เขายังบอกฉันด้วยว่าอย่าประมาท เขาบอกว่าแค่เพราะว่าผู้ชายคนนั้นตายแล้วไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอันตรายอีกต่อไป“แมรู้ลูกรัก มันเป็นงานปาร์ตี้ที่ยอดเยี่ยมมาก ไว้แม่จะส่งรูปให้ดูนะจ๊ะ” ฉันหยุดชะงัก “เพื่อน ๆ ของลูกฝากความคิดถึงถึงลูกด้วยนะ”เรามักจะไปที่บ้านมูลนิธิกับโนอาทุกวันเสาร์ เขาเข้ากับเด็ก ๆ ที่นั่นได้ดีแม้แต่เด็กโต พวกเขาทุกคนรักโนอาและถึงกับถามหาเขาในวันนี้ด้วย“พี่คิงส์ตันอยู่ที่นั่นไหมครับ?” เขาถามด้วยความตื่นเต้น“อยู่จ้ะ เขา... แม่ให้เบอร์โทรคุณยายกับเขาแล้ว เขาบอกว่าจะโทรหาลูกเร็ว ๆ นี้”คาเลบและโนอามีความสัมพันธ์กันแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน คาเลบมองโนอาเป็นน้องชายของเขา และโนอาก็มองเขาเป็นพี่ชาย แม้ว่าพวกเขาจะมีอายุห่างกันมาก แต่พวกเขาก็สนิทกันมาก ทั้งสองคนสามารถคุยกันได้เป็นชั่วโมง“เย้” เขาตะโกนผ่านโทรศัพท์ “ผมคิดถึงเขามากเลย”“เขาก็คิดถึงลูกเช่นกันครับ” ฉันยิ้มแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นก็ตาม“โอเคครับแม่ ได้เวลานอนแล้ว… ผมแค่อยากได้ยินเสียงแม่ก่อนนอน” เขาบอกฉันอย่างอ่อนหวาน และหัวใจของฉันก็อบอุ่นขึ้นตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว เด็ก ๆ กลับไปที่บ้านโฮปแล้วเมื่อสองสามชั
โรแวนผมมองตามเอมม่าที่ขอตัวและยืนขึ้น ผมคงไม่สนใจเธอหรอกถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอเดินออกไปหลังจากเอวาไม่กี่นาทีสัญชาตญาณบอกผมให้ตามเธอไป ผมยังไม่ลืมสิ่งที่เอวาพูดกับผมถึงเอมม่า มันทำให้ผมคิดมากและผมต้องการคำตอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เอมม่าทำตัวแบบนั้นความตื่นเต้นที่เธอมีต่อการมาที่นี่ตอนนี้หายไปแล้ว ผมพนันด้วยบริษัทของผมได้เลยว่านั่นคงเป็นเพราะได้รู้ว่างานนี้ถูกจัดโดยเอวา เอวาไม่ใช่คนขี้แพ้อย่างที่เธอคิดคนอื่น ๆ ไม่มีปัญหาอะไรยกเว้นเธอ เกเบรียลยังชวนผู้หญิงสองสามคนเต้นรำด้วยกัน ส่วนทราวิสแม้ว่าจะมองเล็ตตี้ด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย แต่เขาก็ดูสบายดีที่อยู่ที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เล็ตตี้กลับมาร่วมโต๊ะกับเราผมค่อย ๆ ลุกขึ้น ผมไม่ได้พูดอะไรแม้ว่าคนอื่น ๆ จะมองผมด้วยสายตาแปลก ๆ ก็ตามผมเดินออกไปและพบว่าเอวาและเอมม่ายืนเผชิญหน้ากันอยู่พวกเธอมุ่งความสนใจไปที่กันและกันมากจนผมไม่คิดว่าพวกเธอจะสังเกตเห็นผม“เธอคิดว่าแค่เพราะเธอเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิโฮปเธอก็จะเป็นคนสำคัญแล้วงั้นเหรอ?” เอมม่าถามเอวาผมได้ยินเอวาถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า “ฉันไม่มีเวลาหรือพลังที่จะคุยกับเธอเอมม่า
“เขาจะไม่มีวันรู้หรอก เธอรู้ไหมว่าทำไม? เพราะเขาจะเชื่อทุกอย่างที่ฉันบอกเขา เพราะเขาไว้ใจฉันมาก”“ความไว้วางใจที่เธอทำลายไปนับครั้งไม่ถ้วน” เอวาถอนหายใจ “ตอนนี้โรแวนเป็นคนที่ฉันชอบน้อยที่สุด และฉันยินดีที่จะผลักเขาลงจากหน้าผาสำหรับสิ่งที่เขาทำกับฉัน แต่เขาไม่สมควรที่จะต้องถูกผู้หญิงที่เขารักหักหลัง ผู้หญิงที่เขารักอย่างซื่อสัตย์มาหลายปี มันไม่ยุติธรรมสำหรับเขา”เมื่อพูดจบ เธอก็เดินจากเอมม่าอีกครั้ง แต่เอมม่าก็คว้ามือเธอไว้อีกครั้ง“ปล่อยฉัน ไม่งั้นฉันจะให้ลูกน้องของฉันไล่เธอออกไปเหมือนที่ฉันทำกับคริสตินและเบรนดา” เอวาเตือนด้วยน้ำเสียงที่อันตรายผมก้าวออกมาจากเงามืด ถึงเวลาที่เอมม่ากับผมจะได้คุยกันสักหน่อยแล้ว“ไม่จำเป็น ผมสัญญาว่าจะจัดการกับเธอเอง”ทั้งคู่หันมาหาผม เอวาหลุดจากการเกาะกุมของเอมม่าและจากไปโดยไม่หันมามองเราแม้แต่น้อย เอมม่าตัวแข็งทื่อและดูเหมือนกวางที่ถูกไฟหน้ารถส่อง“คุณยืนอยู่ตรงนั่นมานานแค่ไหนแล้ว?” เธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“นานพอที่จะรู้ว่าคุณโกหก” ผมขู่อย่างโกรธจัด “ผมอยากให้คุณบอกความจริงกับผมเดี่ยวนี้ ถ้าคุณกล้าโกหกผมนะเอมม่า ผมสาบานเลยว่าคุณจะต้องไม่ชอบผ
เอวาวันนี้เป็นวันเสาร์ หลังจากงานปาร์ตี้นั้นหนึ่งวัน แม้เมื่อวานนี้จะวุ่นวายแต่ฉันกลับรู้สึกมีความสุขไม่น้อยเลยที่มันสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีฉันลุกออกจากเตียงและเดินไปยังห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตรประจำวัน แม้อีธานจะเดินทางกลับมาที่บ้านฉันพร้อม กันแต่เขาก็ไม่ได้นอนค้าง วันนี้เขาจำเป็นต้องตื่นแต่เช้าตรู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการขัดจังหวะการนอนของฉันเมื่อเขาต้องตื่นและออกไปฉันแปรงฟันไปพลางคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ทั้งหมดตอนที่เอมม่ามาไล่ต้อนฉันนั้น ฉันก็เตรียมพร้อมสำหรับการปะทะไว้แล้ว ฉันรู้ได้เมื่อโรแวนเดินมาและพบว่าฉันและเอมม่าประจันหน้ากันอยู่ฉันรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ฉันสัมผัสได้ถึงการมาของเขา แต่เอมม่ากลับไม่รู้สึกเลย ฉันต้องการจะเอาคืนสำหรับทุกสิ่งเรื่องโกหกที่เอมม่าพ่นออกมา ฉันต้องการให้โรแวนเห็นว่าคนที่เขารักหัวปักหัวปำเป็นผู้หญิงแบบไหน ที่ฉันพูดกับเธอไปทุกคำนั้นล้วนออกมาจากใจและนี่เป็นเวลาที่เขาจะได้ตาสว่างสักทีทุกคนต่างพากันเชิดชูเอมม่าไว้เหนือหัว คิดเสมอว่าเธอนั้นไร้ที่ติและเธอไม่มีวันทำเรื่องเลวทรามอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นก็เป็นความจริงสำหรับเด็กสาวที่เธอเคยเป็นในอดีต แ
เมื่อเข้าใกล้ตัวบ้าน ต้นไม้เรียงรายเป็นแถวตลอดทางที่ขับรถเข้าไปจะรอต้อนรับคุณอยู่ ซึ่งนำทางไปยังทางเข้าอันแสนดึงดูดสายตาซึ่งมีประตูกระจกบานใหญ่อยู่ตรงหน้า พร้อมทั้งไม้ประดับน้อยใหญ่เรียงรายเมื่อคุณเดินเข้าไปภายใน คุณจะพบกับห้องโถงอันโอ่อ่า ด้านบนเป็นฝ้าเพดานสูงและโคมระย้าสุดตระการตาระยิบระยับราวประดับประดาด้วยเพชรนับพันภายในบ้านตกแต่งตามสไตล์ที่ผสมผสานความสวยงามและเอื้อต่อการใช้สอยเข้าด้วยกัน ห้องนั่งเล่นมีแสงธรรมชาติสาดส่องอย่างทั่วถึง และประดับด้วยโซฟ3าหรูหราแสนสบาย จัดวางในรูปแบบที่ให้ความรู้สึกไม่อึดอัดเลยห้องครัวเป็นดั่งฝันของพ่อครัวหลายคน มีเครื่องครัวพร้อมใช้ เคาน์เตอร์ทำอาหารทำจากหินอ่อนและโต๊ะนั่งรับประทานอาหารขนาดใหญ่พร้อมเก้าอี้ทรงสูงบ้านโฮปมีห้องนอนซึ่งมีพื้นที่กว้างอยู่หลายห้อง แต่ละห้องตกแต่งได้อย่างมีเอกลักษณ์ซึ่งเป็นไปตามความชื่นชอบของเด็ก ๆ จุดนี้เองจึงทำให้แต่ละคนรู้สึกเหมือนมีพื้นที่เป็นของตนเองและรู้สึกสบายใจนอกจากนี้ยังมีพื้นที่สันทนาการด้วยเช่นกัน อย่างห้องเล่นเกม โรงหนังภายในบ้าน ห้องสมุด ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำในร่ม รวมถึงสนามเด็กเล่นที่มีชิงช้าและส
“นี่ล้อเล่นกันใช่ไหม?” ฉันเอ่ยถามแมรี่ โดยหวังว่าเธอเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้นเธอส่ายหน้าปฏิเสธอย่างโศกเศร้าก่อนยื่นโทรศัพท์ของเธอมาให้“บ้านเอวา ชาร์ปไฟโหมจนวอด หลังเปิดเผยตัวตนว่าเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิโฮป”ฉันอ่านพาดหัวข่าวนั้นซ้ำไปซ้ำมาโดยหวังว่านี่คงเป็นเพียงการอำกันเล่น ฉันกลับคาดหวังผิดไปเมื่อเลื่อนลงมาพบวิดีโอที่แสดงว่าบ้านกำลังไฟลุกอยู่ยิ่งฉันไม่ยอมรับมากเท่าไร ก็ยิ่งไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้เลยว่าบ้านของฉันกำลังไฟไหม้จริง ๆหัวใจฉันตกไปอยู่ที่ตาตุ่มโดยพลัน ฉันวางโทรศัพท์ของแมรี่ลงและดีดร่างกายลุกขึ้น ทุกการเคลื่อนไหวสั่นสะท้านขณะรีบร้อนออกจากห้องทำงาน“เอวา เดี๋ยวก่อน” เธอร้องเรียกฉันแต่เสียงนั้นกลับส่งมาไม่ถืงโสตประสาทฉันใบหน้าของเด็กน้อยตรงนั้นกลายเป็นภาพเลือนลาง ขณะฉันเคลื่อนไหวโดยไวขนาดเสือชีตาร์ยังอาย หัวสมองฉันว่างเปล่าขณะพุ่งตัวออกไปข้างนอกฉันเดินขึ้นไปบนรถและรีบขับออกจากที่จอด นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่แมรี่พุ่งตัวมาที่ประตู เธอโบกมือราวกับจะให้ฉันหยุดรถ ฉันไม่สนใจเธอและรีบขับรถออกไปสติของฉันมันยุ่งเหยิงไปหมด ความโกรธและความกังวลกลืนกินฉันหรือว่าฉันลืมปิดเตาและนั
“แล้วรถคุณเล่า?” ฉันเอ่ยถามพลางติดเครื่องยนต์ฉันรู้ว่าเขาต้องขับรถมาเองหรือไม่คงเป็นคนขับรถขับมาส่ง คนอย่างโรแวนไม่มีทางเรียกรถรับจ้างมารับอย่างแน่นอน “เดี๋ยวเดนนิสขับรถผมกลับบ้านเอง…ผมโทรเรียกเขามาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ” เขากล่าวเป็นเวลาเดียวกับที่ฉันถอยรถและขับออกไป“บ้าน…ฉันไม่มีอีกแล้ว” ฉันกระซิบเสียงเบาด้วยความเศร้า“เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” “คิดงั้นหรือ?” ฉันเอ่ยถามด้วยความเศร้าด้วยเหตุผลบางประการ ฉันรู้ว่าไม่มีอะไรดีขึ้นทั้งนั้น มันกลับจะยิ่งแย่ลงไปเรื่อย ๆฉันหยิบโทรศัพท์ออกพร้อมกดโทรไปหานายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เขารับสายตั้งแต่เสียงดังครั้งแรก“ผมเสียใจด้วยจริง ๆ นะครับคุณเอวา ผมเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านของคุณหมดแล้ว” เขาเอ่ยด้วยโทนเสียงที่แตกต่างจากเคย“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันหยุดเพียงครู่ “บอกฉันหน่อยได้ไหมคะว่าคุณเตรียมอะไรไว้ให้ฉันบ้าง อะไรก็ได้ค่ะ เพราะตอนนี้ฉันไม่มีบ้านให้อยู่แล้ว”ฉันไม่ใช่คนที่ชอบนอนค้างอ้างแรมในโรงแรมเสียเท่าไรนัก ยิ่งในเวลาเช่นนี้ด้วย ฉันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรหากเขาตอบกลับมาว่าไม่มีบ้านหลังไหนเหลืออยู่เลย“มีครับ มีอยู่หลังหนึ่ง มันเหมาะกับคุ
“แล้วตอนนี้ทุกอย่างก็ดำเนินมามากกว่าห้าปีแล้วใช่ไหม?” เขาเอ่ยถามเสียงเบา“ใช่…ตอนที่ฉันได้เงินล้านก้อนแรก ฉันอยากจะบอกคุณใจจะขาด อยากให้คุณภูมิใจในตัวฉัน อยากให้รู้ไว้ว่าฉันไม่ใช่คนขี้แพ้พวกนั้น” ฉันรู้สึกเหมือนย้อนไปในวันนั้น “ฉันจำได้ว่ารอคุณกลับถึงบ้าน แต่คุณก็ไม่ได้กลับมาบ้าน ฉันจึงต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้จนเช้า แต่ฉันก็อยากจะบอกคุณอยู่ดี ตอนที่เห็นคุณอยู๋ในครัววันต่อมา ฉันจึงเดินเข้าไปนั่งข้างคุณ แล้วบอกว่าฉันมีเรื่องจะบอก”ฉันหยุดไปครู่หนึ่งและสูดลมหายใจเข้าลึก ความทรงจำนั้นฝังลึกในสมองฉัน“แทนที่คุณจะตั้งใจฟังฉัน คุณกลับหันหน้ามาแล้วทำสายตาเย็นชาใส่ แล้วก็บอกว่าไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ฉันจะพูด บอกว่าไม่ได้สนใจชีวิตฉันหรือว่าฉันจะทำอะไร คุณยังใจร้ายบอกอีกว่าฉันจะไปตายที่ไหนก็ไป ไม่ว่าจะไปที่ไหนคุณก็ไม่ได้สนใจทั้งนั้น แทนที่จะมานั่งเสียเวลาตรงนี้แล้วทำให้ช่วงเวลาตอนเช้าของคุณเสียเปล่าไป ทำไมออกไปกวนคนอื่นแทนเล่า”ความเงียบสงัดที่ก่อตัวขึ้นในรถคันนี้ช่างหนักอึ้ง ฉันเหลือบเห็นลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงขณะกลืนน้ำลาย“เอวา…” เขาเริ่มพูดออกมา กระนั้นฉันขัดจังหวะเขาเสียก่อน “ดังนั้นฉ
“แล้วทำไมมานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นี่แทนที่จะอยู่บ้านเป็นเพื่อนเอวา” เกเบรียลเอ่ยถามขณะเข้ามานั่งข้างผมตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีมากนักถึงขั้นที่มองว่าสิ่งต่าง ๆ จากบริษัทน่ารำคาญ รวมถึงน้องชายตนเองด้วย ผมจึงเมินเฉยต่อคำถามเขาและดื่มวิสกี้เข้าไปอีกหนึ่งอึกผมนั่งอยู๋ในโซนวีไอพีของหนึ่งในร้านเหล้าที่เราชื่นชอบ เพลงเปิดเสียงดังกระหึ่ม ผีเสื้อราตรีต่างพากันโยกย้านและออกลวดลายกันอย่างสนุกสนาน พร้อมน้ำเมาที่ลอยล่อง และไม่สิ่งใดเป็นผลกับผมเลยค่ำคืนนี้ผมเพียงต้องการลืมเลือน ลืมภาพแห่งความทุกข์ระทมของเอวา ผมรู้ดึว่าอาจเป็นเป็นเพิ่งเรื่องเพ้อเจ้อหากคิดจะลืมเลือนนั้นเพราะว่าภาพนั้นยังคงฝังแน่นในจิตใจ แต่ผมก็อยากลองลืมภาพเหล่านั้นการอยู่บ้านกลายเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดใจขึ้นมา บรรยากาศแห่งความรื่นรมย์น่ายินดีไม่มีอีกต่อไปแล้ว ผมปรารถนาให้มันกลายไปเป็นอย่างเดิมที่ควร แต่ก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไร ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า จะต้องแก้ไขเรื่องเหล่านี้อย่างไรดีคำพูดที่เคยออกจากปากไม่มีวันหวนกลับและไม่มีวันลบออกไปได้ ผมไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขความผิดพลาดได้ หากเป็นไปได้ ผมคงรีบลงมือทำไปแล้วเพราะผมรักเธอเหลือเ
หัวใจของผมแทบหยุดเต้นลง เมื่อความกลัวว่าเธอจำเรื่องทุกอย่างแล้วประดังเข้ามา“บอกผมหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น เอวา ผมช่วยไม่ได้ถ้าผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ผมวิงวอนเธอน้ำตาของเธอยังคงไหลรินลงมาบนใบหน้า ความเจ็บปวดรวดร้าวบดบังดวงตาของเธอ มันทำให้หัวใจผมสลายจริง ๆ ที่เห็นเธอเป็นแบบนี้“ความทรงจำฉันกลับมาแล้ว” เธอกล่าวก่อนจะเริ่มหัวเราะราวกับเป็นบ้า “รู้ไหม ฉันอยากมีเซ็กส์กับคุณ ฉันอยากนอนกับคุณ แถมฉันยังบอกให้ตัวเองคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะฉันต้องการคุณมาก พอฉันเห็นคุณช่วยตัวเองในห้องน้ำ ฉันก็อยากจะร่วมด้วย ฉันถึงกับจินตนาการว่าตัวเองกำลังออรัลเซ็กส์กับคุณในขณะที่คุณหลั่งบนหน้าอกของฉัน”ผมขมวดคิ้วแต่ก็เงียบไว้ อะไรบางอย่างบอกผมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น และผมจะไม่ชอบสิ่งที่เธอจะพูดต่อไป “ฉันเคยรู้สึกกระหายคุณ โหยหาคุณ แต่สมองของฉันกลับย้ำเตือนบางสิ่งที่คุณเคยพูด” เธอสะอื้น “คุณอยากรู้ไหมว่ามันคืออะไร”ผมไม่อยากรู้ เพราะผมรู้ว่ามันจะทำลายการพัฒนาเล็ก ๆ ที่เรามีร่วมกัน แต่ผมก็ยังพยักหน้าตอบ“คุณพยายามจะทำให้ดีในการมีเซ็กส์ แต่คุณไม่เก่งเลย ทุกครั้งที่ผมอยู่ข้างในคุณ คนที่ผมต้องการคือเอ
โรแวนการเดตนั้นสมบูรณ์แบบ ถ้าผมเลือกได้ ผมคงไม่อยากให้มันจบลง ทุกช่วงเวลาที่ผมอยู่กับเธอเหมือนอยู่ในสวรรค์ และผมหวังว่าผมจะได้อยู่กับเธอเร็วกว่านี้ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมผมถึงไม่เคยให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขกับเอวาเลย ผมรู้สึกแย่ที่เราอาจจะได้มีความสุขกันมาตลอดหลายปีนี้ถ้าผมปล่อยเอมม่าไปความรักที่ผมมีต่อเอมม่าคือความรักของวัยรุ่น มันคงไม่ยืนยาว เมื่อมันถูกทดสอบก็พังทลายลง สิ่งที่ผมรู้สึกต่อเอวานั้นเป็นแบบผู้ใหญ่ แข็งแกร่งและลึกซึ้งกว่าสิ่งที่ผมคิดว่ามันคือความรักตอนอายุสิบเจ็ดผมเริ่มเชื่อว่าเกเบรียลพูดถูก ความรักไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เหมือนอย่างที่เขาพูด ผมคิดว่าลึก ๆ แล้วผมรักเอวา ผมแค่ปล่อยให้ความรู้สึกผิดที่ทำร้ายเอมม่าครอบงำผม ผมยื้อเอมม่าไว้เพราะรู้สึกว่าผมต้องการควบคุม ซึ่งการแต่งงานกับเอวาและอยู่กับเธอก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของผมผมยังเชื่อด้วยว่าการปล่อยให้ความรู้สึกของผมที่มีต่อเอวาเติบโตขึ้นนั้นเหมือนกับการทรยศต่อความรักที่ผมมีต่อเอมม่า สิ่งที่ผมไม่รู้ในตอนนั้นก็คือความรักนั้นได้ตายไปนานแล้วผมถอนหายใจและถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะมุ่งหน้าไปอา
“งั้นก็ตกลงตามนี้ เราจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในบ้านนี้” โรแวนพูดขณะที่ฉันจ้องมองเขาฉันรู้สึกตกใจ แต่ก็มีความสุขไปพร้อม ๆ กัน ฉันอยากเปลี่ยนอะไรหลายอย่างมานานแล้ว แต่ฉันก็รู้ว่าเขาคงไม่ยอมแน่ไม่รู้สิ เหมือนกับว่านี่เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเขาปล่อยวางจากเอมม่าได้จริง ๆ และแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจฉันจริง“โอเค” ฉันยิ้มให้เขา ปล่อยให้ความจริงนั้นซึมลึกเข้าไปในใจ"เราสามารถปรึกษากับนักออกแบบตกแต่งภายในได้พรุ่งนี้ ผมมั่นใจว่าเบียงก้า เมเยอร์ส จะสามารถรับงานเราได้ แม้เธอจะมีตารางงานแน่นแค่ไหนก็ตาม คุณสามารถบอกเธอได้เลยว่าอยากได้อะไรแล้วปล่อยให้เธอจัดการ หรือจะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยก็ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณ"และเซอร์ไพรส์ก็ยังไม่หมด ทุกคนรู้จักเบียงก้า เมเยอร์ส เธอเป็นนักออกแบบตกแต่งภายในที่เก่งที่สุดในประเทศ และเธอทำงานเฉพาะให้กับคนรวยและผู้มีอิทธิพลเท่านั้น ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะได้ร่วมงานกับเธอ“ตกลง” ฉันบอกเขาโดยพยายามเก็บความตื่นเต้นไม่ให้ล้นจนเกินไป “แต่ฉันอยากให้คุณกับโนอามีส่วนร่วม เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นบ้านของพวกคุณเหมือนกัน และฉันก็อยากให้พวกคุณรู้สึกสบายใจที่นี่”"ผ
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท
ฉันจ้องมองเขาอย่างมึนงง ไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรดี“คุณชอบกลิ่นหอม และคุณชอบกลิ่นที่มีเบอร์รี่ผสมอยู่มากกว่า ขอแค่น้ำหอมหรือสบู่เหลวอาบน้ำมีส่วนผสมของเบอร์รี่ คุณก็จะยอมซื้อ คุณไม่มีอาหารจานโปรดจริง ๆ เพราะคุณจะกินอะไรก็ได้ตราบใดที่มันอร่อย คุณชอบอาบน้ำอุ่นนาน ๆ เพราะมันทำให้คุณผ่อนคลาย คุณเกลียดความสูง คุณเกลียดการไปสาย และคุณเกลียดการขึ้นเครื่องบินด้วย คุณเกลียดแมลงสาบ คุณมักจะพูดว่าอยากให้บ้านของคุณเต็มไปด้วยแมงมุมมากกว่าพวกแมลงสีน้ำตาลน่ารังเกียจนั่น... ให้ผมจะพูดต่อไหม”เขาไม่ให้โอกาสฉันตอบ“คุณชอบรวบผมเป็นหางม้าและมวยผม คุณไม่ชอบแต่งหน้ามากนักและแต่งหน้าเฉพาะเมื่อจำเป็นหรืออยากแต่ง คุณไม่ชอบนอนหงายเพราะมันทำให้คุณนึกถึงคนตายในโลงศพ คุณเกลียดความไม่เป็นระเบียบและสีเหลืองด้วย…”ฉันยกมือให้เขาหยุดพูดเพราะฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง เพราะเราไม่เคยสนิทกันมาก่อน ครอบครัวชาร์พคงไม่ได้บอกเขาหรอก เพราะพวกเขาแทบจะไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ“ได้ยังไง?” ฉันพูดติดขัด ในหัวไม่สามารถประมวณผลทุกอย่างได้“ผมบอกคุณแล้ว” เขากล่าวพร้
ฉันมองออกไปนอกรถแล้วตะลึงงัน สถานที่แห่งนี้ดูราวกับเป็นสวรรค์ มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่มีหญ้าเขียวขจีและคงมีดอกไม้มากมายนานาพันธุ์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของที่นี่ แต่มันคือเพราะทิวทัศน์ต่างหาก ดวงดาวนับพันเปล่งแสงระยิบระยับราวกับกำลังเห็นด้วยกับเดตนี้“คุณชอบไหม” โรแวนถาม และคำตอบเดียวของฉันคือการพยักหน้าฉันค่อย ๆ ออกจากรถ สูดอากาศบริสุทธิ์และชมทิวทัศน์ที่สวยงามจับใจ ฉันเดินไปเกือบถึงขอบถนนและมองลงไปที่เมืองเบื้องล่าง ฉันไม่รู้ว่าโรแวนไปเจอสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร และฉันก็ไม่สนใจฉันหลับตาลง รู้สึกว่าความกังวลทั้งหมดมลายหายไป นี่คือฉากในแบบที่ฉันชอบ ฉันชอบมันมากเมื่อฉันหันกลับไป ฉันพบว่าโรแวนจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มีผ้าห่มและตะกร้าปิกนิกพร้อมสิ่งที่ฉันเดาว่าเป็นช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่และไวน์ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่เราสั่งอยู่ด้วยฉันเดินช้า ๆ ไปหาเขา ถอดรองเท้าและนั่งลงข้าง ๆ เขา “นี่มันสุดยอดเลย โรแวน ขอบคุณนะคะ”เขาพยักหน้า “อะไรก็ตามที่จะทำให้คุณมีความสุขที่รัก ตอนนี้เรามาทานอาหารกันเถอะ เพราะผมหิวจะแย่แล้ว”เราทานอาหารกันเงียบ ๆ ฉันใช้โอกาสนี้ชื่นชมทิวทัศน์
การเดินทางใช้เวลาไม่นานนัก และนอกจากการคุยกันเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เราก็เงียบกันเกือบตลอดเวลา แต่ก็เป็นครั้งแรกเท่าที่ฉันจำได้ ที่ความเงียบระหว่างเราให้ความรู้สึกสบายใจในช่วงเวลาที่หาได้ยากที่เราขับรถไปด้วยกัน โรแวนมักจะพยายามทำเป็นไม่สนใจฉัน ขณะที่ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อชวนเขาคุย ซึ่งมันมักจะทำให้บรรยากาศดูอึดอัดและแปลก ๆ เสมอ“คุณยิ้มทำไม” ฉันถามเขาเมื่อเขาลงจากรถเพื่อช่วยฉันออกจากรถรอยยิ้มของเขาควรจะเป็นอาวุธทำลายล้างสำหรับผู้หญิงโดยแท้ แน่นอนว่าเขาหล่ออยู่แล้ว แต่เมื่อโรแวนยิ้ม มันยิ่งทำให้ความหล่อของเขาก้าวไปอีกระดับหนึ่ง“ผมจะมีความสุขที่พาผู้หญิงของตัวเองออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ” เขาถามพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อยไม่รู้ทำไม ฉันถึงหัวเราะคิกคักขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ปกติฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหัวร่อต่อกระซิก ฉันไม่เคยหัวเราะแบบนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต จริง ๆ แล้วฉันเคยคิดว่ามันดูน่ารังเกียจด้วยซ้ำเมื่อเห็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับเป็นคนที่ทำเสียเอง“ขอโทษที ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงหัวเราะแบบนั้น” ฉันเอ่ยขอโทษขณะที่พยายามรวบรวมสติเขาจับมือฉัน และฉันก็คล้อ
ฉันมองตัวเองในกระจก และมีความสุขกับลุคของตัวเอง ฉันเกล้าผมเป็นมวยต่ำและม้วนผมเป็นลอนเข้ากับกรอบหน้า คืนนี้ฉันต้องการอะไรที่แปลกใหม่ เพราะเป็นเดตครั้งแรกของฉันกับโรแวน ฉันจึงตัดสินใจเลือกอายแชโดว์สีสโมกี้ที่ดูไม่ฉูดฉาดแต่เย้ายวนกับลิปสติกสีแดงส่วนชุดเดรส ฉันเลือกชุดเดรสสีดำยาวระดับเข่า มีคอเสื้อเว้าลึกที่ยึดด้วยสายรัดบาง ๆ เผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย พอให้ดูยั่วยวนแต่ไม่เกินงาม อีกทั้งเป็นชุดเปิดหลังซึ่งฉันมั่นใจว่าจะทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ต้องคลั่งฉันยังคงจ้องมองตัวเองในขณะที่ลูบมือไปตามเนื้อผ้าที่นุ่มนวล ชุดนี้เข้ารูปพอดีตัว และต้องขอบคุณที่ฉันเพิ่งผ่านช่วงตั้งครรภ์ เลยทำให้ตอนนี้ฉันมีส่วนเว้าโค้งที่พอดิบพอดี“โอ้โหที่รัก ถ้าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ฉันคงจีบเธอไปแล้วแน่ ๆ” เล็ตตี้กล่าวชมด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่ม “เธอเซ็กซี่มาก แบบที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้เลย” “เธอพูดถูก” โครินพูดเสริมพวกเธอกลับไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ตอนนี้เรากำลังคุยกันทางวิดิโอคอล เพราะฉันต้องการฟังความคิดเห็นที่จริงใจของพวกเธอ เดตครั้งนี้สำคัญมาก อย่างที่ฉันบอก นี่เป็นเดตครั้งแรกของโรแวนกับฉัน ฉันจึงอยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูร