แชร์

บทที่ 76

ผู้เขียน: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
ทั้งเอมม่าและคริสตินจ้องมองเธอด้วยความตกใจและโกรธ อาจเป็นเพราะไม่มีใครเคยกล้าพูดกับพวกเธอแบบนั้น เอมม่ากำมือแน่น เธอโกรธอย่างเห็นได้ชัด

“พอแล้ว เล็ตตี้... ผมจะไม่ยอมให้คุณพูดกับเอมม่าแบบนั้น เธอเป็นน้องสาวของผมนะ ถ้าคุณไม่เคารพเธอก็ออกไปซะ” ทราวิสขู่ เล็ตตี้มองเอมม่าก่อนที่จะยิ้มเยาะแล้วหันไปหาทราวิส

“ฉันต้องเตือนคุณไหมว่าเอวาก็เป็นน้องสาวของคุณ? แต่นั่นไม่เห็นสำคัญสำหรับคุณเลย ยังไงซะคุณก็คือหนึ่งในคนที่ดูถูกเธอและปฏิบัติกับเธอเหมือนขยะ” จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืน “ฉันยินดีที่จะไป ฉันอยากอยู่บ้านมากกว่าที่จะต้องอยู่กับพวกคนงี่เง่าและเห็นแก่ตัว ฉันเบื่อหน่ายพวกคุณทุกคน”

“เล็ตตี้…” ทราวิสอ้อนวอนและเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว แต่เธอก็หันหลังแล้วเดินออกไปแล้ว

ทั้งโต๊ะยังคงเงียบอยู่ขณะที่เราเฝ้าดูเธอเดินออกไป แต่เธอก็ไปได้ไม่ไกลเพราะถูกบอดี้การ์ดหยุดเอาไว้ จากนั้นเขาก็พาเธอกลับมาที่ห้องจัดเลี้ยงและเดินผ่านพวกเราไปที่โต๊ะของเอวา

เอวาลุกขึ้นและกอดเล็ตตี้ จากนั้นพวกเธอก็นั่งลงและเริ่มพูดคุยกัน

ไม่กี่วินาทีต่อมา บอดี้การ์ดก็มายืนที่โต๊ะของเรา

“คุณครับ ผมต้องขอให้คุณออกไปด้วยครับ” เขาบอกคริสติน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ธุลีใจ   บทที่ 77

    “อะไรนะ?” เอมม่าที่อยู่ข้าง ๆ ผมกระซิบด้วยความตกใจทั้งห้องเงียบลง ทุกคนประหลาดใจมาก ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น ไม่มีใครคาดคิดว่าเอวาจะเป็นผู้ก่อตั้งองค์กรใหญ่โตเช่นนี้ผมเคยแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นแท้ ๆ แม้แต่ผมเองยังไม่รู้เลย นั่นบ่งบอกอะไรเกี่ยวกับผมได้มากมายถ้าผมเองยังไม่รู้เรื่องนี้เกี่ยวกับเอวาด้วยซ้ำ“นายรู้เรื่องนี้ไหม?” เกเบรียลถามด้วยตาและปากที่เบิกกว้าง“ไม่” ผมกัดฟันตอบด้วยความโมโหที่พลาดเรื่องนี้ไปผมเฝ้าดูเธอเลื่อนเก้าอี้ตัวเองออกก่อนที่จะลุกขึ้น อีธานเองก็ลุกขึ้นพร้อมกับยื่นมือให้เธอ เธอวางมือของเธอไว้บนมือของเขาด้วยรอยยิ้มและเขาก็พาเธอเดินไปยังเวที ผมกัดฟันแน่นเมื่อเขาวางมือบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเธอขณะที่ช่วยเธอขึ้นบันไดเมื่อเธอขึ้นเวทีแล้ว เขาก็ก้าวลงมา เธอโอบกอดแมรี่ก่อนที่จะก้าวขึ้นไปบนโพเดียมเธอยิ้มก่อนที่จะกระแอมในลำคอ“สวัสดีค่ะ” เธอหัวเราะคิกคักอย่างประหม่า “แปลกดีนะคะ ฉันสามารถทักทายห้องที่เต็มไปด้วยวัยรุ่นจอมเกเรได้ง่ายกว่าห้องที่เต็มไปด้วยผู้ใหญ่”คำพูดนี้ทำให้เธอได้รับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากผู้คนมากมาย“ฉันไม่คิดว่าจะมีใครที่นี่ที่ไม่

  • ธุลีใจ   บทที่ 78

    “เยี่ยมเลย” เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เธอแค่หยิบแท็บเล็ตขึ้นมาแล้วเริ่มพิมพ์บางอย่างลงไป“เฮ้” เอมม่าเริ่มพูด “นั่นไม่ใช่เคเลบ คิงส์ตัน จากบริษัทคิงส์ตันเทคโนโลยีเหรอ? เขาไปหาเอวาทำไม? เขารู้จักเธอเหรอ?”ผมมองตามสายตาของเธอไป มีชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่กับเอวา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นเคยมากบริษัทคิงส์ตันเทคโนโลยีถูกก่อตั้งเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว เขาเป็นผู้บริหารที่อายุน้อยที่สุดและได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในโลกธุรกิจ ด้วยอายุเพียงยี่สิบปีเขาได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก เทคโนโลยีของเขาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และเขาก็ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในกลุ่มของผู้บริหารระดับสูงถ้าผมเป็นคนไม่เอาไหน ผมคงกังวลว่าเขาจะแย่งตำแหน่งผู้ประกอบการอันดับหนึ่งของประเทศของไป เด็กหนุ่มคนนี้ทำให้บรรดานักธุรกิจคนอื่น ๆ ต้องเสียเงินกันเป็นกอบเป็นกำ“โอ้ ใช่แล้ว… เขาเป็นผู้ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิโฮป เขาเป็นเด็กกำพร้าและคุณเอวาได้ก็รับเขาไว้ภายใต้การดูแลของเธอ เธอเป็นคนสังเกตเห็นว่าเขาเป็นอัจฉริยะด้านเทคโนโลยี เธอจึงสนับสนุนให้เขาเริ่มต้นทำบางอย่างด้วยพรสวรรค์ของเขา เมื่อเขาคิดที่จะมีบริษัทของตัวเองขึ้นมา ค

  • ธุลีใจ   บทที่ 79

    “คุณกล้าดียังไง?” น้ำเสียงของเอวาเต็มไปด้วยความโกรธเบรนดายิ้มเยาะราวกับว่าเธอมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ “ไม่ใช่ความผิดของฉันที่เด็กนี่เดินไม่มองทาง นี่เป็นชุดรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นของหลุยส์ วิตตอง และนังเด็กเวรนั่นเกือบจะทำลายชุดฉันด้วยการสาดน้ำผลไม้ใส่”เบรนดาและเอวาไม่เคยลงรอยกัน ผมรู้ว่าเอวาเคยถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียนและเบรนดาคือคนที่ทำให้เธอทรมานมากที่สุดเด็กผู้หญิงที่พวกเขากำลังพูดถึงกำลังหลบอยู่ข้างหลังเอวา เธอน่าจะอายุไม่เกินห้าขวบ เธอเป็นเด็กที่หน้าตาน่ารัก ใส่ชุดสีชมพูสวยงาม ใบหน้ารูปหัวใจ ริมฝีปากอิ่มและผมสีดำยาวสยายลงมาด้านหลังผมนึกภาพตัวเองมีลูกสาวตัวน้อยที่มีดวงตาสีเทาและผมสีน้ำตาลเป็นมันเงาเหมือนเอวาผมตัวแข็งทื่อทันที นี่มันอะไรกัน? ความคิดนั้นมาจากไหนกัน? ผมส่ายหัวและสลัดความคิดนั้นออกไปก่อนมุ่งความสนใจไปที่เอวา ดูเหมือนว่าเอวาจะกำลังจะสั่งสอนเบรนดา“คุณล้อฉันเล่นใช่ไหม? นั่นเป็นเหตุผลที่โง่เง่าจริง ๆ ที่จะทำร้ายเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเราอยู่ที่นี่ก็เพื่อพวกเขา” เอวาตำหนิพลางขมวดคิ้วบนใบหน้าที่สวยงามของเธอ“มันไม่ใช่เหตุผลที่โง่เง่า” เบรนดากระทืบเท้าเหมือ

  • ธุลีใจ   บทที่ 80

    “แล้วฉันต้องบอกอะไรคุณ?”“ทุกอย่าง… มูลนิธิโฮปและความจริงที่ว่าคุณไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ทำไมคุณถึงปล่อยให้พวกเราทุกคนดูถูกคุณ”เธอขมวดคิ้วก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับผม “แล้วฉันควรจะบอกคุณตอนไหน? คุณแทบไม่อยากอยู่ใกล้ฉันเลย แถมคุณยังทำทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันนาน ๆ”ผมจ้องมองเธอ มองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของเธอ มีบางอย่างใหม่ในดวงตาคู่นั้น บางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนและยังมีบางอย่างที่ขาดหายไปเธอพูดต่อไปในขณะที่มองออกไปที่สวน “อีกอย่าง คุณจะสนใจด้วยเหรอ? เท่าที่ฉันจำได้ คุณไม่ได้สนใจอะไรที่เกี่ยวกับฉันเลย”ผมมองคนเดินเข้าออกสวนด้วยสายตาเลื่อนลอย เธอพูดถูก ผมเคยเป็นไอ้สารเลวที่เย็นชา ตอนนั้นผมคิดเอาเองว่าผมไม่จำเป็นต้องสนใจว่าผู้หญิงที่ทำลายชีวิตผมทำอะไรอยู่ผมโกรธแค้นเอวาและมันแสดงออกมาในวิธีที่ผมปฏิบัติกับเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมภูมิใจในตัวเองเสมอที่เป็นคนดี แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ผมต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นคนเลวมาก ถึงขนาดที่ภรรยาของผมต้องเก็บส่วนหนึ่งของชีวิตเธอเป็นความลับกับผม“เรื่องเอมม่า…” ผมกำลังจะขอโทษสำหรับคำพูดที่ผมพูดใส่เธอโดยไม่คิด แต่เธอกลับตัดบ

  • ธุลีใจ   บทที่ 81

    เอวาเท้าฉันเจ็บจนแทบยืนไม่ไหวและอยากแช่ตัวในอ่างอาบน้ำก่อนเข้านอนเสียเหลือเกินเราวางแผนจัดงานเลี้ยงนี้กันมาหลายสัปดาห์แล้ว ตอนแรกฉันไม่ควรจะไปที่นั่น งานเลี้ยงนี้ควรจะมีแมรี่เป็นตัวแทนของฉันแบบที่เคยเป็นมา แต่หลังจากที่ฉันเสียใจสติแตกในครัววันนั้น ฉันจึงตัดสินใจว่ามันถึงเวลาที่ฉันจะเลิกซ่อนตัวแล้วแมรี่ตื่นเต้นมากเมื่อฉันบอกเธอว่าฉันจะไปงานเลี้ยงอาหารค่ำ ตัวตนของฉันถูกปกปิดไว้เป็นความลับมาเป็นเวลาห้าปี ไม่ใช่เพราะฉันกลัวว่าใครจะรู้ แต่เพราะฉันแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขฉันไม่อยากเป็นจุดสนใจ ฉันไม่อยากให้ใครมาคอยเอาใจฉันเพราะพวกเขารู้ว่าฉันรวย แต่ตอนนี้ฉันออกมาจากเงามืดได้แล้ว ฉันรู้แล้วว่าใครจริงใจและใครไม่จริงใจแค่คืนนี้ก็มีคนที่นี่ที่พยายามจะเอาใจฉัน รวมทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่เคยดูถูกฉันและปฏิบัติกับฉันเหมือนขยะเพียงเพราะฉันไม่มีงานรายได้สูง พวกเขาจึงเชื่อว่าฉันไม่มีเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียวมันน่าหงุดหงิดมาก ฉันแค่อยากอยู่ห่างจากพวกเขาเท่านั้น“ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิโฮป” เล็ตตี้พูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ทำไมถึงไม่เคยบอกฉัน?”ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้

  • ธุลีใจ   บทที่ 82

    เธอมองมาที่ฉันก่อนที่ตาของเธอจะเบิกกว้างขึ้น “มีบางอย่างเปลี่ยนไป”“เธอหมายความว่าอย่างไร?” ฉันถามโดยพยายามซ่อนรอยยิ้มของฉัน“มีบางอย่างที่เปลี่ยนไปในตัวคุณ พอฉันมองดี ๆ แล้ว… มันคืออะไร? มีอะไรเปลี่ยนไปเหรอ?”“ฉันไม่รู้ อาจเป็นเพราะว่าฉันเบื่อที่จะใช้ชีวิตอย่างขมขื่น หรืออาจเป็นเพราะฉันมีเซ็กส์กับอีธาน…” ฉันเกาคางตัวเองพลางครุ่นคิด “เพราะเซ็กส์แน่ ๆ เลย”“อะไรนะ?!” เธอร้องตะโกนและทำให้บางคนหันมาหาเราฉันหัวเราะกับท่าทางตลก ๆ ของเธอ“เธอมีเซ็กส์กับอีธานเหรอ?” เธอพูดซ้ำราวกับว่าเธอไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันบอกเธอ“ใช่” ฉันยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อนึกถึงเรื่องนั้น “จริง ๆ แล้วหลายครั้งเลย”“หลายครั้งในคืนเดียวหรือหลายคืน?”ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ฉันหมายถึงหลายครั้งในคืนเดียวติดต่อกันหลายคืน”เธออ้าปากค้างก่อนที่ปากเธอจะหยักยิ้มและยิ้มให้ฉันเหมือนคนโง่“ไม่เบาเลยนะ! ถ้าการที่มีเซ็กส์กับเขาทำให้ยิ้มหน้าบานแบบนี้ก็ทำต่อไปเถอะที่รัก คุณสมควรที่จะมีเซ็กส์ที่ดีและมีความสุข”นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ฉันรักเล็ตตี้ เธอไม่ตัดสินใครและสนับสนุนฉันมากฉันโอบแขนเธอและกอดเธอ “ขอบคุณนะเล็ตตี้ที่เป็นตัวขอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 83

    เขายังบอกฉันด้วยว่าอย่าประมาท เขาบอกว่าแค่เพราะว่าผู้ชายคนนั้นตายแล้วไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอันตรายอีกต่อไป“แมรู้ลูกรัก มันเป็นงานปาร์ตี้ที่ยอดเยี่ยมมาก ไว้แม่จะส่งรูปให้ดูนะจ๊ะ” ฉันหยุดชะงัก “เพื่อน ๆ ของลูกฝากความคิดถึงถึงลูกด้วยนะ”เรามักจะไปที่บ้านมูลนิธิกับโนอาทุกวันเสาร์ เขาเข้ากับเด็ก ๆ ที่นั่นได้ดีแม้แต่เด็กโต พวกเขาทุกคนรักโนอาและถึงกับถามหาเขาในวันนี้ด้วย“พี่คิงส์ตันอยู่ที่นั่นไหมครับ?” เขาถามด้วยความตื่นเต้น“อยู่จ้ะ เขา... แม่ให้เบอร์โทรคุณยายกับเขาแล้ว เขาบอกว่าจะโทรหาลูกเร็ว ๆ นี้”คาเลบและโนอามีความสัมพันธ์กันแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน คาเลบมองโนอาเป็นน้องชายของเขา และโนอาก็มองเขาเป็นพี่ชาย แม้ว่าพวกเขาจะมีอายุห่างกันมาก แต่พวกเขาก็สนิทกันมาก ทั้งสองคนสามารถคุยกันได้เป็นชั่วโมง“เย้” เขาตะโกนผ่านโทรศัพท์ “ผมคิดถึงเขามากเลย”“เขาก็คิดถึงลูกเช่นกันครับ” ฉันยิ้มแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นก็ตาม“โอเคครับแม่ ได้เวลานอนแล้ว… ผมแค่อยากได้ยินเสียงแม่ก่อนนอน” เขาบอกฉันอย่างอ่อนหวาน และหัวใจของฉันก็อบอุ่นขึ้นตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว เด็ก ๆ กลับไปที่บ้านโฮปแล้วเมื่อสองสามชั

  • ธุลีใจ   บทที่ 84

    โรแวนผมมองตามเอมม่าที่ขอตัวและยืนขึ้น ผมคงไม่สนใจเธอหรอกถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอเดินออกไปหลังจากเอวาไม่กี่นาทีสัญชาตญาณบอกผมให้ตามเธอไป ผมยังไม่ลืมสิ่งที่เอวาพูดกับผมถึงเอมม่า มันทำให้ผมคิดมากและผมต้องการคำตอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เอมม่าทำตัวแบบนั้นความตื่นเต้นที่เธอมีต่อการมาที่นี่ตอนนี้หายไปแล้ว ผมพนันด้วยบริษัทของผมได้เลยว่านั่นคงเป็นเพราะได้รู้ว่างานนี้ถูกจัดโดยเอวา เอวาไม่ใช่คนขี้แพ้อย่างที่เธอคิดคนอื่น ๆ ไม่มีปัญหาอะไรยกเว้นเธอ เกเบรียลยังชวนผู้หญิงสองสามคนเต้นรำด้วยกัน ส่วนทราวิสแม้ว่าจะมองเล็ตตี้ด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย แต่เขาก็ดูสบายดีที่อยู่ที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เล็ตตี้กลับมาร่วมโต๊ะกับเราผมค่อย ๆ ลุกขึ้น ผมไม่ได้พูดอะไรแม้ว่าคนอื่น ๆ จะมองผมด้วยสายตาแปลก ๆ ก็ตามผมเดินออกไปและพบว่าเอวาและเอมม่ายืนเผชิญหน้ากันอยู่พวกเธอมุ่งความสนใจไปที่กันและกันมากจนผมไม่คิดว่าพวกเธอจะสังเกตเห็นผม“เธอคิดว่าแค่เพราะเธอเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิโฮปเธอก็จะเป็นคนสำคัญแล้วงั้นเหรอ?” เอมม่าถามเอวาผมได้ยินเอวาถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า “ฉันไม่มีเวลาหรือพลังที่จะคุยกับเธอเอมม่า

บทล่าสุด

  • ธุลีใจ   บทที่ 399

    เกเบรียลผมยังคงรู้สึกถึงสัมผัสเนียนนุ่มของผิวเธอเหมือนกับมันซึมลึกอยู่ใต้ผิวของผมเอง ชั่วขณะหนึ่งผมอยากใช้นิ้วหัวแม่มือไล้ไปตามข้อต่อที่เต้นเป็นจังหวะอยู่ด้านในแขนของเธอฮาร์เปอร์คนใหม่นี้น่าสนใจ เธอร้อนแรง และท่าทางแบบใหม่นี้ทำให้ผมรู้สึกติดใจได้ ผมชอบผู้หญิงที่มั่นใจ เร้าอารมณ์ และมีบุคลิกที่ร้อนแรง ผมชอบที่พวกเธอท้าทายและไม่ยอมแพ้เธอกลายเป็นผู้หญิงแบบนั้นและมันทำให้ผมสนใจ เธอเป็นคนที่ร้อนแรงและไม่กลัวที่จะบอกให้ผมไปตายซะ ผมจะไม่สนใจได้อย่างไรเล่า?ตอนที่เราแต่งงานกันนั้นเธอน่าเบื่อ บุคลิกที่น่าเบื่อทำให้เธอดูจืดชืดในสายตาของผม ไม่มีอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับเธอเลย ในขณะที่ผมชอบผู้หญิงที่มีเขี้ยวเล็บ เธอกลับเชื่อฟังมากเกินไป คิดแต่จะทำให้ผมพอใจและดึงดูดความสนใจกันอย่างเดียวเธอยอมลดตัวทุกอย่างเพียงเพื่อให้ผมสนใจ หากเพียงเธอผลักผมให้ออกห่างไปผมก็คงจะสนใจเธอแล้ว ฮาร์เปอร์เมื่อก่อนเป็นคนขี้อายและกลัวแถมขาดความมั่นใจในตัวเอง สิ่งนั้นมันทำให้ผมรู้สึกไม่อยากสนใจเธอเลยผมถอนหายใจแล้วก็ผลักความคิดเหล่านั้นออกไป พยายามขับไล่ความสงสัยที่มีต่อฮาร์เปอร์ เบคเกตต์ ที่ตอนนี้เป็นวู้ดออกไป วินาทีถั

  • ธุลีใจ   บทที่ 398

    “คุณต้องการอะไร เกเบรียล? อย่างที่เห็น ฉันไม่อยากคุยตอนนี้” ฉันลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดคำพูดของลิลลี่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของฉัน มันบาดลึกซ้ำไปซ้ำมา ฉันเอามือสางผม พยายามไล่ความเจ็บปวดที่ท่วมท้นออกไป ฉันรู้ว่าสักวันมันต้องเกิดขึ้น และฉันก็รู้ว่าเธออาจจะรับมันไม่ได้ดีนักลองคิดดูสิ คุณจะรับมันไหวไหมถ้าแม่มาบอกว่าผู้ชายที่คุณคิดว่าเป็นพ่อมาตลอดกลับกลายเป็นคนอื่นไป? ว่าคุณถูกหลอกมาตลอด และไม่มีใครคิดจะบอกความจริงจนกระทั่งมันเลี่ยงไม่ได้ ฉันเข้าใจเธอ ฉันเข้าใจปฏิกิริยาของเธอ ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อคำพูดและความเจ็บปวดในดวงตาของเธออย่างไร“ลิลลี่ไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นหรอก” เกเบรียลพูดพลางเดินเข้ามาในห้องฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ความรู้สึกบางอย่างที่น่าเกลียดพุ่งขึ้นในใจ “แล้วคุณจะรู้ได้ยังไง? คุณแทบจะไม่รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ แล้วจะมาบอกฉันว่าเธอไม่ได้ตั้งใจได้ไง”“แล้วมันเป็นความผิดใครล่ะ?” เขาสวนกลับทันที จ้องฉันด้วยสายตาโกรธจัดฉันทั้งโกรธทั้งเสียใจ ฉันกำลังหาที่ระบาย หาทางที่จะดึงความสนใจตัวเองออกจากความเจ็บปวดที่ถาโถม เกเบรียลจึงกลายเป็นเป้าหมายของฉัน เพราะ

  • ธุลีใจ   บทที่ 397

    ฮาร์เปอร์สัปดาห์นี้วุ่นวายสุด ๆ เหมือนฉันวิ่งทำธุระตั้งแต่กลับมาที่เมืองนี้โดยไม่ได้พักเลยสักนิดอย่างน้อยตอนนี้ลิลลี่ก็ดูสบายขึ้นแล้ว เกเบรียลไม่ยอมส่งที่นอนของเธอมาเพราะบอกว่าที่นอนที่นี่สบายกว่า แต่เขายอมส่งผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มมาให้แทน ซึ่งมันช่วยได้เยอะเลย ตอนนี้เธอหลับสบายตลอดทั้งคืนส่วนเกเบรียล ฉันจะเริ่มจากตรงไหนดี? เขากลับมาบ้านแม้จะดึกดื่นขนาดไหน แต่ก็เท่านั้นเอง เราสองคนพยายามหลบหน้ากัน ต่างทำเหมือนกับว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอยู่ในชีวิต ฉันคิดว่าแบบนี้ดีกว่า อย่างน้อยลิลลี่จะได้ไม่เห็นเราทะเลาะกันตลอดเวลา“แม่คะ แม่อยากคุยกับหนูเหรอ?” เสียงของลิลลี่ดึงฉันกลับมาสู่ปัจจุบันฉันวางผ้าที่กำลังพับอยู่ลง แล้วนั่งลงบนเตียงก่อนจะส่งสัญญาณให้เธอมานั่งด้วยกัน เธอเดินข้ามห้องมาพร้อมขมวดคิ้ว ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ฉันเราอยู่ในห้องของฉัน อย่างที่เดาได้ว่าเกเบรียลกับฉันไม่ได้นอนห้องเดียวกัน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ลิลลี่เข้าใจอย่างไร เพราะเธอต้องสงสัยแน่ ๆ ในเมื่อก่อนหน้านี้ฉันกับเลียมเคยนอนร่วมห้องกัน“แม่คะ?”“ขอโทษนะลูก มีบางอย่างที่แม่อยากจะอธิบายให้หนูฟัง” ฉั

  • ธุลีใจ   บทที่ 396

    แผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้นหันมาทางฉัน รวมถึงกันเนอร์ด้วย ฉันไม่ต้องกังวลเรื่องคาลวินเพราะเขาดูเหมือนตกอยู่ในห้วงความหลงใหล เขาใส่ใจกับทุกสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูด พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนเด่นชัดบนริมฝีปากอีกครั้งที่ความรู้สึกไม่สบายใจจมลึกลงในหัวใจของฉัน ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนหายใจได้ไม่ทั่วท้อง? เหมือนมีหินก้อนใหญ่ติดอยู่ในลำคอฉันเพ่งสายตามองไปยังพวกเขา แม้จะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดเพราะโต๊ะอยู่ห่างออกไป แต่ความสงบสุขและความสุขบนใบหน้าของคาลวินก็เพียงพอที่จะบอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้น เขากำลังออกเดต และกันเนอร์ก็มาด้วย ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนไม่ได้รังเกียจอะไร แต่ฉันไม่มีวันปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่ฉันในชีวิตของลูกชายเด็ดขาดถึงแม้ฉันจะมองไม่เห็นกันเนอร์ แต่ฉันรู้ว่าเขาเหมือนกับคาลวิน กันเนอร์เองก็มีความสุขที่ได้อยู่ที่นั่น เพราะถ้าไม่ใช่แบบนั้น คาลวินคงพาลูกชายกลับไปแล้วแต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ทั้งที่รู้สึกเหมือนหัวใจถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ฉันไม่รู้ว่าฉันนั่งอยู่นานแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว การได้เห็นเขามีความสุขกลับทำให้ฉันเจ็บปวดอย่างประหลาด มันเหมือนหัวใจถูกบดขยี้

  • ธุลีใจ   บทที่ 395

    คำพูดของมอลลี่ยังคงก้องอยู่ในหัว แม้กระทั่งตอนที่เรากำลังกินของหวาน ฉันชอบไอศกรีมมาก แต่วันนี้ฉันกลับไม่สามารถสนุกกับมันได้เลย โดยเฉพาะเมื่อเธอสามารถทำให้ฉันเริ่มสงสัยในทุกสิ่งที่ฉันเชื่อมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา"ทำไมเธอเงียบจัง?" มอลลี่ถามขณะที่วางแก้วมิลค์เชคลง "หรือเธอกำลังคิดถึงสิ่งที่ฉันเพิ่งพูด?"ประโยคสุดท้ายมาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่เธอเอนหลังพิงเก้าอี้"เปล่า" ฉันโกหก "แค่กำลังคิดว่าฉันจะทำยังไงให้คาลวินกับกันเนอร์ยกโทษให้ฉัน ไม่ว่าฉันจะมองมุมไหนก็ไม่มีทางออกที่ดีเลย"ในฐานะทนายความ ฉันเคยชินกับการมองสถานการณ์จากหลายมุมมองเวลาปกป้องลูกความของฉัน นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันเก่งในสิ่งที่ฉันทำ ฉันไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือและพิจารณาทุกผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ ฉันทำแบบนั้นกับสถานการณ์นี้แล้ว แต่กลับไม่พบความหวังเลยฉันอาจไม่ได้รักคาลวิน แต่ฉันรู้จักเขาเป็นอย่างดี เขาเคยให้โอกาสฉันนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อให้ฉันจัดลำดับความสำคัญของชีวิตให้ถูกต้อง แต่ฉันกลับไม่ทำ คาลวินเป็นคนที่เมื่อเขาถึงจุดที่ทนไม่ไหว มันก็จบ ไม่มีการย้อนกลับ ไม่มีโอกาสอีก ไม่มีการให้อภัยฉันจะนั่งหลอกตัวเองที่นี่ก็ได้ แต่ฉัน

  • ธุลีใจ   บทที่ 394

    "ทำไมฉันถึงยอมให้เธอชวนฉันออกไปกินข้าวกลางวันด้วยนะ?" ฉันบ่นพลางมองทิวทัศน์ด้านนอกที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วฉันไม่ได้ออกจากบริเวณของครอบครัวมานานแล้ว ครั้งสุดท้ายน่าจะเป็นตอนที่ฉันไปงานแต่งงานของเอวา บอกตามตรง ฉันตกใจมากตอนที่เธอเชิญฉันไปงานนั้น ในบรรดาคนทั้งหมด ฉันคิดว่าฉันน่าจะเป็นคนที่เธอไม่อยากให้ไปร่วมงานแต่งงานมากที่สุด“ก็เพราะเธอจำเป็นต้องออกไปข้างนอกบ้างไง” มอลลี่ตอบพลางดึงฉันกลับมาสู่บทสนทนา“ฉันก็ออกจากบ้านนะ มอลลี่” ฉันพูดปกป้องตัวเองเสียงหัวเราะเยาะของเธอทำให้ฉันหงุดหงิดมาก“เดินไปที่สวนไม่เรียกว่าการออกไปข้างนอกหรอกย่ะ” เธอตอบโต้ “เลิกบ่นแล้วนั่งพักผ่อนเถอะ เธอจะสนุกกับการออกไปเที่ยวเล็ก ๆ ครั้งนี้ รับรองเลย”“ไม่มั้ง”เมื่อพูดจบ ฉันเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วหลับตาลง ความคิดในหัวของฉันวิ่งวุ่นไปเป็นพันเรื่องในแต่ละนาที ฉันจับพวกมันไว้ไม่ได้หรือควบคุมมันไม่ได้เลยตั้งแต่คุยกับมอลลี่ในห้อง ความคิดของฉันก็วิ่งพล่านไปทั่ว ฉันรู้ว่ามันคงไม่ง่าย แต่เธอพูดถูก ฉันจะมัวแต่นั่งอยู่ในห้อง จมปลักและสาปแช่งความโง่ของตัวเองต่อไปไม่ได้ ถ้าฉันยังเป็นแบบนี้ ฉันอาจไม่มีโอกาสได้อยู่กับลูกชา

  • ธุลีใจ   บทที่ 393

    เอมม่า"ออกจากห้องบ้างเถอะนะ เอมม่า ลูกไม่ควรใช้เวลาทั้งวันติดอยู่ในห้องรก ๆ แบบนี้" แม่บอกฉัน แต่ฉันไม่แม้แต่จะเหลือบมอง เฝ้าแต่จดจ้องอยู่ที่ซีรีส์เศร้าที่กำลังดูอยู่ฉันนั่งอยู่บนเตียง ยังสวมชุดนอนอยู่ พร้อมของว่างกระจายอยู่รอบ ๆ ผ้าห่ม มีเครื่องดื่มหลากหลายชนิดและถังไอศกรีมที่ฉันกำลังจมปลักอยู่ ผ้าม่านถูกปิดมืดสนิทเพราะฉันเพิ่งติดตั้งม่านกันแสงเมื่อไม่กี่เดือนก่อน"นั่นแหละที่หนูพยายามบอกมันอยู่เนี่ย แต่มันไม่ยอมฟังหนูเลยคะแม่" มอลลี่พูดขึ้นฉันรู้สึกได้ว่าเธอกำลังจ้องฉันด้วยสายตาดุดัน แต่ฉันไม่สนใจเลยสักนิด ฉันแค่อยากอยู่คนเดียวเพื่อจมอยู่กับความทุกข์ของตัวเอง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฉันก็เป็นคนที่ทำให้ตัวเองต้องมาเจอเรื่องแบบนี้"กันเนอร์จะพูดว่ายังไงถ้าหลานเห็นลูกในสภาพนี้? ทั้งตัวเองและห้องก็ดูไม่ได้เลย ไม่รู้เลยว่าลูกหวีผมครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ หรืออาบน้ำครั้งสุดท้ายตอนไหน" แม่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจฉันสะดุ้งขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่อกันเนอร์ แล้วหันไปหาแม่ทันที"ลูกถามถึงหนูเหรอ? อยากเจอหนูใช่ไหม?" ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวังแม่ใช้เวลาอยู่กับเขา เช่นเดียวกับทราวิส

  • ธุลีใจ   บทที่ 392

    ทันทีที่พวกเราเข้าไปในโบสถ์ ฉันก็สังเกตเห็นโรแวนในทันที เขาอยู่ในชุดสูทสีดำเช่นเดียวกับน้องชายของเขา เราเดินไปยังด้านหน้าของโบสถ์พร้อมกับที่บาทหลวงเดินเข้ามา"สวัสดีครับ คุณฮาร์เปอร์" โรแวนกล่าวทักทายอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นฉันถึงกับตกตะลึง โรแวนดูเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เหมือนกับคนที่ฉันเคยรู้จักมาก่อน เมื่อก่อนเขามักจะดูเย็นชาและห่างเหิน เหมือนมีบางอย่างคอยถ่วงจิตใจเขาไว้ และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้เขากลับดูอบอุ่นราวกับความมืดที่เคยครอบงำเขาได้เลือนหายไป"สะ…สวัสดีค่ะ" ฉันตอบกลับอย่างตะกุกตะกักฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าเขากลับไปคืนดีกับแฟนเก่าหรือยัง เพราะทุกคนรู้ว่าเขาเปลี่ยนไปหลังจากเสียเธอไปและต้องแต่งงานกับเอวา ใช่ นั่นคงจะเป็นเหตุผล เขาเกลียดเอวา การเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะเกี่ยวกับเอมม่า พี่สาวของเอวา"เริ่มกันเลยไหม?" บาทหลวงพูดขัดขึ้นมา และเราสามคนก็พยักหน้าตอบรับฉันยืนอยู่ข้าง ๆ เกเบรียล ในขณะที่โรแวนยืนอยู่ด้านหลังเราฉันพยายามไม่สนใจคำกล่าวของบาทหลวง เพราะฉันไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกับโบสถ์ แต่ฉันคิดว่ามันคงง่ายกว่านี้ถ้าเกเบรียลตกลงทำพิธีที่อำเภอแทนไม่รู้ว่าผ

  • ธุลีใจ   บทที่ 391

    ฉันบรรจงลงแปรงปัดหน้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนมองตนเองในกระจก ฉันรู้สึกสติกระเจิงเพราะว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานครั้งที่สาม ตอนฉันคิดอย่างนั้นมันก็ดูเหมือนเป็นเรื่องแย่ถูกไหม? สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกสงบใจได้นั่นคือการที่ฉันได้แต่งงานกับชายที่เคยแต่งงานด้วยเมื่อหลายปีก่อนหน้า ซึ่งก็คือสามีคนแรกของฉันฉันสวมใส่ชุดและหยิบกระเป๋าพร้อมเดินออกจากห้อง อากาศที่แทรกผ่านกายเหมือนประกายไฟฟ้าที่ปกคลุมวิญญาณเอาไว้เกเบรียลนำร่างหนังสือสัญญาฉบับใหม่มาให้ในเย็นวันนั้นทันทีที่เรียบร้อย และวันต่อมา เราก็เดินทางไปหาบาทหลวงเพื่อดำเนินการเรื่องต่าง ๆ“พร้อมไหม?” เกเบรียลเอ่ยถามเมื่อเราเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นรอฉันไม่ได้ตอบอะไร รู้สึกเหมือนความคิดมันติดชะงัก ฉันจึงพยักหน้าตอบกลับเท่านั้น“แล้วทำไมหนูไปด้วยไม่ได้?” ลิลลี่สะอื้นไห้ซึ่งทำให้ฉันหันไปหาเธอลูกสาวนั่งอยู่บนโซฟารูปตัวแอลด้วยหน้าบึ้งตึง มือกอดอกแน่น เธอไม่ใช่เด็กที่อารมณ์ร้อนแต่อย่างไร เพียงแค่ไม่เคยชินกับสถานนี้ก็เท่านั้น “มีแค่ผู้ใหญ่ที่ไปได้นะลูก” ฉันตัดบทอย่างง่าย ๆ “คุณชารอนอยู่นี่แล้วไงลูก เดี๋ยวเธอจะดูแลลูกเองจนกว่าเราจะกลับมา”ชารอน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status