แชร์

บทที่ 141

ผู้เขียน: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
“อะไร? ก็เรื่องจริง และแม่ก็ภูมิใจในตัวลูกมากด้วย”

เขาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ฉัน และฉันก็รู้ทันทีว่าเขาล่อลวงฉันสำเร็จ

“ในเมื่อผมเป็นอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์ งั้นผมขอไปเล่นวิดีโอเกมได้ไหมครับ?”

ฉันว่าแล้วไม่มีผิด เขาวางแผนทั้งหมดไว้แล้ว

ฉันถอนหายใจ “ก็ได้ แต่แค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นนะ”

เขารีบวิ่งขึ้นบันไดพร้อมตะโกนขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้ม

“มาเรีย เธอกลับบ้านได้เลยนะ” ฉันบอกพี่เลี้ยงเด็กขณะเดินเข้าไปในครัว

“จะดีเหรอคะ?”

“ใช่ ไปเถอะ”

เธอส่งยิ้มให้ฉันก่อนจะเก็บของของเธอ สิบห้านาทีต่อมาเธอก็จากไป และฉันเริ่มเสียใจที่ยืนกรานให้เธอกลับ

เมื่อโนอาอยู่ในห้องของเขา ฉันก็อยู่คนเดียว ฉันไม่มีอะไรให้ทำ ความคิดของฉันจึงเริ่มฟุ้งซ่าน

ฉันกำลังจะเริ่มทำอาหารเย็น แต่ประตูหน้าบ้านก็ถูกเปิดออก

“ฮัลโหลลล เอวา อยู่ไหน?”

เสียงของเล็ตตี้ทำให้ฉันยิ้ม

“อยู่ในครัว” ฉันตะโกนตอบ

ไม่กี่นาทีต่อมา เธอก็เดินเข้ามาในครัวและฉันก็ประหลาดใจเมื่อเห็นโครินเดินตามหลังเธอมา

“ดูสิว่าฉันเจอใคร เรามาถึงที่นี้พร้อมกันพอดี” เล็ตตี้พูดขณะนั่งที่เคาน์เตอร์ครัว

ฉันเล่าให้เล็ตตี้ฟังว่าโครินยืนหยัดเพื
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ธุลีใจ   บทที่ 142

    วันนี้เป็นวันที่ผ่อนคลาย ฉันไม่มีอะไรทำมากนัก โนอาก็ไปโรงเรียนแล้ว ส่วนฉันอยู่บ้านเพื่อพักผ่อนหลังจากที่ฉันมีอาการเจ็บป่วยทางจิตใจ ฉันจึงตัดสินใจพักจากงานสักพัก นักเรียนของฉันไม่พอใจกับเรื่องนี้ แต่พวกเขาเข้าใจว่าฉันไม่เป็นตัวของตัวเองในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาฉันวางแผนที่จะกลับไปทำงานอีกครั้งหลังจากที่คลอดลูก ตอนนี้ฉันมุ่งความสนใจของฉันไปที่ลูก ๆ และมูลนิธิโฮปฉันยังคงพยายามทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของทุกคนด้วยคนเดียวที่ยังคงบุคลิกที่เกลียดชังของเธอเอาไว้เหมือนเดิมคือเอมม่า ส่วนที่เหลือดูเหมือนจะเปลี่ยนใจในชั่วข้ามคืนแทนที่จะจดจ่อกับความคิดเหล่านั้น ฉันผลักความคิดเหล่านั้นออกไป หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเบอร์โทรของแม่ เธอรับสายทันที“สวัสดีค่ะแม่” ฉันทักทายเธอ ฉันไม่คุ้นเคยกับการเรียกเธอแบบนั้นนัก แต่ตอนนี้ฉันเริ่มชินแล้ว“เอวา!” เธอตะโกนผ่านโทรศัพท์ เธอตื่นเต้นเสมอเมื่อได้ยินเสียงฉัน “ธีโอที่รัก ลูกสาวสุดที่รักของเราโทรมา”ฉันได้ยินเสียงกดแป้นก่อนที่เสียงสะท้อนจะดังก้องในโทรศัพท์ ฉันรู้ว่าเธอกำลังเปิดลำโพง“สวัสดี

  • ธุลีใจ   บทที่ 143

    “ผมไม่เคยเห็นใครใจอ่อนกับหมาของผมเร็วขนาดนี้มาก่อนในชีวิต คนส่วนใหญ่คิดว่ามันน่ารำคาญเป็นบ้า” เสียงที่อบอุ่นทำให้ฉันต้องหันศีรษะอย่างรวดเร็วจนเกือบจะคอหักได้พระเจ้าช่วย ผู้ชายคนนี้เซ็กซี่มากเมื่อมองใกล้ ๆ ผมเขาสีดำ ตาสีเขียว โหนกแก้มสูง กรามคม ริมฝีปากที่อ้อนวอนขอให้จูบ และร่างกายที่ล่อลวงให้คุณทำเรื่องสกปรก เขาเซ็กซี่สุด ๆ และเขาก็รู้ตัวดีฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ‘ช้าลงหน่อย เอวา เธอเคยโดนหลอกด้วยรูปลักษณ์ที่ดูดี อย่าทำผิดซ้ำอีก’ไม่ใช่นะ ฉันสาบานว่าจะเลิกรักและเลิกคบผู้ชาย แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่สามารถชื่นชมคนหน้าตาดี ๆ ได้เมื่อพบคนอย่างนั้น ฉันไม่ได้ตาบอดนะ“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าคะ?” คำพูดเหล่านั้นหลุดออกจากปากของฉันก่อนที่ฉันจะหยุดมันได้ “คุณดูคุ้นมากเลย”เขามองฉันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ใช่ เราเคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน คุณอายุน้อยกว่าผมสองปี”ฉันพยายามจำเขา แต่ก็ยังไม่ค่อยคุ้นเท่าไร อาจเป็นเพราะฉันหมกมุ่นอยู่กับโรแวนมากจนไม่เห็นใครอื่นในสายตาเลย“ผมคาลวิน การ์เซีย” เขาพูดเมื่อฉันยังคงมองเขาด้วยความสับสนทันทีที่เขาเอ่ยชื่อตัวเอง ฉันก็นึกออกทันที“โอ้พระเจ

  • ธุลีใจ   บทที่ 144

    “โนอา ทำการบ้านเสร็จหรือยังลูก?” ฉันเรียกเขาแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบตอนนั้นเป็นบ่ายวันศุกร์ ฉันเหนื่อยจนเท้าบวม ฉันลืมไปว่าตอนที่คุณท้อง คุณจะเหนื่อยง่ายแค่ไหน ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้ฉันเหนื่อยไปหมดสิ่งเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณก็คือฉันไม่เคยมีอาการแพ้ท้องเลย ไม่เหมือนตอนที่ฉันท้องโนอา“โนอา?” ฉันเรียกเขาอีกครั้งฉันสงสัยว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ฉันมักจะได้รับคำตอบทันที เว้นแต่จะมีบางอย่างดึงดูดความสนใจของเขาและทำให้เขาลืมสิ่งรอบกายก่อนที่ฉันจะพาร่างกายที่เหนื่อยล้าของฉันขึ้นไปชั้นบนเพื่อดูเขา กริ่งประตูของฉันก็ดังขึ้นฉันถอนหายใจอย่างหนัก ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากเจอใคร ฉันแค่อยากพักผ่อน อาจจะด้วยการแช่น้ำนาน ๆฉันใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่มูลนิธิโฮปเพื่ออ่านเอกสารมากมายที่ต้องการความสนใจจากฉัน ตาของฉันแห้งผาก จิตใจของฉันเหนื่อยล้า และร่างกายของฉันก็ปวดไปหมดฉันลากตัวเองไปเปิดประตูและรู้สึกประหลาดใจที่พบคาลวินและกันเนอร์อยู่ที่หน้าประตูบ้านของฉัน สองวันผ่านไปแล้วนับตั้งแต่วันนั้นที่สวนหลังบ้านของฉันเมื่อกันเนอร์ไม่ปรากฏตัวขึ้นเมื่อโนอากลับมาจากโรงเรียน ฉันก็คิดว่าอาจเป็นเพราะคาลวินไม่อยากยุ่งเกี่

  • ธุลีใจ   บทที่ 145

    “หวังว่าโนอาจะพาเขาออกจากกรอบนั้นได้นะ” ฉันพึมพำพลางยื่นคัพเค้กให้เขาฉันเดินรอบเกาะกลางห้องครัว นั่งลงบนเก้าอี้บาร์ตัวหนึ่งและหายใจออกด้วยความโล่งใจที่ได้พักเท้าของฉัน ฉันหยิบคัพเค้กขึ้นมากิน ใจฉันว่างเปล่า“ผมอยากจะขอโทษ” คาลวินพูดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน“เรื่องอะไรเหรอ?”“ที่ผมดูหยาบคายเมื่อวันก่อน”ฉันโบกมือและมองเขา “ฉันสิต้องขอโทษ ฉันทำตัวเกินเหตุไป อย่ากังวลไปเลย”การพูดถึงวันนั้นทำให้ฉันนึกถึงความเจ็บปวดที่ฉันเห็นในดวงตาของเขา ตอนนี้เขาพยายามซ่อนมันไว้อย่างดีคนอื่นอาจคิดว่าเขาสบายดี แต่ฉันบอกได้ว่าไม่ใช่ ฉันเข้าใจถึงความดิ้นรนในจิตใจของเขา เพราะปกติฉันก็เคยเจอเรื่องแบบนี้เหมือนกันเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนที่เคยเจ็บปวดที่จะเห็นความเจ็บปวดที่คนอื่นพยายามซ่อนไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นความเจ็บปวดประเภทเดียวกับที่คุณกำลังเผชิญอยู่“แล้วคุณทำอาชีพอะไรเหรอ?” เขาถาม อาจเป็นเพราะพยายามหาเรื่องคุยเล่น“ฉันเป็นครู แต่ฉันลาพักร้อนสองสามเดือน”ฉันเคยคิดที่จะกลับไป แต่ตัดสินใจที่จะไม่ทำ แม้จะเบื่อกับการอยู่บ้านคนเดียว แต่ฉันรู้ว่าฉันต้องการเวลาส่วนตัว ไม่ใช่แค่เพราะตั้งครรภ์เท่านั้

  • ธุลีใจ   บทที่ 146

    โรแวนวันนี้ เราต่างมารวมตัวกันเนื่องจากงานสังสรรค์ประจำเดือน ตระกูลวูดส์และชาร์พริเริ่มงานสังสรรค์นี้มานับตั้งแต่ผมอายุได้ห้าขวบครอบครัวทั้งสองมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น หลัก ๆ อาจเป็นเพราะแม่ของเราทั้งสองเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่สนิทกันเป็นอย่างมากนั่นจึงฟังดูสมเหตุสมผลหากลูกของหญิงทั้งสองจะกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตามสายสัมพันธ์แสนสนิทชิดเชื้อของทั้งสองตระกูล“พ่อครับ ทำไมขับรถช้าเป็นเต่างี้ล่ะ? เดี๋ยวก็อดกินหมูย่างบาร์บีคิวของคุณปู่หรอก” โนอาบ่นอุบ คิ้วขมวดด้วยความหงุดหงิดหากไม่เห็นแก่โนอา ผมก็ไม่มีทางโผล่หน้าไปร่วมงานนี้แน่ ผมเคยรักใคร่ครอบครัวนี้ โดยเฉพาะตอนที่รู้ว่าเอวาไม่ได้ร่วมงานนี้ด้วย ตอนที่รู้ว่าไม่มีใครเชิญชวนเธอมาด้วยผมเคยคิดว่านี่คงเป็นสถานที่เดียวที่สามารถหลีกหนีจากเธอได้ ได้อยู่ในสถานที่ซึ่งอบอวลไปด้วยความรู้สึกเกลียดชังเอวาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แม้ว่าโนอาจะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นก็ตามแต่ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย ผมกับเกลียดตนเองและคนอื่นเพราะเราเอาแต่ทำให้เธอเจ็บปวดอยู่ร่ำไป“พ่อจะรีบขับรถเร็ว ๆ เลย” ผมเอ่ยตอบ“ไม่ใช่เลยอ่ะ พ่อไม่ได้ขับเร็วเลย พ่

  • ธุลีใจ   บทที่ 147

    เหตุผลที่ผมยังสามารถอยู่ในชีวิตของเอวาได้นั้นเพราะว่าผมเป็นพ่อของโนอา และผมยังคงแสดงเจตจำนงอันเด็ดเดี่ยวอยู่ มิฉะนั้นเธอคงโยนผมออกไปอย่างไร้เยื่อใยเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ “เอาไว้ครั้งหน้าแล้วกันจ้ะ” เคทส่งรอยยิ้มแสนเศร้าให้หลานชายน้ำตาเคทเอ่อล้นจวนเจียนจะไหลออกมาเต็มที โนอาไม่เคยรับรู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง ผมปล่อยให้ลูกชายเห็นคุณยายของตนแตกสลายต่อหน้าไม่ได้ เด็กน้อยจะเริ่มตั้งคำถามกับทุกสิ่งและเมื่อใดที่ล่วงรู้ว่าเอวาต้องเผชิญกับสิ่งใดมาบ้าง เขาก็พร้อมจะระเบิดออกมาแน่โนอารักแม่ของตนเหนือว่าสิ่งอื่นใด หากเขารู้ว่าเราทุกคนต่างพากันทำร้ายเอวามากขนาดไหน ในสายตาของโนอา เราคงกลายเป็นศัตรูและพร้อมจะถูกตัดความสัมพันธ์เป็นแน่“ไปกันเถอะ…พ่อว่าตอนนี้อาหารคงรอเราจนเย็นชืดหมดแล้ว” ผมเดินเข้าไปขัดกลางระหว่างยายหลาน และดันทั้งสองเข้าไปภายในบ้านเคทขอเวลาสักครู่และเดินไปยังห้องน้ำ ขณะที่โนอาและผมเดินไปยังสวนหลังบ้านผมร้องโอดครวญอยู่ภายในเมื่อตระหนักได้ว่าตอนนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า โนอารีบวิ่งไปและทิ้งผมไว้ด้านหลังเด็กน้อยกล่าวทักทายทุกคนเว้นเพียงเอมม่า เขาไม่แม้แต่ชายหางตามอง โนอาไม่ชอบเธ

  • ธุลีใจ   บทที่ 148

    ศีรษะผมหมุนวนด้วยความจริงใหม่ที่เพิ่งค้นพบ ผมเคยคิดว่าความรักที่มีให้กับเอมม่านั้นจะเป็นนิรันดร์ แต่เมื่อตระหนักว่าไม่ใช่อย่างนั้น ทั้งสมองและหัวใจก็ได้รับผลกระทบขึ้นมาผมรีบเดินไปนั่งข้างโนอา ตอนนี้ผมอยากให้เรื่องทั้งหมดนี้จบลงเร็วมากกว่าที่เคย ผมอยากออกไปจากที่นี่มากจนรู้สึกราวกับผิวหนังกำลังจะลุกเป็นไฟ"พ่อคุยเรื่องอะไรกับป้าเอมม่ามาเหรอครับ" โนอาถามทันทีที่ผมหย่อนตัวลงนั่งเสียงของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ทุกคนไม่จำเป็นต้องบอกซ้ำสองว่าลูกชายเกลียดผู้หญิงที่ผมตั้งใจจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วยนั้นเข้าไส้ความเกลียดนี้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมต้องหยุดความสัมพันธ์กับเอมม่าไว้ก่อน ผมจะคบกับเธอได้อย่างไร? จะอยู่กับเอมม่าได้อย่างไรในเมื่อคนที่ผมรักที่สุดเกลียดเธอขนาดนี้? ผมจะคิดก้าวเดินไปพร้อมความสัมพันธ์นี้ได้อย่างไรในเมื่อเธอก็ไม่ได้ชื่นชอบโนอาเช่นกัน?อ้างอิงถึงสิ่งที่เธอพูดถึง มันชัดเจนว่าเธอรังเกียจเขา เพราะเขาเป็นลูกของเอวาหรือเพราะเขาเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องแต่งงานกับเอวา หรืออาจจะเป็นทั้งสองอย่าง"ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกลูก" ผมพึมพำพร้อมรู้สึกสับสนกับความคิดมากมายเรานั่งเ

  • ธุลีใจ   บทที่ 149

    ตอนผมอยู่ใกล้เอวา เธอแทบไม่เคยยิ้มเลย อย่าว่าแต่หัวเราะ แม้แต่รอยยิ้มยังดูเย็นชาและห่างเหินเหลือเกิน เมื่อตระหนักถึงความจริงที่ว่าเธอหัวเราะออกมาได้เพราะใครคนอื่น มันเป็นสิ่งที่กล้ำกลืนฝืนทนมากเสียจริง“เฮ้ย แล้วโนอาพูดอะไร นายถึงได้โกรธขนาดนั้น?” ทราวิสถามขึ้นพลางมองผมด้วยความอยากรู้“เปล่า แค่เรื่องเพื่อนบ้านคนใหม่น่ะ มันเดินเข้ามาในบ้านเอวาอย่างกับเป็นบ้านตัวเอง แล้วยังทำให้เธอหัวเราะได้อีก” ผมกัดฟันพูดออกมาพร้อมกำหมัดแน่นทราวิสกับเกเบรียลมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมา ผมไม่สนใจหรอกเพราะในหัวมันยุ่งเหยิงไปหมด ผมอยากต่อยใครสักคนเสียรู้แล้วรู้รอดไป ความรู้สึกมันรุนแรงอย่างมาก ดวงตาเขี้ยวปัดด้วยความโกรธเกรี้ยวมีบางอย่างในตัวที่อยากจะกรีดร้องว่าเอวาเป็นของผม มันไม่ควรจะมีผู้ชายหน้าไหนกล้าเข้ามาใกล้เธอด้วยซ้ำ ส่วนหนึ่งในจิตใจทำให้ผมประหลาดใจ เพราะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเธอเป็นของผม เธอก็เป็นแค่เอวามาโดยตลอด หญิงสาวผู้ทำลายชีวิตผมจนย่อยยับ“มองจากดวงจันทร์ก็รู้ว่าพี่กำลังหึง” เกเบรียลพูดหลังจากเสียงหัวเราะจางลง “โนอาอยากให้พี่กลับไปอยู่กับเอวาด้วยกัน ชัดจะตาย เด็กมันอยากเห็นปฏิกิรย

บทล่าสุด

  • ธุลีใจ   บทที่ 402

    ฮาร์เปอร์แจ็คสัน หนึ่งในคนขับรถของเกเบรียลเปิดประตูให้ฉัน ฉันก้าวขึ้นไปในรถโดยมีเกเบรียลตามเข้ามานั่งข้างฉันฉันยังคงไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองตกลงเรื่องนี้ แต่ในส่วนลึกฉันรู้ว่ามันสมเหตุสมผล เกเบรียลพูดถูกว่าจะมีอะไรที่เหมาะสมไปกว่าการได้เรียนรู้จากคนที่เก่งที่สุดในธุรกิจล่ะ เกเบรียลกับโรแวนเป็นคนที่เก่งที่สุดในวงการ พวกเขายังเก่งกว่าพ่อของพวกเขาเอง ซึ่งตอนนี้เกษียณไปแล้วแต่ยังคงเป็นหัวหน้าคณะกรรมการบริหารฉันใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะตัดสินใจได้ว่าจะใส่อะไรดี ฉันเคยทำงานจากที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ และเวลาที่ต้องไปบริษัท ฉันก็มักจะใส่ชุดลำลอง เพราะบริษัทที่ฉันเคยทำงานให้มีบรรยากาศในการทำงานที่ผ่อนคลายฉันอยากดูดีและสร้างความประทับใจแรกให้ได้ดี ฉันไม่มีเสื้อผ้าสำหรับทำงานมากนักและวางแผนจะไปช้อปปิ้งสุดสัปดาห์นี้ ถึงแม้เงินจะตึงมือ แต่ฉันคิดว่าซื้อกระโปรงกับเสื้อเชิ้ตเพิ่มอีกสักสองสามชุดก็คงเป็นเรื่องจำเป็นหลังจากเลือกชุดเสร็จ ฉันลงไปกินอาหารเช้า เกเบรียลมองฉันผ่าน ๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจโทรศัพท์ พอกินเสร็จ ก็ถึงเวลาที่เราต้องออกจากบ้าน ลิลลี่ยังไม่ตื่น ฉันเลยฝากข้อความไว้กับชารอน“คุณจะให้

  • ธุลีใจ   บทที่ 401

    เกเบรียลผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงครางเบา ๆ และความรู้สึกว่าตัวเองกำลังแข็งตัวอย่างกับหินแกรนิต บ้าเอ้ย ตอนที่ผมตัดสินใจเซ็นสัญญาแต่งงานกับฮาร์เปอร์ ผมไม่ได้คาดคิดเลยว่ามันจะยากขนาดนี้ และไม่ได้คาดคิดเลยว่าเธอจะส่งต่อผมได้ขนาดนี้ผมมีปัญหาแบบผู้ชายที่เจ็บปวดที่สุด และไอ้นั่นของผมก็แข็งจนแทบระเบิดผมลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่ห้องน้ำด้วยระยะทางสั้น ๆ โดยที่ไอ้นั่นชี้ทางให้ ผมยังคงไม่เข้าใจว่ามันเป็นไปได้อย่างไร หมายถึงว่าผมไม่ใช่วัยรุ่นที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้วนี่ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่ตื่นมาแบบนี้คือตอนไหน แต่ตั้งแต่ฮาร์เปอร์กลับมายังไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ ผมกลับทำตัวเหมือนเด็กหนุ่มไร้เดียงสาอีกครั้งผมไม่เข้าใจเลยว่าเธอทำแบบนี้กับผมได้ยังไง ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยส่งผลอะไรแบบนี้กับผมเลย เธอก็ยังคงเป็นฮาร์เปอร์คนเดิมที่ผมรู้จัก มีเพียงรูปร่างกับท่าทีที่เปลี่ยนไป แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงมีผลกับผมขนาดนี้ผมสลัดความคิดพวกนั้นออกจากหัวก่อนก้าวเข้าไปในห้องน้ำ น้ำเย็น ๆ น่าจะช่วยแก้ปัญหาสุดแข็งตัวนี้ได้ผ่านไปหลายสิบนาที ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยความรู้สึกที่ยังอัดอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 400

    ฮาร์เปอร์"ดึกดื่นปานนี้ กำลังมองอะไรอยู่เหรอ?" เสียงทุ้มทำให้ฉันสะดุ้งจากด้านหลัง"ตกใจหมดเลย" ฉันพึมพำขณะพยายามสงบใจที่เต้นแรง "อย่าโผล่มาจากข้างหลังอย่างนั้นสิ"เกเบรียลเดินวนรอบเคาน์เตอร์ครัวและมายืนตรงข้ามกับฉัน เมื่อเขาทำแบบนั้น ให้สายตาฉันได้เห็นเขา คอก็แห้งขึ้นทันที รู้สึกกระหายน้ำเหมือนไม่ได้ดื่มน้ำมานานแล้วและการกลืนก็กลายเป็นปัญหาใหญ่เกเบรียลใส่เสื้อผ้าชิ้นเดียวคือกางเกงขาสั้นสีเทาที่หลวมต่ำบนสะโพก ผู้ชายคนนั้นเป็นงานศิลปะที่มีร่างกายเหมือนเทพเจ้ากรีก ไหล่กว้าง กล้ามท้องเป็นลอน และเส้นวีไลน์ที่ทำให้ผู้หญิงทุกคนคลั่งไคล้แนวไรขนสีเข้มที่เริ่มจากสะดือแล้วหายไปในกางเกง ราวกับว่าไรขนนั้นชี้ไปยังสวรรค์ฉันอยากจะเบนสายตาออกไปแต่ไม่สามารถทำได้ สายตาฉันดื่มด่ำราวกับเขาเป็นแหล่งน้ำเดียวที่มี สายตาจ้องไปที่ทุกซอกทุกมุมของร่างกายเขา สังเกตเห็นรอยสักแบบชนเผ่าบนหน้าอก นั่นเป็นสิ่งใหม่ มันไม่ได้มีตอนที่เราเคยมีอะไรกันเมื่อหลายปีที่แล้ว และการเห็นมันทำให้ฉันอยากรู้ว่ามันหมายถึงอะไรไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเกเบรียลเป็นผู้ชายที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะตอนนี้ อย่าคิดว่าฉันพูดแบบนี้แค่ตอนนี้ แม้แต่ต

  • ธุลีใจ   บทที่ 399

    เกเบรียลผมยังคงรู้สึกถึงสัมผัสเนียนนุ่มของผิวเธอเหมือนกับมันซึมลึกอยู่ใต้ผิวของผมเอง ชั่วขณะหนึ่งผมอยากใช้นิ้วหัวแม่มือไล้ไปตามข้อต่อที่เต้นเป็นจังหวะอยู่ด้านในแขนของเธอฮาร์เปอร์คนใหม่นี้น่าสนใจ เธอร้อนแรง และท่าทางแบบใหม่นี้ทำให้ผมรู้สึกติดใจได้ ผมชอบผู้หญิงที่มั่นใจ เร้าอารมณ์ และมีบุคลิกที่ร้อนแรง ผมชอบที่พวกเธอท้าทายและไม่ยอมแพ้เธอกลายเป็นผู้หญิงแบบนั้นและมันทำให้ผมสนใจ เธอเป็นคนที่ร้อนแรงและไม่กลัวที่จะบอกให้ผมไปตายซะ ผมจะไม่สนใจได้อย่างไรเล่า?ตอนที่เราแต่งงานกันนั้นเธอน่าเบื่อ บุคลิกที่น่าเบื่อทำให้เธอดูจืดชืดในสายตาของผม ไม่มีอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับเธอเลย ในขณะที่ผมชอบผู้หญิงที่มีเขี้ยวเล็บ เธอกลับเชื่อฟังมากเกินไป คิดแต่จะทำให้ผมพอใจและดึงดูดความสนใจกันอย่างเดียวเธอยอมลดตัวทุกอย่างเพียงเพื่อให้ผมสนใจ หากเพียงเธอผลักผมให้ออกห่างไปผมก็คงจะสนใจเธอแล้ว ฮาร์เปอร์เมื่อก่อนเป็นคนขี้อายและกลัวแถมขาดความมั่นใจในตัวเอง สิ่งนั้นมันทำให้ผมรู้สึกไม่อยากสนใจเธอเลยผมถอนหายใจแล้วก็ผลักความคิดเหล่านั้นออกไป พยายามขับไล่ความสงสัยที่มีต่อฮาร์เปอร์ เบคเกตต์ ที่ตอนนี้เป็นวู้ดออกไป วินาทีถั

  • ธุลีใจ   บทที่ 398

    “คุณต้องการอะไร เกเบรียล? อย่างที่เห็น ฉันไม่อยากคุยตอนนี้” ฉันลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดคำพูดของลิลลี่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของฉัน มันบาดลึกซ้ำไปซ้ำมา ฉันเอามือสางผม พยายามไล่ความเจ็บปวดที่ท่วมท้นออกไป ฉันรู้ว่าสักวันมันต้องเกิดขึ้น และฉันก็รู้ว่าเธออาจจะรับมันไม่ได้ดีนักลองคิดดูสิ คุณจะรับมันไหวไหมถ้าแม่มาบอกว่าผู้ชายที่คุณคิดว่าเป็นพ่อมาตลอดกลับกลายเป็นคนอื่นไป? ว่าคุณถูกหลอกมาตลอด และไม่มีใครคิดจะบอกความจริงจนกระทั่งมันเลี่ยงไม่ได้ ฉันเข้าใจเธอ ฉันเข้าใจปฏิกิริยาของเธอ ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อคำพูดและความเจ็บปวดในดวงตาของเธออย่างไร“ลิลลี่ไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นหรอก” เกเบรียลพูดพลางเดินเข้ามาในห้องฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ความรู้สึกบางอย่างที่น่าเกลียดพุ่งขึ้นในใจ “แล้วคุณจะรู้ได้ยังไง? คุณแทบจะไม่รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ แล้วจะมาบอกฉันว่าเธอไม่ได้ตั้งใจได้ไง”“แล้วมันเป็นความผิดใครล่ะ?” เขาสวนกลับทันที จ้องฉันด้วยสายตาโกรธจัดฉันทั้งโกรธทั้งเสียใจ ฉันกำลังหาที่ระบาย หาทางที่จะดึงความสนใจตัวเองออกจากความเจ็บปวดที่ถาโถม เกเบรียลจึงกลายเป็นเป้าหมายของฉัน เพราะ

  • ธุลีใจ   บทที่ 397

    ฮาร์เปอร์สัปดาห์นี้วุ่นวายสุด ๆ เหมือนฉันวิ่งทำธุระตั้งแต่กลับมาที่เมืองนี้โดยไม่ได้พักเลยสักนิดอย่างน้อยตอนนี้ลิลลี่ก็ดูสบายขึ้นแล้ว เกเบรียลไม่ยอมส่งที่นอนของเธอมาเพราะบอกว่าที่นอนที่นี่สบายกว่า แต่เขายอมส่งผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มมาให้แทน ซึ่งมันช่วยได้เยอะเลย ตอนนี้เธอหลับสบายตลอดทั้งคืนส่วนเกเบรียล ฉันจะเริ่มจากตรงไหนดี? เขากลับมาบ้านแม้จะดึกดื่นขนาดไหน แต่ก็เท่านั้นเอง เราสองคนพยายามหลบหน้ากัน ต่างทำเหมือนกับว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอยู่ในชีวิต ฉันคิดว่าแบบนี้ดีกว่า อย่างน้อยลิลลี่จะได้ไม่เห็นเราทะเลาะกันตลอดเวลา“แม่คะ แม่อยากคุยกับหนูเหรอ?” เสียงของลิลลี่ดึงฉันกลับมาสู่ปัจจุบันฉันวางผ้าที่กำลังพับอยู่ลง แล้วนั่งลงบนเตียงก่อนจะส่งสัญญาณให้เธอมานั่งด้วยกัน เธอเดินข้ามห้องมาพร้อมขมวดคิ้ว ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ฉันเราอยู่ในห้องของฉัน อย่างที่เดาได้ว่าเกเบรียลกับฉันไม่ได้นอนห้องเดียวกัน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ลิลลี่เข้าใจอย่างไร เพราะเธอต้องสงสัยแน่ ๆ ในเมื่อก่อนหน้านี้ฉันกับเลียมเคยนอนร่วมห้องกัน“แม่คะ?”“ขอโทษนะลูก มีบางอย่างที่แม่อยากจะอธิบายให้หนูฟัง” ฉั

  • ธุลีใจ   บทที่ 396

    แผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้นหันมาทางฉัน รวมถึงกันเนอร์ด้วย ฉันไม่ต้องกังวลเรื่องคาลวินเพราะเขาดูเหมือนตกอยู่ในห้วงความหลงใหล เขาใส่ใจกับทุกสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูด พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนเด่นชัดบนริมฝีปากอีกครั้งที่ความรู้สึกไม่สบายใจจมลึกลงในหัวใจของฉัน ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนหายใจได้ไม่ทั่วท้อง? เหมือนมีหินก้อนใหญ่ติดอยู่ในลำคอฉันเพ่งสายตามองไปยังพวกเขา แม้จะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดเพราะโต๊ะอยู่ห่างออกไป แต่ความสงบสุขและความสุขบนใบหน้าของคาลวินก็เพียงพอที่จะบอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้น เขากำลังออกเดต และกันเนอร์ก็มาด้วย ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนไม่ได้รังเกียจอะไร แต่ฉันไม่มีวันปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่ฉันในชีวิตของลูกชายเด็ดขาดถึงแม้ฉันจะมองไม่เห็นกันเนอร์ แต่ฉันรู้ว่าเขาเหมือนกับคาลวิน กันเนอร์เองก็มีความสุขที่ได้อยู่ที่นั่น เพราะถ้าไม่ใช่แบบนั้น คาลวินคงพาลูกชายกลับไปแล้วแต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ทั้งที่รู้สึกเหมือนหัวใจถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ฉันไม่รู้ว่าฉันนั่งอยู่นานแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว การได้เห็นเขามีความสุขกลับทำให้ฉันเจ็บปวดอย่างประหลาด มันเหมือนหัวใจถูกบดขยี้

  • ธุลีใจ   บทที่ 395

    คำพูดของมอลลี่ยังคงก้องอยู่ในหัว แม้กระทั่งตอนที่เรากำลังกินของหวาน ฉันชอบไอศกรีมมาก แต่วันนี้ฉันกลับไม่สามารถสนุกกับมันได้เลย โดยเฉพาะเมื่อเธอสามารถทำให้ฉันเริ่มสงสัยในทุกสิ่งที่ฉันเชื่อมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา"ทำไมเธอเงียบจัง?" มอลลี่ถามขณะที่วางแก้วมิลค์เชคลง "หรือเธอกำลังคิดถึงสิ่งที่ฉันเพิ่งพูด?"ประโยคสุดท้ายมาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่เธอเอนหลังพิงเก้าอี้"เปล่า" ฉันโกหก "แค่กำลังคิดว่าฉันจะทำยังไงให้คาลวินกับกันเนอร์ยกโทษให้ฉัน ไม่ว่าฉันจะมองมุมไหนก็ไม่มีทางออกที่ดีเลย"ในฐานะทนายความ ฉันเคยชินกับการมองสถานการณ์จากหลายมุมมองเวลาปกป้องลูกความของฉัน นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันเก่งในสิ่งที่ฉันทำ ฉันไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือและพิจารณาทุกผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ ฉันทำแบบนั้นกับสถานการณ์นี้แล้ว แต่กลับไม่พบความหวังเลยฉันอาจไม่ได้รักคาลวิน แต่ฉันรู้จักเขาเป็นอย่างดี เขาเคยให้โอกาสฉันนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อให้ฉันจัดลำดับความสำคัญของชีวิตให้ถูกต้อง แต่ฉันกลับไม่ทำ คาลวินเป็นคนที่เมื่อเขาถึงจุดที่ทนไม่ไหว มันก็จบ ไม่มีการย้อนกลับ ไม่มีโอกาสอีก ไม่มีการให้อภัยฉันจะนั่งหลอกตัวเองที่นี่ก็ได้ แต่ฉัน

  • ธุลีใจ   บทที่ 394

    "ทำไมฉันถึงยอมให้เธอชวนฉันออกไปกินข้าวกลางวันด้วยนะ?" ฉันบ่นพลางมองทิวทัศน์ด้านนอกที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วฉันไม่ได้ออกจากบริเวณของครอบครัวมานานแล้ว ครั้งสุดท้ายน่าจะเป็นตอนที่ฉันไปงานแต่งงานของเอวา บอกตามตรง ฉันตกใจมากตอนที่เธอเชิญฉันไปงานนั้น ในบรรดาคนทั้งหมด ฉันคิดว่าฉันน่าจะเป็นคนที่เธอไม่อยากให้ไปร่วมงานแต่งงานมากที่สุด“ก็เพราะเธอจำเป็นต้องออกไปข้างนอกบ้างไง” มอลลี่ตอบพลางดึงฉันกลับมาสู่บทสนทนา“ฉันก็ออกจากบ้านนะ มอลลี่” ฉันพูดปกป้องตัวเองเสียงหัวเราะเยาะของเธอทำให้ฉันหงุดหงิดมาก“เดินไปที่สวนไม่เรียกว่าการออกไปข้างนอกหรอกย่ะ” เธอตอบโต้ “เลิกบ่นแล้วนั่งพักผ่อนเถอะ เธอจะสนุกกับการออกไปเที่ยวเล็ก ๆ ครั้งนี้ รับรองเลย”“ไม่มั้ง”เมื่อพูดจบ ฉันเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วหลับตาลง ความคิดในหัวของฉันวิ่งวุ่นไปเป็นพันเรื่องในแต่ละนาที ฉันจับพวกมันไว้ไม่ได้หรือควบคุมมันไม่ได้เลยตั้งแต่คุยกับมอลลี่ในห้อง ความคิดของฉันก็วิ่งพล่านไปทั่ว ฉันรู้ว่ามันคงไม่ง่าย แต่เธอพูดถูก ฉันจะมัวแต่นั่งอยู่ในห้อง จมปลักและสาปแช่งความโง่ของตัวเองต่อไปไม่ได้ ถ้าฉันยังเป็นแบบนี้ ฉันอาจไม่มีโอกาสได้อยู่กับลูกชา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status