โรแวนผมกำลังเตรียมตัวไปงานเลี้ยง ผมไม่อยากจะไปแต่ก็ต้องไป ผู้ก่อตั้งมูลนิธิโฮปจัดงานเลี้ยงเพื่อแสดงความขอบคุณและเป็นเกียรติแก่ผู้บริจาคทุกคน และเนื่องจากผมเป็นหนึ่งในผู้บริจาคจำนวนมาก ผมจึงได้รับเชิญ“มีอะไรเหรอครับไบรอัน? ผมยุ่งอยู่” ผมตอบหลังจากที่มองหมายเลขผู้ที่โทรเข้ามา“เราจับคู่ดีเอ็นเอได้จากตัวอย่างเลือดที่เก็บมาจากบ้านของคุณชาร์ปได้แล้วครับ” เขาเข้าประเด็นทันทีชื่อของเธอทำให้ผมหายใจเย็นเยียบเข้าลึก คำพูดสุดท้ายที่ผมพ่นใส่เธอยังคงก้องอยู่ในห้วของผม ผมไม่ควรพูดสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดเหล่านั้น แต่ผมโกรธมากที่เธอลงมือกับเอมม่า“แล้วไง?” ผมเร่งเร้าให้เขาพูดต่อผมหวังว่านี่จะเป็นข่าวดี ผมต้องการเพียงแค่คลี่คลายคดีของเอวาและลืมมันไปซะ“ไม่ดีเท่าไรครับ” เขาตอบและทำให้ผมส่งเสียงโอดไม่พอใจ“เกิดอะไรขึ้น?”“เราสามารถระบุตัวชายคนนั้นได้แล้ว เขาใช้ชื่อว่าอสรพิษทมิฬ เราตามหาเขามาระยะหนึ่งแล้วเนื่องจากเขาเป็นมือสังหารรับจ้าง มีคนบอกกับเราว่าเขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ปัญหาเดียวคือเราพบว่าเขาเสียชีวิตแล้วโดยมีกระสุนฝังอยู่ในกะโหลกศีรษะ” น้ำเสียงของเขาดูสงสัยบางอย่าง ซึ่งผมก็รู้สึกเช่นเดียวกั
เราไปถึงตรงเวลาและผมก็โล่งใจ พอรถจอดผมก็ลงจากรถแล้วจึงไปช่วยเอ็มม่า กล้องเริ่มจับภาพทันทีที่เราเหยียบพรมแดง“คุณวูดส์ จริงหรือเปล่าครับที่ตอนนี้คุณคบกับกับเอมม่า ชาร์ป พี่สาวของอดีตภรรยาของคุณ?” นักข่าวคนหนึ่งถาม“มีคนบอกว่าคุณเอมม่าคือรักแท้ของคุณ ในขณะที่สถานการณ์บีบบังคับให้คุณต้องคบกับเอวา ชาร์ป” นักข่าวอีกคนก็พูดขึ้น“อดีตภรรยาของคุณอยู่ที่ไหนเหรอครับคุณวูดส์?”“คุณเอมม่า คุณรู้สึกยังไงที่ได้อยู่กับผู้ชายที่เคยแต่งงานกับน้องสาวของคุณ? แถมพวกเขายังมีลูกชายด้วยกันด้วย”ผมรู้สึกว่ามือของเอมม่าบีบต้นแขนผมแน่นขึ้นเมื่อพวกเขาถามคำถามนั้นกับเธอ ผมจึงพาเธอเดินออกไปในขณะที่พวกเขาถามคำถามแล้วคำถามเล่ากับเรา ในที่สุดเราก็มาถึงทางเข้าและได้รับการต้อนรับผู้จัดงานทำงานได้ยอดเยี่ยมมาก ปกติผมไม่ชอบอะไรแบบนี้แต่สถานที่ดูน่าทึ่งมาก เราถูกพาไปที่โต๊ะของเราและพบว่าเกเบรียล ทราวิส เล็ตตี้ และคริสตินนั่งลงแล้วผมไม่ทักทายใครเลย ไม่เหมือนเอมม่า ผมแค่ช่วยเอมม่านั่งที่ของเธอ จากนั้นผมก็นั่งที่ของตัวเองตอนนี้จิตใจผมไม่ได้อยู่ที่นี่ ความคิดของผมวนเวียนอยู่กับเอวาและความปลอดภัยของเธอ ผมไม่สามารถจด
ทั้งเอมม่าและคริสตินจ้องมองเธอด้วยความตกใจและโกรธ อาจเป็นเพราะไม่มีใครเคยกล้าพูดกับพวกเธอแบบนั้น เอมม่ากำมือแน่น เธอโกรธอย่างเห็นได้ชัด“พอแล้ว เล็ตตี้... ผมจะไม่ยอมให้คุณพูดกับเอมม่าแบบนั้น เธอเป็นน้องสาวของผมนะ ถ้าคุณไม่เคารพเธอก็ออกไปซะ” ทราวิสขู่ เล็ตตี้มองเอมม่าก่อนที่จะยิ้มเยาะแล้วหันไปหาทราวิส“ฉันต้องเตือนคุณไหมว่าเอวาก็เป็นน้องสาวของคุณ? แต่นั่นไม่เห็นสำคัญสำหรับคุณเลย ยังไงซะคุณก็คือหนึ่งในคนที่ดูถูกเธอและปฏิบัติกับเธอเหมือนขยะ” จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืน “ฉันยินดีที่จะไป ฉันอยากอยู่บ้านมากกว่าที่จะต้องอยู่กับพวกคนงี่เง่าและเห็นแก่ตัว ฉันเบื่อหน่ายพวกคุณทุกคน”“เล็ตตี้…” ทราวิสอ้อนวอนและเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว แต่เธอก็หันหลังแล้วเดินออกไปแล้วทั้งโต๊ะยังคงเงียบอยู่ขณะที่เราเฝ้าดูเธอเดินออกไป แต่เธอก็ไปได้ไม่ไกลเพราะถูกบอดี้การ์ดหยุดเอาไว้ จากนั้นเขาก็พาเธอกลับมาที่ห้องจัดเลี้ยงและเดินผ่านพวกเราไปที่โต๊ะของเอวาเอวาลุกขึ้นและกอดเล็ตตี้ จากนั้นพวกเธอก็นั่งลงและเริ่มพูดคุยกันไม่กี่วินาทีต่อมา บอดี้การ์ดก็มายืนที่โต๊ะของเรา“คุณครับ ผมต้องขอให้คุณออกไปด้วยครับ” เขาบอกคริสติน
“อะไรนะ?” เอมม่าที่อยู่ข้าง ๆ ผมกระซิบด้วยความตกใจทั้งห้องเงียบลง ทุกคนประหลาดใจมาก ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น ไม่มีใครคาดคิดว่าเอวาจะเป็นผู้ก่อตั้งองค์กรใหญ่โตเช่นนี้ผมเคยแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นแท้ ๆ แม้แต่ผมเองยังไม่รู้เลย นั่นบ่งบอกอะไรเกี่ยวกับผมได้มากมายถ้าผมเองยังไม่รู้เรื่องนี้เกี่ยวกับเอวาด้วยซ้ำ“นายรู้เรื่องนี้ไหม?” เกเบรียลถามด้วยตาและปากที่เบิกกว้าง“ไม่” ผมกัดฟันตอบด้วยความโมโหที่พลาดเรื่องนี้ไปผมเฝ้าดูเธอเลื่อนเก้าอี้ตัวเองออกก่อนที่จะลุกขึ้น อีธานเองก็ลุกขึ้นพร้อมกับยื่นมือให้เธอ เธอวางมือของเธอไว้บนมือของเขาด้วยรอยยิ้มและเขาก็พาเธอเดินไปยังเวที ผมกัดฟันแน่นเมื่อเขาวางมือบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเธอขณะที่ช่วยเธอขึ้นบันไดเมื่อเธอขึ้นเวทีแล้ว เขาก็ก้าวลงมา เธอโอบกอดแมรี่ก่อนที่จะก้าวขึ้นไปบนโพเดียมเธอยิ้มก่อนที่จะกระแอมในลำคอ“สวัสดีค่ะ” เธอหัวเราะคิกคักอย่างประหม่า “แปลกดีนะคะ ฉันสามารถทักทายห้องที่เต็มไปด้วยวัยรุ่นจอมเกเรได้ง่ายกว่าห้องที่เต็มไปด้วยผู้ใหญ่”คำพูดนี้ทำให้เธอได้รับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากผู้คนมากมาย“ฉันไม่คิดว่าจะมีใครที่นี่ที่ไม่
“เยี่ยมเลย” เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เธอแค่หยิบแท็บเล็ตขึ้นมาแล้วเริ่มพิมพ์บางอย่างลงไป“เฮ้” เอมม่าเริ่มพูด “นั่นไม่ใช่เคเลบ คิงส์ตัน จากบริษัทคิงส์ตันเทคโนโลยีเหรอ? เขาไปหาเอวาทำไม? เขารู้จักเธอเหรอ?”ผมมองตามสายตาของเธอไป มีชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่กับเอวา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นเคยมากบริษัทคิงส์ตันเทคโนโลยีถูกก่อตั้งเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว เขาเป็นผู้บริหารที่อายุน้อยที่สุดและได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในโลกธุรกิจ ด้วยอายุเพียงยี่สิบปีเขาได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก เทคโนโลยีของเขาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และเขาก็ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในกลุ่มของผู้บริหารระดับสูงถ้าผมเป็นคนไม่เอาไหน ผมคงกังวลว่าเขาจะแย่งตำแหน่งผู้ประกอบการอันดับหนึ่งของประเทศของไป เด็กหนุ่มคนนี้ทำให้บรรดานักธุรกิจคนอื่น ๆ ต้องเสียเงินกันเป็นกอบเป็นกำ“โอ้ ใช่แล้ว… เขาเป็นผู้ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิโฮป เขาเป็นเด็กกำพร้าและคุณเอวาได้ก็รับเขาไว้ภายใต้การดูแลของเธอ เธอเป็นคนสังเกตเห็นว่าเขาเป็นอัจฉริยะด้านเทคโนโลยี เธอจึงสนับสนุนให้เขาเริ่มต้นทำบางอย่างด้วยพรสวรรค์ของเขา เมื่อเขาคิดที่จะมีบริษัทของตัวเองขึ้นมา ค
“คุณกล้าดียังไง?” น้ำเสียงของเอวาเต็มไปด้วยความโกรธเบรนดายิ้มเยาะราวกับว่าเธอมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ “ไม่ใช่ความผิดของฉันที่เด็กนี่เดินไม่มองทาง นี่เป็นชุดรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นของหลุยส์ วิตตอง และนังเด็กเวรนั่นเกือบจะทำลายชุดฉันด้วยการสาดน้ำผลไม้ใส่”เบรนดาและเอวาไม่เคยลงรอยกัน ผมรู้ว่าเอวาเคยถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียนและเบรนดาคือคนที่ทำให้เธอทรมานมากที่สุดเด็กผู้หญิงที่พวกเขากำลังพูดถึงกำลังหลบอยู่ข้างหลังเอวา เธอน่าจะอายุไม่เกินห้าขวบ เธอเป็นเด็กที่หน้าตาน่ารัก ใส่ชุดสีชมพูสวยงาม ใบหน้ารูปหัวใจ ริมฝีปากอิ่มและผมสีดำยาวสยายลงมาด้านหลังผมนึกภาพตัวเองมีลูกสาวตัวน้อยที่มีดวงตาสีเทาและผมสีน้ำตาลเป็นมันเงาเหมือนเอวาผมตัวแข็งทื่อทันที นี่มันอะไรกัน? ความคิดนั้นมาจากไหนกัน? ผมส่ายหัวและสลัดความคิดนั้นออกไปก่อนมุ่งความสนใจไปที่เอวา ดูเหมือนว่าเอวาจะกำลังจะสั่งสอนเบรนดา“คุณล้อฉันเล่นใช่ไหม? นั่นเป็นเหตุผลที่โง่เง่าจริง ๆ ที่จะทำร้ายเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเราอยู่ที่นี่ก็เพื่อพวกเขา” เอวาตำหนิพลางขมวดคิ้วบนใบหน้าที่สวยงามของเธอ“มันไม่ใช่เหตุผลที่โง่เง่า” เบรนดากระทืบเท้าเหมือ
“แล้วฉันต้องบอกอะไรคุณ?”“ทุกอย่าง… มูลนิธิโฮปและความจริงที่ว่าคุณไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ทำไมคุณถึงปล่อยให้พวกเราทุกคนดูถูกคุณ”เธอขมวดคิ้วก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับผม “แล้วฉันควรจะบอกคุณตอนไหน? คุณแทบไม่อยากอยู่ใกล้ฉันเลย แถมคุณยังทำทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันนาน ๆ”ผมจ้องมองเธอ มองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของเธอ มีบางอย่างใหม่ในดวงตาคู่นั้น บางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนและยังมีบางอย่างที่ขาดหายไปเธอพูดต่อไปในขณะที่มองออกไปที่สวน “อีกอย่าง คุณจะสนใจด้วยเหรอ? เท่าที่ฉันจำได้ คุณไม่ได้สนใจอะไรที่เกี่ยวกับฉันเลย”ผมมองคนเดินเข้าออกสวนด้วยสายตาเลื่อนลอย เธอพูดถูก ผมเคยเป็นไอ้สารเลวที่เย็นชา ตอนนั้นผมคิดเอาเองว่าผมไม่จำเป็นต้องสนใจว่าผู้หญิงที่ทำลายชีวิตผมทำอะไรอยู่ผมโกรธแค้นเอวาและมันแสดงออกมาในวิธีที่ผมปฏิบัติกับเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมภูมิใจในตัวเองเสมอที่เป็นคนดี แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ผมต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นคนเลวมาก ถึงขนาดที่ภรรยาของผมต้องเก็บส่วนหนึ่งของชีวิตเธอเป็นความลับกับผม“เรื่องเอมม่า…” ผมกำลังจะขอโทษสำหรับคำพูดที่ผมพูดใส่เธอโดยไม่คิด แต่เธอกลับตัดบ
เอวาเท้าฉันเจ็บจนแทบยืนไม่ไหวและอยากแช่ตัวในอ่างอาบน้ำก่อนเข้านอนเสียเหลือเกินเราวางแผนจัดงานเลี้ยงนี้กันมาหลายสัปดาห์แล้ว ตอนแรกฉันไม่ควรจะไปที่นั่น งานเลี้ยงนี้ควรจะมีแมรี่เป็นตัวแทนของฉันแบบที่เคยเป็นมา แต่หลังจากที่ฉันเสียใจสติแตกในครัววันนั้น ฉันจึงตัดสินใจว่ามันถึงเวลาที่ฉันจะเลิกซ่อนตัวแล้วแมรี่ตื่นเต้นมากเมื่อฉันบอกเธอว่าฉันจะไปงานเลี้ยงอาหารค่ำ ตัวตนของฉันถูกปกปิดไว้เป็นความลับมาเป็นเวลาห้าปี ไม่ใช่เพราะฉันกลัวว่าใครจะรู้ แต่เพราะฉันแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขฉันไม่อยากเป็นจุดสนใจ ฉันไม่อยากให้ใครมาคอยเอาใจฉันเพราะพวกเขารู้ว่าฉันรวย แต่ตอนนี้ฉันออกมาจากเงามืดได้แล้ว ฉันรู้แล้วว่าใครจริงใจและใครไม่จริงใจแค่คืนนี้ก็มีคนที่นี่ที่พยายามจะเอาใจฉัน รวมทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่เคยดูถูกฉันและปฏิบัติกับฉันเหมือนขยะเพียงเพราะฉันไม่มีงานรายได้สูง พวกเขาจึงเชื่อว่าฉันไม่มีเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียวมันน่าหงุดหงิดมาก ฉันแค่อยากอยู่ห่างจากพวกเขาเท่านั้น“ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิโฮป” เล็ตตี้พูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ทำไมถึงไม่เคยบอกฉัน?”ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้