โนรากับพยาบาลอ้าปากค้าง ในขณะที่พวกเราที่เหลือเพียงมองไปที่เธอด้วยความสะเทือนใจสุดขีด ผมรู้ว่าสิ่งต่าง ๆ เลวร้าย แต่ผมไม่คิดว่าพวกมันจะเลวร้ายขนาดนี้สายตาของเธอกวาดมองใบหน้าของพวกเรา “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านั่นไม่ใช่คำตอบที่คุณคาดไว้คะ?”“เอวา พวกเราอยู่ในปี 2023 แล้ว” ผมบอกเธอเบา ๆ“พระเจ้า” หมายถึงว่าเอวาจำช่วงสี่ปีที่ผ่านมาในชีวิตของเธอไม่ได้คุณหมอหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาขีดเขียนอะไรบางอย่างลงไป “ผมต้องจัดเตรียมบางอย่าง พวกเราต้องทำการสแกนสมอง มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น พวกเราต้องทำการวินิจฉัยให้ถูกต้อง”เขารีบร้อนออกจากห้องไป โรซาก็เดินตามไปพวกเราถูกทิ้งให้จ้องมองกัน ไม่มีใครรู้ว่าจะต้องตอบสนองอย่างไรหรือคิดอะไร นี่คือเรื่องที่ไม่มีใครสักคนได้เตรียมใจไว้ พวกเราไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ มันน่าสะเทือนใจสุด ๆ“งั้นหนูจำพวกเราไม่ได้จริง ๆ เหรอ?” โนราถามขึ้นหลังจากผ่านไปสักพักผมรู้สึกสงสารพวกเขามาก พวกเขาผ่านอะไรมามากพอแล้วโดยไม่ต้องเพิ่มเรื่องนี้เข้าไปในรายการ“ฉันขอโทษค่ะ แต่ไม่เลย สิ่งสุดท้ายที่ฉันจำได้คือร้องไห้กับตัวเองจนหลับไป”ธีโอกอดภรรยาของเขาไว้ ผมเห็นได้ว่าสิ่งนี้ทำให้
ผมเคยอ่านเกี่ยวกับหลงลืมเป็นเรื่อง ๆ หรือเลือกที่จะลืม ผมบังเอิญได้อ่านมันตอนที่ผมกำลังค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับการบาดเจ็บที่สมอง ผมแค่ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเอวา“การเลือกที่จะลืมหมายความว่าเอวาได้ลืมบางเหตุการณ์ในชีวิตของเธอไปและนั่นคือเมื่อสี่ปีก่อน ในบางกรณี เธออาจจะนึกออกถึงความทรงจำทั้งหมดของเธอหรือบางเหตุการณ์ เธอจะจำไม่ได้เลยและจะยังคงอยู่กับความทรงจำที่หายไปนั้นตลอดชีวิตของเธอก็ได้” เขาอธิบายผมเฝ้ามองปฏิกิริยาของทุกคน โนอากับผมคือคนเดียวที่เป็นคนโชคดี เธอจำพวกเราได้แต่จำพวกเขาไม่ได้“งั้นคุณกำลังบอกพวกเราว่าเธออาจจะจำพวกเราไม่ได้เลยใช่ไหมคะ?” เล็ตตี้ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเธอเอามือสางผมตัวเอง แต่มือสั่นอยู่เล็กน้อย ผมรู้ว่าสิ่งนี้มันกระทบจิตใจเธออย่างหนักแค่ไหน พวกเธอเป็นเพื่อนรักกัน แต่กระนั้นคุณหมอชาร์ลกำลังบอกเธอว่าเอวาอาจนึกถึงความทรงจำทั้งหมดที่พวกเธอมีต่อกันไม่ได้เลย“นี่คือเหตุผลว่าทำไมแม่ถึงไม่รู้ว่าไอริสคือใครใช่ไหมครับ?” โนอาพูดออกมาอย่างมั่นใจและเชื่อมั่นเขาอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยผู้ใหญ่และหมอ กระนั้นเขาไม่ได้มีปัญหาในการถามเกี่ยวกับความกังวลของเขาเล
เมื่อเขาออกไปแล้ว คนที่เหลือจึงกลับไปที่ห้องของเอวาในขณะที่ผมอยู่ขออยู่ต่ออีกสักพัก ผมแค่ต้องการเวลาเพื่อหายใจ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและแตกต่างไปมาก ผมมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการตามให้ทันผมกลับไปที่ห้องของเธอหลังจากผมมั่นใจว่าผมควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้น ผมพบเล็ตตี้กับคาลวินที่กำลังแนะนำตัวเองอยู่“คุณคือคาลเด็กเนิร์ด” เอวาพูดด้วยรอยยิ้ม เขาจ้องมองเธอแต่ไม่ได้มีความโกรธใด ๆ “โลกช่างกลมเสียจริงที่ลูกชายของเราเป็นเพื่อนรักกันในตอนนี้”“ใช่” เขาตอบเรียบ ๆไม่มีใครบอกว่ากันเนอร์คือลูกชายของเอมม่าเช่นกัน“งั้น แม่จะไปเจอไอริสเมื่อไหร่” โนอาถามขึ้นหลังจากการแนะนำตัวเองจบลง“พวกเขาพาเธอมาที่นี่ได้ไหม? แม่อยากพบเธอมาก” รอยยิ้มของเธอเปล่งปลั่งและสวยงาม เป็นสิ่งที่ผมไม่ได้เห็นมานานแล้ว “ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเรามีลูกสาว” ให้ตายเถอะ ผมควรจะบอกให้เธอรู้ถึงเรื่องนี้ยังไงดี? เมื่อเห็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของผม โนราจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรไปที่ห้องพยาบาล โดยขอให้นำไอริสมาใช้เวลาไม่นานก่อนที่แมรี่จะมาถึงพร้อมกับห่อของที่ล้ำค่า“เป็นเรื่องดีที่เห็นคุณตื่น เอวา มีบางคนที่
เอวาฉันไม่ได้นอนเลย จิตใจของฉันกระจัดกระจาย ทุกอย่างยังคงดูไม่เหมือนจริง ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับความจำเสื่อม ฉันรู้เกี่ยวกับความจำเสื่อม ฉันแค่ไม่เคยคิดว่าฉันจะเป็นหนึ่งในคนที่ทุกข์ทรมานจากมันมันรู้สึกแปลกที่มีช่องว่างขนาดใหญ่นี้ในความทรงจำของฉัน ฉันจำอะไรไม่ได้เลยหลังจากตื่นขึ้นมา ไม่มีความจำอะไรสำหรับคนที่อ้างว่าเป็นพ่อแม่ของฉัน ไม่มีสำหรับคนที่อ้างว่าเป็นเพื่อน ๆ ของฉัน ฉันจำไอริสหรือผู้ชายที่ทำฉันท้องไม่ได้เลยนอกจากนี้ทำไมฉันถึงไปนอนกับผู้ชายคนอื่นล่ะ? แล้วทำไมมันดูเหมือนว่าโรแวนไม่มีปัญหากับมันเลย? พอมาคิดแล้ว เขาไม่ได้โกรธคงเพราะเขาไม่ใส่ใจ แต่ทำไม่พวกเรายังคงแต่งงานกันอยู่ถ้าฉันนอนกับผู้ชายคนอื่นแล้วยังตั้งท้องด้วยซ้ำ? และแหวนแต่งงานของฉันหายไปไหนล่ะ?ฉันรู้สึกเหมือนพลาดอะไรไปหลายอย่าง ในความทรงจำของฉัน โนอาอายุห้าขวบ แต่ความเป็นจริงเขาผ่านช่วงอายุนั้นมานานแล้ว มันรู้สึกเหมือนว่าฉันพลาดการเติบโตของเขาไป เขาแชร์ความทรงจำเหล่านี้ที่เขามีกับฉัน แต่ฉันไม่เคยได้ยินหรือเห็นมันเลยฉันมองออกไปนอกหน้าต่างและหวีผมต่อไปอย่างใจลอย ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว และฉันก็กำลังรอให้โรแวนกับโนอา
โรแวนยิ้มให้ฉัน “ดอกไม้สำหรับคุณผู้หญิงคนสวยครับ”จากนั้นเขาก็ทำให้ฉันประหลาดใจเมื่อเขาก้มตัวลงและจูบแก้มฉัน ฉันจ้องเขาด้วยความตกใจสุดขีด เห็นไหมว่าเขาดูแตกต่างไป? โรแวนคนที่ฉันรู้จัก ไม่มีวันที่จะจูบฉันแม้ว่ามันเป็นเพียงแค่จูบแก้มก็ตาม นี่คือความก้าวหน้าใหม่ สิ่งที่ฉันก็ไม่มั่นใจว่าฉันพร้อมสำหรับมันไหม“ขอบคุณค่ะ” ฉันส่ายหัวเพื่อสลัดความสับสนงุนงงออกไป“พร้อมที่จะออกไปหรือยังครับ”โนอาค่อย ๆ อุ้มไอริสไปจากมือของฉัน เขาจ้องมองเธอด้วยความรักเอ็นดู ราวกับเธอได้จุดแสงแสงสว่างในโลกของเขาขึ้นมา ในขณะที่เขากระซิบถ้อยคำหวาน ไอริสก็ตื่นขึ้นมา น่าประหลาดใจที่เธอไม่ได้ร้องเลย เพียงแค่จ้องมองพี่ชายของเธอด้วยความหลงใหล ฉันคิดว่าเธอคุ้นชินกับเขาแล้วล่ะ“ค่ะ ทุกอย่างได้จัดเก็บหมดแล้ว”“ดีเลยครับ พวกเราจะกลับถึงบ้านทันเวลามื้อเย็นพอดี”เขาช่วยพยุงฉันลุกจากเตียง จากนั้นเขาก็หยิบกระเป๋าของพวกเราขึ้นมาและพวกเราก็ออกไปจากห้องที่เคยเป็นบ้านของฉันในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาก่อนจะจากไป ฉันกล่าวลากับเหล่าคุณหมอและพยาบาล พวกเขาส่วนใหญ่น้ำตาไหลกัน มันทำให้ฉันซาบซึ้งใจที่เห็นพวกเขามีความสุขเพราะในที่สุดฉ
“มีบางสิ่งที่ผมอยากจะให้คุณดู” โรแวนบอกฉันขณะที่เขาเดินเข้ามาในห้องนอนสำหรับแขกฉันป้อนนมให้ไอริสเสร็จแล้ว และตอนนี้เธอก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว ฉันดึงเต้านมออกมาจากปากของเธอและปิดไว้เบา ๆ อย่างรวดเร็ว โรแวนเป็นสามีของฉัน เขาเห็นฉันเปลือยกายมาเป็นร้อย ๆ ครั้งได้แล้ว แต่กระนั้นสิ่งนี้รู้สึกแตกต่างไปด้วยเหตุผลบางอย่าง โดยเฉพาะด้วยสายตาของเขาที่เล็งอยู่บนหน้าอกของฉัน“พวกมันคล้ำกว่าที่ผมจำได้” เขาพึมพำ แทบจะไม่ได้ยิน“อะไรนะคะ?” “หัวนมของคุณ” ฉันหัวเราะเบา ๆ อย่างประหม่าแต่ไม่ได้พูดอะไร นี่คือครั้งแรกที่โรแวนเคยพูดอะไรแบบนี้เกี่ยวกับร่างกายของฉัน ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรหรือตอบสนองกับเรื่องนั้นยังไงดีแม้แต่ในโอกาสที่หายากในตอนที่พวกเรามีเซ็กส์กัน เขาก็จัดการแยกตัวออกจากกระบวนการนี้โดยสิ้นเชิง คุณเห็นในนิยายโรแมนติกที่ตัวละครหลักชายหลงใหลบูชาในร่างกายของตัวละครหลักหญิงไหม? หรือตอนที่เขาพูดถึงว่าร่างกายของเธอเซ็กซี่แค่ไหน? ฉันไม่เคยได้รับสิ่งนั้นหลังจากที่โรแวนกับฉันแต่งงานกันเลยมันไม่ได้แย่และอย่างน้อยฉันก็ปล่อยไป แม้ว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่ฉันแค่ต้องการมากกว่านี้เสมอ เข้าใจ
ฉันเดินเข้าไปข้างใน พรมให้ความรู้สึกนุ่มสบายมาก มันเหมือนคุณกำลังเดินอยู่บนก้อนเมฆฉันค่อย ๆ วางไอริสในแปลก่อนจะหยิบกล้องวงจรปิดสำหรับเด็กขึ้นมา“ขอบคุณนะคะมันมีความหมายกับฉันมาก ๆ”เขายิ้ม โรแวนดูดีมากจริง ๆ แต่เมื่อเขายิ้มหรือหัวเราะ มันทำให้ความเซ็กซี่เร้าใจของเขาเพิ่มขึ้นไปอีกระดับฉันจ้องมองเขาอย่างหลงใหล เขาไม่เคยยิ้มให้ฉันเลย และตอนนี้ฉันเพียงแค่อยากจะซึมซับสิ่งนี้ไว้“มาเถอะ ผมคิดว่าถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ผมมั่นใจว่าคุณคิดถึงอาหารที่บ้าน” เขายื่นมือมาให้ฉัน ฉันวางมือลงบนมือของเขาอย่างลังเลฉันรู้สึกได้ถึงประกายไฟเพียงจากการสัมผัสเขา รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจจนเสียวสันหลังวาบขึ้นมา และฉันไม่สามารถพูดได้ว่าฉันเกลียดมันพวกเราลงไปชั้นล่างและพบว่าโนอาอยู่ที่นั่นแล้ว เขากำลังก้มหน้าก้มตาทานข้าวของเขาอยู่ที่โต๊ะกินข้าว ฉันนั่งลงและเริ่มตักข้าว โรแวนกำลังจะทำแบบเดียวกันตอนที่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นมา เขาจ้องไปที่โทรศัพท์ของเขาก่อนจะรับสาย“ขอตัวนะครับ” เขาบอกพวกเราก่อนจะลุกขึ้นจากไปก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้อง ฉันได้ยินเขาเอ่ยชื่อใครบางคน ชื่อรีเปอร์ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย บางทีอาจเ
“งั้นก็บอกเธอสิแต่บอกด้วยมารยาทที่ดี โอเคไหม?”“โอเคครับ” เขากลับไปทานข้าวต่อ และไม่นานเขาก็ทานเสร็จ เขาลุกไปจากโต๊ะและบอกฉันว่าเขาจะไปอาบน้ำก่อนที่เขาจะเข้านอนไม่กี่นาทีต่อมา ฉันก็ทานข้าวของฉันเสร็จ ฉันรู้สึกล้ามากและฉันแค่อยากจะนอน ฉันลุกขึ้นในขณะที่โรแวนกลับมาพอดี“คุณทานเสร็จแล้วเหรอครับ?” เขาถามในขณะที่นั่งลง“ค่ะ…ฉันอยากจะไปดูไอริสก่อน จากนั้นก็เข้านอน”“ครับแล้วผมจะตามไปในอีกไม่ช้า”ฉันพยักหน้าและเดินไปที่ห้องนอนใหญ่ ซึ่งอยู่ข้างห้องของไอริส หลังจากแน่ใจว่าเธอนอนหลับดีแล้ว ฉันจึงมุ่งหน้าไปยังห้องของตัวเองเมื่อตัดสินใจที่จะแช่ร่างกายที่เมื่อยล้าของฉันก่อน ฉันจึงอาบน้ำในอ่าง ฉันลงไปแช่และเหม่อลอยคิดไปเรื่องอื่น ทุกอย่างน่าสับสนมึนงงมากตั้งแต่ที่ฉันตื่นขึ้นมา ฉันอยากจะเชื่อว่าสิ่งต่าง ๆ ได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่ฉันอดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่าบางสิ่งนั้นไม่ถูกต้องพฤติกรรมของโรแวนอยู่เหนือกว่าสิ่งต่าง ๆ ที่ฉันรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง อย่างเช่นเขาเปลี่ยนไปเมื่อไหร่กัน? แล้วฉันจะสามารถเชื่อใจในการเปลี่ยนแปลงใหม่นี้ในตัวเขาได้ไหม หรือฉันถูกกำหนดให้เศร้าโศกใจยิ่งกว่าที่ฉันเป็นอยู่แล้วหรือเป
ฉันหยุดหายใจเเพราะความตกใจ และผละออกจากเขา ในขณะที่ร่างเล็ก ๆ กระโดดขึ้นมาบนตัวเรา"สุขสันต์วันคริสต์มาส!" เขาตะโกนอย่างมีความสุขด้วยเสียงร้องเพลง“หัวจะปวด” ทั้งกาเบรียลและฉันครางอย่างหงุดหงิดจะมาช้ากว่านี้สักชั่วโมงไม่ได้หรืออย่างไร? ถ้ามีใครสักคนในครอบครัวนี้ที่ชอบขัดจังหวะเรา มันก็ต้องเป็นลูกคนที่สอง แอนดรูว์ คนนี้แน่นอน เราเรียกเขาว่าดรูว์เขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวขัดจังหวะแค่ไหน แต่ก็ไม่สำคัญยังไงเขาก็ทำอยู่ดี"ตื่นครับ! ตื่น!" เขาตะโกนเสียงดัง จนชั่วขณะหนึ่งฉันไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงก้องของเจ้าลูกชาย"ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ดรูว์" เกเบรียลบ่น "พ่อแม่ได้ยินชัดเจนโดยที่หนูไม่ต้องทำให้แก้วหูพ่อแม่แตกก็ได้"ดูเหมือนดรูว์จะไม่ฟังเลย เขาเด้งขึ้นเด้งลงบนเตียง มีความสุขแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาเกเบรียลขยับตัวใต้ผ้าห่ม คงพยายามขยับทุกอย่างให้เข้าที ฉันขยับร่างกายขึ้นและพิงหัวเตียง ก่อนจะคว้าลูกชายที่กระตือรือร้นและอยู่ไม่นิ่งมา สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือเขาทำร้ายพ่อของเขาด้วยการเผลอเหยียบเข้ากลางตัวเขาหรืออะไรทำนองนั้น"หนูพยายามห้ามเลียมแล้วนะคะ แต่แม่ก็รู้ว่าเขาเป็นยังไงเวลาต
ฮาร์เปอร์ฉันกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวนุ่มฟูแห่งการนอนหลับ ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกสงบ และรู้สึกได้รับความรักฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทีละน้อย เกเบรียลนอนอยู่ข้างหลังฉัน แขนโอบกอดฉันไว้ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกัน เขากอดฉันไว้แน่นในอ้อมแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไปหากไม่ทำเช่นนี้ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของสามี ทว่าแทนที่จะปล่อยฉันไป เขากลับกระชับมือแน่นขึ้น ซึ่งดันฉันเข้าไปแนบชิดมากขึ้นฉันหยุดขยับเมื่อรู้สึกถึงเขา ฉันรู้สึกถึง น้องน้อยที่ตื่นมาเคารพธงชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน และฉันก็ต้องการเขาขึ้นมาทันที ฉันอยากให้เขาสอดแทรกเข้ามาในร่างนี้เรื่องบนเตียงของเราสองช่างสมบูรณ์ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องการมากกว่านี้ อาจเพราะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว บางเวลามันก็ยากที่จะมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนได้"อืม" เกเบรียลร้องครางเมื่อฉันถูบั้นท้ายกับเป้าของเขาเสียงนั้นเดินทางลงไปจนถึงจุดนั้นของฉัน ฉันถูอีกครั้ง กระตุ้นเสียงครางแสนเร้าอารมณ์จากเขาอีกเกเบรียลเริ่มประทับจูบตามหลัง ไหล่ และคอ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว และฉันก็โหยหาเขา
"ใช่เลยครับ" เขาตอบรับรอยยิ้มของฉัน ขณะที่คิลเลียนเดินเข้ามาหาเรา"ผมมาขโมยภรรยาแสนสวยของผมคืนแล้วครับ" เสียงเขาแหบพร่า และฉันอดไม่ได้ที่จะละลายไปกับโทนเสียงนั้น มันเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย“เธอเป็นของคุณแล้วนะ” คาลวินปล่อยมือจากฉันและหลีกทาง ก่อนจะเดินจากไปคิลเลียนดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา "เป็นยังไงบ้าง? ปวดหลังหรือเปล่า? ขาเป็นยังไง?"เห็นไหม ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นเสือร้ายในคราบทนายความ แต่ดูแลเอาใจใส่และรักใคร่ในฐานะคู่ครอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีสเปคแบบไหน จนกระทั่งฉันได้พบเขา"สบายดีค่ะ ที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้" ฉันหัวเราะเบา ๆ ดันตัวเองเข้าไปใกล้เขามากขึ้น"ผมเคยบอกว่าผมรักคุณแล้วหรือยัง?" เขาถามฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขย่งปลายเท้าและกระซิบชิดริมฝีปากของเขา "ประมาณพันครั้งแล้วค่ะวันนี้ แต่ฉันไม่ได้บ่นอะไรนะ""คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะครับ เอมม่า ผมนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงหากไม่มีคุณ ผมรู้ว่าเราได้กล่าวคำสาบานกันไปแล้ว แต่ผมสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมคุณเสมอ เพราะคุณคือของขวัญที่เบื้องบนประทานมา ผมสัญญา
มอลลี่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เช่นเดียวกับเอวา คอนนี่ เล็ตตี้ ฮาร์เปอร์ และคินลีย์ พวกเธอเป็นเพื่อนสาวกันมาสี่ปีแล้วตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุวันนั้น แน่นอนว่าฉันไม่มีวันหาใครมาแทนมอลลี่ได้ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่มีพวกเธออยู่เช่นกันอีกอย่างเมื่อวานนี้มอลลี่บอกฉันว่าเธอกำลังคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรักเธอ แต่เรายอมรับว่าเป็นเพื่อนระยะไกลกันมันรักษาความสัมพันธ์กันได้ยาก ฉันมีความสุขมากที่เธอจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆเสียงเพลงช้าลง และกันเนอร์ก็เดินเข้ามา ตัดบทสนทนาทั้งหมด“เต้นรำกันหน่อยไหมครับ แม่?”มีเสียง ว้าว ดังขึ้นเป็นระลอก และฉันสาบานได้ว่าหัวใจฉันละลายไปตรงนั้นเลย"แน่นอนสิจ๊ะ สุดหล่อของแม่" ฉันตอบก่อนจะจับมือเขาตอนนี้กันเนอร์อายุสิบสี่ เป็นวัยรุ่นแล้วเชื่อไหมล่ะ? เขาสูงเท่าฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะสูงกว่าฉัน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็จะเป็นลูกชายตัวน้อยของฉันเสมอคาลวินและฉันตัดสินใจส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดทันทีที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เราเข้าร่วมการบำบัดร่วมกันบ้าง และพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา และเกี่ยวกับวันที่เกิดอุบัติเหตุ
เอมม่าฉันเต้นรำกับมอลลี่ ปล่อยให้เสียงเพลงโอบล้อมตัวไว้ ฉันรู้สึกปวดหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อฉันมีความสุขสุด ๆ แบบนี้ชุดเดรสสะบัดไปมาขณะที่เราตะโกนเนื้อเพลง หน้าร้อนแสนสาหัส ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ออกมาสุดเสียง เอวาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ก็เข้าร่วมกับเราด้วย ฉันหัวเราะเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังเต้นอยู่เลยแต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียกสิ่งที่เธอกำลังทำว่าอะไรดีจำนวนครั้งที่ฉันเรียกว่าตนเองมีความสุขนั้นสามารถนับนิ้วได้เลย หนึ่งคือตอนที่ฉันสอบเนติบัณฑิตได้ สองคือตอนที่กันเนอร์เรียกฉันว่าแม่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน และสามคือวันนี้ งานแต่งของฉันคุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันแต่งงานแล้วและฉันมีความสุขอย่างที่สุดจำทนายหนุ่มน่ารักที่ฉันเล่าให้เอวาฟังในวันเกิดของเจมส์ได้ไหมคะ? จะว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยละความพยายามเลยค่ะ ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธเขากี่ครั้งก็ตาม เขาขอฉันคบหาอยู่เรื่อย ๆ และที่ฉันบอกว่าเรื่อย ๆ ก็คือเขาขอเกือบทุกวัน ฉันเบื่อที่จะได้ยินคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ปรากฏว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตนี้เลยฉันชะลอฝีเท้าลง ดวงตามองหาเจ้าบ
กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ
สามปีต่อมาเอมม่า"จริงจังนะ เอมม่า เมื่อไหร่เธอจะหาแฟนสักที?" เอวาเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉันฉันมองออกไปที่สวนหลังบ้านและยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเจมส์ลูกชายของทราวิสและเล็ตตี้ ซึ่งตั้งชื่อตามพ่อของพวกเราและเจมส์กำลังจะอายุครบหนึ่งขวบเล็ตตี้และทราวิสแต่งงานกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทราวิสคุกเข่าขอเธอแต่งงานทันทีที่ฉันได้สติขึ้นหลังจากอุบัติเหตุที่เกือบจะพรากชีวิตฉันไป คุณอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนขับรถคนนั้น เขาถูกจำคุกห้าปีในข้อหาขับรถโดยประมาท ฉันหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนนะกลับมาที่ทราวิสและเล็ตตี้ ฉันคิดว่าการเห็นฉันอยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขารู้ว่าชีวิตสั้นแค่ไหน เขาขอเธอแต่งงานและเล็ตตี้ก็ตอบตกลง พวกเขาแต่งงานกันซึ่งเป็นงานแต่งงานฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามตอนนี้ัฉันได้กลายเป็นเพื่อนกับเอวาก็เลยถูกดึงเข้ามาในวงจรนี้ด้วย คอนนี่และรีเปอร์แต่งงานกันแบบงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เป็นกันเองกับเพื่อนสนิทและครอบครัว สี่เดือนต่อมาทั้งสองก็อ้าแขนรับลูกสาวของพวกเขา เฮเวน ตอนนี้คอนนี่ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนฮาร์เปอร์และเกเบรียลก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีก
"ไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องเบ่งเดี๋ยวนี้" ฉันคำรามพร้อมจับเสื้อเกเบรียลไว้ฉันรู้สึกบ้าไปแล้ว เหมือนฉันเสียสติไปแล้ว ความเจ็บปวดกำลังทำให้ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆโชคดีที่พวกเราไปถึงห้องคลอดก่อนที่ฉันจะคลอดลูกตรงทางเดินของโรงพยาบาล ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเดินไปถึงห้องคลอด และเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเตรียมพร้อมให้ฉันเอวาอยู่ในห้องเรียบร้อย ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีคนเข้าใจความรู้สึกตอนที่ช่องคลอดฉีกออกเป็นสองส่วนเพื่อให้เด็กตัวน้อย ๆ ออกมาดูโลก"ฉันไม่ไหวแล้ว" ฉันกัดฟันพูด ก่อนที่จะยกตัวขึ้นและเบ่งสุดแรงฉันสาบานว่าฉันรู้สึกเหมือนก้นจะแตกและมันก็เพิ่มความเจ็บปวดให้ฉันมากขึ้น"ความผิดคุณเลย!" ฉันกรีดร้องใส่เกเบรียลขณะที่จับมือเขาไว้แน่นฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ลมหายใจถี่กระชั้น และรูจมูกบานออกเพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด"เตรียมนะ เธอ เบ่งเลย" เอวาเร่งเร้าฉันขณะที่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากให้ฉัน "เกเบรียลไม่สำคัญแล้วตอนนี้""อ้าว ใจร้ายนะ เอวา" เกเบรียลพึมพำพร้อมจ้องเขม็งไปยังเอวา เธอจ้องเขม็งกลับราวกับจะบอกให้เขาหุบปากและทำตามน้ำไปฉันบีบมือพวกเขาเมื่อมดลูกหดตัวอีกครั้ง และฉันก็ออ
"สบายมากจ้ะ หมีน้อยลิลลี่ แม่กำลังจะคลอดลูก... จำที่แม่บอกหนูได้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนถึงเวลาแบบนี้?"เธอพยักหน้า "ค่ะ แม่บอกว่าแม่จะเจ็บท้อง แต่หนูไม่ต้องห่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้น้องเกิดมาค่ะ""ดีมากจ้ะ" ฉันเบ้หน้าเมื่อการหดเกร็งตัวจู่โจมฉันอีกครั้ง "นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ดังนั้นอย่ากลัวไปนะจ๊ะ"เกเบรียลจับมือและช่วยให้ฉันเดินออกจากห้อง ฉันหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก แต่พูดตามตรงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย"หนูแค่ไม่เข้าใจน่ะค่ะ ทำไมแม่ต้องเจ็บด้วย? ทำไมเด็กถึงออกมาจากท้องแม่ไม่ได้โดยไม่ทำให้แม่เจ็บล่ะคะ?"สิ่งที่ฉันไม่ต้องการที่สุดคือทำให้ลูกสาวหวาดกลัวโดยต้องอธิบายให้เธอฟังว่าความเจ็บปวดนั้นจำเป็นสำหรับการออกแรงเบ่งเด็กออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะอยากรู้ว่าทำไมต้องเบ่งลูกออกมาด้วย และฉันจะต้องอธิบายว่าเพราะลูกตัวใหญ่และทางออกเล็กกว่า ดังนั้นการหดเกร็งตัวเหล่านั้นจึงจำเป็นสำหรับการเบ่งลูกออกมา จากนั้นเธอจะอยากรู้ว่าทางออกนั้นคืออะไร และฉันจะต้องบอกเธอว่าลูกออกมาทางนั้นอย่างไรเล่าอย่างที่คุณเห็น นั่นไม่ใช่บทสนทนาที่เธอเตรียมใจรับได้นัก เธอจะตกใจกลัวเมื่อรู้ว