"รอให้ท่านผู้เฒ่าฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว กินยาตามเวลา ผ่านไประยะข้าค่อยมาตรวจชีพจรให้เขาอีกที" ซูเนี่ยนหันหน้าไปมองทุกคนที่อยู่ภายในห้อง"คือ...พระชายา บอกตามตรง ท่านผู้เฒ่าชอบกินเนื้อหมูมาก หากไม่ให้เขากินเขาก็จะอาละวาด ดังนั้นก่อนหน้านี้ถึงแม้พวกข้าจะรู้ว่าหากให้เขากินเนื้อหมูแล้วจะไม่สบาย แต่ก็ยังปล่อยให้เขาได้กินบ้างเล็กๆ น้อยๆ" หลี่อวิ๋นมองไปที่ซูเนี่ยนแล้วพูดออกมาอย่างจนใจคนแก่มักอยากกินนู่นนี่จุกจิก ไม่ว่าจะของหวานเอย เนื้อสัตว์เอย ห้ามปากไม่ได้เลยไหนบอกว่าถ้าโมโหอาละวาดแล้วจะปวดหัวไง ถ้าหากว่าไม่ให้ท่านผู้เฒ่ากินเนื้อหมู ถ้าเขาโมโหจนอาละวาดขึ้นมาก็จะไม่ทำให้ปวดหัวเหรอ?"เรื่องนี้ ข้ารู้วิธีที่จะเปลี่ยนให้เต้าหู้ธรรมดาๆ มีรสชาติเลียนแบบเนื้อได้ อีกทั้งยังอร่อยมากด้วย อีกเดี๋ยวข้าจะเขียนวิธีทำเอาไว้ พวกเจ้าก็ลองเอาไปทำดู หากว่ามีตรงไหนไม่เข้าใจ ก็ส่งคนไปหาข้าที่จวนอ๋องหลี" ซูเนี่ยนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกออกไปเพื่อนร่วมงานในยุคปัจจุบันของนาง ผู้สูงอายุในบ้านเองก็ป่วยเป็นโรคความดันสูง ก็ใช้วิธีนี้ทำกินแทนเนื้อสัตว์ทั้งนั้น ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่เลวเลย"เช่นนั้นก็เย
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าร้านขายยา หลี่เหลยก็เม้มปากแน่น เขาไม่ได้โง่ย่อมต้องรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ซูเนี่ยนก็บอกแล้วว่าร้านยานั้นเป็นของนาง ดังนั้นเขาก็ต้องทำอะไรเพื่อเป็นการชดใช้ความผิด"เช่นนั้นก็รบกวนคุณชายสามแล้ว" ซูเนี่ยนมองไปที่หลี่เหลยด้วยรอยยิ้มว่ากันตามนิสัยของหลี่เหลยแล้ว นางทายออกตั้งนางแล้วว่าเขาจะต้องพูดแบบนี้"เหอะๆ พระชายาเกรงใจเกินไปแล้ว" หลี่เหลยเอามือลูบหัวแล้วหัวเราะเขินๆ ออกมาทั้งสองคนเดินไปทางประตูจวนเรื่อยๆ หลี่เหลยมีความรู้กว้างขวาง อีกทั้งยังชื่นชมซูเนี่ยน ก็เลยเรื่องเรื่องประหลาดที่พบเจอระหว่างการเดินทางให้นางฟัง ซูเนี่ยนเองก็ถามกลับบ้างทำให้หลี่เหลยยิ่งดีใจขึ้นไปอีกประมาณสิบห้านาทีทั้งสองคนก็เดินไปจนถึงประตูจวน หลี่เหลยมองไปที่ซูเนี่ยนด้วยสายตาไม่อยากจากหากไม่ใช่เกรงใจฐานะพระชายาหลีของซูเนี่ยน เขาก็อยากจะสนทนากับซูเนี่ยนต่ออีกสักหน่อยซูเนี่ยนถือว่าเป็นเพื่อนรู้ใจของเขาเลย"พระชายา เช่นนั้นข้าขอส่งเพียงเท่านี้" หลี่เหลยพูด"คุณชายสามส่งเท่านี้เถอะ" ซูเนี่ยนพยักหน้า"หากว่าท่านไม่รังเกียจก็เรียกข้าว่าพี่สามเถอะ" หลี่เหลยมองไปที่ซูเ
หนึ่งวันต่อมา จ้าวเกาขายร้านของเจียงซือโหรวได้สองหมื่นตําลึง เจียงซือโหรวเองก็รวบรวมเงินได้อีกสองหมื่นตําลึง ยังขาดอีกหนึ่งหมื่นตําลึง นางไม่สามารถเอาออกมาได้จริงๆ ได้แต่ขายสินเดิมของลู่เจียวออกไปบ้างในที่สุดนางก็รวบรวมเงินได้ห้าหมื่นตําลึงและสั่งให้จ้าวเกานําเงินไปให้ครอบครัวเจียง เจียงซือโหรวนั้นล้มป่วยเพราะโรคใจหลังจากสูญเสียร้านค้าสองแห่งและอํานาจการดูแลบ้านไปครึ่งหนึ่ง เจียงซือโหรวรู้สึกเพียงว่ามีเลือดติดอยู่ในลําคอของนาง มันทำให้นางหายใจลำบากจนแทบจะหน้ามืดแน่นอนว่าอาการป่วยของนางก็ได้รับความสงสารจากซูกั๋วกง เขาส่งคนไปมอบพวกของบำรุงและเครื่องประดับให้กับเจียงซือโหรว แต่ซูกั๋วกงไม่ได้มาด้วยตนเองสองวันมานี้เขาพักอยู่กับท่านป้าเว่ยตลอด น้าเว่ยเป็นคนอ่อนโยนน่ารัก นั่นทําให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูอ่อนกว่าวัยไปหลายปีเลยทีเดียวคนรับใช้ของจวนกั๋วกงเห็นดังนั้น ต่างก็บอกว่าเจียงซือโหรวเสียความโปรดปรานแล้ว มีช่าวเวลาหนึ่ง ทางเจียงซือโหรวไม่กระตือรือร้นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว และยังดูอ้างว้างเล็กน้อยด้วยซูเนี่ยนกลับถึงจวนอ๋องหลีแล้ว สองวันมานี้ฉู่อี้หานทํางานอยู่ที่กรมยุติธรรมทั้งวันไ
"คุณหนู ตระกูลเจียงรวบรวมเงินได้ครบแล้ว และศาลาโม่ก็รับการค้าขายสำหรับช่วยเจียงต้าไห่แล้ว" หงเย่เดินเข้าไปในลานบ้านอย่างรีบร้อน"หงเย่ เอาสมุนไพรที่เสี่ยวฮุยหามาให้ศาลาโม่ แล้วบอกพวกเขาว่า ให้พวกเขาทําลายของรักของหวงของเจียงต้าไห่ก่อนที่จะช่วยออกมา ให้เขาไม่สามารถลิ้มราชาติการเป็นผู้ชายได้อีก" ดวงตาของซูเนี่ยนเปล่งประกายเรื่องของเจียงต้าไห่ล้วนอยู่ในการควบคุมของเธอ เธอจะปล่อยคน แต่เธอก็จะทําให้เจียงต้าไห่ถูกลงโทษอย่างแน่นอน คนที่ตระกูลเจียงช่วยไว้ก็เป็นเพียงคนพิการเท่านั้นและถ้าเจียงต้าไห่กลายเป็นคนพิการ เกรงว่าตระกูลเจียงจะไม่ปล่อยเจียงซือโหรวไว้แน่"ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" หงเย่ตัวสั่นก่อนจะเดินออกไปในชีวิตนี้นอกจากคุณหนูแล้ว ยังไม่มีใครทําให้นางชื่นชมขนาดนี้ วิธีการและแผนการเหล่านี้ ทีละขั้นตอน ทีละขั้นตอน อาศัยอยู่อีกด้านหนึ่งของจวนอ๋องแต่กลับสามารถวางแผนเจียงซือโหรวได้แบบนี้ อีกทั้งนายหญิงน้อยก็ยังใช้วิธีที่ทําร้ายจิตใจมากที่สุด ลบความมั่นใจในตนเองของผู้คนทีละนิด ๆซูเนี่ยนมองแผ่นหลังของหงเย่ ในดวงตามีหมอกเพิ่มขึ้นมา หมอกนี้เหมือนเมฆที่ลอยอยู่บนภูเขาคุนหลุนซาน
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ซูเนี่ยนก็เตรียมยาอยู่ในห้องยา ร่างกายของจางสือโถวได้รับการบํารุงรักษาอย่างดีแล้ว การผ่าตัดในเวลานี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด ไม่อย่างนั้นเมื่อผ่านช่วงเวลานี้ไปแล้วเธอกลัวว่าร่างกายของจางสือโถวจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น"พระชายา บ่าวไปแจ้งทางจางสือโถวแล้ว ป้าจางเฝ้าอยู่ที่นั่นตามคําสั่งของท่าน ไม่มีใครไปเลยเจ้าค่ะ" เฟิ่งเอ๋อร์กล่าวอย่างนอบน้อม"หมอหลวงหูมาแล้วหรือ? " ซูเนี่ยนยังคงเตรียมยาและเช็ดมีดในมือต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน"มาแล้วเจ้าค่ะ กําลังรออยู่ที่ประตูลานบ้าน"หมอหลวงหูไม่ได้พบซูเนี่ยนมาหลายวัน ในราชสํานักเกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ เขาเองก็ไม่กล้ามาจวนอ๋องหลีโดยพลการเมื่อได้รับการแจ้งเตือนจากซูเนี่ยน รู้ว่าซูเนี่ยนจะพาเขาไปผ่าตัดคน เขาก็ตอบรับทันที รีบวิ่งมาที่จวนอ๋องหลีโดยไม่หยุดพัก"ไปกันเถอะ"ซูเนี่ยนเตรียมยาเสร็จ จากนั้นก็เอามีดใส่กล่องยา พาเฟิ่งเอ๋อร์และหมอหลวงหูมาถึงเรือนของจางสือโถวด้วยกันตอนนี้ป้าจางกําลังเฝ้าอยู่หน้าประตูบ้านอย่างกระวนกระวายใจ เธอยังคงกังวลอยู่บ้าง แต่ตอนนี้นางเชื่อใจซูเนี่ยนอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อคิดว่าจางสือโถวสามา
พอสบตากับหมอหลวงหู ซูเนี่ยนก็ถือมีดเล็กเล่มหนึ่งกรีดท้องของสือโถวเบา ๆฝีมือของซูเนี่ยนชํานาญมาก บริเวณที่มีดกรีดผ่านไม่มีเลือดไหลออกมามากนัก หมอหลวงหูเห็นซูเนี่ยนใช้มีดอีกครั้ง ในใจยังคงประหลาดใจอยู่บ้างเมื่อก่อนซูเนี่ยนเคยแนะนํามีดเหล่านี้ให้หมอหลวงหูฟัง ก่อนมาเธอก็บอกสิ่งที่ตัวเองต้องใช้กับหมอหลวงหูแล้วหมอหลวงหูเป็นหมอหลวงมาหลายปี ลงมือได้ไวมาก ครั้งแรกที่ทั้งสองคนร่วมมือกันก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีซูเนี่ยนพยักหน้าอย่างชื่นชม หมอหลวงหูเห็นสายตาชื่นชมของซูเนี่ยนก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยในเวลานี้ซูเนี่ยนได้สะสมเลือดคั่งในปอดของสือโถวไว้ในที่เดียวแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการใช้หลอดแก้วเพื่อกําจัดเลือดคั่งแต่ในสมัยโบราณไม่มีกระจก ซูเนี่ยนได้แต่ใช้หลอดที่ทําจากต้นอ้อฆ่าเชื้อแล้วส่งไปถึงปอดการขับเลือดคั่งต้องอาศัยเครื่องความดัน ซูเนี่ยนก็ไม่มี ทําได้แค่ดูดเลือดออกมาเล็กน้อยก่อน แล้วค่อยสร้างแรงดันขึ้นมานี่เป็นสิ่งเดียวที่ซูเนี่ยนกังวลระหว่างการผ่าตัด เธอกลัวว่าแผลจะติดเชื้อหรือเลือดคั่งข้นเกินไปแต่โชคดีที่เธอควบคุมได้ดี สิ่งที่เธอกังวลไม่ได้เกิดขึ้น ซูเนี่ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอ
ยามวิกาลแขวนผ้าคลุมหน้าสีดําไว้บนท้องฟ้าอย่างเงียบ ๆ บัดนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว พ่อค้าแผงลอยบนถนนกําลังวางของอยู่ บนถนนเต็มไปด้วยผู้คน คึกคักเป็นพิเศษฉู่อี้หานนั่งอยู่บนรถม้า รถม้ากําลังมุ่งหน้าไปยังจวนอ๋องหลีอย่างช้า ๆ"มั่วอี จอดรถไปซื้อถังหูลู่สองอัน" ฉู่อี้หานเปิดม่านรถออก มองดูตลาดกลางคืนที่คึกคัก แล้วออกคําสั่งกับโม่อีที่ขับรถอยู่"ขอรับ"มั่วอีจอดรถแล้วออกไปซื้อถังหูลู่อย่างมีความสุข ในจวนอ๋องมีเพียงนายน้อยเสี่ยวถวนจื่อที่เป็นเด็กคนหนึ่ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าถังหูลู่ซื้อให้ใครครั้งที่แล้วท่านอ๋องกินถังหูลู่ของนายน้อยเสี่ยวถวนจื่อไปแล้ว สมควรชดเชยให้เขาหลังจากซื้อถังหูลู่แล้ว ครั้งนี้มั่วอีขับรถเร็วกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย หลังจากท่านอ๋องกลับจวนแล้วจะต้องไปที่เรือนลั่วสุ่ยแน่นอน เขารีบรถหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะได้กินข้าวที่เรือนลั่วสุ่ยก็ได้ผ่านไปได้สักครู่ มั่วอีก็ขับรถกลับไปที่จวนอ๋องหลี จากนั้นม่ออีก็ผลักฉู่อี้หานไปที่เรือนลั่วสุ่ยทันทีฉู่อี้หานเม้มปาก แต่ไม่ได้ห้ามมั่วอีเมื่อฉู่อี้หานมาถึง เฟิ่งเอ๋อร์และหงเย่กําลังยกข้าวอยู่อากาศในสมัยโบราณดีมาก แล้วก็อบอุ่น ดังนั้น
"เฟิ่งเอ๋อร์ กินข้าวเถอะ" ซูเนี่ยนพูด"เจ้าค่ะ"เฟิ่งเอ๋อร์กับหงเย่และหงซิ่งจัดสำรับเสร็จก็ยืนด้านข้างด้วยความเคารพเสียวเป่านั่งอยู่ตรงกลางระหว่างซูเนี่ยนกับฉู่อี้หาน ดวงตากลมโตของเขากวาดมองฉู่อี้หานอย่างเงียบ ๆ จากนั้นร่างเล็ก ๆ ของเขาก็ขยับเข้าไปใกล้ฉู่อี้หานเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าทุกคนไม่ได้สังเกต เขาก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก หูของเขาแดงก่ํายิ่งกว่าเดิม"พวกเจ้าสี่คนนั่งลงและกินด้วยกันเถอะ" ซูเนี่ยนมองไปที่มั่วอีและคนอื่น ๆที่นี่เธอไม่มีกฎเกณฑ์มากมายขนาดนี้ อีกอย่างอาหารเยอะขนาดนี้คนสามคนกินไม่หมดแน่นอน ถ้าสิ้นเปลืองไปก็ไม่ดีแล้ว"นั่งลงเถอะ" ฉู่อี้หานเห็นทุกคนจ้องมองมาที่ตน จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบพวกเขาไม่ปฏิเสธอีก ย้ายเก้าอี้แล้วนั่งลงมั่วอีดีใจมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กินข้าวกับท่านอ๋องที่โต๊ะเดียวกัน กลับไปเขาต้องคุยโวกับองครักษ์ทั้งสิบแปดให้ดี ๆ แล้วหลังจากฉู่อี้หานและซูเนี่ยนขยับตะเกียบแล้ว มั่วอีก็คีบอาหารขึ้นมาเช่นกัน วินาทีที่หยิบอาหารใส่เข้าไปในปาก ม่ออีรู้สึกว่าเขาแทบอยากจะกลืนตะเกียบที่คีบอาหารเข้าไปด้วย ทําไมถึงมีคนทําอาหารธรรมดาได้อร่อยขนาดนี้เ
ซูเนี่ยนกรอกตาบน ครั้งแรกเลยที่ได้เห็นคนระลึกความหลังกันแบบนี้กลิ่นยาสมุนไพรลอยมา ขอบตาแดงๆ ของฉู่อี้หานค่อยๆ จางหายไป กลับมาสดใสอีกครั้ง เมื่อเห็นซูเนี่ยนมองค้อนเขาทีหนึ่ง เขาก็กลับมามีสติอีกครั้งมีพวกเราอยู่ก็มีความหวังอย่างนั้นเหรอ?ประโยคนี้ตอนนั้นดูเหมือนเสด็จแม่ของเขาก็เคยพูดไว้ เหตุใดซูเนี่ยนถึงได้พูดประโยคเดียวกัน?เพลงเซียวเซียงเยียนอวี่ที่ซูเนี่ยนเล่นใรงานชมดอกท้อ ความจริงแล้วเป็นบทเพลงที่เสด็จแม่ของเขาเคยบรรเลงร่วมกับลู่เจียว พวกเขาทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก วิธีการดีดพิณก็เหมือนกันในหลายจุดซูเนี่ยนไม่เพียงสามารถดีดพิณได้ วิธีการดีดยังได้รับการสืบทอดมาจากลู่เจียว ครั้งก่อนเขาได้ยินแล้วตอนอยู่อีกเรือน แถมยังส่งมั่วอีไปแอบดูมาแล้วด้วยเขาอยากฟังอีกสักครั้งจัง"ท่านอ๋อง รบกวนหลีกทางหน่อย" ซูเนี่ยนโบกมือไล่ฉู่อี้หานอย่างรำคาญแม่นมไป๋ที่อยู่ด้านหลังรีบเข็นฉู่อี้หานออกไปด้านข้างทันทีไทฮองไทเฮาเม้มปาก มองดูซูเนี่ยนที่ดึงมือของตัวเองไป ความจริงนางค่อนข้างตื่นเต้น เพราะว่านางไม่อยากกินยา และไม่อยากฝังเข็มซูเนี่ยนจับชีพจรให้ไทฮองไทเฮาอย่างละเอียด ทั้งยังตรวจดู
"หึ" แววตาของฉู่อี้หานค่อนข้างร้อนแรง ซูเนี่ยนรู้สึกตกใจจนต้องชักมือกลับไป"ข้าเห็นเจ้าเปลือยหมดแล้ว เจ้าเองก็เห็นข้าเปลือยหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ข้ายังไม่เอาเรื่องที่เจ้ามองข้าเลยนะ" น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้นอีกครั้ง สายตาของฉู่อี้หานจับจ้องไปที่ใบหน้าเล็กๆ ขาวสะอาดของซูเนี่ยน"หุบปากนะ!" ซูเนี่ยนหน้าดำ นางเห็นเขาเปลือยตั้งแต่เมื่อไรกัน?"ท่านอ๋อง พระชายา ไทฮองไทเฮาตื่นแล้วเพคะ" ในขณะที่ซูเนี่ยนกำลังจะพูดอะไร แม่นมไป๋ก็เดินเข้ามาหาทั้งสองคนด้วยความดีใจ"ตื่นแล้ว? ไปดูสิ" ซูเนี่ยนพยักหน้า ดูจากเวลา ตอนนี้ไทฮองไทเฮาก็ควรจะตื่นแล้วซูเนี่ยนเดินอยู่ด้านหน้า ฉู่อี้หานเข็นเก้าอี้ล้อตามมาอยู่ด้านหลัง พวกเขาเดินอย่างรีบร้อนเข้าไปในตำหนักของไทฮองไทเฮาตอนนี้ไทฮองไทเฮากำลังนั่งเอนหลังกินข้าวต้มเปล่าด้วยการดูแลของนางกำนัลอยู่บนศรีษะของนางไม่มีเครื่องประดับผมใดๆ สีหน้าขาวซีด ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น แต่ใบหน้าเล็กมาก เห็นได้ชัดว่าในตอนสาวๆ ก็เป็นหญิงงามคนหนึ่ง"ไทฮองไทเฮา ท่านอ๋องหลีกับพระชายาหลีมาแล้วเพคะ" แม่นมไป๋พูดรายงานอย่างนอบน้อม"ไม่กินแล้ว" ไทฮองไทเฮาโบกมือให้กับนางกำนัล ข้าวต้ม
มั่วอีค้อมตัวเล็กน้อย เหตุใดใบหน้าของท่านอ๋องถึงมีรอยช้ำได้นะ?ไม่ต้องถามก็รู้ได้ว่าพระชายาคงเป็นคนต่อยแน่ หรือว่าท่านอ๋องทำเรื่องอะไรไม่ดีกับพระชายาอีกแล้วเหรอ?มั่วอีคิดอย่างใจลอย เมื่อสายตาเย็นเยียบของฉู่อี้หานมองมา มั่วอีจึงต้องเร่งมือขึ้นอีกเขาเข็นฉู่อี้หานออกจากบ่อน้ำร้อน อ๋องคังกำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่หน้าประตูเมื่อเห็นหน้าของฉู่อี้หานเขาก็ดีใจ แต่เมื่อเห็นรอยช้ำบนใบหน้าเขาก็ต้องยืนอึ้งอยู่อย่างนั้นใครกันที่ไม่กลัวตายแอบลอบทำร้ายเสด็จพี่! ใครกันที่บังอาจขนาดนี้ เขาจะต้องไปพบสักหน่อยแล้ว"ฮ่าๆๆ เสด็จพี่ มะ มุมปากท่าน" อ๋องคังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ ใบหน้าเย็นชา มีแผลมาประดับไว้ ช่างดูมีสีสันเหลือเกินแค่รู้สึกตลกไปสักหน่อย"มั่วอี พาท่านอ๋องคังไปประลองดาบที่เรือนหน่อยสิ ไม่ต้องรุนแรงมากล่ะ อย่าได้รบกวนไทฮองไทเฮา ข้าอยากจะรู้ว่าหลายปีนี้ท่านอ๋องคังมีฝีมือดีขึ้นบ้างไหม" ฉู่อี้หานหรี่ตาลง มองไปที่อ๋องคังอย่างน่ากลัว เขาอยากจะยกมุมปากขึ้นเหลือเกิน แต่ก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา ฉับพลันความโกรธก็ฉายขึ้นมาในแววตายัยซูเนี่ยนนั่น ไม่ออมมือเลยสักนิด"เอ่อ ฮ่าๆๆ" เดิมทีอ๋องคังก
ท่าทางการต่อสู้ของซูเนี่ยนแปลกประหลาด หลังจากที่ฉู่อี้หานแกล้งนางไปสักพักก็ไม่กล้าที่จะดูถูกฝีมือนางอีกแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยทำตามกติกาเลยหลังจากที่ซูเนี่ยนทุบตีจนพอใจก็รู้สึกโล่งที่ได้ระบายความแค้น ไม่อยากที่จะมองฉู่อี้หานอีก คิดที่จะออกไปจากสระน้ำทันทีแต่นางไม่ทันสังเกตว่าผ้าม่านที่นางใช้พันร่างกายตรงหน้าอกไว้ค่อยๆ ร่วงหล่นลงจากการที่นางขยับร่างกายมากเกินไปผ้าม่านนั้นได้ล่วงลงในจังหวะเดียวกันกับที่ซูเนี่ยนหมุนตัวเดิมทีฉู่อี้หานที่คิดจะคว้าตัวนางไว้ก็ต้องนิ่งอึ้งไปกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้าซูเนี่ยนแข็งทื่อไปชั่วขณะ นางรีบหันไปมองฉู่อี้หานที่กำลังอึ้งอยู่อย่างตกใจในหัวสมองของฉู่อี้หานตอนนี้ถูกเจ้าลูกกลมๆ เด้งๆ สองลูกทำเอาเบลอไปหมด ในหัวสมองมีแต่สองคำนี้วนเวียนอยู่ใหญ่...มาก..."อ๊า!"ซูเนี่ยนกรี๊ดออกมาเสียงดัง รีบเอาผ้าม่านกลับมาพันไว้ทันที นางไม่อาจอดกลั้นความโกรธในใจได้อีกต่อไปเตะขาออกไปอย่างแรง จนฉู่อี้หานที่กำลังอึ้งอยู่ต้องล้มลงไปในน้ำ"ข้าจะตีท่านให้ตาย ข้าจะทำให้ท่านจมน้ำตายไปเลย! ลามก! สารเลว!"เสียงตะโกนอย่างโกรธจัดของซูเนี่ยนดังขึ้นไม่หยุด นางกำนัลสองคนที่เฝ
เมื่อซูเนี่ยนมองไปในดวงตาของเขา ก็พบว่าดวงตาของเขายิ่งเข้มขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าก็ดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ นางจึงล้มเลิกความคิดที่จะกลั่นแกล้งฉู่อี้หานไปนางอย่าได้ไปหาเรื่องคนโหดร้ายอย่างเขาเลย"หากข้าบอกว่าได้ล่ะ" เขากอดร่างกายของซูเนี่ยนที่พยายามดิ้นแน่นขึ้น ฉู่อี้หานพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับมองใบหน้าขาวละเอียดของซูเนี่ยนไปด้วยความสวยของซูเนี่ยนดูไกลๆ ก็น่าประทับใจแล้ว ดูใกล้ๆ ยิ่งราวกับรูปสลักของนางฟ้าบนสวรรค์ ตอนนั้นความสวยของลู่เจียวเป็นที่พูดถึงกันในเมืองหลวงเท่าไร ซูเนี่ยนก็ยิ่งเป็นมากกว่านั้นอีกเพียงแต่เมื่อก่อนซูเนี่ยนเป็นคนอ่อนแอเอาแต่เก็บตัว คนอื่นก็เลยละเลยความสวยของนาง แต่ในตอนนี้ซูเนี่ยนเปล่งประกายความมั่นใจและสงบเยือกเย็นออกมาจากภายใน ก็ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดให้กับใบหน้าที่น่าหลงไหลนี้ เพียงแค่ไม่นานก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนริมฝีปากของซูเนี่ยนกระตุก ทำไมนางถึงรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้กำลังหยอกล้อฉู่อี้หาน แต่เป็นฉู่อี้หานที่กำลังหยอกล้อนางกันนะเมื่อมองฉู่อี้หานใกล้ๆ ก็ทำให้ซูเนี่ยนอดที่จะพิจรณาใบหน้าของคนเย็นชาอย่างเขาไม่ได้ โดยเฉพาะตอนที่เขาจ้องหน้าของนาง ราวกับว่านางเ
ใครให้ฉู่อี้หานดึงเสื้อของนางล่ะ เช่นนั้นนางก็จะทำกับเขาแบบเดียวกัน ดึงเสื้อของนาง นางก็จะให้เขารับรู้ความรู้สึกของการโดนดึงเสื้อบ้าง!ในตอนที่เสื้อถูกดึงออก นอกจากแผ่นหลังที่แข็งแรงและผิวขาวเนียนที่ซูเนี่ยนเห็นแล้ว ก็ยังมีรอยแผลเป็นริ้วๆ ตรงด้านหลังด้วยมีทั้งแผลจากมีดและดาบ รอยโดนลวก...เยอะจนนับไม่ไหว แต่แผลพวกนั้นไม่เพียงไม่ได้ทำให้ฉู่อี้หานน่าเกลียด กลับยังเพิ่มเสน่ห์แบบดิบๆ ให้เขาอีกด้วยฉู่อี้หานเพิ่งพบว่าเขาดูถูกฝีมือของซูเนี่ยนไป ใบหน้าปรากฎเป็นรอยยิ้มอันตรายแววตามีความสนุก ไม่เลว กล้าดึงเสื้อของเขา กล้าไม่เบา แต่ในเมื่อกล้าดึงเสื้อของเขา เช่นนั้นก็ต้องรับผลที่ตามมาด้วยซูเนี่ยนเก็บความได้ใจของตัวเองไป นางสัมผัสได้ถึงความอันตราย หลังจากโยนเสื้อทิ้งไปซูเนี่ยนก็เตรียมหันหลังจะหนี แต่ฉู่อี้หานก็ตามติดนางไม่ปล่อยอีกทั้งฉู่อี้หานยังไม่อยากที่จะเล่นเกมไล่จับอีกต่อไป เขารวบรวมกำลังภายในที่ฝ่ามือ กระแทกน้ำจนสาดกระเซ็นตัวของซูเนี่ยนกระเด็นลอยไปในอากาศ จากนั้นก็จะร่วงลงมาอย่างแรงหากว่าร่วงลงไปแบบนี้ นางคงไม่พ้นตายก็พิการแน่"ฉู่อี้หาน..."ซูเนี่ยนตะโกนออกมาอย่างดัง ใบหน้าเล
คลื่นน้ำนั้นพุ่งกระแทกมาทางซูเนี่ยนอย่างแรงซูเนี่ยนตกใจมาก รีบยื่นมือออกไปคว้าเสื้อเอาไว้ทันทีแต่แรงกระแทกจากคลื่นน้ำนั้นรุนแรง ทำให้ซูเนี่ยนคว้าไว้ได้เพียงแค่เสื้อชั้นในเท่านั้นหมุนตัวหลบการโจมตีจากคลื่นน้ำ ซูเนี่ยนอาศัยจังหวะระหว่างนั้นใช้เสื้อชั้นในห่อร่างกายของตัวเองไว้ แต่เนื่องจากรีบร้อนทำให้เสื้อชั้นในสามารถปกปิดไว้ได้เพียงส่วนสำคัญเท่านั้น ร่างกายส่วนอื่นยังเปิดเผยอยู่อย่างเห็นได้ชัดฉู่อี้หานหรี่ดวงตาทั้งสองข้างมองไปยังเรือนร่างเล็กที่ๆ ที่กำลังหันหลังว่ายหนีตัวเองอย่างรวดเร็วอยู่คิดหนี? ต้องดูด้วยว่าเขายินยอมหรือไม่!เดิมทีเขาก็ไม่วางใจทางด้านไทฮองไทเฮาอยู่แล้ว ดังนั้นเลยส่งสิบแปดองค์รักษ์มาคอยแอบคุ้มกันอีกที คิดไม่ถึงว่าจะมีแอบเข้ามาถึงบ่อน้ำร้อนนี้ได้ แถมยังถูกเขาจับได้พอดี เขาไม่มีทางปล่อยนางไปแน่!ฉู่อี้หานรีบคว้าเอาเสื้อที่อยู่ริมสระน้ำมาสวม จากนั้นก็ยื่นมือคว้าไปทางซูเนี่ยนซูเนี่ยนรับรู้ได้ถึงพลังรุนแรงของฝ่ามือจากด้านหลัง ก็ตกใจรีบหลบทันทีไอน้ำขุ่นมัวล้อมรอบทั้งสองคนเอาไว้ เนื่องจากควันจากไอน้ำหนาเกินไป อีกทั้งซูเนี่ยนก็หัวเหอยุ่งเหยิง ทำให้มองเห็นหน้าไม
"ทำยังไงดีพระชายายังอยู่ข้างในเลย" นางกำนัลที่เฝ้าอยู่ด้านนอกมีสีหน้ากระวนกระวายทำไมอ๋องหลีถึงมาตอนนี้ล่ะ ก่อนหน้านี้อ๋องหลีก็มาแช่น้ำร้อนของไทฮองไทเฮาเช่นกัน ไม่มีใครเคยขวาง แต่ละคนต่างก็เคยชินแล้ว ก็เลยไม่มีใครรายงานก่อนแต่ว่าวันนี้มันต่างกัน ที่ในบ่อน้ำร้อนยังมีคนอื่นอยู่ด้วย"ไม่ต้องกลัว ด้านในก็ไม่ใช่ใครอื่นสักหน่อย เป็นพระชายาอ๋องหลีนะ ท่านอ๋องกับพระชายาจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่เรื่องดีหรือยังไง" นางกำนัลอีกคนหนึ่งไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาเรื่องนี้จะโทษพวกนางไม่ได้ เป็นท่านอ๋องหลีที่น่ากลัวเกินไป พวกนางเจอทีไรเป็นต้องพูดติดๆ ขัดๆ ตลอด รอตอนที่พวกนางจะพูดจริง ก็สายไปซะแล้ว อ๋องหลีเข้าไปแล้วมั่วอีที่ได้ยินบทสนทนาของนางกำนัลทั้งสองคนก็ตกใจ แต่ตอนนี้ใครก็ไม่สะดวกเข้าไปแล้ว จะขวางท่านอ๋องได้อย่างไร?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่อยากขวาง ก็เหมือนกับที่นางกำนัลสองคนนี้พูด ให้ท่านอ๋องกับพระชายาใช้เวลาอยู่ร่วมกันก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอมั่วอีเปลี่ยนทิศทางการเดิน สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีเลสนัย เดินออกไปทางนอกตำหนักฉู่อี้หานเข็นเก้าอี้ล้อไปทางสระน้ำ ที่ปากของหงส์ท
เยือกเย็นมาก สงบมาก ลักษณะเช่นนี้ขนาดลูกคุณหนูตระกูลใหญ่ทั่วไปยังทำไม่ได้เลยอีกทั้งการปฏิบัติตัวกับคนอื่นก็โอบอ้อมอารี มีมารยาท ใส่ใจแต่เรื่องพวกนี้ นางคิดว่าซูเนี่ยนไม่เพียงสามารถเป็นฐานะพระชายาอ๋องหลีได้ แถมยังคู่ควรกับอ๋องหลีอีกด้วยอีกอย่างดูจากท่าทางของอ๋องหลีเมื่อคืนนี้ เกรงว่าเขาก็คงมีใจให้กับซูเนี่ยนเหมือนกันสิ่งที่แม่นมไป๋คิดอยู่ในใจ ซูเนี่ยนไม่ได้รู้เลยสักนิด นางคิดเพียงอยากจะรีบอาบน้ำ ตอนนี้นางเหม็นตัวเองจะตายอยู่แล้วแม่นมไป๋เดินนำซูเนี่ยนมาจนถึงบ่อน้ำร้อนนี่คือบ่อน้ำร้อนที่จักรพรรดิเต๋อคังสร้างให้ไทฮองไทเฮาโดยเฉพาะ ภายในยังใส่สมุนไพรจีนไว้มากมาย มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากซูเนี่ยนเป็นหมอย่อมต้องดมรู้อยู่แล้วภายในบ่อน้ำร้อนมีควันพวยพุ่ง ขมุกขมัว บ่อน้ำร้อนใหญ่มาก มีปุ่มกดรูปหงส์สยายปีกสร้างไว้โดยรอบ แม่นมไป๋กดปุ่มรูปหงส์อันหนึ่ง ก็เห็นว่าน้ำในบ่อถูกเปลี่ยนอย่างรวดเร็วไม่ใช่บ่อสมุนไพรอีกต่อไป แต่กลายเป็นบ่อน้ำนมสีขาวที่มีกลีบดอกท้อลอยอยู่ด้านบนแทนอุณหภูมิน้ำที่อุ่นทำให้กลิ่นหอมจากกลีบดอกท้อลอยโชยขึ้นมาในอากาศ ซูเนี่ยนสูดหายใจเข้าไปลึกๆ รู้สึกว่าหอมมากสมแ