เอวาฉันรู้สึกอ่อนล้าและหมดแรงเต็มที อย่าเข้าใจฉันผิดเลย ฉันรักโนอา แต่ฉันก็อดรอให้ปาร์ตี้จบลงไม่ได้ เพื่อที่ฉันจะได้พักเสียที ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความวุ่นวายจากการเตรียมงานปาร์ตี้ ถึงมันจะช่วยเบี่ยงเบนความคิดของฉันไปได้บ้าง แต่มันก็ไม่ได้มากนักฉันยังคงสับสนวุ่นวายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำ ทุกครั้งที่มองเขา ฉันอดไม่ได้ที่จะถามตัวเองว่าฉันควรให้โอกาสเขาหรือไม่ ฉันรักเขา แต่ฉันไม่มั่นใจเลยว่าฉันจะรักษาบาดแผลในใจและปล่อยวางจากสิ่งที่เขาเคยทำกับฉันได้ไหมฉันสลัดความคิดนั้นทิ้ง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความถึงเคทบอกว่าสามารถพาเอมม่ามาได้ ทราวิสคงมาด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับพ่อแม่ของโรแวนและเคท พวกเขาไม่เคยพลาดวันเกิดของโนอาเลยสักครั้ง มันคงเป็นการเสียมารยาทถ้าฉันจะไม่เชิญพวกเขามาเพียงเพราะปัญหาของฉันกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น โนอาก็อยากให้พวกเขามาไม่นานเธอก็ตอบกลับมาทันที บอกว่าจะมาถึงในอีกประมาณสามสิบนาที ฉันรู้ว่ามันอาจดูเด็กน้อยไปหน่อย แต่ฉันอยากทดสอบโรแวน ฉันอยากรู้ว่ายังมีความรู้สึกค้างคาอะไรระหว่างเขากับเอมม่าอยู่หรือเปล่า"แม่ครับ!" โนอาตะโกนเรียกฉันเสียงดังลั่นจนทำให้ฉ
เธอไม่ปล่อยให้พวกเขามีโอกาสตอบอะไรเลย แม่อุ้มไอริสจากอ้อมแขนของโรแวนอย่างเบามือ แล้วคว้ามือฉันก่อนจะดึงตัวฉันออกมาจากสองหนุ่มที่ยืนอึดอัดอยู่ด้วยกันเราทั้งคู่เงียบขณะที่เดินขึ้นไปยังห้องของไอริส เมื่อมาถึงแม่ค่อย ๆ วางไอริสลงในเปลอย่างอ่อนโยน หลังจากจัดแจงให้เธอหลับสนิทแล้ว แม่ก็จับมือฉันก่อนพาไปนั่งที่เก้าอี้ใกล้หน้าต่าง"บอกแม่หน่อยสิ ลูกตัดสินใจเรื่องโรแวนได้หรือยัง?" แม่ถามพลางบีบมือฉันเบา ๆฉันหันไปมองหน้าแม่ก่อนจะส่ายหัว “ยังเลยค่ะ หนูยังไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น”"แม่คิดเรื่องนี้อยู่ และแม่ว่า ลูกควรเริ่มไปบำบัดนะ เล็ตตี้เคยบอกแม่ว่า ลูกเคยเริ่มไปบำบัดแล้วแต่หยุดไปด้วยเหตุผลที่เข้าใจได้ แต่แม่ว่าลูกควรกลับไปเริ่มใหม่อีกครั้ง” แม่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ลูกผ่านอะไรมาเยอะ การปล่อยวางมันย่อมไม่ง่าย ลูกต้องการความช่วยเหลือ ต้องมีใครสักคนที่ช่วยนำทางลูกให้ก้าวผ่านการเยียวยาได้”ฉันพยายามจะพูดแทรก แต่แม่ยกมือห้าม“แม่เข้าใจนะลูก แต่ลูกต้องการสิ่งนี้ ไม่ว่าลูกจะเลือกอยู่กับโรแวนหรือไม่ ลูกก็ยังต้องการบำบัดอยู่ดี การคิดว่าลูกจะเยียวยาตัวเองได้โดยไม่ทำอะไรเลยมันไม่ได้ผล การนั่งเฉย ๆ โด
ฉันยังคงจ้องมองเอมม่าอย่างตกตะลึง ราวกับหัวใจหยุดเต้นชั่วขณะ เมื่อเคทบอกว่าเธออยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ ฉันไม่เคยคาดคิดว่าจะเลวร้ายถึงเพียงนี้เธอดูไม่เหมือนตัวเองในอดีตเลยแม้แต่น้อย แม้จะพยายามแต่งตัวให้ดูดี หรืออาจเป็นเพราะเคทพยายามบังคับให้เธอทำเช่นนั้น แต่ถึงจะใส่กางเกงยีนส์สีดำ เสื้อครอปสีน้ำเงินเข้มและรองเท้าส้นเตารีดที่ดูเข้ากัน มันก็ไม่ช่วยอะไรเลยใบหน้าของเธอขาวซีด ผมบลอนด์งดงามที่เคยเงางามบัดนี้มันกลับมันเยิ้มและดูบางลง โหนกแก้มที่เห็นชัดเจนไม่ได้ดูสง่างาม กลับทำให้เธอดูซูบผอมราวกับน้ำหนักหายไปมากมาย“ตายจริง” แม่กระซิบเบา ๆ อยู่ข้างฉันเราก้าวไปข้างหน้าอย่างลังเล ฉันไม่แน่ใจเลยว่าจะทำอย่างไรดี ไม่รู้ว่าควรทักทายพวกเขา หรือหลีกเลี่ยงเสียเลยแม่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน เธอจูงฉันไปหาเอมม่าและเคท เมื่อพวกเขาหันมามองเรา“ยินดีต้อนรับค่ะ” ฉันเอ่ยเสียงเบาและรู้สึกเก้อเขินจนแทบอยากหลบสายตาเคทยิ้มตอบฉัน แต่เมื่อสายตาของเธอเห็นมือของแม่ที่โอบเอวฉันไว้ ความสุขบนใบหน้าของเธอก็จางหายไปเล็กน้อย“ขอบคุณจ้ะ” เธอตอบกลับเสียงนุ่มนวลพอ ๆ กับฉันเมื่อครู่นี้สายตาของฉันกลับไปจับจ้องเอมม่าอีกครั้ง แ
เมื่อการต้อนรับแขกทุกคนเสร็จสิ้น ฉันรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจ แต่แล้วไอริสก็ตื่นขึ้นมาในจังหวะนั้นเอง และเริ่มร้องไห้เสียงดังจนลั่นบ้าน"คุณไปที่หลังบ้านก่อนเลย เดี๋ยวผมจะไปดูลูกเอง" โรแวนพูดพร้อมกับดันฉันเบา ๆ ไปทางสวนหลังบ้านฉันพยักหน้ารับแล้วมุ่งหน้าไปยังที่จัดงาน ซึ่งตอนนี้บรรยากาศของงานกำลังคึกคักเต็มที่ โนอาทิ้งพวกเราไว้ทันทีที่เพื่อนของเขามาถึงผู้ใหญ่กำลังนั่งกินอาหารกันอย่างสนุกสนาน ในขณะที่เด็ก ๆ วิ่งเล่นกันอยู่ทั่วบริเวณ ฉันมองหาเล็ตตี้กับโครินจนเจอและเดินไปหา“ทราวิสกับเกเบรียลอยู่ไหนเหรอ?” ฉันถามเล็ตตี้ชี้ไปอีกทาง “ตรงนั้นน่ะ”พวกเขากำลังคุยกับชายสองสามคนที่ฉันไม่รู้จัก แต่ถ้าฉันเดาไม่ผิด ทั้งคู่คงกำลังเจรจาธุรกิจอะไรบางอย่าง“จริงด้วย รีเปอร์ส่งของขวัญมาให้ด้วยนะ” โครินพูดขึ้น ทำให้ฉันกับเล็ตตี้ประหลาดใจ “เขาบอกว่าขอโทษที่มาไม่ได้เพราะมีเหตุจำเป็น แต่บอกว่าถ้าทุกอย่างสงบลงแล้ว เขาจะมาหา”ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะก้าวหน้าไปในทางที่ดี ถ้าเขาส่งของขวัญมาแทนตัวเองเรายังคุยกันต่ออีกพักใหญ่ จนกระทั่งโรแวนปรากฏตัวพร้อมกับไอริสในอ้อมแขน เด็กน
เมื่อฉันพยายามละสายตาจากเอมม่า มันกลับยากกว่าที่คิด ความเจ็บปวดของเธอราวกับจับฉันไว้ไม่ปล่อยเธอยืนอยู่ในมุมหนึ่งตามลำพัง เคทกำลังสังสรรค์กับแขกในงานและทราวิสก็ยุ่งกับการพูดคุย เธอดูเหมือนไม่ต้องการให้ใครเข้าใกล้เลย ท่าทางและสายตาเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน ฉันเข้าใจความเจ็บปวดนั้นดี จะบอกว่าฉันประสบมากี่ครั้งน่ะเหรอ? ก็นับครั้งไม่ถ้วนเลยแหละตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าความทุกข์ของเธอมาจากไหน เข้าใจเลยว่าความโศกเศร้าและสิ้นหวังนั้นมีเหตุจากอะไร มันมาจากกันเนอร์ ลูกชายของเธออย่างไรเล่า“มองอะไรอยู่เหรอ เอวา?” เสียงของเล็ตตี้ดังราวกับอยู่ไกลแสนไกลเหมือนฉันตกอยู่ในภวังค์ ฉันละสายตาไม่ได้ มองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากเธอโครินเขย่าตัวฉัน และด้วยความพยายามอย่างยิ่ง ฉันจึงหันไปหาเธอ โครินมองฉันด้วยความสงสัย แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันอยากเดินเข้าไปปลอบเอมม่า“ทำไมมองเอมม่าเหมือนตะลึงจนอึ้งค้างอย่างนั้นล่ะ?” โครินถามพร้อมเลิกคิ้วฉันหันกลับไปมองเอมม่า แต่เธอไม่ได้มองฉันอีกแล้ว ดวงตาของเธอกลับจ้องอยู่ที่โต๊ะ“ความเจ็บปวดของเธอ...” ฉันพึมพำสองคำออกมา แต่ไม่สามารถพูดอะไรต่อได้“คง
เมื่อฉันออกไปข้างนอก ฉันตะโกนเรียก "โนอา ได้เวลาตัดเค้กแล้วลูก"เขาหันหน้ามาทางฉันก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า สักพักหนึ่งโรแวนก็ตามมาหลังจากที่รับไอริสจากพ่อแม่ฉัน"แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยูว์..." พวกเราทุกคนเริ่มร้องเพลง และฉันสัมผัสได้ว่าโนอากำลังดื่มด่ำกับความสุขและความสนใจนี้เมื่อเพลงจบลง เขาเป่าเทียน พร้อมกับเสียงโห่ร้องยินดีดังก้องไปทั่วลานบ้าน ส่วนใหญ่เป็นเสียงของสมาชิกครอบครัวที่มาร่วมงานเสียงดังนั้นทำให้ไอริสตกใจจนร้องไห้ แต่ทันทีที่ฉันกับโรแวนจูบแก้มเธอพร้อมกัน เธอก็หยุดร้อง เราไม่ได้วางแผนไว้ แต่มันเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ และเสียง “อู้วว” จากแขกในงานก็ตามมา"สุขสันต์วันเกิดนะลูก โนอา แม่รักลูกมาก อย่าลืมสิ่งนี้เด็ดขาดนะ" ฉันกอดเขาแน่น และเขาก็โอบตอบกลับมา"ผมก็รักแม่เหมือนกันครับ"จากนั้นเขาตัดเค้ก ฉันป้อนเค้กให้เขา และโรแวนก็เช่นกัน โนอาก็ป้อนเค้กให้เราทั้งสองตอบกลับด้วยเช่นกัน เค้กถูกแบ่งให้แขกในงาน และไม่นานก็ถึงเวลาเปิดของขวัญเห็นเขามีความสุขขนาดนี้ ฉันตระหนักได้ว่าวันนี้ไม่มีเวลาให้ความเสียใจ กันเนอร์ยืนอยู่ข้างเขาพร้อมรอยยิ้มกว้าง และทันใดนั้นฉันก็เข้
ฉันยังคงจ้องมองตำรวจด้วยความตกใจ ทุกคนก็เช่นกัน ราวกับว่าเราทุกคนถูกแช่แข็ง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าจนกระทั่งพวกเขาจัดการใส่กุญแจมือเอมม่าเสร็จและเริ่มลากตัวเธอไป ทราวิสและเคทถึงได้สติและเริ่มกระทำบางสิ่งตอบโต้"นี่มันเรื่องบ้าอะไร? พวกคุณจับคนผิดแล้ว!" ทราวิสตะโกน แต่ตำรวจเพียงแค่จ้องเขาด้วยสายตาดุดันพวกเขาหยุดและหันมามองทราวิส เอมม่าดูเหมือนอยู่ในความฝัน เหมือนเธอแยกตัวออกจากสถานการณ์ และสีหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ"ผมมั่นใจว่าเราไม่ได้จับผิดคนครับ" ตำรวจผมบลอนด์ตอบ "เธอเองยืนยันว่าเธอคือเอมม่า ชาร์พ ซึ่งเป็นคนที่เราถูกสั่งให้จับกุมที่นี่"เอมม่าไม่ขยับตัว ไม่ดิ้นรน เธอหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสน ฉันเข้าใจเธอนะเพราะฉันเองก็สับสนมาก ทำไมพวกเขาถึงจับเธอ? ทำไมพวกเขาถึงคิดว่าเธอเป็นคนพยายามฆ่าฉัน?“มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ ค่ะ ต่อให้พวกเขามีปัญหากันยังไง เอมม่าจะไม่มีวันคิดฆ่าเอวาแน่" เคทพูดอ้อนวอน แต่คำพูดของเธอกลับไร้ผล"เราแค่ทำตามคำสั่งครับ ผมแนะนำให้คุณหาเวลาติดต่อทนายดีกว่า" ตำรวจอีกคนกล่าวพวกเขาเริ่มลากตัวเอมม่าออกไป ท่ามกลางเสียงส
ฉันพยักหน้าเข้าใจว่าทำไมโทรศัพท์จากหัวหน้าตำรวจถึงทำให้โรแวนรู้สึกกังวลใจ ฉันอยากจะรีบไปที่สถานีตำรวจให้เร็วที่สุด แต่เราก็ยังมีแขกอยู่ และงานวันเกิดของโนอาก็ยังคงดำเนินต่อไป“เราจัดการงานวันเกิดของโนอาให้เสร็จก่อน แล้วค่อยไปพบไบรอันกัน” ฉันบอกพวกเขา พร้อมทั้งลุกขึ้นยืนทุกคนเห็นพ้องกันในเรื่องนี้ และเรากลับไปที่งานปาร์ตี้ ฉันคิดถูก โรแวนฝากไอริสไว้กับพ่อแม่ของฉัน ฉันเดินไปหากลุ่มเพื่อนที่สีหน้าดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด“เกิดอะไรขึ้น? แล้วเอมม่า ทราวิส และเคทไปไหนกัน?” เล็ตตี้ถามพลางกวาดสายตาไปรอบ ๆ เหมือนกำลังมองหาแฟนหนุ่มของเธอ“เอมม่าถูกจับ ส่วนทราวิสกับเคทตามไปที่สถานีตำรวจน่ะ”“อะไรนะ?”เสียงอุทานตกใจของพวกเขาทำให้เด็ก ๆ ที่เล่นอยู่ใกล้ ๆ หันมามอง ฉันรีบปรามพวกเขาให้เงียบก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง คาลวินยังคงมีสีหน้าที่เย็นชาและดูห่างเหิน ขณะที่โครินกับเล็ตตี้ดูตกตะลึง“ทำไมพวกเขาถึงคิดว่าเป็นเอมม่า?” โครินถามคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวฉันตั้งแต่เอมม่าถูกจับ“นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันอยากรู้” ฉันตอบกลับ “ตำรวจแค่บอกว่าพวกเขาได้รับคำสั่งให้จับเอมม่า พวกเขาไม่ได้ให้คำอธิบายอะไ
ฉันหยุดหายใจเเพราะความตกใจ และผละออกจากเขา ในขณะที่ร่างเล็ก ๆ กระโดดขึ้นมาบนตัวเรา"สุขสันต์วันคริสต์มาส!" เขาตะโกนอย่างมีความสุขด้วยเสียงร้องเพลง“หัวจะปวด” ทั้งกาเบรียลและฉันครางอย่างหงุดหงิดจะมาช้ากว่านี้สักชั่วโมงไม่ได้หรืออย่างไร? ถ้ามีใครสักคนในครอบครัวนี้ที่ชอบขัดจังหวะเรา มันก็ต้องเป็นลูกคนที่สอง แอนดรูว์ คนนี้แน่นอน เราเรียกเขาว่าดรูว์เขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวขัดจังหวะแค่ไหน แต่ก็ไม่สำคัญยังไงเขาก็ทำอยู่ดี"ตื่นครับ! ตื่น!" เขาตะโกนเสียงดัง จนชั่วขณะหนึ่งฉันไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงก้องของเจ้าลูกชาย"ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ดรูว์" เกเบรียลบ่น "พ่อแม่ได้ยินชัดเจนโดยที่หนูไม่ต้องทำให้แก้วหูพ่อแม่แตกก็ได้"ดูเหมือนดรูว์จะไม่ฟังเลย เขาเด้งขึ้นเด้งลงบนเตียง มีความสุขแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาเกเบรียลขยับตัวใต้ผ้าห่ม คงพยายามขยับทุกอย่างให้เข้าที ฉันขยับร่างกายขึ้นและพิงหัวเตียง ก่อนจะคว้าลูกชายที่กระตือรือร้นและอยู่ไม่นิ่งมา สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือเขาทำร้ายพ่อของเขาด้วยการเผลอเหยียบเข้ากลางตัวเขาหรืออะไรทำนองนั้น"หนูพยายามห้ามเลียมแล้วนะคะ แต่แม่ก็รู้ว่าเขาเป็นยังไงเวลาต
ฮาร์เปอร์ฉันกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวนุ่มฟูแห่งการนอนหลับ ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกสงบ และรู้สึกได้รับความรักฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทีละน้อย เกเบรียลนอนอยู่ข้างหลังฉัน แขนโอบกอดฉันไว้ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกัน เขากอดฉันไว้แน่นในอ้อมแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไปหากไม่ทำเช่นนี้ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของสามี ทว่าแทนที่จะปล่อยฉันไป เขากลับกระชับมือแน่นขึ้น ซึ่งดันฉันเข้าไปแนบชิดมากขึ้นฉันหยุดขยับเมื่อรู้สึกถึงเขา ฉันรู้สึกถึง น้องน้อยที่ตื่นมาเคารพธงชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน และฉันก็ต้องการเขาขึ้นมาทันที ฉันอยากให้เขาสอดแทรกเข้ามาในร่างนี้เรื่องบนเตียงของเราสองช่างสมบูรณ์ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องการมากกว่านี้ อาจเพราะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว บางเวลามันก็ยากที่จะมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนได้"อืม" เกเบรียลร้องครางเมื่อฉันถูบั้นท้ายกับเป้าของเขาเสียงนั้นเดินทางลงไปจนถึงจุดนั้นของฉัน ฉันถูอีกครั้ง กระตุ้นเสียงครางแสนเร้าอารมณ์จากเขาอีกเกเบรียลเริ่มประทับจูบตามหลัง ไหล่ และคอ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว และฉันก็โหยหาเขา
"ใช่เลยครับ" เขาตอบรับรอยยิ้มของฉัน ขณะที่คิลเลียนเดินเข้ามาหาเรา"ผมมาขโมยภรรยาแสนสวยของผมคืนแล้วครับ" เสียงเขาแหบพร่า และฉันอดไม่ได้ที่จะละลายไปกับโทนเสียงนั้น มันเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย“เธอเป็นของคุณแล้วนะ” คาลวินปล่อยมือจากฉันและหลีกทาง ก่อนจะเดินจากไปคิลเลียนดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา "เป็นยังไงบ้าง? ปวดหลังหรือเปล่า? ขาเป็นยังไง?"เห็นไหม ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นเสือร้ายในคราบทนายความ แต่ดูแลเอาใจใส่และรักใคร่ในฐานะคู่ครอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีสเปคแบบไหน จนกระทั่งฉันได้พบเขา"สบายดีค่ะ ที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้" ฉันหัวเราะเบา ๆ ดันตัวเองเข้าไปใกล้เขามากขึ้น"ผมเคยบอกว่าผมรักคุณแล้วหรือยัง?" เขาถามฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขย่งปลายเท้าและกระซิบชิดริมฝีปากของเขา "ประมาณพันครั้งแล้วค่ะวันนี้ แต่ฉันไม่ได้บ่นอะไรนะ""คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะครับ เอมม่า ผมนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงหากไม่มีคุณ ผมรู้ว่าเราได้กล่าวคำสาบานกันไปแล้ว แต่ผมสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมคุณเสมอ เพราะคุณคือของขวัญที่เบื้องบนประทานมา ผมสัญญา
มอลลี่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เช่นเดียวกับเอวา คอนนี่ เล็ตตี้ ฮาร์เปอร์ และคินลีย์ พวกเธอเป็นเพื่อนสาวกันมาสี่ปีแล้วตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุวันนั้น แน่นอนว่าฉันไม่มีวันหาใครมาแทนมอลลี่ได้ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่มีพวกเธออยู่เช่นกันอีกอย่างเมื่อวานนี้มอลลี่บอกฉันว่าเธอกำลังคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรักเธอ แต่เรายอมรับว่าเป็นเพื่อนระยะไกลกันมันรักษาความสัมพันธ์กันได้ยาก ฉันมีความสุขมากที่เธอจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆเสียงเพลงช้าลง และกันเนอร์ก็เดินเข้ามา ตัดบทสนทนาทั้งหมด“เต้นรำกันหน่อยไหมครับ แม่?”มีเสียง ว้าว ดังขึ้นเป็นระลอก และฉันสาบานได้ว่าหัวใจฉันละลายไปตรงนั้นเลย"แน่นอนสิจ๊ะ สุดหล่อของแม่" ฉันตอบก่อนจะจับมือเขาตอนนี้กันเนอร์อายุสิบสี่ เป็นวัยรุ่นแล้วเชื่อไหมล่ะ? เขาสูงเท่าฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะสูงกว่าฉัน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็จะเป็นลูกชายตัวน้อยของฉันเสมอคาลวินและฉันตัดสินใจส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดทันทีที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เราเข้าร่วมการบำบัดร่วมกันบ้าง และพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา และเกี่ยวกับวันที่เกิดอุบัติเหตุ
เอมม่าฉันเต้นรำกับมอลลี่ ปล่อยให้เสียงเพลงโอบล้อมตัวไว้ ฉันรู้สึกปวดหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อฉันมีความสุขสุด ๆ แบบนี้ชุดเดรสสะบัดไปมาขณะที่เราตะโกนเนื้อเพลง หน้าร้อนแสนสาหัส ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ออกมาสุดเสียง เอวาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ก็เข้าร่วมกับเราด้วย ฉันหัวเราะเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังเต้นอยู่เลยแต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียกสิ่งที่เธอกำลังทำว่าอะไรดีจำนวนครั้งที่ฉันเรียกว่าตนเองมีความสุขนั้นสามารถนับนิ้วได้เลย หนึ่งคือตอนที่ฉันสอบเนติบัณฑิตได้ สองคือตอนที่กันเนอร์เรียกฉันว่าแม่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน และสามคือวันนี้ งานแต่งของฉันคุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันแต่งงานแล้วและฉันมีความสุขอย่างที่สุดจำทนายหนุ่มน่ารักที่ฉันเล่าให้เอวาฟังในวันเกิดของเจมส์ได้ไหมคะ? จะว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยละความพยายามเลยค่ะ ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธเขากี่ครั้งก็ตาม เขาขอฉันคบหาอยู่เรื่อย ๆ และที่ฉันบอกว่าเรื่อย ๆ ก็คือเขาขอเกือบทุกวัน ฉันเบื่อที่จะได้ยินคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ปรากฏว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตนี้เลยฉันชะลอฝีเท้าลง ดวงตามองหาเจ้าบ
กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ
สามปีต่อมาเอมม่า"จริงจังนะ เอมม่า เมื่อไหร่เธอจะหาแฟนสักที?" เอวาเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉันฉันมองออกไปที่สวนหลังบ้านและยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเจมส์ลูกชายของทราวิสและเล็ตตี้ ซึ่งตั้งชื่อตามพ่อของพวกเราและเจมส์กำลังจะอายุครบหนึ่งขวบเล็ตตี้และทราวิสแต่งงานกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทราวิสคุกเข่าขอเธอแต่งงานทันทีที่ฉันได้สติขึ้นหลังจากอุบัติเหตุที่เกือบจะพรากชีวิตฉันไป คุณอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนขับรถคนนั้น เขาถูกจำคุกห้าปีในข้อหาขับรถโดยประมาท ฉันหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนนะกลับมาที่ทราวิสและเล็ตตี้ ฉันคิดว่าการเห็นฉันอยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขารู้ว่าชีวิตสั้นแค่ไหน เขาขอเธอแต่งงานและเล็ตตี้ก็ตอบตกลง พวกเขาแต่งงานกันซึ่งเป็นงานแต่งงานฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามตอนนี้ัฉันได้กลายเป็นเพื่อนกับเอวาก็เลยถูกดึงเข้ามาในวงจรนี้ด้วย คอนนี่และรีเปอร์แต่งงานกันแบบงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เป็นกันเองกับเพื่อนสนิทและครอบครัว สี่เดือนต่อมาทั้งสองก็อ้าแขนรับลูกสาวของพวกเขา เฮเวน ตอนนี้คอนนี่ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนฮาร์เปอร์และเกเบรียลก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีก
"ไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องเบ่งเดี๋ยวนี้" ฉันคำรามพร้อมจับเสื้อเกเบรียลไว้ฉันรู้สึกบ้าไปแล้ว เหมือนฉันเสียสติไปแล้ว ความเจ็บปวดกำลังทำให้ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆโชคดีที่พวกเราไปถึงห้องคลอดก่อนที่ฉันจะคลอดลูกตรงทางเดินของโรงพยาบาล ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเดินไปถึงห้องคลอด และเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเตรียมพร้อมให้ฉันเอวาอยู่ในห้องเรียบร้อย ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีคนเข้าใจความรู้สึกตอนที่ช่องคลอดฉีกออกเป็นสองส่วนเพื่อให้เด็กตัวน้อย ๆ ออกมาดูโลก"ฉันไม่ไหวแล้ว" ฉันกัดฟันพูด ก่อนที่จะยกตัวขึ้นและเบ่งสุดแรงฉันสาบานว่าฉันรู้สึกเหมือนก้นจะแตกและมันก็เพิ่มความเจ็บปวดให้ฉันมากขึ้น"ความผิดคุณเลย!" ฉันกรีดร้องใส่เกเบรียลขณะที่จับมือเขาไว้แน่นฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ลมหายใจถี่กระชั้น และรูจมูกบานออกเพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด"เตรียมนะ เธอ เบ่งเลย" เอวาเร่งเร้าฉันขณะที่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากให้ฉัน "เกเบรียลไม่สำคัญแล้วตอนนี้""อ้าว ใจร้ายนะ เอวา" เกเบรียลพึมพำพร้อมจ้องเขม็งไปยังเอวา เธอจ้องเขม็งกลับราวกับจะบอกให้เขาหุบปากและทำตามน้ำไปฉันบีบมือพวกเขาเมื่อมดลูกหดตัวอีกครั้ง และฉันก็ออ
"สบายมากจ้ะ หมีน้อยลิลลี่ แม่กำลังจะคลอดลูก... จำที่แม่บอกหนูได้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนถึงเวลาแบบนี้?"เธอพยักหน้า "ค่ะ แม่บอกว่าแม่จะเจ็บท้อง แต่หนูไม่ต้องห่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้น้องเกิดมาค่ะ""ดีมากจ้ะ" ฉันเบ้หน้าเมื่อการหดเกร็งตัวจู่โจมฉันอีกครั้ง "นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ดังนั้นอย่ากลัวไปนะจ๊ะ"เกเบรียลจับมือและช่วยให้ฉันเดินออกจากห้อง ฉันหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก แต่พูดตามตรงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย"หนูแค่ไม่เข้าใจน่ะค่ะ ทำไมแม่ต้องเจ็บด้วย? ทำไมเด็กถึงออกมาจากท้องแม่ไม่ได้โดยไม่ทำให้แม่เจ็บล่ะคะ?"สิ่งที่ฉันไม่ต้องการที่สุดคือทำให้ลูกสาวหวาดกลัวโดยต้องอธิบายให้เธอฟังว่าความเจ็บปวดนั้นจำเป็นสำหรับการออกแรงเบ่งเด็กออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะอยากรู้ว่าทำไมต้องเบ่งลูกออกมาด้วย และฉันจะต้องอธิบายว่าเพราะลูกตัวใหญ่และทางออกเล็กกว่า ดังนั้นการหดเกร็งตัวเหล่านั้นจึงจำเป็นสำหรับการเบ่งลูกออกมา จากนั้นเธอจะอยากรู้ว่าทางออกนั้นคืออะไร และฉันจะต้องบอกเธอว่าลูกออกมาทางนั้นอย่างไรเล่าอย่างที่คุณเห็น นั่นไม่ใช่บทสนทนาที่เธอเตรียมใจรับได้นัก เธอจะตกใจกลัวเมื่อรู้ว