“คุณกล้าดียังไง?” น้ำเสียงของเอวาเต็มไปด้วยความโกรธเบรนดายิ้มเยาะราวกับว่าเธอมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ “ไม่ใช่ความผิดของฉันที่เด็กนี่เดินไม่มองทาง นี่เป็นชุดรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นของหลุยส์ วิตตอง และนังเด็กเวรนั่นเกือบจะทำลายชุดฉันด้วยการสาดน้ำผลไม้ใส่”เบรนดาและเอวาไม่เคยลงรอยกัน ผมรู้ว่าเอวาเคยถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียนและเบรนดาคือคนที่ทำให้เธอทรมานมากที่สุดเด็กผู้หญิงที่พวกเขากำลังพูดถึงกำลังหลบอยู่ข้างหลังเอวา เธอน่าจะอายุไม่เกินห้าขวบ เธอเป็นเด็กที่หน้าตาน่ารัก ใส่ชุดสีชมพูสวยงาม ใบหน้ารูปหัวใจ ริมฝีปากอิ่มและผมสีดำยาวสยายลงมาด้านหลังผมนึกภาพตัวเองมีลูกสาวตัวน้อยที่มีดวงตาสีเทาและผมสีน้ำตาลเป็นมันเงาเหมือนเอวาผมตัวแข็งทื่อทันที นี่มันอะไรกัน? ความคิดนั้นมาจากไหนกัน? ผมส่ายหัวและสลัดความคิดนั้นออกไปก่อนมุ่งความสนใจไปที่เอวา ดูเหมือนว่าเอวาจะกำลังจะสั่งสอนเบรนดา“คุณล้อฉันเล่นใช่ไหม? นั่นเป็นเหตุผลที่โง่เง่าจริง ๆ ที่จะทำร้ายเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเราอยู่ที่นี่ก็เพื่อพวกเขา” เอวาตำหนิพลางขมวดคิ้วบนใบหน้าที่สวยงามของเธอ“มันไม่ใช่เหตุผลที่โง่เง่า” เบรนดากระทืบเท้าเหมือ
“แล้วฉันต้องบอกอะไรคุณ?”“ทุกอย่าง… มูลนิธิโฮปและความจริงที่ว่าคุณไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ทำไมคุณถึงปล่อยให้พวกเราทุกคนดูถูกคุณ”เธอขมวดคิ้วก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับผม “แล้วฉันควรจะบอกคุณตอนไหน? คุณแทบไม่อยากอยู่ใกล้ฉันเลย แถมคุณยังทำทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันนาน ๆ”ผมจ้องมองเธอ มองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของเธอ มีบางอย่างใหม่ในดวงตาคู่นั้น บางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนและยังมีบางอย่างที่ขาดหายไปเธอพูดต่อไปในขณะที่มองออกไปที่สวน “อีกอย่าง คุณจะสนใจด้วยเหรอ? เท่าที่ฉันจำได้ คุณไม่ได้สนใจอะไรที่เกี่ยวกับฉันเลย”ผมมองคนเดินเข้าออกสวนด้วยสายตาเลื่อนลอย เธอพูดถูก ผมเคยเป็นไอ้สารเลวที่เย็นชา ตอนนั้นผมคิดเอาเองว่าผมไม่จำเป็นต้องสนใจว่าผู้หญิงที่ทำลายชีวิตผมทำอะไรอยู่ผมโกรธแค้นเอวาและมันแสดงออกมาในวิธีที่ผมปฏิบัติกับเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมภูมิใจในตัวเองเสมอที่เป็นคนดี แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ผมต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นคนเลวมาก ถึงขนาดที่ภรรยาของผมต้องเก็บส่วนหนึ่งของชีวิตเธอเป็นความลับกับผม“เรื่องเอมม่า…” ผมกำลังจะขอโทษสำหรับคำพูดที่ผมพูดใส่เธอโดยไม่คิด แต่เธอกลับตัดบ
เอวาเท้าฉันเจ็บจนแทบยืนไม่ไหวและอยากแช่ตัวในอ่างอาบน้ำก่อนเข้านอนเสียเหลือเกินเราวางแผนจัดงานเลี้ยงนี้กันมาหลายสัปดาห์แล้ว ตอนแรกฉันไม่ควรจะไปที่นั่น งานเลี้ยงนี้ควรจะมีแมรี่เป็นตัวแทนของฉันแบบที่เคยเป็นมา แต่หลังจากที่ฉันเสียใจสติแตกในครัววันนั้น ฉันจึงตัดสินใจว่ามันถึงเวลาที่ฉันจะเลิกซ่อนตัวแล้วแมรี่ตื่นเต้นมากเมื่อฉันบอกเธอว่าฉันจะไปงานเลี้ยงอาหารค่ำ ตัวตนของฉันถูกปกปิดไว้เป็นความลับมาเป็นเวลาห้าปี ไม่ใช่เพราะฉันกลัวว่าใครจะรู้ แต่เพราะฉันแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขฉันไม่อยากเป็นจุดสนใจ ฉันไม่อยากให้ใครมาคอยเอาใจฉันเพราะพวกเขารู้ว่าฉันรวย แต่ตอนนี้ฉันออกมาจากเงามืดได้แล้ว ฉันรู้แล้วว่าใครจริงใจและใครไม่จริงใจแค่คืนนี้ก็มีคนที่นี่ที่พยายามจะเอาใจฉัน รวมทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่เคยดูถูกฉันและปฏิบัติกับฉันเหมือนขยะเพียงเพราะฉันไม่มีงานรายได้สูง พวกเขาจึงเชื่อว่าฉันไม่มีเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียวมันน่าหงุดหงิดมาก ฉันแค่อยากอยู่ห่างจากพวกเขาเท่านั้น“ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิโฮป” เล็ตตี้พูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ทำไมถึงไม่เคยบอกฉัน?”ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้
เธอมองมาที่ฉันก่อนที่ตาของเธอจะเบิกกว้างขึ้น “มีบางอย่างเปลี่ยนไป”“เธอหมายความว่าอย่างไร?” ฉันถามโดยพยายามซ่อนรอยยิ้มของฉัน“มีบางอย่างที่เปลี่ยนไปในตัวคุณ พอฉันมองดี ๆ แล้ว… มันคืออะไร? มีอะไรเปลี่ยนไปเหรอ?”“ฉันไม่รู้ อาจเป็นเพราะว่าฉันเบื่อที่จะใช้ชีวิตอย่างขมขื่น หรืออาจเป็นเพราะฉันมีเซ็กส์กับอีธาน…” ฉันเกาคางตัวเองพลางครุ่นคิด “เพราะเซ็กส์แน่ ๆ เลย”“อะไรนะ?!” เธอร้องตะโกนและทำให้บางคนหันมาหาเราฉันหัวเราะกับท่าทางตลก ๆ ของเธอ“เธอมีเซ็กส์กับอีธานเหรอ?” เธอพูดซ้ำราวกับว่าเธอไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันบอกเธอ“ใช่” ฉันยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อนึกถึงเรื่องนั้น “จริง ๆ แล้วหลายครั้งเลย”“หลายครั้งในคืนเดียวหรือหลายคืน?”ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ฉันหมายถึงหลายครั้งในคืนเดียวติดต่อกันหลายคืน”เธออ้าปากค้างก่อนที่ปากเธอจะหยักยิ้มและยิ้มให้ฉันเหมือนคนโง่“ไม่เบาเลยนะ! ถ้าการที่มีเซ็กส์กับเขาทำให้ยิ้มหน้าบานแบบนี้ก็ทำต่อไปเถอะที่รัก คุณสมควรที่จะมีเซ็กส์ที่ดีและมีความสุข”นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ฉันรักเล็ตตี้ เธอไม่ตัดสินใครและสนับสนุนฉันมากฉันโอบแขนเธอและกอดเธอ “ขอบคุณนะเล็ตตี้ที่เป็นตัวขอ
เขายังบอกฉันด้วยว่าอย่าประมาท เขาบอกว่าแค่เพราะว่าผู้ชายคนนั้นตายแล้วไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอันตรายอีกต่อไป“แมรู้ลูกรัก มันเป็นงานปาร์ตี้ที่ยอดเยี่ยมมาก ไว้แม่จะส่งรูปให้ดูนะจ๊ะ” ฉันหยุดชะงัก “เพื่อน ๆ ของลูกฝากความคิดถึงถึงลูกด้วยนะ”เรามักจะไปที่บ้านมูลนิธิกับโนอาทุกวันเสาร์ เขาเข้ากับเด็ก ๆ ที่นั่นได้ดีแม้แต่เด็กโต พวกเขาทุกคนรักโนอาและถึงกับถามหาเขาในวันนี้ด้วย“พี่คิงส์ตันอยู่ที่นั่นไหมครับ?” เขาถามด้วยความตื่นเต้น“อยู่จ้ะ เขา... แม่ให้เบอร์โทรคุณยายกับเขาแล้ว เขาบอกว่าจะโทรหาลูกเร็ว ๆ นี้”คาเลบและโนอามีความสัมพันธ์กันแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน คาเลบมองโนอาเป็นน้องชายของเขา และโนอาก็มองเขาเป็นพี่ชาย แม้ว่าพวกเขาจะมีอายุห่างกันมาก แต่พวกเขาก็สนิทกันมาก ทั้งสองคนสามารถคุยกันได้เป็นชั่วโมง“เย้” เขาตะโกนผ่านโทรศัพท์ “ผมคิดถึงเขามากเลย”“เขาก็คิดถึงลูกเช่นกันครับ” ฉันยิ้มแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นก็ตาม“โอเคครับแม่ ได้เวลานอนแล้ว… ผมแค่อยากได้ยินเสียงแม่ก่อนนอน” เขาบอกฉันอย่างอ่อนหวาน และหัวใจของฉันก็อบอุ่นขึ้นตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว เด็ก ๆ กลับไปที่บ้านโฮปแล้วเมื่อสองสามชั
โรแวนผมมองตามเอมม่าที่ขอตัวและยืนขึ้น ผมคงไม่สนใจเธอหรอกถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอเดินออกไปหลังจากเอวาไม่กี่นาทีสัญชาตญาณบอกผมให้ตามเธอไป ผมยังไม่ลืมสิ่งที่เอวาพูดกับผมถึงเอมม่า มันทำให้ผมคิดมากและผมต้องการคำตอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เอมม่าทำตัวแบบนั้นความตื่นเต้นที่เธอมีต่อการมาที่นี่ตอนนี้หายไปแล้ว ผมพนันด้วยบริษัทของผมได้เลยว่านั่นคงเป็นเพราะได้รู้ว่างานนี้ถูกจัดโดยเอวา เอวาไม่ใช่คนขี้แพ้อย่างที่เธอคิดคนอื่น ๆ ไม่มีปัญหาอะไรยกเว้นเธอ เกเบรียลยังชวนผู้หญิงสองสามคนเต้นรำด้วยกัน ส่วนทราวิสแม้ว่าจะมองเล็ตตี้ด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย แต่เขาก็ดูสบายดีที่อยู่ที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เล็ตตี้กลับมาร่วมโต๊ะกับเราผมค่อย ๆ ลุกขึ้น ผมไม่ได้พูดอะไรแม้ว่าคนอื่น ๆ จะมองผมด้วยสายตาแปลก ๆ ก็ตามผมเดินออกไปและพบว่าเอวาและเอมม่ายืนเผชิญหน้ากันอยู่พวกเธอมุ่งความสนใจไปที่กันและกันมากจนผมไม่คิดว่าพวกเธอจะสังเกตเห็นผม“เธอคิดว่าแค่เพราะเธอเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิโฮปเธอก็จะเป็นคนสำคัญแล้วงั้นเหรอ?” เอมม่าถามเอวาผมได้ยินเอวาถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า “ฉันไม่มีเวลาหรือพลังที่จะคุยกับเธอเอมม่า
“เขาจะไม่มีวันรู้หรอก เธอรู้ไหมว่าทำไม? เพราะเขาจะเชื่อทุกอย่างที่ฉันบอกเขา เพราะเขาไว้ใจฉันมาก”“ความไว้วางใจที่เธอทำลายไปนับครั้งไม่ถ้วน” เอวาถอนหายใจ “ตอนนี้โรแวนเป็นคนที่ฉันชอบน้อยที่สุด และฉันยินดีที่จะผลักเขาลงจากหน้าผาสำหรับสิ่งที่เขาทำกับฉัน แต่เขาไม่สมควรที่จะต้องถูกผู้หญิงที่เขารักหักหลัง ผู้หญิงที่เขารักอย่างซื่อสัตย์มาหลายปี มันไม่ยุติธรรมสำหรับเขา”เมื่อพูดจบ เธอก็เดินจากเอมม่าอีกครั้ง แต่เอมม่าก็คว้ามือเธอไว้อีกครั้ง“ปล่อยฉัน ไม่งั้นฉันจะให้ลูกน้องของฉันไล่เธอออกไปเหมือนที่ฉันทำกับคริสตินและเบรนดา” เอวาเตือนด้วยน้ำเสียงที่อันตรายผมก้าวออกมาจากเงามืด ถึงเวลาที่เอมม่ากับผมจะได้คุยกันสักหน่อยแล้ว“ไม่จำเป็น ผมสัญญาว่าจะจัดการกับเธอเอง”ทั้งคู่หันมาหาผม เอวาหลุดจากการเกาะกุมของเอมม่าและจากไปโดยไม่หันมามองเราแม้แต่น้อย เอมม่าตัวแข็งทื่อและดูเหมือนกวางที่ถูกไฟหน้ารถส่อง“คุณยืนอยู่ตรงนั่นมานานแค่ไหนแล้ว?” เธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“นานพอที่จะรู้ว่าคุณโกหก” ผมขู่อย่างโกรธจัด “ผมอยากให้คุณบอกความจริงกับผมเดี่ยวนี้ ถ้าคุณกล้าโกหกผมนะเอมม่า ผมสาบานเลยว่าคุณจะต้องไม่ชอบผ
เอวาวันนี้เป็นวันเสาร์ หลังจากงานปาร์ตี้นั้นหนึ่งวัน แม้เมื่อวานนี้จะวุ่นวายแต่ฉันกลับรู้สึกมีความสุขไม่น้อยเลยที่มันสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีฉันลุกออกจากเตียงและเดินไปยังห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตรประจำวัน แม้อีธานจะเดินทางกลับมาที่บ้านฉันพร้อม กันแต่เขาก็ไม่ได้นอนค้าง วันนี้เขาจำเป็นต้องตื่นแต่เช้าตรู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการขัดจังหวะการนอนของฉันเมื่อเขาต้องตื่นและออกไปฉันแปรงฟันไปพลางคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ทั้งหมดตอนที่เอมม่ามาไล่ต้อนฉันนั้น ฉันก็เตรียมพร้อมสำหรับการปะทะไว้แล้ว ฉันรู้ได้เมื่อโรแวนเดินมาและพบว่าฉันและเอมม่าประจันหน้ากันอยู่ฉันรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ฉันสัมผัสได้ถึงการมาของเขา แต่เอมม่ากลับไม่รู้สึกเลย ฉันต้องการจะเอาคืนสำหรับทุกสิ่งเรื่องโกหกที่เอมม่าพ่นออกมา ฉันต้องการให้โรแวนเห็นว่าคนที่เขารักหัวปักหัวปำเป็นผู้หญิงแบบไหน ที่ฉันพูดกับเธอไปทุกคำนั้นล้วนออกมาจากใจและนี่เป็นเวลาที่เขาจะได้ตาสว่างสักทีทุกคนต่างพากันเชิดชูเอมม่าไว้เหนือหัว คิดเสมอว่าเธอนั้นไร้ที่ติและเธอไม่มีวันทำเรื่องเลวทรามอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นก็เป็นความจริงสำหรับเด็กสาวที่เธอเคยเป็นในอดีต แ