"สวัสดีค่ะ" ฉันทักพลางยืนอยู่ตรงทางเข้าห้องครัวกันเนอร์รีบวิ่งไปกอดพ่อของเขาพร้อมเล่าเรื่องช่วงเวลาที่แสนสนุกที่เขาและโนอาใช้เวลาด้วยกันที่บ้านของเรา“สวัสดีครับ เอวา”ฉันหัวเราะเบา ๆ เขากำลังพยายามทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ทั้งฟังลูกชาย เลี้ยงดูฉัน และยังพยายามทำงานให้เสร็จ"นี่ฉันมารบกวนแต่เช้าหรือเปล่า?" ฉันถาม "ฉันพากันเนอร์กลับไปก่อนได้นะ เพื่อที่คุณจะได้ทำงานต่อโดยไม่ถูกรบกวน""ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ ผมเกือบจะเสร็จงานแล้ว" เขาตอบ "อีกอย่างวันนี้วันอาทิตย์ และเรามีกิจกรรมวันอาทิตย์กันด้วย"ฉันยิ้มและพยักหน้า ก่อนจะเตรียมตัวจะขอตัวกลับ แต่แล้วบ้านหลังข้าง ๆ ก็สะดุดสายตาฉันอีกครั้ง ครัวของคาลวินมองเห็นไปยังสนามหลังบ้านของบ้านหลังนั้นพอดี"คาลวินคะ?" ฉันเรียกเขา และเขาเงยหน้าขึ้นมามอง“ครับ?”"บ้านหลังนั้นเป็นของใครเหรอ? ไม่เข้าใจว่าทำไมมันดึงสะดุดตาจัง”"เขาหันหน้ามองตามที่ฉันชี้ไป จากนั้นก็หันกลับมามองหน้าฉันอีกครั้ง"อ้อ นั่นบ้านคุณเองครับ เอวา"ฉันยืนตัวแข็งทื่อ บ้านของฉัน? มันเป็นไปได้ยังไง? แต่พอนึกดูอีกที โรแวนไม่ได้บอกฉันเหรอว่าเราห่างกันไปสักพัก? ถ้าเป็นแบบนั้น บางท
โรแวนผมจ้องมองหน้าจอแล็ปท็อปว่างเปล่า ไม่มีอารมณ์ทำงานเลย โนอากำลังเล่นวิดีโอเกม ส่วนไอริสกำลังหลับ เอวาออกไปส่งกันเนอร์ได้สักพักแล้ว เธอน่าจะกลับมาได้แล้วตั้งแต่เหตุการณ์ยิงกัน ผมก็เป็นห่วงเธอไม่หยุด ความกลัวกัดกินใจทุกครั้งที่เธออยู่นอกบ้าน ผมไม่สามารถสลัดความหวาดกลัวที่จะสูญเสียเธอไปได้ ผมเกือบเสียเธอไปครั้งหนึ่งแล้ว และนั่นก็ทิ้งรอยแผลไว้ในใจผมผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าเธอปลอดภัย รวมถึงการส่งคนที่ทำร้ายเธอไปยังที่ซึ่งจะไม่มีทางทำร้ายเอวาได้อีกผมถอนหายใจและลุกขึ้น สิ่งที่รบกวนจิตใจอีกอย่างคือคำพูดของเอวาในวันนี้ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมและอย่างไรเธอถึงเชื่อว่าเอมม่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ผมรู้ตัวช้าไป แต่เอมม่าเริ่มจ้องเล่นงานเอวาตั้งแต่เธอรู้ว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อเอวาเปลี่ยนไปอย่างที่บอก ผมยืนยันได้ว่าเอมม่าที่ผมรักในวัยรุ่นเป็นคนดี แต่เอมม่าในวันนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป หลายสิ่งหลายอย่างชี้ชัดว่าเธอเปลี่ยนไปแล้วลองคิดดูสิ เธอปฏิเสธเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ซ่อนกันเนอร์และปิดบังความจริงว่าเธอเป็นแม่ของเขา ใช้ชีวิตต่อไปเหมือนกับว่าเขาไม่มีตัวตน ถ้าเธอทำได้ถึงขนาดนี้ คุณคิดจ
ผมรู้สึกทั้งประหลาดใจและชื่นชมในเวลาเดียวกัน รีเปอร์พูดและผมสาบานได้ว่าได้ยินน้ำเสียงสนุกสนานจากเขา “ทุกคนพูดถึงว่านายรักเธอมากแค่ไหน ไม่คิดเลยว่านายเคยทำร้ายเธอ โดยเฉพาะกับเอวา”“คนอื่นจะไปรู้อะไร””ขณะที่ผมพูดคำนี้ ความจริงก็กระแทกเข้ามาในหัวใจ ผมไม่ได้รักเอมม่าอีกต่อไป ความรักนั้นตายไปแล้ว และบางทีมันอาจจะตายไปนานแล้วด้วย สิ่งที่ผมรู้สึกต่อเอวาแข็งแกร่งกว่ามองย้อนกลับไป ผมหลงใหลในตัวเอมม่าและในแนวคิดของความรักมากกว่า อีกทั้งทุกคนเคยพูดว่าเราคู่กันดี ว่าเราสมบูรณ์แบบเมื่ออยู่ด้วยกัน ผมคิดว่าสิ่งนั้นฝังหัวผมมาตลอด ผมได้ยินเรื่องนี้มากมายตอนที่ยังเด็กจนมันล้างสมองผมให้คิดว่ามันคือความจริงทุกคนอยากให้เราคู่กัน รวมถึงแม่ของเราที่คอยผลักดันให้เราอยู่ใกล้ชิดกันเสมอ ถ้าเกิดสิ่งที่ผมรู้สึกมาตลอดมันไม่ใช่ความรัก แต่เป็นเพียงความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากความปราถนาของพวกแม่ ๆ ล่ะ? ความคิดบ้าบอพวกนั้นมันไม่ควรมีอิทธิพลกับเรามาขนาดนี้แต่ถ้าไม่ใช่เพราะการผลักดันนั้น เราจะได้ลงเอยกันไหม? เราจะเริ่มคบกันหรือเปล่า? คำตอบคงเป็น ไม่ “โรแวน ยังอยู่ไหม?”ผมสะบัดหัวเพื่อตื่นจากความคิด ไม่มีอะไรสำคัญ
เอวาความทรงจำของฉันกลับมาแล้ว และจะบอกว่าฉันโกรธก็คงไม่เพียงพอ ฉันไม่ได้แค่โกรธ ฉันเดือดดาลสุดขีด“คุณโกหกฉัน!” ฉันตะโกนใส่โรแวน มือของฉันฟาดไปที่หน้าอกของเขา มันเหมือนกับการตีเข้ากำแพงอิฐ แต่ฉันไม่สน “คุณโกหกฉัน คุณมันสารเลว นานเป็นเดือน เป็นเดือน ๆ เชียวนะ โรแวน!”แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อรู้ว่าความทรงจำของฉันกลับคืนมาแล้ว ตอนแรกฉันรู้สึกแปลกใจเพราะโรแวนไม่เคยแสดงความกลัวมาก่อน แต่แล้วฉันก็นึกขึ้นได้ว่าฉันยังโกรธเขาอยู่“ฉันต้องไปก่อน มีที่ที่ฉันต้องไป” ฉันพูดโดยไม่ได้มุ่งหมายพูดกับใครเป็นพิเศษฉันมองไปรอบห้อง และเมื่อเห็นกุญแจรถ ฉันก็หยิบมันขึ้นมา ฉันกำลังจะเดินออกไปเมื่อโรแวนคว้ามือฉันไว้“คุณไปไม่ได้ คุณต้องไปโรงพยาบาลนะเอวา คุณเป็นลม คุณต้องให้หมอตรวจดู” แววตาของเขาอ่อนโยนขณะที่อ้อนวอน “ปล่อยฉันนะ โรแวน” ฉันสั่งพยายามสะบัดมือออก แต่เขากลับจับแน่นขึ้น“ฉันจะไม่พูดซ้ำสองครั้งนะ โรแวน”“ได้โปรด” เขาขอร้อง แต่ฉันทนเขาไม่ไหวอีกต่อไปฉันบิดตัวแล้วใช้มือขวาต่อยหน้าเขาเต็มแรง ความสะใจที่บิดเบี้ยวพลันเกิดขึ้นในใจเมื่อได้ยินเสียงจมูกเขาหัก เพราะเขาไม่ทันตั้งตัวกับหม
“หมายความว่ายังไง?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูดก่อนที่ฉันจะตอบ เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ ไบรอันขอตัวแล้วเดินไปเปิดประตู ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันไม่แปลกใจเลยเมื่อเห็นโรแวนเดินเข้ามาในห้อง“มาทันเวลาพอดี โรแวน” ไบรอันพูดกับเขา “เอวากำลังจะบอกว่าใครเป็นคนยิงเธอ เธอเชื่อว่าไม่ใช่เอมม่า ทั้ง ๆ ที่หลักฐานจะชัดเจนก็ตาม”โรแวนไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่หันมามองฉัน ฉันตอบด้วยสายตาขุ่นเคือง ความโกรธยังคงคุกรุ่นอยู่ แต่เริ่มจางหายไปทีละน้อย“ฟังนะ” ฉันเริ่มพูด “นี่ไม่ใช่เรื่องของความเชื่อ แต่เป็นเรื่องของหลักฐาน ฉันเห็นคนที่ยิงฉัน และมันไม่ใช่เอมม่า แท้จริงแล้ว ฉันเชื่อว่าเธอกำลังใช้เอมม่าเป็นแพะรับบาป”โรแวนจ้องมองฉันก่อนจะพูด “คุณจำอะไรบางอย่างได้ใช่ไหม” เขาพูดเหมือนกับว่าเป็นคำยืนยันมากกว่าคำถามฉันพยักหน้า ความรู้สึกบางอย่างแปลก ๆ ในใจ ทำไมเขาถึงอ่านใจฉันได้ขนาดนี้? ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย แต่เขาก็รู้“ใคร?” โรแวนถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงความวิงวอน“คริสติน” ฉันพูดเบา ๆ พยายามทำใจยอมรับกับความจริง “ก่อนที่ฉันจะหมดสติ เธอเลื่อนหน้ากากลงเล็กน้อย รอยยิ้มที่เยาะเย้ยแล
ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเอมม่าไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คนอื่นคิด หัวฉันปวดเหมือนจะระเบิด และตอนนี้ฉันต้องการเพียงแค่การนอนพักผ่อนเท่านั้น“เสร็จหรือยังคะ?” ฉันถามไบรอัน “ฉันไปได้แล้วใช่ไหม? แล้วเอมม่าจะถูกปล่อยตัวได้เลยไหม?”“ครับ สำหรับเอมม่า เธออาจต้องรออีกสักพักเพื่อให้เราจัดการเอกสารปล่อยตัว แต่คุณไปได้เลย ผมดูออกว่าคุณเหนื่อยมาก”เขาไม่รู้เลยว่าที่พูดมานั้นถูกต้องแค่ไหน ฉันรู้สึกเหมือนหัวตัวเองกำลังจะแตกและกระเด็นไปทุกที่“ไปเถอะ ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลก่อน” โรแวนลุกขึ้นและยื่นมือมาให้ฉันตอนแรกฉันลังเล แต่สุดท้ายก็วางมือไว้ในมือเขา “ฉันไม่อยากไปโรงพยาบาล โรแวน ฉันอยากกลับบ้านและพักผ่อน”เขากำลังจะโต้เถียง แต่เอมม่าก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา ซึ่งไม่เหมือนตัวเธอเลย การเปลี่ยนแปลงในตัวเอมม่ายังคงทำให้ฉันประหลาดใจเสมอ เธอไม่ใช่ผู้หญิงคนเดิมที่หนีจากความเจ็บปวดเมื่อหลายปีก่อน และก็ไม่ใช่ผู้หญิงคนเดิมที่กลับมาในภายหลัง ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะหมดหวังและหลงทาง“ฉันขอคุยกับเอวาเป็นการส่วนตัวได้ไหม?” เธอถามในที่สุดโรแวนหันมามองฉันและฉันก็พยักหน้า ฉันอยากรู้ว่า
ผ่านมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้วตั้งแต่วันที่ฉันบอกให้โรแวนให้เวลาแก่ฉัน เขาพยายามรักษาระยะห่าง แต่มันไม่ง่ายเลยสำหรับเราทั้งคู่ฉันจะไม่โกหก ฉันคิดถึงเขามาก คิดถึงการอยู่ใกล้เขา คิดถึงบทสนทนาของเรา คิดถึงทุกอย่างที่เป็นเขา มันยากที่จะปรับตัวให้เข้ากับโรแวนที่ฉันเคยรู้จัก กับโรแวนที่ฉันตื่นมาพบหลังจากออกจากอาการโคม่าไม่ต้องเป็นอัจฉริยะก็รู้ว่าเขารักฉัน แต่คำถามคือนั่นเพียงพอไหม? ส่วนหนึ่งของฉันอยากให้อภัยเขาและก้าวไปข้างหน้า แต่อีกส่วนหนึ่งกลัวว่าความทรงจำในอดีตจะเป็นหนามที่ทิ่มแทงความสัมพันธ์ของเรา ฉันหมายถึง เราจะมีความสุขได้อย่างไรในเมื่อฉันยังปล่อยวางอดีตไม่ได้?มันเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่สำหรับโนอาและไอริสเช่นกัน พวกเขาแสดงออกชัดเจนว่าคิดถึงโรแวน โนอาพูดถึงเขาตลอดเวลา และถามว่าเมื่อไหร่เราจะกลับไปอยู่กับพ่อของเขา ไอริสหงุดหงิดง่ายตั้งแต่เราออกมาเธอร้องไห้บ่อยและกระสับกระส่าย มีเพียงตอนที่โรแวนโทรมาและเธอได้ยินเสียงของเขาเท่านั้นที่เธอสงบลง สายสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ แม้ว่าโรแวนจะไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของเธอ มันทำให้ฉันประหลาดใจและฉันก็ไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไรฉันอาจจะกลับไปเพื่อเห็นแก่ล
"ซาราห์..." ฉันพยายามพูด แต่เธอกลับตัดบทฉันทันที"พวกเราผิดเอวา เราผิดและฉันเชื่อว่าเหตุผลที่ทุกคนยึดติดกับสิ่งที่อาจจะเป็นไปได้ระหว่างโรแวนกับเอมม่าทำให้พวกเขาไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันเห็นมันชัดเจนมาก ตอนนั้นพวกเธอยังเป็นแค่เด็ก ถ้าพวกเราปล่อยวาง พวกเขาก็คงทำตาม แต่เพราะเรายึดติดกับอดีตแน่นเกินไป พวกเขาเลยทำตาม ส่งผลให้โรแวนทำร้ายเธออย่างที่เขาทำ" เธอหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ"ฉันไม่ได้แก้ตัวในสิ่งที่เขาทำ แต่ฉันอยากให้เธอเข้าใจว่าสิ่งที่เขาทำอาจเป็นผลโดยตรงจากพฤติกรรมของเราที่เป็นพ่อแม่"ฉันเข้าใจสิ่งที่เธอพูด แต่นั่นไม่ได้อธิบายการกระทำของเขาในเวลาต่อมา ใช่ เราแต่งงานกันตอนยังเด็ก แต่เราก็เติบโตขึ้นมาแล้ว การกระทำและความโหดร้ายของเขายังคงดำเนินต่อไปเป็นเวลาเก้าปี นั่นคือสิ่งที่ฉันไม่สามารถก้าวข้ามไปได้"ฉันรู้ว่าฉันกำลังขอร้องให้เธอทำในสิ่งที่ยาก แต่โปรดให้โอกาสเขาสักครั้ง ฉันรู้จักลูกชายของฉันดี และฉันรู้ว่าถ้าเขารักใครสักคน เขาจะรักอย่างลึกซึ้ง เขาจะใช้เวลาทั้งชีวิตที่เหลือเพื่อรักเธอและดูแลเธออย่างที่เธอสมควรได้รับ ถ้าเธอให้โอกาสเขา เขาจะทำทุกวิถี
สายตาผมจับจ้องที่ปลายอวัยวะของตัวเองที่แตะอยู่ตรงทางเข้าของเธอ ก่อนที่ผมจะค่อย ๆ สอดเข้าไปทุกนิ้วในจังหวะที่ช้าและนุ่มนวล“อ้า เอวา” ผมครางเสียงต่ำ ขณะที่เธอร้องออกมาเบา ๆ กับผ้าห่มเธอตอดรัดผมแน่นเสียจนผมเกือบจะถึงจุดสุดยอดตั้งแต่แรกเข้า ความรู้สึกที่เธอโอบล้อมตัวผมเอาไว้ อบอุ่นและนุ่มนวล มันเหมือนทั้งสวรรค์และนรกในเวลาเดียวกัน เป็นสิ่งที่หวานที่สุดเท่าที่ผมเคยสัมผัส และผมรู้ว่านี่จะเป็นเพียงครั้งเดียวในชีวิตที่ผมได้สัมผัสความรู้สึกนี้ผมถอนสะโพกกลับจนเหลือเพียงปลายอยู่ภายใน การเห็นความชื้นที่เปล่งประกายบนตัวเองทำให้ผมกัดฟันแน่นเพื่อระงับเสียงคราง และต้องสู้กับความปรารถนาที่จะกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรง ผมค่อย ๆ ดันตัวกลับเข้าไปและหยุดนิ่งอยู่ข้างใน ปล่อยให้เธอปรับตัวกับขนาดของผม เมื่อผมรู้สึกว่าเธอผ่อนคลาย ผมจับสะโพกเธอแน่นแล้วกระแทกตัวเข้าไปเต็มแรง พร้อมกับดึงตัวเธอกลับมาหาผมเธอครางสะอื้นและจิกผ้าห่มแน่น เมื่อผมกระแทกเข้าไปอีกครั้ง ผมบดสะโพกเข้าหาสะโพกของเธอ จนสัมผัสจุดหนึ่งในตัวเธอที่ทำให้เธอร้องเรียกชื่อผมเสียงดัง “โรแวน!”การได้ยินเธอร้องเรียกชื่อผมทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยากตบอกตั
เธอทำให้ผมแทบเสียสติสายตาของผมยังคงจดจ้องไปที่จุดอ่อนไหวและสะโพกของเธอ ขณะที่ผมก้าวเข้าไปใกล้จนเหลือเพียงไม่กี่นิ้วระหว่างกางเกงยีนส์ของผมกับความชื้นของเธอ ผมวางมือข้างหนึ่งที่แผ่นหลังส่วนล่างของเธอ แล้วไล่มันขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลัง เธออยู่ในท่าคลานบนมือและเข่า แต่ผมต้องการให้หน้าอกของเธอแนบกับเตียงเธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสแรกของผมมาถึงผมไล่มือไปจนถึงฐานคอของเธอและออกแรงกดเล็กน้อย เธอเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการ และลดตัวลงจนข้อศอกแนบกับเตียง แก้มของเธอพิงอยู่บนผ้าห่ม“ฉีกขาออกอีก” ผมสั่งเธอพร้อมกับกดแผ่นหลังของเธอเธอทำตาม แต่ยังไม่มากพอ“อีก” ผมพูดเสียงต่ำและเพิ่มแรงกดเธอแยกขาออกกว้างขึ้น จนกระทั่งผมหยุดเธอเมื่อถึงระดับที่พอดีกับแท่งสวรรค์ผมผมใช้มือทั้งสองข้างเริ่มลูบจากสะโพกของเธอขึ้นไปตามลำตัว จนถึงหน้าอกที่แนบกับเตียง ผมสอดมือไปข้างใต้ บีบหัวนมเบา ๆ ก่อนจะลากมือกลับลงมาตามลำตัวของเธอผิวของเธอเนียนนุ่มและรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อเมื่ออยู่ใต้ฝ่ามือของผม เธอครางออกมาเบา ๆ กับผ้าห่มและแอ่นหลังขึ้นเล็กน้อย เมื่อผมเลื่อนมือลงไปถึงขาอ่อน ผมเปลี่ยนทิศทางและลูบกลับขึ้นมา คราว
เธอเอื้อมมือไปด้านหลังและจับสะโพกของผม ดึงให้ผมแนบชิดกับเธอยิ่งขึ้น “ได้โปรด อย่าหยุดนะคะ ฉันต้องการคุณ โรแวน” เธอครางออกมาผมเลื่อนมือขึ้นและดึงเสื้อกล้ามของเธอขึ้น เผยให้เห็นหน้าอกของเธอ จากมุมที่ผมมองข้ามไหล่ของเธอ เห็นหัวนมสีชมพูเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนเชอร์รี่ และผมอยากจะเลีย ดูด และลิ้มรสเธอจนหมด ผมบีบและบิดมันเบา ๆ จนหัวนมแข็งเป็นไตเธอยกศีรษะขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนจะพิงกลับมาที่ไหล่ของผมอีกครั้ง ผมจับผมเธอที่ยังมัดเป็นมวยไว้ตรงท้ายทอย และบิดศีรษะไปด้านข้างเพื่อให้ผมขบเบา ๆ และเลียไปตามลำคอ ผมไม่มีวันพอใจกับรสชาตินี้ เธอมีรสชาติเหมือนกลิ่นหอมของตัวเอง มือของผมจับหน้าอกทั้งสองข้างและบีบเบา ๆ เธอดันอกของเธอออกมาและบดสะโพกของเธอกลับมาที่ส่วนล่างของผม ทำลายการควบคุมตัวเองของผมจนแทบหมดสิ้นผมก้าวถอยหลังออกจากเธอเล็กน้อยก่อนจะพูดเสียงหนักแน่นว่า “ถอดกระโปรงกับกางเกงในออกนะ แล้วค่อยขึ้นไปที่ปลายเตียง วางมือและเข่าลงในท่าหมอบ”เธอหันกลับมามองผมพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉันอยากให้คุณทำฉันในท่าหมามาตลอดเลยนะ”. ผมยืนอยู่ที่เดิม ทั้งที่สิ่งที่อยากทำที่สุดคือคุกเข่าลงตรงหน้าเธอและบูชาทุกตารา
หลังจากถอนจูบ ผมเอนหัวพิงกับเธอ “ได้โปรดบอกผมทีว่าคุณต้องการสิ่งนี้” ผมวิงวอนด้วยความสิ้นหวังบางอย่างมันผ่านมานานเหลือเกิน และร่างกายแทบจะทนไม่ไหวที่จะจมดิ่งเข้าไปในความอบอุ่นของเธอ“ค่ะ” เธอตอบพลางถูไถตัวเองเข้ากับความแข็งขืนของแท่งสวรรค์ของผมคำพูดของเธอยังไม่ทันจบดี ผมก็ลุกขึ้นและคว้ามือเธอ ลากเธอไปยังห้องนอนอย่างรวดเร็วผมไม่หยุดแม้กระทั่งตอนที่มาถึงประตูห้องนอนที่ปิดไว้ครึ่งหนึ่ง เพียงแค่ใช้เท้าเตะมันจนเปิดกระแทกผนัง เสียงดังทำให้เอวาสะดุ้งเล็กน้อยร่างกายของผมพร้อมเต็มที่ และผมก็แทบจะรอไม่ไหว ไม่มีอะไรที่จะหยุดผมได้ในตอนนี้ นอกจากเธอจะบอกให้ผมหยุด แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมต้องให้เธอเข้าใจเสียก่อนผมหันไปหาเธอ ดึงเสื้อเธอออกจากแขน ปล่อยให้มันหล่นลงพื้น เธอเงยหน้ามองผม ดวงตาสีน้ำตาลของเธอถูกกลืนหายไปด้วยความมืดจากรูม่านตาที่ขยายกว้าง เธอหายใจหอบจนหน้าอกขนาดพอเหมาะของเธอยกขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เธอเลียริมฝีปาก และผมสาบานได้เลยว่าผมรู้สึกเหมือนมันสัมผัสปลายแท่งสวรรค์ผมจับเธอหมุนตัวและดึงเธอเข้ามาชิดกับร่างกายของผม สะโพกของเธอสัมผัสกับเจ้าโลกของผม มันรู้สึกเหมือนอยู่ในสวรรค์ เธอสูดหายใ
ตอนนี้ฉันเติบโตมากพอที่จะเข้าใจโรแวนและการกระทำของเขาได้ดีขึ้น เขาสูญเสียผู้หญิงที่เขาคิดว่าจะใช้ชีวิตด้วยไปตลอดชีวิต ถ้าฉันอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ฉันคงตอบสนองแบบเดียวกัน ฉันคงโกรธและระบายมันออกใส่คนที่ฉันคิดว่าทำให้ฉันเจ็บปวด เหมือนที่ฉันเคยทำกับเขาหลังจากการหย่าของเรา โดยปฏิบัติกับเขาด้วยความเกลียดชังและขมขื่น“ฉันเสียใจจริง ๆ ที่ใช้เวลานานขนาดนี้กว่าจะเห็นว่าฉันทำให้คุณเจ็บปวดมากแค่ไหนในตอนนั้น” ฉันกระซิบเสียงเบา ความรู้สึกท่วมท้น “ฉันขมขื่นมานานมาก โดยเฉพาะหลังจากที่เอมม่ากลับมา และฉันตระหนักว่าฉันไม่เคยเป็นในสิ่งที่คุณต้องการหรือปรารถนา ฉันเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ และบางทีถ้าไม่ทำแบบนั้น คุณกับเอมม่าอาจมีโอกาสได้ใช้ชีวิตด้วยกัน ฉันขอโทษจริง ๆ คุณไม่รู้หรอกว่าฉันเสียใจแค่ไหน”ฉันชะงักเมื่อรู้สึกถึงมือที่แข็งแรงกุมมือฉันไว้ ฉันประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเขาย้ายมานั่งข้าง ๆ ฉันแล้วเขาสูดลมหายใจลึก และฉันกุมมือเขาไว้แน่นราวกับเป็นสายช่วยชีวิตของฉัน “สิ่งที่ผมทำกับคุณมันแย่กว่านั้นมาก ความเจ็บปวดที่ผมทำให้คุณต้องทนทุกข์มาตลอดหลายปีเป็นสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะให้อภัยตัวเองได้ ผมก็เห็นแก่ตั
เอวาผ่านมาสองสามวันแล้วตั้งแต่คริสตินพยายามฆ่าฉัน ฉันไม่โกหกหรอก ตอนนี้ฉันยังรู้สึกสะเทือนใจอยู่เลย เมื่ออาการตื่นเต้นจากอะดรีนาลีนลดลง ฉันก็พังทลายลงและร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ฉันไม่เข้าใจเลยว่าคนเราจะชั่วร้ายและโหดร้ายได้ถึงขนาดนี้ แค่เพราะเธอโทษฉันในสิ่งที่ฉันไม่ได้ควบคุมหลังจากเธอถูกจับกุม หมายจับสำหรับลุงของเธอก็ถูกส่งออกไป ในใจลึก ๆ ฉันรู้ว่าคงไม่มีวันเจอเขา อย่างน้อยก็ในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่ ฉันรู้ได้ยังไงเหรอ? มันง่ายมาก ก็รีเปอร์โทรมาหาฉัน เขาบอกเพียงว่าฉันไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับลุงของคริสตินอีกต่อไป ซึ่งแปลตรง ๆ ได้ว่าเขาจะฆ่าลุงของเธอเมื่อพบตัวมันทำให้ฉันเป็นสัตว์ประหลาดหรือเปล่าที่ฉันไม่แคร์? บางทีการที่ฉันข้องเกี่ยวกับรีเปอร์อาจทำให้ฉันกลายเป็นคนเลือดเย็น แต่ฉันไม่สนใจเลยว่าเขาจะอยู่หรือตาย จริง ๆ แล้ว ฉันหวังว่ารีเปอร์จะทำให้เขาทรมานก่อนที่จะจบชีวิตที่น่าสมเพชของเขาส่วนคริสติน ฉันขอให้เธอพบเจอแต่สิ่งเลวร้ายที่สุด เธอเกือบจะทำให้ฉันและลูกสาวต้องเสียชีวิต ไม่มีทางที่ฉันจะให้อภัยเธอ ฉันหวังว่าเธอจะต้องลำบากในคุก หวังว่าเธอจะต้องทนทุกข์ทรมาน หวังว่าเธอจะตายอย่างเจ็บปวด แล
โรแวนผมมองเห็นความสับสน ความสุข และความยินดีปรากฏในดวงตาของเธอ น้ำตาคลอเต็มดวงตา แต่เธอพยายามกลั้นไม่ให้มันไหลออกมาผมจับมือของเธอที่กำลังสั่นและจูบเบา ๆ“เอวาครับ” ผมเริ่มพูดพร้อมหัวใจเต้นระรัว “คุณทำให้ทุกวันของผมสดใส และนอกจากโนอากับไอริสแล้ว คุณคือคนที่ดีที่สุดในชีวิต ผมไม่เคยรู้เลยว่าความรักที่แท้จริงคืออะไร จนกระทั่งผมตกหลุมรักคุณ ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไรหรืออย่างไร แต่รู้แน่ชัดว่าผมรักคุณหมดหัวใจ เราผ่านอะไรมามากมาย ส่วนใหญ่เป็นเพราะความผิดของผมเอง แต่เราก็ยังอยู่ตรงนี้ และก็ถือว่าโชคดีมากที่คุณให้โอกาสผมอีกครั้ง”บ้าเอ้ย ผมไม่เก่งเรื่องแบบนี้เลย ความคิดนั้นหายไปทันทีที่เห็นความรักที่เปล่งประกายจากดวงตาของเธอโนอาหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด ผมแน่ใจว่าหลังจากนี้เจ้าลูกชายคงแซวเรื่องนี้ นั่นทำให้ผมยิ้มออกมาพร้อมมองเอวา“ผมสัญญาว่าจะรักและดูแลคุณทุกวันในชีวิตนี้ เพราะผมไม่สามารถและจะไม่มีวันหยุดรักคุณได้ ผมเชื่อว่าความรักของเราเป็นรักที่ไม่มีอะไรมาเอาชนะได้ เพราะเราผ่านอุปสรรคมามากมาย และตอนนี้ก็ไม่มีอะไรหยุดเราจากการมีตอนจบที่มีความสุขได้ ผมจะรักคุณเสมอ ไม่ว่าจะเ
ผ่านมาหกเดือนแล้วหลังจากวันนั้น และจะบอกว่าฉันมีความสุขก็อาจจะเป็นการพูดที่น้อยเกินไป คริสตินถูกตัดสินให้เข้าสถานบำบัดจิตเวชตลอดชีวิต แต่เธอกลับเสียชีวิตอย่างลึกลับหลังจากเข้าไปได้ไม่กี่สัปดาห์ ส่วนลุงของเธอไม่มีใครพบร่องรอย แต่มีข่าวลือว่าเขาถูกฆ่าและร่างถูกโยนให้จระเข้กิน ทุกอย่างชวนให้นึกถึงการกระทำของกลุ่มรีเปอร์ แต่แปลกที่ฉันไม่ได้รู้สึกกังวลเลยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โรแวนได้แสดงให้ฉันเห็นว่าความสุขที่แท้จริงเป็นอย่างไร หัวใจของฉันเติบโตและเบ่งบานภายใต้การดูแลของเขา และฉันไม่เคยเสียใจที่ตัดสินใจก้าวข้ามความกลัวและให้โอกาสเขาฉันอาจจะเล่าเรื่องความสุขนี้ได้เรื่อย ๆ แต่คำพูดใด ๆ ก็ดูจะไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของฉันได้อย่างครบถ้วน ทุกวันฉันรู้สึกขอบคุณ และทุกวันฉันยิ่งหลงรักเขามากขึ้นเรื่อย ๆชีวิตของฉันเต็มไปด้วยความสุข ความสงบ และความเบิกบาน สิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันรู้สึกซาบซึ้งกับทุกสิ่งทีเ่กิดขึ้น แม้สิ่งต่าง ๆ จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่เขามีความอดทนกับฉัน และการบำบัดทั้งแบบรายบุคคลและแบบคู่ก็ช่วยเราได้มาก หลายสิ่งก็ยังคงเป็นรูปแบบเดิม ๆ แน่นอน
“ปล่อยเธอไป คริสติน ไม่งั้นฉันสาบานเลยว่าฉันจะฆ่าเธอแน่!”คริสตินผลักฉันไปอีกทางด้วยความเดือดดาล ก่อนเริ่มยิงออกไปนอกห้อง “คุณรักฉัน! คุณควรอยู่ข้างฉัน ไม่ใช่ข้างมัน คุณกำลังทำร้ายฉันด้วยการเลือกมัน”เสียงปืนยังดังต่อเนื่อง ฉันได้ยินเสียงครางเจ็บปวดและคำสบถดังลอดเข้ามา หัวใจฉันเหมือนจะหยุดเต้น ความกลัวแล่นขึ้นมาเต็มอก ถ้ากระสุนนั้นโดนโรแวนล่ะ?ความกลัวแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ ฉันลุกขึ้นยืน ไม่ยอมให้ใครมาข่มขู่ฉันในบ้านของตัวเองหรือทำร้ายผู้ชายที่ฉันรักอีกแล้ว วันนี้มันต้องจบ ฉันไม่ยอมปล่อยให้เธอเหยียบย่ำฉันอีกต่อไปฉันคว้าสิ่งที่อยู่ใกล้มือที่สุดแล้วปาใส่เธอ มันพุ่งเข้าใส่ศีรษะของเธอ และฉันถึงรู้ว่ามันคือแจกัน ความสะใจแล่นวาบขึ้นมาเมื่อแจกันแตกกระจายบนหัว คริสตินหันมาจ้องฉันอย่างตกตะลึง ราวกับไม่อยากเชื่อว่าฉันจะกล้าทำแบบนี้ก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้ ฉันพุ่งตัวเข้าหาเธอและกระโจนใส่เต็มแรง เธอเสียหลักล้มลงไปกับพื้น ปืนหลุดจากมือของเธอ แต่ฉันไม่หยุด ฉันระบายความโกรธด้วยความดุร้ายที่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองมี“นังสารเลว!” ฉันตะโกนใส่หน้าเธอ ความโกรธบดบังทุกสิ่ง “แกเกือบทำลายทุกอย่างของฉัน แก