แชร์

บทที่ 67

ผู้เขียน: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
“เอมม่าบอกเธอยังไม่พร้อม บอกว่าเธอขอตั้งใจเรียนก่อน ทำไมถึงไม่อยากแต่งงานกับผมเล่า? เธอไม่รักผมหรือ?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

ฉันไม่รู้ว่าควรพูดว่าอย่างไรดี ส่วนหนึ่งของฉันปิติยินดีที่เธอปฏิเสธเขา ขณะที่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกเจ็บปวดแทนเขาเพราะไม่เคยเห็นเขาเสียน้ำตาเลยสักครั้ง

“คุณออกจะยอดเยี่ยมนะคะโรแวน ถ้าเธอไม่อยากแต่งงานกับคุณ คนที่ขาดทุนก็คือเอมม่าเอง หมายถึงช่างหัวเธอเถอะ คุณหาได้ดีกว่านั้นเยอะ” ฉันยกแก้วขึ้นมา

เขาจ้องมองฉันครู่หนึ่งก่อนเผยยิ้มออกมา “พูดถูก ช่างหัวเธอเลย” เขาสบถออกมาพร้อมชนแก้วกับฉัน

ฉันไม่รู้เลยว่าเราทั้งสองอยู่ตรงนั้นนานขนาดไหน เราพูดคุย เต้นและดื่มกัน เมื่อเดินออกมาจากร้าน เราทั้งสองเมาแทบสิ้นสติ เขานั้นเมากว่าฉันอีก

เขาแนะนำว่าเราควรไปพักที่ห้องในโรงแรมของเขากันก่อน และฉันก็เห็นดีเห็นงามด้วย ฉันจะกลับบ้านทั้งสภาพเมามายเช่นนี้ไม่ได้ พ่อแม่ได้ถลกหนังฉันออกมาทั้งเป็นแน่ อีกทั้งตอนนี้ฉันเองก็แทบยืนตรงไม่ได้ด้วยซ้ำ

เขาเรียกรถแท็กซี่ เพียงไม่กี่นาทีเราก็เดินทางมาถึงห้องพักของเขา

เมื่อประตูด้านหลังเราถูกปิดลง เขาก็คร่อมอยู่บนร่างฉัน จูบและสัม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ธุลีใจ   บทที่ 68

    ฉันมองใบหน้าเขาและโยนความเจ็บปวดนี้ทิ้งไป โรแวนดูเหมือนต้องการใครสักคน ดังนั้นฉันจึงเดินเข้าไปหาเขาพร้อมวางมือไว้บนไหล่ พยายามปลอบประโลมเขากลับกันเขาแสดงท่าทีรุนแรงออกมา เขาผลักฉันจนเสียหลักล้ม“อย่ามาแตะต้องตัวผม นางผู้หญิงใจง่าย” เขาคำรามลั่น ความโกรธเกรี้ยวและความขมขื่นแผ่ออกมาฉันลุกขึ้นยืนพร้อมน้ำตา “โรแวน ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นนะ”ฉันบอกได้เลยว่าเขาไม่ได้ฟังอะไรฉันอีกแล้ว“ออกไปให้พ้น…ผมไม่อยากเห็นหน้าเธออีก” เขาเอ่ยพร้อมนั่งลงบนเตียงด้วยสภาพจิตใจแตกสลาย น้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาคู่นั้นสภาพของเขาตอนนี้ทำให้หัวใจฉันแตกสลาย เขาดูเจ็บปวดและแตกสลาย ฉันต้องการช่วยเหลือเขา กระนั้น ฉันรู้ดีว่าความช่วยเหลือของฉันต้องถูกปฏิเสธแน่ ฉันจึงเลือกเดินออกไปแทนฉันต้องให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น แต่ไม่ใช่เลยฉันได้กระทำสิ่งที่ผิดมหันต์ลงไปเสียแล้ว…สองวันต่อมา“มันมุดหัวอยู่ที่ไหน?” ฉันได้ยินเสียงเอมม่ากรีดร้องมาจากชั้นล่างหัวใจฉันเต้นระรัวราวกับจะระเบิดออกมาจากอก ลึก ๆ แล้ว ฉันรู้ว่าโรแวนคงเล่าความจริงทุกอย่างให้เธอฟังจนหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเธอถึงได้เลือ

  • ธุลีใจ   บทที่ 69

    สองเดือนต่อมา ฉันจ้องมองที่ตรวจครรภ์อย่างหวาดกลัว เมื่อเหลือบมองที่ตรวจซึ่งขึ้นสองขีด นั่นก็แน่ชัดแล้วว่าฉันตั้งท้องแล้วจริง ๆฉันจึงหยิบที่ตรวจขึ้นมาลองอีกอันหนึ่งเพราะหวังว่ามันจะตรวจผิดแต่ผลก็เหมือนเดิม ฉันท้องลูกของโรแวนชีวิตในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาราวกับนรกก็ว่าได้ ฉันกลายเป็นพวกนอกคอกไม่ใช่เพียงคนในครอบครัวเท่านั้น แต่ที่โรงเรียนด้วยเช่นกัน ทุกคนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับโรแวน แต่ไม่ใครเลยเชื่อฉันเมื่อบอกว่าคืนนั้นฉันเมาคำด่าทอต่างมาลงที่ฉันทั้งหมดเพราะฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายไปยั่วแฟนพี่สาวตนเองตอนเขาเมาไม่ได้สติที่โรงเรียน มีแต่คนรังแกฉัน และทั้งเมืองก็มีแต่คนรังเกียจฉันแม่และพ่อพูดกับฉันน้อยจนนับคำได้จวบจนทุกวันนี้ เอมม่าตัดขาดกับฉันอย่างสิ้นเชิงโดยที่เธอบอกว่าฉันตายจากเธอไปแล้ว สำหรับทราวิส ฉันไม่ได้อยู่ในสายตาของเขานับตั้งแต่นั้น ฉันไม่ได้เจอหรือพูดคุยกับโรแวนเลยนับตั้งแต่คืนนั้นหัวใจของฉันแตกสลายครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดช่วงสองสัปกดาห์ที่ผ่านมา โดยที่ไม่มียาบรรเทาใด ๆ ที่สามารถเยียวยาความเจ็บปวดและการถูกปฏิเสธเช่นนี้ได้ หากฉันมองว่าชีวิตมันย่ำแย่แล้ว นี่คงแย

  • ธุลีใจ   บทที่ 70

    ไม่มีทางหนีอื่นแล้วนอกจากหน้าต่าง ฉันจึงใช้เก้าอี้กระแทกกระจกและพังเหล็กดัดที่กั้นหน้าต่างออกไป จนกระทั่งสามารถออกไปได้ ฉันโยนกระเป๋าเดินทางออกไปทางหน้าต่างและมันก็ตกลงพื้นอย่างที่ฉันเคยบอก ห้องของฉันอยู่ไกลที่สุดจากในบ้าน ดังนั้นเสียงดังเช่นนี้ไม่อาจทำให้คนที่เหลือรู้ตัวได้ ฉันจึงปีนลงมาอย่างช้า ๆ และระมัดระวังเศษกระจกที่แตก ฉันรู้สึกโล่งอกเมื่อพบว่าตนเองสามารถลงมาได้อย่างปลอดภัยฉันรู้สึกดีใจมากเมื่อรู้ว่าตนสามารถหนีออกมาได้ ฉันจึงเดินไปคว้ากระเป๋าเดินทางและออกเดินไปพร้อมมัน สายตาของฉันจับจ้องไปยังโทรศัพท์ขณะกำลังเรียกรถมารับ ความสุขของฉันอยู่ได้เพียงไม่นานเมื่อฉันบังเอิญเจอกับใครบางคน ฉันเงยหน้าขึ้นมามองและความหวาดกลัวก็เข้ามาอีกครั้งเมื่อสายตาสบเข้ากับตาสีเงินคู่งามของโรแวน“นี่คิดจะหนีไปกับลูกของผมจริง ๆ หรือ?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุดอันตรายฉันปล่อยมือออกจากระเป๋าเดินทางและปัดมือผ่านปลายผมไปบนอากาศ“ฉันบอกกับแม่ไปแล้วนะว่านี่ไม่ใช่ลูกคุณ” ฉันโกหกออกไปพร้อมถอยหลังก้าวหนึ่งไม่มีวันที่ฉันจะให้ลุกของตนเองเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้แน่นอน โดยเฉพาะสถานที่ซึ่งเก

  • ธุลีใจ   บทที่ 71

    ณ ปัจจุบัน“อย่างที่เห็น พวกเขามีเหตุผลที่จะเกลียดฉัน... ฉันทำลายความรักของพวกเขา” ฉันพึมพำในขณะที่น้ำตาคลอเบ้าการหวนคิดถึงอดีตเป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับฉันเสมอ ตอนนั้นฉันไร้เดียงสาโง่เขลาและคิดว่าตัวเองจะทำให้เขารักฉันได้หลังจากที่ฉันทำลายชีวิตเขาแท้ ๆ เก้าปีผ่านไป ฉันยังคงต้องชดใช้สำหรับการรักโรแวน วูดส์“แต่มันไม่ใช่ความผิดของคุณไม่ใช่เหรอ?” อีธานถามฉันขณะที่นิ้วของเขาค่อย ๆ ลูบไล้นิ้วของฉัน“ไม่ มันคือความผิดของฉัน ฉันปล่อยให้ความหลงใหลในตัวเขาเป็นศูนย์กลางการตัดสินใจ และเพราะเหตุนั้นฉันจึงได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต” น้ำตาของฉันไหลออกมาไม่หยุดหากฉันย้อนเวลากลับไปได้ หากฉันเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ได้ ฉันใช้ชีวิตที่ผ่านมาด้วยความเสียใจ หากฉันยอมฟังเสียงที่คอยเตือนในหัวของฉัน หากแต่เพียงฉันใส่ใจมันแทนที่จะเพิกเฉยมัน มันคงช่วยให้ฉันไม่ต้องเจ็บปวดและเสียใจมากขนาดนี้หากตอนนั้นฉันรู้ตัวเร็วว่าฉันกำลังตั้งครรภ์ ฉันคงสามารถหนีปัญหาได้เร็วกว่านี้ ฉันจะได้จากไปและไม่บอกโรแวนว่าฉันตั้งครรภ์ลูกของเขาจะได้ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย ฉันรู้ว่ามันฟังดูชั่วร้ายมาก แต่เมื่อมองย้อนกลับไปต

  • ธุลีใจ   บทที่ 72

    แสงอ่อน ๆ ส่องกระทบใบหน้าปลุกฉันให้ตื่น ตอนแรกฉันสับสนว่าฉันมาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง แต่แล้วมือหนัก ๆ ที่โอบเอวของฉันก็ทำให้ฉันนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาได้ฉันเริ่มรู้สึกตื่นตระหนกมากจนกลัวว่าจะปลุกอีธานขึ้นมา ฉันยังไม่อยากให้เขาตื่นตอนนี้ ไม่ใช่ตอนที่ฉันกำลังสติแตก ตอนที่ในหัวของฉันกำลังวุ่นวาย ฉันลุกขึ้นและออกจากเตียงอย่างเชื่องช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้เขาพลิกตัวและพึมพำอะไรบางอย่างแต่เขาไม่ได้ตื่น ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกในขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าและหยิบโทรศัพท์จากตู้ลิ้นชักฉันเดินย่องไปที่ประตูและหรี่ตาเล็กน้อยเมื่อเปิดมันออกและได้ยินเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ฉันมองกลับไปด้วยใจที่เต้นระรัว ฉันรู้สึกโล่งอกทันทีที่เห็นว่าอีธานยังนอนอยู่บนเตียงผ้าห่มปกคลุมเพียงเอวของเขาลงมา เผยให้เห็นกล้ามท้องอันโดดเด่นของเขา และแขนข้างหนึ่งก็ปิดหน้าของเขาเอาไว้ ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างดังแล้วออกจากห้องไปฉันเดินลงบันไดด้วยความรู้สึกราวกับว่ากำลังหนีความอับอายแม้ว่าฉันจะอยู่ในบ้านของตัวเองก็ตาม ความเจ็บปวดระหว่างขาทั้งสองข้างเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าอีธานได้ทำหน้าที่รักษาความเจ็บปวดในใจของฉันอย่างจริงจังท

  • ธุลีใจ   บทที่ 73

    ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมต้องเป็นตอนนี้? พวกเขาต้องการอะไร?“การให้อภัยของเธอมั้ง?” เสียงเดียวกันกระซิบการให้อภัย คำง่าย ๆ แต่กลับซับซ้อนฉันจะให้อภัยพวกเขาได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาก็ไม่ได้ให้อภัยฉันในตอนนั้น? ฉันจะให้อภัยพวกเขาได้อย่างไรเมื่อพวกเขาทำร้ายฉัน? ฉันจะปล่อยวางทุกอย่างได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาไม่ยอมให้ฉันได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเพราะสิ่งที่เกิดขึ้น?อีธานพูดถูก ทั้งโรแวนและฉันต่างก็เมา แต่ฉันเป็นคนเดียวที่โดนทำโทษ คนเดียวที่โดนตำหนิคือฉัน ฉันเป็นคนที่ด่าว่า เป็นคนที่ถูกดูถูก คนเดียวที่โดนกลั่นแกล้งฉันเป็นคนเดียวที่โดนด่าทอด้วยอารมณ์และวาจา ฉันรับมันคนเดียวทั้งหมด ฉันรับผิดทั้งที่ไม่ควรรับ เพราะฉันรักโรแวนฉันยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ฉันรู้สึกถึงน้ำตาแห่งความโกรธที่พยายามจะไหลออกมาและครั้งนี้ฉันไม่อยากอดกลั้นอีกฉันเหนื่อยมาก เหนื่อยเหลือเกินกับการพยายามเข้มแข็ง ฉันสูญเสียมากพอ ๆ กับที่โรแวนต้องสูญเสียเพราะคืนนั้นไม่มีใครเห็นว่าความรู้สึกผิดนั้นทำให้แหลกสลายแค่ไหน ไม่มีใครเห็นว่าฉันพังทลายลงอย่างไร หรือว่าฉันต้องดิ้นรนแค่ไหน พวกเขาสนใจแต่โรแวนและเอมม่าเสมอมาทุกอย่างเกี่ยวกั

  • ธุลีใจ   บทที่ 74

    โรแวนผมกำลังเตรียมตัวไปงานเลี้ยง ผมไม่อยากจะไปแต่ก็ต้องไป ผู้ก่อตั้งมูลนิธิโฮปจัดงานเลี้ยงเพื่อแสดงความขอบคุณและเป็นเกียรติแก่ผู้บริจาคทุกคน และเนื่องจากผมเป็นหนึ่งในผู้บริจาคจำนวนมาก ผมจึงได้รับเชิญ“มีอะไรเหรอครับไบรอัน? ผมยุ่งอยู่” ผมตอบหลังจากที่มองหมายเลขผู้ที่โทรเข้ามา“เราจับคู่ดีเอ็นเอได้จากตัวอย่างเลือดที่เก็บมาจากบ้านของคุณชาร์ปได้แล้วครับ” เขาเข้าประเด็นทันทีชื่อของเธอทำให้ผมหายใจเย็นเยียบเข้าลึก คำพูดสุดท้ายที่ผมพ่นใส่เธอยังคงก้องอยู่ในห้วของผม ผมไม่ควรพูดสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดเหล่านั้น แต่ผมโกรธมากที่เธอลงมือกับเอมม่า“แล้วไง?” ผมเร่งเร้าให้เขาพูดต่อผมหวังว่านี่จะเป็นข่าวดี ผมต้องการเพียงแค่คลี่คลายคดีของเอวาและลืมมันไปซะ“ไม่ดีเท่าไรครับ” เขาตอบและทำให้ผมส่งเสียงโอดไม่พอใจ“เกิดอะไรขึ้น?”“เราสามารถระบุตัวชายคนนั้นได้แล้ว เขาใช้ชื่อว่าอสรพิษทมิฬ เราตามหาเขามาระยะหนึ่งแล้วเนื่องจากเขาเป็นมือสังหารรับจ้าง มีคนบอกกับเราว่าเขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ปัญหาเดียวคือเราพบว่าเขาเสียชีวิตแล้วโดยมีกระสุนฝังอยู่ในกะโหลกศีรษะ” น้ำเสียงของเขาดูสงสัยบางอย่าง ซึ่งผมก็รู้สึกเช่นเดียวกั

  • ธุลีใจ   บทที่ 75

    เราไปถึงตรงเวลาและผมก็โล่งใจ พอรถจอดผมก็ลงจากรถแล้วจึงไปช่วยเอ็มม่า กล้องเริ่มจับภาพทันทีที่เราเหยียบพรมแดง“คุณวูดส์ จริงหรือเปล่าครับที่ตอนนี้คุณคบกับกับเอมม่า ชาร์ป พี่สาวของอดีตภรรยาของคุณ?” นักข่าวคนหนึ่งถาม“มีคนบอกว่าคุณเอมม่าคือรักแท้ของคุณ ในขณะที่สถานการณ์บีบบังคับให้คุณต้องคบกับเอวา ชาร์ป” นักข่าวอีกคนก็พูดขึ้น“อดีตภรรยาของคุณอยู่ที่ไหนเหรอครับคุณวูดส์?”“คุณเอมม่า คุณรู้สึกยังไงที่ได้อยู่กับผู้ชายที่เคยแต่งงานกับน้องสาวของคุณ? แถมพวกเขายังมีลูกชายด้วยกันด้วย”ผมรู้สึกว่ามือของเอมม่าบีบต้นแขนผมแน่นขึ้นเมื่อพวกเขาถามคำถามนั้นกับเธอ ผมจึงพาเธอเดินออกไปในขณะที่พวกเขาถามคำถามแล้วคำถามเล่ากับเรา ในที่สุดเราก็มาถึงทางเข้าและได้รับการต้อนรับผู้จัดงานทำงานได้ยอดเยี่ยมมาก ปกติผมไม่ชอบอะไรแบบนี้แต่สถานที่ดูน่าทึ่งมาก เราถูกพาไปที่โต๊ะของเราและพบว่าเกเบรียล ทราวิส เล็ตตี้ และคริสตินนั่งลงแล้วผมไม่ทักทายใครเลย ไม่เหมือนเอมม่า ผมแค่ช่วยเอมม่านั่งที่ของเธอ จากนั้นผมก็นั่งที่ของตัวเองตอนนี้จิตใจผมไม่ได้อยู่ที่นี่ ความคิดของผมวนเวียนอยู่กับเอวาและความปลอดภัยของเธอ ผมไม่สามารถจด

บทล่าสุด

  • ธุลีใจ   บทที่ 399

    เกเบรียลผมยังคงรู้สึกถึงสัมผัสเนียนนุ่มของผิวเธอเหมือนกับมันซึมลึกอยู่ใต้ผิวของผมเอง ชั่วขณะหนึ่งผมอยากใช้นิ้วหัวแม่มือไล้ไปตามข้อต่อที่เต้นเป็นจังหวะอยู่ด้านในแขนของเธอฮาร์เปอร์คนใหม่นี้น่าสนใจ เธอร้อนแรง และท่าทางแบบใหม่นี้ทำให้ผมรู้สึกติดใจได้ ผมชอบผู้หญิงที่มั่นใจ เร้าอารมณ์ และมีบุคลิกที่ร้อนแรง ผมชอบที่พวกเธอท้าทายและไม่ยอมแพ้เธอกลายเป็นผู้หญิงแบบนั้นและมันทำให้ผมสนใจ เธอเป็นคนที่ร้อนแรงและไม่กลัวที่จะบอกให้ผมไปตายซะ ผมจะไม่สนใจได้อย่างไรเล่า?ตอนที่เราแต่งงานกันนั้นเธอน่าเบื่อ บุคลิกที่น่าเบื่อทำให้เธอดูจืดชืดในสายตาของผม ไม่มีอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับเธอเลย ในขณะที่ผมชอบผู้หญิงที่มีเขี้ยวเล็บ เธอกลับเชื่อฟังมากเกินไป คิดแต่จะทำให้ผมพอใจและดึงดูดความสนใจกันอย่างเดียวเธอยอมลดตัวทุกอย่างเพียงเพื่อให้ผมสนใจ หากเพียงเธอผลักผมให้ออกห่างไปผมก็คงจะสนใจเธอแล้ว ฮาร์เปอร์เมื่อก่อนเป็นคนขี้อายและกลัวแถมขาดความมั่นใจในตัวเอง สิ่งนั้นมันทำให้ผมรู้สึกไม่อยากสนใจเธอเลยผมถอนหายใจแล้วก็ผลักความคิดเหล่านั้นออกไป พยายามขับไล่ความสงสัยที่มีต่อฮาร์เปอร์ เบคเกตต์ ที่ตอนนี้เป็นวู้ดออกไป วินาทีถั

  • ธุลีใจ   บทที่ 398

    “คุณต้องการอะไร เกเบรียล? อย่างที่เห็น ฉันไม่อยากคุยตอนนี้” ฉันลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดคำพูดของลิลลี่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของฉัน มันบาดลึกซ้ำไปซ้ำมา ฉันเอามือสางผม พยายามไล่ความเจ็บปวดที่ท่วมท้นออกไป ฉันรู้ว่าสักวันมันต้องเกิดขึ้น และฉันก็รู้ว่าเธออาจจะรับมันไม่ได้ดีนักลองคิดดูสิ คุณจะรับมันไหวไหมถ้าแม่มาบอกว่าผู้ชายที่คุณคิดว่าเป็นพ่อมาตลอดกลับกลายเป็นคนอื่นไป? ว่าคุณถูกหลอกมาตลอด และไม่มีใครคิดจะบอกความจริงจนกระทั่งมันเลี่ยงไม่ได้ ฉันเข้าใจเธอ ฉันเข้าใจปฏิกิริยาของเธอ ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อคำพูดและความเจ็บปวดในดวงตาของเธออย่างไร“ลิลลี่ไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นหรอก” เกเบรียลพูดพลางเดินเข้ามาในห้องฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ความรู้สึกบางอย่างที่น่าเกลียดพุ่งขึ้นในใจ “แล้วคุณจะรู้ได้ยังไง? คุณแทบจะไม่รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ แล้วจะมาบอกฉันว่าเธอไม่ได้ตั้งใจได้ไง”“แล้วมันเป็นความผิดใครล่ะ?” เขาสวนกลับทันที จ้องฉันด้วยสายตาโกรธจัดฉันทั้งโกรธทั้งเสียใจ ฉันกำลังหาที่ระบาย หาทางที่จะดึงความสนใจตัวเองออกจากความเจ็บปวดที่ถาโถม เกเบรียลจึงกลายเป็นเป้าหมายของฉัน เพราะ

  • ธุลีใจ   บทที่ 397

    ฮาร์เปอร์สัปดาห์นี้วุ่นวายสุด ๆ เหมือนฉันวิ่งทำธุระตั้งแต่กลับมาที่เมืองนี้โดยไม่ได้พักเลยสักนิดอย่างน้อยตอนนี้ลิลลี่ก็ดูสบายขึ้นแล้ว เกเบรียลไม่ยอมส่งที่นอนของเธอมาเพราะบอกว่าที่นอนที่นี่สบายกว่า แต่เขายอมส่งผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มมาให้แทน ซึ่งมันช่วยได้เยอะเลย ตอนนี้เธอหลับสบายตลอดทั้งคืนส่วนเกเบรียล ฉันจะเริ่มจากตรงไหนดี? เขากลับมาบ้านแม้จะดึกดื่นขนาดไหน แต่ก็เท่านั้นเอง เราสองคนพยายามหลบหน้ากัน ต่างทำเหมือนกับว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอยู่ในชีวิต ฉันคิดว่าแบบนี้ดีกว่า อย่างน้อยลิลลี่จะได้ไม่เห็นเราทะเลาะกันตลอดเวลา“แม่คะ แม่อยากคุยกับหนูเหรอ?” เสียงของลิลลี่ดึงฉันกลับมาสู่ปัจจุบันฉันวางผ้าที่กำลังพับอยู่ลง แล้วนั่งลงบนเตียงก่อนจะส่งสัญญาณให้เธอมานั่งด้วยกัน เธอเดินข้ามห้องมาพร้อมขมวดคิ้ว ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ฉันเราอยู่ในห้องของฉัน อย่างที่เดาได้ว่าเกเบรียลกับฉันไม่ได้นอนห้องเดียวกัน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ลิลลี่เข้าใจอย่างไร เพราะเธอต้องสงสัยแน่ ๆ ในเมื่อก่อนหน้านี้ฉันกับเลียมเคยนอนร่วมห้องกัน“แม่คะ?”“ขอโทษนะลูก มีบางอย่างที่แม่อยากจะอธิบายให้หนูฟัง” ฉั

  • ธุลีใจ   บทที่ 396

    แผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้นหันมาทางฉัน รวมถึงกันเนอร์ด้วย ฉันไม่ต้องกังวลเรื่องคาลวินเพราะเขาดูเหมือนตกอยู่ในห้วงความหลงใหล เขาใส่ใจกับทุกสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูด พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนเด่นชัดบนริมฝีปากอีกครั้งที่ความรู้สึกไม่สบายใจจมลึกลงในหัวใจของฉัน ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนหายใจได้ไม่ทั่วท้อง? เหมือนมีหินก้อนใหญ่ติดอยู่ในลำคอฉันเพ่งสายตามองไปยังพวกเขา แม้จะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดเพราะโต๊ะอยู่ห่างออกไป แต่ความสงบสุขและความสุขบนใบหน้าของคาลวินก็เพียงพอที่จะบอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้น เขากำลังออกเดต และกันเนอร์ก็มาด้วย ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนไม่ได้รังเกียจอะไร แต่ฉันไม่มีวันปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่ฉันในชีวิตของลูกชายเด็ดขาดถึงแม้ฉันจะมองไม่เห็นกันเนอร์ แต่ฉันรู้ว่าเขาเหมือนกับคาลวิน กันเนอร์เองก็มีความสุขที่ได้อยู่ที่นั่น เพราะถ้าไม่ใช่แบบนั้น คาลวินคงพาลูกชายกลับไปแล้วแต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ทั้งที่รู้สึกเหมือนหัวใจถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ฉันไม่รู้ว่าฉันนั่งอยู่นานแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว การได้เห็นเขามีความสุขกลับทำให้ฉันเจ็บปวดอย่างประหลาด มันเหมือนหัวใจถูกบดขยี้

  • ธุลีใจ   บทที่ 395

    คำพูดของมอลลี่ยังคงก้องอยู่ในหัว แม้กระทั่งตอนที่เรากำลังกินของหวาน ฉันชอบไอศกรีมมาก แต่วันนี้ฉันกลับไม่สามารถสนุกกับมันได้เลย โดยเฉพาะเมื่อเธอสามารถทำให้ฉันเริ่มสงสัยในทุกสิ่งที่ฉันเชื่อมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา"ทำไมเธอเงียบจัง?" มอลลี่ถามขณะที่วางแก้วมิลค์เชคลง "หรือเธอกำลังคิดถึงสิ่งที่ฉันเพิ่งพูด?"ประโยคสุดท้ายมาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่เธอเอนหลังพิงเก้าอี้"เปล่า" ฉันโกหก "แค่กำลังคิดว่าฉันจะทำยังไงให้คาลวินกับกันเนอร์ยกโทษให้ฉัน ไม่ว่าฉันจะมองมุมไหนก็ไม่มีทางออกที่ดีเลย"ในฐานะทนายความ ฉันเคยชินกับการมองสถานการณ์จากหลายมุมมองเวลาปกป้องลูกความของฉัน นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันเก่งในสิ่งที่ฉันทำ ฉันไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือและพิจารณาทุกผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ ฉันทำแบบนั้นกับสถานการณ์นี้แล้ว แต่กลับไม่พบความหวังเลยฉันอาจไม่ได้รักคาลวิน แต่ฉันรู้จักเขาเป็นอย่างดี เขาเคยให้โอกาสฉันนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อให้ฉันจัดลำดับความสำคัญของชีวิตให้ถูกต้อง แต่ฉันกลับไม่ทำ คาลวินเป็นคนที่เมื่อเขาถึงจุดที่ทนไม่ไหว มันก็จบ ไม่มีการย้อนกลับ ไม่มีโอกาสอีก ไม่มีการให้อภัยฉันจะนั่งหลอกตัวเองที่นี่ก็ได้ แต่ฉัน

  • ธุลีใจ   บทที่ 394

    "ทำไมฉันถึงยอมให้เธอชวนฉันออกไปกินข้าวกลางวันด้วยนะ?" ฉันบ่นพลางมองทิวทัศน์ด้านนอกที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วฉันไม่ได้ออกจากบริเวณของครอบครัวมานานแล้ว ครั้งสุดท้ายน่าจะเป็นตอนที่ฉันไปงานแต่งงานของเอวา บอกตามตรง ฉันตกใจมากตอนที่เธอเชิญฉันไปงานนั้น ในบรรดาคนทั้งหมด ฉันคิดว่าฉันน่าจะเป็นคนที่เธอไม่อยากให้ไปร่วมงานแต่งงานมากที่สุด“ก็เพราะเธอจำเป็นต้องออกไปข้างนอกบ้างไง” มอลลี่ตอบพลางดึงฉันกลับมาสู่บทสนทนา“ฉันก็ออกจากบ้านนะ มอลลี่” ฉันพูดปกป้องตัวเองเสียงหัวเราะเยาะของเธอทำให้ฉันหงุดหงิดมาก“เดินไปที่สวนไม่เรียกว่าการออกไปข้างนอกหรอกย่ะ” เธอตอบโต้ “เลิกบ่นแล้วนั่งพักผ่อนเถอะ เธอจะสนุกกับการออกไปเที่ยวเล็ก ๆ ครั้งนี้ รับรองเลย”“ไม่มั้ง”เมื่อพูดจบ ฉันเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วหลับตาลง ความคิดในหัวของฉันวิ่งวุ่นไปเป็นพันเรื่องในแต่ละนาที ฉันจับพวกมันไว้ไม่ได้หรือควบคุมมันไม่ได้เลยตั้งแต่คุยกับมอลลี่ในห้อง ความคิดของฉันก็วิ่งพล่านไปทั่ว ฉันรู้ว่ามันคงไม่ง่าย แต่เธอพูดถูก ฉันจะมัวแต่นั่งอยู่ในห้อง จมปลักและสาปแช่งความโง่ของตัวเองต่อไปไม่ได้ ถ้าฉันยังเป็นแบบนี้ ฉันอาจไม่มีโอกาสได้อยู่กับลูกชา

  • ธุลีใจ   บทที่ 393

    เอมม่า"ออกจากห้องบ้างเถอะนะ เอมม่า ลูกไม่ควรใช้เวลาทั้งวันติดอยู่ในห้องรก ๆ แบบนี้" แม่บอกฉัน แต่ฉันไม่แม้แต่จะเหลือบมอง เฝ้าแต่จดจ้องอยู่ที่ซีรีส์เศร้าที่กำลังดูอยู่ฉันนั่งอยู่บนเตียง ยังสวมชุดนอนอยู่ พร้อมของว่างกระจายอยู่รอบ ๆ ผ้าห่ม มีเครื่องดื่มหลากหลายชนิดและถังไอศกรีมที่ฉันกำลังจมปลักอยู่ ผ้าม่านถูกปิดมืดสนิทเพราะฉันเพิ่งติดตั้งม่านกันแสงเมื่อไม่กี่เดือนก่อน"นั่นแหละที่หนูพยายามบอกมันอยู่เนี่ย แต่มันไม่ยอมฟังหนูเลยคะแม่" มอลลี่พูดขึ้นฉันรู้สึกได้ว่าเธอกำลังจ้องฉันด้วยสายตาดุดัน แต่ฉันไม่สนใจเลยสักนิด ฉันแค่อยากอยู่คนเดียวเพื่อจมอยู่กับความทุกข์ของตัวเอง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฉันก็เป็นคนที่ทำให้ตัวเองต้องมาเจอเรื่องแบบนี้"กันเนอร์จะพูดว่ายังไงถ้าหลานเห็นลูกในสภาพนี้? ทั้งตัวเองและห้องก็ดูไม่ได้เลย ไม่รู้เลยว่าลูกหวีผมครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ หรืออาบน้ำครั้งสุดท้ายตอนไหน" แม่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจฉันสะดุ้งขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่อกันเนอร์ แล้วหันไปหาแม่ทันที"ลูกถามถึงหนูเหรอ? อยากเจอหนูใช่ไหม?" ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวังแม่ใช้เวลาอยู่กับเขา เช่นเดียวกับทราวิส

  • ธุลีใจ   บทที่ 392

    ทันทีที่พวกเราเข้าไปในโบสถ์ ฉันก็สังเกตเห็นโรแวนในทันที เขาอยู่ในชุดสูทสีดำเช่นเดียวกับน้องชายของเขา เราเดินไปยังด้านหน้าของโบสถ์พร้อมกับที่บาทหลวงเดินเข้ามา"สวัสดีครับ คุณฮาร์เปอร์" โรแวนกล่าวทักทายอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นฉันถึงกับตกตะลึง โรแวนดูเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เหมือนกับคนที่ฉันเคยรู้จักมาก่อน เมื่อก่อนเขามักจะดูเย็นชาและห่างเหิน เหมือนมีบางอย่างคอยถ่วงจิตใจเขาไว้ และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้เขากลับดูอบอุ่นราวกับความมืดที่เคยครอบงำเขาได้เลือนหายไป"สะ…สวัสดีค่ะ" ฉันตอบกลับอย่างตะกุกตะกักฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าเขากลับไปคืนดีกับแฟนเก่าหรือยัง เพราะทุกคนรู้ว่าเขาเปลี่ยนไปหลังจากเสียเธอไปและต้องแต่งงานกับเอวา ใช่ นั่นคงจะเป็นเหตุผล เขาเกลียดเอวา การเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะเกี่ยวกับเอมม่า พี่สาวของเอวา"เริ่มกันเลยไหม?" บาทหลวงพูดขัดขึ้นมา และเราสามคนก็พยักหน้าตอบรับฉันยืนอยู่ข้าง ๆ เกเบรียล ในขณะที่โรแวนยืนอยู่ด้านหลังเราฉันพยายามไม่สนใจคำกล่าวของบาทหลวง เพราะฉันไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกับโบสถ์ แต่ฉันคิดว่ามันคงง่ายกว่านี้ถ้าเกเบรียลตกลงทำพิธีที่อำเภอแทนไม่รู้ว่าผ

  • ธุลีใจ   บทที่ 391

    ฉันบรรจงลงแปรงปัดหน้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนมองตนเองในกระจก ฉันรู้สึกสติกระเจิงเพราะว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานครั้งที่สาม ตอนฉันคิดอย่างนั้นมันก็ดูเหมือนเป็นเรื่องแย่ถูกไหม? สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกสงบใจได้นั่นคือการที่ฉันได้แต่งงานกับชายที่เคยแต่งงานด้วยเมื่อหลายปีก่อนหน้า ซึ่งก็คือสามีคนแรกของฉันฉันสวมใส่ชุดและหยิบกระเป๋าพร้อมเดินออกจากห้อง อากาศที่แทรกผ่านกายเหมือนประกายไฟฟ้าที่ปกคลุมวิญญาณเอาไว้เกเบรียลนำร่างหนังสือสัญญาฉบับใหม่มาให้ในเย็นวันนั้นทันทีที่เรียบร้อย และวันต่อมา เราก็เดินทางไปหาบาทหลวงเพื่อดำเนินการเรื่องต่าง ๆ“พร้อมไหม?” เกเบรียลเอ่ยถามเมื่อเราเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นรอฉันไม่ได้ตอบอะไร รู้สึกเหมือนความคิดมันติดชะงัก ฉันจึงพยักหน้าตอบกลับเท่านั้น“แล้วทำไมหนูไปด้วยไม่ได้?” ลิลลี่สะอื้นไห้ซึ่งทำให้ฉันหันไปหาเธอลูกสาวนั่งอยู่บนโซฟารูปตัวแอลด้วยหน้าบึ้งตึง มือกอดอกแน่น เธอไม่ใช่เด็กที่อารมณ์ร้อนแต่อย่างไร เพียงแค่ไม่เคยชินกับสถานนี้ก็เท่านั้น “มีแค่ผู้ใหญ่ที่ไปได้นะลูก” ฉันตัดบทอย่างง่าย ๆ “คุณชารอนอยู่นี่แล้วไงลูก เดี๋ยวเธอจะดูแลลูกเองจนกว่าเราจะกลับมา”ชารอน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status