“เป็นเพราะเอมม่าไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของลูกใช่ไหม?” การที่โนอาตั้งแง่กับเอมม่าอาจเป็นเพราะเธอไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของเขา เขาอาจรู้สึกว่าเธอคนนี้จะเข้ามาแทนที่แม่แท้ ๆ ของตนก็เป็นได้“ผมก็แค่ไม่ชอบ อีกอย่างหนึ่ง เธอเป็นพี่สาวแม่ด้วย มันผิดนะพ่อ” เด็กน้อยเอ่ยความจริงออกมา มันไม่ใช่เหตุบังเอิญไปเสียหน่อยหรือที่โนอาไม่ชอบเอมม่าเช่นเดียวกับเอวา? หรืออาจเป็นเพราะเอวาเป่าหูลูกให้จงเกลียดจงชังเอมม่า? หากเธอทำแบบนั้นผมเองก็ไม่รู้สึกแปลกใจ“ฟังนะ โนอา พ่อกำลังคบกับเอมม่าอยู่จริง และคิดว่าลูกเองก็ควรปฏิบัติต่อเธอด้วยความเคารพนะ สักวันพ่ออาจแต่งงานกับเธอ แล้วเธอก็จะกลายเป็นแม่เลี้ยงของลูกนะ ลูกต้องชินกับการเห็นเธอไปไหนมาไหนกับพ่อได้แล้วนะ”ผมจำเป็นต้องจัดการสิ่งที่กำลังก่อตัวขึ้นใจของเด็กน้อย โนอาต้องเข้าใจได้ว่าเอมม่าอยู่ในชีวิตไม่จากไปไหน“ไม่มีวัน” เด็กชายตะโกนใส่โทรศัพท์“โนอา…”“ถ้าพ่อชอบเธอ ก็เชิญชอบไปเลย แต่ขอให้รู้ว่าผมไม่มีวันยอมรับเธอ ผมไม่มีวันชอบเธอ แล้วก็เธอไม่มีวันกลายเป็นแม่ของผมเด็ดขาด” เขาแผดเสียงใส่ก่อนผมจะได้พูดสิ่งใดออกมา เด็กชายกดวางสายไปเสียก่อน ผมจึงกดโทรกลับไปอีกครั้งทันที กระน
เอวาวันนี้ฉันมีความสุขอย่างมาก ไม่เพียงแต่การรับประทานอาหารเย็นกับอีธานจะราบรื่นไปด้วยดี แต่วันพรุ่งนี้ฉันจะได้กลับไปทำงานและวันถัดไปนั่นคือวันเกิดของฉันเองตามที่ฉันคาดการณ์เอาไว้เมื่อวานเสาร์ อีธานนั้นสามารถช่วยให้ฉันลืมได้ เพียงไม่กี่นาทีหลังจากเข้าไปในบ้านของเขา ฉันก็ได้ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นเขาทำอาหารได้และไม่ทำให้ผิดหวัง อาหารของเขาอร่อยอย่างไร้ที่ติ ผู้ชายที่ทำอาหารเป็นแถมยังทำให้คุณหัวเราะออกมาได้นั้นแสนพิเศษ ค่ำคืนนั้นกลายเป็นคืนที่มีความสุขและสนุกสนานอย่างมาก สิ่งที่ดีไปยิ่งกว่านั้นคือหลังจากที่กลับมาถึงบ้าน ฉันยังได้คุยกับโนอาอีกด้วยเด็กน้อยใจเย็นลงเล็กน้อยแล้ว เราพูดคุยกันทุกเรื่องจนไม่มีเรื่องใด ๆ จะคุยกันอีกก่อนลูกชายจะหลับคาโทรศัพท์ไป นี่ถือได้ว่าเป็นฉากสำคัญที่สุดของวันเลยก็ว่าได้ขณะฉันกำลังอบขนมอยู่นั้น มีใครบางคนเคาะประตูหน้าบ้านอยู่ ฉันอยากรับประทานขนมที่ช่วยให้สบายใจ ดังนั้นคุ๊กกี้และเค้กช็อกโกแลตก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว หลังจากเช็ดมือกับผ้าเช็ดมือ ฉันเดินไปเปิดประตูเมื่อพบว่ากำลังเผชิญหน้ากับเอมม่าอยู่ ส่วนหนึ่งของฉันรู้สึกตกใจ กระนั้นอีกส่วนหนึ่งก็ไม
“ออกไป!” ฉันลุกขึ้นยืนและชี้นิ้วไปยังประตูทางเข้าฉันหมดความอดทนกับความไร้สาระของเอมม่าแล้ว วันนี้ฉันจะไม่ยอมให้เธอเข้ามาทำลายความสุขของฉันแน่เธอจึงลุกขึ้นยืนเช่นกัน “อะไร? ไม่ชอบหรือที่ฉันจับไต๋แผนการของเธอทั้งหมด อีกไม่ช้าไม่นานหรอกนะ เดี๋ยวทุกคนก็จะได้รับรู้ว่าเหตุการณ์นั้นมันเป็นเรื่องแหกตา”“นี่โชว์โง่จบหรือยัง?” ฉันเอ่ยถาม “คิดเป็นแต่ว่าฉันเป็นคนจัดฉากเหตุการณ์นั้นขึ้นมา สนใจอยากรู้ว่าฉันคิดยังไงกับเรื่องนี้บ้างไหมเล่า? ฉันคิดว่าเธอนั้นแหละที่คนบงการเรื่องนี้อยู่ ฉันไม่มีศัตรูอยู่ที่ไหนยกเว้นเธอ แล้วใครกันนะที่จะได้ประโยชน์จากการที่ฉันตายไป? อ๋อ เธอไงถ้าไม่มีฉันสักคน ความรักของเธอกับโรแวนก็ไร้ขวากหนาม และไม่ต้องมาทนเห็นหน้าฉันอยู่เรื่อย ๆ เพราะโรแวนจะได้รับสิทธิเลี้ยงดูเพียงผู้เดียว”เอมม่าจ้องมองฉันอย่างตื่นตระหนก ไม่ว่าตื่นตระหนกเพราะฉันล่วงรู้ความจริงนั้นแล้วหรือเพราะฉันกล่าวหาเธอก็ตาม ฉันก็คิดเรื่องราวเหล่านี้มีมูลและทุกเรื่องก็เชื่อมโยงอย่างลงพอดีเอมม่าอาจต้องการให้ฉันตายด้วยสาเหตุสองประการ ประการแรกเพื่อแก้แค้น ประการที่สองคือกำจัดฉันออกจากชีวิตของโรแวนอย่างสิ้นเช
การที่ได้เห็นใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวของโรแวนตอกย้ำว่าฉันไม่ควรเปิดประตูตั้งแต่แรก ก่อนฉันจะทันได้ตอบโต้ ชายหนุ่มผลักฉันเข้ามาด้านในก่อนจะปิดประตู เขาผลักดันฉันไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ตรงบริเวณพื้นที่ระหว่างห้องโถง ห้องครัว และห้องนั่งเล่น“เป็นบ้าไปแล้วหรือไง?” โรแวนระเบิดอารมณ์ ความโกรธเกรี้ยวของเขาทำให้ฉันตัวสั่น“อะไร?”“นี่คิดหรือว่าเอมม่าไม่ได้บอกอะไรผมมาเลย? หรือคิดว่าผมไม่เห็นรอยมือของคุณบนแก้มข้างซ้ายของเอมม่าน่ะ?เขาเริ่มเดินวนไปมา ฉันเริ่มประติดประต่อคำพูดของเขาและเริ่มเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงปรากฎตัวมาที่นี่“คุณไม่เข้าใจหรอก” ฉันพยายามอธิบายเหตุผล กระนั้นเขากลับไม่เปิดโอกาสเลย“เข้าใจอะไร? เข้าใจว่าคุณตบเอมม่าอย่างไม่มีเหตุผล? เข้าใจว่าคุณกล่าวหาว่าเธอเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐานเลย? หรืออยากให้ผมเข้าใจเรื่องเลวทรามที่คุณพูดกับเธอดีเล่า?” เขาเดินก้าวเข้ามาพร้อมดวงตาเกรี้ยวกราดฉันไม่รู้ว่าเอมม่าเล่าอะไรให้โรแวนฟังบ้าง แต่มั่นใจได้เลยว่าเธอต้องโกหกและไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังเป็นแน่“ผมจะไม่ปล่อยให้คุณทำร้ายเอมม่าเด็ดขาด เข้าใจไหม เอวา?
วันนี้ เสียงโทรศัพท์ของฉันดังนับร้อยครั้งได้แล้วโดยมีชื่อของเล็ตตี้เด่นอยู่บนหน้าจอ กระนั้นเช่นหลายครั้งที่ผ่านมา ฉันเมินเฉยต่อสายเรียกเข้าพวกนั้น เธอพยายามติดต่อฉันตั้งเแต่เมื่อวานสภาพจิตใจของฉันไม่พร้อมที่จะพูดดุยกับเธอตอนนี้ เธอยังติดต่อกับสังคมและผู้คนที่ฉันพยายามหลีกหนีอยู่ ซึ่งนั่นทำให้ฉันตระหนักได้ว่าอยู่ตรงทางแยกชีวิตที่จำเป็นต้องเลือก“ขออีกแก้ว” ฉันสั่งบาร์เทนเดอร์ทันทีที่เสียงเรียกเข้าเงียบลงวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของฉัน และฉันจึงฉลองให้ตนเองเช่นนี้แหละ ตัวคนเดียวอยู่ในบาร์แห่งหนึ่ง นั่งดื่มเหล้าผสมน้ำผลไม้ และคำพูดของโรแวนยังทิ่มแทงอยู่ไม่จางหายฉันพยายามเป็นอย่างมากที่จะโยนความคิดเหล่านั้นทิ้งไปเสีย พยายามเหลือเกินที่จะลืมทุกคำพูดซึ่งเขาโยนใส่ฉัน แต่นั่นเป็นเรื่องยากลำบากจริง ๆ คำพูดนั้นตามหลอกหลอนฉันเฉกเช่นผีร้ายเราทั้งสองแต่งงานอยู่กินกันมาหลายปี แต่ฉันก็ไม่เคยนึกเอะใจเรื่องที่เขามองฉันเป็นเพียงสิ่งบันเทิงทางกามเท่านั้น อีกทั้งยังหลอกใช้ให้ฉันกลายเป็นตัวแทนเรือนร่างของเอมม่าด้วยซ้ำ หัวใจของฉันแหลกสลายครั้งแล้วครั้งเล่านับตั้งแต่เกิดเหตุวันนั้นที่บ้านฉันที่จริ
“ฉันสบายดีค่ะ…แค่ไม่อยากคุยกับเธอในตอนนี้” ฉันเปล่งเสียงดังขึ้นเสียงดนตรีไม่ดังมาก แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตคำว่าดังอยู่“นี่คุณอยู่ร้านเหล้าหรือ?” เขาเอ่ยถามเนื่องจากได้ยินเสียงคนรอบข้างร้องเพลงที่พวกเขาชื่นชอบกันเสียงดัง“ก็ประมาณนั้นค่ะ”“เมาหรือเปล่า?”“แค่มึน ๆ” ฉันตอบคำถาม ที่จริงฉันตั้งใจจะดื่มให้ภาพตัดไปเลย“แล้วมีคนขับรถที่ไว้ใจได้แล้วหรือยังครับ?ฉันแอบหัวเราะให้กับมุกนั้น เขาสวมบทบาทคุณตำรวจแสนดีอยู่ และฉันชื่นชอบเป็นอย่างมาก ฉันชอบที่เขาใส่ไว้ว่าฉันจะกลับบ้านอย่างไรด้วย“ยังเลยค่ะ คิดว่าจะนั่งแท็กซี่กลับ” ฉันตอบกลับ“ไม่ได้ ห้ามนั่ง ขอผมสิบนาที” เขาเอ่ยก่อนกดวางสายไปฉันขมวดคิ้วใส่โทรศัพท์ตนเองพลางสงสัยว่าทำไมอีธานถึงบอกเช่นนั้นออกมา เมื่อคิดได้ว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญขนาดนั้น ฉันจึงปล่อยเรื่องนั้นไป วันนี้สิ่งที่ฉันต้องทำคือลืมทุกเรื่องและสนุกให้สุดเหวี่ยงฉันไม่รู้เลยว่าผ่านไปนานเท่าใดแล้วเมื่อมีใครบางคนเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ข้างฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองและรู้สึกตกใจเมื่อพบว่าสายตาสีฟ้าคู่งามของอีธานกำลังจ้องมองฉันอยู่“อีธาน คุณมาได้ไงเนี่ย?” ฉันเอ่ยถามด้วยความรู้สึกงุน
เมื่อเก้าปีก่อนเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแสดงว่ามีการแจ้งเตือนใหม่ ซึ่งทำให้ฉันลืมตาตื่นจากการนอนหลับอย่างไม่เต็มตื่น ฉันไม่สามารถนอนหลับได้เต็มตามาสองปีด้วยเหตุผลบางประการส่วนหนึ่งของฉันบอกว่าสาเหตุนั้นมาจากโรแวน หัวใจและสมองไม่ได้รู้สึกสงบเลยเพราะเขาไม่ได้อยู่ข้างกายอีกแล้ว การที่ฉันไม่ได้พักผ่อนอย่างดีนั้นเริ่มต้นมาจากช่วงที่เขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อสองปีก่อน ช่วงที่เขาต้องเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยนั้น ฉันแทบจะนอนไม่หลับเลย แต่ในช่วงวันหยุดที่เขากลับมาบ้าน ฉันหลับได้อย่างกับเด็กน้อยฉันส่งเสียงโอดครวญออกมาเพราะนี่ก็เป็นอีกคืนที่นอนไม่หลับ จากนั้นลุกขึ้นดูโทรศัพท์ ฉันรู้สึกแปลกใจ แต่เพียงแวบเดียวความสุขก็เข้ามาแทนที่เมื่อเห็นว่าการแจ้งเตือนนั้นคืออะไรฉันจ่ายเงินจ้างให้คนช่วยติดตั้งแอปพลิเคชันที่ช่วยติดตามโรแวนไปด้วยตลอดทุกหนทุกหน ตอนนี้มันแจ้งเตือนว่าเขาอยู่บ้านฉันกระโดดลงจากเตียงและรีบแต่งตัว เขาอาจกลับมาพร้อมกับเอมม่า หรือทราวิสหรืออาจเป็นเกเบรียลก็เป็นได้ แต่ใครสนกันเล่า ฉันเพียงต้องการพบหน้าเขาแม้ว่าจะแค่มองอยู่ห่าง ๆ ก็ตามทันทีที่ฉันแต่งตัวเสร็จ สายตาก็แอบเหลือบมองออ
“เอมม่าบอกเธอยังไม่พร้อม บอกว่าเธอขอตั้งใจเรียนก่อน ทำไมถึงไม่อยากแต่งงานกับผมเล่า? เธอไม่รักผมหรือ?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดฉันไม่รู้ว่าควรพูดว่าอย่างไรดี ส่วนหนึ่งของฉันปิติยินดีที่เธอปฏิเสธเขา ขณะที่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกเจ็บปวดแทนเขาเพราะไม่เคยเห็นเขาเสียน้ำตาเลยสักครั้ง“คุณออกจะยอดเยี่ยมนะคะโรแวน ถ้าเธอไม่อยากแต่งงานกับคุณ คนที่ขาดทุนก็คือเอมม่าเอง หมายถึงช่างหัวเธอเถอะ คุณหาได้ดีกว่านั้นเยอะ” ฉันยกแก้วขึ้นมาเขาจ้องมองฉันครู่หนึ่งก่อนเผยยิ้มออกมา “พูดถูก ช่างหัวเธอเลย” เขาสบถออกมาพร้อมชนแก้วกับฉันฉันไม่รู้เลยว่าเราทั้งสองอยู่ตรงนั้นนานขนาดไหน เราพูดคุย เต้นและดื่มกัน เมื่อเดินออกมาจากร้าน เราทั้งสองเมาแทบสิ้นสติ เขานั้นเมากว่าฉันอีกเขาแนะนำว่าเราควรไปพักที่ห้องในโรงแรมของเขากันก่อน และฉันก็เห็นดีเห็นงามด้วย ฉันจะกลับบ้านทั้งสภาพเมามายเช่นนี้ไม่ได้ พ่อแม่ได้ถลกหนังฉันออกมาทั้งเป็นแน่ อีกทั้งตอนนี้ฉันเองก็แทบยืนตรงไม่ได้ด้วยซ้ำเขาเรียกรถแท็กซี่ เพียงไม่กี่นาทีเราก็เดินทางมาถึงห้องพักของเขาเมื่อประตูด้านหลังเราถูกปิดลง เขาก็คร่อมอยู่บนร่างฉัน จูบและสัม
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท
ฉันจ้องมองเขาอย่างมึนงง ไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรดี“คุณชอบกลิ่นหอม และคุณชอบกลิ่นที่มีเบอร์รี่ผสมอยู่มากกว่า ขอแค่น้ำหอมหรือสบู่เหลวอาบน้ำมีส่วนผสมของเบอร์รี่ คุณก็จะยอมซื้อ คุณไม่มีอาหารจานโปรดจริง ๆ เพราะคุณจะกินอะไรก็ได้ตราบใดที่มันอร่อย คุณชอบอาบน้ำอุ่นนาน ๆ เพราะมันทำให้คุณผ่อนคลาย คุณเกลียดความสูง คุณเกลียดการไปสาย และคุณเกลียดการขึ้นเครื่องบินด้วย คุณเกลียดแมลงสาบ คุณมักจะพูดว่าอยากให้บ้านของคุณเต็มไปด้วยแมงมุมมากกว่าพวกแมลงสีน้ำตาลน่ารังเกียจนั่น... ให้ผมจะพูดต่อไหม”เขาไม่ให้โอกาสฉันตอบ“คุณชอบรวบผมเป็นหางม้าและมวยผม คุณไม่ชอบแต่งหน้ามากนักและแต่งหน้าเฉพาะเมื่อจำเป็นหรืออยากแต่ง คุณไม่ชอบนอนหงายเพราะมันทำให้คุณนึกถึงคนตายในโลงศพ คุณเกลียดความไม่เป็นระเบียบและสีเหลืองด้วย…”ฉันยกมือให้เขาหยุดพูดเพราะฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง เพราะเราไม่เคยสนิทกันมาก่อน ครอบครัวชาร์พคงไม่ได้บอกเขาหรอก เพราะพวกเขาแทบจะไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ“ได้ยังไง?” ฉันพูดติดขัด ในหัวไม่สามารถประมวณผลทุกอย่างได้“ผมบอกคุณแล้ว” เขากล่าวพร้
ฉันมองออกไปนอกรถแล้วตะลึงงัน สถานที่แห่งนี้ดูราวกับเป็นสวรรค์ มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่มีหญ้าเขียวขจีและคงมีดอกไม้มากมายนานาพันธุ์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของที่นี่ แต่มันคือเพราะทิวทัศน์ต่างหาก ดวงดาวนับพันเปล่งแสงระยิบระยับราวกับกำลังเห็นด้วยกับเดตนี้“คุณชอบไหม” โรแวนถาม และคำตอบเดียวของฉันคือการพยักหน้าฉันค่อย ๆ ออกจากรถ สูดอากาศบริสุทธิ์และชมทิวทัศน์ที่สวยงามจับใจ ฉันเดินไปเกือบถึงขอบถนนและมองลงไปที่เมืองเบื้องล่าง ฉันไม่รู้ว่าโรแวนไปเจอสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร และฉันก็ไม่สนใจฉันหลับตาลง รู้สึกว่าความกังวลทั้งหมดมลายหายไป นี่คือฉากในแบบที่ฉันชอบ ฉันชอบมันมากเมื่อฉันหันกลับไป ฉันพบว่าโรแวนจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มีผ้าห่มและตะกร้าปิกนิกพร้อมสิ่งที่ฉันเดาว่าเป็นช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่และไวน์ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่เราสั่งอยู่ด้วยฉันเดินช้า ๆ ไปหาเขา ถอดรองเท้าและนั่งลงข้าง ๆ เขา “นี่มันสุดยอดเลย โรแวน ขอบคุณนะคะ”เขาพยักหน้า “อะไรก็ตามที่จะทำให้คุณมีความสุขที่รัก ตอนนี้เรามาทานอาหารกันเถอะ เพราะผมหิวจะแย่แล้ว”เราทานอาหารกันเงียบ ๆ ฉันใช้โอกาสนี้ชื่นชมทิวทัศน์
การเดินทางใช้เวลาไม่นานนัก และนอกจากการคุยกันเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เราก็เงียบกันเกือบตลอดเวลา แต่ก็เป็นครั้งแรกเท่าที่ฉันจำได้ ที่ความเงียบระหว่างเราให้ความรู้สึกสบายใจในช่วงเวลาที่หาได้ยากที่เราขับรถไปด้วยกัน โรแวนมักจะพยายามทำเป็นไม่สนใจฉัน ขณะที่ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อชวนเขาคุย ซึ่งมันมักจะทำให้บรรยากาศดูอึดอัดและแปลก ๆ เสมอ“คุณยิ้มทำไม” ฉันถามเขาเมื่อเขาลงจากรถเพื่อช่วยฉันออกจากรถรอยยิ้มของเขาควรจะเป็นอาวุธทำลายล้างสำหรับผู้หญิงโดยแท้ แน่นอนว่าเขาหล่ออยู่แล้ว แต่เมื่อโรแวนยิ้ม มันยิ่งทำให้ความหล่อของเขาก้าวไปอีกระดับหนึ่ง“ผมจะมีความสุขที่พาผู้หญิงของตัวเองออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ” เขาถามพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อยไม่รู้ทำไม ฉันถึงหัวเราะคิกคักขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ปกติฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหัวร่อต่อกระซิก ฉันไม่เคยหัวเราะแบบนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต จริง ๆ แล้วฉันเคยคิดว่ามันดูน่ารังเกียจด้วยซ้ำเมื่อเห็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับเป็นคนที่ทำเสียเอง“ขอโทษที ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงหัวเราะแบบนั้น” ฉันเอ่ยขอโทษขณะที่พยายามรวบรวมสติเขาจับมือฉัน และฉันก็คล้อ
ฉันมองตัวเองในกระจก และมีความสุขกับลุคของตัวเอง ฉันเกล้าผมเป็นมวยต่ำและม้วนผมเป็นลอนเข้ากับกรอบหน้า คืนนี้ฉันต้องการอะไรที่แปลกใหม่ เพราะเป็นเดตครั้งแรกของฉันกับโรแวน ฉันจึงตัดสินใจเลือกอายแชโดว์สีสโมกี้ที่ดูไม่ฉูดฉาดแต่เย้ายวนกับลิปสติกสีแดงส่วนชุดเดรส ฉันเลือกชุดเดรสสีดำยาวระดับเข่า มีคอเสื้อเว้าลึกที่ยึดด้วยสายรัดบาง ๆ เผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย พอให้ดูยั่วยวนแต่ไม่เกินงาม อีกทั้งเป็นชุดเปิดหลังซึ่งฉันมั่นใจว่าจะทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ต้องคลั่งฉันยังคงจ้องมองตัวเองในขณะที่ลูบมือไปตามเนื้อผ้าที่นุ่มนวล ชุดนี้เข้ารูปพอดีตัว และต้องขอบคุณที่ฉันเพิ่งผ่านช่วงตั้งครรภ์ เลยทำให้ตอนนี้ฉันมีส่วนเว้าโค้งที่พอดิบพอดี“โอ้โหที่รัก ถ้าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ฉันคงจีบเธอไปแล้วแน่ ๆ” เล็ตตี้กล่าวชมด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่ม “เธอเซ็กซี่มาก แบบที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้เลย” “เธอพูดถูก” โครินพูดเสริมพวกเธอกลับไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ตอนนี้เรากำลังคุยกันทางวิดิโอคอล เพราะฉันต้องการฟังความคิดเห็นที่จริงใจของพวกเธอ เดตครั้งนี้สำคัญมาก อย่างที่ฉันบอก นี่เป็นเดตครั้งแรกของโรแวนกับฉัน ฉันจึงอยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูร
“เอานี่ไปสิ” เขาสั่งพลางยื่นแบล็คการ์ดของเขาให้ฉันฉันมองบัตรนั้นอย่างลังเล “โรแวน…”“เอาไปเถอะ เอวา ตอนนี้คุณเป็นของผมแล้ว หมายความว่าทุกอย่างที่ผมมีก็เป็นของคุณ คุณอาจจะมีเงิน แต่ตราบใดที่เรายังอยู่ด้วยกัน คุณไม่จำเป็นต้องใช้มัน”ฉันขมวดคิ้วด้วยความสับสน สายตาของฉันเลื่อนไปที่เขา ฉันไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรที่บอกว่า ‘ฉันมีเงิน’ ฉันไม่มีเวลาซักถามเขา และฉันจะไม่เถียง เพราะจากแววตาที่เขามองมาที่ฉัน ฉันรู้ว่าเขาจะไม่เปลี่ยนใจ “โอเค” ฉันพึมพำพลางรับบัตร “ขอบคุณนะ”ฉันไม่ได้คิดจะใช้บัตรใบนั้นหรอก แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องรู้ หลังจากบอกลากัน ฉันก็ออกจากบ้าน เราตัดสินใจใช้รถหนึ่งคัน บอดี้การ์ดคนหนึ่งจึงขับรถพาเราไปที่ห้างสรรพสินค้าฉันตื่นเต้นมากจนแทบจะห้ามใจไม่อยู่ ไม่นานเราก็มาถึง และหลังจากจอดรถเราก็ตรงไปที่ร้านค้าทันที โดยมีบอริสเดินตามอยู่ข้างหลัง“ว่าแต่เธอกำลังมองหาอะไรอยู่เหรอ” เล็ตตี้ถามขณะเราเข้าไปในร้านแบรนด์หรูแห่งหนึ่งฉันมองร้านด้วยความกังวล รู้สึกตกตะลึงกับป้ายราคา“เล็ตตี้ ฉันไม่คิดว่าจะซื้ออะไรที่นี่ได้หรอก” ฉันเอ่ยขึ้นเสียงแหลม “ราคาที่นี่ทำฉันหัวใจวายได้เลย”พว
“ได้สิ แน่นอน”หลังจากนั้นเขาก็วางสาย ฉันถอนหายใจ รู้สึกผิดหวังนิดหน่อยที่เขาไม่ได้หาทางออกให้ ในตอนนี้ฉันคิดว่าจะรับข้อเสนอของโครินหรือไม่ก็พาไอริสไปด้วยแทน ซึ่งคงปวดหัวไม่น้อย การไปช้อปปิ้งกับลูกมักจะเป็นแบบนั้นฉันถือโทรศัพท์แล้วเดินลงไปชั้นล่าง ไอริสยังหลับอยู่ ส่วนโครินกับเล็ตตี้กำลังคุยกัน ขนมที่เทเรซาเอามาให้ก็เกือบจะหมดแล้ว“แล้วเขาว่าไงบ้าง” เล็ตตี้ถามหลังจากกลืนคุกกี้ลงคอฉันตอบพร้อมยักไหล่ “ไม่มีอะไรมาก เขาแค่บอกให้ฉันรอให้เขาคิดหาวิธีแก้ปัญหาก่อน” ฉันนั่งลงและหยิบคุกกี้ขึ้นมา ฉันเคี้ยวมันอย่างเอร็ดอร่อยจนเกือบร้องครางออกมา เทเรซาบอกฉันว่าเธอใช้สูตรลับที่สืบทอดมาจากคุณย่าทวดของเธอ ฉันเองยังพยายามโน้มน้าวให้เธอแบ่งปันสูตรที่ว่านั้นให้เลย“บ้าจริง เทเรซาสร้างความฟินด้วยอาหารเก่งชะมัด... นี่มันอร่อยสุด ๆ เลย” โครินชมขณะที่หยิบคุกกี้ขึ้นมาอีกชิ้นฉันได้แต่ยิ้มเพราะรู้ว่าเธอพูดถูก โนอาหลงใหลคุ้กกี้ของเธอมาก ฉันก็เช่นกัน โรแวนไม่ชอบของหวานเท่าไร แต่เขาเคยลองกินครั้งหนึ่งและก็ต้องยอมรับว่ามันอร่อย ถ้าเทเรซาคิดจะทำธุรกิจคุกกี้ เธอต้องขายได้แน่นอน เธอทำได้อร่อยถึงขั้นนั้นเชียวล
“นี่เอาจริงเหรอ” เล็ตตี้ถามด้วยความตกตะลึง“ใช่” ฉันตอบ “วันนี้ฉันค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัว แต่ไม่มีอะไรที่เหมาะจะใส่ออกเดตเลย แม้แต่เดรสสั้นสีดำเล็ก ๆ สักตัวก็ยังไม่มี” พูดตามตรงว่าเรื่องนี้ค่อนข้างน่าแปลกใจ ฉันจำความทรงจำครั้งหนึ่งกับอีธานได้ เราไปเดตกันและฉันมีชุดเดรสสีแดงรัดรูปตัวหนึ่ง ไม่ใช่ว่าฉันคิดจะใส่มันหรอก แต่ตอนนี้มันหายไปจากตู้เสื้อผ้า ฉันมีแค่กางเกงยีนส์กับเดรสฤดูร้อนไม่กี่ตัวเท่านั้น“ไม่ต้องกังวลหรอก เพื่อนรัก เราจะช่วยเธอเอง... จริง ๆ แล้ว ฉันคิดว่าเราควรไปช้อปปิ้งกัน” โครินพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงฟังดูน่าสนุก แต่ฉันอดกังวลเกี่ยวกับไอริสไม่ได้ ฉันไม่อยากพาเธอไปด้วยเพราะเรารู้กันดีว่าการช้อปปิ้งมันทั้งยาวนานและเหนื่อยล้า แต่ฉันก็ไม่อยากทิ้งเธอไว้ที่นี่เช่นกัน“ไม่รู้สิ” ฉันพึมพำพลางกัดริมฝีปากไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจเทเรซา แต่ฉันแค่รู้สึกไม่สบายใจที่จะทิ้งเธอไว้กับหล่อน มันคงไม่เป็นไรถ้าโนอาหรือโรแวนอยู่แถวนี้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่“เกี่ยวกับเรื่องไอริสงั้นเหรอ?” เล็ตตี้ถามขณะมองลึกเข้ามาในดวงตาฉันแทนที่จะตอบ ฉันแค่พยักหน้า ฉันอยากไปช้อปปิ้งจริง ๆ ฉันถูกขังอย
“แล้วเธอคิดว่าฉันควรทำยังไง” โครินถามพร้อมมองพวกเราอย่างต้องการคำตอบ“ก่อนอื่นเลย เธอต้องการเขาไหม” ฉันถามด้วยความอยากรู้นั่นคือคำถามแรกที่เธอต้องถามตัวเอง เราทำอะไรต่อไม่ได้เลยจนกว่าเธอจะตอบคำถามนั้น “ฉันหลงใหลเขาอย่างโงหัวไม่ขึ้น แต่ฉันไม่รู้ว่าควรยุ่งเกี่ยวกับเขาหรือเปล่า ตำรวจยังคงตามล่าเขาอยู่ และฉันไม่ต้องการความสัมพันธ์ที่จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองในภายหลังและทำลายทุกอย่างที่ฉันทุ่มเทมา” ครู่หนึ่งเธอก็เอ่ยตอบฉันเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร รีเปอร์ไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นอาชญากร ซึ่งหมายความว่าการยุ่งเกี่ยวกับเขาจะมีผลร้ายแรง ซึ่งทำให้ฉันสงสัยว่าฉันคิดอะไรอยู่ถึงได้เป็นเพื่อนกับผู้ชายคนนั้น ฉันเข้าใจว่าเขาเป็นลุงของไอริส แต่ผู้ชายคนนั้นเป็นอันตรายและตำรวจก็กำลังต้องการตัวเขา“ฉันคิดว่าเธอควรลองดูนะ ฟันเขาสักครั้งแล้วค่อยตัดสินใจ” เล็ตตี้บอกเธอ ฉันกำลังจะขัดจังหวะเธอเพราะคิดว่าเธอเสียสติ แต่เธอตัดบทฉันเสียก่อน “ฟังฉันก่อนน่า เราทั้งคู่รู้ว่าเอวาไม่ใช่คนที่เชื่อใจใครโดยไม่ลืมหูลืมหา ยกเว้นอีธานล่ะนะ เธอเป็นคนที่ดูคนเก่งทีเดียว”“แม้แต่กับอีธาน เราก็ยอมรับว่าเขาเป็นคนดี เขาแค่ยอมให้คว