“โรแวนทานข้าวหรือยังจ๊ะ”“ยังค่ะ เขาบอกฉันว่าเขาจะทานหลังจากเขาเสร็จงานแล้วและเขาเกรงใจฉันค่ะ”ฉันพยักหน้า “โอเคถ้างั้น ฝันดีนะคะ”“ฝันดีเช่นกันค่ะ” หลังจากเธอออกไป ฉันจึงจัดจานให้โรแวน ใครจะไปรู้ว่านานแค่ไหนก่อนที่เขาจะเสร็จงาน เขาไม่สามารถทำงานตอนท้องว่างได้ เมื่อฉันเสร็จจึงนำจานอาหารมุ่งตรงไปที่ห้องทำงานของเขาประตูเปิดอยู่ แต่ฉันยังเคาะอยู่ดีเขาเงยหน้ามองจากกระดาษที่เขากำลังตรวจดู แม้ว่าเขาดูเหนื่อย บางทีจากการอดหลับอดนอน เขาก็ยังคงเซ็กซี่โคตร ๆ อยู่ดี“รู้ไหมคุณไม่ต้องเคาะก็ได้ เอวา” เขาบอกขณะที่เขาเอนพิงกับเก้าอี้ฉันอยากจะเตือนเขาว่ามันไม่ใช่แบบนั้นมาก่อน แต่ฉันยั้งตัวเองไว้ ในอดีตเขาจะไม่แม้แต่ให้ฉันอยู่ใกล้ห้องทำงานของเขาเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะตอนที่เขาอยู่ข้างใน“ฉันเอาอาหารเย็นมาให้ค่ะ” ฉันบอกเขา โดยพยายามผลักอดีตออกไปฉันเดินเข้าไปในห้องและวางจานอาหารไว้ตรงหน้าเขา ฉันกำลังจะเดินอ้อมโต๊ะและนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง แต่เขาหยุดฉันไว้เขาคว้าจับมือของฉันและดึงฉันไปหาเขา จึงทำให้ฉันนั่งลงบนตักของเขา ฉันไม่ได้รังเกียจมันเลยสักนึด“อืม ผมคิดถึงคุณ…ผมรอให้ข้อสัญญานี้อนุมัติ
“คุณช่วยปล่อยเอมม่าไปได้ไหม?” ฉันขอร้องอย่างอ่อนโยนนี่คือสิ่งที่ถูกต้องที่จะทำ ฉันไม่สามารถสอนโนอาเกี่ยวกับความเกลียดชังได้ในขณะที่ฉันยังเก็บความเกลียดชังนั้นไว้ในใจ มันไม่มีผลดีกับฉันเลย ฉันไม่อยากถือโทษโกรธแค้น ฉันมีโรแวน ฉันจึงมุ่งความสนใจไปที่การสร้างสัมพันธ์ในการแต่งงานกับเขาเขาวางช้อนลง “ไม่ครับ”“ได้โปรดนะคะ? สิ่งที่เธอทำมันผิดแต่ฉันไม่อยากยึดถือในความขมขื่นและความโกรธ ฉันไม่อยากให้เธอถูกทำโทษเพราะฉันเชื่อว่ากรรมนั้นมีจริง ฉันทำแบบนี้เพื่อตัวเอง โรแวน ไม่ใช่เพื่อเธอหรือทราวิสเลย ฉันอยากจะหายดีและก้าวต่อไป และฉันจะทำได้ด้วยการปล่อยวางอดีตลงเท่านั้น”“แต่เธอทำร้ายคุณ” เขาถอนหายใจ โดยปฏิเสธที่จะปล่อยเรื่องนี้ไป“ใช่ค่ะ และตามสิ่งที่ทราวิสบอกฉันมา สำหรับสองสัปดาห์นั้นที่เธอได้ชดใช้สำหรับความผิดพลาดนั้นของเธอ เธออาจได้เรียนรู้บทเรียนของเธอแล้วก็ได้”เขาดื้อรั้น และฉันเห็นได้ถึงความไม่เต็มใจในสายตาของเขา เขากำลังต่อสู้กับความจริงในคำพูดของฉันอยู่“ได้โปรดนะคะ?” ฉันอ้อนวอนอย่างอ่อนหวาน โดยกุมแก้มของเขาไว้อย่างอ่อนโยนสายตาของเขาจับจ้องอยู่กับฉัน และในทันทีนั้น พวกมันก็อ่อนโยน
เอมม่าฉันเดินโขยกเขยกช้า ๆ กลับไปยังห้องขังของตัวเอง คุกเปรียบเสมือนนรกบนดินโดยแท้ หน้าที่การงานของฉันคือการพิสูจน์ความบริสุทธิ์และส่งเหล่าอาชญากรมารับโทษในนี้ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะต้องมาอยู่ที่นี่เลยสองสัปดาห์ที่ผ่านมาตั้งแต่เข้ามาฉันไม่เคยได้นอนหลับสนิทสักคืน เพียงก้าวเข้ามาในห้องขังเท่านั้น ฉันก็เหมือนกลายเป็นศัตรูของทุกคนในทันที ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม คนพวกนี้เกลียดฉันและยังแสดงความเกลียดชังนี้ให้ประจักษ์ชัดอีกลึกลงไปในใจ ฉันรู้ดีว่านี่เป็นฝีมือของโรแวนทั้งหมด ฉันไม่ควรขัดขวางเขา ฉันไม่ควรประมาทความรักที่เขามีต่อเอวาเลย โรแวนที่ฉันเคยรู้จัก โรแวนของฉันไม่เคยทำร้ายฉัน ไม่เคยทำอะไรที่จะทำให้ฉันต้องเจ็บปวดแต่ตอนนี้คงพูดได้เต็มปากเต็มคำแล้วว่าชายหนุ่มที่ฉันรักและหวงแหนมาตลอดหลายปีได้หายไปแล้ว ชายหนุ่มที่ฉันเคยรักตายหายไปจากดวงตาคู่นี้แล้ว เขากลายเป็นชายผู้เย็นชา คนที่พร้อมจะทำลายฉันเพียงเพราะฉันกล้าล้ำเส้นเอวาฉันถอนหายใจเมื่อเดินมาถึงห้องขัง ทั้งเหนื่อยล้าและโทรม ไม่มีโอกาสได้อาบน้ำหรือกินอาหารดี ๆ เลยตั้งแต่ก้าวเข้ามาในที่แห่งนี้ทุกครั้งเมื่อถึงเวลาอาหาร เพื่
"นังโง่นี่ยังคิดว่าตัวเองสำคัญอยู่อีก" เบลล่า เพื่อนร่วมห้องขังอีกคนพูดขึ้น "ไม่รู้ตัวเลยว่าในนี้แกก็แค่ไอ้เศษขยะเหมือนพวกเราล่ะเว้ย"ฉันไม่เงยหน้ามองพวกเธอ เพียงจดจ่ออยู่ที่ข้อเท้าของตัวเองเท่านั้น มันบวมและแดงจนเห็นชัด หลังจากที่นังพวกนี่เล่นงานฉันจนหนำใจ ฉันควรให้พยาบาลตรวจดูอีกรอบแต่เพราะมัวแต่สนใจข้อเท้า ฉันจึงไม่ทันสังเกตว่ามีผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาใกล้ หนึ่งในนั้นกระชากผมฉันอย่างแรง ตอนนั้นฉันไม่ทันตั้งตัว จึงสะดุ้งเฮือกพร้อมเสียงร้องเจ็บปวด“ขอร้องแหละ ปล่อยฉันไปเถอะ” ฉันพูดอย่างตะกุกตะกัก ความเหนื่อยล้าถาโถมจนแทบทนไม่ไหวฉันรู้ดีว่าควรจะเงียบตั้งแต่แรก แต่คำพูดของฉันกลับทำให้จอยเผยยิ้มอันโหดเหี้ยมก่อนจะฟาดมือลงบนหน้าฉันอย่างแรง ฉันยกมือขึ้นพยายามปัดป้องทันทีที่เห็นเธอเงื้อมือเพื่อตบหน้าฉันอีกครั้ง"นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?" เสียงหนึ่งระเบิดขึ้นซึ่งทำให้พวกมันถอยห่างออกไปด้วยความกลัวฉันกลับไปนั่งงอตัวพร้อมกับสั่นเทิ้มไม่หยุด ฉันไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าจะสามารถทนรับเรื่องเหล่านี้ได้อีกนานเท่าใด ฉันอยากให้คนพวกนี้เลิกซ้อมฉันเสียที ฉันหวาดกลัวเหลือเกินว่าตนเองจะตายไปเสียแล้ว“เปล
เอวา“แม่ครับ กันเนอร์มานอนค้างเสาร์อาทิตย์นี้ได้ไหมครับ?” โนอาถาม แต่จิตใจของฉันล่องลอยไปอยู่ที่ไกลแสนไกลฉันเต็มไปด้วยความประหม่า จำได้ขึ้นใจว่าตนเองเคยพูดเอาไว้ว่าจะไปหาอีธานเมื่อพร้อม แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไป ไม่รู้ทำไมเรื่องนี้ถึงได้ตามกวนใจฉันอยู่เรื่อย ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน มันเหมือนฝังอยู่ในหัวตลอดเวลาฉันยังไม่ได้คุยกับโรแวนเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เขาเกลียดอีธานอย่างเห็นได้ชัด ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะมาจากไหนก็รู้ได้ทันที ไม่ใช่ว่าจะไปขออนุญาตเขาหรืออะไรแบบนั้น ต่อให้เขาจะชอบหรือไม่ ฉันก็จะไปหาอีธานอยู่ดีสิ่งที่ฉันรู้กังวลคือปฏิกิริยามากกว่า โรแวนรักไอริสเหมือนลูกแท้ ๆ ของตัวเอง และมันเห็นได้ชัด แต่อย่างที่ฉันบอก เขาก็แสดงออกชัดเจนเช่นกันว่าเขารังเกียจพ่อของหนูน้อย ฉันมั่นใจว่าเขาไม่มีทางพอใจกับการที่ฉันจะไปหาอีธานแน่ แต่สิ่งที่ฉันไม่มั่นใจคือ เขาจะเกลียดความคิดนี้เพราะเขาเกลียดอีธาน หรือเพราะอย่างอื่น หรืออาจจะทั้งสองอย่าง“แม่ครับ ฟังอยู่ไหมเนี่ย?”เสียงหงุดหงิดของโนอาดึงฉันกลับมาสู่ปัจจุบัน ฉันไม่ทันสังเกตเลยว่าตัวเองเหม่ออีกแล้ว“ว่าไงนะลูก?”เขามองฉันด้วยดวงต
“ถ้าขึ้นประโยคแบบนี้มา ไม่น่าจะมีเรื่องดีแล้วล่ะ” เขาขมวดคิ้วจ้องมาที่ฉันด้วยสีหน้ากังวล นั่นราวกับกำลังพยายามหาคำตอบว่าตนเองทำอะไรผิดหรือเปล่าฉันไม่ได้พูดอะไรออกมาต่อเลย ก่อนอื่นฉันพยายามลดความรู้สึกที่ยังคงค้างอยู่จากความปรารถนาอันร้อนแรงเมื่อครู่ลง ต่อมาฉันก็ยังไม่รู้จะเริ่มต้นพูดเรื่องนี้กับเขาอย่างไรดี จึงพยายามรวบรวมความคิดให้เป็นระเบียบเสียก่อน“คุณทำผมกลัวนะ เอวา” เขาพูด ทำให้ฉันตกใจและหัวเราะออกมาเบา ๆ“ไม่มีอะไรทำให้คุณกลัวได้หรอกค่ะ”และนี่ก็คือความจริงของโลกเลยแหละ ไม่มีอะไรทำให้ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันกลัวได้เลย มีอะไรเปลี่ยนไปขนาดนั้นเลยเหรอ? หรือมีบางอย่างเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ฉันจำไม่ได้จนทำให้เขากลัวอย่างนั้นเหรอ?เขายืนขึ้นและเดินเข้ามาใกล้จนถึงที่ฉันยืนอยู่ ใช้มือประคองแก้มฉันและจูบเบา ๆ อย่างรวดเร็ว ไม่ได้เร่าร้อนเหมือนเมื่อครู่ แต่ก็เข่าฉันก็อ่อนลงอยู่ดี“เมื่อก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้น่ะเหรอ? ตอนนี้ผมกลัวว่าจะเสียคุณไปไงล่ะ” เขาหยุดพูดก่อนมองดวงตาฉัน นั่นคือการแสดงความจริงใจในคำพูด “ผมกลัวว่าจะต้องอยู่ในโลกที่ไม่คุณไง”ฉันแทบหยุดหายใจเมื่อคำสารภาพนี้ออกมา ไม่เ
“แบบนั้นไม่เรียกว่าเป็นคำตอบนะ” ฉันเหน็บแนมดวงตาของเขาเหมือนพายุที่กำลังโหมกระหน่ำ คล้ายกับคลื่นที่หมุนวนในห้วงทะเลสีเทา ซึ่งกำลังกระชากฉันให้จมลงไปในนั้นพร้อมทั้งกักขังเอาไว้เช่นนั้นนิรันดร์จากนั้นฉันก็สังเกตเห็นบางสิ่งทันที ความสั่นกลัวจากตัวตนแสนแข็งแกร่งนี้ และนี่เองก็เป็นสาเหตุว่าทำไมโรแวนถึงไม่ต้องให้ฉันไปพบอีธานนับเป็นครั้งที่สองของวันนี้แล้วที่ฉันต้องตกตะลึงเช่นนี้“คุณกลัวอย่างนั้นเหรอ?” ฉันเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนขณะพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เพิ่งค้นพบตรงหน้าโรแวนขยับตัวเล็กน้อยก่อนหันหน้าหนีไปทางอื่น แต่ก็สายไปเสียแล้ว ฉันสังเกตเห็นความหวาดกลัวในสายตาคู่สีเทานี้ ไม่มีทางไหนที่เขาจะถอยหนีได้อีกฉันเดินเข้าไปใกล้พลางวางมือไว้บนไหล่เขา “โรแวน บอกฉันเถอะ”มือฉันนวดไหล่ของเขาโดยไม่รู้ตัวเมื่อสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่ส่งผ่านออกมา ฉันเพียงอยากเข้าใจถึงเหตุผลนั้นเขาปล่อยลมหายใจลึกที่เก็บไว้ก่อนจะหันกลับมามองฉันตั้งแต่ที่ฉันรู้จักโรแวนคนนี้มา นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นความหวาดหวั่นลึกลงไปในดวงตา“เอวา คุณพูดถูกแล้วล่ะ ผมรู้สึกกลัว” โรแวนถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า
ฉันรู้สึกเหมือนคนที่กำลังจะพังทลาย ทุกอย่างในร่างกายสั่นสะเทือนอย่างน่ากลัว หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างไม่เป็นจังหวะ ส่วนท้องก็ปั่นป่วนเหมือนถูกมัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออกฉันยืนจ้องกำแพงเรือนจำนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่แน่ใจว่าควรก้าวเข้าไปหรือไม่ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเคยมาเยี่ยมอีธานหรือเปล่า แต่สิ่งนี้สำคัญ ในตอนนี้มันให้ความรู้สึกเหมือนฉันกำลังจะพบคนแปลกหน้า“จะเข้าไปข้างในหรือยืนจ้องกำแพงอยู่อย่างนี้ทั้งวันครับ? มันเสียเวลาผมนะคุณ” เจ้าหน้าที่เฝ้าประตูพูดเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงหยาบคาย ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มแสนดูถูกฉันอุ้มไอริสแน่นในอ้อมแขนพลางจ้องมองเขา เข้าใจดี แต่จุดนี้เขาไม่มีสิทธิ์มาหยาบคายกับฉันแบบนี้…และยิ่งไปกว่านั้น มันคืองานของเขาที่ต้องยืนเฝ้า ฉันนึกสงสัยว่ามันจะทำให้เขาเสียเวลาอันมีค่าอะไรนักหนา“พูดว่าอะไรมิทราบ?” ฉันโต้กลับหากมีสิ่งหนึ่งที่ฉันทนไม่ได้ ก็คือความหยาบคายโดยไร้เหตุผลของเจ้าหน้าที่คนนี้เขากลอกตาใส่ฉัน การกระทำนี้ยิ่งทำให้ฉันโกรธจนอยากจะฟาดหน้าเขาสักที“ได้ยินแล้วนะครับ หูคุณคงไม่ได้หนวกหรอกมั้ง… มาทำอะไรที่นี่ครับคุณ? เมายาเหรอ? หรือเป็นพวกขายตัวเลยมาหาเง
“สวัสดี” ไม่รู้เพราะอะไร ฉันถึงพูดออกมาเสียงแปลก ๆการได้เจอกับเอวาตัวต่อตัวแบบนี้ มันเหมือนกับการได้เจอคนที่เราแอบชอบมาตลอด จู่ ๆ ฉันก็เหงื่อซึมและรู้สึกประหม่าเธอไม่ตอบอะไรแต่กลับดึงฉันเข้าไปกอดแน่น กอดนั้นอบอุ่น ราวกับได้กอดตุ๊กตาหมีนุ่ม ๆ“ยินดีที่ได้เจออย่างเป็นทางการนะ ฮาร์เปอร์ ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของเราจ๊ะ” เธอกระซิบก่อนจะผละออกไปเกเบรียลพาฉันเดินไปยังพื้นที่จัดเลี้ยงกลางแจ้งที่เต็มไปด้วยอาหารหลากหลายบนโต๊ะ เขาจัดที่นั่งให้ฉันนั่งอยู่ข้าง ๆเขาจะรู้ไหมว่าฉันมีเหตุผลที่ไม่อยากอยู่ใกล้เขา?ไม่กี่วินาทีต่อมา ทุกคนก็เริ่มลงมือรับประทานอาหารกัน“แล้วนี่ฮาร์เปอร์ หนูทำงานอะไรล่ะ?” แม่ของเกเบรียลถามฉันกลืนน้ำลายเมื่อทุกสายตาหันมาที่ฉัน ฉันไม่ชอบเลยเวลาที่คนสนใจฉันแบบนี้“นักออกแบบภายในค่ะ” ฉันตอบโดยพยายามไม่หลบตาถ้ามีสิ่งหนึ่งที่แม่ฉันสอนฉันก็คือการสบตาสำคัญมาก โดยเฉพาะกับคนที่อยู่ในโลกแบบเรา คนรวยและมีอิทธิพลมองว่าการหลบสายตาเป็นสัญญาณของความอ่อนแอ แม่ปลูกฝังให้พวกเราไม่มีวันแสดงความอ่อนแอนั้นออกมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม“พอดีเลย” เอวาพูดเสริม “ฉันอยากปรับเปลี่ยน
“เขาแต่งงานกับเอวาเหรอ?” ฉันถามด้วยความตกใจ“ก็ใช่น่ะสิ” เกเบรียลตอบก่อนจะหรี่ตาใส่ฉัน “ทำไมคุณถึงดูตกใจกับเรื่องนี้ขนาดนั้น?”ฉันยักไหล่พร้อมตอบ “ก็คงเพราะฉันตกใจจริง ๆ”และฉันตกใจจริง ๆ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ไม่เคยแม้แต่นิดเดียว จากที่ฉันจำได้ โรแวนเกลียดเอวามาก แล้วเขาลงเอยกับเธอได้ยังไง? อะไรทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปมากขนาดนี้จนเขามีความสุขสุด ๆ แบบนี้?โรแวนที่ฉันจำได้เป็นคนอารมณ์ร้าย ขมขื่น และเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขามีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา และแทบไม่ยิ้มเลย ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากเขานอนกับเอวาและเลิกกับเอมม่าโรแวนคนใหม่ที่ฉันเห็นนี้ทำให้ฉันนึกถึงตอนที่เขาอยู่กับเอมม่า ตอนนั้นใบหน้าของเขาจะสดใสขึ้นทันทีที่เห็นเธอหรืออยู่ใกล้เธอ เขายิ้มอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับว่าแค่การมีเอมม่าอยู่ในชีวิตก็ทำให้เขามีความสุขด้วยเหตุนี้ คุณคงเข้าใจว่าทำไมฉันถึงสงสัยว่าเอวาเป็นคนที่ทำให้เขามีความสุขขนาดนี้ เว้นแต่มีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไปในช่วงที่ฉันไม่อยู่ หรือพวกเขาแค่ตัดสินใจอยู่ด้วยกันเพราะเห็นแก่ความสุขลูก ๆ“ไม่ดีเลยนะที่ไปตัดสินคนอื่นแบบนั้น” เสียงของเกเบรียลดึงฉันอ
โรแวนดูมีความสุขในตอนนี้ ซึ่งทำให้ฉันคิดว่าเขาคงกลับไปคบกับเอมม่าอีกครั้ง นั่นน่าจะเป็นคำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้ จากที่เกเบรียลเคยเล่าให้ฟัง โรแวนเคยเกลียดเอวาแบบสุดใจ เช่นเดียวกับที่เกเบรียลเคยเกลียดฉันสายตาของฉันเลื่อนไปที่เด็กผู้หญิงตัวน้อย เธอดูคุ้น ๆ แต่ฉันนึกไม่ออกว่าเคยเห็นเธอที่ไหน บางทีเธออาจเป็นลูกสาวของโรแวนกับเอมม่าก็ได้ ถึงแม้เธอจะดูไม่เหมือนเอมม่าที่ฉันจำได้เลยก็ตาม บางทีอาจเป็นเพราะพันธุกรรมที่แปลกประหลาด“แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นล่ะ?” ฉันถาม“ชื่อไอริส” เกเบรียลตอบ พร้อมกับยืนใกล้ฉันจนทำให้รู้สึกแปลก ๆฉันขยับถอยหลังเล็กน้อยเพื่อรักษาระยะห่างฉันมองไอริสต่อ เธอเหมือนพลังงานน้อย ๆ ที่สดใส ดวงตาสีฟ้าสวยส่องประกายจนฉันมองเห็นได้ชัดเจนแม้จากที่ที่ฉันยืนอยู่ เธอไม่เหมือนเอมม่าเลย แต่ถ้าจำไม่ผิด เอมม่ามีดวงตาสีฟ้า ดังนั้นไอริสน่าจะได้มาจากแม่“งั้นโรแวนก็กลับไปคบกับเอมม่าแล้วใช่ไหม” ฉันพูดเบา ๆ “พวกเขากลับไปคบกันตอนไหน แล้วเอวารับมือกับมันยังไง?”ฉันไม่เคยคิดว่าเอมม่าจะเป็นคนไม่ดี เราทุกคนเคยเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน เธออายุมากกว่า ในขณะที่เอวากับฉันรุ่นเดียวกันเอมม่าต่
ฉันไม่สามารถหยุดขยับตัวอย่างกระวนกระวายได้เลย ขณะที่ฉันและเกเบรียลเดินตามพ่อแม่ของเขาเข้าไปข้างใน หากพูดตรง ๆ การพูดคุยในออฟฟิศนั้นดีกว่าที่ฉันคาดไว้มาก ฉันไม่แน่ใจว่าฉันคาดหวังอะไร แต่ฉันไม่ได้คาดว่าจะเจอความสงบแบบนี้ หรืออาจจะเป็นเพียงความสงบก่อนพายุจะมา?ฉันยังไม่เข้าใจว่าทำไมเกเบรียลไม่บอกพวกเขาว่าเราเคยแต่งงานกันมาก่อน แม้การแต่งงานของเราจะจบลงอย่างเลวร้าย แต่มันก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลที่สุด ฉันไม่ชอบที่เขาปิดบังเรื่องนี้“ไหวไหม?” เสียงของเขาดึงฉันกลับมาสู่ปัจจุบันฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา และพบว่าสายตาเขาจ้องมาที่ฉันอย่างแน่วแน่ มันช่างลึกซึ้งเหมือนว่าเขากำลังอ่านฉันจนถึงจิตวิญญาณ ฉันดึงสายตาจากเขาแล้วมองไปข้างหน้าแทน“ไหว แต่ก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน” ฉันตอบตามตรงส่วนที่ยากที่สุดผ่านไปแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงรู้สึกกระวนกระวายอยู่ บางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ฉันต้องใช้เวลาทั้งวันอยู่กับครอบครัวของเขา บางทีอาจเป็นเพราะฉันยังคงรู้สึกถึงลมหายใจของเขาบนผิวของฉันเมื่อตอนที่เขาเกือบจะจูบฉัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขายอมรับความผิดทั้งหมดในความล้มเหลวของความสัม
ขอบคุณพี่ชายของเธอที่ทำให้ผมรู้ว่าเธอต้องการผม และมันก็กลายเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการต่อต้านเธอ ผมอยากทำร้ายเธอ อยากทำลายเธอและทำให้เธอเจ็บปวดเพราะเธอพรากอิสระไปจากผม ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะก็รู้ได้ทันทีว่าการนอกใจจะทำให้เธอเจ็บปวด ผมเลยทำ และผมก็ทำให้เธอรู้ด้วย ผมอยากให้เธอเสียใจที่คิดจะวางกับดักผมและมันได้ผล ทุกครั้งที่ผมเห็นเธอ ผมเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของเธอ ผมรู้ว่ามันทำให้ผมเป็นคนเลว แต่การเห็นความเจ็บปวดในตาเธอมันทำให้ผมพอใจ“เวลาผ่านไปก็นานแล้วนะ แล้วลูกไปเจอเธออีกครั้งได้ยังไง?” แม่ถามต่อเมื่อผมไม่ตอบอะไรเกี่ยวกับข้อสังเกตของพ่อ“ผมออกตามหาเธอครับ” ผมยักไหล่ “พวกกรรมการบริหารนั่นอยากให้ผมแต่งงานเป็นหลักเป็นแหล่งสักที ผมเลยทำแบบนี้”สายตาของแม่หันไปทางฮาร์เปอร์ “แล้วเธอยอมแต่งงานกับเขา ทั้งที่เขาปฏิบัติกับเธออย่างเลวร้ายขนาดนั้นเหรอ?”ผมสะดุ้งกับคำพูดของแม่ ผมเกลียดที่ทำให้แม่ผิดหวัง แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกับผม ฮาร์เปอร์ยักไหล่ตอบ “เขามีสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันก็เลยตอบตกลงค่ะ”พ่อกับแม่หันมามองหน้ากัน ก่อนจะหันกลับมาทางเรา“หมายถึงอะไร?” พ่อถามด้วยสายตาที่จ้องจับผิด“บริษั
ผมรู้ว่าปฏิกิริยาของพวกเขาจะต้องรุนแรงแน่ ๆ ใครล่ะจะไม่ตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกบอกว่ามีลูกสะใภ้กับหลานสาวที่ไม่เคยรู้มาก่อนพ่อเริ่มเดินไปเดินมา และผมก็รู้ทันทีว่าเขากำลังคิดอะไร พ่อพร่ำสอนผมกับโรแวนเสมอ เรารู้เสมอว่าเขาคิดอะไรอยู่เพราะเราเองก็คิดแบบเดียวกันเขาน่าจะกำลังสงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง สงสัยว่าผมตรวจดีเอ็นเอแล้วหรือยังว่าลิลลี่เป็นลูกสาวของผมจริง หรือเปล่า และเขาคงสงสัยด้วยว่าฮาร์เปอร์หลอกล่อหรือวางกับดักอะไรผมหรือเปล่า เขากำลังพยายามคิดถึงทุกแง่มุม“แล้ว…มันเกิดขึ้นได้ยังไง? ไปมีเมียมีลูกตอนไหนยังไง?” แม่เอ่ยถามอย่างตะกุกตะกักใบหน้าของเธอยังเต็มไปด้วยความตกตะลึง ดวงตาเลื่อนจากผมไปที่ฮาร์เปอร์ ซึ่งกำลังก้มหน้ามองพื้นอย่างเงียบ ๆ เธอดูประหม่าและตื่นตระหนกน ผมรู้สึกอยากจะโอบกอดเธอ อยากปลอบโยนเธอด้วยสัมผัสของผมความรู้สึกที่รุนแรงต่อเธอนั้นทำให้ผมงุนงง มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนตอนที่เรายังแต่งงานกัน แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ ๆ ผมถึงอยากทำในสิ่งที่ผมไม่เคยอยากทำมาก่อน?“ตอบแม่สิ เกบ” เสียงเข้มของพ่อทำให้ผมหลุดจากความคิด“เราเคยมีความสัมพันธ์กันเมื่อหลายปีก่อน” ผมเริ่มพู
เกเบรียล“แม่ครับ!” ผมตะโกนเรียกพลางรีบวิ่งไปหาเธอแม่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ไม่ต้องมีใครบอก ผมก็รู้ว่าที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะช็อกตอนเห็นลิลลี่ เหมือนตอนที่ผมเจอครั้งแรก เธอแค่เห็นตาสีเทาคู่นั้นครั้งเดียวก็รู้ทันทีว่าลิลลี่เป็นหนึ่งในสายเลือดของตระกูลวู้ดผมค่อย ๆ ตบแก้มของแม่เบา ๆ แต่เธอก็ยังไม่ฟื้น ผมจึงค่อย ๆ สอดแขนข้างหนึ่งใต้บ่า และอีกข้างหนึ่งใต้หัวเข่าของแม่ แล้วยกเธอขึ้นมาวางบนโซฟาที่ใกล้ที่สุด“พ่อ! โรแวน!” ผมตะโกนเรียกอย่างร้อนรน เพราะไม่อยากทิ้งแม่ไว้คนเดียว“คุณย่าจะเป็นอะไรไหมคะ?” ลิลลี่ถามเสียงแผ่วเบาและเปราะบาง “หนูทำอะไรผิดหรือเปล่า? หรือที่คุณย่าเป็นแบบนี้เพราะหนูใช่ไหมคะ?”น้ำตาที่เอ่ออยู่ในดวงตาของเธอทำให้ผมใจอ่อน ในเวลาไม่นาน ลิลลี่ก็กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตผม การเห็นเธอร้องไห้ทำให้ผมเจ็บปวด ผมคิดว่าในชีวิตนี้ผมไม่เคยรักใครมากเท่าที่ผมรักลิลลี่ แม้แต่โรแวน ฝาแฝดของผมเอง ก็ยังไม่อาจเทียบได้ก่อนที่ผมจะตอบคำถามของเธอ ฮาร์เปอร์ก็พูดแทรกขึ้นมา“ไม่หรอกจ้ะ ลูกรัก” ฮาร์เปอร์ตอบพร้อมวางผ้าชุบน้ำเย็นลงบนหน้าผากแม่ ผมไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอไปเอาผ้ามาเมื่อไหร่“
เสียงโทรศัพท์ของเกเบรียลทำให้ฉันลุกขึ้นจากที่เดิมที่ลิลลี่ทิ้งฉันไว้ ฉันยังไม่อยากเชื่อว่าเธอจะพูดแบบนั้นกับฉันได้ ตอนที่เลียมยังมีชีวิตอยู่ เธอไม่เคยกังวลที่ไม่มีพี่น้อง เธอไม่เคยขอมีพี่น้องด้วยซ้ำ ฉันเลยสงสัยว่าอะไรทำให้เธอเปลี่ยนไปแบบนี้กะทันหันฉันรู้ว่าตอนนี้คุณอาจสงสัยว่าทำไมฉันกับเลียมถึงไม่มีลูก ทั้งที่แต่งงานกันมานานขนาดนั้น เรื่องจริงก็คือ เราพยายามแล้ว เลียมอยากมีครอบครัว อยากมีลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอง ฉันรู้ว่าเขารักลิลลี่เหมือนลูกแท้ ๆ ของเขา แต่เขาก็อยากมีลูกที่เป็นสายเลือดของตัวเองด้วยฉันเองก็อยากจะให้เขามีสิ่งนั้น ฉันอยากขอบคุณเขาที่อยู่เคียงข้างฉันในตอนที่ฉันไม่มีใคร ที่แต่งงานกับฉันและมอบครอบครัวให้กับลิลลี่ การมีลูกให้เขาสักคนไม่ได้เป็นสิ่งที่มากเกินไป และฉันก็ไม่เห็นปัญหาอะไรอย่างที่บอก เราพยายามแล้ว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งหนึ่งปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาถึงยอมไปตรวจสุขภาพ ผลปรากฏว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้หัวใจสลาย เราได้รู้ว่าเขาไม่สามารถมีลูกได้ วันที่เราอยู่ที่คลินิก ฉันเห็นแสงบางอย่างในตัวเขาดับลงไป การรู้ว่าเขาไม่สามารถเป็นพ่อได้เหมือนทำลา
ลิลลี่มองพวกเราสลับไปมาระหว่างฉันกับพ่อเธอ ฉันเห็นคำถามมากมายในสายตาเธอ ความสงสัยเกี่ยวกับฉันและเกเบรียลอย่างที่ฉันพูดไปแล้วว่ามันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ฉันไม่ควรจะรู้สึกดึงดูดใจต่อเกเบรียลอีกหลังจากที่ห่างกันไปหลายปี ฉันเคยคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อเขาจะจบลงไปแล้ว การปฏิบัติที่เขาเคยทำกับฉันเมื่อหลายปีก่อนควรจะฆ่าความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันเคยมีต่อเขาแต่ฉันคิดผิด เพราะตอนนี้ฉันกลับมายืนอยู่ตรงนี้ เกือบจะจูบเขา ฉันรู้สึกแย่มากที่ปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอเพียงชั่วขณะ และปล่อยให้ร่างกายพาฉันหลงใหลในตัวเขา“สองคนจะจูบกันเหรอคะ?” ลิลลี่ถามอย่างไร้เดียงสา ฉันอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกจิตใจฉันวุ่นวาย ฉันไม่รู้จะตอบเธออย่างไร ควรจะบอกความจริงเธอไหม? แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็โกหกไม่ได้เมื่อเธอเห็นเต็มสองตา“เอ่อ…เอ่อ...” ฉันพยายามหาคำพูดที่เหมาะสมจะตอบในหัวของฉันยังคิดถึงเรื่องเลียม เขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ลิลลี่เคยเห็นฉันจูบ ผู้ชายคนเดียวที่เคยอยู่ในชีวิตของเรา ฉันกลัวว่าถ้าฉันบอกว่า ‘ใช่’ เธอจะเข้าใจผิด ฉันรู้ว่าเกเบรียลพยายามสร้างความสัมพันธ์กับเธอ แต่ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา เลียมคือพ่อของเธอ