ฉันพยักหน้าเข้าใจว่าทำไมโทรศัพท์จากหัวหน้าตำรวจถึงทำให้โรแวนรู้สึกกังวลใจ ฉันอยากจะรีบไปที่สถานีตำรวจให้เร็วที่สุด แต่เราก็ยังมีแขกอยู่ และงานวันเกิดของโนอาก็ยังคงดำเนินต่อไป“เราจัดการงานวันเกิดของโนอาให้เสร็จก่อน แล้วค่อยไปพบไบรอันกัน” ฉันบอกพวกเขา พร้อมทั้งลุกขึ้นยืนทุกคนเห็นพ้องกันในเรื่องนี้ และเรากลับไปที่งานปาร์ตี้ ฉันคิดถูก โรแวนฝากไอริสไว้กับพ่อแม่ของฉัน ฉันเดินไปหากลุ่มเพื่อนที่สีหน้าดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด“เกิดอะไรขึ้น? แล้วเอมม่า ทราวิส และเคทไปไหนกัน?” เล็ตตี้ถามพลางกวาดสายตาไปรอบ ๆ เหมือนกำลังมองหาแฟนหนุ่มของเธอ“เอมม่าถูกจับ ส่วนทราวิสกับเคทตามไปที่สถานีตำรวจน่ะ”“อะไรนะ?”เสียงอุทานตกใจของพวกเขาทำให้เด็ก ๆ ที่เล่นอยู่ใกล้ ๆ หันมามอง ฉันรีบปรามพวกเขาให้เงียบก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง คาลวินยังคงมีสีหน้าที่เย็นชาและดูห่างเหิน ขณะที่โครินกับเล็ตตี้ดูตกตะลึง“ทำไมพวกเขาถึงคิดว่าเป็นเอมม่า?” โครินถามคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวฉันตั้งแต่เอมม่าถูกจับ“นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันอยากรู้” ฉันตอบกลับ “ตำรวจแค่บอกว่าพวกเขาได้รับคำสั่งให้จับเอมม่า พวกเขาไม่ได้ให้คำอธิบายอะไ
เราไปถึงสถานีตำรวจ และความวิตกกังวลของฉันก็พุ่งสูงขึ้น ฉันรู้สึกเหมือนเป็นซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วยความประหม่า ฉันไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองอยากจะฟังสิ่งที่ไบรอันจะพูดจริง ๆ หรือเปล่า ถ้าเธอเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการพยายามฆ่าฉันล่ะ ฉันควรทำอย่างไรดี?แน่นอนว่าเราไม่ค่อยถูกกัน แต่ฉันรู้จักเธอมาตั้งแต่ยังเด็ก เราเติบโตมาด้วยกัน สำหรับฉัน เธอคือพี่สาว เราอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกันจนกระทั่งเธอจบการศึกษาและย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัย“ไหวไหม?” โรแวนถามด้วยความกังวลที่ฉายชัดบนใบหน้า “ก็แค่กังวลนิดหน่อย”เขาจับมือฉันก่อนจะจูบเบา ๆ ฉันไม่ได้ปฏิเสธ เพราะฉันต้องการสิ่งนี้ ฉันต้องการเขา“ทุกอย่างจะเรียบร้อย ไม่ต้องเครียด” เขาปลอบใจหลังจากถอนจูบออกฉันพยักหน้าและเราก็ลงจากรถ มือของฉันยังอยู่ในมือเขา เราเดินไปยังสถานีตำรวจและเข้าไปข้างใน คนอื่น ตามมาหลังจากนั้นไม่นาน และเราก็ถูกพาไปยังห้องทำงานของหัวหน้าตำรวจ“ขอบคุณที่มานะครับ” เขากล่าวทักทาย พร้อมชี้ไปที่เก้าอี้สองตัว แม่กับฉันนั่งลง ขณะที่ผู้ชายยืนอยู่ด้านหลังเรา“นายบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะบอกกับเรา” โรแวนถามเสียงจริงจัง“ขอเวลาเดี๋ยว” เขาชูนิ้วข
เมื่อคืนฉันนอนไม่ค่อยหลับ และมันแสดงออกมาทางรูปลักษณ์ของฉันในเช้าวันนี้ ฉันเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ โรแวนกับฉันไม่ได้เข้านอนในเตียงเดียวกันเลยตั้งแต่คืนที่เราไปออกเดตกัน และนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่นั้นมาที่ฉันรู้สึกอยากชวนเขา หลังจากกลับจากสถานีตำรวจฉันเดินไปที่ครัวช้า ๆ ตอนนี้ยังเช้ามาก และฉันอาจเป็นคนเดียวที่ตื่นอยู่ ฉันต้องการกาแฟโดยด่วนเพราะวันนี้ฉันต้องพากันเนอร์กลับไป คาลวินบอกว่าเขาจะยุ่งและอาจมารับไม่ได้ ฉันจึงอาสาไปส่งเองฉันหาวจนปากอ้ากว้าง ฉันเดินเข้ามาในครัว แต่ก็ต้องชะงักทันที โรแวนนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์พร้อมถ้วยกาแฟร้อนในมือเขาหันมามองเมื่อได้ยินเสียง และสายตาเราก็ประสานกัน“นอนไม่หลับเหรอ?” เขาถามพลางลุกขึ้นยืนฉันพยักหน้าเบา ๆ มองเขาเปิดตู้หยิบแก้วอีกใบ โดยที่ฉันยังไม่ได้เอ่ยปาก เขาก็รินกาแฟจากกาให้ฉัน“ฉันนึกว่าฉันตื่นอยู่คนเดียว” ฉันพึมพำขณะนั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ“ไม่ใช่หรอก”แม้แต่ตอนนี้ ความคิดของฉันยังคงวนเวียนอยู่กับสิ่งที่ไบรอันบอกเรา หลักฐานนั้นชัดเจนและกล่าวหาเอมม่าอย่างหนักแน่น ไม่มีทางที่จะพิสูจน์เป็นอย่างอื่นได้ ไบรอันบอกเราว่าจะเริ่มการพิจารณาคด
“ฉันไม่มั่นใจ แต่เชื่อฉันเถอะ” ในที่สุดฉันก็ตอบเขา “สัญชาตญาณของฉันไม่เคยผิด”เขาดูไม่แน่ใจในตอนแรก จนกระทั่งเขาปรับสีหน้าให้กลับมาเรียบนิ่ง และปัดความสงสัยออกไปจากใบหน้า เขายืนขึ้นและเดินมาข้าง ๆ ฉัน ก่อนที่ฉันจะเข้าใจว่าเขาจะทำอะไร เขาก็จูบฉันเบา ๆ แล้วดึงตัวกลับทันที“ก็ได้” เขาเริ่มพูด “ผมเชื่อคุณ แต่ถ้ามันกลายเป็นแบบตรงกันข้าม ผมจะให้เธอชดใช้กับสิ่งที่เธอทำกับคุณ”น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความเด็ดขาดและอันตรายอย่างชัดเจนฉันยอมรับข้อตกลง “ตกลง แต่คุณจะเห็นเองว่าสัญชาตญาณเรื่องนี้ฉันถูก”เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่จูบหน้าผากฉันแล้วกลับไปนั่งดื่มกาแฟ เราคุยกันต่ออีกหน่อย ไม่มีเรื่องสำคัญอะไร แต่ความรู้สึกมันดีมากการได้พูดคุยกับเขาและอยู่ใกล้ ๆ เขา มันให้ความรู้สึกเหมือนกลับบ้านหลังจากวันที่เหนื่อยล้า ฉันรักโรแวน และตอนนี้ฉันกำลังได้สิ่งที่ฉันเคยอธิษฐานขอมาโดยตลอด แล้วฉันจะปล่อยเขาไปได้ยังไง? ฉันจะปฏิเสธโอกาสนี้ได้ยังไง?ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสครั้งที่สองในความรัก ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะได้เห็นสามีที่เคยหลงผิดเปลี่ยนแปลงตัวเอง เขาทำให้ฉันเจ็บ แต่ฉันต้องปล่อยอดีตไปเสีย ฉันคิดว่า ณ จ
"สวัสดีค่ะ" ฉันทักพลางยืนอยู่ตรงทางเข้าห้องครัวกันเนอร์รีบวิ่งไปกอดพ่อของเขาพร้อมเล่าเรื่องช่วงเวลาที่แสนสนุกที่เขาและโนอาใช้เวลาด้วยกันที่บ้านของเรา“สวัสดีครับ เอวา”ฉันหัวเราะเบา ๆ เขากำลังพยายามทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ทั้งฟังลูกชาย เลี้ยงดูฉัน และยังพยายามทำงานให้เสร็จ"นี่ฉันมารบกวนแต่เช้าหรือเปล่า?" ฉันถาม "ฉันพากันเนอร์กลับไปก่อนได้นะ เพื่อที่คุณจะได้ทำงานต่อโดยไม่ถูกรบกวน""ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ ผมเกือบจะเสร็จงานแล้ว" เขาตอบ "อีกอย่างวันนี้วันอาทิตย์ และเรามีกิจกรรมวันอาทิตย์กันด้วย"ฉันยิ้มและพยักหน้า ก่อนจะเตรียมตัวจะขอตัวกลับ แต่แล้วบ้านหลังข้าง ๆ ก็สะดุดสายตาฉันอีกครั้ง ครัวของคาลวินมองเห็นไปยังสนามหลังบ้านของบ้านหลังนั้นพอดี"คาลวินคะ?" ฉันเรียกเขา และเขาเงยหน้าขึ้นมามอง“ครับ?”"บ้านหลังนั้นเป็นของใครเหรอ? ไม่เข้าใจว่าทำไมมันดึงสะดุดตาจัง”"เขาหันหน้ามองตามที่ฉันชี้ไป จากนั้นก็หันกลับมามองหน้าฉันอีกครั้ง"อ้อ นั่นบ้านคุณเองครับ เอวา"ฉันยืนตัวแข็งทื่อ บ้านของฉัน? มันเป็นไปได้ยังไง? แต่พอนึกดูอีกที โรแวนไม่ได้บอกฉันเหรอว่าเราห่างกันไปสักพัก? ถ้าเป็นแบบนั้น บางท
โรแวนผมจ้องมองหน้าจอแล็ปท็อปว่างเปล่า ไม่มีอารมณ์ทำงานเลย โนอากำลังเล่นวิดีโอเกม ส่วนไอริสกำลังหลับ เอวาออกไปส่งกันเนอร์ได้สักพักแล้ว เธอน่าจะกลับมาได้แล้วตั้งแต่เหตุการณ์ยิงกัน ผมก็เป็นห่วงเธอไม่หยุด ความกลัวกัดกินใจทุกครั้งที่เธออยู่นอกบ้าน ผมไม่สามารถสลัดความหวาดกลัวที่จะสูญเสียเธอไปได้ ผมเกือบเสียเธอไปครั้งหนึ่งแล้ว และนั่นก็ทิ้งรอยแผลไว้ในใจผมผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าเธอปลอดภัย รวมถึงการส่งคนที่ทำร้ายเธอไปยังที่ซึ่งจะไม่มีทางทำร้ายเอวาได้อีกผมถอนหายใจและลุกขึ้น สิ่งที่รบกวนจิตใจอีกอย่างคือคำพูดของเอวาในวันนี้ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมและอย่างไรเธอถึงเชื่อว่าเอมม่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ผมรู้ตัวช้าไป แต่เอมม่าเริ่มจ้องเล่นงานเอวาตั้งแต่เธอรู้ว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อเอวาเปลี่ยนไปอย่างที่บอก ผมยืนยันได้ว่าเอมม่าที่ผมรักในวัยรุ่นเป็นคนดี แต่เอมม่าในวันนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป หลายสิ่งหลายอย่างชี้ชัดว่าเธอเปลี่ยนไปแล้วลองคิดดูสิ เธอปฏิเสธเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ซ่อนกันเนอร์และปิดบังความจริงว่าเธอเป็นแม่ของเขา ใช้ชีวิตต่อไปเหมือนกับว่าเขาไม่มีตัวตน ถ้าเธอทำได้ถึงขนาดนี้ คุณคิดจ
ผมรู้สึกทั้งประหลาดใจและชื่นชมในเวลาเดียวกัน รีเปอร์พูดและผมสาบานได้ว่าได้ยินน้ำเสียงสนุกสนานจากเขา “ทุกคนพูดถึงว่านายรักเธอมากแค่ไหน ไม่คิดเลยว่านายเคยทำร้ายเธอ โดยเฉพาะกับเอวา”“คนอื่นจะไปรู้อะไร””ขณะที่ผมพูดคำนี้ ความจริงก็กระแทกเข้ามาในหัวใจ ผมไม่ได้รักเอมม่าอีกต่อไป ความรักนั้นตายไปแล้ว และบางทีมันอาจจะตายไปนานแล้วด้วย สิ่งที่ผมรู้สึกต่อเอวาแข็งแกร่งกว่ามองย้อนกลับไป ผมหลงใหลในตัวเอมม่าและในแนวคิดของความรักมากกว่า อีกทั้งทุกคนเคยพูดว่าเราคู่กันดี ว่าเราสมบูรณ์แบบเมื่ออยู่ด้วยกัน ผมคิดว่าสิ่งนั้นฝังหัวผมมาตลอด ผมได้ยินเรื่องนี้มากมายตอนที่ยังเด็กจนมันล้างสมองผมให้คิดว่ามันคือความจริงทุกคนอยากให้เราคู่กัน รวมถึงแม่ของเราที่คอยผลักดันให้เราอยู่ใกล้ชิดกันเสมอ ถ้าเกิดสิ่งที่ผมรู้สึกมาตลอดมันไม่ใช่ความรัก แต่เป็นเพียงความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากความปราถนาของพวกแม่ ๆ ล่ะ? ความคิดบ้าบอพวกนั้นมันไม่ควรมีอิทธิพลกับเรามาขนาดนี้แต่ถ้าไม่ใช่เพราะการผลักดันนั้น เราจะได้ลงเอยกันไหม? เราจะเริ่มคบกันหรือเปล่า? คำตอบคงเป็น ไม่ “โรแวน ยังอยู่ไหม?”ผมสะบัดหัวเพื่อตื่นจากความคิด ไม่มีอะไรสำคัญ
เอวาความทรงจำของฉันกลับมาแล้ว และจะบอกว่าฉันโกรธก็คงไม่เพียงพอ ฉันไม่ได้แค่โกรธ ฉันเดือดดาลสุดขีด“คุณโกหกฉัน!” ฉันตะโกนใส่โรแวน มือของฉันฟาดไปที่หน้าอกของเขา มันเหมือนกับการตีเข้ากำแพงอิฐ แต่ฉันไม่สน “คุณโกหกฉัน คุณมันสารเลว นานเป็นเดือน เป็นเดือน ๆ เชียวนะ โรแวน!”แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อรู้ว่าความทรงจำของฉันกลับคืนมาแล้ว ตอนแรกฉันรู้สึกแปลกใจเพราะโรแวนไม่เคยแสดงความกลัวมาก่อน แต่แล้วฉันก็นึกขึ้นได้ว่าฉันยังโกรธเขาอยู่“ฉันต้องไปก่อน มีที่ที่ฉันต้องไป” ฉันพูดโดยไม่ได้มุ่งหมายพูดกับใครเป็นพิเศษฉันมองไปรอบห้อง และเมื่อเห็นกุญแจรถ ฉันก็หยิบมันขึ้นมา ฉันกำลังจะเดินออกไปเมื่อโรแวนคว้ามือฉันไว้“คุณไปไม่ได้ คุณต้องไปโรงพยาบาลนะเอวา คุณเป็นลม คุณต้องให้หมอตรวจดู” แววตาของเขาอ่อนโยนขณะที่อ้อนวอน “ปล่อยฉันนะ โรแวน” ฉันสั่งพยายามสะบัดมือออก แต่เขากลับจับแน่นขึ้น“ฉันจะไม่พูดซ้ำสองครั้งนะ โรแวน”“ได้โปรด” เขาขอร้อง แต่ฉันทนเขาไม่ไหวอีกต่อไปฉันบิดตัวแล้วใช้มือขวาต่อยหน้าเขาเต็มแรง ความสะใจที่บิดเบี้ยวพลันเกิดขึ้นในใจเมื่อได้ยินเสียงจมูกเขาหัก เพราะเขาไม่ทันตั้งตัวกับหม
"ใช่แล้วครับ...เหมือนที่อาเกเบรียลพูดเลย แม่ไม่มีทางหนีไปไหนแน่นอน แม่ดีใจมากที่ได้แต่งงานกับพ่ออีกครั้งนะครับ ความสุขของแม่มันหวานมากจนเหมือนจะทำให้ใคร ๆ น้ำตาลขึ้นได้เลย"เขายิ้มมุมปากแบบที่ดูคล้ายกับผมและเกเบรียลจนน่าขนลุกผมกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เพลงมาร์ชงานแต่งงานเริ่มดังขึ้นเสียก่อน ผมยืนตัวตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัด หันหน้าไปยังทางเข้าคนแรกที่เดินเข้ามาคือโคริน สีชุดที่เธอเลือกดูสดใส แต่ผมไม่ได้สนใจเธอหรือเล็ตตี้ที่เดินตามมาสักนิด สิ่งเดียวที่ผมอยากเห็นคือ ลูกสาวและผู้หญิงที่กำลังจะเป็นภรรยาผมในที่สุด ไอริสก็เดินเข้ามาพร้อมตะกร้าดอกไม้ใบเล็ก ๆ โปรยกลีบดอกไม้ไปตามทาง ตอนนี้เธอสองขวบครึ่งแล้ว เพราะการหมั้นของเรากินเวลาไปหนึ่งปีครึ่ง หัวใจพองโตด้วยความรักผมยืนยิ้มมองเธอพยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างตั้งใจ เมื่อมาถึงครึ่งทาง เธอก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นผม รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้า เธอวางตะกร้าแล้ววิ่งเต็มกำลังมาหาผมซึ่งลืมหน้าที่ของตัวเองไปหมด"ปะป๊า!" เธอตะโกน "คิดถึง!"เสียงหัวเราะและเสียงอู้ดังมาจากฝูงชน แต่ผมไม่สนใจ ไม่มีใครสำคัญอีกแล้วผมย่อตัวลงพอดีในจังหวะที่ร่างเล็ก ๆ
โรแวนให้ตายเถอะ ผมแทบจะประสาทเสีย หัวใจเต้นผิดจังหวะจนแทบจะหลุดออกมา และมือของผมก็สั่นจนยากที่จะควบคุม ครั้งสุดท้ายที่เราแต่งงานกัน มันต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ตอนนั้นเรายังเด็กและไม่มีใครอยากแต่งงานเลยสักคนเธอพยายามจะหนีจากผมพร้อมลูกในท้อง ขณะที่ผมโกรธแค้นจักรวาลทั้งใบที่บังคับให้ผมต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมคิดว่าผมเกลียด ส่วนหนึ่งของผมยังคงสงสัยว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเอวาสามารถหนีไปได้สำเร็จ แน่นอน ผมคงโกรธจนแทบบ้า ที่เธอพาผมหนีจากโอกาสที่จะได้รู้จักลูกของตัวเอง แต่เราจะยังได้กลับมาเจอกันหรือไม่?เมื่อก่อนผมมองไม่เห็น แต่ตอนนี้ผมมั่นใจเต็มหัวใจว่า เอวาเป็นคู่แท้ของผม มันอาจใช้เวลานานกว่าจะเห็น กว่าจะยอมรับ แต่ดีกว่าที่จะไม่เห็นเลย “นายช่วยใจเย็นได้เปล่า?” เกเบรียลบ่นข้าง ๆผมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามทำใจให้สงบแต่ก็ไม่สำเร็จ ผมเดาว่าผมคงสงบลงไม่ได้จนกว่าจะเห็นเธอเดินมาตามทางเดินนั้น“ไม่ได้เว้ย” “งั้นช่วยใจเย็นลงที นายทำให้ฉันประสาทเสียไปด้วย และฉันไม่ใช่คนที่กำลังจะแต่งงานนะ”เรายืนอยู่ที่ด้านหน้า รอให้เอวามาถึง เธอยังไม่มาถึง และเพื่อนเจ้าสาวก็ยังไม่มาเช่นกันถึงแม้ผมจะอยากจัดงาน
สายตาผมจับจ้องที่ปลายอวัยวะของตัวเองที่แตะอยู่ตรงทางเข้าของเธอ ก่อนที่ผมจะค่อย ๆ สอดเข้าไปทุกนิ้วในจังหวะที่ช้าและนุ่มนวล“อ้า เอวา” ผมครางเสียงต่ำ ขณะที่เธอร้องออกมาเบา ๆ กับผ้าห่มเธอตอดรัดผมแน่นเสียจนผมเกือบจะถึงจุดสุดยอดตั้งแต่แรกเข้า ความรู้สึกที่เธอโอบล้อมตัวผมเอาไว้ อบอุ่นและนุ่มนวล มันเหมือนทั้งสวรรค์และนรกในเวลาเดียวกัน เป็นสิ่งที่หวานที่สุดเท่าที่ผมเคยสัมผัส และผมรู้ว่านี่จะเป็นเพียงครั้งเดียวในชีวิตที่ผมได้สัมผัสความรู้สึกนี้ผมถอนสะโพกกลับจนเหลือเพียงปลายอยู่ภายใน การเห็นความชื้นที่เปล่งประกายบนตัวเองทำให้ผมกัดฟันแน่นเพื่อระงับเสียงคราง และต้องสู้กับความปรารถนาที่จะกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรง ผมค่อย ๆ ดันตัวกลับเข้าไปและหยุดนิ่งอยู่ข้างใน ปล่อยให้เธอปรับตัวกับขนาดของผม เมื่อผมรู้สึกว่าเธอผ่อนคลาย ผมจับสะโพกเธอแน่นแล้วกระแทกตัวเข้าไปเต็มแรง พร้อมกับดึงตัวเธอกลับมาหาผมเธอครางสะอื้นและจิกผ้าห่มแน่น เมื่อผมกระแทกเข้าไปอีกครั้ง ผมบดสะโพกเข้าหาสะโพกของเธอ จนสัมผัสจุดหนึ่งในตัวเธอที่ทำให้เธอร้องเรียกชื่อผมเสียงดัง “โรแวน!”การได้ยินเธอร้องเรียกชื่อผมทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยากตบอกตั
เธอทำให้ผมแทบเสียสติสายตาของผมยังคงจดจ้องไปที่จุดอ่อนไหวและสะโพกของเธอ ขณะที่ผมก้าวเข้าไปใกล้จนเหลือเพียงไม่กี่นิ้วระหว่างกางเกงยีนส์ของผมกับความชื้นของเธอ ผมวางมือข้างหนึ่งที่แผ่นหลังส่วนล่างของเธอ แล้วไล่มันขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลัง เธออยู่ในท่าคลานบนมือและเข่า แต่ผมต้องการให้หน้าอกของเธอแนบกับเตียงเธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสแรกของผมมาถึงผมไล่มือไปจนถึงฐานคอของเธอและออกแรงกดเล็กน้อย เธอเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการ และลดตัวลงจนข้อศอกแนบกับเตียง แก้มของเธอพิงอยู่บนผ้าห่ม“ฉีกขาออกอีก” ผมสั่งเธอพร้อมกับกดแผ่นหลังของเธอเธอทำตาม แต่ยังไม่มากพอ“อีก” ผมพูดเสียงต่ำและเพิ่มแรงกดเธอแยกขาออกกว้างขึ้น จนกระทั่งผมหยุดเธอเมื่อถึงระดับที่พอดีกับแท่งสวรรค์ผมผมใช้มือทั้งสองข้างเริ่มลูบจากสะโพกของเธอขึ้นไปตามลำตัว จนถึงหน้าอกที่แนบกับเตียง ผมสอดมือไปข้างใต้ บีบหัวนมเบา ๆ ก่อนจะลากมือกลับลงมาตามลำตัวของเธอผิวของเธอเนียนนุ่มและรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อเมื่ออยู่ใต้ฝ่ามือของผม เธอครางออกมาเบา ๆ กับผ้าห่มและแอ่นหลังขึ้นเล็กน้อย เมื่อผมเลื่อนมือลงไปถึงขาอ่อน ผมเปลี่ยนทิศทางและลูบกลับขึ้นมา คราว
เธอเอื้อมมือไปด้านหลังและจับสะโพกของผม ดึงให้ผมแนบชิดกับเธอยิ่งขึ้น “ได้โปรด อย่าหยุดนะคะ ฉันต้องการคุณ โรแวน” เธอครางออกมาผมเลื่อนมือขึ้นและดึงเสื้อกล้ามของเธอขึ้น เผยให้เห็นหน้าอกของเธอ จากมุมที่ผมมองข้ามไหล่ของเธอ เห็นหัวนมสีชมพูเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนเชอร์รี่ และผมอยากจะเลีย ดูด และลิ้มรสเธอจนหมด ผมบีบและบิดมันเบา ๆ จนหัวนมแข็งเป็นไตเธอยกศีรษะขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนจะพิงกลับมาที่ไหล่ของผมอีกครั้ง ผมจับผมเธอที่ยังมัดเป็นมวยไว้ตรงท้ายทอย และบิดศีรษะไปด้านข้างเพื่อให้ผมขบเบา ๆ และเลียไปตามลำคอ ผมไม่มีวันพอใจกับรสชาตินี้ เธอมีรสชาติเหมือนกลิ่นหอมของตัวเอง มือของผมจับหน้าอกทั้งสองข้างและบีบเบา ๆ เธอดันอกของเธอออกมาและบดสะโพกของเธอกลับมาที่ส่วนล่างของผม ทำลายการควบคุมตัวเองของผมจนแทบหมดสิ้นผมก้าวถอยหลังออกจากเธอเล็กน้อยก่อนจะพูดเสียงหนักแน่นว่า “ถอดกระโปรงกับกางเกงในออกนะ แล้วค่อยขึ้นไปที่ปลายเตียง วางมือและเข่าลงในท่าหมอบ”เธอหันกลับมามองผมพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉันอยากให้คุณทำฉันในท่าหมามาตลอดเลยนะ”. ผมยืนอยู่ที่เดิม ทั้งที่สิ่งที่อยากทำที่สุดคือคุกเข่าลงตรงหน้าเธอและบูชาทุกตารา
หลังจากถอนจูบ ผมเอนหัวพิงกับเธอ “ได้โปรดบอกผมทีว่าคุณต้องการสิ่งนี้” ผมวิงวอนด้วยความสิ้นหวังบางอย่างมันผ่านมานานเหลือเกิน และร่างกายแทบจะทนไม่ไหวที่จะจมดิ่งเข้าไปในความอบอุ่นของเธอ“ค่ะ” เธอตอบพลางถูไถตัวเองเข้ากับความแข็งขืนของแท่งสวรรค์ของผมคำพูดของเธอยังไม่ทันจบดี ผมก็ลุกขึ้นและคว้ามือเธอ ลากเธอไปยังห้องนอนอย่างรวดเร็วผมไม่หยุดแม้กระทั่งตอนที่มาถึงประตูห้องนอนที่ปิดไว้ครึ่งหนึ่ง เพียงแค่ใช้เท้าเตะมันจนเปิดกระแทกผนัง เสียงดังทำให้เอวาสะดุ้งเล็กน้อยร่างกายของผมพร้อมเต็มที่ และผมก็แทบจะรอไม่ไหว ไม่มีอะไรที่จะหยุดผมได้ในตอนนี้ นอกจากเธอจะบอกให้ผมหยุด แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมต้องให้เธอเข้าใจเสียก่อนผมหันไปหาเธอ ดึงเสื้อเธอออกจากแขน ปล่อยให้มันหล่นลงพื้น เธอเงยหน้ามองผม ดวงตาสีน้ำตาลของเธอถูกกลืนหายไปด้วยความมืดจากรูม่านตาที่ขยายกว้าง เธอหายใจหอบจนหน้าอกขนาดพอเหมาะของเธอยกขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เธอเลียริมฝีปาก และผมสาบานได้เลยว่าผมรู้สึกเหมือนมันสัมผัสปลายแท่งสวรรค์ผมจับเธอหมุนตัวและดึงเธอเข้ามาชิดกับร่างกายของผม สะโพกของเธอสัมผัสกับเจ้าโลกของผม มันรู้สึกเหมือนอยู่ในสวรรค์ เธอสูดหายใ
ตอนนี้ฉันเติบโตมากพอที่จะเข้าใจโรแวนและการกระทำของเขาได้ดีขึ้น เขาสูญเสียผู้หญิงที่เขาคิดว่าจะใช้ชีวิตด้วยไปตลอดชีวิต ถ้าฉันอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ฉันคงตอบสนองแบบเดียวกัน ฉันคงโกรธและระบายมันออกใส่คนที่ฉันคิดว่าทำให้ฉันเจ็บปวด เหมือนที่ฉันเคยทำกับเขาหลังจากการหย่าของเรา โดยปฏิบัติกับเขาด้วยความเกลียดชังและขมขื่น“ฉันเสียใจจริง ๆ ที่ใช้เวลานานขนาดนี้กว่าจะเห็นว่าฉันทำให้คุณเจ็บปวดมากแค่ไหนในตอนนั้น” ฉันกระซิบเสียงเบา ความรู้สึกท่วมท้น “ฉันขมขื่นมานานมาก โดยเฉพาะหลังจากที่เอมม่ากลับมา และฉันตระหนักว่าฉันไม่เคยเป็นในสิ่งที่คุณต้องการหรือปรารถนา ฉันเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ และบางทีถ้าไม่ทำแบบนั้น คุณกับเอมม่าอาจมีโอกาสได้ใช้ชีวิตด้วยกัน ฉันขอโทษจริง ๆ คุณไม่รู้หรอกว่าฉันเสียใจแค่ไหน”ฉันชะงักเมื่อรู้สึกถึงมือที่แข็งแรงกุมมือฉันไว้ ฉันประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเขาย้ายมานั่งข้าง ๆ ฉันแล้วเขาสูดลมหายใจลึก และฉันกุมมือเขาไว้แน่นราวกับเป็นสายช่วยชีวิตของฉัน “สิ่งที่ผมทำกับคุณมันแย่กว่านั้นมาก ความเจ็บปวดที่ผมทำให้คุณต้องทนทุกข์มาตลอดหลายปีเป็นสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะให้อภัยตัวเองได้ ผมก็เห็นแก่ตั
เอวาผ่านมาสองสามวันแล้วตั้งแต่คริสตินพยายามฆ่าฉัน ฉันไม่โกหกหรอก ตอนนี้ฉันยังรู้สึกสะเทือนใจอยู่เลย เมื่ออาการตื่นเต้นจากอะดรีนาลีนลดลง ฉันก็พังทลายลงและร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ฉันไม่เข้าใจเลยว่าคนเราจะชั่วร้ายและโหดร้ายได้ถึงขนาดนี้ แค่เพราะเธอโทษฉันในสิ่งที่ฉันไม่ได้ควบคุมหลังจากเธอถูกจับกุม หมายจับสำหรับลุงของเธอก็ถูกส่งออกไป ในใจลึก ๆ ฉันรู้ว่าคงไม่มีวันเจอเขา อย่างน้อยก็ในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่ ฉันรู้ได้ยังไงเหรอ? มันง่ายมาก ก็รีเปอร์โทรมาหาฉัน เขาบอกเพียงว่าฉันไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับลุงของคริสตินอีกต่อไป ซึ่งแปลตรง ๆ ได้ว่าเขาจะฆ่าลุงของเธอเมื่อพบตัวมันทำให้ฉันเป็นสัตว์ประหลาดหรือเปล่าที่ฉันไม่แคร์? บางทีการที่ฉันข้องเกี่ยวกับรีเปอร์อาจทำให้ฉันกลายเป็นคนเลือดเย็น แต่ฉันไม่สนใจเลยว่าเขาจะอยู่หรือตาย จริง ๆ แล้ว ฉันหวังว่ารีเปอร์จะทำให้เขาทรมานก่อนที่จะจบชีวิตที่น่าสมเพชของเขาส่วนคริสติน ฉันขอให้เธอพบเจอแต่สิ่งเลวร้ายที่สุด เธอเกือบจะทำให้ฉันและลูกสาวต้องเสียชีวิต ไม่มีทางที่ฉันจะให้อภัยเธอ ฉันหวังว่าเธอจะต้องลำบากในคุก หวังว่าเธอจะต้องทนทุกข์ทรมาน หวังว่าเธอจะตายอย่างเจ็บปวด แล
โรแวนผมมองเห็นความสับสน ความสุข และความยินดีปรากฏในดวงตาของเธอ น้ำตาคลอเต็มดวงตา แต่เธอพยายามกลั้นไม่ให้มันไหลออกมาผมจับมือของเธอที่กำลังสั่นและจูบเบา ๆ“เอวาครับ” ผมเริ่มพูดพร้อมหัวใจเต้นระรัว “คุณทำให้ทุกวันของผมสดใส และนอกจากโนอากับไอริสแล้ว คุณคือคนที่ดีที่สุดในชีวิต ผมไม่เคยรู้เลยว่าความรักที่แท้จริงคืออะไร จนกระทั่งผมตกหลุมรักคุณ ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไรหรืออย่างไร แต่รู้แน่ชัดว่าผมรักคุณหมดหัวใจ เราผ่านอะไรมามากมาย ส่วนใหญ่เป็นเพราะความผิดของผมเอง แต่เราก็ยังอยู่ตรงนี้ และก็ถือว่าโชคดีมากที่คุณให้โอกาสผมอีกครั้ง”บ้าเอ้ย ผมไม่เก่งเรื่องแบบนี้เลย ความคิดนั้นหายไปทันทีที่เห็นความรักที่เปล่งประกายจากดวงตาของเธอโนอาหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด ผมแน่ใจว่าหลังจากนี้เจ้าลูกชายคงแซวเรื่องนี้ นั่นทำให้ผมยิ้มออกมาพร้อมมองเอวา“ผมสัญญาว่าจะรักและดูแลคุณทุกวันในชีวิตนี้ เพราะผมไม่สามารถและจะไม่มีวันหยุดรักคุณได้ ผมเชื่อว่าความรักของเราเป็นรักที่ไม่มีอะไรมาเอาชนะได้ เพราะเราผ่านอุปสรรคมามากมาย และตอนนี้ก็ไม่มีอะไรหยุดเราจากการมีตอนจบที่มีความสุขได้ ผมจะรักคุณเสมอ ไม่ว่าจะเ