เขายังบอกฉันด้วยว่าอย่าประมาท เขาบอกว่าแค่เพราะว่าผู้ชายคนนั้นตายแล้วไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอันตรายอีกต่อไป“แมรู้ลูกรัก มันเป็นงานปาร์ตี้ที่ยอดเยี่ยมมาก ไว้แม่จะส่งรูปให้ดูนะจ๊ะ” ฉันหยุดชะงัก “เพื่อน ๆ ของลูกฝากความคิดถึงถึงลูกด้วยนะ”เรามักจะไปที่บ้านมูลนิธิกับโนอาทุกวันเสาร์ เขาเข้ากับเด็ก ๆ ที่นั่นได้ดีแม้แต่เด็กโต พวกเขาทุกคนรักโนอาและถึงกับถามหาเขาในวันนี้ด้วย“พี่คิงส์ตันอยู่ที่นั่นไหมครับ?” เขาถามด้วยความตื่นเต้น“อยู่จ้ะ เขา... แม่ให้เบอร์โทรคุณยายกับเขาแล้ว เขาบอกว่าจะโทรหาลูกเร็ว ๆ นี้”คาเลบและโนอามีความสัมพันธ์กันแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน คาเลบมองโนอาเป็นน้องชายของเขา และโนอาก็มองเขาเป็นพี่ชาย แม้ว่าพวกเขาจะมีอายุห่างกันมาก แต่พวกเขาก็สนิทกันมาก ทั้งสองคนสามารถคุยกันได้เป็นชั่วโมง“เย้” เขาตะโกนผ่านโทรศัพท์ “ผมคิดถึงเขามากเลย”“เขาก็คิดถึงลูกเช่นกันครับ” ฉันยิ้มแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นก็ตาม“โอเคครับแม่ ได้เวลานอนแล้ว… ผมแค่อยากได้ยินเสียงแม่ก่อนนอน” เขาบอกฉันอย่างอ่อนหวาน และหัวใจของฉันก็อบอุ่นขึ้นตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว เด็ก ๆ กลับไปที่บ้านโฮปแล้วเมื่อสองสามชั
โรแวนผมมองตามเอมม่าที่ขอตัวและยืนขึ้น ผมคงไม่สนใจเธอหรอกถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอเดินออกไปหลังจากเอวาไม่กี่นาทีสัญชาตญาณบอกผมให้ตามเธอไป ผมยังไม่ลืมสิ่งที่เอวาพูดกับผมถึงเอมม่า มันทำให้ผมคิดมากและผมต้องการคำตอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เอมม่าทำตัวแบบนั้นความตื่นเต้นที่เธอมีต่อการมาที่นี่ตอนนี้หายไปแล้ว ผมพนันด้วยบริษัทของผมได้เลยว่านั่นคงเป็นเพราะได้รู้ว่างานนี้ถูกจัดโดยเอวา เอวาไม่ใช่คนขี้แพ้อย่างที่เธอคิดคนอื่น ๆ ไม่มีปัญหาอะไรยกเว้นเธอ เกเบรียลยังชวนผู้หญิงสองสามคนเต้นรำด้วยกัน ส่วนทราวิสแม้ว่าจะมองเล็ตตี้ด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย แต่เขาก็ดูสบายดีที่อยู่ที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เล็ตตี้กลับมาร่วมโต๊ะกับเราผมค่อย ๆ ลุกขึ้น ผมไม่ได้พูดอะไรแม้ว่าคนอื่น ๆ จะมองผมด้วยสายตาแปลก ๆ ก็ตามผมเดินออกไปและพบว่าเอวาและเอมม่ายืนเผชิญหน้ากันอยู่พวกเธอมุ่งความสนใจไปที่กันและกันมากจนผมไม่คิดว่าพวกเธอจะสังเกตเห็นผม“เธอคิดว่าแค่เพราะเธอเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิโฮปเธอก็จะเป็นคนสำคัญแล้วงั้นเหรอ?” เอมม่าถามเอวาผมได้ยินเอวาถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า “ฉันไม่มีเวลาหรือพลังที่จะคุยกับเธอเอมม่า
“เขาจะไม่มีวันรู้หรอก เธอรู้ไหมว่าทำไม? เพราะเขาจะเชื่อทุกอย่างที่ฉันบอกเขา เพราะเขาไว้ใจฉันมาก”“ความไว้วางใจที่เธอทำลายไปนับครั้งไม่ถ้วน” เอวาถอนหายใจ “ตอนนี้โรแวนเป็นคนที่ฉันชอบน้อยที่สุด และฉันยินดีที่จะผลักเขาลงจากหน้าผาสำหรับสิ่งที่เขาทำกับฉัน แต่เขาไม่สมควรที่จะต้องถูกผู้หญิงที่เขารักหักหลัง ผู้หญิงที่เขารักอย่างซื่อสัตย์มาหลายปี มันไม่ยุติธรรมสำหรับเขา”เมื่อพูดจบ เธอก็เดินจากเอมม่าอีกครั้ง แต่เอมม่าก็คว้ามือเธอไว้อีกครั้ง“ปล่อยฉัน ไม่งั้นฉันจะให้ลูกน้องของฉันไล่เธอออกไปเหมือนที่ฉันทำกับคริสตินและเบรนดา” เอวาเตือนด้วยน้ำเสียงที่อันตรายผมก้าวออกมาจากเงามืด ถึงเวลาที่เอมม่ากับผมจะได้คุยกันสักหน่อยแล้ว“ไม่จำเป็น ผมสัญญาว่าจะจัดการกับเธอเอง”ทั้งคู่หันมาหาผม เอวาหลุดจากการเกาะกุมของเอมม่าและจากไปโดยไม่หันมามองเราแม้แต่น้อย เอมม่าตัวแข็งทื่อและดูเหมือนกวางที่ถูกไฟหน้ารถส่อง“คุณยืนอยู่ตรงนั่นมานานแค่ไหนแล้ว?” เธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“นานพอที่จะรู้ว่าคุณโกหก” ผมขู่อย่างโกรธจัด “ผมอยากให้คุณบอกความจริงกับผมเดี่ยวนี้ ถ้าคุณกล้าโกหกผมนะเอมม่า ผมสาบานเลยว่าคุณจะต้องไม่ชอบผ
เอวาวันนี้เป็นวันเสาร์ หลังจากงานปาร์ตี้นั้นหนึ่งวัน แม้เมื่อวานนี้จะวุ่นวายแต่ฉันกลับรู้สึกมีความสุขไม่น้อยเลยที่มันสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีฉันลุกออกจากเตียงและเดินไปยังห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตรประจำวัน แม้อีธานจะเดินทางกลับมาที่บ้านฉันพร้อม กันแต่เขาก็ไม่ได้นอนค้าง วันนี้เขาจำเป็นต้องตื่นแต่เช้าตรู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการขัดจังหวะการนอนของฉันเมื่อเขาต้องตื่นและออกไปฉันแปรงฟันไปพลางคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ทั้งหมดตอนที่เอมม่ามาไล่ต้อนฉันนั้น ฉันก็เตรียมพร้อมสำหรับการปะทะไว้แล้ว ฉันรู้ได้เมื่อโรแวนเดินมาและพบว่าฉันและเอมม่าประจันหน้ากันอยู่ฉันรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ฉันสัมผัสได้ถึงการมาของเขา แต่เอมม่ากลับไม่รู้สึกเลย ฉันต้องการจะเอาคืนสำหรับทุกสิ่งเรื่องโกหกที่เอมม่าพ่นออกมา ฉันต้องการให้โรแวนเห็นว่าคนที่เขารักหัวปักหัวปำเป็นผู้หญิงแบบไหน ที่ฉันพูดกับเธอไปทุกคำนั้นล้วนออกมาจากใจและนี่เป็นเวลาที่เขาจะได้ตาสว่างสักทีทุกคนต่างพากันเชิดชูเอมม่าไว้เหนือหัว คิดเสมอว่าเธอนั้นไร้ที่ติและเธอไม่มีวันทำเรื่องเลวทรามอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นก็เป็นความจริงสำหรับเด็กสาวที่เธอเคยเป็นในอดีต แ
เมื่อเข้าใกล้ตัวบ้าน ต้นไม้เรียงรายเป็นแถวตลอดทางที่ขับรถเข้าไปจะรอต้อนรับคุณอยู่ ซึ่งนำทางไปยังทางเข้าอันแสนดึงดูดสายตาซึ่งมีประตูกระจกบานใหญ่อยู่ตรงหน้า พร้อมทั้งไม้ประดับน้อยใหญ่เรียงรายเมื่อคุณเดินเข้าไปภายใน คุณจะพบกับห้องโถงอันโอ่อ่า ด้านบนเป็นฝ้าเพดานสูงและโคมระย้าสุดตระการตาระยิบระยับราวประดับประดาด้วยเพชรนับพันภายในบ้านตกแต่งตามสไตล์ที่ผสมผสานความสวยงามและเอื้อต่อการใช้สอยเข้าด้วยกัน ห้องนั่งเล่นมีแสงธรรมชาติสาดส่องอย่างทั่วถึง และประดับด้วยโซฟ3าหรูหราแสนสบาย จัดวางในรูปแบบที่ให้ความรู้สึกไม่อึดอัดเลยห้องครัวเป็นดั่งฝันของพ่อครัวหลายคน มีเครื่องครัวพร้อมใช้ เคาน์เตอร์ทำอาหารทำจากหินอ่อนและโต๊ะนั่งรับประทานอาหารขนาดใหญ่พร้อมเก้าอี้ทรงสูงบ้านโฮปมีห้องนอนซึ่งมีพื้นที่กว้างอยู่หลายห้อง แต่ละห้องตกแต่งได้อย่างมีเอกลักษณ์ซึ่งเป็นไปตามความชื่นชอบของเด็ก ๆ จุดนี้เองจึงทำให้แต่ละคนรู้สึกเหมือนมีพื้นที่เป็นของตนเองและรู้สึกสบายใจนอกจากนี้ยังมีพื้นที่สันทนาการด้วยเช่นกัน อย่างห้องเล่นเกม โรงหนังภายในบ้าน ห้องสมุด ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำในร่ม รวมถึงสนามเด็กเล่นที่มีชิงช้าและส
“นี่ล้อเล่นกันใช่ไหม?” ฉันเอ่ยถามแมรี่ โดยหวังว่าเธอเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้นเธอส่ายหน้าปฏิเสธอย่างโศกเศร้าก่อนยื่นโทรศัพท์ของเธอมาให้“บ้านเอวา ชาร์ปไฟโหมจนวอด หลังเปิดเผยตัวตนว่าเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิโฮป”ฉันอ่านพาดหัวข่าวนั้นซ้ำไปซ้ำมาโดยหวังว่านี่คงเป็นเพียงการอำกันเล่น ฉันกลับคาดหวังผิดไปเมื่อเลื่อนลงมาพบวิดีโอที่แสดงว่าบ้านกำลังไฟลุกอยู่ยิ่งฉันไม่ยอมรับมากเท่าไร ก็ยิ่งไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้เลยว่าบ้านของฉันกำลังไฟไหม้จริง ๆหัวใจฉันตกไปอยู่ที่ตาตุ่มโดยพลัน ฉันวางโทรศัพท์ของแมรี่ลงและดีดร่างกายลุกขึ้น ทุกการเคลื่อนไหวสั่นสะท้านขณะรีบร้อนออกจากห้องทำงาน“เอวา เดี๋ยวก่อน” เธอร้องเรียกฉันแต่เสียงนั้นกลับส่งมาไม่ถืงโสตประสาทฉันใบหน้าของเด็กน้อยตรงนั้นกลายเป็นภาพเลือนลาง ขณะฉันเคลื่อนไหวโดยไวขนาดเสือชีตาร์ยังอาย หัวสมองฉันว่างเปล่าขณะพุ่งตัวออกไปข้างนอกฉันเดินขึ้นไปบนรถและรีบขับออกจากที่จอด นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่แมรี่พุ่งตัวมาที่ประตู เธอโบกมือราวกับจะให้ฉันหยุดรถ ฉันไม่สนใจเธอและรีบขับรถออกไปสติของฉันมันยุ่งเหยิงไปหมด ความโกรธและความกังวลกลืนกินฉันหรือว่าฉันลืมปิดเตาและนั
“แล้วรถคุณเล่า?” ฉันเอ่ยถามพลางติดเครื่องยนต์ฉันรู้ว่าเขาต้องขับรถมาเองหรือไม่คงเป็นคนขับรถขับมาส่ง คนอย่างโรแวนไม่มีทางเรียกรถรับจ้างมารับอย่างแน่นอน “เดี๋ยวเดนนิสขับรถผมกลับบ้านเอง…ผมโทรเรียกเขามาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ” เขากล่าวเป็นเวลาเดียวกับที่ฉันถอยรถและขับออกไป“บ้าน…ฉันไม่มีอีกแล้ว” ฉันกระซิบเสียงเบาด้วยความเศร้า“เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” “คิดงั้นหรือ?” ฉันเอ่ยถามด้วยความเศร้าด้วยเหตุผลบางประการ ฉันรู้ว่าไม่มีอะไรดีขึ้นทั้งนั้น มันกลับจะยิ่งแย่ลงไปเรื่อย ๆฉันหยิบโทรศัพท์ออกพร้อมกดโทรไปหานายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เขารับสายตั้งแต่เสียงดังครั้งแรก“ผมเสียใจด้วยจริง ๆ นะครับคุณเอวา ผมเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านของคุณหมดแล้ว” เขาเอ่ยด้วยโทนเสียงที่แตกต่างจากเคย“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันหยุดเพียงครู่ “บอกฉันหน่อยได้ไหมคะว่าคุณเตรียมอะไรไว้ให้ฉันบ้าง อะไรก็ได้ค่ะ เพราะตอนนี้ฉันไม่มีบ้านให้อยู่แล้ว”ฉันไม่ใช่คนที่ชอบนอนค้างอ้างแรมในโรงแรมเสียเท่าไรนัก ยิ่งในเวลาเช่นนี้ด้วย ฉันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรหากเขาตอบกลับมาว่าไม่มีบ้านหลังไหนเหลืออยู่เลย“มีครับ มีอยู่หลังหนึ่ง มันเหมาะกับคุ
“แล้วตอนนี้ทุกอย่างก็ดำเนินมามากกว่าห้าปีแล้วใช่ไหม?” เขาเอ่ยถามเสียงเบา“ใช่…ตอนที่ฉันได้เงินล้านก้อนแรก ฉันอยากจะบอกคุณใจจะขาด อยากให้คุณภูมิใจในตัวฉัน อยากให้รู้ไว้ว่าฉันไม่ใช่คนขี้แพ้พวกนั้น” ฉันรู้สึกเหมือนย้อนไปในวันนั้น “ฉันจำได้ว่ารอคุณกลับถึงบ้าน แต่คุณก็ไม่ได้กลับมาบ้าน ฉันจึงต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้จนเช้า แต่ฉันก็อยากจะบอกคุณอยู่ดี ตอนที่เห็นคุณอยู๋ในครัววันต่อมา ฉันจึงเดินเข้าไปนั่งข้างคุณ แล้วบอกว่าฉันมีเรื่องจะบอก”ฉันหยุดไปครู่หนึ่งและสูดลมหายใจเข้าลึก ความทรงจำนั้นฝังลึกในสมองฉัน“แทนที่คุณจะตั้งใจฟังฉัน คุณกลับหันหน้ามาแล้วทำสายตาเย็นชาใส่ แล้วก็บอกว่าไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ฉันจะพูด บอกว่าไม่ได้สนใจชีวิตฉันหรือว่าฉันจะทำอะไร คุณยังใจร้ายบอกอีกว่าฉันจะไปตายที่ไหนก็ไป ไม่ว่าจะไปที่ไหนคุณก็ไม่ได้สนใจทั้งนั้น แทนที่จะมานั่งเสียเวลาตรงนี้แล้วทำให้ช่วงเวลาตอนเช้าของคุณเสียเปล่าไป ทำไมออกไปกวนคนอื่นแทนเล่า”ความเงียบสงัดที่ก่อตัวขึ้นในรถคันนี้ช่างหนักอึ้ง ฉันเหลือบเห็นลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงขณะกลืนน้ำลาย“เอวา…” เขาเริ่มพูดออกมา กระนั้นฉันขัดจังหวะเขาเสียก่อน “ดังนั้นฉ
ฮาร์เปอร์ฉันกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวนุ่มฟูแห่งการนอนหลับ ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกสงบ และรู้สึกได้รับความรักฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทีละน้อย เกเบรียลนอนอยู่ข้างหลังฉัน แขนโอบกอดฉันไว้ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกัน เขากอดฉันไว้แน่นในอ้อมแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไปหากไม่ทำเช่นนี้ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของสามี ทว่าแทนที่จะปล่อยฉันไป เขากลับกระชับมือแน่นขึ้น ซึ่งดันฉันเข้าไปแนบชิดมากขึ้นฉันหยุดขยับเมื่อรู้สึกถึงเขา ฉันรู้สึกถึง น้องน้อยที่ตื่นมาเคารพธงชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน และฉันก็ต้องการเขาขึ้นมาทันที ฉันอยากให้เขาสอดแทรกเข้ามาในร่างนี้เรื่องบนเตียงของเราสองช่างสมบูรณ์ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องการมากกว่านี้ อาจเพราะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว บางเวลามันก็ยากที่จะมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนได้"อืม" เกเบรียลร้องครางเมื่อฉันถูบั้นท้ายกับเป้าของเขาเสียงนั้นเดินทางลงไปจนถึงจุดนั้นของฉัน ฉันถูอีกครั้ง กระตุ้นเสียงครางแสนเร้าอารมณ์จากเขาอีกเกเบรียลเริ่มประทับจูบตามหลัง ไหล่ และคอ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว และฉันก็โหยหาเขา
"ใช่เลยครับ" เขาตอบรับรอยยิ้มของฉัน ขณะที่คิลเลียนเดินเข้ามาหาเรา"ผมมาขโมยภรรยาแสนสวยของผมคืนแล้วครับ" เสียงเขาแหบพร่า และฉันอดไม่ได้ที่จะละลายไปกับโทนเสียงนั้น มันเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย“เธอเป็นของคุณแล้วนะ” คาลวินปล่อยมือจากฉันและหลีกทาง ก่อนจะเดินจากไปคิลเลียนดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา "เป็นยังไงบ้าง? ปวดหลังหรือเปล่า? ขาเป็นยังไง?"เห็นไหม ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นเสือร้ายในคราบทนายความ แต่ดูแลเอาใจใส่และรักใคร่ในฐานะคู่ครอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีสเปคแบบไหน จนกระทั่งฉันได้พบเขา"สบายดีค่ะ ที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้" ฉันหัวเราะเบา ๆ ดันตัวเองเข้าไปใกล้เขามากขึ้น"ผมเคยบอกว่าผมรักคุณแล้วหรือยัง?" เขาถามฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขย่งปลายเท้าและกระซิบชิดริมฝีปากของเขา "ประมาณพันครั้งแล้วค่ะวันนี้ แต่ฉันไม่ได้บ่นอะไรนะ""คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะครับ เอมม่า ผมนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงหากไม่มีคุณ ผมรู้ว่าเราได้กล่าวคำสาบานกันไปแล้ว แต่ผมสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมคุณเสมอ เพราะคุณคือของขวัญที่เบื้องบนประทานมา ผมสัญญา
มอลลี่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เช่นเดียวกับเอวา คอนนี่ เล็ตตี้ ฮาร์เปอร์ และคินลีย์ พวกเธอเป็นเพื่อนสาวกันมาสี่ปีแล้วตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุวันนั้น แน่นอนว่าฉันไม่มีวันหาใครมาแทนมอลลี่ได้ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่มีพวกเธออยู่เช่นกันอีกอย่างเมื่อวานนี้มอลลี่บอกฉันว่าเธอกำลังคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรักเธอ แต่เรายอมรับว่าเป็นเพื่อนระยะไกลกันมันรักษาความสัมพันธ์กันได้ยาก ฉันมีความสุขมากที่เธอจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆเสียงเพลงช้าลง และกันเนอร์ก็เดินเข้ามา ตัดบทสนทนาทั้งหมด“เต้นรำกันหน่อยไหมครับ แม่?”มีเสียง ว้าว ดังขึ้นเป็นระลอก และฉันสาบานได้ว่าหัวใจฉันละลายไปตรงนั้นเลย"แน่นอนสิจ๊ะ สุดหล่อของแม่" ฉันตอบก่อนจะจับมือเขาตอนนี้กันเนอร์อายุสิบสี่ เป็นวัยรุ่นแล้วเชื่อไหมล่ะ? เขาสูงเท่าฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะสูงกว่าฉัน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็จะเป็นลูกชายตัวน้อยของฉันเสมอคาลวินและฉันตัดสินใจส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดทันทีที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เราเข้าร่วมการบำบัดร่วมกันบ้าง และพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา และเกี่ยวกับวันที่เกิดอุบัติเหตุ
เอมม่าฉันเต้นรำกับมอลลี่ ปล่อยให้เสียงเพลงโอบล้อมตัวไว้ ฉันรู้สึกปวดหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อฉันมีความสุขสุด ๆ แบบนี้ชุดเดรสสะบัดไปมาขณะที่เราตะโกนเนื้อเพลง หน้าร้อนแสนสาหัส ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ออกมาสุดเสียง เอวาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ก็เข้าร่วมกับเราด้วย ฉันหัวเราะเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังเต้นอยู่เลยแต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียกสิ่งที่เธอกำลังทำว่าอะไรดีจำนวนครั้งที่ฉันเรียกว่าตนเองมีความสุขนั้นสามารถนับนิ้วได้เลย หนึ่งคือตอนที่ฉันสอบเนติบัณฑิตได้ สองคือตอนที่กันเนอร์เรียกฉันว่าแม่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน และสามคือวันนี้ งานแต่งของฉันคุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันแต่งงานแล้วและฉันมีความสุขอย่างที่สุดจำทนายหนุ่มน่ารักที่ฉันเล่าให้เอวาฟังในวันเกิดของเจมส์ได้ไหมคะ? จะว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยละความพยายามเลยค่ะ ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธเขากี่ครั้งก็ตาม เขาขอฉันคบหาอยู่เรื่อย ๆ และที่ฉันบอกว่าเรื่อย ๆ ก็คือเขาขอเกือบทุกวัน ฉันเบื่อที่จะได้ยินคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ปรากฏว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตนี้เลยฉันชะลอฝีเท้าลง ดวงตามองหาเจ้าบ
กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ
สามปีต่อมาเอมม่า"จริงจังนะ เอมม่า เมื่อไหร่เธอจะหาแฟนสักที?" เอวาเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉันฉันมองออกไปที่สวนหลังบ้านและยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเจมส์ลูกชายของทราวิสและเล็ตตี้ ซึ่งตั้งชื่อตามพ่อของพวกเราและเจมส์กำลังจะอายุครบหนึ่งขวบเล็ตตี้และทราวิสแต่งงานกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทราวิสคุกเข่าขอเธอแต่งงานทันทีที่ฉันได้สติขึ้นหลังจากอุบัติเหตุที่เกือบจะพรากชีวิตฉันไป คุณอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนขับรถคนนั้น เขาถูกจำคุกห้าปีในข้อหาขับรถโดยประมาท ฉันหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนนะกลับมาที่ทราวิสและเล็ตตี้ ฉันคิดว่าการเห็นฉันอยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขารู้ว่าชีวิตสั้นแค่ไหน เขาขอเธอแต่งงานและเล็ตตี้ก็ตอบตกลง พวกเขาแต่งงานกันซึ่งเป็นงานแต่งงานฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามตอนนี้ัฉันได้กลายเป็นเพื่อนกับเอวาก็เลยถูกดึงเข้ามาในวงจรนี้ด้วย คอนนี่และรีเปอร์แต่งงานกันแบบงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เป็นกันเองกับเพื่อนสนิทและครอบครัว สี่เดือนต่อมาทั้งสองก็อ้าแขนรับลูกสาวของพวกเขา เฮเวน ตอนนี้คอนนี่ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนฮาร์เปอร์และเกเบรียลก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีก
"ไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องเบ่งเดี๋ยวนี้" ฉันคำรามพร้อมจับเสื้อเกเบรียลไว้ฉันรู้สึกบ้าไปแล้ว เหมือนฉันเสียสติไปแล้ว ความเจ็บปวดกำลังทำให้ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆโชคดีที่พวกเราไปถึงห้องคลอดก่อนที่ฉันจะคลอดลูกตรงทางเดินของโรงพยาบาล ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเดินไปถึงห้องคลอด และเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเตรียมพร้อมให้ฉันเอวาอยู่ในห้องเรียบร้อย ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีคนเข้าใจความรู้สึกตอนที่ช่องคลอดฉีกออกเป็นสองส่วนเพื่อให้เด็กตัวน้อย ๆ ออกมาดูโลก"ฉันไม่ไหวแล้ว" ฉันกัดฟันพูด ก่อนที่จะยกตัวขึ้นและเบ่งสุดแรงฉันสาบานว่าฉันรู้สึกเหมือนก้นจะแตกและมันก็เพิ่มความเจ็บปวดให้ฉันมากขึ้น"ความผิดคุณเลย!" ฉันกรีดร้องใส่เกเบรียลขณะที่จับมือเขาไว้แน่นฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ลมหายใจถี่กระชั้น และรูจมูกบานออกเพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด"เตรียมนะ เธอ เบ่งเลย" เอวาเร่งเร้าฉันขณะที่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากให้ฉัน "เกเบรียลไม่สำคัญแล้วตอนนี้""อ้าว ใจร้ายนะ เอวา" เกเบรียลพึมพำพร้อมจ้องเขม็งไปยังเอวา เธอจ้องเขม็งกลับราวกับจะบอกให้เขาหุบปากและทำตามน้ำไปฉันบีบมือพวกเขาเมื่อมดลูกหดตัวอีกครั้ง และฉันก็ออ
"สบายมากจ้ะ หมีน้อยลิลลี่ แม่กำลังจะคลอดลูก... จำที่แม่บอกหนูได้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนถึงเวลาแบบนี้?"เธอพยักหน้า "ค่ะ แม่บอกว่าแม่จะเจ็บท้อง แต่หนูไม่ต้องห่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้น้องเกิดมาค่ะ""ดีมากจ้ะ" ฉันเบ้หน้าเมื่อการหดเกร็งตัวจู่โจมฉันอีกครั้ง "นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ดังนั้นอย่ากลัวไปนะจ๊ะ"เกเบรียลจับมือและช่วยให้ฉันเดินออกจากห้อง ฉันหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก แต่พูดตามตรงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย"หนูแค่ไม่เข้าใจน่ะค่ะ ทำไมแม่ต้องเจ็บด้วย? ทำไมเด็กถึงออกมาจากท้องแม่ไม่ได้โดยไม่ทำให้แม่เจ็บล่ะคะ?"สิ่งที่ฉันไม่ต้องการที่สุดคือทำให้ลูกสาวหวาดกลัวโดยต้องอธิบายให้เธอฟังว่าความเจ็บปวดนั้นจำเป็นสำหรับการออกแรงเบ่งเด็กออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะอยากรู้ว่าทำไมต้องเบ่งลูกออกมาด้วย และฉันจะต้องอธิบายว่าเพราะลูกตัวใหญ่และทางออกเล็กกว่า ดังนั้นการหดเกร็งตัวเหล่านั้นจึงจำเป็นสำหรับการเบ่งลูกออกมา จากนั้นเธอจะอยากรู้ว่าทางออกนั้นคืออะไร และฉันจะต้องบอกเธอว่าลูกออกมาทางนั้นอย่างไรเล่าอย่างที่คุณเห็น นั่นไม่ใช่บทสนทนาที่เธอเตรียมใจรับได้นัก เธอจะตกใจกลัวเมื่อรู้ว
ฮาร์เปอร์ฉันขยับตัวไปมาบนเตียงโดยพยายามหาท่าที่สบายที่สุด พูดตามตรงฉันดูเหมือนปลาวาฬและรู้สึกเหมือนปลาวาฬด้วย ฉันกำลังพับผ้าอยู่เพราะดูเหมือนว่านั่นคือสิ่งเดียวที่ฉันได้รับอนุญาตให้ทำเกเบรียลดูแลฉันมากเกินความจำเป็นตั้งแต่เขารู้ว่าฉันตั้งครรภ์ ฉันแทบห้ามขยับร่างกายเลยเพราะอาจทำให้เขาตื่นตระหนกไปหมด ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ฉันแทบบ้า แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันน่ารักดีฉันเผยยิ้มเมื่อนึกถึงตอนตั้งท้องลิลลี่ เลียมดูแลฉันดีเหมือนกัน เขาไม่ได้ดูแลฉันมากเกินความจำเป็นอย่างที่เกเบรียลทำ แต่เขาก็ดูแลฉันอยู่ดี หมายถึงเขาเคยวิ่งไปซื้อของที่ร้านกลางดึกเพราะฉันรู้สึกหิวโดยไม่บ่นสักคำ มีแต่ผู้ชายที่ใส่ใจเท่านั้นที่จะทำแบบนั้นการตั้งครรภ์ครั้งนี้แตกต่างจากการตั้งครรภ์ลิลลี่ในหลาย ๆ ด้าน ตัวอย่างเช่น ตอนท้องลิลลี่ ฉันแทบไม่แพ้ท้องเลย แต่ครั้งนี้ฉันแพ้ท้องตอนเย็นด้วย และมันอยู่ไปถึงช่วงเข้าเดือนที่สี่ มันแย่จริง ๆ ที่ต้องรู็สึกแย่ตลอดเวลาแล้วก็เรื่องความอยากอาหาร ตอนท้องลิลลี่ ฉันอยากกินของหวาน ๆ แต่ครั้งนี้ฉันอยากกินของคาวและเค็มมากกว่า มันบ้ามาก ฉันไม่อยากกินของหวานเลยตั้งแต่รู้ว่าตัวเองท้อง อย่าพูดถึ