เหตุผลที่ผมยังสามารถอยู่ในชีวิตของเอวาได้นั้นเพราะว่าผมเป็นพ่อของโนอา และผมยังคงแสดงเจตจำนงอันเด็ดเดี่ยวอยู่ มิฉะนั้นเธอคงโยนผมออกไปอย่างไร้เยื่อใยเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ “เอาไว้ครั้งหน้าแล้วกันจ้ะ” เคทส่งรอยยิ้มแสนเศร้าให้หลานชายน้ำตาเคทเอ่อล้นจวนเจียนจะไหลออกมาเต็มที โนอาไม่เคยรับรู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง ผมปล่อยให้ลูกชายเห็นคุณยายของตนแตกสลายต่อหน้าไม่ได้ เด็กน้อยจะเริ่มตั้งคำถามกับทุกสิ่งและเมื่อใดที่ล่วงรู้ว่าเอวาต้องเผชิญกับสิ่งใดมาบ้าง เขาก็พร้อมจะระเบิดออกมาแน่โนอารักแม่ของตนเหนือว่าสิ่งอื่นใด หากเขารู้ว่าเราทุกคนต่างพากันทำร้ายเอวามากขนาดไหน ในสายตาของโนอา เราคงกลายเป็นศัตรูและพร้อมจะถูกตัดความสัมพันธ์เป็นแน่“ไปกันเถอะ…พ่อว่าตอนนี้อาหารคงรอเราจนเย็นชืดหมดแล้ว” ผมเดินเข้าไปขัดกลางระหว่างยายหลาน และดันทั้งสองเข้าไปภายในบ้านเคทขอเวลาสักครู่และเดินไปยังห้องน้ำ ขณะที่โนอาและผมเดินไปยังสวนหลังบ้านผมร้องโอดครวญอยู่ภายในเมื่อตระหนักได้ว่าตอนนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า โนอารีบวิ่งไปและทิ้งผมไว้ด้านหลังเด็กน้อยกล่าวทักทายทุกคนเว้นเพียงเอมม่า เขาไม่แม้แต่ชายหางตามอง โนอาไม่ชอบเธ
ศีรษะผมหมุนวนด้วยความจริงใหม่ที่เพิ่งค้นพบ ผมเคยคิดว่าความรักที่มีให้กับเอมม่านั้นจะเป็นนิรันดร์ แต่เมื่อตระหนักว่าไม่ใช่อย่างนั้น ทั้งสมองและหัวใจก็ได้รับผลกระทบขึ้นมาผมรีบเดินไปนั่งข้างโนอา ตอนนี้ผมอยากให้เรื่องทั้งหมดนี้จบลงเร็วมากกว่าที่เคย ผมอยากออกไปจากที่นี่มากจนรู้สึกราวกับผิวหนังกำลังจะลุกเป็นไฟ"พ่อคุยเรื่องอะไรกับป้าเอมม่ามาเหรอครับ" โนอาถามทันทีที่ผมหย่อนตัวลงนั่งเสียงของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ทุกคนไม่จำเป็นต้องบอกซ้ำสองว่าลูกชายเกลียดผู้หญิงที่ผมตั้งใจจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วยนั้นเข้าไส้ความเกลียดนี้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมต้องหยุดความสัมพันธ์กับเอมม่าไว้ก่อน ผมจะคบกับเธอได้อย่างไร? จะอยู่กับเอมม่าได้อย่างไรในเมื่อคนที่ผมรักที่สุดเกลียดเธอขนาดนี้? ผมจะคิดก้าวเดินไปพร้อมความสัมพันธ์นี้ได้อย่างไรในเมื่อเธอก็ไม่ได้ชื่นชอบโนอาเช่นกัน?อ้างอิงถึงสิ่งที่เธอพูดถึง มันชัดเจนว่าเธอรังเกียจเขา เพราะเขาเป็นลูกของเอวาหรือเพราะเขาเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องแต่งงานกับเอวา หรืออาจจะเป็นทั้งสองอย่าง"ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกลูก" ผมพึมพำพร้อมรู้สึกสับสนกับความคิดมากมายเรานั่งเ
ตอนผมอยู่ใกล้เอวา เธอแทบไม่เคยยิ้มเลย อย่าว่าแต่หัวเราะ แม้แต่รอยยิ้มยังดูเย็นชาและห่างเหินเหลือเกิน เมื่อตระหนักถึงความจริงที่ว่าเธอหัวเราะออกมาได้เพราะใครคนอื่น มันเป็นสิ่งที่กล้ำกลืนฝืนทนมากเสียจริง“เฮ้ย แล้วโนอาพูดอะไร นายถึงได้โกรธขนาดนั้น?” ทราวิสถามขึ้นพลางมองผมด้วยความอยากรู้“เปล่า แค่เรื่องเพื่อนบ้านคนใหม่น่ะ มันเดินเข้ามาในบ้านเอวาอย่างกับเป็นบ้านตัวเอง แล้วยังทำให้เธอหัวเราะได้อีก” ผมกัดฟันพูดออกมาพร้อมกำหมัดแน่นทราวิสกับเกเบรียลมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมา ผมไม่สนใจหรอกเพราะในหัวมันยุ่งเหยิงไปหมด ผมอยากต่อยใครสักคนเสียรู้แล้วรู้รอดไป ความรู้สึกมันรุนแรงอย่างมาก ดวงตาเขี้ยวปัดด้วยความโกรธเกรี้ยวมีบางอย่างในตัวที่อยากจะกรีดร้องว่าเอวาเป็นของผม มันไม่ควรจะมีผู้ชายหน้าไหนกล้าเข้ามาใกล้เธอด้วยซ้ำ ส่วนหนึ่งในจิตใจทำให้ผมประหลาดใจ เพราะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเธอเป็นของผม เธอก็เป็นแค่เอวามาโดยตลอด หญิงสาวผู้ทำลายชีวิตผมจนย่อยยับ“มองจากดวงจันทร์ก็รู้ว่าพี่กำลังหึง” เกเบรียลพูดหลังจากเสียงหัวเราะจางลง “โนอาอยากให้พี่กลับไปอยู่กับเอวาด้วยกัน ชัดจะตาย เด็กมันอยากเห็นปฏิกิรย
เอวาสุดสัปดาห์นี้ช่างแสนวิเศษ แม้ไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้น แต่ฉันก็มีความสุขที่ได้ใช้เวลาร่วมกับพ่อแม่ท่านเป็นพ่อแม่ในแบบที่ฉันเคยวาดฝันให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ควรจะเป็น อบอุ่น ห่วงใย และเอาใจใส่ ต่างจากพ่อแม่คนก่อนอย่างสิ้นเชิง เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเอมม่าและทราวิส แถมยังปฏิบัติต่อโรแวนกับเกเบรียลดีกว่าฉัน ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็อ้างว่าฉันเป็นลูกสาวของพวกเขายิ่งใช้เวลากับแม่โนราและพ่อธีโอมากเท่าไร มันก็ยิ่งทำให้ฉันรักพวกท่านมากขึ้นเท่านั้น ฉันยอมรับพวกท่านเป็นพ่อแม่อย่างแท้จริง การอยู่กับพวกท่านทำให้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมอีธานถึงรักพวกท่านนัก ทำไมถึงพูดถึงพวกท่านด้วยความรักทุกครั้ง พวกท่านเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีใครมาอธิบายสิ่งใดให้ฟังเลย“นี่หล่อนอยู่ที่ไหน?” โครินถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพร้อมดึงฉันออกจากความคิดพวกเรากำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟ รอเลตตี้ผู้สายเป็นประจำ เธอทำงานเป็นเลขานุการแท้ ๆ แต่เหมือนไม่เคยสลักเรื่องตรงต่อเวลาไว้ในหัวเลย“เดี๋ยวก็มา แต่คงสายอีกตามเคย” ฉันตอบขณะกำลังตักมัฟฟินบลูเบอร์รี่เข้าปากช่วงนี้ฉันเริ่มมีอาการอยากอาหารมากขึ้นตามประสา
“เดี๋ยวก่อนเลย ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงกับความคิดนี้เลยนะ”เล็ตตี้พูดข้ามหัวไปโดยไม่สนใจฉันเลย “ขอแนะนำว่าเราควรทำการวิจัยอย่างละเอียดเลยนะ เพราะเอวายังไม่เคยใช้เซ็กซ์ทอยมาก่อน เธอควรเป็นคนซื้อของพวกแบรนด์ดัง ๆ มาลองก่อนเลย ความเห็นในฐานะคนเพิ่งลองใช้เซ็กซ์ทอยเป็นคนครั้งแรกจะช่วยให้เราประเมินได้ว่าพวกนี้ขาดอะไร และเราจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้ยังไง”โครินพยักหน้ารับพร้อมยิ้มกว้างอย่างพอใจ ฉันบอกได้เลยว่าเธอกำลังรู้สึกดีมากตอนนี้ ทว่าฉันกลับไม่ได้รู้สึกดีเลย เพราะดูเหมือนต้องกลายเป็นหนูทดลองให้พวกเธอไปซะแล้ว“ฉันมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ไหม?” ฉันถามอย่างหงุดหงิด“เอาจริง ๆ ก็ไม่นะ พวกเราจะทำให้เธอรวยขึ้นเยอะเลยนะ…” เล็ตตี้ปล่อยประโยคนั้นค้างไว้“รู้กันอยู่แล้วนี่ว่าฉันไม่ได้ต้องการเงินสักหน่อย เยอะจนใช้ไม่หมดแล้ว”เล็ตตี้แค่ยักไหล่ก่อนจะเมินฉันไปเลย “สำคัญที่ไหน อีกอย่างนะเธอเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าอยากลองอะไรใหม่ ๆ? อะไรที่มันท้าทายหน่อย? ก็นี่ไง เธอได้หัวปั่นอยู่กับมันโดยที่ไม่ต้องเปลืองแรงมากด้วย”ฉันคิดเรื่องนี้อยู่สักพักก่อนจะถอนหายใจ เฮ้อ มันจะย่ำแย่แค่ไหนกันล่ะเชียว?“ก็ได้”
ฉันมองทนายของตนเองด้วยความกังวล ขณะที่เขาไล่อ่านดูข้อเสนอการจัดตั้งธุรกิจที่โครินส่งมาให้ฉันขอยกนิ้วให้เลยเพราะว่าเธอทำงานได้เร็วมาก ยังไม่ทันข้ามวันหลังจากที่เราพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เธอก็จัดเตรียมข้อเสนอมาให้เรียบร้อยเป็นไปได้ว่าเธออาจทำเอกสารนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วและแค่รอให้ฉันกับเล็ตตี้ตอบตกลงเท่านั้นฉันจ้องมองรอดเจอร์สและสงสัยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ตอนนี้ เขาเป็นทั้งทนายและที่ปรึกษาส่วนตัวตั้งแต่ที่ฉันเริ่มจับเงินล้านเป็นครั้งแรก ฉันไม่เคยลงทุนกับธุรกิจใด ๆ โดยที่ไม่ได้สอบถามความคิดเห็นเขาก่อน ตอนนี้ เขาเป็นอันดับหนึ่งและไม่เคยพลาดเลยสักครั้งธุรกิจที่เขายืนยันว่ามีศักยภาพมากพอที่จะประสบความสำเร็จก็ไปได้ดีจริง ๆ ส่วนธุรกิจที่เขาเตือนก็ล้มเหลวอย่างที่เขาคาดไว้ อย่างที่เห็นความคิดเห็นของทนายคนนี้สำคัญเป็นอย่างมาก“คิดว่าไงบ้างคะ” ฉันถามเพราะรู้สึกกังวลใจจนทนไม่ไหวแล้วเขากวาดสายตาดูเอกสารอีกครั้งก่อนเงยหน้าขึ้นมา“ความคิดดีเยี่ยมเลย ผมเล็งเห็นถึงศักยภาพอยู่ครับ” เขาตอบฉันทำงานกับเขามานานพอที่จะรู้ว่าเขามีคำว่า ‘แต่’ อยู่ในนั้น จากท่าทางของเขามันชัดเจนว่าเขามีความกังว
"ขอโทษเรื่องที่กดดันเธอไง ฉันเอาแต่กดดันให้เธอคิดเรื่องโรแวนอยู่นั่น ไม่ได้คิดเลยว่ามันทำร้ายเธอแค่ไหน ฉันแค่อยากให้เธอมีความสุข ในใจก็คิดว่าโรแวนเป็นความสุขของเธอ เธอรักเขามานานจนไม่อยากเชื่อว่าความรักทั้งหมดจะหายไปแล้ว""เล็ตตี้..." ฉันพยายามจะพูด แต่เธอไม่ให้โอกาสนั้นเลย"ฉันอยากให้เธอได้มีโอกาสที่จะรู้จักกับความสุขสักครั้ง เธอเคยบอกฉันว่าเคยหวังให้โรแวนมีความรู้สึกอะไรกับเธอบ้าง แต่ตอนนี้พอเหมือนว่าเขาจะรู้สึกแบบนั้น เธอกลับไม่เชื่อและปฏิเสธลูกเดียว ฉันก็ไม่เข้าใจ"ฉันถอนหายใจ อีกแล้วเหรอ?ฉันเริ่มจะเบื่อที่ต้องได้ยินใครต่อใครพูดถึงโรแวนและความรู้สึกพวกนั้นเต็มที ฉันรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดทุกครั้ง โรแวนไม่ได้มีบทบาทอะไรในชีวิตฉันอีกต่อไปแล้ว ความรู้สึกของเขาเองก็เช่นกัน เขาจะเก็บรักษา โยนทิ้งความรู้สึกบ้าบอพวกนี้ก็แล้วแต่เลยฉันไม่สนใจ"ฉันจะอธิบายแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ แล้วหลังจากนี้ฉันไม่อยากได้ยินเรื่องนี้อีก" ฉันสูดหายใจก่อนจะพูดต่อ"ฉันเคยรักโรแวน และเสี้ยวหนึ่งของหัวใจก็ยังรักอยู่ แน่นอนความรักนี้ลบเลือนไปง่าย ๆ ที่ไหน แต่ความรักมันถูกทำลายช้า ๆ จากการกระทำของคนที่เรารั
ฉันหมุนตัวกลับมา แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นว่าโรแวนยืนอยู่ข้างหลังวันนี้มันจะแย่ไปกว่านี้ได้อีกไหม? ฉันคร่ำครวญในใจ"โรแวน?" ฉันร้องเสียงหลงอย่างไม่ทันตั้งตัว "คุณมาทำอะไรที่นี่เนี่ย?"มีเวลาให้ฉันบังเอิญเจอเขาตั้งมากมาย ทำไมถึงต้องเจอเขาตอนน้ที่ฉันกำลังยืนอยู่หน้าร้านขายของเล่นผู้ใหญ่ด้วยนะ? นี่มันต้องเป็นเรื่องน่าอับอายที่สุดในชีวิตฉันแน่ ๆ“ผมคงต้องถามแบบเดียวกับคุณเลย” เขากล่าวพร้อมมองไปด้านหลังฉันแก้มฉันร้อนผ่าว เพราะรู้ว่าไม่ว่าฉันจะพูดอะไรออกไปก็ไม่สามารถหนีออกจาสถานการณ์นี้ได้แน่ ฉันยืนอยู่หน้าร้านที่ในตู้โชว์เต็มไปด้วยเซ็กซ์ทอยหลากหลายรูปแบบ มันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าร้านนี้ขายอะไร.ฉันเหลือบมองร้านอีกรอบก่อนจะหันมามองเขาอย่างประหม่า ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกประหม่า แต่ก็รู้สึกเช่นนั้นไปแล้ว“มาซื้อของใช้คนท้องแล้วก็ซื้อของให้เด็กด้วย” ฉันโกหกออกไปเขามองฉัน คิ้วซ้ายเลิกขึ้นข้างหนึ่ง "ในร้านเซ็กซ์ทอยเนี่ยนะ? ผมว่าคุณคงหาของใช้ที่ต้องการไม่เจอหรอกมั้ง เว้นแต่ว่าคุณมีอย่างอื่นในใจ”ริมฝีปากยกขึ้นเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเขากำลังแกล้งฉันอยู่ ซึ่งมันเป็นอะไรที่แป
ฉันหยุดหายใจเเพราะความตกใจ และผละออกจากเขา ในขณะที่ร่างเล็ก ๆ กระโดดขึ้นมาบนตัวเรา"สุขสันต์วันคริสต์มาส!" เขาตะโกนอย่างมีความสุขด้วยเสียงร้องเพลง“หัวจะปวด” ทั้งกาเบรียลและฉันครางอย่างหงุดหงิดจะมาช้ากว่านี้สักชั่วโมงไม่ได้หรืออย่างไร? ถ้ามีใครสักคนในครอบครัวนี้ที่ชอบขัดจังหวะเรา มันก็ต้องเป็นลูกคนที่สอง แอนดรูว์ คนนี้แน่นอน เราเรียกเขาว่าดรูว์เขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวขัดจังหวะแค่ไหน แต่ก็ไม่สำคัญยังไงเขาก็ทำอยู่ดี"ตื่นครับ! ตื่น!" เขาตะโกนเสียงดัง จนชั่วขณะหนึ่งฉันไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงก้องของเจ้าลูกชาย"ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ดรูว์" เกเบรียลบ่น "พ่อแม่ได้ยินชัดเจนโดยที่หนูไม่ต้องทำให้แก้วหูพ่อแม่แตกก็ได้"ดูเหมือนดรูว์จะไม่ฟังเลย เขาเด้งขึ้นเด้งลงบนเตียง มีความสุขแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาเกเบรียลขยับตัวใต้ผ้าห่ม คงพยายามขยับทุกอย่างให้เข้าที ฉันขยับร่างกายขึ้นและพิงหัวเตียง ก่อนจะคว้าลูกชายที่กระตือรือร้นและอยู่ไม่นิ่งมา สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือเขาทำร้ายพ่อของเขาด้วยการเผลอเหยียบเข้ากลางตัวเขาหรืออะไรทำนองนั้น"หนูพยายามห้ามเลียมแล้วนะคะ แต่แม่ก็รู้ว่าเขาเป็นยังไงเวลาต
ฮาร์เปอร์ฉันกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวนุ่มฟูแห่งการนอนหลับ ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกสงบ และรู้สึกได้รับความรักฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทีละน้อย เกเบรียลนอนอยู่ข้างหลังฉัน แขนโอบกอดฉันไว้ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกัน เขากอดฉันไว้แน่นในอ้อมแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไปหากไม่ทำเช่นนี้ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของสามี ทว่าแทนที่จะปล่อยฉันไป เขากลับกระชับมือแน่นขึ้น ซึ่งดันฉันเข้าไปแนบชิดมากขึ้นฉันหยุดขยับเมื่อรู้สึกถึงเขา ฉันรู้สึกถึง น้องน้อยที่ตื่นมาเคารพธงชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน และฉันก็ต้องการเขาขึ้นมาทันที ฉันอยากให้เขาสอดแทรกเข้ามาในร่างนี้เรื่องบนเตียงของเราสองช่างสมบูรณ์ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องการมากกว่านี้ อาจเพราะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว บางเวลามันก็ยากที่จะมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนได้"อืม" เกเบรียลร้องครางเมื่อฉันถูบั้นท้ายกับเป้าของเขาเสียงนั้นเดินทางลงไปจนถึงจุดนั้นของฉัน ฉันถูอีกครั้ง กระตุ้นเสียงครางแสนเร้าอารมณ์จากเขาอีกเกเบรียลเริ่มประทับจูบตามหลัง ไหล่ และคอ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว และฉันก็โหยหาเขา
"ใช่เลยครับ" เขาตอบรับรอยยิ้มของฉัน ขณะที่คิลเลียนเดินเข้ามาหาเรา"ผมมาขโมยภรรยาแสนสวยของผมคืนแล้วครับ" เสียงเขาแหบพร่า และฉันอดไม่ได้ที่จะละลายไปกับโทนเสียงนั้น มันเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย“เธอเป็นของคุณแล้วนะ” คาลวินปล่อยมือจากฉันและหลีกทาง ก่อนจะเดินจากไปคิลเลียนดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา "เป็นยังไงบ้าง? ปวดหลังหรือเปล่า? ขาเป็นยังไง?"เห็นไหม ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นเสือร้ายในคราบทนายความ แต่ดูแลเอาใจใส่และรักใคร่ในฐานะคู่ครอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีสเปคแบบไหน จนกระทั่งฉันได้พบเขา"สบายดีค่ะ ที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้" ฉันหัวเราะเบา ๆ ดันตัวเองเข้าไปใกล้เขามากขึ้น"ผมเคยบอกว่าผมรักคุณแล้วหรือยัง?" เขาถามฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขย่งปลายเท้าและกระซิบชิดริมฝีปากของเขา "ประมาณพันครั้งแล้วค่ะวันนี้ แต่ฉันไม่ได้บ่นอะไรนะ""คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะครับ เอมม่า ผมนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงหากไม่มีคุณ ผมรู้ว่าเราได้กล่าวคำสาบานกันไปแล้ว แต่ผมสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมคุณเสมอ เพราะคุณคือของขวัญที่เบื้องบนประทานมา ผมสัญญา
มอลลี่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เช่นเดียวกับเอวา คอนนี่ เล็ตตี้ ฮาร์เปอร์ และคินลีย์ พวกเธอเป็นเพื่อนสาวกันมาสี่ปีแล้วตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุวันนั้น แน่นอนว่าฉันไม่มีวันหาใครมาแทนมอลลี่ได้ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่มีพวกเธออยู่เช่นกันอีกอย่างเมื่อวานนี้มอลลี่บอกฉันว่าเธอกำลังคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรักเธอ แต่เรายอมรับว่าเป็นเพื่อนระยะไกลกันมันรักษาความสัมพันธ์กันได้ยาก ฉันมีความสุขมากที่เธอจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆเสียงเพลงช้าลง และกันเนอร์ก็เดินเข้ามา ตัดบทสนทนาทั้งหมด“เต้นรำกันหน่อยไหมครับ แม่?”มีเสียง ว้าว ดังขึ้นเป็นระลอก และฉันสาบานได้ว่าหัวใจฉันละลายไปตรงนั้นเลย"แน่นอนสิจ๊ะ สุดหล่อของแม่" ฉันตอบก่อนจะจับมือเขาตอนนี้กันเนอร์อายุสิบสี่ เป็นวัยรุ่นแล้วเชื่อไหมล่ะ? เขาสูงเท่าฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะสูงกว่าฉัน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็จะเป็นลูกชายตัวน้อยของฉันเสมอคาลวินและฉันตัดสินใจส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดทันทีที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เราเข้าร่วมการบำบัดร่วมกันบ้าง และพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา และเกี่ยวกับวันที่เกิดอุบัติเหตุ
เอมม่าฉันเต้นรำกับมอลลี่ ปล่อยให้เสียงเพลงโอบล้อมตัวไว้ ฉันรู้สึกปวดหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อฉันมีความสุขสุด ๆ แบบนี้ชุดเดรสสะบัดไปมาขณะที่เราตะโกนเนื้อเพลง หน้าร้อนแสนสาหัส ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ออกมาสุดเสียง เอวาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ก็เข้าร่วมกับเราด้วย ฉันหัวเราะเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังเต้นอยู่เลยแต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียกสิ่งที่เธอกำลังทำว่าอะไรดีจำนวนครั้งที่ฉันเรียกว่าตนเองมีความสุขนั้นสามารถนับนิ้วได้เลย หนึ่งคือตอนที่ฉันสอบเนติบัณฑิตได้ สองคือตอนที่กันเนอร์เรียกฉันว่าแม่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน และสามคือวันนี้ งานแต่งของฉันคุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันแต่งงานแล้วและฉันมีความสุขอย่างที่สุดจำทนายหนุ่มน่ารักที่ฉันเล่าให้เอวาฟังในวันเกิดของเจมส์ได้ไหมคะ? จะว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยละความพยายามเลยค่ะ ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธเขากี่ครั้งก็ตาม เขาขอฉันคบหาอยู่เรื่อย ๆ และที่ฉันบอกว่าเรื่อย ๆ ก็คือเขาขอเกือบทุกวัน ฉันเบื่อที่จะได้ยินคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ปรากฏว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตนี้เลยฉันชะลอฝีเท้าลง ดวงตามองหาเจ้าบ
กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ
สามปีต่อมาเอมม่า"จริงจังนะ เอมม่า เมื่อไหร่เธอจะหาแฟนสักที?" เอวาเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉันฉันมองออกไปที่สวนหลังบ้านและยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเจมส์ลูกชายของทราวิสและเล็ตตี้ ซึ่งตั้งชื่อตามพ่อของพวกเราและเจมส์กำลังจะอายุครบหนึ่งขวบเล็ตตี้และทราวิสแต่งงานกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทราวิสคุกเข่าขอเธอแต่งงานทันทีที่ฉันได้สติขึ้นหลังจากอุบัติเหตุที่เกือบจะพรากชีวิตฉันไป คุณอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนขับรถคนนั้น เขาถูกจำคุกห้าปีในข้อหาขับรถโดยประมาท ฉันหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนนะกลับมาที่ทราวิสและเล็ตตี้ ฉันคิดว่าการเห็นฉันอยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขารู้ว่าชีวิตสั้นแค่ไหน เขาขอเธอแต่งงานและเล็ตตี้ก็ตอบตกลง พวกเขาแต่งงานกันซึ่งเป็นงานแต่งงานฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามตอนนี้ัฉันได้กลายเป็นเพื่อนกับเอวาก็เลยถูกดึงเข้ามาในวงจรนี้ด้วย คอนนี่และรีเปอร์แต่งงานกันแบบงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เป็นกันเองกับเพื่อนสนิทและครอบครัว สี่เดือนต่อมาทั้งสองก็อ้าแขนรับลูกสาวของพวกเขา เฮเวน ตอนนี้คอนนี่ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนฮาร์เปอร์และเกเบรียลก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีก
"ไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องเบ่งเดี๋ยวนี้" ฉันคำรามพร้อมจับเสื้อเกเบรียลไว้ฉันรู้สึกบ้าไปแล้ว เหมือนฉันเสียสติไปแล้ว ความเจ็บปวดกำลังทำให้ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆโชคดีที่พวกเราไปถึงห้องคลอดก่อนที่ฉันจะคลอดลูกตรงทางเดินของโรงพยาบาล ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเดินไปถึงห้องคลอด และเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเตรียมพร้อมให้ฉันเอวาอยู่ในห้องเรียบร้อย ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีคนเข้าใจความรู้สึกตอนที่ช่องคลอดฉีกออกเป็นสองส่วนเพื่อให้เด็กตัวน้อย ๆ ออกมาดูโลก"ฉันไม่ไหวแล้ว" ฉันกัดฟันพูด ก่อนที่จะยกตัวขึ้นและเบ่งสุดแรงฉันสาบานว่าฉันรู้สึกเหมือนก้นจะแตกและมันก็เพิ่มความเจ็บปวดให้ฉันมากขึ้น"ความผิดคุณเลย!" ฉันกรีดร้องใส่เกเบรียลขณะที่จับมือเขาไว้แน่นฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ลมหายใจถี่กระชั้น และรูจมูกบานออกเพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด"เตรียมนะ เธอ เบ่งเลย" เอวาเร่งเร้าฉันขณะที่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากให้ฉัน "เกเบรียลไม่สำคัญแล้วตอนนี้""อ้าว ใจร้ายนะ เอวา" เกเบรียลพึมพำพร้อมจ้องเขม็งไปยังเอวา เธอจ้องเขม็งกลับราวกับจะบอกให้เขาหุบปากและทำตามน้ำไปฉันบีบมือพวกเขาเมื่อมดลูกหดตัวอีกครั้ง และฉันก็ออ
"สบายมากจ้ะ หมีน้อยลิลลี่ แม่กำลังจะคลอดลูก... จำที่แม่บอกหนูได้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนถึงเวลาแบบนี้?"เธอพยักหน้า "ค่ะ แม่บอกว่าแม่จะเจ็บท้อง แต่หนูไม่ต้องห่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้น้องเกิดมาค่ะ""ดีมากจ้ะ" ฉันเบ้หน้าเมื่อการหดเกร็งตัวจู่โจมฉันอีกครั้ง "นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ดังนั้นอย่ากลัวไปนะจ๊ะ"เกเบรียลจับมือและช่วยให้ฉันเดินออกจากห้อง ฉันหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก แต่พูดตามตรงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย"หนูแค่ไม่เข้าใจน่ะค่ะ ทำไมแม่ต้องเจ็บด้วย? ทำไมเด็กถึงออกมาจากท้องแม่ไม่ได้โดยไม่ทำให้แม่เจ็บล่ะคะ?"สิ่งที่ฉันไม่ต้องการที่สุดคือทำให้ลูกสาวหวาดกลัวโดยต้องอธิบายให้เธอฟังว่าความเจ็บปวดนั้นจำเป็นสำหรับการออกแรงเบ่งเด็กออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะอยากรู้ว่าทำไมต้องเบ่งลูกออกมาด้วย และฉันจะต้องอธิบายว่าเพราะลูกตัวใหญ่และทางออกเล็กกว่า ดังนั้นการหดเกร็งตัวเหล่านั้นจึงจำเป็นสำหรับการเบ่งลูกออกมา จากนั้นเธอจะอยากรู้ว่าทางออกนั้นคืออะไร และฉันจะต้องบอกเธอว่าลูกออกมาทางนั้นอย่างไรเล่าอย่างที่คุณเห็น นั่นไม่ใช่บทสนทนาที่เธอเตรียมใจรับได้นัก เธอจะตกใจกลัวเมื่อรู้ว