การที่ได้เห็นใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวของโรแวนตอกย้ำว่าฉันไม่ควรเปิดประตูตั้งแต่แรก ก่อนฉันจะทันได้ตอบโต้ ชายหนุ่มผลักฉันเข้ามาด้านในก่อนจะปิดประตู เขาผลักดันฉันไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ตรงบริเวณพื้นที่ระหว่างห้องโถง ห้องครัว และห้องนั่งเล่น“เป็นบ้าไปแล้วหรือไง?” โรแวนระเบิดอารมณ์ ความโกรธเกรี้ยวของเขาทำให้ฉันตัวสั่น“อะไร?”“นี่คิดหรือว่าเอมม่าไม่ได้บอกอะไรผมมาเลย? หรือคิดว่าผมไม่เห็นรอยมือของคุณบนแก้มข้างซ้ายของเอมม่าน่ะ?เขาเริ่มเดินวนไปมา ฉันเริ่มประติดประต่อคำพูดของเขาและเริ่มเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงปรากฎตัวมาที่นี่“คุณไม่เข้าใจหรอก” ฉันพยายามอธิบายเหตุผล กระนั้นเขากลับไม่เปิดโอกาสเลย“เข้าใจอะไร? เข้าใจว่าคุณตบเอมม่าอย่างไม่มีเหตุผล? เข้าใจว่าคุณกล่าวหาว่าเธอเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐานเลย? หรืออยากให้ผมเข้าใจเรื่องเลวทรามที่คุณพูดกับเธอดีเล่า?” เขาเดินก้าวเข้ามาพร้อมดวงตาเกรี้ยวกราดฉันไม่รู้ว่าเอมม่าเล่าอะไรให้โรแวนฟังบ้าง แต่มั่นใจได้เลยว่าเธอต้องโกหกและไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังเป็นแน่“ผมจะไม่ปล่อยให้คุณทำร้ายเอมม่าเด็ดขาด เข้าใจไหม เอวา?
วันนี้ เสียงโทรศัพท์ของฉันดังนับร้อยครั้งได้แล้วโดยมีชื่อของเล็ตตี้เด่นอยู่บนหน้าจอ กระนั้นเช่นหลายครั้งที่ผ่านมา ฉันเมินเฉยต่อสายเรียกเข้าพวกนั้น เธอพยายามติดต่อฉันตั้งเแต่เมื่อวานสภาพจิตใจของฉันไม่พร้อมที่จะพูดดุยกับเธอตอนนี้ เธอยังติดต่อกับสังคมและผู้คนที่ฉันพยายามหลีกหนีอยู่ ซึ่งนั่นทำให้ฉันตระหนักได้ว่าอยู่ตรงทางแยกชีวิตที่จำเป็นต้องเลือก“ขออีกแก้ว” ฉันสั่งบาร์เทนเดอร์ทันทีที่เสียงเรียกเข้าเงียบลงวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของฉัน และฉันจึงฉลองให้ตนเองเช่นนี้แหละ ตัวคนเดียวอยู่ในบาร์แห่งหนึ่ง นั่งดื่มเหล้าผสมน้ำผลไม้ และคำพูดของโรแวนยังทิ่มแทงอยู่ไม่จางหายฉันพยายามเป็นอย่างมากที่จะโยนความคิดเหล่านั้นทิ้งไปเสีย พยายามเหลือเกินที่จะลืมทุกคำพูดซึ่งเขาโยนใส่ฉัน แต่นั่นเป็นเรื่องยากลำบากจริง ๆ คำพูดนั้นตามหลอกหลอนฉันเฉกเช่นผีร้ายเราทั้งสองแต่งงานอยู่กินกันมาหลายปี แต่ฉันก็ไม่เคยนึกเอะใจเรื่องที่เขามองฉันเป็นเพียงสิ่งบันเทิงทางกามเท่านั้น อีกทั้งยังหลอกใช้ให้ฉันกลายเป็นตัวแทนเรือนร่างของเอมม่าด้วยซ้ำ หัวใจของฉันแหลกสลายครั้งแล้วครั้งเล่านับตั้งแต่เกิดเหตุวันนั้นที่บ้านฉันที่จริ
“ฉันสบายดีค่ะ…แค่ไม่อยากคุยกับเธอในตอนนี้” ฉันเปล่งเสียงดังขึ้นเสียงดนตรีไม่ดังมาก แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตคำว่าดังอยู่“นี่คุณอยู่ร้านเหล้าหรือ?” เขาเอ่ยถามเนื่องจากได้ยินเสียงคนรอบข้างร้องเพลงที่พวกเขาชื่นชอบกันเสียงดัง“ก็ประมาณนั้นค่ะ”“เมาหรือเปล่า?”“แค่มึน ๆ” ฉันตอบคำถาม ที่จริงฉันตั้งใจจะดื่มให้ภาพตัดไปเลย“แล้วมีคนขับรถที่ไว้ใจได้แล้วหรือยังครับ?ฉันแอบหัวเราะให้กับมุกนั้น เขาสวมบทบาทคุณตำรวจแสนดีอยู่ และฉันชื่นชอบเป็นอย่างมาก ฉันชอบที่เขาใส่ไว้ว่าฉันจะกลับบ้านอย่างไรด้วย“ยังเลยค่ะ คิดว่าจะนั่งแท็กซี่กลับ” ฉันตอบกลับ“ไม่ได้ ห้ามนั่ง ขอผมสิบนาที” เขาเอ่ยก่อนกดวางสายไปฉันขมวดคิ้วใส่โทรศัพท์ตนเองพลางสงสัยว่าทำไมอีธานถึงบอกเช่นนั้นออกมา เมื่อคิดได้ว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญขนาดนั้น ฉันจึงปล่อยเรื่องนั้นไป วันนี้สิ่งที่ฉันต้องทำคือลืมทุกเรื่องและสนุกให้สุดเหวี่ยงฉันไม่รู้เลยว่าผ่านไปนานเท่าใดแล้วเมื่อมีใครบางคนเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ข้างฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองและรู้สึกตกใจเมื่อพบว่าสายตาสีฟ้าคู่งามของอีธานกำลังจ้องมองฉันอยู่“อีธาน คุณมาได้ไงเนี่ย?” ฉันเอ่ยถามด้วยความรู้สึกงุน
เมื่อเก้าปีก่อนเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแสดงว่ามีการแจ้งเตือนใหม่ ซึ่งทำให้ฉันลืมตาตื่นจากการนอนหลับอย่างไม่เต็มตื่น ฉันไม่สามารถนอนหลับได้เต็มตามาสองปีด้วยเหตุผลบางประการส่วนหนึ่งของฉันบอกว่าสาเหตุนั้นมาจากโรแวน หัวใจและสมองไม่ได้รู้สึกสงบเลยเพราะเขาไม่ได้อยู่ข้างกายอีกแล้ว การที่ฉันไม่ได้พักผ่อนอย่างดีนั้นเริ่มต้นมาจากช่วงที่เขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อสองปีก่อน ช่วงที่เขาต้องเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยนั้น ฉันแทบจะนอนไม่หลับเลย แต่ในช่วงวันหยุดที่เขากลับมาบ้าน ฉันหลับได้อย่างกับเด็กน้อยฉันส่งเสียงโอดครวญออกมาเพราะนี่ก็เป็นอีกคืนที่นอนไม่หลับ จากนั้นลุกขึ้นดูโทรศัพท์ ฉันรู้สึกแปลกใจ แต่เพียงแวบเดียวความสุขก็เข้ามาแทนที่เมื่อเห็นว่าการแจ้งเตือนนั้นคืออะไรฉันจ่ายเงินจ้างให้คนช่วยติดตั้งแอปพลิเคชันที่ช่วยติดตามโรแวนไปด้วยตลอดทุกหนทุกหน ตอนนี้มันแจ้งเตือนว่าเขาอยู่บ้านฉันกระโดดลงจากเตียงและรีบแต่งตัว เขาอาจกลับมาพร้อมกับเอมม่า หรือทราวิสหรืออาจเป็นเกเบรียลก็เป็นได้ แต่ใครสนกันเล่า ฉันเพียงต้องการพบหน้าเขาแม้ว่าจะแค่มองอยู่ห่าง ๆ ก็ตามทันทีที่ฉันแต่งตัวเสร็จ สายตาก็แอบเหลือบมองออ
“เอมม่าบอกเธอยังไม่พร้อม บอกว่าเธอขอตั้งใจเรียนก่อน ทำไมถึงไม่อยากแต่งงานกับผมเล่า? เธอไม่รักผมหรือ?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดฉันไม่รู้ว่าควรพูดว่าอย่างไรดี ส่วนหนึ่งของฉันปิติยินดีที่เธอปฏิเสธเขา ขณะที่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกเจ็บปวดแทนเขาเพราะไม่เคยเห็นเขาเสียน้ำตาเลยสักครั้ง“คุณออกจะยอดเยี่ยมนะคะโรแวน ถ้าเธอไม่อยากแต่งงานกับคุณ คนที่ขาดทุนก็คือเอมม่าเอง หมายถึงช่างหัวเธอเถอะ คุณหาได้ดีกว่านั้นเยอะ” ฉันยกแก้วขึ้นมาเขาจ้องมองฉันครู่หนึ่งก่อนเผยยิ้มออกมา “พูดถูก ช่างหัวเธอเลย” เขาสบถออกมาพร้อมชนแก้วกับฉันฉันไม่รู้เลยว่าเราทั้งสองอยู่ตรงนั้นนานขนาดไหน เราพูดคุย เต้นและดื่มกัน เมื่อเดินออกมาจากร้าน เราทั้งสองเมาแทบสิ้นสติ เขานั้นเมากว่าฉันอีกเขาแนะนำว่าเราควรไปพักที่ห้องในโรงแรมของเขากันก่อน และฉันก็เห็นดีเห็นงามด้วย ฉันจะกลับบ้านทั้งสภาพเมามายเช่นนี้ไม่ได้ พ่อแม่ได้ถลกหนังฉันออกมาทั้งเป็นแน่ อีกทั้งตอนนี้ฉันเองก็แทบยืนตรงไม่ได้ด้วยซ้ำเขาเรียกรถแท็กซี่ เพียงไม่กี่นาทีเราก็เดินทางมาถึงห้องพักของเขาเมื่อประตูด้านหลังเราถูกปิดลง เขาก็คร่อมอยู่บนร่างฉัน จูบและสัม
ฉันมองใบหน้าเขาและโยนความเจ็บปวดนี้ทิ้งไป โรแวนดูเหมือนต้องการใครสักคน ดังนั้นฉันจึงเดินเข้าไปหาเขาพร้อมวางมือไว้บนไหล่ พยายามปลอบประโลมเขากลับกันเขาแสดงท่าทีรุนแรงออกมา เขาผลักฉันจนเสียหลักล้ม“อย่ามาแตะต้องตัวผม นางผู้หญิงใจง่าย” เขาคำรามลั่น ความโกรธเกรี้ยวและความขมขื่นแผ่ออกมาฉันลุกขึ้นยืนพร้อมน้ำตา “โรแวน ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นนะ”ฉันบอกได้เลยว่าเขาไม่ได้ฟังอะไรฉันอีกแล้ว“ออกไปให้พ้น…ผมไม่อยากเห็นหน้าเธออีก” เขาเอ่ยพร้อมนั่งลงบนเตียงด้วยสภาพจิตใจแตกสลาย น้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาคู่นั้นสภาพของเขาตอนนี้ทำให้หัวใจฉันแตกสลาย เขาดูเจ็บปวดและแตกสลาย ฉันต้องการช่วยเหลือเขา กระนั้น ฉันรู้ดีว่าความช่วยเหลือของฉันต้องถูกปฏิเสธแน่ ฉันจึงเลือกเดินออกไปแทนฉันต้องให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น แต่ไม่ใช่เลยฉันได้กระทำสิ่งที่ผิดมหันต์ลงไปเสียแล้ว…สองวันต่อมา“มันมุดหัวอยู่ที่ไหน?” ฉันได้ยินเสียงเอมม่ากรีดร้องมาจากชั้นล่างหัวใจฉันเต้นระรัวราวกับจะระเบิดออกมาจากอก ลึก ๆ แล้ว ฉันรู้ว่าโรแวนคงเล่าความจริงทุกอย่างให้เธอฟังจนหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเธอถึงได้เลือ
สองเดือนต่อมา ฉันจ้องมองที่ตรวจครรภ์อย่างหวาดกลัว เมื่อเหลือบมองที่ตรวจซึ่งขึ้นสองขีด นั่นก็แน่ชัดแล้วว่าฉันตั้งท้องแล้วจริง ๆฉันจึงหยิบที่ตรวจขึ้นมาลองอีกอันหนึ่งเพราะหวังว่ามันจะตรวจผิดแต่ผลก็เหมือนเดิม ฉันท้องลูกของโรแวนชีวิตในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาราวกับนรกก็ว่าได้ ฉันกลายเป็นพวกนอกคอกไม่ใช่เพียงคนในครอบครัวเท่านั้น แต่ที่โรงเรียนด้วยเช่นกัน ทุกคนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับโรแวน แต่ไม่ใครเลยเชื่อฉันเมื่อบอกว่าคืนนั้นฉันเมาคำด่าทอต่างมาลงที่ฉันทั้งหมดเพราะฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายไปยั่วแฟนพี่สาวตนเองตอนเขาเมาไม่ได้สติที่โรงเรียน มีแต่คนรังแกฉัน และทั้งเมืองก็มีแต่คนรังเกียจฉันแม่และพ่อพูดกับฉันน้อยจนนับคำได้จวบจนทุกวันนี้ เอมม่าตัดขาดกับฉันอย่างสิ้นเชิงโดยที่เธอบอกว่าฉันตายจากเธอไปแล้ว สำหรับทราวิส ฉันไม่ได้อยู่ในสายตาของเขานับตั้งแต่นั้น ฉันไม่ได้เจอหรือพูดคุยกับโรแวนเลยนับตั้งแต่คืนนั้นหัวใจของฉันแตกสลายครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดช่วงสองสัปกดาห์ที่ผ่านมา โดยที่ไม่มียาบรรเทาใด ๆ ที่สามารถเยียวยาความเจ็บปวดและการถูกปฏิเสธเช่นนี้ได้ หากฉันมองว่าชีวิตมันย่ำแย่แล้ว นี่คงแย
ไม่มีทางหนีอื่นแล้วนอกจากหน้าต่าง ฉันจึงใช้เก้าอี้กระแทกกระจกและพังเหล็กดัดที่กั้นหน้าต่างออกไป จนกระทั่งสามารถออกไปได้ ฉันโยนกระเป๋าเดินทางออกไปทางหน้าต่างและมันก็ตกลงพื้นอย่างที่ฉันเคยบอก ห้องของฉันอยู่ไกลที่สุดจากในบ้าน ดังนั้นเสียงดังเช่นนี้ไม่อาจทำให้คนที่เหลือรู้ตัวได้ ฉันจึงปีนลงมาอย่างช้า ๆ และระมัดระวังเศษกระจกที่แตก ฉันรู้สึกโล่งอกเมื่อพบว่าตนเองสามารถลงมาได้อย่างปลอดภัยฉันรู้สึกดีใจมากเมื่อรู้ว่าตนสามารถหนีออกมาได้ ฉันจึงเดินไปคว้ากระเป๋าเดินทางและออกเดินไปพร้อมมัน สายตาของฉันจับจ้องไปยังโทรศัพท์ขณะกำลังเรียกรถมารับ ความสุขของฉันอยู่ได้เพียงไม่นานเมื่อฉันบังเอิญเจอกับใครบางคน ฉันเงยหน้าขึ้นมามองและความหวาดกลัวก็เข้ามาอีกครั้งเมื่อสายตาสบเข้ากับตาสีเงินคู่งามของโรแวน“นี่คิดจะหนีไปกับลูกของผมจริง ๆ หรือ?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุดอันตรายฉันปล่อยมือออกจากระเป๋าเดินทางและปัดมือผ่านปลายผมไปบนอากาศ“ฉันบอกกับแม่ไปแล้วนะว่านี่ไม่ใช่ลูกคุณ” ฉันโกหกออกไปพร้อมถอยหลังก้าวหนึ่งไม่มีวันที่ฉันจะให้ลุกของตนเองเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้แน่นอน โดยเฉพาะสถานที่ซึ่งเก