หยางเอ้อหลางเลิกคิ้วเอ่ยสงสัย นางกำลังเมาในใจคิดเช่นไรจึงพูดออกมา องค์หญิงสิบสามผู้นี้ช่างไม่ระวังตนเหลือเกิน“หยางเอ้อหลางท่านหน้าตาดีปานนี้ผู้ใดไม่ชอบ ท่านก็เหมือนหยกงามชิ้นหนึ่งที่ต้องตาสตรีไม่รู้ตัวเลยหรือ เพราะแบบนี้กระมังพี่หญิงใหญ่จึงชอบท่านมาก” นางสารภาพพลางหัวเราะ อีกทั้งยังยกมือลูบหน้าเขาเล่นอย่างพึงพอใจ กลิ่นของเขาก็หอมจึงได้มุดศีรษะเข้าที่ซอกคอของเขาเพื่อสูดดมความหอมนั้น พลอยทำให้หยางเอ้อหลางต้องกลั้นหายใจอีกทั้งหัวใจเต้นแรงนักกับกิริยาที่นางกระทำ“แล้วท่านเล่าชอบข้าหรือไม่”องค์หญิงสิบสามคล้ายจะนิ่งงันไปชั่วครู่ นิ้วเรียวของนางไต่ไล้ไปจนทั่วใบหน้าของเขาอย่างสำรวจ ไม่รู้ด้วยเหตุใดในยามนี้หยางเอ้อหลางถึงกับต้องกลั้นหายใจ และรู้สึกราวกับว่าเสียงหัวใจในร่างของตนเองดังแรงยิ่งทุกการกระทำของนางทำให้เขาเกิดความรู้สึกแปลกประหลาด ทั้งหวั่นไหวและอุ่นซ่านหวานล้ำเขารอคอยคำตอบอย่างใจเย็น แต่นางมิได้เอ่ยตอบ เขาจึงเอ่ยถามแผ่วเบากระซิบที่ริมใบหูของนาง“องค์หญิงว่าอย่างไร ท่านชอบข้าหรือไม่”องค์หญิงสิบสามจู่ ๆ พลันบังเกิดความรู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจคล้ายมีสัตว์ร้ายหลายขากำลังไต่ยั้วเยี้ย
แต่อย่างน้อย สำหรับองค์หญิงสิบสามหน้าตารูปร่างของเขาก็ยังสามารถดึงดูดนางได้บ้าง ส่วนเรื่องใจนั้นหยางเอ้อหลางคิดว่า คนสองคนหลังจากแต่งงานกันคงต้องทำความเข้าใจกันและเห็นความสำคัญของกันและกันในที่สุดความจริงหยางเอ้อหลางที่ตั้งใจมาเพียงดูนางห่างๆ บัดนี้กลับเลยเถิดมามาก เมื่อเขาถูกสตรีขี้เมาผู้นี้ก่อกวนหากเป็นยามที่มีแสงสว่างจ้าคงเห็นว่าร่างของเขาแดงก่ำไปทั้งร่างแล้ว เมื่อเห็นว่านางชอบลูบเขาอีกทั้งยังชอบกลิ่นของเขาจึงนอนแผ่หลาให้นางเชยชมได้ตามใจชอบ ทุกการสัมผัสของนางทำให้เขาแทบหยุดหายใจแม้ว่าตนเองจะไม่พยายามคิดมากแล้วก็ตามที อย่างไรเสียเขาก็มีเลือดเนื้อและอดที่จะยกมือลูบแผ่นหลังของนางเป็นการเอาคืนเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้องค์หญิงสิบสามลูบไล้ริมฝีปากเขาเบาๆ ริมฝีปากหยักโค้งนี้จะมีรสชาติเป็นเช่นไรนะ เพียงคิดเท่านั้นการกระทำของนางว่องไว นางก้มลงแล้วจุมพิตริมฝีปากเขาด้วยอาการทดลองชิม ก่อนจะใช้ลิ้นเลียริมฝีปากเขาเบาๆ หยางเอ้อหลางตกตะลึงจนตาค้างปล่อยให้นางย่ำยีริมฝีปากตนเองกระทั่งเขาอดไม่ได้ที่จะถามนางออกมา“องค์หญิงปากของข้าเป็นเช่นไรบ้าง ท่านชอบหรือไม่”องค์หญิงสิบสามไล้นิ้วบนริมฝีปากของเขาแผ
เขาโอบรอบร่างเล็กคลึงนิ้วเรียวที่หัวไหล่ของนางเบา ๆ ริมฝีปากขยับจุมพิตอ่อนโยนและเรียกร้องอยู่ในทีทำให้คนที่โดนจูบถึงกับไร้เรี่ยวแรงและเรียกร้องอย่างต้องการมากขึ้นหยางเอ้อหลางดูดริมฝีปากล่างของนางเบา ๆ ไต่เล็มเลาะไปตามกลีบปากนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระทั่งค่อย ๆ กดไต่ริมฝีปากลงมาตามลำคอค่อย ๆ กลืนกินนางอย่างช้า ๆ กระทำทุกอย่างเหมือนที่นางเพิ่งทำกับเขา“อื้อ ท่านแม่ทัพ ขะ ข้า”“องค์หญิงท่านช่างหอมหวานยิ่ง ท่านในอ้อมกอดของข้าช่างดียิ่งนัก”ในขณะที่ปากของเขาไต่กลับมาหาริมฝีปากของนางและบดจุมพิตที่ดุดันลงมาด้วยอารมณ์วาบหวามจนเกินที่จะห้ามใจตนเองได้อีกต่อไปแต่ทว่าองค์หญิงสิบสามผู้นี้ จู่ ๆ ก็ผลักอกของเขาออกอย่างแรงโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัวนางลุกขึ้นแล้วทุบเขาหลายครั้งคล้ายไม่อยากจะเล่นแล้วหยางเอ้อหลางตะลึงงัน นางสมควรเล่นกับเขาต่อ มิใช่ทำท่าเช่นนั้น หรือนางเบื่อเสียแล้ว“องค์หญิงท่านเป็นอันใด หรือว่าท่านโกรธข้าที่ล่วงเกิน”ในใจของหยางเอ้อหลางยามนี้กลับรู้สึกผิด นี่เขาลืมตนจนถึงขั้นนี้ได้อย่างไรเขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ ถึงนางจะเป็นคู่หมายที่จะแต่งพรุ่งนี้ เขาก็ไม่สมควรทำเช่นนี้ นางเป็นองค์หญิงสูงศัก
เมื่อพาองค์หญิงกลับเข้าตำหนักแล้ว เหล่ามามาและนางกำนัลต่างวิ่งวุ่นพานางลงอ่างเตรียมอาบน้ำชำระกายกันจ้าละหวั่น องค์หญิงสิบสามเพียงหลับตาอย่างสงบไร้การต่อต้าน นางนอนหลับอยู่ในอ่างอาบน้ำไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่มามาก็หาได้ปลุกนางปล่อยให้นางพักผ่อนอย่างเต็มที่องค์หญิงสิบสามนอนได้ราวสองชั่วยามก็ถูกมามาปลุกให้ตื่น นางยังปวดหัวอีกทั้งยังคงเมาค้าง เรื่องของนางและหยางเอ้อหลางที่ผ่านมาคล้ายความฝันอันเลือนลางเหมือนเป็นเรื่องที่นางฝันไปเองและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มามาผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาการเมาได้เตรียมน้ำแกงแก้เมาค้าง อีกทั้งยาต้มฟื้นฟูกำลังในนางเรียบร้อย หลังจากดื่มของพวกนั้นจนหมด องค์หญิงสิบสามจึงรู้สึกดีขึ้นปล่อยให้สตรีหลายคนรุมรอบกายตนจวบจนในที่สุดพวกเขาพลันยัดเยียดอาภรณ์สีแดงสดงดงามให้นางสวม มงกุฎหงส์อันหนักอึ้งถูกสวมไว้บนศีรษะ องค์หญิงสิบสามจึงรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งกายด้วยอาภรณ์หรูหราอีกทั้งเครื่องประดับที่อยู่บนศีรษะอันหนักอึ้งทำให้นางหน้าบึ้งและบ่นว่าอยู่หลายครั้ง แต่ครั้นมองสายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องมาที่นางใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจแล้วก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้พวกนางด้วยตนเองไม่ได้รู
มงกุฎหงส์งดงามถูกประดับบนศีรษะ ใบหน้าถูกแต่งแต้มงดงามราวกับเทพธิดา กำยานถูกจุดเต็มห้องกลบกลิ่นสุราไว้จนมิด เพียงแต่หากเข้ามาใกล้ลมหายใจของนางก็ยังมีกลิ่นสุราอยู่ดีนางกำนัลรวมทั้งแม่นมได้แต่ทอดถอนหายใจหากเจ้าบ่าวเอาเรื่อง คนในตำหนักเห็นจะไม่รอดปล่อยให้องค์หญิงออกไปดื่มจนเมามายได้อย่างไรได้แต่ภาวนาในใจว่าขอท่านแม่ทัพโปรดเมตตา ไม่ได้ตำหนิองค์หญิงที่ทำตนเหลวไหลก่อนเข้าหอเช่นนี้เมื่อได้กำหนดเวลาเกี้ยวเจ้าสาวมารับที่หน้าตำหนัก องค์หญิงสิบสามภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีแดงเดินตัวตรงออกมาก่อนจะถูกแม่สื่อประคองขึ้นเกี้ยว นางข่มกลั้นอาการอยากอาเจียนเอาไว้ อย่างไรเสียงานแต่งวันนี้ต้องไม่ขายหน้าด้วยถูกฝ่าบาทข่มขู่มา หากนางทำเสียเรื่องฝ่าบาทจะส่งพี่ใหญ่ของนางไปชายแดนและจะไม่ได้พบหน้ากันอีก ตัวประกันของเสด็จพ่อมากมายเช่นนี้มดปลวกตัวเล็กอย่างนางจะทำสิ่งใดได้ บางครั้งนางก็อดน้อยใจในเศษความรักที่พระบิดามอบให้ไม่ได้ ความจริงเกิดเป็นองค์หญิงใช่จะสบายยังดีอยู่บ้างที่เสด็จพ่อเห็นนางในสายตา พี่หญิงของนางหลายคนล้วนถูกละเลยด้วยถูกเสด็จพ่อลืมเลือน เป็นเพียงองค์หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งในวังเท่านั้น เมื่อคิดเช่นนี้หล
บัดนี้เป็นยามพลบค่ำท้องฟ้ามืดมิด ภายในห้องหอถูกประดับงดงามตามประเพณี องค์หญิงสิบสามในที่สุดก็ฟื้นแล้ว ทันทีที่ฟื้นขึ้นมานางกลับเรียกหาคนผู้หนึ่งทันใด"พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ ท่านอยู่ที่ใด พี่ใหญ่"องค์หญิงสิบสามรู้สึกสายตาพร่ามัวมองมองเห็นไม่ชัดแจ้งนัก นางจึงหลับตาอีกครั้งยกมือคลึงขมับตนเองลูบหน้าเบาๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นเต็มที่ในห้องสว่างไสวด้วยแสงเทียนเรืองรอง องค์หญิงสิบสามมองรอบกายแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเป็นสถานที่ไม่คุ้นเคย อีกทั้งหาได้มีพี่ใหญ่ของนางอยู่เคียงข้างดั่งเช่นทุกครั้ง"ท่านตื่นแล้วหรือ"เสียงคนผู้หนึ่งดังขึ้นพร้อมกับถือชามยาเข้ามาในห้องเขาเดินตรงเข้ามานั่งข้างกายนางเปิดฝาชามยาออก กลิ่นอวลของยาที่ฟุ้งขึ้นมาเพียงเห็นก็รู้ว่ารสชาติขมเพียงใด องค์หญิงสิบสามเห็นเขาเต็มตาจึงเอ่ยถามออกมาอย่างแปลกใจ"แม่ทัพหยางเหตุใดเป็นท่าน แล้วพี่ใหญ่ของข้าเล่า""ท่าทางองค์หญิงคงหัวฟาดพื้นจนลืมทุกสิ่งแล้ว" น้ำเสียงของเขาไม่หนักไม่เบานัก องค์หญิงสิบสามนิ่งไปชั่วครู่ นางขมวดคิ้วพลางมองใบหน้าของคนตรงข้าม ครั้นเห็นริมฝีปากที่มีรอยแตกเล็กๆของเขาพลันนึกออก นางยกมือปิดปากของตนทันใดฉับพลันเมื่อมือสัมผัสก
องค์หญิงสิบสามตอบเรื่อยเปื่อยในใจเมื่อหวนคิดเมื่อครั้นยังเยาว์ที่มีเพียงพี่ใหญ่คอยห่วงใย จวบจนทุกวันนี้ก็ยังมีเพียงเขาที่ดีกับนางที่สุด ย้อนคิดถึงภาพที่เขามองนางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว องค์หญิงสิบสามเห็นชัดเจนแม้เขาจะยืนอยู่ไกล เขากำลังร้องไห้ด้วยปวดใจเป็นแน่ พี่ใหญ่คงเหงาและโดดเดี่ยวอีกทั้งคงคิดว่าต่อไปนางไม่อาจเป็นเพื่อนเล่นให้พี่ใหญ่ได้แล้ว นางเพียงแต่ยิ้มให้เขาอย่างสดใสไม่นานหรอกที่นางกับหยางเอ้อหลางต้องหย่ากันในตอนนั้นหากพี่ใหญ่ยังไม่ออกเรือนนางจะอยู่เป็นเพื่อนพี่ใหญ่จวบจนวาระสุดท้ายในชีวิต แม้จะเป็นชีวิตที่แสนสั้นนางก็จะอยู่เคียงข้างเขาเหม่อลอยอยู่ชั่วครู่ นางพลันยิ้มน้อยๆออกมา แต่เมื่อสบตากับหยางเอ้อหลางจึงพบว่าคนผู้นี้ขมวดคิ้วมุ่น รอบกายเขาดูมืดคลึ้มราวกับกำลังมีพายุฝนตั้งเค้า คนผู้นี้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเมื่อสักครู่ยังดูห่วงใยนางเหตุใดเพียงชั่วพริบตาเดียวก็กลับมาทำท่าทางเย็นชาแปลกประหลาดอีกครั้ง หลินฮุ่ยหมินยักไหล่พลางคิดว่านางไม่อาจเดาทางคนผู้นี้ได้จริงๆ นางคงต้องศึกษาเขาให้มากขึ้นเพื่อหาทางหนีทีไล่แล้ว"ประเดี๋ยวข้าจะให้คนมาปรนนิบัติท่านล้างหน้าล้างตา กินอาหารเสียหน่อยจะได้มีแ
องค์หญิงสิบสามยกชามโจ๊กขึ้นซดเพียงพริบตาเดียวก็กินเกลี้ยงชาม รับน้ำจากอาชิงมาบ้วนปากก่อนจะถามออกมา"แล้วเรื่องคนร้ายเล่าผู้ใดต้องการทำร้ายข้า" "จับคนร้ายได้เพคะแต่คนทุกคนล้วนยอมพลีชีพ ท่านแม่ทัพบอกว่าคนพวกนี้พร้อมตายหากทำงานไม่สำเร็จจึงยังสืบไม่ได้เพคะ""อ่อนหัด" นางเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่งพร้อมคิดดูถูกหยางเอ้อหลางในใจแล้วถามต่อว่า "ข้าไม่เคยมีศัตรูที่ใด เหตุใดในวันแต่งงานจึงมีคนคิดลงมือแปลกอย่างยิ่งหรือว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับตำหนักธิดาเทพ""ท่านอ๋องก็คิดเช่นนั้นเพคะ ให้บ่าวทูลองค์หญิงว่าจะรีบสืบหาคนร้ายให้ได้เร็วที่สุดขอองค์หญิงอยู่ในจวนแม่ทัพอย่าได้คิดวุ่นวาย""เห๊อะ พี่ใหญ่อีกคนข้าวรยุทธ์ดีเพียงใดเป็นเขาที่รู้ หากมีข้าอีกคนช่วยสืบเรื่องย่อมกระจ่างเร็วขึ้นคิดจะกักขังข้าไว้ในจวนแม่ทัพหยางหรือ ไม่มีทางหรอก"นางขยับกายหวังเดินลมปราณพลันรู้สึกอ่อนล้าคล้ายคนไร้ซึ่งวรยุทธ์ อาชิงเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยตะกุกตะกักออกมา"เอ่อ ท่านแม่ทัพฝากทูลองค์หญิงว่า เขาให้ท่านเสวยยาสงบจิตช่วงนี้เพื่อเป็นการพักผ่อนร่างกายจึงไม่อาจใช้วรยุทธ์ได้สักสามสี่วันเพคะ""นี่พวกเขารวมหัวกันหรือ""น่าจะเป็นเช่นนั้นเพคะ""ดี ด
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล
หยางเอ้อหลางพลันอมยิ้ม เขาชอบที่นางชอบเขาที่สุด แม้จะเป็นสิ่งของเขาก็อดหึงหวงไม่ได้กล่าวจบพลันนางโน้มคอเขาลงมาจุมพิตดูดดื่ม เนื้อตัวของนางนุ่มนิ่ม แม้จะมีบุตรถึงสองคนแล้วร่างกายหาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นสตรีอื่น ที่ควรมีก็มีมากขึ้น อีกทั้งยังตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม นับวันเขายิ่งหลงใหลภรรยาจนทนแยกห่างจากนางนานๆ ไม่ได้ยามที่เขาห่างนางต้องไปทำงานต่างเมือง หลายครั้งที่มีสตรีมากมายพยายามปีนขึ้นเตียงส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ในใจหยางเอ้อหลางมองพวกนางเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าช่างดูน่ารำคาญ ในสายตาของเขามีเพียงภรรยาผู้เดียวที่สำคัญยิ่ง เขาไม่มีวันชายตาแลสตรีอื่นให้นางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาดองค์หญิงสิบสามเบียดกายเข้าหาเขา หยางเอ้อหลางใช้ผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกห่อร่างเขาและนางเข้าด้วยกัน พันกายหนาแน่นด้วยกลัวว่านางจะต้องลมเย็นจากด้านนอกจนเจ็บป่วย ร่างกายของเขาแข็งแรง อึกทั้งยังอบอุ่นองค์หญิงสิบสามชอบซุกในอกแข็งแกร่งยิ่งมือของนางซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงเขาแล้วลูบอาวุธเขาเล่นจนผงาดแข็งชัน หยางเอ้อหลางปล่อยให้นางซนเสมอ นางชอบทำอะไรเขาล้วนตามใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ เขายิ่งตามใจนางยิ่งกว่าเรื่องใด“ท่านพี่มันโตแล้ว”“
ผู้ช่วยหมอทำคลอดพลันเปิดประตูออกมา หยางเอ้อหลางไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปด้านในแม้คนจะทัดทานเขาก็ไม่สนใจแล้วเขาโผไปหาภรรยาที่เหนื่อยจนหมดสติไปแล้วอย่างว่องไว กุมมือนางไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว"หมินเออร์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง""องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ เพียงแต่เหนื่อยมากจึงหลับไป"หมอหญิงผู้เก่งกาจประจำจวนเอ่ยขึ้น หยางเอ้อหลางพยักหน้าแต่ไม่วางใจ เขาดึงภรรยามากอดไว้ สำรวจร่างที่ยังเปียกชื้นด้วยเหงื่อของนางปากก็พร่ำขอโทษภรรยาที่ทำให้นางเจ็บปวดด้วยสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง"ข้าจะไม่ให้ท่านท้องอีกแล้ว ขอสัญญา ข้าขอโทษ"ความเจ็บปวดของภรรยาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวยิ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นเช่นนี้อีกจวบจนแม่นมอุ้มก้อนแป้งอวบก้อนหนึ่งมาหาเขา หยางเอ้อหลางเห็นหน้าบุตรเป็นครั้งแรก พลันตื้นตันจวบจนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกรักและผูกพันท่วมท้นในอก บัดนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าบิดามารดารักเขาเพียงใด เขาค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงให้ท่านหมอดูแลเต็มที่ ส่วนตัวเองยื่นมือไปรับห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในอ้อมกอด"เป็นท่านชายเจ้าค่ะ" แม่นมเอ่ยด้วยความยินดี"ดีมาก ดีจริงๆ "หยางเอ้อหลางหัวเราะทั้งน้ำตาแล้ว ความตื้
กินเสร็จได้ไม่นาน องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกอยากอาบน้ำ"ท่านพี่นอกจากเขาจะเลือกกินแล้ว ยังรักสะอาดยิ่ง อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลับอยากอาบน้ำวันละหลายรอบ"หยางเอ้อหลางจึงสั่งอาชิงให้เตรียมน้ำอุ่น หลังจากนั้นเขากลับเป็นฝ่ายดูแลนางด้วยตนเอง ถอดอาภรณ์ให้นาง ค่อยๆ พานางลงอ่างอย่างระวัง ผิวขององค์หญิงสิบสามเปล่งประกายบอบบาง ส่วนข้อเท้าเนียนนุ่มเล็กๆ ของนาง ยิ่งไม่อาจรับร่างกายที่หนักอึ้งของครรภ์ได้ หยางเอ้อหลางจึงต้องระวังเป็นพิเศษอาบน้ำยังไม่ทันเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติยิ่ง มีเลือดไหลออกมาจากช่องทางลับของนาง ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดจะวิ่งจากท้องน้อยถึงไขสันหลัง นางจับข้อมือของหยางเอ้อหลางแน่นห่อปากด้วยความเจ็บปวด"ท่านพี่ ข้าเจ็บ"เพียงเห็นเลือดที่เริ่มไหลออกมาปนกับน้ำในอ่าง เทพสงครามเช่นหยางเอ้อหลางแทบเป็นลมหมดสติยิ่งเห็นนางเจ็บปวดยิ่งรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก ช่วงท้องบิดมวน ปากร้องตะโกนให้อาชิงที่รออยู่ด้านนอกรีบตามหมอตำแยที่เขานำมาเลี้ยงดูในจวนตั้งแต่เดือนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภรรยาหยางเอ้อหลางตั้งใจจะอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำ แต่กลับถูกองค์หญิงสิบสามทั้งข่วนทั้งตบตี