“ผมก็ยังไม่ชอบเธอ และคงจะไม่มีวันชอบเธอได้หรอก แต่ผมก็เข้าใจแม่แล้วเหมือนกัน” เขาพูดขึ้นหลังจากเงียบไปพักใหญ่ “ผมชวนเธอมาก็ได้ แต่ไม่ต้องคาดหวังว่าผมจะเป็นเพื่อนกับเธอได้นะ”ฉันพยักหน้า ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม “ขอบคุณนะ ลูกรัก”เขากอดฉันไว้และหัวใจก็สงบลงเสียที ฉันไม่ได้กอดลูกชายตัวน้อยมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว การได้กอดเขาอีกครั้งทำให้หัวใจอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก. “ผมรักแม่นะครับ” เขาพึมพำพลางซบอกฉันหัวใจฉันพองโต มีบางสิ่งที่พิเศษมากเมื่อได้ยินลูกเรียกเราว่าแม่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เจ้าตัวน้อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ฉันอธิบายไม่ได้ แต่มันเป็นความรู้สึกที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง“แม่ก็รักลูกเหมือนกันจ้ะ ตัวน้อยของแม่” ฉันกระซิบตอบเบา ๆ “เอาล่ะ รีบไปเตรียมตัวเถอะ ไม่งั้นจะไปโรงเรียนสายนะ”เราถอนตัวออกจากอ้อมกอดของกันและกัน ฉันจูบหน้าผากเขาเบา ๆ ก่อนจะออกจากห้องและเดินลงไปชั้นล่าง ฉันทักทายเทเรซาที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเช้า ก่อนจะหยิบน้ำหนึ่งแก้วกับยาแก้ปวด แล้วเดินขึ้นบันไดไปอีกครั้งเมื่อฉันเปิดประตูห้องนอนใหญ่ หวังว่าโรแวนจะยังหลับอยู่และฉันจะวางน้ำกับยาไว้ให้เฉย ๆ แต่โชคไม่ดี เขาตื่นแล้ว
"ผมไม่ได้ใช้คุณ เอวา ผมต้องการคุณจริง ๆ" เขาพูดขณะเก็บกุญแจเข้ากระเป๋า ดูท่าว่าฉันคงออกจากห้องนี้ไม่ได้ง่าย ๆ แล้ว"คุณต้องการฉันจริง ๆ เหรอ? แล้วทำไมทันทีที่คุณเสร็จก็รีบลุกไปอาบน้ำละ? ทำไมคุณถึงไม่เคยมีอะไรกับฉันโดยไม่ใส่ถุงยาง? ทำไมคุณถึงไม่เคยปล่อยตัวไปกับฉันเลย? โอ๊ย! คุณแทบจะไม่เคยจูบฉันที่ปากด้วยซ้ำ แล้วคุณมาบอกว่าคุณต้องการฉัน? เชื่อก็บ้าแล้วเถอะ?"ความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันพยายามกลบซ่อนมานานทะลักออกมา ฉันเกลียดตัวเองที่ปล่อยให้มันทำให้ฉันรู้สึกอ่อนแอ ฉันเลยแทนที่มันด้วยความโกรธ“หนึ่งในความทรงจำที่ฉันนึกขึ้นได้หลังจากเดตของเราคือการนอนกับอีธาน มันคือสิ่งที่เซ็กส์ควรจะเป็น เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและอารมณ์ กับอีธานฉันรู้สึกเหมือนเป็นที่ต้องการ รู้สึกว่าตัวเองมีค่า แต่กับคุณ มันเหมือนเป็นหน้าที่ เป็นการบ้าน คุณบอกว่าคุณต้องการฉัน แต่ทั้งหมดนั้นมันโกหก อีธานทำให้ฉันเห็นว่าการเป็นที่ต้องการของผู้ชายจริง ๆ เป็นยังไง"ความทรงจำเกี่ยวกับอีธานโผล่เข้ามาในหัวอย่างไม่ทันตั้งตัว เหมือนกับความทรงจำอื่น ๆ มันยังแสดงให้ฉันเห็นว่าสิ่งที่ขาดหายไปในความสัมพันธ์ทางกายระหว่างฉันกับโรแวนคืออะไร ฉั
ฉันยังคงสับสนกับทุกสิ่งที่โรแวนบอกมา ทุกคำพูดของเขามันฟังดูมีเหตุผล แต่มันก็ไม่ช่วยให้ฉันแน่ใจได้เลยว่าฉันจะเชื่อใจเขาได้หรือเปล่าจิตใจฉันวุ่นวายตั้งแต่นั้นมา ฉันไม่รู้ว่าควรเชื่อเขาหรือไม่ ฉันเข้าใจว่าเขามีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการปล่อยวางสิ่งที่เขาและเอมม่าเคยวาดฝันไว้สำหรับอนาคต ฉันเข้าใจว่าเขาต้องลำบากในการปล่อยวางความรักที่เขาคิดว่าจะเป็นรักนิรันดร์ พระเจ้า! ถ้าฉันเป็นเขา ฉันก็คงจะสับสนกับความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน แต่ฉันล่ะ?แล้วสิ่งที่ฉันต้องเผชิญจากการกระทำของเขาล่ะ? แล้วความเจ็บปวดที่ฉันอดทนและยังคงต่อสู้กับมันอยู่ทุกวันนี้ล่ะ? ฉันรักโรแวน ทั้ง ๆ ที่ไม่ควรรัก และฉันคิดว่าในวินาทีที่ฉันรู้ว่าฉันรักเขา ฉันควรจะปล่อยมือฉันต้องการอนาคตกับเขา แต่ฉันจะต่อสู้กับความทรงจำเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เขาเคยทำร้ายฉันได้อย่างไร? ฉันสามารถให้อภัยได้ แต่ฉันไม่แน่ใจเลยว่าฉันจะลืมได้หรือเปล่า และนั่นแหละคือปัญหา ฉันเชื่อว่าความเจ็บปวดในอดีตและความทรงจำเหล่านั้นจะดึงเรากลับไปทุกครั้งที่เราพยายามก้าวไปข้างหน้า"ถึงแล้วครับ คุณผู้หญิง" มอริส คนขับรถและคนคุ้มกันพูดขัดจังหวะความคิดฉันมองออกไปข้างน
“หนูคุยกับพวกเราได้ทุกเรื่องนะถ้ามีอะไรที่รบกวนใจ พวกเราพร้อมฟังนะลูก” ธีโอพูดเสริมขึ้นพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเอ่ยปาก “เรื่องโรแวนค่ะ”โนราหันไปทำเสียงปลอบโยนไอริส ก่อนจะหันมามองฉัน “ก็พอจะเดาได้อยู่แล้วล่ะ”“พ่อแม่คิดยังไงกับเขาเหรอคะ? เขาทำให้หนูเจ็บปวดก็จริง แต่หนูก็เห็นว่าเขาเปลี่ยนไปบ้าง ปัญหาคือหนูไม่รู้ว่าควรให้อภัยเขาแล้วเดินหน้าต่อไปดีไหม เราคุยกันแล้ว และเขาพูดบางอย่างออกมา...บางอย่างที่หนูไม่แน่ใจว่าควรยอมรับหรือเปล่า” ฉันพูดออกไปตามที่คิดในหัว แม้จะไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันฟังดูมีเหตุผลหรือเปล่าทั้งสองคนมองหน้ากัน ก่อนจะหันมามองฉัน ธีโอเป็นคนพูดก่อน“ต้องพูดตามตรงนะลูก พ่อไม่ชอบโรแวน ไม่ชอบเพราะว่าเขาทำเรื่องขนาดนั้นกับลูก พ่ออยากจะฝังเขาไว้ที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีใครหาเจอด้วยซ้ำ แต่ที่พูดนี่มันมาจากความโกรธ ความขมขื่นที่ลูกต้องเจอกับสิ่งที่เขาทำ” เขาเริ่มพูด และฉันเอนตัวไปข้างหน้า อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูดต่อบางทีฉันอาจจะได้มุมมองใหม่ หรือแสงสว่างที่ปลายทาง อะไรก็ตามที่จะช่วยชี้ทางให้ฉัน“แต่ถึงอย่างนั้น พ่อก็เห็นเขาในตอนที่ลูกนอนอยู่โรงพ
ฉันอยู่ที่บ้านพ่อแม่ต่ออีกสักพัก ไอริสกำลังเพลิดเพลินกับความรักและความเอาใจใส่จากตายายของเธอ เด็กตัวเล็ก ๆ คนนี้รักการถูกสนใจเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าความสนใจนั้นมาในรูปแบบของการหอมพุงฉันมองดูเธอแล้วนึกอยากให้ชีวิตตัวเองง่ายดายแบบนั้นบ้าง ฉันเคยเป็นคนเดียวหรือเปล่าที่ใฝ่ฝันอยากมีชีวิตแบบเด็ก ๆ ? พวกเขาไม่มีเรื่องให้กังวลใด ๆ นอกจากเรื่องอาหารและผ้าอ้อมที่เลอะเทอะ ความไร้เดียงสาของพวกเขาเหมือนยาชโลมใจให้กับวิญญาณที่เหนื่อยล้าและทุกข์ตรมแต่แล้วพวกเขาก็เติบโตขึ้น ชีวิตก็พัดพาความบริสุทธิ์นั้นไป และพวกเขาก็กลายเป็นคนเฉยชา ถ้าฉันสามารถปกป้องลูกทั้งสองคนของฉันจากสิ่งที่เรียกว่าความรักนี้ได้ ฉันคงจะทำ แต่ฉันก็รู้ดีว่าในที่สุดฉันทำไม่ได้ เพราะพวกเขามีโชคชะตาของตัวเองที่ต้องเดิน ไม่ว่าจะเต็มไปด้วยความสุข ความทุกข์ หรือทั้งสองอย่างฉันยังคงมองดูตายายทั้งสองเล่นกับลูกสาวตัวน้อยบนพื้นหญ้า นอร่ากำลังอุ้มไอริสที่หัวเราะอย่างร่าเริง คุณอยากรู้ไหมว่าเธอหัวเราะอะไร? คำตอบคือเธอคิดว่ามันตลกเหลือเกินที่เห็นธีโอกลิ้งไปมาอยู่บนหญ้าฉันเข้าใจเธอนะ ถ้าฉันอารมณ์ดีขึ้นก็คงขำเหมือนกัน ใครจะคิดว่
“ลีลา!” เล็ตตี้แผดเสียงจนแทบลุกจากเก้าอี้ “บอกทุกอย่างให้หมดนะยัยคนนี้ อย่าปล่อยให้ค้างคาแบบนี้สิ”ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนี้มาก่อน แต่คำพูดของเธอก็ทำให้ฉันสนใจขึ้นมาจนได้ ฉันไม่คิดว่าเธอจะทำจริง ๆ แต่ดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิด แม้กระทั่งตอนที่เธอบอกว่าจะทำเพียงเพื่อยั่วพ่อของเธอ ฉันก็ยังไม่คิดว่าเธอเอาจริง“เขามาหาฉันอีกครั้ง ฉันก็ให้เขาเข้ามา แล้วเขาก็จัดการฉันจนแทบจะระเบิด” โครินยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ชัดเจนว่าเธอยังคงล่องลอยอยู่ในโลกของตัวเอง“จริงเหรอ? แค่นี้เองที่เธอจะบอกเรา” เล็ตตี้ดูไม่พอใจอย่างมาก “ฉันอยากรู้ทุกอย่างไม่ว่าจะ ขนาด ท่าไหนที่เขาใช้ เขาอึดได้นานแค่ไหน แล้วเธอถึงเสร็จไปกี่รอบ?”ฉันหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางของเล็ตตี้ เธอดูเหมือนจะตายหากไม่ได้คำตอบ ทุกคนต่างนั่งกันที่ขอบเก้าอี้ เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ฉันกลั้นขำไม่อยู่แล้วหัวเราะออกมาเต็มเสียง ท่าทางของเล็ตตี้มันช่างตลกเสียเหลือเกิน“อะไรล่ะ?” เธอถามพลางหันมามองฉันด้วยความสงสัย ราวกับไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงหัวเราะฉันหัวเราะหนักขึ้น “ เธอนั่นแหละ ทำไมถึงอยากรู้เรื่องบนเตียงของโครินมากขนาดนั้น อยากจะมีส่วนร่วมเองหรือไง
โรแวนให้ตายสิ ผมเกลียดความรู้สึกนี้! เกลียดความตึงเครียดและความไม่สบายใจระหว่างผมกับเอวา เกลียดทุกครั้งที่เราเดินสวนกัน แล้วเธอมองมาที่ผมเหมือนไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีผ่านมาหลายวันแล้วตั้งแต่เช้าวันนั้น ผมคิดว่าทุกอย่างระหว่างเราจะดีขึ้นหลังจากที่ผมอธิบายทุกอย่าง แต่ผมคิดผิดถนัด มันกลับตรงกันข้าม พอผมบอกความจริงทั้งหมดกับเธอ ทุกอย่างก็พังลงราวกับพายุซัดผมย้ายกลับมาอยู่บ้าน และทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิม อย่าเข้าใจผิดนะ เธอไม่ได้กลายเป็นผู้หญิงที่โกรธจัดหรืออะไรแบบนั้น แต่ผมกลับรู้สึกว่า ผมอยากให้เธอแสดงอารมณ์โกรธใส่ผมมากกว่าท่าทางเย็นชาสุภาพที่เธอแสดงออกมาแบบนี้ความกลัวที่จะสูญเสียเธอรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ วัน ผมอดไม่ได้ที่จะคิดว่า เมื่อเธอจำเรื่องราวทุกอย่างได้ แล้วพบว่าเราหย่ากัน รวมถึงการที่ผมโกหกเธอ อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ความกลัวนั้นเหมือนกำมือบีบหัวใจผมจนแทบหายใจไม่ออก ผมไม่อยากสูญเสียเธอไป และผมกลัวว่าเมื่อความจริงปรากฏ สิ่งนั้นอาจจะเกิดขึ้นผมลุกขึ้นเพราะทนอยู่เฉยไม่ไหวและเริ่มเดินไปมาในห้องทำงานที่บ้าน ห้องนี้กลายเป็นสถานที่ที่ผมใช้เวลาอยู่มากที่สุด ผมนอนไม่ค่อยหลับ คิดแต่เร
เอวาฉันรู้สึกอ่อนล้าและหมดแรงเต็มที อย่าเข้าใจฉันผิดเลย ฉันรักโนอา แต่ฉันก็อดรอให้ปาร์ตี้จบลงไม่ได้ เพื่อที่ฉันจะได้พักเสียที ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความวุ่นวายจากการเตรียมงานปาร์ตี้ ถึงมันจะช่วยเบี่ยงเบนความคิดของฉันไปได้บ้าง แต่มันก็ไม่ได้มากนักฉันยังคงสับสนวุ่นวายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำ ทุกครั้งที่มองเขา ฉันอดไม่ได้ที่จะถามตัวเองว่าฉันควรให้โอกาสเขาหรือไม่ ฉันรักเขา แต่ฉันไม่มั่นใจเลยว่าฉันจะรักษาบาดแผลในใจและปล่อยวางจากสิ่งที่เขาเคยทำกับฉันได้ไหมฉันสลัดความคิดนั้นทิ้ง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความถึงเคทบอกว่าสามารถพาเอมม่ามาได้ ทราวิสคงมาด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับพ่อแม่ของโรแวนและเคท พวกเขาไม่เคยพลาดวันเกิดของโนอาเลยสักครั้ง มันคงเป็นการเสียมารยาทถ้าฉันจะไม่เชิญพวกเขามาเพียงเพราะปัญหาของฉันกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น โนอาก็อยากให้พวกเขามาไม่นานเธอก็ตอบกลับมาทันที บอกว่าจะมาถึงในอีกประมาณสามสิบนาที ฉันรู้ว่ามันอาจดูเด็กน้อยไปหน่อย แต่ฉันอยากทดสอบโรแวน ฉันอยากรู้ว่ายังมีความรู้สึกค้างคาอะไรระหว่างเขากับเอมม่าอยู่หรือเปล่า"แม่ครับ!" โนอาตะโกนเรียกฉันเสียงดังลั่นจนทำให้ฉ
เมื่ออ่านเอกสารทั้งหมดและวางกลับลงบนโต๊ะ มือฉันก็สั่นเทาและหัวใจเต้นแรง ฉันพูดไม่ออกขณะที่สายตามองสลับไปมาระหว่างใบหน้าของเกเบรียลและเอกสารบนโต๊ะ"เกเบรียล" ฉันส่ายหัว "ฉันไม่เข้าใจค่ะ"เขาจับมือฉันไว้ ดวงตาเผยความอบอุ่นและความรัก"ผมคิดเรื่องนี้ไม่หยุด พยายามหาทุกหนทางพิสูจน์กับคุณว่าผมต้องการแบบนี้ ผมต้องการเรา ความคิดนี้มันเริ่มต้นขึ้นตอนที่เราอยู่โตเกียว ผมเลยนัดทนายร่างเอกสารขึ้นมาใหม่สองฉบับ แล้วก็ขอให้เขาเอามาให้ที่นี่ สิ่งที่คุณต้องทำมีเพียงแค่เซ็นเอกสารนี้เท่านั้น""แต่บริษัทเป็นของคุณนะคะ ข้อตกลงเรายังไม่สิ้นสุด..." ฉันพูดอย่างรวดเร็วเพราะสมองยังไม่ทำงาน“ผมต้องการโอกาสครั้งที่สองจากคุณจริง ๆ นะ ฮาร์เปอร์ ผมต้องการให้เราแต่งงานกันจริง ๆ ผมก็เลยตัดสินใจยุติการแต่งงานตามสัญญานั่น…และสำหรับบริษัทยูนิตี้ เวนเจอร์ มันเป็นของคุณแล้วครับ ผมโอนกรรมสิทธิ์ผู้ครอบครองให้คุณเรียบร้อยแล้ว ผมไม่ต้องการให้มีอะไรมากีดขวางการที่จะได้อยู่กับคุณ”นี่คือการแสดงออกแสนใจกว้างของเขา การที่เขาบอกฉันว่าเขาพร้อมทุ่มหมดหน้าตัก แม้จะไม่มีสัญญาการแต่งงานหรือบริษัทที่เขาเคยใช้แบล็กเมล์ฉันให้แต่งงานก
"คิดอะไรอยู่เหรอ?" เกเบรียลถามขณะที่ดึงฉันเข้าไปในกลางโถงเต้นรำที่คนอื่น ๆ กำลังเต้นรำกันหลังจากอาหารเย็น มีการกล่าวสุนทรพจน์ และหลังจากนั้นทุกคนก็มีอิสระที่จะพูดคุยกันและสนุกกับงานเลี้ยงฉันมองเห็นเอวาและโรแวนได้ในทันที พวกเขาดูเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวเล็ก ๆ ของตนเองขณะที่ลอยล่องอยู่บนโถงเต้นรำ สายตาแสดงออกว่าไม่มีอะไรนอกจากความรักให้กันฉันต้องการแบบนั้น ฉันต้องการผู้ชายที่มองฉันราวกับฉันเป็นโลกทั้งใบของเขาและเป็นเหตุผลเดียวในการมีชีวิตอยู่ ฉันต้องการเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ครอบครองหัวใจดวงนั้น ฉันต้องการได้รับความรักอย่างลึกซึ้งจนมันแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาดุจระลอกคลื่นดวงตาฉันเลื่อนกลับมาที่เกเบรียลขณะที่เขาดึงฉันเข้ามาใกล้มากขึ้น การเต้นรำใกล้ชิดขนาดนี้ในงานแบบนี้ดูไม่เหมาะสมนัก แต่ดูเหมือนว่าเกเบรียลจะไม่สนใจฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขาและฉันเห็นแต่ความชื่นชมที่เอ่อล้น ฉันยังเห็นสิ่งที่อาจเป็นความรักแต่ไม่แน่ใจนัก ฉันไม่สามารถบอกได้จริง ๆ ว่ามันคือความรักหรือไม่ ในเมื่อเขาไม่เคยเอ่ยออกมาเลยว่าเขารักฉันฉันจะเป็นอย่างที่โรแวนและเอวาเป็นได้จริง ๆ หรือเปล่าถ้าฉันให้โอกาสเกเบรียลอี
ขณะที่เราคุยกัน ดวงตาของเอวาก็ยังคงมองกลับไปหาโรแวน คุณจะเห็นความรักในแววตาเธอ จากทุกสิ่งที่เขาทำกับเธอ เธอก็ยังคงให้โอกาสเขาอีกครั้งและแน่นอนดวงตาของโรแวนก็คอยมองไปที่ภรรยาของเขาเช่นกัน มันเหมือนกับว่าเขาไม่สามารถละสายตาจากเธอได้ รวมถึงมือของเขาด้วยเพราะเขาหาทางแตะเนื้อต้องตัวเธอตลอดฉันรู้จากเกเบรียลว่าโรแวนโหดร้ายกับเอวาขนาดไหนในช่วงสามปีของชีวิตแต่งงาน เขาปฏิบัติเหมือนเธอไร้ค่า แต่ตอนนี้เธอดูเหมือนจะเป็นโลกทั้งใบของเขา ความรักที่เขามีต่อเธอแสดงออกมาให้เห็นชัด ฉันไม่เคยคิดว่าเขาจะเปลี่ยนเพื่อเธอมากขนาดนี้ แต่หลักฐานการเปลี่ยนแปลงและความรักของเขาประจักษ์อยู่ตรงหน้าฉัน“มีอะไรกวนใจสิท่า” เอวากระซิบ ดึงฉันออกจากห้วงความคิดฉันหันหน้าไปหา ดวงตากวาดทั่วใบหน้าของเธอ "เธอให้อภัยโรแวนจริง ๆ เหรอ? ทำได้ยังไง? เธอปล่อยวางอดีตได้ไง?”ฉันเพียงแค่ไม่เข้าใจ และถ้าฉันจะพูดตามตรง ฉันกลัวที่จะก้าวเดินไปพร้อมกับเกเบรียลในอนาคตดวงตาเอวาเลื่อนไปมองสามีก่อนที่จะกลับมาที่ฉัน"ฉันยกโทษให้เขาแล้วนะและนั่นเป็นเรื่องง่ายที่สุดด้วย ส่วนเรื่องยากคือการปล่อยวางและลืมมันไป ฉันจะไม่โกหกเธอหรอกนะฮาร์เปอร์
“รีบไปกันก่อนจะสายเถอะค่ะ” ฉันบอกหลังจากที่เราหายใจหายคอกันทันแล้วเขาพยักหน้าขณะที่มือลูบไล้มือของฉันก่อนประสานนิ้วของเราเข้าด้วยกันและดึงฉันออกจากห้องนอน"คุณสวยมากเลยค่ะ คุณฮาร์เปอร์!" หนูเซียร่าร้องออกมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความยินดีเมื่อเธอเห็นฉัน"ใช่! แม่สวยมากเลยค่ะ" ลิลลี่กล่าวเสริมพร้อมกระโดดโลดเต้น“ขอบใจจ้ะ สาว ๆ”อีกครู่หนึ่งเซียร่าก็จะกลับบ้านเพราะต้องไปโรงเรียนวันพรุ่งนี้ เนื่องจากทั้งฉันและกาเบรียลไม่อยู่ที่นี่เพื่อรอส่งเธอกลับบ้าน เราจึงได้จัดเตรียมกับคนขับรถให้ไปส่งเธอ เขาจะดูแลให้เธอกลับบ้านอย่างปลอดภัย"ตอนนี้พวกลูกต้องทำตัวดี ๆ กับคุณชารอนด้วยนะ อย่าสร้างปัญหาให้เธอด้วย เข้าใจกันไหมเอ่ย?" ฉันหยอกล้อเชิงตักเตือน“ไม่สร้างปัญหาแน่นอนค่ะ” ทั้งสองพูดพร้อมกันตั้งแต่ที่สบตากับเซียร่า ฉันก็คอยจะมองเธอเสมอ อย่างที่ฉันบอกมีบางอย่างเกี่ยวกับเธอที่ดึงดูดฉัน บางสิ่งที่ดูคุ้นเคยหลังจากบอกลาเด็กหญิงทั้งสองคน เกเบรียลและฉันก็ออกเดินทาง ระหว่างทางเราไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก แต่เขาจับมือฉันไว้ตลอดเวลาซึ่งทำให้ฉันรู้สึกสบายใจเราไปถึงสถานที่จัดงานในเวลาอันรวดเร็ว และฉันเริ่ม
“เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”เพราะฉันหาชุดที่เหมาะกับโอกาสเช่นนี้ไม่ได้ เกเบรียลก็เลยให้ความช่วยเหลือ ทีมงานทั้งหมดมาถึงเมื่อประมาณสามชั่วโมงที่แล้วเพื่อช่วยฉันแต่งหน้าและแต่งตัวการแต่งหน้านั้นไร้ที่ติ ช่างแต่งหน้าเลือกใช้แนวหรูหรา ดวงตาแต่งแต้มด้วยอายแชโดว์อันนุ่มนวลแต่โดดเด่นซึ่งช่วยเพิ่มความลุ่มลึกของดวงตาเพิ่มด้วยขนตายาวหนา ทำให้แววตาน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น ช่างแตะแต้มสีทองระยิบระยับที่หัวตาทำให้ดวงตาดูสว่างขึ้นช่วยดึงดูดความสนใจมาที่ดวงตาแสนอบอุ่นนี้ ในขณะที่ทรงผมม้วนเป็นลอนหลวม เงางามเหมือนผ้าไหมภายใต้แสงอ่อนโยนเรื่องชุด เราเลือกชุดราตรีสีแดงยาวเพราะสีแดงกลายเป็นสีโปรดที่เกเบรียลชอบให้ฉันสวม ชุดราตรีเป็นการผสมผสานที่น่าทึ่งระหว่างความเย้ายวนและความสง่างาม ถักทอจากผ้าซาตินสีแดงทับทิมเข้มทิ้งตัวอย่างสวยงามไปตามส่วนโค้งเว้า คอเสื้อเว้าลงเล็กน้อยพอที่จะขับเสน่ห์ออกมา ในขณะที่รายละเอียดลูกไม้อันสลับซับซ้อนตามริมผ้าช่วยเพิ่มความหรูหรา เสื้อท่อนบนที่พอดีเน้นบริเวณเอว ตัวกระโปรงบานออกเล็กน้อยยาวพริ้วลากพื้นเมื่อฉันขยับ ผ้าจะเล่นแสง ส่องประกายเหมือนของผืนน้ำขณะที่เผยเรียวขาให้เห็นเพียงเล็ก
"เข้ามาได้" ในที่สุดเขาก็ตอบ ขณะฉันกำลังจะยอมแพ้คิดว่าเขายังหลับอยู่เมื่อเปิดประตูฉันก็เข้าไป ฉันพบเขานั่งอยู่บนเตียง เมื่อเขาเห็นฉัน เขาก็ขยับลงมานั่งอยู่ตรงขอบเตียง ฉันปิดประตูและเดินตรงไปหาเขา"วันของสาว ๆ เป็นยังไงบ้างครับ?" เขาเอ่ยถาม น้ำเสียงงัวเงีย“ว้าวมากค่ะ”“ยังไงครับ?”“ถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ? ช่วยสัญญาด้วยนะคะว่าจะพูดความจริง”เขาหันมาหาฉันอย่างเต็มที่ ตอนนี้เขาตื่นเต็มที่แล้ว ดวงตาจ้องมองมาที่ใบหน้าของฉันราวกับว่าเขากำลังพยายามคิดว่าฉันกำลังจะถามอะไร หลังจากนั้นสักครู่ เขาก็พยักหน้า"ฉันรู้ว่าพี่แอนดรูว์ต้องแบล็กเมล์คุณให้แต่งงานกับฉันในครั้งแรกแน่ พอคิดเรื่องที่คุณอกหักแล้ว คุณคงไม่เต็มใจจะแต่งงานในตอนนั้นแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับต้องมาแต่งงานผู้หญิงที่คุณแทบไม่รู้จัก ช่วยบอกทีได้ไหมคะว่าพี่เขาใช้อะไรบังคับคุณ?"ฉันบอกได้ว่าเขาไม่อยากทำจริง ๆ แต่ฉันต้องการคำตอบ ฉันอยากรู้ว่าพี่แอนดรูว์สามารถจัดการเรื่องแต่งงานระหว่างเราได้อย่างไร“ฮาร์เปอร์…”“นะคะ?”“พอโรแวนแต่งงานกับเอวา พี่เขาก็ดูแย่ลงจริง ๆ พี่เขาดูไม่ดีเลย แอนดรูว์ได้หลักฐานว่าโรแวนดื่มเหล้าและใช้ยาเส
อย่างที่ฉันบอก ฉันให้อภัยเกเบรียลแล้ว แต่ทำไมฉันยังคงยึดติดกับอดีตอีก? ทำไมฉันยังคงเปรียบเทียบเขากับตัวตนที่เขาเคยเป็น? เห็นได้ชัดว่าเขาเปลี่ยนไปแล้ว แต่สมองยังคงสงสัยเขาคุณรู้จักคำกล่าวที่ว่า 'ถ้าเขาอยากทำ เขาคงทำไปแล้ว?' นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเกเบรียลในตอนนี้ ในตอนนั้นเขาไม่อยากทำ เขาไม่อยากรักฉัน เขาไม่อยากสนใจฉัน ให้ตายสิ เขาแค่ไม่อยากได้ฉันด้วยซ้ำ... และเพราะเขาไม่อยากได้ฉัน เขาเลยปฏิบัติกับฉันเหมือนไม่สำคัญอะไรลึกลงไปฉันเข้าใจเขาดี ถ้าฉันคิดไม่ผิด เขาแต่งงานกับฉันหนึ่งปีครึ่งหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นหักอกเขา หากพี่แอนดรูว์รู้ พี่คงจะแบล็กเมล์เขาหรืออะไรบางอย่างเพื่อให้เกเบรียลแต่งงานกับฉันแน่ฉันไม่ได้คิดถึงมันตอนที่เราแต่งงานกัน อันที่จริงฉันไม่อยากคิดถึงมันเพราะมันจะทำลายภาพลวงตาที่ฉันสร้างว่าเขาแต่งงานกับฉันเพราะเขารู้สึกอะไรบางอย่างกับฉัน หลายปีต่อมาฉันยอมรับว่าเกเบรียลแต่งงานกับฉันเพราะเขาถูกบังคับให้ทำ ไม่ใช่เพราะเขาต้องการฉันทำได้แค่จินตนาการว่าเขารู้สึกอย่างไร เขาอาจจะยังไม่หายอกหักจากแฟนเก่า เขาโกรธและขมขื่น และอาจจะคิดว่าผู้หญิงทุกคนก็เหมือนกัน จากนั้นเขาถูกบังค
"ใช่เลย! เขาไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไปแล้ว" เธอเปล่งประกายความสุขและความตื่นเต้นแพร่กระจายไปทั่ว "เขาถึงกับขอแต่งงานอย่างไม่เป็นทางการแล้วด้วยนะ""หมายความว่ายังไงก่อนเรื่องขอแต่งงานแบบไม่เป็นทางการ?" ฉันถามด้วยความงงงวยเมื่อมองจากท่าทีของคนอื่น พวกเธอก็สับสนเช่นกัน ปกติก็มีแค่ขอกับไม่ได้ขอแต่งงาน ถูกขอแต่งงานอย่างไม่เป็นทางการมันคืออะไรกัน"คืองี้ตอนที่ฉันบอกเขาว่าท้องน่ะ เขาบอกว่าเขาตั้งใจจะขอแต่งงาน แต่ด้วยเจ้าตัวน้อยนี่มาเซอร์ไพรส์เราก่อน เขาเลยจะเลื่อนการขอแต่งงานขึ้นมาเพื่อให้เราแต่งงานกันก่อนที่ลูกจะเกิดไง" เธอตอบ ดวงตายังคงเปล่งประกายด้วยความปิติและความสุขอย่างแท้จริงนั่นสมเหตุสมผล ฉันเข้าใจว่าทำไมเธอถึงเรียกคำพูดนั้นว่าเป็นการขอแต่งงานอย่างไม่เป็นทางการมีเสียงกรีดร้องด้วยความยินดีดังขึ้นขณะที่เรากอดเธอและแสดงความยินดีอีกครั้ง การที่ผู้ชายของเธอกลับมามีผลกระทบอย่างมาก ตอนนี้เธอดูเหมือนเป็นอิสระ ภาระที่เธอแบกไว้เมื่อครั้งที่เราเจอกันไม่มีอีกต่อไป เธอเปล่งประกายหลังจากที่รีเปอร์กลับมาอยู่กับเธอ"แล้วเธอล่ะ เล็ตตี้?" ฉันหันไปหาเธอ "เธอคบกับทราวิสมานานแล้วนะ ทำไมเขายังไม่ขอแ
ฉันถอนหายใจและพยายามควบคุมลมหัวใจ นี่คือบทสนทนาหนึ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้คุยกับลิลลี่ในวัยนี้ สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกขอบคุณคือเธอไม่ได้ถามว่าเด็กทารกมาจากที่ไหนกันแน่ นั่นคงจะเป็นบทสนทนาที่ยากมาก“เดี๋ยวแม่ขอกลับไปห้องก่อนแล้วค่อยออกไปนะ” ฉันบอกพวกเขาและเพิกเฉยต่อการพูดคุยเกี่ยวกับเด็กทารกไปเลย“ยังไม่ได้บอกผมเลยว่าจะไปไหน” เกเบรียลถามย้ำฉันคงจะบอกเขาไปแล้วถ้าไม่ได้มัวแต่นึกปัดป้องตนเองอยู่ แต่เขาทำให้ฉันไขว้เขวไปหมด“ฉันจะออกไปกินข้าวกลางวันกับพวกเอวาค่ะ”ฉันรู้สึกอยากจะยกเลิกนัดกับพวกเธอแล้วนอนพักผ่อน แต่ฉันตัดสินใจไม่ทำแบบนั้น เอวาโทรมาสองสามวันก่อนที่เราจะออกจากโตเกียว เธอเอ่ยถามว่าฉันจะไปร่วมทานอาหารกลางวันกับพวกเธอในวันเสาร์ได้ไหม ฉันตอบตกลงทันทีโดยไม่ได้คิดว่าฉันจะเหนื่อยแค่ไหนหลังจากเที่ยวบินสิบสามชั่วโมงรอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของเขา "ดีใจจริง ๆ ที่เห็นว่าคุณมีเพื่อน"“ค่ะพวกเธอเจ๋งมากเลย”"พูดถึงเพื่อน" ลิลลี่พูดแทรก "คืนนี้เซียร่ามานอนค้างที่บ้านเรานะคะ"“แม่จำได้จ้ะ ลูกรัก” ฉันเอ่ยตอบ “หนูมีอะไรฝากมาแม่ซื้อเตรียมตัวสำหรับคืนนี้บ้างไหมลูก?”เธอส่ายหัว “หนูขอขนมกับน