โรแวนวันนี้ เราต่างมารวมตัวกันเนื่องจากงานสังสรรค์ประจำเดือน ตระกูลวูดส์และชาร์พริเริ่มงานสังสรรค์นี้มานับตั้งแต่ผมอายุได้ห้าขวบครอบครัวทั้งสองมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น หลัก ๆ อาจเป็นเพราะแม่ของเราทั้งสองเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่สนิทกันเป็นอย่างมากนั่นจึงฟังดูสมเหตุสมผลหากลูกของหญิงทั้งสองจะกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตามสายสัมพันธ์แสนสนิทชิดเชื้อของทั้งสองตระกูล“พ่อครับ ทำไมขับรถช้าเป็นเต่างี้ล่ะ? เดี๋ยวก็อดกินหมูย่างบาร์บีคิวของคุณปู่หรอก” โนอาบ่นอุบ คิ้วขมวดด้วยความหงุดหงิดหากไม่เห็นแก่โนอา ผมก็ไม่มีทางโผล่หน้าไปร่วมงานนี้แน่ ผมเคยรักใคร่ครอบครัวนี้ โดยเฉพาะตอนที่รู้ว่าเอวาไม่ได้ร่วมงานนี้ด้วย ตอนที่รู้ว่าไม่มีใครเชิญชวนเธอมาด้วยผมเคยคิดว่านี่คงเป็นสถานที่เดียวที่สามารถหลีกหนีจากเธอได้ ได้อยู่ในสถานที่ซึ่งอบอวลไปด้วยความรู้สึกเกลียดชังเอวาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แม้ว่าโนอาจะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นก็ตามแต่ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย ผมกับเกลียดตนเองและคนอื่นเพราะเราเอาแต่ทำให้เธอเจ็บปวดอยู่ร่ำไป“พ่อจะรีบขับรถเร็ว ๆ เลย” ผมเอ่ยตอบ“ไม่ใช่เลยอ่ะ พ่อไม่ได้ขับเร็วเลย พ่
เหตุผลที่ผมยังสามารถอยู่ในชีวิตของเอวาได้นั้นเพราะว่าผมเป็นพ่อของโนอา และผมยังคงแสดงเจตจำนงอันเด็ดเดี่ยวอยู่ มิฉะนั้นเธอคงโยนผมออกไปอย่างไร้เยื่อใยเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ “เอาไว้ครั้งหน้าแล้วกันจ้ะ” เคทส่งรอยยิ้มแสนเศร้าให้หลานชายน้ำตาเคทเอ่อล้นจวนเจียนจะไหลออกมาเต็มที โนอาไม่เคยรับรู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง ผมปล่อยให้ลูกชายเห็นคุณยายของตนแตกสลายต่อหน้าไม่ได้ เด็กน้อยจะเริ่มตั้งคำถามกับทุกสิ่งและเมื่อใดที่ล่วงรู้ว่าเอวาต้องเผชิญกับสิ่งใดมาบ้าง เขาก็พร้อมจะระเบิดออกมาแน่โนอารักแม่ของตนเหนือว่าสิ่งอื่นใด หากเขารู้ว่าเราทุกคนต่างพากันทำร้ายเอวามากขนาดไหน ในสายตาของโนอา เราคงกลายเป็นศัตรูและพร้อมจะถูกตัดความสัมพันธ์เป็นแน่“ไปกันเถอะ…พ่อว่าตอนนี้อาหารคงรอเราจนเย็นชืดหมดแล้ว” ผมเดินเข้าไปขัดกลางระหว่างยายหลาน และดันทั้งสองเข้าไปภายในบ้านเคทขอเวลาสักครู่และเดินไปยังห้องน้ำ ขณะที่โนอาและผมเดินไปยังสวนหลังบ้านผมร้องโอดครวญอยู่ภายในเมื่อตระหนักได้ว่าตอนนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า โนอารีบวิ่งไปและทิ้งผมไว้ด้านหลังเด็กน้อยกล่าวทักทายทุกคนเว้นเพียงเอมม่า เขาไม่แม้แต่ชายหางตามอง โนอาไม่ชอบเธ
ศีรษะผมหมุนวนด้วยความจริงใหม่ที่เพิ่งค้นพบ ผมเคยคิดว่าความรักที่มีให้กับเอมม่านั้นจะเป็นนิรันดร์ แต่เมื่อตระหนักว่าไม่ใช่อย่างนั้น ทั้งสมองและหัวใจก็ได้รับผลกระทบขึ้นมาผมรีบเดินไปนั่งข้างโนอา ตอนนี้ผมอยากให้เรื่องทั้งหมดนี้จบลงเร็วมากกว่าที่เคย ผมอยากออกไปจากที่นี่มากจนรู้สึกราวกับผิวหนังกำลังจะลุกเป็นไฟ"พ่อคุยเรื่องอะไรกับป้าเอมม่ามาเหรอครับ" โนอาถามทันทีที่ผมหย่อนตัวลงนั่งเสียงของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ทุกคนไม่จำเป็นต้องบอกซ้ำสองว่าลูกชายเกลียดผู้หญิงที่ผมตั้งใจจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วยนั้นเข้าไส้ความเกลียดนี้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมต้องหยุดความสัมพันธ์กับเอมม่าไว้ก่อน ผมจะคบกับเธอได้อย่างไร? จะอยู่กับเอมม่าได้อย่างไรในเมื่อคนที่ผมรักที่สุดเกลียดเธอขนาดนี้? ผมจะคิดก้าวเดินไปพร้อมความสัมพันธ์นี้ได้อย่างไรในเมื่อเธอก็ไม่ได้ชื่นชอบโนอาเช่นกัน?อ้างอิงถึงสิ่งที่เธอพูดถึง มันชัดเจนว่าเธอรังเกียจเขา เพราะเขาเป็นลูกของเอวาหรือเพราะเขาเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องแต่งงานกับเอวา หรืออาจจะเป็นทั้งสองอย่าง"ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกลูก" ผมพึมพำพร้อมรู้สึกสับสนกับความคิดมากมายเรานั่งเ
ตอนผมอยู่ใกล้เอวา เธอแทบไม่เคยยิ้มเลย อย่าว่าแต่หัวเราะ แม้แต่รอยยิ้มยังดูเย็นชาและห่างเหินเหลือเกิน เมื่อตระหนักถึงความจริงที่ว่าเธอหัวเราะออกมาได้เพราะใครคนอื่น มันเป็นสิ่งที่กล้ำกลืนฝืนทนมากเสียจริง“เฮ้ย แล้วโนอาพูดอะไร นายถึงได้โกรธขนาดนั้น?” ทราวิสถามขึ้นพลางมองผมด้วยความอยากรู้“เปล่า แค่เรื่องเพื่อนบ้านคนใหม่น่ะ มันเดินเข้ามาในบ้านเอวาอย่างกับเป็นบ้านตัวเอง แล้วยังทำให้เธอหัวเราะได้อีก” ผมกัดฟันพูดออกมาพร้อมกำหมัดแน่นทราวิสกับเกเบรียลมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมา ผมไม่สนใจหรอกเพราะในหัวมันยุ่งเหยิงไปหมด ผมอยากต่อยใครสักคนเสียรู้แล้วรู้รอดไป ความรู้สึกมันรุนแรงอย่างมาก ดวงตาเขี้ยวปัดด้วยความโกรธเกรี้ยวมีบางอย่างในตัวที่อยากจะกรีดร้องว่าเอวาเป็นของผม มันไม่ควรจะมีผู้ชายหน้าไหนกล้าเข้ามาใกล้เธอด้วยซ้ำ ส่วนหนึ่งในจิตใจทำให้ผมประหลาดใจ เพราะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเธอเป็นของผม เธอก็เป็นแค่เอวามาโดยตลอด หญิงสาวผู้ทำลายชีวิตผมจนย่อยยับ“มองจากดวงจันทร์ก็รู้ว่าพี่กำลังหึง” เกเบรียลพูดหลังจากเสียงหัวเราะจางลง “โนอาอยากให้พี่กลับไปอยู่กับเอวาด้วยกัน ชัดจะตาย เด็กมันอยากเห็นปฏิกิรย
เอวาสุดสัปดาห์นี้ช่างแสนวิเศษ แม้ไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้น แต่ฉันก็มีความสุขที่ได้ใช้เวลาร่วมกับพ่อแม่ท่านเป็นพ่อแม่ในแบบที่ฉันเคยวาดฝันให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ควรจะเป็น อบอุ่น ห่วงใย และเอาใจใส่ ต่างจากพ่อแม่คนก่อนอย่างสิ้นเชิง เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเอมม่าและทราวิส แถมยังปฏิบัติต่อโรแวนกับเกเบรียลดีกว่าฉัน ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็อ้างว่าฉันเป็นลูกสาวของพวกเขายิ่งใช้เวลากับแม่โนราและพ่อธีโอมากเท่าไร มันก็ยิ่งทำให้ฉันรักพวกท่านมากขึ้นเท่านั้น ฉันยอมรับพวกท่านเป็นพ่อแม่อย่างแท้จริง การอยู่กับพวกท่านทำให้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมอีธานถึงรักพวกท่านนัก ทำไมถึงพูดถึงพวกท่านด้วยความรักทุกครั้ง พวกท่านเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีใครมาอธิบายสิ่งใดให้ฟังเลย“นี่หล่อนอยู่ที่ไหน?” โครินถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพร้อมดึงฉันออกจากความคิดพวกเรากำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟ รอเลตตี้ผู้สายเป็นประจำ เธอทำงานเป็นเลขานุการแท้ ๆ แต่เหมือนไม่เคยสลักเรื่องตรงต่อเวลาไว้ในหัวเลย“เดี๋ยวก็มา แต่คงสายอีกตามเคย” ฉันตอบขณะกำลังตักมัฟฟินบลูเบอร์รี่เข้าปากช่วงนี้ฉันเริ่มมีอาการอยากอาหารมากขึ้นตามประสา
“เดี๋ยวก่อนเลย ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงกับความคิดนี้เลยนะ”เล็ตตี้พูดข้ามหัวไปโดยไม่สนใจฉันเลย “ขอแนะนำว่าเราควรทำการวิจัยอย่างละเอียดเลยนะ เพราะเอวายังไม่เคยใช้เซ็กซ์ทอยมาก่อน เธอควรเป็นคนซื้อของพวกแบรนด์ดัง ๆ มาลองก่อนเลย ความเห็นในฐานะคนเพิ่งลองใช้เซ็กซ์ทอยเป็นคนครั้งแรกจะช่วยให้เราประเมินได้ว่าพวกนี้ขาดอะไร และเราจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้ยังไง”โครินพยักหน้ารับพร้อมยิ้มกว้างอย่างพอใจ ฉันบอกได้เลยว่าเธอกำลังรู้สึกดีมากตอนนี้ ทว่าฉันกลับไม่ได้รู้สึกดีเลย เพราะดูเหมือนต้องกลายเป็นหนูทดลองให้พวกเธอไปซะแล้ว“ฉันมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ไหม?” ฉันถามอย่างหงุดหงิด“เอาจริง ๆ ก็ไม่นะ พวกเราจะทำให้เธอรวยขึ้นเยอะเลยนะ…” เล็ตตี้ปล่อยประโยคนั้นค้างไว้“รู้กันอยู่แล้วนี่ว่าฉันไม่ได้ต้องการเงินสักหน่อย เยอะจนใช้ไม่หมดแล้ว”เล็ตตี้แค่ยักไหล่ก่อนจะเมินฉันไปเลย “สำคัญที่ไหน อีกอย่างนะเธอเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าอยากลองอะไรใหม่ ๆ? อะไรที่มันท้าทายหน่อย? ก็นี่ไง เธอได้หัวปั่นอยู่กับมันโดยที่ไม่ต้องเปลืองแรงมากด้วย”ฉันคิดเรื่องนี้อยู่สักพักก่อนจะถอนหายใจ เฮ้อ มันจะย่ำแย่แค่ไหนกันล่ะเชียว?“ก็ได้”
ฉันมองทนายของตนเองด้วยความกังวล ขณะที่เขาไล่อ่านดูข้อเสนอการจัดตั้งธุรกิจที่โครินส่งมาให้ฉันขอยกนิ้วให้เลยเพราะว่าเธอทำงานได้เร็วมาก ยังไม่ทันข้ามวันหลังจากที่เราพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เธอก็จัดเตรียมข้อเสนอมาให้เรียบร้อยเป็นไปได้ว่าเธออาจทำเอกสารนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วและแค่รอให้ฉันกับเล็ตตี้ตอบตกลงเท่านั้นฉันจ้องมองรอดเจอร์สและสงสัยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ตอนนี้ เขาเป็นทั้งทนายและที่ปรึกษาส่วนตัวตั้งแต่ที่ฉันเริ่มจับเงินล้านเป็นครั้งแรก ฉันไม่เคยลงทุนกับธุรกิจใด ๆ โดยที่ไม่ได้สอบถามความคิดเห็นเขาก่อน ตอนนี้ เขาเป็นอันดับหนึ่งและไม่เคยพลาดเลยสักครั้งธุรกิจที่เขายืนยันว่ามีศักยภาพมากพอที่จะประสบความสำเร็จก็ไปได้ดีจริง ๆ ส่วนธุรกิจที่เขาเตือนก็ล้มเหลวอย่างที่เขาคาดไว้ อย่างที่เห็นความคิดเห็นของทนายคนนี้สำคัญเป็นอย่างมาก“คิดว่าไงบ้างคะ” ฉันถามเพราะรู้สึกกังวลใจจนทนไม่ไหวแล้วเขากวาดสายตาดูเอกสารอีกครั้งก่อนเงยหน้าขึ้นมา“ความคิดดีเยี่ยมเลย ผมเล็งเห็นถึงศักยภาพอยู่ครับ” เขาตอบฉันทำงานกับเขามานานพอที่จะรู้ว่าเขามีคำว่า ‘แต่’ อยู่ในนั้น จากท่าทางของเขามันชัดเจนว่าเขามีความกังว
"ขอโทษเรื่องที่กดดันเธอไง ฉันเอาแต่กดดันให้เธอคิดเรื่องโรแวนอยู่นั่น ไม่ได้คิดเลยว่ามันทำร้ายเธอแค่ไหน ฉันแค่อยากให้เธอมีความสุข ในใจก็คิดว่าโรแวนเป็นความสุขของเธอ เธอรักเขามานานจนไม่อยากเชื่อว่าความรักทั้งหมดจะหายไปแล้ว""เล็ตตี้..." ฉันพยายามจะพูด แต่เธอไม่ให้โอกาสนั้นเลย"ฉันอยากให้เธอได้มีโอกาสที่จะรู้จักกับความสุขสักครั้ง เธอเคยบอกฉันว่าเคยหวังให้โรแวนมีความรู้สึกอะไรกับเธอบ้าง แต่ตอนนี้พอเหมือนว่าเขาจะรู้สึกแบบนั้น เธอกลับไม่เชื่อและปฏิเสธลูกเดียว ฉันก็ไม่เข้าใจ"ฉันถอนหายใจ อีกแล้วเหรอ?ฉันเริ่มจะเบื่อที่ต้องได้ยินใครต่อใครพูดถึงโรแวนและความรู้สึกพวกนั้นเต็มที ฉันรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดทุกครั้ง โรแวนไม่ได้มีบทบาทอะไรในชีวิตฉันอีกต่อไปแล้ว ความรู้สึกของเขาเองก็เช่นกัน เขาจะเก็บรักษา โยนทิ้งความรู้สึกบ้าบอพวกนี้ก็แล้วแต่เลยฉันไม่สนใจ"ฉันจะอธิบายแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ แล้วหลังจากนี้ฉันไม่อยากได้ยินเรื่องนี้อีก" ฉันสูดหายใจก่อนจะพูดต่อ"ฉันเคยรักโรแวน และเสี้ยวหนึ่งของหัวใจก็ยังรักอยู่ แน่นอนความรักนี้ลบเลือนไปง่าย ๆ ที่ไหน แต่ความรักมันถูกทำลายช้า ๆ จากการกระทำของคนที่เรารั
ฮาร์เปอร์แจ็คสัน หนึ่งในคนขับรถของเกเบรียลเปิดประตูให้ฉัน ฉันก้าวขึ้นไปในรถโดยมีเกเบรียลตามเข้ามานั่งข้างฉันฉันยังคงไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองตกลงเรื่องนี้ แต่ในส่วนลึกฉันรู้ว่ามันสมเหตุสมผล เกเบรียลพูดถูกว่าจะมีอะไรที่เหมาะสมไปกว่าการได้เรียนรู้จากคนที่เก่งที่สุดในธุรกิจล่ะ เกเบรียลกับโรแวนเป็นคนที่เก่งที่สุดในวงการ พวกเขายังเก่งกว่าพ่อของพวกเขาเอง ซึ่งตอนนี้เกษียณไปแล้วแต่ยังคงเป็นหัวหน้าคณะกรรมการบริหารฉันใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะตัดสินใจได้ว่าจะใส่อะไรดี ฉันเคยทำงานจากที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ และเวลาที่ต้องไปบริษัท ฉันก็มักจะใส่ชุดลำลอง เพราะบริษัทที่ฉันเคยทำงานให้มีบรรยากาศในการทำงานที่ผ่อนคลายฉันอยากดูดีและสร้างความประทับใจแรกให้ได้ดี ฉันไม่มีเสื้อผ้าสำหรับทำงานมากนักและวางแผนจะไปช้อปปิ้งสุดสัปดาห์นี้ ถึงแม้เงินจะตึงมือ แต่ฉันคิดว่าซื้อกระโปรงกับเสื้อเชิ้ตเพิ่มอีกสักสองสามชุดก็คงเป็นเรื่องจำเป็นหลังจากเลือกชุดเสร็จ ฉันลงไปกินอาหารเช้า เกเบรียลมองฉันผ่าน ๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจโทรศัพท์ พอกินเสร็จ ก็ถึงเวลาที่เราต้องออกจากบ้าน ลิลลี่ยังไม่ตื่น ฉันเลยฝากข้อความไว้กับชารอน“คุณจะให้
เกเบรียลผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงครางเบา ๆ และความรู้สึกว่าตัวเองกำลังแข็งตัวอย่างกับหินแกรนิต บ้าเอ้ย ตอนที่ผมตัดสินใจเซ็นสัญญาแต่งงานกับฮาร์เปอร์ ผมไม่ได้คาดคิดเลยว่ามันจะยากขนาดนี้ และไม่ได้คาดคิดเลยว่าเธอจะส่งต่อผมได้ขนาดนี้ผมมีปัญหาแบบผู้ชายที่เจ็บปวดที่สุด และไอ้นั่นของผมก็แข็งจนแทบระเบิดผมลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่ห้องน้ำด้วยระยะทางสั้น ๆ โดยที่ไอ้นั่นชี้ทางให้ ผมยังคงไม่เข้าใจว่ามันเป็นไปได้อย่างไร หมายถึงว่าผมไม่ใช่วัยรุ่นที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้วนี่ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่ตื่นมาแบบนี้คือตอนไหน แต่ตั้งแต่ฮาร์เปอร์กลับมายังไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ ผมกลับทำตัวเหมือนเด็กหนุ่มไร้เดียงสาอีกครั้งผมไม่เข้าใจเลยว่าเธอทำแบบนี้กับผมได้ยังไง ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยส่งผลอะไรแบบนี้กับผมเลย เธอก็ยังคงเป็นฮาร์เปอร์คนเดิมที่ผมรู้จัก มีเพียงรูปร่างกับท่าทีที่เปลี่ยนไป แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงมีผลกับผมขนาดนี้ผมสลัดความคิดพวกนั้นออกจากหัวก่อนก้าวเข้าไปในห้องน้ำ น้ำเย็น ๆ น่าจะช่วยแก้ปัญหาสุดแข็งตัวนี้ได้ผ่านไปหลายสิบนาที ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยความรู้สึกที่ยังอัดอ
ฮาร์เปอร์"ดึกดื่นปานนี้ กำลังมองอะไรอยู่เหรอ?" เสียงทุ้มทำให้ฉันสะดุ้งจากด้านหลัง"ตกใจหมดเลย" ฉันพึมพำขณะพยายามสงบใจที่เต้นแรง "อย่าโผล่มาจากข้างหลังอย่างนั้นสิ"เกเบรียลเดินวนรอบเคาน์เตอร์ครัวและมายืนตรงข้ามกับฉัน เมื่อเขาทำแบบนั้น ให้สายตาฉันได้เห็นเขา คอก็แห้งขึ้นทันที รู้สึกกระหายน้ำเหมือนไม่ได้ดื่มน้ำมานานแล้วและการกลืนก็กลายเป็นปัญหาใหญ่เกเบรียลใส่เสื้อผ้าชิ้นเดียวคือกางเกงขาสั้นสีเทาที่หลวมต่ำบนสะโพก ผู้ชายคนนั้นเป็นงานศิลปะที่มีร่างกายเหมือนเทพเจ้ากรีก ไหล่กว้าง กล้ามท้องเป็นลอน และเส้นวีไลน์ที่ทำให้ผู้หญิงทุกคนคลั่งไคล้แนวไรขนสีเข้มที่เริ่มจากสะดือแล้วหายไปในกางเกง ราวกับว่าไรขนนั้นชี้ไปยังสวรรค์ฉันอยากจะเบนสายตาออกไปแต่ไม่สามารถทำได้ สายตาฉันดื่มด่ำราวกับเขาเป็นแหล่งน้ำเดียวที่มี สายตาจ้องไปที่ทุกซอกทุกมุมของร่างกายเขา สังเกตเห็นรอยสักแบบชนเผ่าบนหน้าอก นั่นเป็นสิ่งใหม่ มันไม่ได้มีตอนที่เราเคยมีอะไรกันเมื่อหลายปีที่แล้ว และการเห็นมันทำให้ฉันอยากรู้ว่ามันหมายถึงอะไรไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเกเบรียลเป็นผู้ชายที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะตอนนี้ อย่าคิดว่าฉันพูดแบบนี้แค่ตอนนี้ แม้แต่ต
เกเบรียลผมยังคงรู้สึกถึงสัมผัสเนียนนุ่มของผิวเธอเหมือนกับมันซึมลึกอยู่ใต้ผิวของผมเอง ชั่วขณะหนึ่งผมอยากใช้นิ้วหัวแม่มือไล้ไปตามข้อต่อที่เต้นเป็นจังหวะอยู่ด้านในแขนของเธอฮาร์เปอร์คนใหม่นี้น่าสนใจ เธอร้อนแรง และท่าทางแบบใหม่นี้ทำให้ผมรู้สึกติดใจได้ ผมชอบผู้หญิงที่มั่นใจ เร้าอารมณ์ และมีบุคลิกที่ร้อนแรง ผมชอบที่พวกเธอท้าทายและไม่ยอมแพ้เธอกลายเป็นผู้หญิงแบบนั้นและมันทำให้ผมสนใจ เธอเป็นคนที่ร้อนแรงและไม่กลัวที่จะบอกให้ผมไปตายซะ ผมจะไม่สนใจได้อย่างไรเล่า?ตอนที่เราแต่งงานกันนั้นเธอน่าเบื่อ บุคลิกที่น่าเบื่อทำให้เธอดูจืดชืดในสายตาของผม ไม่มีอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับเธอเลย ในขณะที่ผมชอบผู้หญิงที่มีเขี้ยวเล็บ เธอกลับเชื่อฟังมากเกินไป คิดแต่จะทำให้ผมพอใจและดึงดูดความสนใจกันอย่างเดียวเธอยอมลดตัวทุกอย่างเพียงเพื่อให้ผมสนใจ หากเพียงเธอผลักผมให้ออกห่างไปผมก็คงจะสนใจเธอแล้ว ฮาร์เปอร์เมื่อก่อนเป็นคนขี้อายและกลัวแถมขาดความมั่นใจในตัวเอง สิ่งนั้นมันทำให้ผมรู้สึกไม่อยากสนใจเธอเลยผมถอนหายใจแล้วก็ผลักความคิดเหล่านั้นออกไป พยายามขับไล่ความสงสัยที่มีต่อฮาร์เปอร์ เบคเกตต์ ที่ตอนนี้เป็นวู้ดออกไป วินาทีถั
“คุณต้องการอะไร เกเบรียล? อย่างที่เห็น ฉันไม่อยากคุยตอนนี้” ฉันลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดคำพูดของลิลลี่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของฉัน มันบาดลึกซ้ำไปซ้ำมา ฉันเอามือสางผม พยายามไล่ความเจ็บปวดที่ท่วมท้นออกไป ฉันรู้ว่าสักวันมันต้องเกิดขึ้น และฉันก็รู้ว่าเธออาจจะรับมันไม่ได้ดีนักลองคิดดูสิ คุณจะรับมันไหวไหมถ้าแม่มาบอกว่าผู้ชายที่คุณคิดว่าเป็นพ่อมาตลอดกลับกลายเป็นคนอื่นไป? ว่าคุณถูกหลอกมาตลอด และไม่มีใครคิดจะบอกความจริงจนกระทั่งมันเลี่ยงไม่ได้ ฉันเข้าใจเธอ ฉันเข้าใจปฏิกิริยาของเธอ ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อคำพูดและความเจ็บปวดในดวงตาของเธออย่างไร“ลิลลี่ไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นหรอก” เกเบรียลพูดพลางเดินเข้ามาในห้องฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ความรู้สึกบางอย่างที่น่าเกลียดพุ่งขึ้นในใจ “แล้วคุณจะรู้ได้ยังไง? คุณแทบจะไม่รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ แล้วจะมาบอกฉันว่าเธอไม่ได้ตั้งใจได้ไง”“แล้วมันเป็นความผิดใครล่ะ?” เขาสวนกลับทันที จ้องฉันด้วยสายตาโกรธจัดฉันทั้งโกรธทั้งเสียใจ ฉันกำลังหาที่ระบาย หาทางที่จะดึงความสนใจตัวเองออกจากความเจ็บปวดที่ถาโถม เกเบรียลจึงกลายเป็นเป้าหมายของฉัน เพราะ
ฮาร์เปอร์สัปดาห์นี้วุ่นวายสุด ๆ เหมือนฉันวิ่งทำธุระตั้งแต่กลับมาที่เมืองนี้โดยไม่ได้พักเลยสักนิดอย่างน้อยตอนนี้ลิลลี่ก็ดูสบายขึ้นแล้ว เกเบรียลไม่ยอมส่งที่นอนของเธอมาเพราะบอกว่าที่นอนที่นี่สบายกว่า แต่เขายอมส่งผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มมาให้แทน ซึ่งมันช่วยได้เยอะเลย ตอนนี้เธอหลับสบายตลอดทั้งคืนส่วนเกเบรียล ฉันจะเริ่มจากตรงไหนดี? เขากลับมาบ้านแม้จะดึกดื่นขนาดไหน แต่ก็เท่านั้นเอง เราสองคนพยายามหลบหน้ากัน ต่างทำเหมือนกับว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอยู่ในชีวิต ฉันคิดว่าแบบนี้ดีกว่า อย่างน้อยลิลลี่จะได้ไม่เห็นเราทะเลาะกันตลอดเวลา“แม่คะ แม่อยากคุยกับหนูเหรอ?” เสียงของลิลลี่ดึงฉันกลับมาสู่ปัจจุบันฉันวางผ้าที่กำลังพับอยู่ลง แล้วนั่งลงบนเตียงก่อนจะส่งสัญญาณให้เธอมานั่งด้วยกัน เธอเดินข้ามห้องมาพร้อมขมวดคิ้ว ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ฉันเราอยู่ในห้องของฉัน อย่างที่เดาได้ว่าเกเบรียลกับฉันไม่ได้นอนห้องเดียวกัน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ลิลลี่เข้าใจอย่างไร เพราะเธอต้องสงสัยแน่ ๆ ในเมื่อก่อนหน้านี้ฉันกับเลียมเคยนอนร่วมห้องกัน“แม่คะ?”“ขอโทษนะลูก มีบางอย่างที่แม่อยากจะอธิบายให้หนูฟัง” ฉั
แผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้นหันมาทางฉัน รวมถึงกันเนอร์ด้วย ฉันไม่ต้องกังวลเรื่องคาลวินเพราะเขาดูเหมือนตกอยู่ในห้วงความหลงใหล เขาใส่ใจกับทุกสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูด พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนเด่นชัดบนริมฝีปากอีกครั้งที่ความรู้สึกไม่สบายใจจมลึกลงในหัวใจของฉัน ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนหายใจได้ไม่ทั่วท้อง? เหมือนมีหินก้อนใหญ่ติดอยู่ในลำคอฉันเพ่งสายตามองไปยังพวกเขา แม้จะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดเพราะโต๊ะอยู่ห่างออกไป แต่ความสงบสุขและความสุขบนใบหน้าของคาลวินก็เพียงพอที่จะบอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้น เขากำลังออกเดต และกันเนอร์ก็มาด้วย ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนไม่ได้รังเกียจอะไร แต่ฉันไม่มีวันปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่ฉันในชีวิตของลูกชายเด็ดขาดถึงแม้ฉันจะมองไม่เห็นกันเนอร์ แต่ฉันรู้ว่าเขาเหมือนกับคาลวิน กันเนอร์เองก็มีความสุขที่ได้อยู่ที่นั่น เพราะถ้าไม่ใช่แบบนั้น คาลวินคงพาลูกชายกลับไปแล้วแต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ทั้งที่รู้สึกเหมือนหัวใจถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ฉันไม่รู้ว่าฉันนั่งอยู่นานแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว การได้เห็นเขามีความสุขกลับทำให้ฉันเจ็บปวดอย่างประหลาด มันเหมือนหัวใจถูกบดขยี้
คำพูดของมอลลี่ยังคงก้องอยู่ในหัว แม้กระทั่งตอนที่เรากำลังกินของหวาน ฉันชอบไอศกรีมมาก แต่วันนี้ฉันกลับไม่สามารถสนุกกับมันได้เลย โดยเฉพาะเมื่อเธอสามารถทำให้ฉันเริ่มสงสัยในทุกสิ่งที่ฉันเชื่อมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา"ทำไมเธอเงียบจัง?" มอลลี่ถามขณะที่วางแก้วมิลค์เชคลง "หรือเธอกำลังคิดถึงสิ่งที่ฉันเพิ่งพูด?"ประโยคสุดท้ายมาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่เธอเอนหลังพิงเก้าอี้"เปล่า" ฉันโกหก "แค่กำลังคิดว่าฉันจะทำยังไงให้คาลวินกับกันเนอร์ยกโทษให้ฉัน ไม่ว่าฉันจะมองมุมไหนก็ไม่มีทางออกที่ดีเลย"ในฐานะทนายความ ฉันเคยชินกับการมองสถานการณ์จากหลายมุมมองเวลาปกป้องลูกความของฉัน นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันเก่งในสิ่งที่ฉันทำ ฉันไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือและพิจารณาทุกผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ ฉันทำแบบนั้นกับสถานการณ์นี้แล้ว แต่กลับไม่พบความหวังเลยฉันอาจไม่ได้รักคาลวิน แต่ฉันรู้จักเขาเป็นอย่างดี เขาเคยให้โอกาสฉันนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อให้ฉันจัดลำดับความสำคัญของชีวิตให้ถูกต้อง แต่ฉันกลับไม่ทำ คาลวินเป็นคนที่เมื่อเขาถึงจุดที่ทนไม่ไหว มันก็จบ ไม่มีการย้อนกลับ ไม่มีโอกาสอีก ไม่มีการให้อภัยฉันจะนั่งหลอกตัวเองที่นี่ก็ได้ แต่ฉัน
"ทำไมฉันถึงยอมให้เธอชวนฉันออกไปกินข้าวกลางวันด้วยนะ?" ฉันบ่นพลางมองทิวทัศน์ด้านนอกที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วฉันไม่ได้ออกจากบริเวณของครอบครัวมานานแล้ว ครั้งสุดท้ายน่าจะเป็นตอนที่ฉันไปงานแต่งงานของเอวา บอกตามตรง ฉันตกใจมากตอนที่เธอเชิญฉันไปงานนั้น ในบรรดาคนทั้งหมด ฉันคิดว่าฉันน่าจะเป็นคนที่เธอไม่อยากให้ไปร่วมงานแต่งงานมากที่สุด“ก็เพราะเธอจำเป็นต้องออกไปข้างนอกบ้างไง” มอลลี่ตอบพลางดึงฉันกลับมาสู่บทสนทนา“ฉันก็ออกจากบ้านนะ มอลลี่” ฉันพูดปกป้องตัวเองเสียงหัวเราะเยาะของเธอทำให้ฉันหงุดหงิดมาก“เดินไปที่สวนไม่เรียกว่าการออกไปข้างนอกหรอกย่ะ” เธอตอบโต้ “เลิกบ่นแล้วนั่งพักผ่อนเถอะ เธอจะสนุกกับการออกไปเที่ยวเล็ก ๆ ครั้งนี้ รับรองเลย”“ไม่มั้ง”เมื่อพูดจบ ฉันเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วหลับตาลง ความคิดในหัวของฉันวิ่งวุ่นไปเป็นพันเรื่องในแต่ละนาที ฉันจับพวกมันไว้ไม่ได้หรือควบคุมมันไม่ได้เลยตั้งแต่คุยกับมอลลี่ในห้อง ความคิดของฉันก็วิ่งพล่านไปทั่ว ฉันรู้ว่ามันคงไม่ง่าย แต่เธอพูดถูก ฉันจะมัวแต่นั่งอยู่ในห้อง จมปลักและสาปแช่งความโง่ของตัวเองต่อไปไม่ได้ ถ้าฉันยังเป็นแบบนี้ ฉันอาจไม่มีโอกาสได้อยู่กับลูกชา