“โรแวนทานข้าวหรือยังจ๊ะ”“ยังค่ะ เขาบอกฉันว่าเขาจะทานหลังจากเขาเสร็จงานแล้วและเขาเกรงใจฉันค่ะ”ฉันพยักหน้า “โอเคถ้างั้น ฝันดีนะคะ”“ฝันดีเช่นกันค่ะ” หลังจากเธอออกไป ฉันจึงจัดจานให้โรแวน ใครจะไปรู้ว่านานแค่ไหนก่อนที่เขาจะเสร็จงาน เขาไม่สามารถทำงานตอนท้องว่างได้ เมื่อฉันเสร็จจึงนำจานอาหารมุ่งตรงไปที่ห้องทำงานของเขาประตูเปิดอยู่ แต่ฉันยังเคาะอยู่ดีเขาเงยหน้ามองจากกระดาษที่เขากำลังตรวจดู แม้ว่าเขาดูเหนื่อย บางทีจากการอดหลับอดนอน เขาก็ยังคงเซ็กซี่โคตร ๆ อยู่ดี“รู้ไหมคุณไม่ต้องเคาะก็ได้ เอวา” เขาบอกขณะที่เขาเอนพิงกับเก้าอี้ฉันอยากจะเตือนเขาว่ามันไม่ใช่แบบนั้นมาก่อน แต่ฉันยั้งตัวเองไว้ ในอดีตเขาจะไม่แม้แต่ให้ฉันอยู่ใกล้ห้องทำงานของเขาเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะตอนที่เขาอยู่ข้างใน“ฉันเอาอาหารเย็นมาให้ค่ะ” ฉันบอกเขา โดยพยายามผลักอดีตออกไปฉันเดินเข้าไปในห้องและวางจานอาหารไว้ตรงหน้าเขา ฉันกำลังจะเดินอ้อมโต๊ะและนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง แต่เขาหยุดฉันไว้เขาคว้าจับมือของฉันและดึงฉันไปหาเขา จึงทำให้ฉันนั่งลงบนตักของเขา ฉันไม่ได้รังเกียจมันเลยสักนึด“อืม ผมคิดถึงคุณ…ผมรอให้ข้อสัญญานี้อนุมัติ
“คุณช่วยปล่อยเอมม่าไปได้ไหม?” ฉันขอร้องอย่างอ่อนโยนนี่คือสิ่งที่ถูกต้องที่จะทำ ฉันไม่สามารถสอนโนอาเกี่ยวกับความเกลียดชังได้ในขณะที่ฉันยังเก็บความเกลียดชังนั้นไว้ในใจ มันไม่มีผลดีกับฉันเลย ฉันไม่อยากถือโทษโกรธแค้น ฉันมีโรแวน ฉันจึงมุ่งความสนใจไปที่การสร้างสัมพันธ์ในการแต่งงานกับเขาเขาวางช้อนลง “ไม่ครับ”“ได้โปรดนะคะ? สิ่งที่เธอทำมันผิดแต่ฉันไม่อยากยึดถือในความขมขื่นและความโกรธ ฉันไม่อยากให้เธอถูกทำโทษเพราะฉันเชื่อว่ากรรมนั้นมีจริง ฉันทำแบบนี้เพื่อตัวเอง โรแวน ไม่ใช่เพื่อเธอหรือทราวิสเลย ฉันอยากจะหายดีและก้าวต่อไป และฉันจะทำได้ด้วยการปล่อยวางอดีตลงเท่านั้น”“แต่เธอทำร้ายคุณ” เขาถอนหายใจ โดยปฏิเสธที่จะปล่อยเรื่องนี้ไป“ใช่ค่ะ และตามสิ่งที่ทราวิสบอกฉันมา สำหรับสองสัปดาห์นั้นที่เธอได้ชดใช้สำหรับความผิดพลาดนั้นของเธอ เธออาจได้เรียนรู้บทเรียนของเธอแล้วก็ได้”เขาดื้อรั้น และฉันเห็นได้ถึงความไม่เต็มใจในสายตาของเขา เขากำลังต่อสู้กับความจริงในคำพูดของฉันอยู่“ได้โปรดนะคะ?” ฉันอ้อนวอนอย่างอ่อนหวาน โดยกุมแก้มของเขาไว้อย่างอ่อนโยนสายตาของเขาจับจ้องอยู่กับฉัน และในทันทีนั้น พวกมันก็อ่อนโยน
เอมม่าฉันเดินโขยกเขยกช้า ๆ กลับไปยังห้องขังของตัวเอง คุกเปรียบเสมือนนรกบนดินโดยแท้ หน้าที่การงานของฉันคือการพิสูจน์ความบริสุทธิ์และส่งเหล่าอาชญากรมารับโทษในนี้ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะต้องมาอยู่ที่นี่เลยสองสัปดาห์ที่ผ่านมาตั้งแต่เข้ามาฉันไม่เคยได้นอนหลับสนิทสักคืน เพียงก้าวเข้ามาในห้องขังเท่านั้น ฉันก็เหมือนกลายเป็นศัตรูของทุกคนในทันที ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม คนพวกนี้เกลียดฉันและยังแสดงความเกลียดชังนี้ให้ประจักษ์ชัดอีกลึกลงไปในใจ ฉันรู้ดีว่านี่เป็นฝีมือของโรแวนทั้งหมด ฉันไม่ควรขัดขวางเขา ฉันไม่ควรประมาทความรักที่เขามีต่อเอวาเลย โรแวนที่ฉันเคยรู้จัก โรแวนของฉันไม่เคยทำร้ายฉัน ไม่เคยทำอะไรที่จะทำให้ฉันต้องเจ็บปวดแต่ตอนนี้คงพูดได้เต็มปากเต็มคำแล้วว่าชายหนุ่มที่ฉันรักและหวงแหนมาตลอดหลายปีได้หายไปแล้ว ชายหนุ่มที่ฉันเคยรักตายหายไปจากดวงตาคู่นี้แล้ว เขากลายเป็นชายผู้เย็นชา คนที่พร้อมจะทำลายฉันเพียงเพราะฉันกล้าล้ำเส้นเอวาฉันถอนหายใจเมื่อเดินมาถึงห้องขัง ทั้งเหนื่อยล้าและโทรม ไม่มีโอกาสได้อาบน้ำหรือกินอาหารดี ๆ เลยตั้งแต่ก้าวเข้ามาในที่แห่งนี้ทุกครั้งเมื่อถึงเวลาอาหาร เพื่
"นังโง่นี่ยังคิดว่าตัวเองสำคัญอยู่อีก" เบลล่า เพื่อนร่วมห้องขังอีกคนพูดขึ้น "ไม่รู้ตัวเลยว่าในนี้แกก็แค่ไอ้เศษขยะเหมือนพวกเราล่ะเว้ย"ฉันไม่เงยหน้ามองพวกเธอ เพียงจดจ่ออยู่ที่ข้อเท้าของตัวเองเท่านั้น มันบวมและแดงจนเห็นชัด หลังจากที่นังพวกนี่เล่นงานฉันจนหนำใจ ฉันควรให้พยาบาลตรวจดูอีกรอบแต่เพราะมัวแต่สนใจข้อเท้า ฉันจึงไม่ทันสังเกตว่ามีผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาใกล้ หนึ่งในนั้นกระชากผมฉันอย่างแรง ตอนนั้นฉันไม่ทันตั้งตัว จึงสะดุ้งเฮือกพร้อมเสียงร้องเจ็บปวด“ขอร้องแหละ ปล่อยฉันไปเถอะ” ฉันพูดอย่างตะกุกตะกัก ความเหนื่อยล้าถาโถมจนแทบทนไม่ไหวฉันรู้ดีว่าควรจะเงียบตั้งแต่แรก แต่คำพูดของฉันกลับทำให้จอยเผยยิ้มอันโหดเหี้ยมก่อนจะฟาดมือลงบนหน้าฉันอย่างแรง ฉันยกมือขึ้นพยายามปัดป้องทันทีที่เห็นเธอเงื้อมือเพื่อตบหน้าฉันอีกครั้ง"นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?" เสียงหนึ่งระเบิดขึ้นซึ่งทำให้พวกมันถอยห่างออกไปด้วยความกลัวฉันกลับไปนั่งงอตัวพร้อมกับสั่นเทิ้มไม่หยุด ฉันไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าจะสามารถทนรับเรื่องเหล่านี้ได้อีกนานเท่าใด ฉันอยากให้คนพวกนี้เลิกซ้อมฉันเสียที ฉันหวาดกลัวเหลือเกินว่าตนเองจะตายไปเสียแล้ว“เปล
เอวา“แม่ครับ กันเนอร์มานอนค้างเสาร์อาทิตย์นี้ได้ไหมครับ?” โนอาถาม แต่จิตใจของฉันล่องลอยไปอยู่ที่ไกลแสนไกลฉันเต็มไปด้วยความประหม่า จำได้ขึ้นใจว่าตนเองเคยพูดเอาไว้ว่าจะไปหาอีธานเมื่อพร้อม แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไป ไม่รู้ทำไมเรื่องนี้ถึงได้ตามกวนใจฉันอยู่เรื่อย ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน มันเหมือนฝังอยู่ในหัวตลอดเวลาฉันยังไม่ได้คุยกับโรแวนเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เขาเกลียดอีธานอย่างเห็นได้ชัด ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะมาจากไหนก็รู้ได้ทันที ไม่ใช่ว่าจะไปขออนุญาตเขาหรืออะไรแบบนั้น ต่อให้เขาจะชอบหรือไม่ ฉันก็จะไปหาอีธานอยู่ดีสิ่งที่ฉันรู้กังวลคือปฏิกิริยามากกว่า โรแวนรักไอริสเหมือนลูกแท้ ๆ ของตัวเอง และมันเห็นได้ชัด แต่อย่างที่ฉันบอก เขาก็แสดงออกชัดเจนเช่นกันว่าเขารังเกียจพ่อของหนูน้อย ฉันมั่นใจว่าเขาไม่มีทางพอใจกับการที่ฉันจะไปหาอีธานแน่ แต่สิ่งที่ฉันไม่มั่นใจคือ เขาจะเกลียดความคิดนี้เพราะเขาเกลียดอีธาน หรือเพราะอย่างอื่น หรืออาจจะทั้งสองอย่าง“แม่ครับ ฟังอยู่ไหมเนี่ย?”เสียงหงุดหงิดของโนอาดึงฉันกลับมาสู่ปัจจุบัน ฉันไม่ทันสังเกตเลยว่าตัวเองเหม่ออีกแล้ว“ว่าไงนะลูก?”เขามองฉันด้วยดวงต
“ถ้าขึ้นประโยคแบบนี้มา ไม่น่าจะมีเรื่องดีแล้วล่ะ” เขาขมวดคิ้วจ้องมาที่ฉันด้วยสีหน้ากังวล นั่นราวกับกำลังพยายามหาคำตอบว่าตนเองทำอะไรผิดหรือเปล่าฉันไม่ได้พูดอะไรออกมาต่อเลย ก่อนอื่นฉันพยายามลดความรู้สึกที่ยังคงค้างอยู่จากความปรารถนาอันร้อนแรงเมื่อครู่ลง ต่อมาฉันก็ยังไม่รู้จะเริ่มต้นพูดเรื่องนี้กับเขาอย่างไรดี จึงพยายามรวบรวมความคิดให้เป็นระเบียบเสียก่อน“คุณทำผมกลัวนะ เอวา” เขาพูด ทำให้ฉันตกใจและหัวเราะออกมาเบา ๆ“ไม่มีอะไรทำให้คุณกลัวได้หรอกค่ะ”และนี่ก็คือความจริงของโลกเลยแหละ ไม่มีอะไรทำให้ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันกลัวได้เลย มีอะไรเปลี่ยนไปขนาดนั้นเลยเหรอ? หรือมีบางอย่างเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ฉันจำไม่ได้จนทำให้เขากลัวอย่างนั้นเหรอ?เขายืนขึ้นและเดินเข้ามาใกล้จนถึงที่ฉันยืนอยู่ ใช้มือประคองแก้มฉันและจูบเบา ๆ อย่างรวดเร็ว ไม่ได้เร่าร้อนเหมือนเมื่อครู่ แต่ก็เข่าฉันก็อ่อนลงอยู่ดี“เมื่อก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้น่ะเหรอ? ตอนนี้ผมกลัวว่าจะเสียคุณไปไงล่ะ” เขาหยุดพูดก่อนมองดวงตาฉัน นั่นคือการแสดงความจริงใจในคำพูด “ผมกลัวว่าจะต้องอยู่ในโลกที่ไม่คุณไง”ฉันแทบหยุดหายใจเมื่อคำสารภาพนี้ออกมา ไม่เ
“แบบนั้นไม่เรียกว่าเป็นคำตอบนะ” ฉันเหน็บแนมดวงตาของเขาเหมือนพายุที่กำลังโหมกระหน่ำ คล้ายกับคลื่นที่หมุนวนในห้วงทะเลสีเทา ซึ่งกำลังกระชากฉันให้จมลงไปในนั้นพร้อมทั้งกักขังเอาไว้เช่นนั้นนิรันดร์จากนั้นฉันก็สังเกตเห็นบางสิ่งทันที ความสั่นกลัวจากตัวตนแสนแข็งแกร่งนี้ และนี่เองก็เป็นสาเหตุว่าทำไมโรแวนถึงไม่ต้องให้ฉันไปพบอีธานนับเป็นครั้งที่สองของวันนี้แล้วที่ฉันต้องตกตะลึงเช่นนี้“คุณกลัวอย่างนั้นเหรอ?” ฉันเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนขณะพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เพิ่งค้นพบตรงหน้าโรแวนขยับตัวเล็กน้อยก่อนหันหน้าหนีไปทางอื่น แต่ก็สายไปเสียแล้ว ฉันสังเกตเห็นความหวาดกลัวในสายตาคู่สีเทานี้ ไม่มีทางไหนที่เขาจะถอยหนีได้อีกฉันเดินเข้าไปใกล้พลางวางมือไว้บนไหล่เขา “โรแวน บอกฉันเถอะ”มือฉันนวดไหล่ของเขาโดยไม่รู้ตัวเมื่อสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่ส่งผ่านออกมา ฉันเพียงอยากเข้าใจถึงเหตุผลนั้นเขาปล่อยลมหายใจลึกที่เก็บไว้ก่อนจะหันกลับมามองฉันตั้งแต่ที่ฉันรู้จักโรแวนคนนี้มา นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นความหวาดหวั่นลึกลงไปในดวงตา“เอวา คุณพูดถูกแล้วล่ะ ผมรู้สึกกลัว” โรแวนถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า
ฉันรู้สึกเหมือนคนที่กำลังจะพังทลาย ทุกอย่างในร่างกายสั่นสะเทือนอย่างน่ากลัว หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างไม่เป็นจังหวะ ส่วนท้องก็ปั่นป่วนเหมือนถูกมัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออกฉันยืนจ้องกำแพงเรือนจำนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่แน่ใจว่าควรก้าวเข้าไปหรือไม่ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเคยมาเยี่ยมอีธานหรือเปล่า แต่สิ่งนี้สำคัญ ในตอนนี้มันให้ความรู้สึกเหมือนฉันกำลังจะพบคนแปลกหน้า“จะเข้าไปข้างในหรือยืนจ้องกำแพงอยู่อย่างนี้ทั้งวันครับ? มันเสียเวลาผมนะคุณ” เจ้าหน้าที่เฝ้าประตูพูดเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงหยาบคาย ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มแสนดูถูกฉันอุ้มไอริสแน่นในอ้อมแขนพลางจ้องมองเขา เข้าใจดี แต่จุดนี้เขาไม่มีสิทธิ์มาหยาบคายกับฉันแบบนี้…และยิ่งไปกว่านั้น มันคืองานของเขาที่ต้องยืนเฝ้า ฉันนึกสงสัยว่ามันจะทำให้เขาเสียเวลาอันมีค่าอะไรนักหนา“พูดว่าอะไรมิทราบ?” ฉันโต้กลับหากมีสิ่งหนึ่งที่ฉันทนไม่ได้ ก็คือความหยาบคายโดยไร้เหตุผลของเจ้าหน้าที่คนนี้เขากลอกตาใส่ฉัน การกระทำนี้ยิ่งทำให้ฉันโกรธจนอยากจะฟาดหน้าเขาสักที“ได้ยินแล้วนะครับ หูคุณคงไม่ได้หนวกหรอกมั้ง… มาทำอะไรที่นี่ครับคุณ? เมายาเหรอ? หรือเป็นพวกขายตัวเลยมาหาเง
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท
ฉันจ้องมองเขาอย่างมึนงง ไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรดี“คุณชอบกลิ่นหอม และคุณชอบกลิ่นที่มีเบอร์รี่ผสมอยู่มากกว่า ขอแค่น้ำหอมหรือสบู่เหลวอาบน้ำมีส่วนผสมของเบอร์รี่ คุณก็จะยอมซื้อ คุณไม่มีอาหารจานโปรดจริง ๆ เพราะคุณจะกินอะไรก็ได้ตราบใดที่มันอร่อย คุณชอบอาบน้ำอุ่นนาน ๆ เพราะมันทำให้คุณผ่อนคลาย คุณเกลียดความสูง คุณเกลียดการไปสาย และคุณเกลียดการขึ้นเครื่องบินด้วย คุณเกลียดแมลงสาบ คุณมักจะพูดว่าอยากให้บ้านของคุณเต็มไปด้วยแมงมุมมากกว่าพวกแมลงสีน้ำตาลน่ารังเกียจนั่น... ให้ผมจะพูดต่อไหม”เขาไม่ให้โอกาสฉันตอบ“คุณชอบรวบผมเป็นหางม้าและมวยผม คุณไม่ชอบแต่งหน้ามากนักและแต่งหน้าเฉพาะเมื่อจำเป็นหรืออยากแต่ง คุณไม่ชอบนอนหงายเพราะมันทำให้คุณนึกถึงคนตายในโลงศพ คุณเกลียดความไม่เป็นระเบียบและสีเหลืองด้วย…”ฉันยกมือให้เขาหยุดพูดเพราะฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง เพราะเราไม่เคยสนิทกันมาก่อน ครอบครัวชาร์พคงไม่ได้บอกเขาหรอก เพราะพวกเขาแทบจะไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ“ได้ยังไง?” ฉันพูดติดขัด ในหัวไม่สามารถประมวณผลทุกอย่างได้“ผมบอกคุณแล้ว” เขากล่าวพร้
ฉันมองออกไปนอกรถแล้วตะลึงงัน สถานที่แห่งนี้ดูราวกับเป็นสวรรค์ มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่มีหญ้าเขียวขจีและคงมีดอกไม้มากมายนานาพันธุ์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของที่นี่ แต่มันคือเพราะทิวทัศน์ต่างหาก ดวงดาวนับพันเปล่งแสงระยิบระยับราวกับกำลังเห็นด้วยกับเดตนี้“คุณชอบไหม” โรแวนถาม และคำตอบเดียวของฉันคือการพยักหน้าฉันค่อย ๆ ออกจากรถ สูดอากาศบริสุทธิ์และชมทิวทัศน์ที่สวยงามจับใจ ฉันเดินไปเกือบถึงขอบถนนและมองลงไปที่เมืองเบื้องล่าง ฉันไม่รู้ว่าโรแวนไปเจอสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร และฉันก็ไม่สนใจฉันหลับตาลง รู้สึกว่าความกังวลทั้งหมดมลายหายไป นี่คือฉากในแบบที่ฉันชอบ ฉันชอบมันมากเมื่อฉันหันกลับไป ฉันพบว่าโรแวนจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มีผ้าห่มและตะกร้าปิกนิกพร้อมสิ่งที่ฉันเดาว่าเป็นช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่และไวน์ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่เราสั่งอยู่ด้วยฉันเดินช้า ๆ ไปหาเขา ถอดรองเท้าและนั่งลงข้าง ๆ เขา “นี่มันสุดยอดเลย โรแวน ขอบคุณนะคะ”เขาพยักหน้า “อะไรก็ตามที่จะทำให้คุณมีความสุขที่รัก ตอนนี้เรามาทานอาหารกันเถอะ เพราะผมหิวจะแย่แล้ว”เราทานอาหารกันเงียบ ๆ ฉันใช้โอกาสนี้ชื่นชมทิวทัศน์
การเดินทางใช้เวลาไม่นานนัก และนอกจากการคุยกันเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เราก็เงียบกันเกือบตลอดเวลา แต่ก็เป็นครั้งแรกเท่าที่ฉันจำได้ ที่ความเงียบระหว่างเราให้ความรู้สึกสบายใจในช่วงเวลาที่หาได้ยากที่เราขับรถไปด้วยกัน โรแวนมักจะพยายามทำเป็นไม่สนใจฉัน ขณะที่ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อชวนเขาคุย ซึ่งมันมักจะทำให้บรรยากาศดูอึดอัดและแปลก ๆ เสมอ“คุณยิ้มทำไม” ฉันถามเขาเมื่อเขาลงจากรถเพื่อช่วยฉันออกจากรถรอยยิ้มของเขาควรจะเป็นอาวุธทำลายล้างสำหรับผู้หญิงโดยแท้ แน่นอนว่าเขาหล่ออยู่แล้ว แต่เมื่อโรแวนยิ้ม มันยิ่งทำให้ความหล่อของเขาก้าวไปอีกระดับหนึ่ง“ผมจะมีความสุขที่พาผู้หญิงของตัวเองออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ” เขาถามพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อยไม่รู้ทำไม ฉันถึงหัวเราะคิกคักขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ปกติฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหัวร่อต่อกระซิก ฉันไม่เคยหัวเราะแบบนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต จริง ๆ แล้วฉันเคยคิดว่ามันดูน่ารังเกียจด้วยซ้ำเมื่อเห็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับเป็นคนที่ทำเสียเอง“ขอโทษที ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงหัวเราะแบบนั้น” ฉันเอ่ยขอโทษขณะที่พยายามรวบรวมสติเขาจับมือฉัน และฉันก็คล้อ
ฉันมองตัวเองในกระจก และมีความสุขกับลุคของตัวเอง ฉันเกล้าผมเป็นมวยต่ำและม้วนผมเป็นลอนเข้ากับกรอบหน้า คืนนี้ฉันต้องการอะไรที่แปลกใหม่ เพราะเป็นเดตครั้งแรกของฉันกับโรแวน ฉันจึงตัดสินใจเลือกอายแชโดว์สีสโมกี้ที่ดูไม่ฉูดฉาดแต่เย้ายวนกับลิปสติกสีแดงส่วนชุดเดรส ฉันเลือกชุดเดรสสีดำยาวระดับเข่า มีคอเสื้อเว้าลึกที่ยึดด้วยสายรัดบาง ๆ เผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย พอให้ดูยั่วยวนแต่ไม่เกินงาม อีกทั้งเป็นชุดเปิดหลังซึ่งฉันมั่นใจว่าจะทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ต้องคลั่งฉันยังคงจ้องมองตัวเองในขณะที่ลูบมือไปตามเนื้อผ้าที่นุ่มนวล ชุดนี้เข้ารูปพอดีตัว และต้องขอบคุณที่ฉันเพิ่งผ่านช่วงตั้งครรภ์ เลยทำให้ตอนนี้ฉันมีส่วนเว้าโค้งที่พอดิบพอดี“โอ้โหที่รัก ถ้าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ฉันคงจีบเธอไปแล้วแน่ ๆ” เล็ตตี้กล่าวชมด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่ม “เธอเซ็กซี่มาก แบบที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้เลย” “เธอพูดถูก” โครินพูดเสริมพวกเธอกลับไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ตอนนี้เรากำลังคุยกันทางวิดิโอคอล เพราะฉันต้องการฟังความคิดเห็นที่จริงใจของพวกเธอ เดตครั้งนี้สำคัญมาก อย่างที่ฉันบอก นี่เป็นเดตครั้งแรกของโรแวนกับฉัน ฉันจึงอยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูร
“เอานี่ไปสิ” เขาสั่งพลางยื่นแบล็คการ์ดของเขาให้ฉันฉันมองบัตรนั้นอย่างลังเล “โรแวน…”“เอาไปเถอะ เอวา ตอนนี้คุณเป็นของผมแล้ว หมายความว่าทุกอย่างที่ผมมีก็เป็นของคุณ คุณอาจจะมีเงิน แต่ตราบใดที่เรายังอยู่ด้วยกัน คุณไม่จำเป็นต้องใช้มัน”ฉันขมวดคิ้วด้วยความสับสน สายตาของฉันเลื่อนไปที่เขา ฉันไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรที่บอกว่า ‘ฉันมีเงิน’ ฉันไม่มีเวลาซักถามเขา และฉันจะไม่เถียง เพราะจากแววตาที่เขามองมาที่ฉัน ฉันรู้ว่าเขาจะไม่เปลี่ยนใจ “โอเค” ฉันพึมพำพลางรับบัตร “ขอบคุณนะ”ฉันไม่ได้คิดจะใช้บัตรใบนั้นหรอก แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องรู้ หลังจากบอกลากัน ฉันก็ออกจากบ้าน เราตัดสินใจใช้รถหนึ่งคัน บอดี้การ์ดคนหนึ่งจึงขับรถพาเราไปที่ห้างสรรพสินค้าฉันตื่นเต้นมากจนแทบจะห้ามใจไม่อยู่ ไม่นานเราก็มาถึง และหลังจากจอดรถเราก็ตรงไปที่ร้านค้าทันที โดยมีบอริสเดินตามอยู่ข้างหลัง“ว่าแต่เธอกำลังมองหาอะไรอยู่เหรอ” เล็ตตี้ถามขณะเราเข้าไปในร้านแบรนด์หรูแห่งหนึ่งฉันมองร้านด้วยความกังวล รู้สึกตกตะลึงกับป้ายราคา“เล็ตตี้ ฉันไม่คิดว่าจะซื้ออะไรที่นี่ได้หรอก” ฉันเอ่ยขึ้นเสียงแหลม “ราคาที่นี่ทำฉันหัวใจวายได้เลย”พว
“ได้สิ แน่นอน”หลังจากนั้นเขาก็วางสาย ฉันถอนหายใจ รู้สึกผิดหวังนิดหน่อยที่เขาไม่ได้หาทางออกให้ ในตอนนี้ฉันคิดว่าจะรับข้อเสนอของโครินหรือไม่ก็พาไอริสไปด้วยแทน ซึ่งคงปวดหัวไม่น้อย การไปช้อปปิ้งกับลูกมักจะเป็นแบบนั้นฉันถือโทรศัพท์แล้วเดินลงไปชั้นล่าง ไอริสยังหลับอยู่ ส่วนโครินกับเล็ตตี้กำลังคุยกัน ขนมที่เทเรซาเอามาให้ก็เกือบจะหมดแล้ว“แล้วเขาว่าไงบ้าง” เล็ตตี้ถามหลังจากกลืนคุกกี้ลงคอฉันตอบพร้อมยักไหล่ “ไม่มีอะไรมาก เขาแค่บอกให้ฉันรอให้เขาคิดหาวิธีแก้ปัญหาก่อน” ฉันนั่งลงและหยิบคุกกี้ขึ้นมา ฉันเคี้ยวมันอย่างเอร็ดอร่อยจนเกือบร้องครางออกมา เทเรซาบอกฉันว่าเธอใช้สูตรลับที่สืบทอดมาจากคุณย่าทวดของเธอ ฉันเองยังพยายามโน้มน้าวให้เธอแบ่งปันสูตรที่ว่านั้นให้เลย“บ้าจริง เทเรซาสร้างความฟินด้วยอาหารเก่งชะมัด... นี่มันอร่อยสุด ๆ เลย” โครินชมขณะที่หยิบคุกกี้ขึ้นมาอีกชิ้นฉันได้แต่ยิ้มเพราะรู้ว่าเธอพูดถูก โนอาหลงใหลคุ้กกี้ของเธอมาก ฉันก็เช่นกัน โรแวนไม่ชอบของหวานเท่าไร แต่เขาเคยลองกินครั้งหนึ่งและก็ต้องยอมรับว่ามันอร่อย ถ้าเทเรซาคิดจะทำธุรกิจคุกกี้ เธอต้องขายได้แน่นอน เธอทำได้อร่อยถึงขั้นนั้นเชียวล
“นี่เอาจริงเหรอ” เล็ตตี้ถามด้วยความตกตะลึง“ใช่” ฉันตอบ “วันนี้ฉันค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัว แต่ไม่มีอะไรที่เหมาะจะใส่ออกเดตเลย แม้แต่เดรสสั้นสีดำเล็ก ๆ สักตัวก็ยังไม่มี” พูดตามตรงว่าเรื่องนี้ค่อนข้างน่าแปลกใจ ฉันจำความทรงจำครั้งหนึ่งกับอีธานได้ เราไปเดตกันและฉันมีชุดเดรสสีแดงรัดรูปตัวหนึ่ง ไม่ใช่ว่าฉันคิดจะใส่มันหรอก แต่ตอนนี้มันหายไปจากตู้เสื้อผ้า ฉันมีแค่กางเกงยีนส์กับเดรสฤดูร้อนไม่กี่ตัวเท่านั้น“ไม่ต้องกังวลหรอก เพื่อนรัก เราจะช่วยเธอเอง... จริง ๆ แล้ว ฉันคิดว่าเราควรไปช้อปปิ้งกัน” โครินพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงฟังดูน่าสนุก แต่ฉันอดกังวลเกี่ยวกับไอริสไม่ได้ ฉันไม่อยากพาเธอไปด้วยเพราะเรารู้กันดีว่าการช้อปปิ้งมันทั้งยาวนานและเหนื่อยล้า แต่ฉันก็ไม่อยากทิ้งเธอไว้ที่นี่เช่นกัน“ไม่รู้สิ” ฉันพึมพำพลางกัดริมฝีปากไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจเทเรซา แต่ฉันแค่รู้สึกไม่สบายใจที่จะทิ้งเธอไว้กับหล่อน มันคงไม่เป็นไรถ้าโนอาหรือโรแวนอยู่แถวนี้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่“เกี่ยวกับเรื่องไอริสงั้นเหรอ?” เล็ตตี้ถามขณะมองลึกเข้ามาในดวงตาฉันแทนที่จะตอบ ฉันแค่พยักหน้า ฉันอยากไปช้อปปิ้งจริง ๆ ฉันถูกขังอย
“แล้วเธอคิดว่าฉันควรทำยังไง” โครินถามพร้อมมองพวกเราอย่างต้องการคำตอบ“ก่อนอื่นเลย เธอต้องการเขาไหม” ฉันถามด้วยความอยากรู้นั่นคือคำถามแรกที่เธอต้องถามตัวเอง เราทำอะไรต่อไม่ได้เลยจนกว่าเธอจะตอบคำถามนั้น “ฉันหลงใหลเขาอย่างโงหัวไม่ขึ้น แต่ฉันไม่รู้ว่าควรยุ่งเกี่ยวกับเขาหรือเปล่า ตำรวจยังคงตามล่าเขาอยู่ และฉันไม่ต้องการความสัมพันธ์ที่จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองในภายหลังและทำลายทุกอย่างที่ฉันทุ่มเทมา” ครู่หนึ่งเธอก็เอ่ยตอบฉันเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร รีเปอร์ไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นอาชญากร ซึ่งหมายความว่าการยุ่งเกี่ยวกับเขาจะมีผลร้ายแรง ซึ่งทำให้ฉันสงสัยว่าฉันคิดอะไรอยู่ถึงได้เป็นเพื่อนกับผู้ชายคนนั้น ฉันเข้าใจว่าเขาเป็นลุงของไอริส แต่ผู้ชายคนนั้นเป็นอันตรายและตำรวจก็กำลังต้องการตัวเขา“ฉันคิดว่าเธอควรลองดูนะ ฟันเขาสักครั้งแล้วค่อยตัดสินใจ” เล็ตตี้บอกเธอ ฉันกำลังจะขัดจังหวะเธอเพราะคิดว่าเธอเสียสติ แต่เธอตัดบทฉันเสียก่อน “ฟังฉันก่อนน่า เราทั้งคู่รู้ว่าเอวาไม่ใช่คนที่เชื่อใจใครโดยไม่ลืมหูลืมหา ยกเว้นอีธานล่ะนะ เธอเป็นคนที่ดูคนเก่งทีเดียว”“แม้แต่กับอีธาน เราก็ยอมรับว่าเขาเป็นคนดี เขาแค่ยอมให้คว