แชร์

บทที่ 141

ผู้เขียน: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
“อะไร? ก็เรื่องจริง และแม่ก็ภูมิใจในตัวลูกมากด้วย”

เขาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ฉัน และฉันก็รู้ทันทีว่าเขาล่อลวงฉันสำเร็จ

“ในเมื่อผมเป็นอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์ งั้นผมขอไปเล่นวิดีโอเกมได้ไหมครับ?”

ฉันว่าแล้วไม่มีผิด เขาวางแผนทั้งหมดไว้แล้ว

ฉันถอนหายใจ “ก็ได้ แต่แค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นนะ”

เขารีบวิ่งขึ้นบันไดพร้อมตะโกนขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้ม

“มาเรีย เธอกลับบ้านได้เลยนะ” ฉันบอกพี่เลี้ยงเด็กขณะเดินเข้าไปในครัว

“จะดีเหรอคะ?”

“ใช่ ไปเถอะ”

เธอส่งยิ้มให้ฉันก่อนจะเก็บของของเธอ สิบห้านาทีต่อมาเธอก็จากไป และฉันเริ่มเสียใจที่ยืนกรานให้เธอกลับ

เมื่อโนอาอยู่ในห้องของเขา ฉันก็อยู่คนเดียว ฉันไม่มีอะไรให้ทำ ความคิดของฉันจึงเริ่มฟุ้งซ่าน

ฉันกำลังจะเริ่มทำอาหารเย็น แต่ประตูหน้าบ้านก็ถูกเปิดออก

“ฮัลโหลลล เอวา อยู่ไหน?”

เสียงของเล็ตตี้ทำให้ฉันยิ้ม

“อยู่ในครัว” ฉันตะโกนตอบ

ไม่กี่นาทีต่อมา เธอก็เดินเข้ามาในครัวและฉันก็ประหลาดใจเมื่อเห็นโครินเดินตามหลังเธอมา

“ดูสิว่าฉันเจอใคร เรามาถึงที่นี้พร้อมกันพอดี” เล็ตตี้พูดขณะนั่งที่เคาน์เตอร์ครัว

ฉันเล่าให้เล็ตตี้ฟังว่าโครินยืนหยัดเพื
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ธุลีใจ   บทที่ 142

    วันนี้เป็นวันที่ผ่อนคลาย ฉันไม่มีอะไรทำมากนัก โนอาก็ไปโรงเรียนแล้ว ส่วนฉันอยู่บ้านเพื่อพักผ่อนหลังจากที่ฉันมีอาการเจ็บป่วยทางจิตใจ ฉันจึงตัดสินใจพักจากงานสักพัก นักเรียนของฉันไม่พอใจกับเรื่องนี้ แต่พวกเขาเข้าใจว่าฉันไม่เป็นตัวของตัวเองในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาฉันวางแผนที่จะกลับไปทำงานอีกครั้งหลังจากที่คลอดลูก ตอนนี้ฉันมุ่งความสนใจของฉันไปที่ลูก ๆ และมูลนิธิโฮปฉันยังคงพยายามทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของทุกคนด้วยคนเดียวที่ยังคงบุคลิกที่เกลียดชังของเธอเอาไว้เหมือนเดิมคือเอมม่า ส่วนที่เหลือดูเหมือนจะเปลี่ยนใจในชั่วข้ามคืนแทนที่จะจดจ่อกับความคิดเหล่านั้น ฉันผลักความคิดเหล่านั้นออกไป หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเบอร์โทรของแม่ เธอรับสายทันที“สวัสดีค่ะแม่” ฉันทักทายเธอ ฉันไม่คุ้นเคยกับการเรียกเธอแบบนั้นนัก แต่ตอนนี้ฉันเริ่มชินแล้ว“เอวา!” เธอตะโกนผ่านโทรศัพท์ เธอตื่นเต้นเสมอเมื่อได้ยินเสียงฉัน “ธีโอที่รัก ลูกสาวสุดที่รักของเราโทรมา”ฉันได้ยินเสียงกดแป้นก่อนที่เสียงสะท้อนจะดังก้องในโทรศัพท์ ฉันรู้ว่าเธอกำลังเปิดลำโพง“สวัสดี

  • ธุลีใจ   บทที่ 143

    “ผมไม่เคยเห็นใครใจอ่อนกับหมาของผมเร็วขนาดนี้มาก่อนในชีวิต คนส่วนใหญ่คิดว่ามันน่ารำคาญเป็นบ้า” เสียงที่อบอุ่นทำให้ฉันต้องหันศีรษะอย่างรวดเร็วจนเกือบจะคอหักได้พระเจ้าช่วย ผู้ชายคนนี้เซ็กซี่มากเมื่อมองใกล้ ๆ ผมเขาสีดำ ตาสีเขียว โหนกแก้มสูง กรามคม ริมฝีปากที่อ้อนวอนขอให้จูบ และร่างกายที่ล่อลวงให้คุณทำเรื่องสกปรก เขาเซ็กซี่สุด ๆ และเขาก็รู้ตัวดีฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ‘ช้าลงหน่อย เอวา เธอเคยโดนหลอกด้วยรูปลักษณ์ที่ดูดี อย่าทำผิดซ้ำอีก’ไม่ใช่นะ ฉันสาบานว่าจะเลิกรักและเลิกคบผู้ชาย แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่สามารถชื่นชมคนหน้าตาดี ๆ ได้เมื่อพบคนอย่างนั้น ฉันไม่ได้ตาบอดนะ“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าคะ?” คำพูดเหล่านั้นหลุดออกจากปากของฉันก่อนที่ฉันจะหยุดมันได้ “คุณดูคุ้นมากเลย”เขามองฉันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ใช่ เราเคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน คุณอายุน้อยกว่าผมสองปี”ฉันพยายามจำเขา แต่ก็ยังไม่ค่อยคุ้นเท่าไร อาจเป็นเพราะฉันหมกมุ่นอยู่กับโรแวนมากจนไม่เห็นใครอื่นในสายตาเลย“ผมคาลวิน การ์เซีย” เขาพูดเมื่อฉันยังคงมองเขาด้วยความสับสนทันทีที่เขาเอ่ยชื่อตัวเอง ฉันก็นึกออกทันที“โอ้พระเจ

  • ธุลีใจ   บทที่ 144

    “โนอา ทำการบ้านเสร็จหรือยังลูก?” ฉันเรียกเขาแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบตอนนั้นเป็นบ่ายวันศุกร์ ฉันเหนื่อยจนเท้าบวม ฉันลืมไปว่าตอนที่คุณท้อง คุณจะเหนื่อยง่ายแค่ไหน ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้ฉันเหนื่อยไปหมดสิ่งเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณก็คือฉันไม่เคยมีอาการแพ้ท้องเลย ไม่เหมือนตอนที่ฉันท้องโนอา“โนอา?” ฉันเรียกเขาอีกครั้งฉันสงสัยว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ฉันมักจะได้รับคำตอบทันที เว้นแต่จะมีบางอย่างดึงดูดความสนใจของเขาและทำให้เขาลืมสิ่งรอบกายก่อนที่ฉันจะพาร่างกายที่เหนื่อยล้าของฉันขึ้นไปชั้นบนเพื่อดูเขา กริ่งประตูของฉันก็ดังขึ้นฉันถอนหายใจอย่างหนัก ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากเจอใคร ฉันแค่อยากพักผ่อน อาจจะด้วยการแช่น้ำนาน ๆฉันใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่มูลนิธิโฮปเพื่ออ่านเอกสารมากมายที่ต้องการความสนใจจากฉัน ตาของฉันแห้งผาก จิตใจของฉันเหนื่อยล้า และร่างกายของฉันก็ปวดไปหมดฉันลากตัวเองไปเปิดประตูและรู้สึกประหลาดใจที่พบคาลวินและกันเนอร์อยู่ที่หน้าประตูบ้านของฉัน สองวันผ่านไปแล้วนับตั้งแต่วันนั้นที่สวนหลังบ้านของฉันเมื่อกันเนอร์ไม่ปรากฏตัวขึ้นเมื่อโนอากลับมาจากโรงเรียน ฉันก็คิดว่าอาจเป็นเพราะคาลวินไม่อยากยุ่งเกี่

  • ธุลีใจ   บทที่ 145

    “หวังว่าโนอาจะพาเขาออกจากกรอบนั้นได้นะ” ฉันพึมพำพลางยื่นคัพเค้กให้เขาฉันเดินรอบเกาะกลางห้องครัว นั่งลงบนเก้าอี้บาร์ตัวหนึ่งและหายใจออกด้วยความโล่งใจที่ได้พักเท้าของฉัน ฉันหยิบคัพเค้กขึ้นมากิน ใจฉันว่างเปล่า“ผมอยากจะขอโทษ” คาลวินพูดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน“เรื่องอะไรเหรอ?”“ที่ผมดูหยาบคายเมื่อวันก่อน”ฉันโบกมือและมองเขา “ฉันสิต้องขอโทษ ฉันทำตัวเกินเหตุไป อย่ากังวลไปเลย”การพูดถึงวันนั้นทำให้ฉันนึกถึงความเจ็บปวดที่ฉันเห็นในดวงตาของเขา ตอนนี้เขาพยายามซ่อนมันไว้อย่างดีคนอื่นอาจคิดว่าเขาสบายดี แต่ฉันบอกได้ว่าไม่ใช่ ฉันเข้าใจถึงความดิ้นรนในจิตใจของเขา เพราะปกติฉันก็เคยเจอเรื่องแบบนี้เหมือนกันเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนที่เคยเจ็บปวดที่จะเห็นความเจ็บปวดที่คนอื่นพยายามซ่อนไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นความเจ็บปวดประเภทเดียวกับที่คุณกำลังเผชิญอยู่“แล้วคุณทำอาชีพอะไรเหรอ?” เขาถาม อาจเป็นเพราะพยายามหาเรื่องคุยเล่น“ฉันเป็นครู แต่ฉันลาพักร้อนสองสามเดือน”ฉันเคยคิดที่จะกลับไป แต่ตัดสินใจที่จะไม่ทำ แม้จะเบื่อกับการอยู่บ้านคนเดียว แต่ฉันรู้ว่าฉันต้องการเวลาส่วนตัว ไม่ใช่แค่เพราะตั้งครรภ์เท่านั้

  • ธุลีใจ   บทที่ 146

    โรแวนวันนี้ เราต่างมารวมตัวกันเนื่องจากงานสังสรรค์ประจำเดือน ตระกูลวูดส์และชาร์พริเริ่มงานสังสรรค์นี้มานับตั้งแต่ผมอายุได้ห้าขวบครอบครัวทั้งสองมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น หลัก ๆ อาจเป็นเพราะแม่ของเราทั้งสองเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่สนิทกันเป็นอย่างมากนั่นจึงฟังดูสมเหตุสมผลหากลูกของหญิงทั้งสองจะกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตามสายสัมพันธ์แสนสนิทชิดเชื้อของทั้งสองตระกูล“พ่อครับ ทำไมขับรถช้าเป็นเต่างี้ล่ะ? เดี๋ยวก็อดกินหมูย่างบาร์บีคิวของคุณปู่หรอก” โนอาบ่นอุบ คิ้วขมวดด้วยความหงุดหงิดหากไม่เห็นแก่โนอา ผมก็ไม่มีทางโผล่หน้าไปร่วมงานนี้แน่ ผมเคยรักใคร่ครอบครัวนี้ โดยเฉพาะตอนที่รู้ว่าเอวาไม่ได้ร่วมงานนี้ด้วย ตอนที่รู้ว่าไม่มีใครเชิญชวนเธอมาด้วยผมเคยคิดว่านี่คงเป็นสถานที่เดียวที่สามารถหลีกหนีจากเธอได้ ได้อยู่ในสถานที่ซึ่งอบอวลไปด้วยความรู้สึกเกลียดชังเอวาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แม้ว่าโนอาจะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นก็ตามแต่ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย ผมกับเกลียดตนเองและคนอื่นเพราะเราเอาแต่ทำให้เธอเจ็บปวดอยู่ร่ำไป“พ่อจะรีบขับรถเร็ว ๆ เลย” ผมเอ่ยตอบ“ไม่ใช่เลยอ่ะ พ่อไม่ได้ขับเร็วเลย พ่

  • ธุลีใจ   บทที่ 147

    เหตุผลที่ผมยังสามารถอยู่ในชีวิตของเอวาได้นั้นเพราะว่าผมเป็นพ่อของโนอา และผมยังคงแสดงเจตจำนงอันเด็ดเดี่ยวอยู่ มิฉะนั้นเธอคงโยนผมออกไปอย่างไร้เยื่อใยเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ “เอาไว้ครั้งหน้าแล้วกันจ้ะ” เคทส่งรอยยิ้มแสนเศร้าให้หลานชายน้ำตาเคทเอ่อล้นจวนเจียนจะไหลออกมาเต็มที โนอาไม่เคยรับรู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง ผมปล่อยให้ลูกชายเห็นคุณยายของตนแตกสลายต่อหน้าไม่ได้ เด็กน้อยจะเริ่มตั้งคำถามกับทุกสิ่งและเมื่อใดที่ล่วงรู้ว่าเอวาต้องเผชิญกับสิ่งใดมาบ้าง เขาก็พร้อมจะระเบิดออกมาแน่โนอารักแม่ของตนเหนือว่าสิ่งอื่นใด หากเขารู้ว่าเราทุกคนต่างพากันทำร้ายเอวามากขนาดไหน ในสายตาของโนอา เราคงกลายเป็นศัตรูและพร้อมจะถูกตัดความสัมพันธ์เป็นแน่“ไปกันเถอะ…พ่อว่าตอนนี้อาหารคงรอเราจนเย็นชืดหมดแล้ว” ผมเดินเข้าไปขัดกลางระหว่างยายหลาน และดันทั้งสองเข้าไปภายในบ้านเคทขอเวลาสักครู่และเดินไปยังห้องน้ำ ขณะที่โนอาและผมเดินไปยังสวนหลังบ้านผมร้องโอดครวญอยู่ภายในเมื่อตระหนักได้ว่าตอนนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า โนอารีบวิ่งไปและทิ้งผมไว้ด้านหลังเด็กน้อยกล่าวทักทายทุกคนเว้นเพียงเอมม่า เขาไม่แม้แต่ชายหางตามอง โนอาไม่ชอบเธ

  • ธุลีใจ   บทที่ 148

    ศีรษะผมหมุนวนด้วยความจริงใหม่ที่เพิ่งค้นพบ ผมเคยคิดว่าความรักที่มีให้กับเอมม่านั้นจะเป็นนิรันดร์ แต่เมื่อตระหนักว่าไม่ใช่อย่างนั้น ทั้งสมองและหัวใจก็ได้รับผลกระทบขึ้นมาผมรีบเดินไปนั่งข้างโนอา ตอนนี้ผมอยากให้เรื่องทั้งหมดนี้จบลงเร็วมากกว่าที่เคย ผมอยากออกไปจากที่นี่มากจนรู้สึกราวกับผิวหนังกำลังจะลุกเป็นไฟ"พ่อคุยเรื่องอะไรกับป้าเอมม่ามาเหรอครับ" โนอาถามทันทีที่ผมหย่อนตัวลงนั่งเสียงของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ทุกคนไม่จำเป็นต้องบอกซ้ำสองว่าลูกชายเกลียดผู้หญิงที่ผมตั้งใจจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วยนั้นเข้าไส้ความเกลียดนี้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมต้องหยุดความสัมพันธ์กับเอมม่าไว้ก่อน ผมจะคบกับเธอได้อย่างไร? จะอยู่กับเอมม่าได้อย่างไรในเมื่อคนที่ผมรักที่สุดเกลียดเธอขนาดนี้? ผมจะคิดก้าวเดินไปพร้อมความสัมพันธ์นี้ได้อย่างไรในเมื่อเธอก็ไม่ได้ชื่นชอบโนอาเช่นกัน?อ้างอิงถึงสิ่งที่เธอพูดถึง มันชัดเจนว่าเธอรังเกียจเขา เพราะเขาเป็นลูกของเอวาหรือเพราะเขาเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องแต่งงานกับเอวา หรืออาจจะเป็นทั้งสองอย่าง"ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกลูก" ผมพึมพำพร้อมรู้สึกสับสนกับความคิดมากมายเรานั่งเ

  • ธุลีใจ   บทที่ 149

    ตอนผมอยู่ใกล้เอวา เธอแทบไม่เคยยิ้มเลย อย่าว่าแต่หัวเราะ แม้แต่รอยยิ้มยังดูเย็นชาและห่างเหินเหลือเกิน เมื่อตระหนักถึงความจริงที่ว่าเธอหัวเราะออกมาได้เพราะใครคนอื่น มันเป็นสิ่งที่กล้ำกลืนฝืนทนมากเสียจริง“เฮ้ย แล้วโนอาพูดอะไร นายถึงได้โกรธขนาดนั้น?” ทราวิสถามขึ้นพลางมองผมด้วยความอยากรู้“เปล่า แค่เรื่องเพื่อนบ้านคนใหม่น่ะ มันเดินเข้ามาในบ้านเอวาอย่างกับเป็นบ้านตัวเอง แล้วยังทำให้เธอหัวเราะได้อีก” ผมกัดฟันพูดออกมาพร้อมกำหมัดแน่นทราวิสกับเกเบรียลมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมา ผมไม่สนใจหรอกเพราะในหัวมันยุ่งเหยิงไปหมด ผมอยากต่อยใครสักคนเสียรู้แล้วรู้รอดไป ความรู้สึกมันรุนแรงอย่างมาก ดวงตาเขี้ยวปัดด้วยความโกรธเกรี้ยวมีบางอย่างในตัวที่อยากจะกรีดร้องว่าเอวาเป็นของผม มันไม่ควรจะมีผู้ชายหน้าไหนกล้าเข้ามาใกล้เธอด้วยซ้ำ ส่วนหนึ่งในจิตใจทำให้ผมประหลาดใจ เพราะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเธอเป็นของผม เธอก็เป็นแค่เอวามาโดยตลอด หญิงสาวผู้ทำลายชีวิตผมจนย่อยยับ“มองจากดวงจันทร์ก็รู้ว่าพี่กำลังหึง” เกเบรียลพูดหลังจากเสียงหัวเราะจางลง “โนอาอยากให้พี่กลับไปอยู่กับเอวาด้วยกัน ชัดจะตาย เด็กมันอยากเห็นปฏิกิรย

บทล่าสุด

  • ธุลีใจ   บทที่ 462

    เรียกฉันว่าคนขี้ขลาดก็ได้ ฉันไม่สน แต่ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรเมื่อฉันไปถึงห้องนั่งเล่น ฉันโทรสั่งอาหารเช้าให้มาส่งที่ห้องของเรา ก่อนจะนั่งลงรอฉันรู้ว่านี่จะเป็นหายนะตั้งแต่ตอนที่เกเบรียลบอกว่าเราจะใช้ห้องร่วมกัน ฉันคิดว่าหมอนจะช่วยได้ แต่ฉันแค่หลอกตัวเอง มันไม่ได้ช่วยอะไรได้เลยเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันก็เดินไปเปิด"อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณผู้หญิง" พนักงานเสิร์ฟทักทาย พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า"อรุณสวัสดิ์ค่ะ""ให้ดิฉันวางตรงไหนดีคะ?" เธอถามขณะที่ฉันหลีกทางให้เธอเข้ามา"บนโต๊ะอาหารก็ได้ค่ะ" ฉันตอบเธอเธอพยักหน้าและเดินไปที่นั่น เธอเพิ่งวางอาหารเช้าลงและกำลังจะออกไป เกเบรียลก็เดินออกจากห้องนอนพร้อมมือที่กำลังติดกระดุมเสื้อฝีเท้าเธอเริ่มช้าลง และเธอเกือบจะสะดุดเมื่อมองเห็นเขา เกเบรียลเป็นผู้ชายที่ดูดีมาก ดังนั้นฉันจึงไม่โทษเธอหรอก"ขอบคุณค่ะ" ฉันพูดเมื่อรู้ว่าสายตาของเธอยังคงอยู่ที่เกเบรียล ขณะที่สายตาของชายหนุ่มก็อยู่ที่ฉันเสียงของฉันดึงเธอออกจากภวังค์ เธอพยักหน้าก่อนจากไป เมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็ปิดประตูให้เรียบร้อย"แล้วยังไงดี คุณจะแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเก

  • ธุลีใจ   บทที่ 461

    ให้ตายเถอะ แค่คิดถึงคืนนั้นรวมถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ก็ทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวแล้ว ฉันขยับตัวเล็กน้อย หวังว่าจะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นและบรรเทาความปั่นป่วนในร่างกาย แต่มันกลับทำให้ทุกอย่างแย่ลง เพราะการขยับตัวทำให้ร่างกายแนบชิดกับเกเบรียลมากขึ้นกว่าเดิมเกเบรียลส่งเสียงครางต่ำ แหบพร่า และเร้าอารมณ์ เช่นเดียวกับที่เขาเคยเปล่งออกมาในคืนนั้น ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว เสียงนั้นพุ่งตรงเข้าสู่ความรู้สึกของฉัน ทำให้ฉันหยุดพยายามจะขยับตัวให้สบายขึ้นฉันค่อย ๆ หันไปมองเขา หวังว่าเขาจะยังหลับอยู่ พอเห็นว่าเปลือกตาของเขายังคงปิดสนิท ฉันก็รู้สึกโล่งใจ แต่แล้วหัวใจก็เต้นแรงขึ้นเมื่อได้มองใบหน้าของเขาชัด ๆตอนหลับ เขาดูสงบและงดงามเหลือเกิน ขนตายาวทอดเงาบนแก้ม ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย เพียงแค่มองฉันก็เกิดความรู้สึกอยากสัมผัสเขา อยากแนบจูบลงไปบนริมฝีปากนั้นฉันกำลังจมดิ่งลงไปอีกครั้ง กับผู้ชายที่กุมหัวใจฉันไว้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน คนเดียวกับที่ตอนนี้กำลังขอในสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นไปได้ฉันหลงใหลในตัวเขามาก จนกระทั่งฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนสายเกินไปเสียงครางหลุดออกจากริมฝีปากขอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 460

    มื้อค่ำที่เหลือเป็นไปอย่างเงียบสงัด เขาก็ยังต้องขอโทษฉันอยู่แต่ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดี ถ้าจะพูดตามตรง ฉันไม่เคยคิดว่าเกเบรียลจะมาขอโทษฉันเลย ดังนั้นการที่เขาทำแบบนั้นและทำด้วยความจริงใจแบบนี้ทำให้ฉันพูดไม่ออกจริง ๆเรารับประทานมื้อค่ำเสร็จและโทรเรียกพนักงานจากด้านล่างให้มาเก็บจาน"ฉันจะไปนอนแล้วนะ มีอะไรที่คุณอยากได้ก่อนหรือเปล่า?" ฉันถามเมื่อจานอาหารถูกเก็บไปและพนักงานจากโรงแรมก็ออกจากห้องไปแล้วลึก ๆ ในใจฉันกำลังตกใจและกังวลที่จะต้องนอนในห้องเดียวกับเกเบรียล แต่ความเหนื่อยจากการเดินทางก็ทำให้ความวิตกกังวลหายไป"ผมเองก็จะไปนอนเหมือนกัน เหนื่อยสุด ๆ เลย"ฉันพยายามกลั้นความตกใจที่เริ่มปะทุขึ้นมาในใจ ฉันคิดว่าจะนอนก่อนเขาเหมือนที่เคยทำ นั่นจะทำให้ฉันมีเวลาได้ผ่อนคลายและพักผ่อนก่อนที่เขาจะเข้ามานอน ฉันนึกไว้ว่าจะหลับไปแล้วก่อนที่เขาจะขึ้นมานอนฉันกัดฟันอย่างหงุดหงิดและเครียด ก่อนจะพยักหน้าหงุดหงิดแล้วเดินไปห้องนอน"คุณชอบนอนด้านไหน?" เขาถาม ขณะที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง"ฉันไม่ค่อยมีความชอบอะไรหรอก ขอแค่ได้นอน ด้านไหนก็เหมือนกัน"“รู้เรื่อง งั้นผมนอนฝั่งซ้ายนะ คุณก็ฝั่งขวาแล้

  • ธุลีใจ   บทที่ 459

    "อาบน้ำเสร็จแล้ว" ฉันบอกเกเบรียลเมื่อก้าวออกมาที่ห้องนั่งเล่น"ผมสั่งอาหารไว้แล้ว กินก่อน ไม่ต้องรอผมได้เลยนะครับ" เขาพูดก่อนเดินผ่านฉันเข้าไปในห้องนอนมันรู้สึกแปลกที่จะเริ่มรับประทานโดยที่ไม่มีเขาและฉันก็ไม่ได้หิวมากนัก ฉันเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีเมล และดูว่าวันพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้างฉันไม่ต้องรอนาน เพราะไม่ถึงสิบนาทีต่อมา เกเบรียลก็เดินออกมาจากห้องนอนในเสื้อยืดเก่า ๆ และกางเกงวอร์ม“ยังไม่กินเหรอ?” เขาถามพลางเลิกคิ้ว สายตาจ้องมองอาหาร“ก็รู้สึกไม่ดีนี่นาที่กินก่อนคุณแบบนั้น แถมคุณเป็นคนสั่งอาหารมาด้วย”เขาทิ้งตัวลงนั่ง ก่อนจะเริ่มเปิดจานอาหาร ฉันตักอาหารเล็กน้อยแล้วเริ่มรับประทาน ความเหนื่อยถาโถมเข้ามา แม้ว่าฉันจะได้นอนบนเครื่องบินแล้วก็ตาม ฉันไม่อาจหยุดคิดถึงเตียงได้ ตอนแรกฉันไม่ชอบใจนักเรื่องการนอนร่วมเตียงกับเกเบรียล แต่ตอนนี้ฉันกลับเอาแต่คิดถึงมันเสียแล้ว ร่างกายร้องหาเพียงการพักผ่อน“แล้วคุณล่ะ เคยตกหลุมรักใครไหม?” คำถามเกเบรียลทำเอาฉันประหม่าฉันหันขวับไปมองเขา เจอสายตาคมกริบที่จ้องตรงมา ฉันกลืนอาหารลงคอและให้ปากทำหน้าที่ ตอนนี้คงมีอยู่แค่สองทางเลือก ไม่โกหกออกไป ก็บอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 458

    ไม่กี่นาทีต่อมา เรามายืนอยู่หน้าห้องสวีท ความรู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ จู่โจมฉันทันที เกเบรียลไขกุญแจและผลักประตูเข้าไปโถงทางเข้าต้อนรับเราด้วยพื้นหินอ่อนขัดมันที่เปล่งประกายอยู่ใต้แสงนุ่มนวลของโคมไฟระย้าสุดหรู เงาสะท้อนทอดเป็นลวดลายงดงามบนผนังห้องนั่งเล่นกว้างขวางปรากฎสู่สายตา ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดหรู และหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่เปิดมุมมองสู่ทัศนียภาพของเมืองที่ระยิบระยับราวกับทะเลดาวระบบความบันเทิงล้ำสมัยให้คำมั่นถึงค่ำคืนอันแสนอบอุ่น ขณะที่ครัวสไตล์กูร์เมต์ดึงดูดใจด้วยเครื่องใช้สแตนเลสเงาวาวและเคาน์เตอร์กลางขนาดใหญ่ที่เหมาะสำหรับการทำอาหาร ห้องรับประทานอาหารสุดเก๋ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสังสรรค์เล็ก ๆ ที่เป็นกันเอง"ดูท่าทางคุณจะชอบนะ?" เกเบรียลแกล้งเย้าฉันทำได้แค่พยักหน้า อย่างที่บอกไปแล้ว เราเคยรวย และฉันก็เคยพักในโรงแรมดี ๆ มาก่อน แต่ที่นี่คืออีกระดับหนึ่ง มันเป็นนิยามของความหรูหราที่แท้จริงสายตาฉันยังคงกวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง แต่จู่ ๆ ฉันก็ชะงักเท้าเมื่อความจริงบางอย่างตีแสกหน้าเข้ามาเต็ม ๆ"เกเบรียล ห้องฉันอยู่ไหนคะ? ฉันเห็นแค่ห้องนอนเดียวเองนะ" ฉ

  • ธุลีใจ   บทที่ 457

    เครื่องบินลงจอดที่รันเวย์ มือของเกเบรียลจับตัวฉันไว้ไม่ให้กระดอนตอนเครื่องบินลงจอด“ไม่เป็นไรนะ?” เขาเอ่ยถามพลางสบตาฉัน“ค่ะ”หลังจากที่เกเบรียลเล่าเรื่องผู้หญิงที่เขาเคยตกหลุมรัก ก็ไม่มีเรื่องอะไรไปมากกว่านั้น บาดแผลนั้นยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ บาดแผลที่ฝังลึกลงไปข้างในฉันเห็นมันปรากฎอยู่ในดวงตาเขาอย่างชัดเจนขณะที่เล่าทุกอย่างให้ฟัง เขาไม่ต้องการพูดอะไรมากกว่านี้ เขาเพิ่งจะเปิดเผยความลับบางสิ่งเกี่ยวกับตัวเขาที่ใครคนอื่นไม่เคยรู้ แม้แต่พี่ชายฝาแฝดเขาก็ไม่เคยรู้ฉันไม่ได้บังคับให้เขาเล่าออกมามากกว่านั้น ฉันไม่ได้ขอให้เขาเล่าให้ฟังว่าหลังจากรับรู้ความจริงพวกนั้นมันเป็นอย่างไรต่อหรือเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนั้น เขารู้สึกเปราะบาง และฉันก็เข้าใจด้วยว่าเขาต้องการเวลาเพื่อตั้งสติ ดังนั้นฉันจึงให้พื้นที่กับเขาฉันใช้เวลากว่าครึ่งอ่านหนังสือและอีกครึ่งในการนอนหลับพักผ่อน เขายังเอาใจใส่แม้ตอนที่นั่งห่างออกไป เขาถามว่าฉันนั่งสบายไหมหรือต้องการอะไรอีกหรือเปล่าอยู่เป็นระยะมือของเขาเอื้อมมาแตะหน้าท้องฉันจนดึงฉันออกจากภวังค์ ฉันมองลงไปพบว่าเขากำลังปลดเข็มขัดนิรภัยของฉันออก“คุณรู้ใช่ไหมว่าฉันท

  • ธุลีใจ   บทที่ 456

    ก็เป็นความรักที่สวยงามไม่ใช่เหรอ? แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้น บางสิ่งที่เปลี่ยนไป ถ้าทุกอย่างมันดีจริง ๆ ตอนนี้เขาก็คงเคียงคู่กับเธอคนนั้นไปแล้ว ไม่น่าจะมาแต่งงานกับฉันแบบนี้เสียงของเขาเริ่มแหบพร่าและเริ่มเล่าต่อ “ทุกสิ่งมันดีไปหมดเลย เธอเป็นผู้หญิงที่สุดยอดมากและผมก็รู้สึกว่าหลงรักเธอมากขึ้นทุกวัน แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้แนะนำเธอให้โรแวนรู้จัก เพราะผมอยากเก็บเธอไว้กับตัว ผมไม่ได้เจตนาจะคบหาแบบเงียบ ๆ แต่แค่อยากใช้เวลากับเธอมากกว่านี้ก่อนที่จะพบครอบครัวผม ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาผมนึกว่าตนเองโชคดีขนาดไหนที่ได้พบเจอคนอย่างเธอ อย่างที่คุณรู้ โลกของเรามันหาคู่รักที่เหมาะกันได้ง่ายเสียที่ไหนล่ะ ฮาร์เปอร์”และนั่นแหละก็เป็นสังคมของเรา มันยากมากเลยนะที่จะพบเจอคนที่รักเราจริง บางคู่ที่แต่งกันก็เป็นเพราะเรื่องของธุรกิจ และน้อยคนนักที่จะรักและเคารพจากใจจริง แล้วก็ยังมีพวกหวังรวยทางลัดอีก เป็นพวกที่แต่งงานกับคนรวย ๆ เท่านั้นและฉันว่านี่คงเกิดขึ้นบ่อยด้วย“ผมอยู่ในห้วงความรักเลยและคิดอะไรอย่างมีเหตุผลไม่ค่อยได้ เธอสามารถทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตนเองได้เพราะผมไม่อยากทำร้ายจิตใจเธอ ไม่อยากให้เ

  • ธุลีใจ   บทที่ 455

    “ฮาร์เปอร์?” เสียงของเขาเรียกฉันกลับมาสู่ความเป็นจริง“โอ๊ะขอโทษที ฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย” ฉันส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป “ค่ะ ฉันเก็บของเสร็จแล้ว”“ดีครับ งั้นไปกันเถอะ”หนึ่งชั่วโมงต่อมา เรานั่งอยู่ในเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเกเบรียล ครั้งนี้ฉันเดินทางไปกับเขาเพื่อเซ็นสัญญาธุรกิจ“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม? ต้องการอะไรหรือเปล่า? ผมให้พนักงานต้อนรับเอาอะไรมาให้ได้นะ” กาเบรียลถามขึ้นทันทีที่เครื่องบินเริ่มออกตัวเข้าใจที่ฉันบอกแล้วใช่ไหม? เขาใส่ใจฉันมากเหลือเกินแต่ตอนที่เรายังแต่งงานกัน เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ฉันคิดว่าเขาไม่เคยทำอะไรเพื่อทำให้ฉันมีความสุขเลย จริง ๆ แล้วมันตรงกันข้าม เขาไม่เคยสนใจว่าฉันต้องการอะไร หรือว่าฉันสบายดีไหม ไม่เคยสนใจแม้แต่ฉันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เขาแค่ไม่เคยสนใจฉันเลยแต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป และนั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ฉันสับสน มันเหมือนเขาเป็นยักษ์ในตะเกียงวิเศษที่คอยทำให้ความปราถนาของฉันเป็นจริง“ไม่ค่ะขอบคุณ ถ้าต้องการอะไร เดี๋ยวฉันจะบอกพนักงานเองได้ค่ะ” ฉันพึมพำตอบกลับเกเบรียลพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบแล็ปท็อปขึ้นมาเปิดฉันเอนตัวลงกับเบาะหน

  • ธุลีใจ   บทที่ 454

    “แม่ต้องไปจริง ๆ เหรอคะ?” ลิลลี่ถาม สายตามองสลับไปมาระหว่างฉันกับกระเป๋าเดินทางที่เปิดอยู่บนเตียงฉันไม่เคยชอบการเก็บกระเป๋าแบบเร่งรีบในนาทีสุดท้ายแบบนี้เลย แต่ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา งานที่ทำงานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาหายใจ พอกลับถึงบ้าน สิ่งเดียวที่ฉันคิดได้ก็คือการนอนหลับ ฉันเหนื่อยจนแทบยืนไม่ไหว ไม่มีแรงจะทำอะไรนอกจากกินแล้วก็นอน“ต้องไปจ้ะ” ฉันตอบเธออย่างอ่อนโยน “งานนี้สำคัญมากเลยลูก แล้วพ่อหนูต้องไปจัดการด้วยตัวเอง…”“แต่หนูยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหนูไปด้วยไม่ได้? หนูอยากเห็นว่าพ่อทำงานยังไง หนูอยากรู้ว่าพ่อจัดการเรื่องงานยังไงค่ะ”ฉันพับเสื้อผ้าชิ้นสุดท้าย ซึ่งเป็นเสื้อไหมสีฟ้า ก่อนจะวางมันลงไปในกระเป๋ากับของที่เหลือ พอทุกอย่างเรียบร้อย ฉันรูดซิปปิดแล้ววางกระเป๋าลงบนพื้น“ลูกก็รู้นี่ ว่าไปไม่ได้” ฉันตอบเธอขณะนั่งลงบนเตียง“ทำไมล่ะคะ?”“เพราะลูกยังเป็นเด็กไง ก็เลยไปไม่ได้ ถูกไหมคะ?”“หนูไม่ใช่เด็กนะคะ หนูจะสิบขวบแล้ว"ฉันกลอกตาให้กับคำโกหกที่ชัดเจน ก่อนจะดึงลิลลี่เข้ามากอดและหอมแก้มเนียนนุ่มของเธอเบา ๆ“หนูก็รู้ดีนะว่าเพิ่งแปดขวบ อีกนานเลยกว่าสิบขวบนะลิลลี่… แล้วอีกอย่าง เด็ก ๆ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status