การที่ได้เห็นใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวของโรแวนตอกย้ำว่าฉันไม่ควรเปิดประตูตั้งแต่แรก ก่อนฉันจะทันได้ตอบโต้ ชายหนุ่มผลักฉันเข้ามาด้านในก่อนจะปิดประตู เขาผลักดันฉันไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ตรงบริเวณพื้นที่ระหว่างห้องโถง ห้องครัว และห้องนั่งเล่น“เป็นบ้าไปแล้วหรือไง?” โรแวนระเบิดอารมณ์ ความโกรธเกรี้ยวของเขาทำให้ฉันตัวสั่น“อะไร?”“นี่คิดหรือว่าเอมม่าไม่ได้บอกอะไรผมมาเลย? หรือคิดว่าผมไม่เห็นรอยมือของคุณบนแก้มข้างซ้ายของเอมม่าน่ะ?เขาเริ่มเดินวนไปมา ฉันเริ่มประติดประต่อคำพูดของเขาและเริ่มเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงปรากฎตัวมาที่นี่“คุณไม่เข้าใจหรอก” ฉันพยายามอธิบายเหตุผล กระนั้นเขากลับไม่เปิดโอกาสเลย“เข้าใจอะไร? เข้าใจว่าคุณตบเอมม่าอย่างไม่มีเหตุผล? เข้าใจว่าคุณกล่าวหาว่าเธอเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐานเลย? หรืออยากให้ผมเข้าใจเรื่องเลวทรามที่คุณพูดกับเธอดีเล่า?” เขาเดินก้าวเข้ามาพร้อมดวงตาเกรี้ยวกราดฉันไม่รู้ว่าเอมม่าเล่าอะไรให้โรแวนฟังบ้าง แต่มั่นใจได้เลยว่าเธอต้องโกหกและไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังเป็นแน่“ผมจะไม่ปล่อยให้คุณทำร้ายเอมม่าเด็ดขาด เข้าใจไหม เอวา?
วันนี้ เสียงโทรศัพท์ของฉันดังนับร้อยครั้งได้แล้วโดยมีชื่อของเล็ตตี้เด่นอยู่บนหน้าจอ กระนั้นเช่นหลายครั้งที่ผ่านมา ฉันเมินเฉยต่อสายเรียกเข้าพวกนั้น เธอพยายามติดต่อฉันตั้งเแต่เมื่อวานสภาพจิตใจของฉันไม่พร้อมที่จะพูดดุยกับเธอตอนนี้ เธอยังติดต่อกับสังคมและผู้คนที่ฉันพยายามหลีกหนีอยู่ ซึ่งนั่นทำให้ฉันตระหนักได้ว่าอยู่ตรงทางแยกชีวิตที่จำเป็นต้องเลือก“ขออีกแก้ว” ฉันสั่งบาร์เทนเดอร์ทันทีที่เสียงเรียกเข้าเงียบลงวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของฉัน และฉันจึงฉลองให้ตนเองเช่นนี้แหละ ตัวคนเดียวอยู่ในบาร์แห่งหนึ่ง นั่งดื่มเหล้าผสมน้ำผลไม้ และคำพูดของโรแวนยังทิ่มแทงอยู่ไม่จางหายฉันพยายามเป็นอย่างมากที่จะโยนความคิดเหล่านั้นทิ้งไปเสีย พยายามเหลือเกินที่จะลืมทุกคำพูดซึ่งเขาโยนใส่ฉัน แต่นั่นเป็นเรื่องยากลำบากจริง ๆ คำพูดนั้นตามหลอกหลอนฉันเฉกเช่นผีร้ายเราทั้งสองแต่งงานอยู่กินกันมาหลายปี แต่ฉันก็ไม่เคยนึกเอะใจเรื่องที่เขามองฉันเป็นเพียงสิ่งบันเทิงทางกามเท่านั้น อีกทั้งยังหลอกใช้ให้ฉันกลายเป็นตัวแทนเรือนร่างของเอมม่าด้วยซ้ำ หัวใจของฉันแหลกสลายครั้งแล้วครั้งเล่านับตั้งแต่เกิดเหตุวันนั้นที่บ้านฉันที่จริ
“ฉันสบายดีค่ะ…แค่ไม่อยากคุยกับเธอในตอนนี้” ฉันเปล่งเสียงดังขึ้นเสียงดนตรีไม่ดังมาก แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตคำว่าดังอยู่“นี่คุณอยู่ร้านเหล้าหรือ?” เขาเอ่ยถามเนื่องจากได้ยินเสียงคนรอบข้างร้องเพลงที่พวกเขาชื่นชอบกันเสียงดัง“ก็ประมาณนั้นค่ะ”“เมาหรือเปล่า?”“แค่มึน ๆ” ฉันตอบคำถาม ที่จริงฉันตั้งใจจะดื่มให้ภาพตัดไปเลย“แล้วมีคนขับรถที่ไว้ใจได้แล้วหรือยังครับ?ฉันแอบหัวเราะให้กับมุกนั้น เขาสวมบทบาทคุณตำรวจแสนดีอยู่ และฉันชื่นชอบเป็นอย่างมาก ฉันชอบที่เขาใส่ไว้ว่าฉันจะกลับบ้านอย่างไรด้วย“ยังเลยค่ะ คิดว่าจะนั่งแท็กซี่กลับ” ฉันตอบกลับ“ไม่ได้ ห้ามนั่ง ขอผมสิบนาที” เขาเอ่ยก่อนกดวางสายไปฉันขมวดคิ้วใส่โทรศัพท์ตนเองพลางสงสัยว่าทำไมอีธานถึงบอกเช่นนั้นออกมา เมื่อคิดได้ว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญขนาดนั้น ฉันจึงปล่อยเรื่องนั้นไป วันนี้สิ่งที่ฉันต้องทำคือลืมทุกเรื่องและสนุกให้สุดเหวี่ยงฉันไม่รู้เลยว่าผ่านไปนานเท่าใดแล้วเมื่อมีใครบางคนเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ข้างฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองและรู้สึกตกใจเมื่อพบว่าสายตาสีฟ้าคู่งามของอีธานกำลังจ้องมองฉันอยู่“อีธาน คุณมาได้ไงเนี่ย?” ฉันเอ่ยถามด้วยความรู้สึกงุน
เมื่อเก้าปีก่อนเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแสดงว่ามีการแจ้งเตือนใหม่ ซึ่งทำให้ฉันลืมตาตื่นจากการนอนหลับอย่างไม่เต็มตื่น ฉันไม่สามารถนอนหลับได้เต็มตามาสองปีด้วยเหตุผลบางประการส่วนหนึ่งของฉันบอกว่าสาเหตุนั้นมาจากโรแวน หัวใจและสมองไม่ได้รู้สึกสงบเลยเพราะเขาไม่ได้อยู่ข้างกายอีกแล้ว การที่ฉันไม่ได้พักผ่อนอย่างดีนั้นเริ่มต้นมาจากช่วงที่เขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อสองปีก่อน ช่วงที่เขาต้องเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยนั้น ฉันแทบจะนอนไม่หลับเลย แต่ในช่วงวันหยุดที่เขากลับมาบ้าน ฉันหลับได้อย่างกับเด็กน้อยฉันส่งเสียงโอดครวญออกมาเพราะนี่ก็เป็นอีกคืนที่นอนไม่หลับ จากนั้นลุกขึ้นดูโทรศัพท์ ฉันรู้สึกแปลกใจ แต่เพียงแวบเดียวความสุขก็เข้ามาแทนที่เมื่อเห็นว่าการแจ้งเตือนนั้นคืออะไรฉันจ่ายเงินจ้างให้คนช่วยติดตั้งแอปพลิเคชันที่ช่วยติดตามโรแวนไปด้วยตลอดทุกหนทุกหน ตอนนี้มันแจ้งเตือนว่าเขาอยู่บ้านฉันกระโดดลงจากเตียงและรีบแต่งตัว เขาอาจกลับมาพร้อมกับเอมม่า หรือทราวิสหรืออาจเป็นเกเบรียลก็เป็นได้ แต่ใครสนกันเล่า ฉันเพียงต้องการพบหน้าเขาแม้ว่าจะแค่มองอยู่ห่าง ๆ ก็ตามทันทีที่ฉันแต่งตัวเสร็จ สายตาก็แอบเหลือบมองออ
“เอมม่าบอกเธอยังไม่พร้อม บอกว่าเธอขอตั้งใจเรียนก่อน ทำไมถึงไม่อยากแต่งงานกับผมเล่า? เธอไม่รักผมหรือ?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดฉันไม่รู้ว่าควรพูดว่าอย่างไรดี ส่วนหนึ่งของฉันปิติยินดีที่เธอปฏิเสธเขา ขณะที่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกเจ็บปวดแทนเขาเพราะไม่เคยเห็นเขาเสียน้ำตาเลยสักครั้ง“คุณออกจะยอดเยี่ยมนะคะโรแวน ถ้าเธอไม่อยากแต่งงานกับคุณ คนที่ขาดทุนก็คือเอมม่าเอง หมายถึงช่างหัวเธอเถอะ คุณหาได้ดีกว่านั้นเยอะ” ฉันยกแก้วขึ้นมาเขาจ้องมองฉันครู่หนึ่งก่อนเผยยิ้มออกมา “พูดถูก ช่างหัวเธอเลย” เขาสบถออกมาพร้อมชนแก้วกับฉันฉันไม่รู้เลยว่าเราทั้งสองอยู่ตรงนั้นนานขนาดไหน เราพูดคุย เต้นและดื่มกัน เมื่อเดินออกมาจากร้าน เราทั้งสองเมาแทบสิ้นสติ เขานั้นเมากว่าฉันอีกเขาแนะนำว่าเราควรไปพักที่ห้องในโรงแรมของเขากันก่อน และฉันก็เห็นดีเห็นงามด้วย ฉันจะกลับบ้านทั้งสภาพเมามายเช่นนี้ไม่ได้ พ่อแม่ได้ถลกหนังฉันออกมาทั้งเป็นแน่ อีกทั้งตอนนี้ฉันเองก็แทบยืนตรงไม่ได้ด้วยซ้ำเขาเรียกรถแท็กซี่ เพียงไม่กี่นาทีเราก็เดินทางมาถึงห้องพักของเขาเมื่อประตูด้านหลังเราถูกปิดลง เขาก็คร่อมอยู่บนร่างฉัน จูบและสัม
ฉันมองใบหน้าเขาและโยนความเจ็บปวดนี้ทิ้งไป โรแวนดูเหมือนต้องการใครสักคน ดังนั้นฉันจึงเดินเข้าไปหาเขาพร้อมวางมือไว้บนไหล่ พยายามปลอบประโลมเขากลับกันเขาแสดงท่าทีรุนแรงออกมา เขาผลักฉันจนเสียหลักล้ม“อย่ามาแตะต้องตัวผม นางผู้หญิงใจง่าย” เขาคำรามลั่น ความโกรธเกรี้ยวและความขมขื่นแผ่ออกมาฉันลุกขึ้นยืนพร้อมน้ำตา “โรแวน ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นนะ”ฉันบอกได้เลยว่าเขาไม่ได้ฟังอะไรฉันอีกแล้ว“ออกไปให้พ้น…ผมไม่อยากเห็นหน้าเธออีก” เขาเอ่ยพร้อมนั่งลงบนเตียงด้วยสภาพจิตใจแตกสลาย น้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาคู่นั้นสภาพของเขาตอนนี้ทำให้หัวใจฉันแตกสลาย เขาดูเจ็บปวดและแตกสลาย ฉันต้องการช่วยเหลือเขา กระนั้น ฉันรู้ดีว่าความช่วยเหลือของฉันต้องถูกปฏิเสธแน่ ฉันจึงเลือกเดินออกไปแทนฉันต้องให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น แต่ไม่ใช่เลยฉันได้กระทำสิ่งที่ผิดมหันต์ลงไปเสียแล้ว…สองวันต่อมา“มันมุดหัวอยู่ที่ไหน?” ฉันได้ยินเสียงเอมม่ากรีดร้องมาจากชั้นล่างหัวใจฉันเต้นระรัวราวกับจะระเบิดออกมาจากอก ลึก ๆ แล้ว ฉันรู้ว่าโรแวนคงเล่าความจริงทุกอย่างให้เธอฟังจนหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเธอถึงได้เลือ
สองเดือนต่อมา ฉันจ้องมองที่ตรวจครรภ์อย่างหวาดกลัว เมื่อเหลือบมองที่ตรวจซึ่งขึ้นสองขีด นั่นก็แน่ชัดแล้วว่าฉันตั้งท้องแล้วจริง ๆฉันจึงหยิบที่ตรวจขึ้นมาลองอีกอันหนึ่งเพราะหวังว่ามันจะตรวจผิดแต่ผลก็เหมือนเดิม ฉันท้องลูกของโรแวนชีวิตในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาราวกับนรกก็ว่าได้ ฉันกลายเป็นพวกนอกคอกไม่ใช่เพียงคนในครอบครัวเท่านั้น แต่ที่โรงเรียนด้วยเช่นกัน ทุกคนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับโรแวน แต่ไม่ใครเลยเชื่อฉันเมื่อบอกว่าคืนนั้นฉันเมาคำด่าทอต่างมาลงที่ฉันทั้งหมดเพราะฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายไปยั่วแฟนพี่สาวตนเองตอนเขาเมาไม่ได้สติที่โรงเรียน มีแต่คนรังแกฉัน และทั้งเมืองก็มีแต่คนรังเกียจฉันแม่และพ่อพูดกับฉันน้อยจนนับคำได้จวบจนทุกวันนี้ เอมม่าตัดขาดกับฉันอย่างสิ้นเชิงโดยที่เธอบอกว่าฉันตายจากเธอไปแล้ว สำหรับทราวิส ฉันไม่ได้อยู่ในสายตาของเขานับตั้งแต่นั้น ฉันไม่ได้เจอหรือพูดคุยกับโรแวนเลยนับตั้งแต่คืนนั้นหัวใจของฉันแตกสลายครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดช่วงสองสัปกดาห์ที่ผ่านมา โดยที่ไม่มียาบรรเทาใด ๆ ที่สามารถเยียวยาความเจ็บปวดและการถูกปฏิเสธเช่นนี้ได้ หากฉันมองว่าชีวิตมันย่ำแย่แล้ว นี่คงแย
ไม่มีทางหนีอื่นแล้วนอกจากหน้าต่าง ฉันจึงใช้เก้าอี้กระแทกกระจกและพังเหล็กดัดที่กั้นหน้าต่างออกไป จนกระทั่งสามารถออกไปได้ ฉันโยนกระเป๋าเดินทางออกไปทางหน้าต่างและมันก็ตกลงพื้นอย่างที่ฉันเคยบอก ห้องของฉันอยู่ไกลที่สุดจากในบ้าน ดังนั้นเสียงดังเช่นนี้ไม่อาจทำให้คนที่เหลือรู้ตัวได้ ฉันจึงปีนลงมาอย่างช้า ๆ และระมัดระวังเศษกระจกที่แตก ฉันรู้สึกโล่งอกเมื่อพบว่าตนเองสามารถลงมาได้อย่างปลอดภัยฉันรู้สึกดีใจมากเมื่อรู้ว่าตนสามารถหนีออกมาได้ ฉันจึงเดินไปคว้ากระเป๋าเดินทางและออกเดินไปพร้อมมัน สายตาของฉันจับจ้องไปยังโทรศัพท์ขณะกำลังเรียกรถมารับ ความสุขของฉันอยู่ได้เพียงไม่นานเมื่อฉันบังเอิญเจอกับใครบางคน ฉันเงยหน้าขึ้นมามองและความหวาดกลัวก็เข้ามาอีกครั้งเมื่อสายตาสบเข้ากับตาสีเงินคู่งามของโรแวน“นี่คิดจะหนีไปกับลูกของผมจริง ๆ หรือ?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุดอันตรายฉันปล่อยมือออกจากระเป๋าเดินทางและปัดมือผ่านปลายผมไปบนอากาศ“ฉันบอกกับแม่ไปแล้วนะว่านี่ไม่ใช่ลูกคุณ” ฉันโกหกออกไปพร้อมถอยหลังก้าวหนึ่งไม่มีวันที่ฉันจะให้ลุกของตนเองเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้แน่นอน โดยเฉพาะสถานที่ซึ่งเก
ฉันจำครั้งแรกที่ฉันเห็นคาลวินได้ เราอยู่ในช่วงมัธยมปลาย และเขาเพิ่งย้ายมาโรงเรียนเราในฐานะนักเรียนทุน ฉันเป็นประธานคณะต้อนรับ แน่นอนว่าฉันทำได้ทุกอย่าง และใครจะไม่อยากให้ฉันเป็นคนพาพวกเขาเดินชมรอบโรงเรียนในวันแรก? ใครจะไม่อยากเห็นหน้าฉันในวันแรกที่เริ่มเรียนโรงเรียนใหม่?ฉันไม่ได้อวดตัวหรืออะไรแบบนั้นหรอก แต่ฉันรู้ว่าฉันคือใครและมีคุณค่าขนาดไหน ฉันเป็นที่นิยม เป็นเชียร์ลีดเดอร์ และนักเรียนดีเด่น ฉันมีทุกอย่าง ทั้งความมั่งคั่ง ความงามและความฉลาด ที่สำคัญที่สุด ฉันยังเป็นคนที่ถ่อมตัว นั่นจึงทำให้คนส่วนใหญ่ชอบฉันแน่นอนว่าฉันก็มีคนที่เกลียดฉันเหมือนกัน เช่น เอวาและผู้หญิงคนอื่น ๆ เพราะฉันมีบางสิ่งที่พวกเธอไม่มีทางมีได้ นั่นก็คือโรแวนทุกคนต่างก็ต้องการเขา มันไม่ใช่ความลับเลย เช่นเดียวกับที่ผู้ชายเกือบทุกคนต่างต้องการฉัน ยกเว้นทราวิสและเกเบรียล เราเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ แม้ว่าเราจะยังไม่ได้เป็นแฟนกันตอนที่คาลวินเข้ามาเรียน แต่ฉันก็ไม่ได้กังวล มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะลงเอยด้วยกัน มันไม่ใช่คำถามว่าจะลงเอยหรือไม่แต่เป็นคำถามว่าเมื่อไหร่มากกว่ากลับมาที่คาลวิน ฉันจำได้ว่าฉันไ
“พูดเล่นล่ะสิ” ฉันเอ่ยอย่างแผ่วเบา พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไปอย่างที่บอก ฉันรู้จักเกเบรียลดี และฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่คำขู่ลอย ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังต้องมีความมั่นใจอยู่บ้างเพราะนี่คือลิลลี่ที่เรากำลังพูดถึง เธอไม่ใช่แค่ลูกสาวของฉัน แต่เธอเป็นดั่งชีวิตด้วย ฉันจะไม่ยอมให้เขาเอาเธอไปได้ นั่นคงฆ่าฉันทั้งเป็น“ผมดูเหมือนกำลังล้อเล่นเหรอ?” เขาถามพร้อมกับจ้องฉันด้วยสายตารุนแรง “ผมบอกได้เลยว่าผมเอาจริง ฮาร์เปอร์”คุณเคยรู้สึกเหมือนโดนต่อยทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไหม? นั่นคือสิ่งที่ฉันรู้สึกในตอนนี้ มันเหมือนโดนการโจมตีล่องหนตรงกลางอก ฉันพยายามสูดลมหายใจผ่านความเจ็บปวด ฉันไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองพังทลายได้ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าสิ่งที่ฉันอยากทำที่สุดคือปล่อยตัวเองให้ร้องไห้และสาปแช่งเกเบรียลให้ตกนีกไปซะ“ทำแบบนี้ไปทำไม?” ฉันถาม ใกล้จะหลั่งน้ำตาเต็มที “คุณหย่ากับฉันและไล่ฉันออกมา เกเบรียล ฉันก็ออกมาแล้วเหมือนที่คุณต้องการ และไม่เคยไปรบกวนคุณอีกเลย ทำไมถึงไม่ทำเหมือนกันล่ะ? ทำไมคุณต้องมาทำให้ชีวิตฉันวุ่นวายด้วย?”ฉันไม่เข้าใจเลย ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ เกเบรียลเป็นเสือ
เวร! ทำไมต้องเป็นฉัน? ทำไมต้องตอนนี้? ทำไมต้องวันนี้? โชคชะตาแสดงให้เห็นมาโดยตลอดว่ามันเกลียดฉัน แต่เรื่องนี้มันเกินไปแล้วนะ ทำไมมันถึงจงชังฉันขนาดนี้?ความจริง ณ ตอนนี้ ฉันกลัวที่จะเงยหน้าขึ้นมอง กลัวที่จะมองเกเบรียลกับลิลลี่ ฉันพยายามสงบหัวใจที่เต้นระรัวเหมือนมันจะหลุดออกมา แต่ไม่มีประโยชน์เลย ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะหัวใจวาย เหงื่อไหลซึมลงไปตามแผ่นหลังอย่างชัดเจนความโกรธที่ฉันมีต่อเกเบรียลหายไปแล้ว สิ่งที่แทนที่คือความกลัวบริสุทธิ์ที่ไม่มีเจือปน ตอนตื่นขึ้นมา ฉันไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะเจอกับอะไรแบบนี้ ว่าเกเบรียลจะโผล่มาที่บ้านฉันโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย และเขากับลิลลี่จะได้เจอกันในตอนแรก ฉันระมัดระวังเพราะรู้ว่าลิลลี่กำลังนอนพักอยู่เนื่องจากไม่สบาย แต่หลังจากที่เกเบรียลเปิดเผยเรื่องนั้น ฉันลืมไปหมดและระเบิดอารมณ์ออกมา นั่นเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่มีใครให้โทษนอกจากตัวเอง"แม่คะ?" เสียงหวานใสดังขึ้นทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้น แม้ว่าฉันอยากหลีกเลี่ยงขนาดไหนก็ตามเมื่อมองหน้าลูกสาว ฉันก็ไม่สามารถพูดสิ่งใดออกมาได้เมื่อฉันไม่ตอบ ลิลลี่ก็หันไปหาเกเบรียลแทน "คุณเป็นใครคะ? แล้วทำไมถึงได้ทะเล
"หมายความว่ายังไง?" ฉันถาม มือของฉันสั่นไหวด้วยความเจ็บปวดรูปแบบใหม่ที่ซัดเข้ามาเขาค่อย ๆ เลิกไขว้ห้างและโน้มตัวไปข้างหน้า "ง่ายมาก ผมก็แค่เก็บบริษัทไว้และสร้างมันขึ้นมาใหม่ แน่นอนว่าเปลี่ยนชื่อและทำให้มันกลายเป็นภาพลักษณ์ของผมเอง ตอนนี้มันเป็นหนึ่งในบริษัทมากมายของผมน่ะ"ความโกรธและความเจ็บปวดพลุ่งพล่านในตัวฉัน ฉันควรจะรู้มาก่อนแล้ว ทำไมถึงประเมินความโหดร้ายของเขาต่ำเกินไป? เขารู้ว่าบริษัทนั้นมีความหมายกับฉันมากแค่ไหน มันเป็นสิ่งเดียวที่เหลือเชื่อมโยงฉันกับครอบครัว แต่เขากลับทำให้ฉันเชื่อว่ามันถูกทำลาย"ทำไม?" ฉันเอ่ยอย่างแผ่วเบา น้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นในดวงตา "ทำไมถึงไม่บอกฉัน? เก็บเอาไว้ทำไม?""ผมเก็บไว้เป็นค่าชดเชยที่ต้องแต่งงานกับคุณและเสียเวลาชีวิตไปสามปีน่ะสิ"นั่นแหละที่ทำให้ฉันระเบิด "ไอ้เลวนี่!" ฉันพุ่งเข้าไปหาเขาคำพูดเหมือนมีดที่แทงฉันเป็นชิ้น ๆ และการกระทำก็ทำลายฉันจนสิ้นสภาพ เขาเกลียดฉันมากขนาดนี้เลยเหรอ? ถึงกับเก็บสิ่งที่เขารู้ว่าฉันรักไว้ ทั้งที่มันไม่ใช่ของเขาอย่างนี้เลยเหรอ?"สินสอดที่เรามี คุณก็ไม่ยอมแบ่งอะไรมาให้เลย แต่กลับเก็บยูนิตี้ เวนเจอร์ไว้ คุณมันไอ้คนเห็นแก
“ไม่!” ฉันระเบิดคำปฏิเสธออกมา รู้สึกตื่นตระหนกพร้อมความรู้สึกเดือดดาลอยู่ภายในเขาจ้องมองฉันด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบอกได้ วินาทีนั้นเอง ใบหน้าของเขาฉายเพียงความว่างเปล่าและความเย็นชาสุดใจเข้ามาแทนที่ฉันกลืนน้ำลายลงคอเมื่อรับรู้ถึงบรรยากาศที่อันตรายซึ่งเต็มไปทั่วห้อง นี่แหละคือเกเบรียลที่ฉันเคยชิน เกเบรียลที่ฉันรู้จัก ผู้ชายที่แข็งกระด้างและกลายเป็นคนอันตรายเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ“อย่างนั้นเหรอ? ไม่คิดจะฟังสิ่งที่ผมจะพูดเลยงั้นสิ? ไม่สนเลยเหรอว่าผมจะยื่นข้อเสนออะไรให้คุณ?” ตอนนี้เขาดูสงบ แต่ฉันรู้ว่านั่นมันแค่เปลือกนอก ใต้ชุดสูทและเนคไทคือสัตว์ร้ายแสนอันตรายเขาเหมือนฉลามที่พร้อมจะฉีกคุณเป็นชิ้น ๆ ก่อนที่คุณจะรู้ตัวว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือว่าทำไมถึงตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา“ไม่” ฉันตอบซ้ำ “ฉันไม่อยากมีส่วนร่วมกับอะไรก็ตามที่คุณสนอมาทั้งนั้น” ฉันตอบด้วยความมั่นใจการทำข้อตกลงกับเกเบรียลก็เหมือนทำข้อตกลงกับปีศาจ และใครที่มีสติอยู่ครบจะยอมทำแบบนั้นล่ะ? ฉันอาจมีข้อเสียหลายอย่าง แต่ความโง่ไม่ใช่หนึ่งในนั้น ฉันชอบชีวิตของฉันตอนนี้ ที่ไม่มีเงาของเกเบรียลอยู่ในภาพมันคงเป็นเร
ฉันจ้องเขาอย่างตะลึงงัน รู้ตัวอีกทีฉันก็ปิดปากลงเพื่อไม่ให้ดูเหมือนคนโง่ที่ยืนอ้าปากค้างไม่เคยเลยสักครั้งที่จะคิดว่าฉันจะได้พบกับเกเบรียลอีก ฉันคิดว่าวันที่เขาหย่ากับฉันจะเป็นวันสุดท้ายที่เราต้องเห็นหน้ากันบางคนอาจสงสัยว่า ทำไมฉันไม่เคยเห็นเขาในข่าวหรือในรายการซุบซิบบนโทรทัศน์เลย? เพราะฉันไม่สนใจเรื่องพวกนั้น ชีวิตฉันยุ่งเกินกว่าจะมาสนใจว่าโลกข้างนอกกำลังพูดถึงใคร“จะไม่เชิญผมเข้าไปหน่อยเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำของเขาขัดจังหวะความคิดฉันสูดหายใจลึก พยายามรวบรวมสติ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะเสียสมาธิ“มาที่นี่ทำไม?”การมาถึงของเขามันน่าตกใจเกินกว่าแค่บังเอิญ เรื่องนี้มันชัดเจนอยู่มากแล้ว ฉันรู้จักเกเบรียลดีพอที่จะรู้ว่าเขาไม่ทำอะไรโดยไร้เหตุผล ถ้าเขาอยู่ที่นี่ แสดงว่าเขามีจุดประสงค์แน่อยากรู้เหรอว่าเขามาที่นี่ทำไมอย่างนั้นเหรอ? เสียงภายในเอ่ยถามคำตอบฉันชัดเจนว่าไม่ ไม่อยากรู้เลย ไม่ว่าที่เขาต้องการจะเป็นอะไร มันไม่มีทางเป็นผลดีกับฉัน และที่แย่กว่านั้น และเป็นเรื่องแย่ไปมากว่าเดิมด้วยถ้าเขารู้ความลับที่ฉันปกปิดเอาไว้“รู้อะไรไหม? ฉันไม่สน คุณช่วยกลับไปที” ฉันยืดตัวขึ้นและตอบเขาเขามอง
ฮาร์เปอร์สายตาของฉันจับจ้องไปที่รูปของเลียม สามีผู้ล่วงลับ สองปีแล้ว แต่ฉันยังคงคิดถึงเขาแทบบ้าฉันถอนหายใจ วางไม้กวาดลง แล้วหยิบรูปขึ้นมาดู ฉันนั่งลงบนโซฟาที่เก่าจนผุพัง แล้วจ้องมองใบหน้าของเขาด้วยความรัก ใช้นิ้วลูบไปตามภาพของเขาเบา ๆ เรากำลังพยายามก้าวต่อไป แต่บอกตามตรง มันไม่ง่ายเลย เขาขอแต่งงานกับฉันตอนที่เรายังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เราแต่งงานกันทันทีหลังจากที่ฉันเรียนจบฉันยอมรับว่าตอนแรกไม่ได้มั่นใจในตัวเขามากนัก ฉันไม่มีประสบการณ์เรื่องความรักกับผู้ชายเลย ยกเว้นก็แต่กับเกเบรียล แต่เขาไม่นับ เพราะเกเบรียล ผู้ชายที่เคยเป็นสามีของฉัน ปฏิบัติกับฉันเหมือนเป็นโรคร้ายที่เขาอยากจะกำจัดออกไปจากชีวิตเลียมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเกเบรียล เขารู้เรื่องในชีวิตแต่งงานของฉัน รวมถึงเหตุผลที่เกเบรียลหย่ากับฉัน ก่อนจะไล่ฉันออกไปจากชีวิตในวันที่ฉันเพิ่งฝังร่างพี่ชายของตัวเองหลังจากที่ฉันหนีไปต่างประเทศ ฉันเหมือนแตกสลายไปทุกส่วนจนไม่แน่ใจว่าตัวเองจะกลับมาเป็นคนเดิมได้อีกหรือเปล่า ฉันเชื่อว่าเลียมถูกส่งมาในช่วงเวลาที่ฉันต้องการใครสักคนที่สุด ช่วงเวลาที่ฉันต้องการที่ยึดเหนี่ยวมากที่สุดในความอัปยศท
ผมจ้องมองรายงานในมืออย่างเลื่อนลอย สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสที่สุดจะพูดแบบนั้นก็คงไม่เกินไป หรือพูดอีกอย่างก็คือ ผมเกลียดสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาเข้าไส้ เพราะคณะกรรมการบริหารยังคงจ้องจับผิดผมไม่เลิกนอกจากพ่อแล้ว ผมสงสัยว่าพวกนั้นไม่มีอะไรดีกว่าที่จะทำอีกแล้วหรือไง ถึงได้พยายามบังคับผมให้เข้าสู่สถานการณ์ที่ผมไม่ต้องการ ขนาดไล่เลขาฯ สุดเซ็กซี่ของผมออก แล้วยัดเยียดผู้ชายคนหนึ่งมาแทนให้ บอกว่าผมไม่สามารถมีเลขาฯ ผู้หญิงได้จนกว่าจะมีครอบครัวพวกมันยังขู่ผมอีกว่าจะไล่ออก หากพวกมันได้ยินข่าวซุบซิบเกี่ยวกับผู้หญิงคนใหม่ในชีวิตผมที่ไม่ใช่ภรรยา และผมจะเสียทุกอย่างที่มีพ่อพยายามพูดกับพวกนั้นในฐานะหัวหน้าบอร์ดบริหาร แต่ความคิดของพวกมันตัดสินใจแน่วแน่แล้วเรื่องที่ผมจะต้องสร้างครอบครัวและแสดงความรับผิดชอบ หรือไม่อย่างงั้นพวกมันจะโหวตขับไล่ผมออกจากบริษัท บริษัทที่บรรพบุรุษของผมสร้างขึ้นมากับมือตั้งแต่นั้นมาผมอารมณ์เสียตลอดเวลา นรกเอ๊ย ตั้งแต่พ่อบอกผมถึงแผนการทั้งหมด ผมก็ระเบิดใส่พนักงานได้ง่าย ๆ และกลายเป็นคนที่ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คนเดียวที่ช่วยทำให้ผมสงบได้คือโรแวน แต่เขาอยู่ใ
ผมหันไปมองพี่ชาย ผมไม่ทันสังเกตเลยว่าเขาไม่ได้อยู่ข้างเอวาอีกแล้ว ผมไม่เคยเห็นเขามีความสุขขนาดนี้มาก่อน นอกจากวันที่โนอาเกิด และวันที่ไอริสเรียกเขาว่าปะป๋าเป็นครั้งแรกรอยยิ้มของเขาช่างเปล่งประกาย และแววตาของเขาดูสดใส เขาดูแตกต่างจากโรแวนที่ผมรู้จักเมื่อหลายปีก่อนโดยสิ้นเชิง“เปล่า” ผมพึมพำ พลางเหลือบตามองไปที่พ่อแม่ซึ่งนั่งอยู่ตรงนั้นไปตายซะ ไอ้พวกคณะกรรมการบริหารพวกนั้นและนิสัยไม่สนโลกของพวกมันด้วย“ไร้สาระน่า เกเบรียล นายลืมไปเหรอว่าฉันเป็นฝาแฝด? ฉันรู้นะว่านายมีอะไรแน่” เขายืนยันนี่เป็นไม่กี่ครั้งที่ผมเกลียดการเป็นฝาแฝด ไม่มีใครอ่านใจผมออกได้ดีไปกว่าโรแวน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปิดบังอะไรจากเขา“เราค่อยคุยกันหลังจากนายกลับมาจากฮันนีมูนเถอะ วันนี้เป็นวันแต่งงานของนาย ฉันไม่อยากเอาปัญหาของตัวเองมารบกวน”“นั่นมันไร้สาระมาก นายพูดออกมาเลยดีกว่า”ผมลังเลว่าจะบอกเขาดีไหม แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจบอก เขาเป็นพี่ชายและยังไงเขาก็คงได้รู้จนได้“เมื่อวานพ่อบอกว่าพวกบอร์ดบริหารเริ่มโวยวายกันน่ะสิ” ผมเอ่ยออกมาในที่สุด“เรื่อง?”“พฤติกรรมของฉันน่ะสิ”ผมรู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้งที่พวกมันกล้าพูด