ทีมงานเดินทางมาถึงหมู่บ้านก็ช่วงหัวค่ำพอดี หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางป่าโอบล้อมด้วยหุบเขา ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก มีแม่น้ำไหลผ่านหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านที่นี่คงใช้วิธีออกจากหมู่บ้านด้วยการล่องแพ ซึ่งเป็นวิธีที่ประหยัดเวลาและรวดเร็วกว่าเดินเท้า บ้านทุกหลังใช้ใบไม้ทำเป็นหลังคาและฝาบ้าน ทุกคนดีใจแทบหายเหนื่อยเลยทีเดียว พอก้าวขาเข้าหมู่บ้านชาวบ้านก็พากันมองมาที่ทุกคนด้วยสายตาแปลกๆ
" ทำไมพวกเขามองเราแบบนั้นวะ"
" ก็คงเห็นว่าพวกเราเป็นคนแปลกหน้าล่ะมั้ง"
" แต่ฉันว่าสายตามันดูแปลกๆอ่ะ หวังว่าหมู่บ้านนี้คงจะไม่ใช่แบบหมู่บ้านกินคนหรอกนะ"
ได้ฟังดุษฎีพูดทุกคนก็ลังเลที่จะเดินต่อ ดารินกับโมรีขยับเข้าหากันจับมือกันแน่นสายตามองดูรอบๆตัวด้วยความหวาดระแวง
" เฮ้ยไอ้กรุ๊ป มึงแน่ใจนะว่าพาพวกเรามาถูกหมู่บ้านหน่ะ "
ภาสกรที่เดินนำหน้าเข้าหมู่บ้านพร้อมดุษฎีถอยหลังกลับไปถามกิตติศักดิ์
" ไม่ผิด ที่นี่แหละกูมาตามแผนที่ที่ศาสตราจารย์ให้มาเลย "
" ศาสตราจารย์ได้บอกไหมว่าแถวนี้มันมีกี่หมู่บ้าน เราอาจจะมาผิดหมู่บ้านก็ได้นะ"
ดารินถามขึ้นมา
" ไม่ได้ถาม แต่ถึงยังไงเราก็มาถึงที่นี่แล้วถึงต่อให้ผิดยังไง คืนนี้เราก็คงต้องพักที่นี่ทุกคนดูสินี่มันค่ำแล้วนะ เราไปต่อไม่ได้แล้ว"
" งั้นเราก็ลองชาวบ้านแถวนี้ดูว่าใช่ไหม"
ธารธาราพูดจบ ก็เดินเข้าไปหาชาวบ้านคนหนึ่งที่นั่งจ้องมองพวกเขาอยู่ กิตติศักดิ์กลัวว่าธารธาราจะมีอันตรายจึงรีบเดินตามไปด้วย
" ป้าคะ ที่นี่ใช่หมู่บ้านปะละทะไหมคะ"
" _ "
เงียบไม่มีคำตอบ กิตติศักดิ์จึงถามใหม่
" คือพวกเราจะไปที่หมู่บ้านปะละทะหน่ะครับ ไปบ้านของพรานมูเล่"
พอได้ยินชื่อมูเล่ หญิงวัยกลางคนก็พยักหน้าชี้มือไปอีกทาง
" ตกลงป้าคนนั้นว่าไงเรามาถูกใช่ไหม"
ดุษฎีถามรอลุ้นคำตอบเหมือนกับทุกคน
" เขาฟังเราไม่ออก"
" อ้าว"
"แต่พอพูดชื่อพรานมูเล่เขาก็ชี้มือบอกทางอย่างที่เห็น ไปกันเถอะ"
" เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน ไอ้กรุ๊ปในเมื่อเขาฟังเราไม่ออกแล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่าที่เขาชี้หน่ะเป็นทางไปบ้านพรานมูเล่"
ทุกคนมองหน้ากัน ต่างเห็นด้วยกับคำพูดของภาสกร
" เราคงต้องเสี่ยงดู ไปเถอะ เดี๋ยวไปหาถามคนข้างหน้าก็ได้ ต้องมีสักคนนึงแหละที่ฟังภาษาเราออก"
กิตติศักดิ์เดินนำหน้าทุกคนไป ตลอดทางก็ถามชาวบ้านคนนั้นคนนี้ แม้พวกเขาจะฟังไม่ออก แต่พอพูดชื่อพรานมูเล่กลับชี้มือบอกทางกันทุกคน จนมาถึงบ้านหลังหนึ่งที่มีเด็กชายคนหนึ่งกำลังเล่นอยู่
" หนู หนูจ๊ะ ที่นี่ใช่บ้านพรานมูเล่ไหม"
เด็กน้อยไม่ตอบแต่รีบวิ่งขึ้นบ้าน
" อ้าวหนู เดี๋ยวก่อนสิ พี่ไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อยหนูกลับมาก่อน"
สักพักหญิงคนหนึ่งก็ออกมาจากบ้าน ส่วนเด็กชายคนนั้นได้แต่โผล่หัวออกมามองอยู่ที่หลังประตู
" คือพวกเรามาจากกรุงเทพนะครับ มาหาพรานมูเล่ ที่นี่ใช่บ้านพรานมูเล่มั๊ย"
หญิงคนนั้นพูดภาษากาเหรี่ยง ที่ทุกคนก็ฟังไม่ออกว่าหมายความว่ายังไง ในขณะที่ทุกคนกำลังยืนงงกันอยู่นั้น ก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา
" พ่อของข้าไม่อยู่"
" อ่าห้า นี่ไงเราเจอคนที่พูดภาษาเราได้แล้ว"
" คืองี้นะ เรามาตามหาพรานมูเล่ ที่นี่คือบ้านของพรานมูเล่ใช่ไหม"
" ใช่ ต้องการเจอเขาทำไม"
" พวกเราต้องการให้พรานมูเล่นำทาง"
" เอ่อ พวกเรามาตามคำแนะนำของศาสตราจารย์ ท่านเป็นเพื่อนกับพรานมูเล่"
" พ่อข้าไม่เคยมีเพื่อนเป็นคนเมือง"
" อะ อ๋อ แต่ แต่ว่าศาสตราจารย์บอก หรือว่าศาสตราจารย์โกหกพวกเราวะ"
" ศาสตราจารย์ไม่น่าจะโกหกนะ ถ้าไม่รู้จักจริงๆจะบอกให้เรามาที่นี่ถูกได้ไง"
" ไว้พ่อของข้ามาก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้ค่ำแล้วพวกเอ็งก็พักที่นี่ละกัน"
" ได้ๆ ขอบคุณมาก ว่าแต่พรานมูเล่จะกลับมาตอนไหนเหรอ"
" พรุ่งนี้ "
" แล้วคุณชื่ออะไร เอ่อ เราจะได้เรียกถูก"
" เซโพ นั่นนอนายเมียของข้า แล้วก็ซำซาลูกชายข้า"
เซโพหันไปคุยกับลูกเมียก่อนจะกวักมือเรียกทุกคนขึ้นไปบนบ้าน นอนายยกสำรับข้าวมาวางทำมือบอกให้ทุกคนกิน
" กินข้าวกันก่อน ที่นี่มีแต่อาหารธรรมดาง่ายๆคงกินกันได้ กินเสร็จแล้วใครอยากอาบน้ำก็นู่นเลย"
ทุกคนมองตามที่เซโพชี้มือ
" ไหนอ่ะห้องน้ำ"
" ไม่มี ที่นี่ทุกคนอาบน้ำในแม่น้ำ ทั้งกินทั้งอาบทั้งซักผ้า ถ้าใครปวดหนักเบาก็เข้าป่าเลือกมุมตามใจชอบ"
" รีบกินเถอะจะได้รีบไปอาบน้ำ"
กินข้าวเสร็จซำซาก็ส่งตะเกียงให้1อันส่วนเด็กชายถือไว้1อันเดินนำหน้าไปที่แม่น้ำ หลังอาบน้ำเสร็จขึ้นบ้านมาก็เห็นว่านอนายใช้ผ้าบางๆปูไว้เตรียมให้เป็นที่นอนของทุกคน เซโพผายมือบอกและพูดขึ้น
" นอนเบียดๆกันหน่อยนะ บ้านหลังเล็ก หรือถ้าใครอยากนอนสบายจะลงไปนอนนอกบ้านก็ได้"
" พวกเรานอนได้ขอบคุณมาก"
ธารธาราพูดแล้วหันไปเปิดกระเป๋าหยิบเอาขนมสองสามห่อส่งให้ซำซา
" รับไปสิพี่ให้ขนมอร่อยนะ"
ซำซาแหงนมองดูหน้าผู้เป็นพ่อ เมื่อเซโพพยักหน้าก็รีบวิ่งไปคว้าขนมในมือของธารธารา
" อ้อ ถ้าไม่จำเป็นอย่าออกจากบ้านตอนกลางคืน ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรก็ห้ามทัก "
" เดี๋ยวก่อน แล้วถ้าเกิดปวดท้องขึ้นมากลางดึกหล่ะ"
ดารินถามขึ้นมา เธอยิ่งชอบปวดฉี่ตอนกลางคืนบ่อยๆอยู่ เซโพที่กำลังจะเดินไปหันกลับมาตอบ
" หน้าบ้านมีตะเกียงแขวนไว้อยู่หยิบมันไปส่องทางได้ ขอเตือนว่าอย่าไปคนเดียวให้หาเพื่อนไปด้วย"
ดารินพยักหน้าหงึกๆ ใครจะกล้าไปคนเดียวกันเล่า ยิ่งกลางป่ากลางเขาแบบนี้ด้วยน่ากลัวจะตาย
พอหัวถึงหมอนดุษฎีกับภาสกรก็หลับเป็นตาย กิตติศักดิ์กำลังจะหลับก็ได้ยินเสียงหมาหอนไม่หยุด เขาผุดลุกขึ้นเห็นเพื่อนสองคนหลับไม่กระดิก มองดูธารธารา แสงจากดวงจันทร์ที่สาดส่องมาเห็นว่าเธอนอนลืมตาอยู่ เขาย่องเบาๆไปหาเธอ
" น้ำ น้ำ"
" พี่กรุ๊ป"
" นอนไม่หลับเหรอ"
" อืม คงแปลกที่หน่ะ "
" พี่ก็เหมือนกัน ยิ่งเสียงหมาหอนด้วยเลยไม่หลับเลย"
" พี่คงไม่คิดว่าหมาหอนมันจะเห็นผีหรอกใช่ไหม"
" ฮ่าฮ่า ก็คิดอยู่นะ แต่ที่นี่คงไม่มีหรอกมั้ง"
โมรีนอนฟังทั้งสองสนทนากันเงียบๆ เธอเองก็นอนไม่หลับเหมือนกัน ได้ยินเสียงหมาหอนก็ยิ่งกลัวจนนอนไม่หลับ ได้แต่ข่มความกลัวด้วยการนอนนิ่งๆ ดารินลืมตาขึ้นมาสบตากับโมรี บวกกับเสียงหมาหอนที่ดังต่อเนื่องต่างคนต่างตกใจสะดุ้งลุกขึ้นมา
" แก แกเองเหรอ"
" ก็ฉันหน่ะสิแกคิดว่าใครหล่ะ"
บรู้ววววว
" เสียงหมาหอน ทำไมมันต้องมาหอนตอนนี้ด้วยเนี่ย จริงสิวันนี้มันวันพระด้วยนะ "
" คงไม่ใช่มันเห็นผีหรอกใช่ไหม"
" ไม่มีหรอก มันก็หอนไปตามเรื่องตามราวมันนั่นแหละไม่ต้องกลัว ผีเผอที่ไหนจะมี"
กิตติศักดิ์พูดปลอบใจทั้งที่ในใจของเขาก็กลัวเหมือนกัน
" แก ฉัน ฉันว่าฉันปวดท้องแล้วหล่ะ "ดารินเอามือกุมท้อง แล้วเรื่องที่เธอไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช่ปวดฉี่แต่ปวดอึต้องเป็นอาหารที่กินเข้าไปเมื่อตอนค่ำแน่เลย กระเพาะลำไส้เธอไม่ค่อยดีกินอาหารแปลกไปทีไรท้องเสียทุกที" แกไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ"" ให้ฉันไปเฝ้าแกขี้เนี่ยนะ ไม่เอาอ่ะฉันกลัวผี"" แต่เซโพบอกว่าห้ามไปคนเดียวต้องมีเพื่อนไปด้วย แล้วแกก็เป็นเพื่อนของฉันถ้าแกไม่ไปแล้วจะให้พี่กรุ๊ปไปรึไง"" แต่ฉันก็กลัวนะ"" แกคิดว่าฉันไม่กลัวรึไง เราถึงต้องไปด้วยกันนี่ไง"" แกหน่ะปวดอะไรไม่รู้จักเวล่ำเวลา อั้นเอาไว้ก่อนไม่ได้รึไง อดเอาเดี๋ยวก็เช้าแล้ว"" โอ้ยจะบ้าเหรอ ฉันปวดจะแย่แล้ว เหมือนจะท้องเสียด้วยไม่ไหวแล้ว "ธารธาราเห็นทั้งสองคุยกัน โมรีก็ดูท่าจะไม่ยอมไปด้วยเลยอาสาไปเป็นเพื่อน" เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนเอง ไปเถอะ"ดารินหันขวับไปมองธารธารา ไม่คิดว่าในยามลำบากคนที่ไม่รู้จักกันดีจะช่วยเธอ แต่เพื่อนสนิทที่คบกันมาหลายปีจะไม่สนใจเธอเเบบนี้ธารธาราถือตะเกียงพาดารินตรงไปที่ป่าหลังบ้าน" ฉันยืนรอตรงนี้นะ รีบไปเถอะ"" ได้ๆขอบใจนะ บุญคุณครั้งนี้ฉันจะไม่ลืมเลย กลับไปกรุงเทพฉันจะเลี้ยงหมูกะทะเธอเลย"
" รีบเก็บของแล้วรีบไปจากบ้านของข้าซะแล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก ข้าจะให้คนถ่อแพไปส่งพวกเอ็งที่ทางเข้าหมู่บ้าน"" เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนสิครับพราน ขอแค่พรานนำทางพวกผมไป พรานต้องการเท่าไหร่ว่ามาเลย นี่นี่ครับ พรานดูก่อน"ดุษฎีเปิดกระเป๋าที่ภายในเต็มไปด้วยเงินเป็นปึกให้มูเล่ดู มูเล่มองด้วยแววตาเฉยชาต่อให้เอามากองท่วมหัวเขาก็ไม่เอา เพราะการไปหุบเขามรณะมันทำให้พ่อของเขาต้องตาย ตั้งแต่วันนั้นเขาก็โทษตัวเองมาตลอด ว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขา พ่อของเขาก็คงไม่ต้องตาย" หรือว่าไม่พอ งั้นก็เอาไปแค่นี้ก่อนกลับออกมาผมจะบอกศาสตราจารย์ให้เอามาให้อีก"มูเล่มองหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงแข็งกร้าว" ต่อให้พวกเอ็งขนเอามากองท่วมหัวข้าก็ไม่สน พวกเอ็งรีบไปจากบ้านข้าเดี๋ยวนี้เลย ไป๊"" ใจเย็นๆ เรื่องนี้เราคุยกันได้ "" ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับพวกเอ็ง "" แต่พรานคะพวกเราขอร้องเถอะค่ะ นะคะ"" ทำไงดี ถ้าพรานไม่นำทางพวกเราแล้วเราจะไปหุบเขามรณะได้ยังไง"" ก็ถ้าเขาเล่นตัวไม่ยอมไป ก็หาพรานคนอื่นสิ ไม่เห็นจะยาก"ดุษฎีออกความเห็น ก็แค่พรานไม่ใช่เหรอในหมู่บ้านนี้คงไม่ได้มีพรานแค่คนเดียวหรอก" จริงอย่างที่ไอ้ด้วงมันพูด ในเมื่อพรานมูเล่ไม่ยอมนำท
" นายครับคุณน้ำเธอคงไปหุบเขามรณะแล้ว แล้วนายจะเอายังไงต่อครับ"อาชวีหันไปมองดูเขาสูงตะหง่านเบื้องหน้าด้วยสายตาเยือกเย็น เซโพกอดลาลูกเมียบอกทั้งสองไม่ต้องเป็นห่วง แล้วสั่งให้เมียเอาเช็คไปขึ้นที่ธนาคารในเมืองให้เรียบร้อย เขาจำเป็นต้องใช้เงินเพื่ออนาคตของลูกชายและลูกอีกคนที่อยู่ในท้องที่กำลังจะเกิดมา หากมีโอกาสรอดชีวิตกลับมา เขาตั้งใจจะพาลูกเมียย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง แต่หากเขาไม่ได้กลับมาเงินค่าจ้างที่ได้มาหลักล้านก็เพียงพอที่จะทำให้ลูกเมียของเขาอยู่ได้สุขสบาย" มึงแน่ใจว่าจะตามทัน"" แน่ใจ แต่ต้องใช้เวลาหน่อย"" นานไหม"" บอกไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์"เซโพแกะรอยตามมูเล่ไปเรื่อยๆจนกระทั่งใกล้ค่ำจึงหยุดเดิน" อ้าว หยุดทำไมวะ"" ใกล้ค่ำแล้วพวกเราต้องหาที่พัก เอ็งสองคนไปช่วยกันหากิ่งไม้มาสุมไฟ หามาเยอะๆพวกสัตว์ป่ามันกลัวไฟ เราต้องสุมไฟให้ติดทั้งคืนจะได้ไม่มีอันตราย"ลูกน้องสองคนมองหน้าอาชวีเมื่ออาชวีพยักหน้า พวกเขาก็เดินออกไปหากิ่งไม้ทันทีพอก่อกองไฟเสร็จ เซโพก็หยิบของบางอย่างใส่ลงไปในกองไฟ ก่อนจะลุกขึ้นโรยผงสีขาวรอบๆบริเวณเป็นวงกลมล้อมรอบทุกคนเอาไว้" พราน พรานโรยผงอะไรอ่ะ"ดำรงถามด้วยคว
พวกลูกน้องมองหน้ากัน พวกเขาก็เหนื่อยมาทั้งวันต่างก็ง่วงนอน ถึงได้หลับไปด้วยความเพลีย ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเหตุขึ้น ทั้งที่พรานก็เตือนแล้วว่าอย่าออกนอกเส้นที่ขีดไว้ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นายของพวกเขาดันคิดถึงเมียมาก เห็นเสือสมิงแปลงกายเป็นเธอก็หน้ามืดตามัวรีบตามออกไป ทั้งที่เรียกพวกเขาคนใดคนหนึ่งไปเป็นเพื่อนก็ได้แต่ที่ไม่เรียกเพราะคิดว่าจะไปแอบเย่กันหน่ะสิ แต่แทนที่จะได้เย่เมีย ดันเกือบถูกเสือกินแทน แล้วทีนี้ก็มาโทษลูกน้องอย่างพวกเขาอาชารีบเข้าไปกอดขาอาชวี" พวกผมผิดไปแล้วครับนาย ยกโทษให้พวกเราด้วยเถอะครับ ต่อไปพวกเราจะไม่หลับพร้อมกันอีกแล้ว ตั้งแต่คืนพรุ่งนี้พวกเราจะแบ่งเวรกัน ผลัดกันเฝ้ายามครับนาย "แสงแดดสาดส่องลงมาแม้เป็นเวลาสายแต่ก็ไม่ร้อนมาก เพราะมีต้นไม้ใหญ่หนาบดบัง เซโพเดินนำหน้าพาอาชวีกับลูกน้องเดินลัดเลาะขึ้นเขาข้ามลำธาร จนกระทั่งพบซากกองไฟ เซโพตรงเข้าไปทันที" ซากกองไฟนี่ยังใหม่ๆอยู่ แสดงว่าพวกเขาพึ่งไปได้ไม่นาน"" จะเป็นพวกน้ำไหม"อาชวีรีบถามขึ้นมาด้วยความดีใจ เซโพมองไปรอบๆซากกองไฟมีผงขาวโรยรอบอยู่ก็พยักหน้า " คนที่รู้วิธีโรยผงป้องกันแบบนี้มีเพียงพ่อข้ากับข้าเท่านั้น ข้าคิดว
ธารธาราหยิบที่ตรวจครรภ์ออกมาดูแล้วยิ้มกว้าง มองไปที่ประตูห้องน้ำอย่างใจจดใจจ่อ รอบอกข่าวดีกับเขา เขาจะดีใจเหมือนเธอไหมนะแกร็ก อาชวีเปิดประตูห้องน้ำเดินออกมาท่อนล่างมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว " จ้องผมแบบนี้หรือว่าอยากได้อีก "เขาเดินเข้ามารวบเอวเธอเข้ามากอด จมูกโด่งซุกไซร้ซอกคอ มือบีบขยำเต้าอวบ" พะ พอแล้วค่ะ "ธารธาราผลักเขาออก พึ่งจะร่วมรักกันไปสามครั้งติดๆ เธอไม่อยากทำบ่อยเกินไปกลัวจะกระทบกับลูกในท้อง" วีคะ"" หือ""ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ"" เรื่องอะไร"เธอกำลังเอาที่ตรวจครรภ์ออกมา แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน เขาหยิบโทรศัพท์มาดูแล้วยิ้มก่อนจะรีบกดรับ" ฮัลโหล อืม ได้สิ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย"เขารีบสวมใส่เสื้อผ้าคว้ากุญแจรถหมุนตัวออกไปโดยไม่สนใจเธอเลย " วีคะ"" มีอะไรรีบพูดมาผมรีบ"" คุณไม่ไปไม่ได้เหรอ ฉัน ฉันไม่ค่อยสบาย อยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อน"เธอเข้าไปกอดแขนเขาไว้ เขาปัดมือเธอออก" ไม่สบายก็ไปหายากินไม่ก็ไปหาหมอ ผมผมไม่ใช่หมอนะ บอกแล้วจะช่วยอะไรได้"เขาพูดเสียงแข็งกร้าว แล้วรีบเดินออกไป ปิดประประตูกระแทกเสียงดัง ปังน้ำตาของเธอไหลรินออกมา ใช้มือลูบท้องที่ยังแบนราบ ไม
อาชวียกแก้วเหล้าสาดลงคอ ไม่รู้ทำไมวันนี้หงุดหงิดแปลกๆมองดูโทรศัพท์อยากจะโทรหาธารธาราแต่กลัวเสียฟอร์ม จึงได้แต่รอให้เธอโทรมาแต่ก็ไม่มีวี่แวว " มึงเป็นอะไรวะไอ้วี อัญกลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมมึงดูไม่มีความสุขเลยวะ"" นั่นสิ เห็นว่าที่กลับมาเพราะเลิกกับผัว ทีนี้ก็เป็นโอกาสของมึงแล้วนะเพื่อน มึงรอเสียบอยู่ไม่ใช่รึไง เขาก็กลับมาให้มึงเสียบแล้วก็จัดสิวะรอไร"" แหมเล่นตัวอยู่นานตอนมึงสารภาพรักทำเป็นปฏิเสธ แล้วเป็นไงตอนนี้โดนผัวฝรั่งทิ้งรีบกลับมาซบอกไอ้วีอย่างไว"" เห็นเธอลงไอจีว่าไปทำงานที่บริษัทมึงด้วยนี่ ใช่ไหม"" อือ เธอขอให้กูหางานให้กูเลยให้ไปทำงานที่บริษัทกู"" แล้วเด็กมึงหล่ะ น้องน้ำนมโตนั่น มึงไม่เอากูขอเอาต่อเอง แม่งโคตรน่ารักหุ่นอย่างกับนางเอกเอวี"ปึก อาชวีวางแก้วเหล้าเสียงดังมองเจตพิพัฒน์ตาขวาง" ก็น้องเขาน่ารักน่าเย่ขนาดนั้น จะทิ้งขว้างก็เสียดายของ มึงไม่เห็นค่าน้องเขากูเห็นค่าเอง มึงให้เขาเป็นเมียเก็บ แต่กูจะให้เป็นตัวจริง"" ของของกู ถึงต่อให้กูทิ้งก็ยังเป็นของกู มึงไม่มีสิทธิ์"" อ้าวไอ้นี่ ยังงี้แม่งหวงก้างนี่หว่า"" พอๆไอ้พัฒน์ มึงก็ชอบไปยั่วโมโหมัน"เจษพิพัฒน์ไม่สนใจ เขาร
" กุ้งนางบอกว่าคุณอยากพบฉัน"" นั่งสิ"อัญญาอรมองดูธารธาราตั้งแต่หัวจรดเท้ายอมรับว่าผู้หญิงตรงหน้าเธอสวยจริงๆ" เธอสวยจริงๆ สมแล้วที่วีให้เป็นของเล่นของเขามาหลายปี แต่ตอนนี้ของเล่นอย่างเธอถูกเขี่ยทิ้งซะแล้ว"" ถ้าคุณไม่มีเรื่องงานจะพูดฉันขอตัว"" เดี๋ยวก่อนสิ นั่งลง ฉันเป็นหัวหน้าเธอนะเธอต้องทำตามคำสั่งฉัน"ธารธาราพยายามควบคุมอารมณ์แล้วนั่งลง" เอาโครงการที่ทำอยู่มาให้ฉันดูทั้งหมดอธิบายมาอย่างละเอียด"หลังจากอธิบายเรื่องโครงการเสร็จก็เดินออกไป อัญญาอรมองดูแผนงานโครงการในจอคอมแล้วแสยะยิ้มหลายวันต่อมาบริษัทจัดงานเซ็นสัญญา " โครงการนี้สำเร็จเพราะเพื่อนน้ำคนสวยอีกแล้ว โบนัสปีนี้ต้องได้เยอะแน่ๆเลย"" ใช่ๆน้ำนี่ทั้งสวยทั้งเก่งเลยน้า"พิชาภากับมานิตาชื่นชมธารธาราอยู่ข้างๆพนักงานคนอื่นๆในแผนกต่างก็เห็นด้วย" น้ำเดี๋ยวเตรียมตัวขึ้นไปบนเวทีนะ เดี๋ยวฉันจะถ่ายรูปสวยๆให้หลายๆรูปเลย "ธารธารายิ้มรับ ถือเอกสารโครงการเตรียมจะเดินขึ้นเวทีแต่ต้องหยุดชะงัก เมื่ออัญญาอรเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วทำหน้าที่แทนเธอพูดอธิบายแผนงานโครงการแบบคร่าวๆ พูดจบทุกคนก็ปรบมือให้ อธิปประธานบริษัทจรดปากกาเซ็นสัญญา" ขอบคุณมากค
โรงพยาบาลธารธาราร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดพิชาภา ทั้งพิชาภาและมานิตาพูดปลอบใจอยู่ข้างๆ ตั้งแต่รู้ว่าแท้งลูก ธารธาราก็ร้องไห้ไม่หยุด" น้ำอย่าร้องอีกเลยนะ ฉันรู้ว่าแกเสียใจ แต่คิดซะว่าเขากับแกไม่มีวาสนาต่อกัน เขาเลยมาอยู่กับแกแค่นี้"" หรือไม่บางทีเขาอยากอยู่กับแก อยากมีแกเป็นแม่ แต่ไม่ต้องการให้คนอย่างอีตาวีเป็นพ่อ ก็เลยไปรอแกอยู่ที่ที่เขาจากมา รอให้แกหาพ่อใหม่ให้เขาได้ เดี๋ยวเขาก็กลับมาอยู่กับแกอีก เชื่อฉันนะ"" หยุดร้องได้แล้วดูสิตาบวมหมดแล้ว"พิชาภาดันตัวธารธาราออก เช็ดน้ำตาให้เพื่อน แล้วพูดขึ้นมาด้วยความโมโห" ถ้าเขาได้รู้ความจริงว่าเป็นคนฆ่าลูกของเขาเองกับมือ เขาจะรู้สึกเสียใจบ้างไหมนะ"" ไม่ เขาไม่รู้สึกอะไรหรอก ฉันไม่เคยมีค่าสำหรับเขา ฉันเป็นแค่ของเล่น เป็นคนคั่นเวลารอตัวจริงของเขากลับมาอย่างที่ทุกคนพูดกัน"" โธ่น้ำ แกตัดใจจากเขาเถอะนะ ยังไงเรื่องแกกับเขาก็ไม่มีวันเป็นไปได้ ยิ่งแกทำใจได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีกับแกเท่านั้น"" แกหิวไหมเดี๋ยวฉันไปหาซื้ออะไรมาให้กิน"" แกไปซื้อไปนิ เดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อนน้ำมันเอง"มานิตาออกไปซื้อของกินขึ้นมา เดินผ่านห้องพิเศษห้องหนึ่ง พยาบาลเปิดประตูออก
พวกลูกน้องมองหน้ากัน พวกเขาก็เหนื่อยมาทั้งวันต่างก็ง่วงนอน ถึงได้หลับไปด้วยความเพลีย ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเหตุขึ้น ทั้งที่พรานก็เตือนแล้วว่าอย่าออกนอกเส้นที่ขีดไว้ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นายของพวกเขาดันคิดถึงเมียมาก เห็นเสือสมิงแปลงกายเป็นเธอก็หน้ามืดตามัวรีบตามออกไป ทั้งที่เรียกพวกเขาคนใดคนหนึ่งไปเป็นเพื่อนก็ได้แต่ที่ไม่เรียกเพราะคิดว่าจะไปแอบเย่กันหน่ะสิ แต่แทนที่จะได้เย่เมีย ดันเกือบถูกเสือกินแทน แล้วทีนี้ก็มาโทษลูกน้องอย่างพวกเขาอาชารีบเข้าไปกอดขาอาชวี" พวกผมผิดไปแล้วครับนาย ยกโทษให้พวกเราด้วยเถอะครับ ต่อไปพวกเราจะไม่หลับพร้อมกันอีกแล้ว ตั้งแต่คืนพรุ่งนี้พวกเราจะแบ่งเวรกัน ผลัดกันเฝ้ายามครับนาย "แสงแดดสาดส่องลงมาแม้เป็นเวลาสายแต่ก็ไม่ร้อนมาก เพราะมีต้นไม้ใหญ่หนาบดบัง เซโพเดินนำหน้าพาอาชวีกับลูกน้องเดินลัดเลาะขึ้นเขาข้ามลำธาร จนกระทั่งพบซากกองไฟ เซโพตรงเข้าไปทันที" ซากกองไฟนี่ยังใหม่ๆอยู่ แสดงว่าพวกเขาพึ่งไปได้ไม่นาน"" จะเป็นพวกน้ำไหม"อาชวีรีบถามขึ้นมาด้วยความดีใจ เซโพมองไปรอบๆซากกองไฟมีผงขาวโรยรอบอยู่ก็พยักหน้า " คนที่รู้วิธีโรยผงป้องกันแบบนี้มีเพียงพ่อข้ากับข้าเท่านั้น ข้าคิดว
" นายครับคุณน้ำเธอคงไปหุบเขามรณะแล้ว แล้วนายจะเอายังไงต่อครับ"อาชวีหันไปมองดูเขาสูงตะหง่านเบื้องหน้าด้วยสายตาเยือกเย็น เซโพกอดลาลูกเมียบอกทั้งสองไม่ต้องเป็นห่วง แล้วสั่งให้เมียเอาเช็คไปขึ้นที่ธนาคารในเมืองให้เรียบร้อย เขาจำเป็นต้องใช้เงินเพื่ออนาคตของลูกชายและลูกอีกคนที่อยู่ในท้องที่กำลังจะเกิดมา หากมีโอกาสรอดชีวิตกลับมา เขาตั้งใจจะพาลูกเมียย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง แต่หากเขาไม่ได้กลับมาเงินค่าจ้างที่ได้มาหลักล้านก็เพียงพอที่จะทำให้ลูกเมียของเขาอยู่ได้สุขสบาย" มึงแน่ใจว่าจะตามทัน"" แน่ใจ แต่ต้องใช้เวลาหน่อย"" นานไหม"" บอกไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์"เซโพแกะรอยตามมูเล่ไปเรื่อยๆจนกระทั่งใกล้ค่ำจึงหยุดเดิน" อ้าว หยุดทำไมวะ"" ใกล้ค่ำแล้วพวกเราต้องหาที่พัก เอ็งสองคนไปช่วยกันหากิ่งไม้มาสุมไฟ หามาเยอะๆพวกสัตว์ป่ามันกลัวไฟ เราต้องสุมไฟให้ติดทั้งคืนจะได้ไม่มีอันตราย"ลูกน้องสองคนมองหน้าอาชวีเมื่ออาชวีพยักหน้า พวกเขาก็เดินออกไปหากิ่งไม้ทันทีพอก่อกองไฟเสร็จ เซโพก็หยิบของบางอย่างใส่ลงไปในกองไฟ ก่อนจะลุกขึ้นโรยผงสีขาวรอบๆบริเวณเป็นวงกลมล้อมรอบทุกคนเอาไว้" พราน พรานโรยผงอะไรอ่ะ"ดำรงถามด้วยคว
" รีบเก็บของแล้วรีบไปจากบ้านของข้าซะแล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก ข้าจะให้คนถ่อแพไปส่งพวกเอ็งที่ทางเข้าหมู่บ้าน"" เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนสิครับพราน ขอแค่พรานนำทางพวกผมไป พรานต้องการเท่าไหร่ว่ามาเลย นี่นี่ครับ พรานดูก่อน"ดุษฎีเปิดกระเป๋าที่ภายในเต็มไปด้วยเงินเป็นปึกให้มูเล่ดู มูเล่มองด้วยแววตาเฉยชาต่อให้เอามากองท่วมหัวเขาก็ไม่เอา เพราะการไปหุบเขามรณะมันทำให้พ่อของเขาต้องตาย ตั้งแต่วันนั้นเขาก็โทษตัวเองมาตลอด ว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขา พ่อของเขาก็คงไม่ต้องตาย" หรือว่าไม่พอ งั้นก็เอาไปแค่นี้ก่อนกลับออกมาผมจะบอกศาสตราจารย์ให้เอามาให้อีก"มูเล่มองหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงแข็งกร้าว" ต่อให้พวกเอ็งขนเอามากองท่วมหัวข้าก็ไม่สน พวกเอ็งรีบไปจากบ้านข้าเดี๋ยวนี้เลย ไป๊"" ใจเย็นๆ เรื่องนี้เราคุยกันได้ "" ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับพวกเอ็ง "" แต่พรานคะพวกเราขอร้องเถอะค่ะ นะคะ"" ทำไงดี ถ้าพรานไม่นำทางพวกเราแล้วเราจะไปหุบเขามรณะได้ยังไง"" ก็ถ้าเขาเล่นตัวไม่ยอมไป ก็หาพรานคนอื่นสิ ไม่เห็นจะยาก"ดุษฎีออกความเห็น ก็แค่พรานไม่ใช่เหรอในหมู่บ้านนี้คงไม่ได้มีพรานแค่คนเดียวหรอก" จริงอย่างที่ไอ้ด้วงมันพูด ในเมื่อพรานมูเล่ไม่ยอมนำท
" แก ฉัน ฉันว่าฉันปวดท้องแล้วหล่ะ "ดารินเอามือกุมท้อง แล้วเรื่องที่เธอไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช่ปวดฉี่แต่ปวดอึต้องเป็นอาหารที่กินเข้าไปเมื่อตอนค่ำแน่เลย กระเพาะลำไส้เธอไม่ค่อยดีกินอาหารแปลกไปทีไรท้องเสียทุกที" แกไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ"" ให้ฉันไปเฝ้าแกขี้เนี่ยนะ ไม่เอาอ่ะฉันกลัวผี"" แต่เซโพบอกว่าห้ามไปคนเดียวต้องมีเพื่อนไปด้วย แล้วแกก็เป็นเพื่อนของฉันถ้าแกไม่ไปแล้วจะให้พี่กรุ๊ปไปรึไง"" แต่ฉันก็กลัวนะ"" แกคิดว่าฉันไม่กลัวรึไง เราถึงต้องไปด้วยกันนี่ไง"" แกหน่ะปวดอะไรไม่รู้จักเวล่ำเวลา อั้นเอาไว้ก่อนไม่ได้รึไง อดเอาเดี๋ยวก็เช้าแล้ว"" โอ้ยจะบ้าเหรอ ฉันปวดจะแย่แล้ว เหมือนจะท้องเสียด้วยไม่ไหวแล้ว "ธารธาราเห็นทั้งสองคุยกัน โมรีก็ดูท่าจะไม่ยอมไปด้วยเลยอาสาไปเป็นเพื่อน" เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนเอง ไปเถอะ"ดารินหันขวับไปมองธารธารา ไม่คิดว่าในยามลำบากคนที่ไม่รู้จักกันดีจะช่วยเธอ แต่เพื่อนสนิทที่คบกันมาหลายปีจะไม่สนใจเธอเเบบนี้ธารธาราถือตะเกียงพาดารินตรงไปที่ป่าหลังบ้าน" ฉันยืนรอตรงนี้นะ รีบไปเถอะ"" ได้ๆขอบใจนะ บุญคุณครั้งนี้ฉันจะไม่ลืมเลย กลับไปกรุงเทพฉันจะเลี้ยงหมูกะทะเธอเลย"
ทีมงานเดินทางมาถึงหมู่บ้านก็ช่วงหัวค่ำพอดี หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางป่าโอบล้อมด้วยหุบเขา ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก มีแม่น้ำไหลผ่านหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านที่นี่คงใช้วิธีออกจากหมู่บ้านด้วยการล่องแพ ซึ่งเป็นวิธีที่ประหยัดเวลาและรวดเร็วกว่าเดินเท้า บ้านทุกหลังใช้ใบไม้ทำเป็นหลังคาและฝาบ้าน ทุกคนดีใจแทบหายเหนื่อยเลยทีเดียว พอก้าวขาเข้าหมู่บ้านชาวบ้านก็พากันมองมาที่ทุกคนด้วยสายตาแปลกๆ" ทำไมพวกเขามองเราแบบนั้นวะ"" ก็คงเห็นว่าพวกเราเป็นคนแปลกหน้าล่ะมั้ง"" แต่ฉันว่าสายตามันดูแปลกๆอ่ะ หวังว่าหมู่บ้านนี้คงจะไม่ใช่แบบหมู่บ้านกินคนหรอกนะ"ได้ฟังดุษฎีพูดทุกคนก็ลังเลที่จะเดินต่อ ดารินกับโมรีขยับเข้าหากันจับมือกันแน่นสายตามองดูรอบๆตัวด้วยความหวาดระแวง" เฮ้ยไอ้กรุ๊ป มึงแน่ใจนะว่าพาพวกเรามาถูกหมู่บ้านหน่ะ "ภาสกรที่เดินนำหน้าเข้าหมู่บ้านพร้อมดุษฎีถอยหลังกลับไปถามกิตติศักดิ์ " ไม่ผิด ที่นี่แหละกูมาตามแผนที่ที่ศาสตราจารย์ให้มาเลย "" ศาสตราจารย์ได้บอกไหมว่าแถวนี้มันมีกี่หมู่บ้าน เราอาจจะมาผิดหมู่บ้านก็ได้นะ"ดารินถามขึ้นมา " ไม่ได้ถาม แต่ถึงยังไงเราก็มาถึงที่นี่แล้วถึงต่อให้ผิดยังไง คืนนี้เราก็คงต้องพั
" นาย นายครับนาย นายครับ"อาชวีลืมตาขึ้นมาเห็นลูกน้องยืนมองอยู่ มองไปรอบๆตัวนี่มันห้องนอนเขาที่บ้านใหญ่นี่นา" ใคร ใครพากูกลับมา"" เอ่อ ก็พวกเพื่อนๆนายนั่นแหละครับ"" นี่กี่โมงแล้ว"" 6โมงครึ่งครับนาย"" 6โมงครึ่ง พึ่งจะ6โมงครึ่งแล้วพวกมึงมาปลุกกูทำไม ห๊า หรือพวกมึงอยากตกงานกัน"" ไม่ ไม่อยากครับนาย คือพวกผมมีเรื่องด่วนจึงรีบมารายงานนายครับ"" เรื่องอะไร"" นี่ครับนาย"อาชาส่งแท็บเเลตที่เปิดหน้าข่าวค้างไว้ อาชวีอ่านข่าวแล้วแสยะยิ้มหัวเราะลั่น ผบ.ตรทัดเทพ พ่อของอัญญาอร ถูกจับข้อหาทุจริตและเอี่ยวการพนันออนไลน์ ถูกส่งเข้าคุกและยึดทรัพย์ทั้งหมดที่มี สมน้ำหน้า ชอบทำตัวกร่างเบ่งอำนาจดีนัก" ยังมีอีกเรื่องครับนาย"อาชวีรีบขับรถมาที่สถาบันวิจัยทันทีที่ลูกน้องรายงานว่าธารธาราอยู่ที่นี่ เขาเหยียบเกือบมิดไมล์ เมื่อรถเลี้ยวเข้าสถาบันก็สวนทางกับรถตู้คันหนึ่งที่ขับออกไป โดยไม่รู้ว่าธารธาราก็นั่งอยู่ในรถตู้คันนั้น และกำลังจะเดินทางไปหุบเขามรณะบรืนน เอี๊ยดดดด ปังอาชวีเปิดประตูลงจากรถก็เจอศาสตราจารย์ที่กำลังจะเดินเข้าข้างในศาสตราจารย์หันกลับมามองดูอาชวี" ผมมาหาธารธารา"" เธอไม่ได้อยู่ที่นี่"" อย่
เพล้ง โครมอาชวีปัดข้าวของบนโต๊ะหล่นกระจายก่อนเข้าไปเตะต่อยลูกน้องที่ยืนเรียงแถว แล้วชี้หน้าด่าลูกน้องด้วยความโมโห" ไม่ได้เรื่อง พวกมึงมันไม่ได้เรื่อง แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวหลายวันแล้วพวกมึงยังหาไม่เจอ นี่กูจะเลี้ยงพวกมึงไว้ทำไมห๊า ไป ไปเลยนะ ถ้าหาเมียกูไม่เจอพวกมึงก็อย่ากลับมาให้กูเห็นอีก ไป๊ ไสหัวไป"อัญญาอรเดินเข้ามาสวนทางกับบอดี้การ์ดนับสิบที่รีบเร่งเดินออกไป แต่ละคนหน้าตาบวมช้ำปากแตก" วีคะเกิดอะไรขึ้น พวกนั้นทำอะไรให้คุณไม่พอใจเหรอ"" มาทำไม"อาชวีตะคอกใส่เสียงดังจนอัญญาอรสะดุ้ง" วีฉัน"" ผมบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าคุณไม่ต้องมาทำงานที่นี่แล้ว แล้วทำไมยังมาอีก"" ฉัน ฉันคิดถึงคุณ ก็คุณไม่ยอมไปหาฉันเลย โทรไปก็ไม่รับส่งข้อความก็ไม่ตอบกลับ ฉันเลยต้องมาหาคุณที่นี่"" แล้วทำไมผมต้องไปหาคุณ ทำไมต้องรับสายคุณต้องตอบข้อความคุณด้วย คุณไม่ได้เป็นอะไรกับผมสักหน่อย"" ทำไมคุณพูดแบบนี้ ฉันเป็นเมียคุณนะเราเอากันแล้ว"" เฮอะ แค่ครั้งสองครั้งผมไม่นับหรอก "" วี ทำไมคุณพูดกับฉันแบบนี้"" ทำไมจะพูดไม่ได้ ผมก็แค่สนุกกับคุณก็แค่เล่นๆ ตอนนี้ผมไม่ต้องการคุณแล้ว ออกไปแล้วอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก เพร
ย้อนนึกไปถึงตอนนั้น เธอเรียนคณะวิทยาศาสตร์ ตั้งใจว่าจบมาจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ด้วยผลการเรียนและงานวิจัยของเธอ ทำให้สถาบันวิจัยมาจองตัวเธอให้เข้าทำงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ แต่เพราะความรักบังตา ทำให้เธอปฏิเสธการเข้าทำงานที่สถาบันวิจัยแห่งชาติ แต่กลับไปสมัครงานที่บริษัทเล็กๆของอาชวีช่วยทำโครงการหลายโครงการ จนบริษัทประสบผลสำเร็จเข้าตลาดหลักทรัพย์ กลายเป็นบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่อย่างทุกวันนี้ เธอยอมทิ้งความฝันเพื่อผู้ชายที่ให้เธอเป็นแค่ของเล่น ไม่มีตัวตน ไม่เคยยอมรับเธอเหตุการณ์ที่เขาทำร้ายเธอเพื่อผู้หญิงในใจของเขาจนเธอต้องเสียลูกไป มันทำให้เธอคิดได้ และชีวิตนี้เธอจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก " ตอนนี้ทางสถาบันกำลังวิจัยเรื่องการยับยั้งเซลล์มะเร็ง เรื่องนี้สำคัญมากเพราะมีข่าวว่ามีการค้นพบกล้วยไม้สีรุ้ง"" กล้วยไม้สีรุ้ง มันเกี่ยวอะไรกับการวิจัยเหรอค่ะศาสตราจารย์"" เกี่ยวสิเกี่ยวแน่นอน เพราะในตำราบอกไว้ว่ามันสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้"" ศาสตราจารย์หมายความว่ากล้วยไม้สีรุ้งช่วยรักษามะเร็งได้"" ถูกต้อง"" แต่ศาสตราจารย์ครับ ในตำราโบราณจะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน"" ผมเชื่อนะ ถ้าเราได้ตัวอย่าง
โรงพยาบาลธารธาราร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดพิชาภา ทั้งพิชาภาและมานิตาพูดปลอบใจอยู่ข้างๆ ตั้งแต่รู้ว่าแท้งลูก ธารธาราก็ร้องไห้ไม่หยุด" น้ำอย่าร้องอีกเลยนะ ฉันรู้ว่าแกเสียใจ แต่คิดซะว่าเขากับแกไม่มีวาสนาต่อกัน เขาเลยมาอยู่กับแกแค่นี้"" หรือไม่บางทีเขาอยากอยู่กับแก อยากมีแกเป็นแม่ แต่ไม่ต้องการให้คนอย่างอีตาวีเป็นพ่อ ก็เลยไปรอแกอยู่ที่ที่เขาจากมา รอให้แกหาพ่อใหม่ให้เขาได้ เดี๋ยวเขาก็กลับมาอยู่กับแกอีก เชื่อฉันนะ"" หยุดร้องได้แล้วดูสิตาบวมหมดแล้ว"พิชาภาดันตัวธารธาราออก เช็ดน้ำตาให้เพื่อน แล้วพูดขึ้นมาด้วยความโมโห" ถ้าเขาได้รู้ความจริงว่าเป็นคนฆ่าลูกของเขาเองกับมือ เขาจะรู้สึกเสียใจบ้างไหมนะ"" ไม่ เขาไม่รู้สึกอะไรหรอก ฉันไม่เคยมีค่าสำหรับเขา ฉันเป็นแค่ของเล่น เป็นคนคั่นเวลารอตัวจริงของเขากลับมาอย่างที่ทุกคนพูดกัน"" โธ่น้ำ แกตัดใจจากเขาเถอะนะ ยังไงเรื่องแกกับเขาก็ไม่มีวันเป็นไปได้ ยิ่งแกทำใจได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีกับแกเท่านั้น"" แกหิวไหมเดี๋ยวฉันไปหาซื้ออะไรมาให้กิน"" แกไปซื้อไปนิ เดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อนน้ำมันเอง"มานิตาออกไปซื้อของกินขึ้นมา เดินผ่านห้องพิเศษห้องหนึ่ง พยาบาลเปิดประตูออก