย ซึ่งมันมักจะทำให้บรรยากาศดูอึดอัดและแปลก ๆ เสมอ“คุณยิ้มทำไม” ฉันถามเขาเมื่อเขาลงจากรถเพื่อช่วยฉันออกจากรถรอยยิ้มของเขาควรจะเป็นอาวุธทำลายล้างสำหรับผู้หญิงโดยแท้ แน่นอนว่าเขาหล่ออยู่แล้ว แต่เมื่อโรแวนยิ้ม มันยิ่งทำให้ความหล่อของเขาก้าวไปอีกระดับหนึ่ง“ผมจะมีความสุขที่พาผู้หญิงของตัวเองออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ” เขาถามพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อยไม่รู้ทำไม ฉันถึงหัวเราะคิกคักขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ปกติฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหัวร่อต่อกระซิก ฉันไม่เคยหัวเราะแบบนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต จริง ๆ แล้วฉันเคยคิดว่ามันดูน่ารังเกียจด้วยซ้ำเมื่อเห็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับเป็นคนที่ทำเสียเอง“ขอโทษที ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงหัวเราะแบบนั้น” ฉันเอ่ยขอโทษขณะที่พยายามรวบรวมสติเขาจับมือฉัน และฉันก็คล้อ
ฉันมองตัวเองในกระจก และมีความสุขกับลุคของตัวเอง ฉันเกล้าผมเป็นมวยต่ำและม้วนผมเป็นลอนเข้ากับกรอบหน้า คืนนี้ฉันต้องการอะไรที่แปลกใหม่ เพราะเป็นเดตครั้งแรกของฉันกับโรแวน ฉันจึงตัดสินใจเลือกอายแชโดว์สีสโมกี้ที่ดูไม่ฉูดฉาดแต่เย้ายวนกับลิปสติกสีแดงส่วนชุดเดรส ฉันเลือกชุดเดรสสีดำยาวระดับเข่า มีคอเสื้อเว้าลึกที่ยึดด้วยสายรัดบาง ๆ เผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย พอให้ดูยั่วยวนแต่ไม่เกินงาม อีกทั้งเป็นชุดเปิดหลังซึ่งฉันมั่นใจว่าจะทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ต้องคลั่งฉันยังคงจ้องมองตัวเองในขณะที่ลูบมือไปตามเนื้อผ้าที่นุ่มนวล ชุดนี้เข้ารูปพอดีตัว และต้องขอบคุณที่ฉันเพิ่งผ่านช่วงตั้งครรภ์ เลยทำให้ตอนนี้ฉันมีส่วนเว้าโค้งที่พอดิบพอดี“โอ้โหที่รัก ถ้าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ฉันคงจีบเธอไปแล้วแน่ ๆ” เล็ตตี้กล่าวชมด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่ม “เธอเซ็กซี่มาก แบบที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้เลย” “เธอพูดถูก” โครินพูดเสริมพวกเธอกลับไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ตอนนี้เรากำลังคุยกันทางวิดิโอคอล เพราะฉันต้องการฟังความคิดเห็นที่จริงใจของพวกเธอ เดตครั้งนี้สำคัญมาก อย่างที่ฉันบอก นี่เป็นเดตครั้งแรกของโรแวนกับฉัน ฉันจึงอยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูร
“เอานี่ไปสิ” เขาสั่งพลางยื่นแบล็คการ์ดของเขาให้ฉันฉันมองบัตรนั้นอย่างลังเล “โรแวน…”“เอาไปเถอะ เอวา ตอนนี้คุณเป็นของผมแล้ว หมายความว่าทุกอย่างที่ผมมีก็เป็นของคุณ คุณอาจจะมีเงิน แต่ตราบใดที่เรายังอยู่ด้วยกัน คุณไม่จำเป็นต้องใช้มัน”ฉันขมวดคิ้วด้วยความสับสน สายตาของฉันเลื่อนไปที่เขา ฉันไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรที่บอกว่า ‘ฉันมีเงิน’ ฉันไม่มีเวลาซักถามเขา และฉันจะไม่เถียง เพราะจากแววตาที่เขามองมาที่ฉัน ฉันรู้ว่าเขาจะไม่เปลี่ยนใจ “โอเค” ฉันพึมพำพลางรับบัตร “ขอบคุณนะ”ฉันไม่ได้คิดจะใช้บัตรใบนั้นหรอก แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องรู้ หลังจากบอกลากัน ฉันก็ออกจากบ้าน เราตัดสินใจใช้รถหนึ่งคัน บอดี้การ์ดคนหนึ่งจึงขับรถพาเราไปที่ห้างสรรพสินค้าฉันตื่นเต้นมากจนแทบจะห้ามใจไม่อยู่ ไม่นานเราก็มาถึง และหลังจากจอดรถเราก็ตรงไปที่ร้านค้าทันที โดยมีบอริสเดินตามอยู่ข้างหลัง“ว่าแต่เธอกำลังมองหาอะไรอยู่เหรอ” เล็ตตี้ถามขณะเราเข้าไปในร้านแบรนด์หรูแห่งหนึ่งฉันมองร้านด้วยความกังวล รู้สึกตกตะลึงกับป้ายราคา“เล็ตตี้ ฉันไม่คิดว่าจะซื้ออะไรที่นี่ได้หรอก” ฉันเอ่ยขึ้นเสียงแหลม “ราคาที่นี่ทำฉันหัวใจวายได้เลย”พว
“ได้สิ แน่นอน”หลังจากนั้นเขาก็วางสาย ฉันถอนหายใจ รู้สึกผิดหวังนิดหน่อยที่เขาไม่ได้หาทางออกให้ ในตอนนี้ฉันคิดว่าจะรับข้อเสนอของโครินหรือไม่ก็พาไอริสไปด้วยแทน ซึ่งคงปวดหัวไม่น้อย การไปช้อปปิ้งกับลูกมักจะเป็นแบบนั้นฉันถือโทรศัพท์แล้วเดินลงไปชั้นล่าง ไอริสยังหลับอยู่ ส่วนโครินกับเล็ตตี้กำลังคุยกัน ขนมที่เทเรซาเอามาให้ก็เกือบจะหมดแล้ว“แล้วเขาว่าไงบ้าง” เล็ตตี้ถามหลังจากกลืนคุกกี้ลงคอฉันตอบพร้อมยักไหล่ “ไม่มีอะไรมาก เขาแค่บอกให้ฉันรอให้เขาคิดหาวิธีแก้ปัญหาก่อน” ฉันนั่งลงและหยิบคุกกี้ขึ้นมา ฉันเคี้ยวมันอย่างเอร็ดอร่อยจนเกือบร้องครางออกมา เทเรซาบอกฉันว่าเธอใช้สูตรลับที่สืบทอดมาจากคุณย่าทวดของเธอ ฉันเองยังพยายามโน้มน้าวให้เธอแบ่งปันสูตรที่ว่านั้นให้เลย“บ้าจริง เทเรซาสร้างความฟินด้วยอาหารเก่งชะมัด... นี่มันอร่อยสุด ๆ เลย” โครินชมขณะที่หยิบคุกกี้ขึ้นมาอีกชิ้นฉันได้แต่ยิ้มเพราะรู้ว่าเธอพูดถูก โนอาหลงใหลคุ้กกี้ของเธอมาก ฉันก็เช่นกัน โรแวนไม่ชอบของหวานเท่าไร แต่เขาเคยลองกินครั้งหนึ่งและก็ต้องยอมรับว่ามันอร่อย ถ้าเทเรซาคิดจะทำธุรกิจคุกกี้ เธอต้องขายได้แน่นอน เธอทำได้อร่อยถึงขั้นนั้นเชียวล
“นี่เอาจริงเหรอ” เล็ตตี้ถามด้วยความตกตะลึง“ใช่” ฉันตอบ “วันนี้ฉันค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัว แต่ไม่มีอะไรที่เหมาะจะใส่ออกเดตเลย แม้แต่เดรสสั้นสีดำเล็ก ๆ สักตัวก็ยังไม่มี” พูดตามตรงว่าเรื่องนี้ค่อนข้างน่าแปลกใจ ฉันจำความทรงจำครั้งหนึ่งกับอีธานได้ เราไปเดตกันและฉันมีชุดเดรสสีแดงรัดรูปตัวหนึ่ง ไม่ใช่ว่าฉันคิดจะใส่มันหรอก แต่ตอนนี้มันหายไปจากตู้เสื้อผ้า ฉันมีแค่กางเกงยีนส์กับเดรสฤดูร้อนไม่กี่ตัวเท่านั้น“ไม่ต้องกังวลหรอก เพื่อนรัก เราจะช่วยเธอเอง... จริง ๆ แล้ว ฉันคิดว่าเราควรไปช้อปปิ้งกัน” โครินพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงฟังดูน่าสนุก แต่ฉันอดกังวลเกี่ยวกับไอริสไม่ได้ ฉันไม่อยากพาเธอไปด้วยเพราะเรารู้กันดีว่าการช้อปปิ้งมันทั้งยาวนานและเหนื่อยล้า แต่ฉันก็ไม่อยากทิ้งเธอไว้ที่นี่เช่นกัน“ไม่รู้สิ” ฉันพึมพำพลางกัดริมฝีปากไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจเทเรซา แต่ฉันแค่รู้สึกไม่สบายใจที่จะทิ้งเธอไว้กับหล่อน มันคงไม่เป็นไรถ้าโนอาหรือโรแวนอยู่แถวนี้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่“เกี่ยวกับเรื่องไอริสงั้นเหรอ?” เล็ตตี้ถามขณะมองลึกเข้ามาในดวงตาฉันแทนที่จะตอบ ฉันแค่พยักหน้า ฉันอยากไปช้อปปิ้งจริง ๆ ฉันถูกขังอย
“แล้วเธอคิดว่าฉันควรทำยังไง” โครินถามพร้อมมองพวกเราอย่างต้องการคำตอบ“ก่อนอื่นเลย เธอต้องการเขาไหม” ฉันถามด้วยความอยากรู้นั่นคือคำถามแรกที่เธอต้องถามตัวเอง เราทำอะไรต่อไม่ได้เลยจนกว่าเธอจะตอบคำถามนั้น “ฉันหลงใหลเขาอย่างโงหัวไม่ขึ้น แต่ฉันไม่รู้ว่าควรยุ่งเกี่ยวกับเขาหรือเปล่า ตำรวจยังคงตามล่าเขาอยู่ และฉันไม่ต้องการความสัมพันธ์ที่จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองในภายหลังและทำลายทุกอย่างที่ฉันทุ่มเทมา” ครู่หนึ่งเธอก็เอ่ยตอบฉันเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร รีเปอร์ไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นอาชญากร ซึ่งหมายความว่าการยุ่งเกี่ยวกับเขาจะมีผลร้ายแรง ซึ่งทำให้ฉันสงสัยว่าฉันคิดอะไรอยู่ถึงได้เป็นเพื่อนกับผู้ชายคนนั้น ฉันเข้าใจว่าเขาเป็นลุงของไอริส แต่ผู้ชายคนนั้นเป็นอันตรายและตำรวจก็กำลังต้องการตัวเขา“ฉันคิดว่าเธอควรลองดูนะ ฟันเขาสักครั้งแล้วค่อยตัดสินใจ” เล็ตตี้บอกเธอ ฉันกำลังจะขัดจังหวะเธอเพราะคิดว่าเธอเสียสติ แต่เธอตัดบทฉันเสียก่อน “ฟังฉันก่อนน่า เราทั้งคู่รู้ว่าเอวาไม่ใช่คนที่เชื่อใจใครโดยไม่ลืมหูลืมหา ยกเว้นอีธานล่ะนะ เธอเป็นคนที่ดูคนเก่งทีเดียว”“แม้แต่กับอีธาน เราก็ยอมรับว่าเขาเป็นคนดี เขาแค่ยอมให้คว