“เธอมาทำอะไรที่นี่?” ฉันเอ่ยถามด้วยความกลัวฉันเห็นความมาดร้ายจากสายตาเธอ วันนี้เธอดูโหยหาบางสิ่ง และฉันก็รู้ดีว่านั่นต้องเป็นอะไรที่เกี่ยวกับฉันแน่นอนเธอดูยุ่งเหยิงในแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เบื้องหลังดวงตาของเธอมีความเย็นชาแบบที่ทำให้ฉันขนลุกขึ้นมา ดวงตาที่แดงฉานของเธอจ้องมาที่ฉันด้วยความเกลียดชังที่ไม่มีอะไรอื่นนอกจากความมุ่งร้าย"ไม่เห็นเหรอ? ฉันมาเยี่ยมไง" เธอบอกพร้อมกับเหยียดปาก ขณะที่ดึงปืนออกจากเข็มขัด "ก็นั่นไงล่ะ ฉันอยากเห็นผู้หญิงที่ทำลายชีวิตฉันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ฉันจะจบชีวิตที่น่าสมเพชของแก"ฉันก้าวถอยหลังด้วยมือยกขึ้นในอากาศ เธอเสียสติไปแล้ว เธอเพิ่งจะยอมรับว่าเธอมาที่นี่เพื่อจะฆ่าฉันฉันหมายถึง นี่มันแย่มากจริง ๆ เธอเลือกเวลาที่แย่ที่สุดเลย นี่ไม่ใช่ทางที่ฉันอยากจะไกล่เกลี่ยกับโรแวนเลย แล้วถ้าฉันไม่รอดล่ะ? จากท่าทางที่ฉันเห็น คริสตินดูเหมือนจะฆ่าฉันจริง ๆ“เธอกำลังพูดอะไรอยู่ คริสติน? ฉันไม่ได้ทำลายชีวิตเธอสักหน่อย" ฉันพยายามทำตัวให้เย็นชาฉันรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร แต่ฉันก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องเพื่อที่จะซื้อเวลาสักนิด หลังจากที่ฉันออกจากสถานีตำรวจวันนั้น เอมม่
ฉันรู้ดีว่าเธอวางแผนใส่ร้ายเอมม่า แต่การได้ยินเธอยอมรับออกมาเองกลับยังทำให้ฉันช็อกอย่างบอกไม่ถูก เธอช่างโหดร้ายเหลือเกิน! เอมม่าถือว่าเป็นเพื่อนของเธอแท้ ๆ แต่เธอกลับไม่ลังเลที่จะเหยียบย่ำเพื่อนเพื่อเอาตัวรอด ใครกันที่ทำแบบนี้ได้นอกจากคนโรคจิต?"หมายความว่ายังไงที่บอกว่า 'พวกเรา' น่ะคริสติน?" ฉันถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลฉันเคยคิดว่ามันเป็นฝีมือของเธอคนเดียว แต่ดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิด เธอไม่ได้ทำเรื่องนี้คนเดียวแน่ เพราะถ้าไม่มีใครช่วย เธอจะทำเรื่องทั้งหมดนี้มาได้ยังไง?คริสตินเริ่มเดินวนไปมาราวกับคนกระวนกระวาย เอาจริง ๆ ฉันก็ไม่มั่นใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอดูเหมือนคนที่ใกล้จะแตกสลาย ฉันไม่รู้ว่าสิ่งนี้มันสะสมมานานแค่ไหนแล้ว หรือว่าเพิ่งมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นจนผลักเธอให้ถึงขีดสุด“ก็หมายถึงฉันกับลุงน่ะสิ” เธอพูดเสียงล่องลอย “เขาเป็นคนที่พวกแกเรียกว่ามาเฟียนั่นแหละ เขาเป็นผู้ปกครองตั้งแต่พ่อแม่ฉันเสีย เราเก็บเรื่องความสัมพันธ์เราเอาไว้เพื่อที่ฉันจะได้มีชีวิตปกติ แต่หลังจากที่ฉันเล่าให้เขาฟังว่าแกทำอะไรกับฉันไปบ้าง และแกพรากอะไรจากฉัน เขาก็พร้อมจะช่วยฉันกำจัดแกไปซะ”ฉันถอนหายใจออกม
“ปล่อยเธอไป คริสติน ไม่งั้นฉันสาบานเลยว่าฉันจะฆ่าเธอแน่!”คริสตินผลักฉันไปอีกทางด้วยความเดือดดาล ก่อนเริ่มยิงออกไปนอกห้อง “คุณรักฉัน! คุณควรอยู่ข้างฉัน ไม่ใช่ข้างมัน คุณกำลังทำร้ายฉันด้วยการเลือกมัน”เสียงปืนยังดังต่อเนื่อง ฉันได้ยินเสียงครางเจ็บปวดและคำสบถดังลอดเข้ามา หัวใจฉันเหมือนจะหยุดเต้น ความกลัวแล่นขึ้นมาเต็มอก ถ้ากระสุนนั้นโดนโรแวนล่ะ?ความกลัวแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ ฉันลุกขึ้นยืน ไม่ยอมให้ใครมาข่มขู่ฉันในบ้านของตัวเองหรือทำร้ายผู้ชายที่ฉันรักอีกแล้ว วันนี้มันต้องจบ ฉันไม่ยอมปล่อยให้เธอเหยียบย่ำฉันอีกต่อไปฉันคว้าสิ่งที่อยู่ใกล้มือที่สุดแล้วปาใส่เธอ มันพุ่งเข้าใส่ศีรษะของเธอ และฉันถึงรู้ว่ามันคือแจกัน ความสะใจแล่นวาบขึ้นมาเมื่อแจกันแตกกระจายบนหัว คริสตินหันมาจ้องฉันอย่างตกตะลึง ราวกับไม่อยากเชื่อว่าฉันจะกล้าทำแบบนี้ก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้ ฉันพุ่งตัวเข้าหาเธอและกระโจนใส่เต็มแรง เธอเสียหลักล้มลงไปกับพื้น ปืนหลุดจากมือของเธอ แต่ฉันไม่หยุด ฉันระบายความโกรธด้วยความดุร้ายที่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองมี“นังสารเลว!” ฉันตะโกนใส่หน้าเธอ ความโกรธบดบังทุกสิ่ง “แกเกือบทำลายทุกอย่างของฉัน แก
ผ่านมาหกเดือนแล้วหลังจากวันนั้น และจะบอกว่าฉันมีความสุขก็อาจจะเป็นการพูดที่น้อยเกินไป คริสตินถูกตัดสินให้เข้าสถานบำบัดจิตเวชตลอดชีวิต แต่เธอกลับเสียชีวิตอย่างลึกลับหลังจากเข้าไปได้ไม่กี่สัปดาห์ ส่วนลุงของเธอไม่มีใครพบร่องรอย แต่มีข่าวลือว่าเขาถูกฆ่าและร่างถูกโยนให้จระเข้กิน ทุกอย่างชวนให้นึกถึงการกระทำของกลุ่มรีเปอร์ แต่แปลกที่ฉันไม่ได้รู้สึกกังวลเลยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โรแวนได้แสดงให้ฉันเห็นว่าความสุขที่แท้จริงเป็นอย่างไร หัวใจของฉันเติบโตและเบ่งบานภายใต้การดูแลของเขา และฉันไม่เคยเสียใจที่ตัดสินใจก้าวข้ามความกลัวและให้โอกาสเขาฉันอาจจะเล่าเรื่องความสุขนี้ได้เรื่อย ๆ แต่คำพูดใด ๆ ก็ดูจะไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของฉันได้อย่างครบถ้วน ทุกวันฉันรู้สึกขอบคุณ และทุกวันฉันยิ่งหลงรักเขามากขึ้นเรื่อย ๆชีวิตของฉันเต็มไปด้วยความสุข ความสงบ และความเบิกบาน สิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันรู้สึกซาบซึ้งกับทุกสิ่งทีเ่กิดขึ้น แม้สิ่งต่าง ๆ จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่เขามีความอดทนกับฉัน และการบำบัดทั้งแบบรายบุคคลและแบบคู่ก็ช่วยเราได้มาก หลายสิ่งก็ยังคงเป็นรูปแบบเดิม ๆ แน่นอน
โรแวนผมมองเห็นความสับสน ความสุข และความยินดีปรากฏในดวงตาของเธอ น้ำตาคลอเต็มดวงตา แต่เธอพยายามกลั้นไม่ให้มันไหลออกมาผมจับมือของเธอที่กำลังสั่นและจูบเบา ๆ“เอวาครับ” ผมเริ่มพูดพร้อมหัวใจเต้นระรัว “คุณทำให้ทุกวันของผมสดใส และนอกจากโนอากับไอริสแล้ว คุณคือคนที่ดีที่สุดในชีวิต ผมไม่เคยรู้เลยว่าความรักที่แท้จริงคืออะไร จนกระทั่งผมตกหลุมรักคุณ ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไรหรืออย่างไร แต่รู้แน่ชัดว่าผมรักคุณหมดหัวใจ เราผ่านอะไรมามากมาย ส่วนใหญ่เป็นเพราะความผิดของผมเอง แต่เราก็ยังอยู่ตรงนี้ และก็ถือว่าโชคดีมากที่คุณให้โอกาสผมอีกครั้ง”บ้าเอ้ย ผมไม่เก่งเรื่องแบบนี้เลย ความคิดนั้นหายไปทันทีที่เห็นความรักที่เปล่งประกายจากดวงตาของเธอโนอาหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด ผมแน่ใจว่าหลังจากนี้เจ้าลูกชายคงแซวเรื่องนี้ นั่นทำให้ผมยิ้มออกมาพร้อมมองเอวา“ผมสัญญาว่าจะรักและดูแลคุณทุกวันในชีวิตนี้ เพราะผมไม่สามารถและจะไม่มีวันหยุดรักคุณได้ ผมเชื่อว่าความรักของเราเป็นรักที่ไม่มีอะไรมาเอาชนะได้ เพราะเราผ่านอุปสรรคมามากมาย และตอนนี้ก็ไม่มีอะไรหยุดเราจากการมีตอนจบที่มีความสุขได้ ผมจะรักคุณเสมอ ไม่ว่าจะเ
เอวาผ่านมาสองสามวันแล้วตั้งแต่คริสตินพยายามฆ่าฉัน ฉันไม่โกหกหรอก ตอนนี้ฉันยังรู้สึกสะเทือนใจอยู่เลย เมื่ออาการตื่นเต้นจากอะดรีนาลีนลดลง ฉันก็พังทลายลงและร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ฉันไม่เข้าใจเลยว่าคนเราจะชั่วร้ายและโหดร้ายได้ถึงขนาดนี้ แค่เพราะเธอโทษฉันในสิ่งที่ฉันไม่ได้ควบคุมหลังจากเธอถูกจับกุม หมายจับสำหรับลุงของเธอก็ถูกส่งออกไป ในใจลึก ๆ ฉันรู้ว่าคงไม่มีวันเจอเขา อย่างน้อยก็ในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่ ฉันรู้ได้ยังไงเหรอ? มันง่ายมาก ก็รีเปอร์โทรมาหาฉัน เขาบอกเพียงว่าฉันไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับลุงของคริสตินอีกต่อไป ซึ่งแปลตรง ๆ ได้ว่าเขาจะฆ่าลุงของเธอเมื่อพบตัวมันทำให้ฉันเป็นสัตว์ประหลาดหรือเปล่าที่ฉันไม่แคร์? บางทีการที่ฉันข้องเกี่ยวกับรีเปอร์อาจทำให้ฉันกลายเป็นคนเลือดเย็น แต่ฉันไม่สนใจเลยว่าเขาจะอยู่หรือตาย จริง ๆ แล้ว ฉันหวังว่ารีเปอร์จะทำให้เขาทรมานก่อนที่จะจบชีวิตที่น่าสมเพชของเขาส่วนคริสติน ฉันขอให้เธอพบเจอแต่สิ่งเลวร้ายที่สุด เธอเกือบจะทำให้ฉันและลูกสาวต้องเสียชีวิต ไม่มีทางที่ฉันจะให้อภัยเธอ ฉันหวังว่าเธอจะต้องลำบากในคุก หวังว่าเธอจะต้องทนทุกข์ทรมาน หวังว่าเธอจะตายอย่างเจ็บปวด แล
ตอนนี้ฉันเติบโตมากพอที่จะเข้าใจโรแวนและการกระทำของเขาได้ดีขึ้น เขาสูญเสียผู้หญิงที่เขาคิดว่าจะใช้ชีวิตด้วยไปตลอดชีวิต ถ้าฉันอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ฉันคงตอบสนองแบบเดียวกัน ฉันคงโกรธและระบายมันออกใส่คนที่ฉันคิดว่าทำให้ฉันเจ็บปวด เหมือนที่ฉันเคยทำกับเขาหลังจากการหย่าของเรา โดยปฏิบัติกับเขาด้วยความเกลียดชังและขมขื่น“ฉันเสียใจจริง ๆ ที่ใช้เวลานานขนาดนี้กว่าจะเห็นว่าฉันทำให้คุณเจ็บปวดมากแค่ไหนในตอนนั้น” ฉันกระซิบเสียงเบา ความรู้สึกท่วมท้น “ฉันขมขื่นมานานมาก โดยเฉพาะหลังจากที่เอมม่ากลับมา และฉันตระหนักว่าฉันไม่เคยเป็นในสิ่งที่คุณต้องการหรือปรารถนา ฉันเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ และบางทีถ้าไม่ทำแบบนั้น คุณกับเอมม่าอาจมีโอกาสได้ใช้ชีวิตด้วยกัน ฉันขอโทษจริง ๆ คุณไม่รู้หรอกว่าฉันเสียใจแค่ไหน”ฉันชะงักเมื่อรู้สึกถึงมือที่แข็งแรงกุมมือฉันไว้ ฉันประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเขาย้ายมานั่งข้าง ๆ ฉันแล้วเขาสูดลมหายใจลึก และฉันกุมมือเขาไว้แน่นราวกับเป็นสายช่วยชีวิตของฉัน “สิ่งที่ผมทำกับคุณมันแย่กว่านั้นมาก ความเจ็บปวดที่ผมทำให้คุณต้องทนทุกข์มาตลอดหลายปีเป็นสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะให้อภัยตัวเองได้ ผมก็เห็นแก่ตั
หลังจากถอนจูบ ผมเอนหัวพิงกับเธอ “ได้โปรดบอกผมทีว่าคุณต้องการสิ่งนี้” ผมวิงวอนด้วยความสิ้นหวังบางอย่างมันผ่านมานานเหลือเกิน และร่างกายแทบจะทนไม่ไหวที่จะจมดิ่งเข้าไปในความอบอุ่นของเธอ“ค่ะ” เธอตอบพลางถูไถตัวเองเข้ากับความแข็งขืนของแท่งสวรรค์ของผมคำพูดของเธอยังไม่ทันจบดี ผมก็ลุกขึ้นและคว้ามือเธอ ลากเธอไปยังห้องนอนอย่างรวดเร็วผมไม่หยุดแม้กระทั่งตอนที่มาถึงประตูห้องนอนที่ปิดไว้ครึ่งหนึ่ง เพียงแค่ใช้เท้าเตะมันจนเปิดกระแทกผนัง เสียงดังทำให้เอวาสะดุ้งเล็กน้อยร่างกายของผมพร้อมเต็มที่ และผมก็แทบจะรอไม่ไหว ไม่มีอะไรที่จะหยุดผมได้ในตอนนี้ นอกจากเธอจะบอกให้ผมหยุด แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมต้องให้เธอเข้าใจเสียก่อนผมหันไปหาเธอ ดึงเสื้อเธอออกจากแขน ปล่อยให้มันหล่นลงพื้น เธอเงยหน้ามองผม ดวงตาสีน้ำตาลของเธอถูกกลืนหายไปด้วยความมืดจากรูม่านตาที่ขยายกว้าง เธอหายใจหอบจนหน้าอกขนาดพอเหมาะของเธอยกขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เธอเลียริมฝีปาก และผมสาบานได้เลยว่าผมรู้สึกเหมือนมันสัมผัสปลายแท่งสวรรค์ผมจับเธอหมุนตัวและดึงเธอเข้ามาชิดกับร่างกายของผม สะโพกของเธอสัมผัสกับเจ้าโลกของผม มันรู้สึกเหมือนอยู่ในสวรรค์ เธอสูดหายใ
“ตัดสินใจแล้วค่ะ ตอนนี้เซียร่ากับหนูเป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว” ลิลลี่พูดขึ้นขณะเดินเข้ามาในครัวที่ฉันนั่งดื่มกาแฟอยู่ในตอนที่พ่อครัวกำลังเตรียมอาหารเช้าวันนี้เป็นวันเสาร์ วันหยุดของฉันและเธอก็ไม่มีเรียน วันนี้เราสามารถพักผ่อน นอนเล่น และผ่อนคลายได้ หลังจากที่ต้องเจอความยุ่งวุ่นวายจากการทำงานมาตลอดสัปดาห์ ฉันต้องการเวลาพักผ่อนจริง ๆ“ชอบเธอขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉันจิบกาแฟพลางพยายามซ่อนยิ้ม“แน่นอนค่ะ” เธอปีนขึ้นนั่งบนเก้าอี้บาร์ก่อนหยิบกล้วยขึ้นมาลูกหนึ่ง “พวกเรามีอะไรเหมือนกันเยอะเลย เธอชอบการผจญภัยแล้วก็อ่านหนังสือเหมือนหนูเลยค่ะ”ตอนที่ลิลลี่เล่าเรื่องเซียร่าให้ฟังครั้งแรก ฉันไม่เคยคิดเลยว่าพวกเธอจะกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ฉันควรจะมองเห็นสัญญาณนี้ตั้งแต่ที่ลิลลี่พูดถึงเธอทุกวันตอนมื้อเย็นลูกรักของฉันไม่เคยมีเพื่อนสนิทมาก่อน อย่างที่บอกไปว่าเธอค่อนข้างหลีกเลี่ยงการสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเด็กคนอื่น ๆ ที่โรงเรียนเก่าฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะเธอสนใจการเรียนมากกว่าการเล่น หรือเพราะเธอไม่รู้สึกสนิทใจกับคนอื่น หรือเธอคิดว่าตนเองโตเกินไปและเด็กคนอื่นยังดูไร้เดียงสาเกินไปสำหรับเธอ ไ
น้ำเสียงของเขาไม่เปิดช่องว่างให้มีการโต้เถียงได้ สิ่งเดียวที่คุณสามารถเลือกได้มีเพียงทำตามเท่านั้น“ค่ะ คุณวู้ด” เธอพูดอย่างติดขัดด้วยความกลัวที่สลักอยู่บนใบหน้าเพราะคำข่มขู่นั้น“ตอนนี้ก็เชิญกลับไปทำงานของคุณได้แล้ว เราไม่ได้จ่ายเงินให้คุณมาทำงานเพื่อหาเพื่อนแล้วจะได้เป็นที่ชื่นชอบอะไรทั้งนั้น”หน้าเธอแดงก่ำเพราะความอับอายก่อนเธอจะหันหลังรีบซอยเท้าออกไปอย่างไว ส่วนที่ผู้คนที่เหลือก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นว่าเธอโดนด่าซ้ำเมื่อเรื่องจบ เขาก็ผายมือให้ฉันเข้าไปในลิฟต์ เมื่อประตูปิดลง ฉันก็หันไปหาเขา“คุณกับน้องชายนี่หากอยากทำตัวน่ากลัวก็ร้ายไม่เบานะคะ” ฉันเอ่ยกับโรแวนอย่างตรงไปตรงมาฉันได้ยินเรื่องของทั้งสองมาก่อน เรื่องของคู่หูพี่น้องวู้ด เมื่อก่อนนั้นแม้แต่พ่อแม่ของฉันยังหวาดหวั่นเลย ตอนนั้นอายุทั้งสองยังไม่ยี่สิบสามเลยด้วยซ้ำ พวกเขาสามารถกดข่มได้ทุกคน ใครก็ตามที่กล้ากระดุกหนวดเสือ ผู้นั้นย่อมไม่มีวันได้ใช้ชีวิตเป็นสุข อย่างที่เอวากับฉันก็นับได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีว่าชีวิตจะโดนพวกเขาทำลายได้อย่างไรบ้างเขายักไหล่ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเลย “มันก็เป็นเรื่องของปลาใหญ่กินปลาเล็กล่ะนะ
“ช่วยอะไรหน่อย” คริสโตเฟอร์ตอบ “ช่วยไปเก็บรายงานประจำสัปดาห์จากแต่ละแผนกหน่อยได้ไหม? เพราะเรื่องวุ่นวายเมื่อวานทำให้ผมไม่ได้จัดการเรื่องนี้เลย”“ได้เลย ไม่มีปัญหาค่ะ ขอเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องทำงานก่อน แล้วฉันจะไปจัดการให้”หลังจากเขาพยักหน้า ฉันก็เดินตรงไปที่ห้องทำงาน รีบวางของให้เรียบร้อยก่อนจะออกไปที่แผนกอื่น ๆเมื่อฉันไปถึงแผนกแรก บรรยากาศตึงเครียดทันทีที่ฉันก้าวเข้าไป ทุกคน และฉันหมายถึงทุกคนจริง ๆ หันมามองฉันเป็นตาเดียว ฉันเกลียดความสนใจแบบนี้และอยากให้พวกเขาสนใจงานของตัวเองแทน ฉันพยายามเมินเฉยและจัดการสิ่งที่ฉันต้องทำให้เสร็จ ก่อนจะรีบออกมาฉันไม่เคยมีโอกาสได้สร้างมิตรภาพกับใคร เพราะมิลลี่เคยปล่อยข่าวลือว่าฉันเป็นผู้หญิงไร้ยางอายที่นอนกับเกเบรียล แค่นั้นก็เพียงพอให้คนอื่นตัดสินและตีตัวออกห่างจากฉันฉันถอนหายใจโล่งอกเมื่อมาถึงแผนกสุดท้าย บางคนยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้ข่าวเรื่องฉันกับเกเบรียลแพร่ออกไปแล้ว พวกเขาเลยพยายามทำดีด้วย ฉันรู้ดีว่ามีคนที่เข้าหาคุณเพียงเพราะหวังจะได้ประโยชน์จากคุณ“ไง ฮาร์เปอร์” เสียงของรีเบคก้า หนึ่งในลิ่วล้อของมิลลี่ดังข
ฮาร์เปอร์เช้าวันรุ่งขึ้น เกเบรียลไม่อยู่ให้เห็นเลยตอนที่ฉันทานอาหารเช้าและเตรียมตัวออกไปทำงาน จนกระทั่งตอนที่ขึ้นรถและถามคนขับว่าเกเบรียลอยู่ที่ไหน ถึงได้รู้ว่าเขาออกไปทำงานก่อนแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เราต่างคนต่างไปทำงานตั้งแต่ฉันเริ่มทำงานให้เขา ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่ารู้สึกโล่งใจหรือไม่ในเมื่อเขาไม่อยู่ ฉันเลยตัดสินใจไปส่งลิลลี่ที่โรงเรียนก่อน ความตื่นเต้นของเธอยังไม่จางหาย ตลอดทางเธอพูดถึงแต่เซียร่า ฉันรู้จักลูกสาวของตัวเองดี และรู้ว่าเธอไม่เคยตื่นเต้นหรือมีความสุขกับเด็กผู้หญิงคนไหนมาก่อนแบบนี้แน่นอนว่าเธอมีเพื่อนที่บ้านเก่าที่เราเคยอยู่ แต่ก็ไม่มีใครที่เธอพูดถึงมากขนาดนี้ ฉันคิดว่าเด็กพวกนั้นน่าจะเป็นแค่คนรู้จักมากกว่าเพื่อนของลูกสาวฉันเธอไม่เคยชวนใครมาค้างบ้าน และถ้าใครเชิญเธอไป เธอก็มักจะหาข้ออ้างว่าไปไม่ได้ เธอไม่เคยพูดถึงเพื่อนพวกนั้นมากมายเหมือนที่พูดถึงซีเอร์รา ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันได้แค่วันเดียวแต่ไม่ว่าอะไรที่ทำให้เธอมีความสุข ฉันก็มีความสุขด้วย ถ้าเซียร่าทำให้ลิลลี่กลายเป็นเด็กหญิงที่กรี๊ดกร๊าดและหัวเราะคิกคักได้ แล้วฉันจะมีเหตุผลอะไรไปขัดขวาง?ครั้งแรกเลยที่ฉ
เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะไม่สนใจพวกเขา ผมลุกขึ้นอีกครั้ง คว้าเสื้อโค้ทแล้วออกจากห้องทำงาน ผมรู้ดีว่าคงไม่มีสมาธิทำงานได้ แล้วจะเสียเวลาไปทำไมกันล่ะ?ผมส่งข้อความหาคนขับรถเพื่อให้เตรียมรถไว้ก่อนจะก้าวขึ้นลิฟต์ ไม่กี่นาทีต่อมา ผมก็อยู่ในลานจอดรถใต้ดิน“คุณวู้ดครับ” เขาก้มศีรษะเล็กน้อยขณะเปิดประตูรถให้ผมผมพยักหน้ารับก่อนจะเข้าไปในรถ เขาก็ขึ้นรถและเริ่มขับออกไปผมตัดสินใจเปิดดูข่าวซุบซิบต่าง ๆ เป็นการฆ่าเวลาเกเบรียล วู้ดเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ประกาศลั่นอย่างเป็นทางการ ข่าวจากวงในวู้ด คอร์เปอร์เรชั่นเกเบรียล วู้ด หนุ่มเนื้อหอมตัวท๊อปของเมืองสละโสดขวัญใจมหาชน เกเบรียล วู้ดลั่นระฆังวิวาห์ปิดประมูลความโสดของหนุ่มฮอต เกเบรียล วู้ดสาวคนไหนกันที่เกเบรียล วู้ด สวมแหวนแต่งงานให้กันนะ?เรื่องแล้วเรื่องเล่า บทความพวกนี้มีแต่เรื่องไร้สาระ บางอันก็ดูโง่เง่า บางอันก็มีส่วนจริงอยู่บ้างเมื่อเดินทางถึงบ้าน ผมปิดโทรศัพท์ก่อนลงจากรถ หลังจากกล่าวลาคนขับแล้ว ผมก็เดินตรงไปยังบ้านของตัวเองผมแปลกใจที่เจอฮาร์เปอร์นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น“กลับมาบ้านได้สักทีนะคะ” เธอพูดอย่างเหม่อลอย “เห็นข่าวซุบซิบพว
เกเบรียลผมนั่งมองเอกสารตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า อารมณ์ยังคงเดือดพล่าน โกรธจัด โกรธจนแทบบ้า มิลลี่คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงได้กล้าพูดจาหยาบคายใส่ฮาร์เปอร์แบบนั้น?เพราะสมาธิที่เตลิดไปจนหมด ผมลุกขึ้นยืนและเริ่มเดินวนไปมา สมองผมทำงานเร็วราวกับกำลังวิ่งไปด้วยความเร็วพันไมล์ต่อวินาที ผมพยายามคิดหาวิธีที่แตกต่างไปซึ่งจะทำให้ชีวิตของมิลลี่เป็นนรกบนดินนายโกรธอะไรนักหนา? ตอนที่แต่งงานกับฮาร์เปอร์เมื่อหลายปีก่อน นายเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ามิลลี่เลยเสียงในหัวเยาะหยันผม แต่ผมไม่อยากฟัง เพราะมันพูดถูกจนน่าหงุดหงิด ตอนนั้นผมไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของเธอเลย ผมทำให้เธอเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วอะไรล่ะที่เปลี่ยนไป?ตอนที่ผมลากฮาร์เปอร์มายืนกลางห้องและขู่ทุกคนที่กล้าทำร้ายเธอ ผมเห็นความตกใจและประหลาดใจในดวงตาเธอตอนอยู่ในห้องทำงานของผม เธอมองผมเหมือนกับว่าไม่รู้จักผมอีกต่อไป เหมือนเธอไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงเลือกอยู่ข้างเธอ มันชัดเจนว่าเธอคิดไม่ออกว่าจะคิดกับผมหรือการกระทำของผมอย่างไรผมยกมือลูบหน้าพร้อมถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ผมจะโทษเธอได้อย่างไรล่ะกับปฏิกิริยานั้น ในเมื่ออดีตผมเคยปฏิบัติกับเธออย่างเลว
จากนั้น เขาจับมือฉันพาเดินออกจากห้องไป ก่อนที่ประตูจะปิด ฉันมองเห็นความหวาดกลัวในตาของมิลลี่ ความกลัวนั้นบอกทุกอย่างที่ฉันต้องการรู้ และแน่นอนว่าผลการสอบสวนของเธอคงไม่พูดถึงเธอในทางดีแน่เราขึ้นลิฟต์ไปเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีใครพูดอะไร จนเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เกเบรียลพาฉันไปที่ห้องทำงานของเขา"คุณเป็นอะไรไหม?" เขาถามเมื่อเราเข้าไปในห้อง "ผมส่งเรื่องให้ทีมสื่อข่าวสารประกาศเรื่องการแต่งงานของเราแล้ว ผมอยากลงไปหาเพื่อบอกคุณเรื่องนี้ แต่กลับไม่เจอคุณที่ห้องทำงานตัวเอง ผมก็เลยได้เห็นฉากน่ารังเกียจนั้นกับตา"ฉันดึงมือออกจากมือของเขาแล้วจ้องมองกลับไป "ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องห่วง""แน่ใจนะ?""แน่ใจค่ะ"เรานั่งอยู่ในความเงียบงันสักพัก ฉันเห็นว่าเขาคงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ดูเหมือนมีบางอย่างที่ยับยั้งเขาเอาไว้ สายตาที่เขาจ้องมาทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันคงกลับบ้านก่อนนะคะ ฉันรู้สึกกังวลมาตลอดทั้งวันเพราะเรื่องลิลลี่" ฉันพูดเบา ๆ ไม่กล้ามองตาเขา"ได้ งานเสร็จเมื่อไหร่ ผมก็จะกลับบ้านเลยเหมือนกัน"ฉันพยักหน้าก่อนจะเดินออกไป ไม่ใช่ว่าฉันไม่ขอบคุณในสิ่งที่เขาทำให้ แต่การกระทำของเข
"ภรรยาเหรอ?" มิลลี่ทวนคำพูดราวกับว่าเธอไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ได้ยินได้"ผมพูดไม่ชัดหรือไง?" เกเบรียลถามเสียงเรียบแต่แฝงความคมกริบทั้งห้องเงียบกริบทันที คนที่เคยพึมพำและชี้นิ้วมาที่ฉันตอนนี้ต่างก้มหน้าลงไม่กล้ามองขึ้นมาฉันไม่ได้ต้องการให้เกเบรียลมาสู้แทนฉันเลย ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขี้กลัวและไม่มีความมั่นใจเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ฉันเปลี่ยนไปมาก แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าฉันชอบที่เขาออกมาปกป้องฉันมิลลี่ตัวสั่นเทิ้ม เธอทั้งตัวแข็งทื่อและความกลัวปรากฏชัดบนใบหน้า นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ฉันทำงานที่นี่ที่เธอไม่ได้ดูเหมือนผู้หญิงเย่อหยิ่งที่ฉันคุ้นเคยด้วยท่าทางของเธอ คุณอาจคิดว่าเธอเป็นเจ้าของบริษัทนี้ เธอชอบสั่งคนอื่น ทั้งหยาบคายและร้ายกาจ โดยเฉพาะกับผู้หญิง เธอปฏิบัติต่อคนอื่นเหมือนพวกเขาต่ำต้อยกว่าฉันแทบไม่เคยลงไปที่ชั้นอื่น ๆ แต่ถ้าฉันจำเป็นต้องไป มิลลี่จะอยู่ที่นั่นเสมอเพื่อพูดจาไร้สาระและปฏิบัติต่อฉันเหมือนขยะ"ดิฉันขอโทษค่ะเกเบรียล ดิฉันไม่ทราบว่าเธอเป็นภรรยาของคุณ" เธอกระซิบ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยการขอร้องความกดดันรอบตัวเกเบรียลยิ่งหนักขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก ผู้ห
ฉันเพิ่งจะก้าวลงจากรถ แต่ทันใดนั้นเองเขาก็คว้ามือฉันไว้และกระชากมันอย่างแรง ฉันตกใจกับการกระทำนั้น จึงเงยหน้าขึ้นด้วยความสับสน แล้วก็เจอสายตาที่ลุกวาวของเขา“แหวนอยู่ไหน?” เขาพ่นคำถามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด สายตาจ้องมองฉันเขม็งให้ตายเถอะ! อะไรกันเนี่ย?ฉันค่อย ๆ ละสายตาจากเขาไปที่นิ้วมือว่างเปล่าของตัวเอง คุณเคยอยู่ในสถานการณ์ที่สับสนไหม? แบบที่คุณรู้ว่าคนถามอะไร คุณรู้คำตอบ แต่ก็ยังสับสนอยู่ดี? นั่นแหละ ตอนนี้ฉันเป็นแบบนี้“ฮาร์เปอร์ แหวนคุณอยู่ที่ไหน?” เขาเค้นเสียงถามขณะที่ก้าวลงจากรถฉันมองร่างของเขาที่ลุกออกจากรถ แล้วตอนนี้เขาก็ยืนตระหง่านค้ำหัวฉัน ความน่าเกรงขามของเขาทำให้ฉันพูดอะไรไม่ออกเขาเขย่าตัวฉันเล็กน้อยดึงฉันกลับมาอยู่กับปัจจุบัน“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น” ฉันพึมพำออกมา ยังคงไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟกับเรื่องเล็ก ๆ แค่นี้สีหน้าของเขามืดครึ้มขึ้นไปอีก เหมือนคำตอบของฉันไปกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวเขาเข้า“เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือคุณไม่ได้ใส่แหวนที่ผมเป็นคนให้ และผมก็อยากรู้ด้วยว่าทำไม” เขาคำรามออกมา ใบหน้าเคร่งเครียดฉันตอบกลับไปแบบโง