หลังจากนั้นอาหารหลายอย่างถูกนางคีบให้ ในคราแรกที่กินก็ฝืนใจอยู่บ้าง หลังกินไปกินมาหยางเอ้อหลางกลับคิดว่าการทานอาหารฝีมือภรรยาถือเป็นการฝึกตนที่ดียิ่งเขาเป็นทหารผู้ออกรบ ผ่านอาหารมานับร้อยแบบทั้งดิบทั้งสดในสนามรบขอเพียงมีกินเพื่อประทังชีวิตก็พอแล้ว อาหารที่นางทำถึงรสชาติจะย่ำแย่เพียงใดก็ยังดีกว่ามาก เมื่อคิดได้ดังนี้ไม่ว่าแต่ละจานจะเค็ม เปรี้ยว หวานเพียงใด เขาก็สามารถกินได้หมดอีกทั้งยังคงแสดงท่าทางเอร็ดอร่อยนัก ในใจนึกท่องเพียงคำว่า ตนเองกำลังฝึกตนให้เป็นบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าองค์หญิงสิบสามเห็นหยางเอ้อหลางกินได้ดีเช่นนี้จึงเอ่ยว่า"หากท่านชอบข้าจะทำอาหารให้ท่านกินบ่อยๆ"ดูเหมือนเขาจะสำลักออกมาพลางโบกไม้โบกมือห้ามปราม องค์หญิงสิบสามรีบรินน้ำให้เขาเมื่อดื่มน้ำและตั้งสติได้เขาก็เอ่ยขึ้น"ไม่ลำบากเจ้าแล้วเพียงครั้งนี้ก็พอ คราวหน้าปล่อยเป็นหน้าที่ห้องครัวเถิด""สามีเห็นท่านกินเช่นนี้จึงทำให้ข้ารู้สึกจะชื่นชอบการทำอาหารแล้ว ท่านว่าไม่ดีหรือที่ข้าตั้งใจจะทำให้ท่านกิน"นางเอ่ยด้วยความภูมิใจ ในเมื่อเจ้าแท่นประหารนี้ชอบฝีมือนาง สตรีใจกว้างกว่าท้องทะเลเช่นองค์หญิงสิบสามมีหรือจะปฏิเสธ
นางตบโต๊ะเสียงดัง ดวงตาลุกวาวดูคล้ายแม่เสือเสียสติแล้ว หลังจากนั้นนางก็ชิมอาหารบนโต๊ะทั้งหมดพร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความทรมานกับรสชาติที่ชวนให้ขนลุกขนพองของอาหารพวกนั้น“ท่านแม่ทัพ อาหารของข้าย่อมต้องมีคนกลั่นแกล้งเป็นแน่”องค์หญิงสิบสามไม่อาจยอมรับรสชาติอาหารพวกนี้ได้จริงๆหยางเอ้อหลาง "..."หลังจากทานอาหารเสร็จเพื่อความมั่นใจว่าคนผู้นี้จะไม่ตื่นขึ้นมากลางดึกเป็นแน่ นางจึงถือโอกาสมอมเหล้าเขาต่อ หยางเอ้อหลางเห็นภรรยาดูแปลกไปอย่างมากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากสิ่งใดออกมานางทำสิ่งใดเขาก็เพียงแต่ล่องเรือตามน้ำให้เขากินเขากิน ให้เขาดื่มเขาดื่ม พลางรออย่างสงบว่าองค์หญิงน้อยผู้นี้จะมาไม้ไหนอีกและมีวัตถุประสงค์อันใดกันแน่"หมินเออร์วันนี้ดูเหมือนท่านจะยอมรับหน้าที่ภรรยาได้แล้วใช่หรือไม่""ข้าหรือ ท่านแม่ทัพกล่าวเกินไปแล้วสตรีเช่นข้าที่เติบโตในวังย่อมรู้ธรรมเนียมเป็นอย่างดี แต่งกับไก่ก็เป็นไก่แต่งกับหงส์ก็เป็นหงส์ตอนนี้อยู่ในจวนท่านสุขสำราญดีเงินทองไม่ขาดมือข้าจึงถือว่าตนเองเป็นหงส์ตามท่าน มาสามีข้ารินเหล้าให้ท่าน"หยางเอ้อหลางเห็นนางผิดปกติไม่มาก แต่ก็หาได้กล่าวสิ่งใดออกมา เมื่อวานนางยังรบเร้าให้เ
เมื่อออกมานอกเรือนอาชิงพบองครักษ์ฝานอยู่เฝ้าอยู่ด้านหน้า ท่าทางผ่อนคลายอีกทั้งยังพูดคุยกับองครักษ์ผู้อื่นด้วยความสนุกสนาน เมื่อเห็นอาชิงเขาจึงเอ่ยทักขึ้นอีกทั้งยังไล่องครักษ์ผู้อื่นออกไปให้ห่าง"ความจริงเจ้าควรออกมานานแล้ว จะอยู่เป็นก้างขวางคอผู้อื่นด้วยเหตุใด""หัวหน้าฝานตำหนิข้าหรือ"องครักษ์ฝานพยักหน้า อาชิงเห็นพลันย่นจมูก คนผู้นี้เป็นคนตรงไปตรงมาไม่เคยไว้หน้าผู้ใดแม้แต่สตรีเช่นนาง เพราะเช่นนี้อาชิงจึงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะสนทนากับเขาด้วยไม่อยากทำให้ตนหงุดหงิดกับความเถรตรงเกินไปของคนผู้นี้"ข้าจะออกมาได้อย่างไรหากองค์หญิงไม่อนุญาต""เจ้ากับองค์หญิงนี่ข้ารู้สึกว่าช่างประหลาดนัก องค์หญิงอภิเษกแล้วเจ้าเป็นบ่าวควรรู้สิ่งใดควรไม่ควรกลับยังทำตามอำเภอใจเช่นนี้ ชอบทำเรื่องที่ไร้สาระโดยไม่มีผู้ใดห้ามปรามกันแบบนี้อันตรายยิ่ง""นี่เจ้า หากจะว่าข้าก็เชิญข้าไม่ถือสาอย่าลามปามไปถึงนายของข้า""เอาล่ะ ๆ ข้าเพียงเตือนเจ้าด้วยหวังดีหากเจ้าคิดเป็นอื่นข้าก็ไม่แก้ตัวแล้ว"อาชิงยืนกอดอกอยู่ตรงนั้น องครักษ์ฝานมองใบหน้าบึ้งตึงของอาชิงแล้วส่ายหน้า ดื้อรั้น ไม่ฟังใครทั้งนายทั้งบ่าวจริงๆภายในห้องนอนองค์หญิงส
ราวกับฟ้าหมุนดินทลาย องค์หญิงสิบสามไม่คาดคิดว่าหยางเอ้อหลางจะลงมือว่องไวปานนี้ นางพยายามขัดขืนแต่ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงของตนเองจะน้อยลงไปทุกทีภายในสมองมีความคิดชั่วร้ายให้นางจัดการหยางเอ้อหลางซะ ทำให้เขาเป็นของนาง บุรุษผู้วิเศษผู้นี้จะปล่อยให้เป็นของผู้อื่นได้อย่างไร“ไม่นะ สิบสามเจ้ามันคนชั่ว ของสิ่งนี้ไม่อาจแตะต้อง” นางกล่าวอู้อี้กับตนเองภายใต้เรียวปากของหยางเอ้อหลาง แม้จุมพิตจะดุดันไปบ้างแต่องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกวาบหวามนักหยางเอ้อหลางดื่มสุราไปมากเพราะต้องการให้ตนเองกล้ากับนางมากกว่านี้ครานี้ดูเหมือนว่าเขาจะทำสำเร็จแล้ว จุมพิตที่เนิ่นนานจากหนักแน่นกลายเป็นอ่อนโยนอบอุ่น ความหอมหวานแผ่ซ่านอยู่ระหว่างร่างสองร่างหัวใจของพวกเขาหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ต่างคนต่างต้องการสิ่งที่มากกว่า องค์หญิงสิบสามแม้จะทั้งสวดมนต์ทั้งเตือนสติตนเองแต่เมื่อน้ำมันใกล้กับไฟเช่นนี้มีหรือที่จะทานทนได้ บทสวดให้สงบใจจึงกลายเป็นบทรักแห่งความร้อนรุ่มแทนเสียแล้วด้านนอกเรือนอาชิงเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข องครักษ์ฝานทำท่าจะไม่จากไปไหน เมื่อใกล้เวลาหากองค์หญิงกลายร่างปีศาจแล้วองครักษ์ฝานพบเข้าเรื่องไม่แย่ขึ้นอีกหรือ
"หยางเอ้อหลาง ตัวข้าหามีสิ่งใดดีเลยท่านหย่ากับข้าเถิดถึงแม้ในใจของข้าไม่ได้อยากหย่าเท่าใดนักแต่ข้ารับปากพี่หญิงใหญ่เอาไว้แล้วอย่างไรเสียข้าก็ไม่อาจแตะต้องท่านได้ หยางเอ้อหลางท่านรู้หรือไม่แม้ข้าจะเป็นองค์หญิงแต่เงินทองขาดมือนักหลายครั้งต้องแอบทำเรื่องต้องห้ามเพื่อหาเงินมาใช้ในตำหนัก ชีวิตเช่นนี้ของข้าช่างน่าอดสูนัก ตั้งแต่แต่งออกมาข้ารู้สึกเหมือนกำลังตกถังข้าวสาร เรื่องเงินทองไม่ขาดมืออีกเช่นนี้ข้าก็ไม่อยากหย่าแล้ว แต่เพราะแต่เพราะข้าจำเป็นต้องหย่า ท่านเข้าใจหรือไม่"นางร้องไห้ออกกล่าววกวนไปมาจวบจนนางผละจากร่างของเขาแล้วไปกอดเสาต้นใหญ่ภายในห้อง หยางเอ้อหลางลุกขึ้นพร้อมกับถอนหายใจ เขาเดินมาหยุดข้างกายนางพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้ องค์หญิงสิบสามมองใบหน้าของเขาช่างซ้อนกันหลายหน้าดูสับสนเหมือนหัวใจของนางเช่นนี้"ท่านไม่อยากหย่าก็ไม่ต้องหย่า เหตุใดจึงทุกข์ใจเช่นนี้ท่านจะบอกข้าถึงเหตุผลนั้นได้หรือไม่"เสียงนุ่มทุ้มของเขากำลังโอบประคองหัวใจที่แสนวุ่นวายของนาง หลินฮุ่ยหมินส่ายหน้าร้องไห้โฮออกมา "ไม่ได้ ความลับหากเจ้ารู้เจ้าอาจจับข้าขังก็เป็นได้ ข้ายังไม่อยากตายข้ายังมีสิ่งที่ต้องดูแลข้าไม่อาจวางใ
เสียงที่ดังอยู่ในหูและภาพในนิมิตนำองค์หญิงสิบสามมายังห้องหนึ่งในพระราชวังนางหลบหลีกทหารยามได้อย่างว่องไว ก้าวเดินที่เงียบเชียบของแมวตัวน้อยทำให้ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นที่น่าแปลกคือแม้กระพรวนผู้พิทักษ์ยังคงดังก้องทุกย่างก้าวกลับไม่มีผู้ใดได้ยินเสียง เหตุการณ์ดูเงียบสงบดั่งเช่นทุกวันเบื้องหน้าขององค์หญิงสิบสามนั้นคือที่ใด ดูเหมือนเป็นตำหนักแห่งหนึ่งแมวน้อยยกเท้าขึ้นมาเลียเพื่อหยุดพัก นางมองหาหนูตัวนั้นที่นางไล่ตามมาตั้งแต่จวนท่านแม่ทัพบัดนี้มันหายไปแล้วเจ้าแมวน้อยกระโดดเข้าไปยังตำหนักเบื้องหน้าด้านในมีทหารเวรยามประปรายไม่มีการอารักขาที่เข้มงวด แมวน้อยเดินเข้าไปด้านในอย่างเงียบเชียบเท้าพลันหยุดอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่งในตำหนักดวงตาพลันเห็นบุรุษสองคนกำลังพูดคุยบางสิ่งที่นางได้ยินไม่ถนัด ในมือของคนผู้หนึ่งมีจอกหยกล้ำค่าใบหน้าของพวกเขานั้นเป็นอย่างไรนางมองเห็นไม่ชัดเจนนัก แมวน้อยเพียงจ้องมองด้วยความสนใจชั่วครู่แต่แล้วต้องหันหลังวิ่งออกไปเมื่อนางเจอหนูตัวนั้นแล้วหนูตัวที่นางไล่กวดมาตั้งแต่จวนท่านแม่ทัพหยางองค์หญิงสิบสามออกมาจากวังหลวงได้อย่างง่ายดายนางวิ่งตามหนูมาจนกระทั่งถึงตลาด พบเจอเพี
“ข้าเพียงแต่ให้สาวใช้รั้งนางไว้ก่อน แล้วรีบมาดูท่านในเรือนองค์หญิงบัดนี้คิดว่านางไม่พบองค์หญิงคงจะออกตามหาเช่นกันขอรับ”“ส่งคนไปอารักขานางด้วย สตรีออกมานอกจวนมืดค่ำไม่ปลอดภัย”“ขอรับ”องครักษ์ฝานพุ่งตัวหายไปทันที หยางเอ้อหลางยังยืนอยู่ตรงนั้น หลังจากที่เขาหลับไปได้ไม่นานเป็นองครักษ์ฝานที่นำยาแก้พิษผงยานอนหลับมาให้ อาการแปลกๆของภรรยาที่เกิดขึ้นวันนี้อยู่ในสายตาของหยางเอ้อหลางมาตลอดเพียงแต่เขาคิดไม่ตกถึงเหตุผลที่นางวางยานอนหลับเขาแล้วหายไปเช่นนี้ พลันหยางเอ้อหลางได้ยินเสียงกระพรวน เขาจึงติดตามออกมาด้วยนึกสงสัยตามหาอยู่นานจวบจนกระทั่งบังเอิญพบฉางอ๋องกับเจ้าแมวน้อยเข้าเรื่องราวยิ่งแปลกมากขึ้นไปอีกเมื่อแมวน้อยตนนั้นกลับมีกระพรวนที่ขาเช่นกันในขณะที่องค์หญิงสิบสามหายตัวไป ฉางอ๋องแอบหนีออกมาจากชายแดน เรื่องพวกนี้ยังเป็นปริศนาสำหรับเขานัก เพราะเช่นนี้ความมั่นใจว่าองค์หญิงสิบสามสามารถแปลงกายได้จึงเกิดขึ้นฉางอ๋องนำองค์หญิงสิบสามกลับมาที่จวนของตนเองอย่างเงียบเชียบ ปล่อยให้นางวิ่งเล่นอยู่ในห้องที่เขาจัดเตรียมไว้ให้นางจวบจนใกล้รุ่งสางได้เวลาที่นางคืนร่างองค์หญิงสิบสามจัดแจงอาภรณ์เสร็จนางจึงเปิ
อ๋องฉางอันไม่โต้เถียงกับน้องสาวแล้ว เหตุผลของนางมีเป็นร้อยแปดเขารู้นิสัยนางดี หากนางไม่ยินยอมต่อให้เขายื่นเงินทองเป็นภูเขาให้นางตรงหน้านางก็จะไม่หยิบสักอีแปะเดียว เพียงมีนางอยู่ในอ้อมกอดเพียงได้ปกป้องนางเช่นนี้ และมีเพียงเขาที่ช่วยนางได้เขาก็พึงใจแล้ว"ครานี้เจ้านิมิตเห็นสิ่งใด" "ไม่เห็นสิ่งใดเป็นสาระ ในนิมิตมีบุรุษแปลกหน้าสองคนข้ามองเห็นหน้าเขาไม่ชัดนักอยู่ในตำหนักในวังหลวง พวกเขามีจอกหยกอันหนึ่งเพียงเห็นก็รู้ว่าล้ำค่าเพียงใด เห็นเพียงเท่านั้นก็วิ่งไล่หนูออกมา น่าเสียดายที่ข้าจับมันไม่ได้เสียทีจนมาพบท่านเข้า"นางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันหากคราหน้านางมีโอกาสได้กลายเป็นแมวอีกเจ้าหนูตนนั้นอย่าได้คิดหนีรอด องค์หญิงสิบสามเจ็บใจนัก"บุรุษสองคนกับจอกหยกหรือ" ผู้เป็นพี่ชายถามขึ้น"ใช่ ดูจากอาภรณ์แล้วน่าจะเป็นคนต่างแคว้น" "เจ้าจำอาภรณ์เขาได้หรือไม่""แม่นยำเลยแหละ เพียงแต่สงสัยว่าเหตุใดคนต่างแคว้นจึงเข้ามาอยู่ในวังหลวงนิมิตของข้าครานี้ดูจะเหลวไหลเกินไปแล้ว""เจ้าเพิ่งแต่งงานเข้าวังไปตำหนักเทพไม่ได้เดี๋ยวจะมีคนสงสัยเอา ข้าจะส่งคนไปเชิญท่านหัวหน้าเทพธิดามาเยี่ยมเจ้าเล่าให้นางฟังอย่างละเอียดมีอะไรก็
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล
หยางเอ้อหลางพลันอมยิ้ม เขาชอบที่นางชอบเขาที่สุด แม้จะเป็นสิ่งของเขาก็อดหึงหวงไม่ได้กล่าวจบพลันนางโน้มคอเขาลงมาจุมพิตดูดดื่ม เนื้อตัวของนางนุ่มนิ่ม แม้จะมีบุตรถึงสองคนแล้วร่างกายหาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นสตรีอื่น ที่ควรมีก็มีมากขึ้น อีกทั้งยังตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม นับวันเขายิ่งหลงใหลภรรยาจนทนแยกห่างจากนางนานๆ ไม่ได้ยามที่เขาห่างนางต้องไปทำงานต่างเมือง หลายครั้งที่มีสตรีมากมายพยายามปีนขึ้นเตียงส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ในใจหยางเอ้อหลางมองพวกนางเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าช่างดูน่ารำคาญ ในสายตาของเขามีเพียงภรรยาผู้เดียวที่สำคัญยิ่ง เขาไม่มีวันชายตาแลสตรีอื่นให้นางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาดองค์หญิงสิบสามเบียดกายเข้าหาเขา หยางเอ้อหลางใช้ผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกห่อร่างเขาและนางเข้าด้วยกัน พันกายหนาแน่นด้วยกลัวว่านางจะต้องลมเย็นจากด้านนอกจนเจ็บป่วย ร่างกายของเขาแข็งแรง อึกทั้งยังอบอุ่นองค์หญิงสิบสามชอบซุกในอกแข็งแกร่งยิ่งมือของนางซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงเขาแล้วลูบอาวุธเขาเล่นจนผงาดแข็งชัน หยางเอ้อหลางปล่อยให้นางซนเสมอ นางชอบทำอะไรเขาล้วนตามใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ เขายิ่งตามใจนางยิ่งกว่าเรื่องใด“ท่านพี่มันโตแล้ว”“
ผู้ช่วยหมอทำคลอดพลันเปิดประตูออกมา หยางเอ้อหลางไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปด้านในแม้คนจะทัดทานเขาก็ไม่สนใจแล้วเขาโผไปหาภรรยาที่เหนื่อยจนหมดสติไปแล้วอย่างว่องไว กุมมือนางไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว"หมินเออร์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง""องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ เพียงแต่เหนื่อยมากจึงหลับไป"หมอหญิงผู้เก่งกาจประจำจวนเอ่ยขึ้น หยางเอ้อหลางพยักหน้าแต่ไม่วางใจ เขาดึงภรรยามากอดไว้ สำรวจร่างที่ยังเปียกชื้นด้วยเหงื่อของนางปากก็พร่ำขอโทษภรรยาที่ทำให้นางเจ็บปวดด้วยสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง"ข้าจะไม่ให้ท่านท้องอีกแล้ว ขอสัญญา ข้าขอโทษ"ความเจ็บปวดของภรรยาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวยิ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นเช่นนี้อีกจวบจนแม่นมอุ้มก้อนแป้งอวบก้อนหนึ่งมาหาเขา หยางเอ้อหลางเห็นหน้าบุตรเป็นครั้งแรก พลันตื้นตันจวบจนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกรักและผูกพันท่วมท้นในอก บัดนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าบิดามารดารักเขาเพียงใด เขาค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงให้ท่านหมอดูแลเต็มที่ ส่วนตัวเองยื่นมือไปรับห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในอ้อมกอด"เป็นท่านชายเจ้าค่ะ" แม่นมเอ่ยด้วยความยินดี"ดีมาก ดีจริงๆ "หยางเอ้อหลางหัวเราะทั้งน้ำตาแล้ว ความตื้
กินเสร็จได้ไม่นาน องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกอยากอาบน้ำ"ท่านพี่นอกจากเขาจะเลือกกินแล้ว ยังรักสะอาดยิ่ง อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลับอยากอาบน้ำวันละหลายรอบ"หยางเอ้อหลางจึงสั่งอาชิงให้เตรียมน้ำอุ่น หลังจากนั้นเขากลับเป็นฝ่ายดูแลนางด้วยตนเอง ถอดอาภรณ์ให้นาง ค่อยๆ พานางลงอ่างอย่างระวัง ผิวขององค์หญิงสิบสามเปล่งประกายบอบบาง ส่วนข้อเท้าเนียนนุ่มเล็กๆ ของนาง ยิ่งไม่อาจรับร่างกายที่หนักอึ้งของครรภ์ได้ หยางเอ้อหลางจึงต้องระวังเป็นพิเศษอาบน้ำยังไม่ทันเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติยิ่ง มีเลือดไหลออกมาจากช่องทางลับของนาง ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดจะวิ่งจากท้องน้อยถึงไขสันหลัง นางจับข้อมือของหยางเอ้อหลางแน่นห่อปากด้วยความเจ็บปวด"ท่านพี่ ข้าเจ็บ"เพียงเห็นเลือดที่เริ่มไหลออกมาปนกับน้ำในอ่าง เทพสงครามเช่นหยางเอ้อหลางแทบเป็นลมหมดสติยิ่งเห็นนางเจ็บปวดยิ่งรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก ช่วงท้องบิดมวน ปากร้องตะโกนให้อาชิงที่รออยู่ด้านนอกรีบตามหมอตำแยที่เขานำมาเลี้ยงดูในจวนตั้งแต่เดือนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภรรยาหยางเอ้อหลางตั้งใจจะอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำ แต่กลับถูกองค์หญิงสิบสามทั้งข่วนทั้งตบตี