องค์หญิงสิบสามรู้สึกสงสารจึงเข้าไปพูดคุยและปลอบใจอยู่คอยเป็นเพื่อนเสมอทำให้นางไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไปในตำแหน่งฉางจ้ายนั้นเป็นตำแหน่งพระสนมระดับเล็กทำให้เฟินรั่วถูกมองข้ามจากฝ่าบาทนอกจากวันแรกที่เข้ามาถวายตัวและได้รับใช้เพียงครั้งเดียวหลังจากนั้นนางก็ไม่เคยได้เข้าเฝ้าอีก อีกทั้งฝ่าบาทก็ได้ลืมสตรีผู้นี้ไปอย่างรวดเร็วนางไม่ได้ต่างจากสนมระดับล่างผู้อื่นที่ฝ่าบาทหลับนอนกับพวกนางเพียงครั้งเดียวก็ลืมสตรีผู้นั้นไป สตรีในวังหลวงมีมากมาย หากไม่เข้มแข็งแล้วมักจะถูกกลั่นแกล้งและได้รับคำดูถูกจากสตรีด้วยกันเองอยู่ไม่น้อย องค์หญิงสิบสามเห็นนางเป็นเช่นนั้นก็สงสารมาก อาจเพราะตนเองก็เป็นองค์หญิงอีกผู้หนึ่งที่ถูกละเลยแต่ในฐานะองค์หญิงบ่าวไพร่ยังเกรงใจนางอยู่มาก แต่เฟินรั่วนั้นแม้จะเป็นพระสนมก็หาได้มีชาติกำเนิดสูงส่งเช่นองค์หญิงสิบสามจึงถูกรังแกได้ง่ายทั้งสองจึงสนิทกันอย่างรวดเร็วในฐานะแล้วทั้งคู่จะเป็นลูกเลี้ยงกับแม่เลี้ยงกันแต่พวกเขาเข้ากันได้เป็นอย่างดีจนสาบานเป็นเพื่อนรักกันต่อมาองค์หญิงสิบสามต้องการให้เฟินรั่วมีความสุขสุขสบายขึ้นจึงได้หลอกฝ่าบาทว่าตนเองป่วยหนักเพื่อจัดฉากให้เสด็จพ่อพบกับเ
จนวันครบกำหนดคลอดมาถึง โชคดีที่วันนั้นองค์หญิงสิบสามคำนวณไว้ได้อย่างถูกต้องนางและอาชิงจึงออกนอกวังมาด้วยการเตรียมความพร้อมทำคลอดด้วยตนเองเพราะเป็นเฟินรั่วเป็นนักโทษที่ถูกตามล่าองค์หญิงสิบสามจึงไม่สามารถเรียกท่านหมอได้นางจึงศึกษาวิธีการทำคลอดอย่างละเอียดและเตรียมความพร้อมมาตลอดเด็กที่องค์หญิงและอาชิงช่วยเหลือคลอดมาเป็นเด็กแฝดชายหญิงคู่หนึ่งองค์หญิงสิบสามดีใจยิ่ง แต่แม้จะทำคลอดเด็กได้ปลอดภัยตั้งแต่นั้นมาเฟินรั่วก็เจ็บออดๆ แอดๆ องค์หญิงสิบสามจำต้องจ่ายค่าหมอเป็นจำนวนมากเพื่อปิดปากให้หมอออกมารักษาเฟินรั่วอย่างลับ ๆการปกปิดตัวตนนักโทษผู้หนึ่งอีกทั้งปกปิดฐานะของเด็กแฝดไม่ใช่เรื่องง่ายเลยต้องใช้ทั้งกำลังกายและเงินเป็นจำนวนมาก องค์หญิงสิบสามจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหาเงินมาให้ได้มากที่สุดจวบจนระยะหลังองค์หญิงไม่สามารถออกนอกวังได้บ่อยแล้ว อีกทั้งตั้งแต่แต่งให้หยางเอ้อหลางนางถูกตามล่ามาตลอดในที่สุดนางก็ถูกสามีกักบริเวณ เพราะนางไม่อยากให้สามีรู้เรื่องและข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงได้ปิดบังเขาไว้อย่างสุดความสามารถ จะกระทำการใดก็ต้องคิดให้รอบคอบและระวังที่สุดคนที่นางไว้ใจได้จึงมีแต่อาชิงที่คอย
เสียงทหารยามเปลี่ยนเวรกันแล้ว ทหารถือคบเพลิงเข้ามานางกับอาชิงเพียงเงยหน้ามองก่อนจะก้มหน้าเช่นเดิม นางคิดถึงสามียิ่งกลัวว่าจะทำเขาเดือดร้อนหากเป็นเช่นนั้นนางจะทำอย่างไรดี สกุลหยางนับเป็นตระกูลมือสะอาดกลับต้องมาด่างพร้อยเพราะนางเช่นนี้นางจึงรู้สึกผิดและปวดใจนัก"หมินเออร์"เสียงทุ้มต่ำของคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างลำบาก หลินฮุ่ยหมินจึงเงยหน้าขึ้นในใจดีใจยิ่ง เห็นเขาอยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีดำใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดก็ยิ่งปวดใจ ท่านพี่ของนางยังคงงดงามเพียงแต่ใบหน้าหล่อเหลานั่นเหตุใดจึงดูทุกข์ระทมเช่นนี้"ท่าน...พี่"นางถลาไปหาเขาเพียงทหารไขกุญแจแล้วเปิดประตูให้ หยางเอ้อหลางมองภรรยาที่ดูผอมบางลงไปมากด้วยความเจ็บปวด เขาดึงนางเข้ามากอดด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ ในใจของหยางเอ้อหลางอยากปล้นคุกตั้งแต่วันแรกที่นางถูกจับตัวมาเขาทำได้แต่ขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทและขอเวลาเพื่อไขคดีนี้อย่างลับๆ คนของกรมยุติธรรมเป็นคนของฮองเฮาหลินฮุ่ยหมินย่อมไม่ได้รับความเป็นธรรมแน่ เขาไม่มีวันเชื่อว่าภรรยาจะทำเรื่องนี้โดยไร้ซึ่งเหตุผล หรือถึงจะไร้เหตุผลแต่เมื่อภรรยาถูกจับกุมแม้จะผิดเพียงใดเขาก็ยินดีปล้นคุกช่วยนางโดยไม่รู้สึกผิด
การที่นางช่วยเหลือบุตรของเฟินรั่วเอาไว้เท่ากับว่านางได้ช่วยองค์รัชทายาทเอาไว้จริงๆ องค์หญิงสิบสามจึงตกใจในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง นางจึงได้แต่เรียกหยางเอ้อหลางออกมาเบาๆ"ท่านพี่ข้าทำเรื่องใหญ่จริงๆ " การช่วยเหลือองค์ชายที่มีสิทธิ์รั้งตำแหน่งรัชทายาทนั้นนับเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ"เพราะแบบนี้ใช่หรือไม่ท่านถึงได้พยายามหาเงินมากขนาดนั้น"หยางเอ้อหลางเข้าใจอย่างชัดเจนแล้ว นางหาได้เห็นแก่เงินอย่างที่คนภายนอกเข้าใจ องค์หญิงสิบสามพยักหน้าพลางเอ่ยว่า"ใช่ ข้าต้องเลี้ยงดูน้องถึงสองคนอีกทั้งเฟินรั่วต้องใช้เงินมากในการรักษาตัว ตัวข้ามีนิมิตว่าจะตายทั้งที่อายุยังน้อยจึงต้องหาเงินไว้ให้พวกนางให้มากหลังจากข้าลาจากโลกนี้ไปจะได้ไม่ต้องกังวลใดๆ ไม่เคยคิดให้พวกเขาเข้าวังหวังเพียงพวกเขาได้ร่ำเรียนใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแต่คิดไม่ถึงว่าเฟินรั่วและข้ายังถูกไล่ล่าอีกจวบจนมีวันนี้""ท่านมีข้าแล้วไม่อนุญาตให้เอ่ยเรื่องความตายเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่"ดวงตาสีนิลของสามีแดงก่ำ ใจชาหนึบเพียงคิดว่าหากไม่มีนางเคียงข้างแล้วเขาจะเป็นเช่นไร เขาจึงไม่ชอบฟังที่นางเอ่ยถึงความตายนัก"ได้ ข้าไม่ตายแล้วเพราะมีท่านพี่ชะตาของข้าจึงเ
ภรรยาอยู่ในจวนแต่ถูกทหารหลวงจับกุมมาเช่นนี้เขาจึงรู้สึกผิดนักที่ไม่อาจปกป้องนางได้"คนของกรมยุติธรรมนำราชโองการจับกุมไป แม้แต่ท่านย่าก็ไม่อาจช่วยได้เป็นข้าที่ไม่ดีเองทำให้พวกท่านเดือดร้อนอยู่เรื่อย""อย่าโทษตนเอง ข้าดีใจยิ่งที่เกิดมาแล้วได้ปกป้องท่านเช่นนี้ เรื่องที่ท่านทำหาใช่เรื่องผิด สตรีที่กล้าหาญเอาชีวิตตนมาเสี่ยงเพื่อผดุงคุณธรรมเช่นนี้นอกจากฮูหยินของข้าแล้วคงหาได้ได้อีกในแผ่นดิน ข้าภูมิใจในตัวท่านยิ่ง"องค์หญิงสิบสามน้ำตาคลอซาบซึ้งใจยิ่ง นางกอดสามีแน่น นางเห็นเขาเช่นนี้ก็คิดว่าตนเองตายตาหลับแล้ว ไม่อยากให้เขาวุ่นวายอีกแต่ก็ไม่อาจเอ่ยคำพูดนี้ออกไปได้"หมินเออร์ท่านอย่าได้ไว้ใจผู้ใดอีก ในหมู่บ้านมีบุรุษผู้หนึ่งถูกซื้อตัวมาใส่ร้ายท่านเป็นหลักฐานเพิ่มเติมที่ผูกมัดให้ท่านดิ้นไม่หลุดอยู่ติดกับความผิดนี้""ท่านพี่แม้ข้าจะช่วยชีวิตนางแต่การกระทำคิดทุกอย่างข้าระมัดระวังยิ่ง ข้ามั่นใจว่าไม่มีผู้ใดเห็นใบหน้าข้าเป็นแน่""ท่านไม่ต้องห่วง ข้าไม่ยอมให้หลักฐานเท็จนั่นทำร้ายท่านเป็นอันขาด"ด้วยวรยุทธ์ของภรรยาหยางเอ้อหลางมั่นใจว่านางรวดเร็วเงียบเชียบจนปล้นนักโทษได้เช่นนั้น ย่อมไม่ทิ้งร่องรอยไว้แน
เมื่อข่าวดีมาถึงเช่นนี้ท่านย่าจึงจัดเตรียมตนเพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาท การเข้าเฝ้าครานี้สร้างความตกตะลึงให้กับฝ่าบาทเป็นอย่างมาก แต่เหตุผลของผู้เฒ่าสกุลหยางก็ไม่อาจทำให้พระองค์คัดค้านได้"หม่อมฉันควรรับผิดชอบเรื่องนี้ องค์หญิงเป็นสะใภ้หากสะใภ้ทำผิดผู้เป็นประมุขของบ้านก็มีความผิดด้วยเพคะ"ฝ่าบาททรงกุมขมับ องค์หญิงสิบสามแม้จะอยู่ในคุกแต่ก็ไม่ได้รับความลำบากอีกทั้งหยางเอ้อหลางยังจับตามองนางแทบไม่ละสายตาเช่นนั้นพระองค์ยังสั่งให้คนคอยดูแลพระธิดาอย่างลับๆ องค์หญิงสิบสามย่อมไม่เป็นอะไรเป็นแน่อีกทั้งพระองค์ยังมั่นใจว่าหยางเอ้อหลางต้องจับคนร้ายตัวจริงได้ในเร็ววันคืนความเป็นธรรมให้องค์หญิงสิบสาม แต่เพราะไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรกับสตรีชราผู้ที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าในท้องพระโรงจึงได้แต่รับสั่งให้คุมขังสตรีชราจนกว่าจะสำนึกตนได้ตามที่นางร้องขอ"ขอบพระทัยเพคะ"หยางเอ้อหลางทราบเรื่องถึงกับอ้าปากค้าง ท่านย่าของเขาเข้าเฝ้าฝ่าบาทต่อนางขุนนางทั้งหมดขอเข้าไปสำนึกตนในคุกเพื่อสำนึกผิดในเรื่องนี้กับองค์หญิงสิบสามจนกว่าจะมีราชโองการให้ออกจากคุกได้ เพราะท่านย่าแก่มากแล้วการเข้าไปอยู่ในที่อับชื้นเช่นนั้นไม่ส่งผลดีต่อสุขภ
องค์หญิงสิบสามเบื่อแล้ว ระยะนี้นางง่วงนอนบ่อยๆ อ้าปากหาวไม่สนใจผู้ใดอีกอาชิงห่มผ้าให้นางก่อนจะจุดกำยานในกระถางเล็กขับไล่กลิ่นเหม็นอับ เสร็จแล้วอาชิงคล้ายจะมองไม่เห็นองค์หญิงใหญ่เช่นกันนางนอนฟุบอยู่ด้านข้างองค์หญิงสิบสามกอดเตาอุ่นแล้วหลับตาลง ที่นี่แม้จะอับชื้นก็ไม่ได้ลำบากอันใดองค์หญิงสิบสามและนางจึงนอนหลับได้โดยง่ายองค์หญิงใหญ่กำมือแน่น ตั้งใจมาเยาะเย้ยถากถางคนแต่องค์หญิงสิบสามกลับอ้าปากหาว ทำท่าราวกับนางเป็นฝุ่นที่ไร้ค่าไม่คู่ควรจะสนทนาด้วยเช่นนี้สร้างความหงุดหงิดใจให้แก่นางเป็นอันมาก"ดี ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างทรมานคอยดูเถิด" ทหารผู้หนึ่งเข้ามากระซิบแจ้งข่าวกับองค์หญิงใหญ่เบาๆ ใบหน้างดงามพลันเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว นางกัดฟันกล่าวด้วยความโกรธแค้น"เจ้าว่านางตั้งครรภ์หรือ""พ่ะย่ะค่ะ"องค์หญิงใหญ่ปรายตามององค์หญิงสิบสามความแค้นเพิ่มเป็นทวีคูณคิดชิงชังเด็กในท้องขององค์หญิงสิบสามเข้ากระดูกดำ ในใจคิดหาวิธีทรมานสตรีผู้นั้นให้หนัก ให้นางแท้งลูกตายไปเลยยิ่งดี องค์หญิงใหญ่คิดว่าตนต้องรีบจัดการแล้ว จึงก้าวขาออกจากคุกหลวงอย่างว่องไวอีกทั้งหาได้กลับตำหนักตนเองแต่อย่างใด ในเวลาเช่นนี้ใจของนางร
องค์หญิงใหญ่มีโทสะถึงขั้นสังหารสตรีหน้าโง่ผู้นั้นด้วยดาบเดียว หากเรื่องที่คนในตำหนักของนางกินยาสลายครรภ์เข้าไปล่วงรู้ถึงคนอื่นย่อมไม่เป็นผลดีแน่ แทนที่จะเรียกท่านหมอมาช่วยคนองค์หญิงใหญ่กลับเลือกวิธีสังหารคนเสีย"คอยดูเถิด ฮูหยินเฒ่านั่นไปเมื่อไหร่ข้าจะจัดการเจ้าทันที ข้าจะคอยดูว่านางจะคุ้มครองเจ้าได้นานเพียงใดกัน"วันต่อมาภายในคุกหลวงหยางเอ้อหลางมาเยี่ยมภรรยาและท่านย่า เห็นใบหน้าของนางดีขึ้นภายในคุกยังเงียบสงบ ท่านย่าสอนองค์หญิงสิบสามทำสมาธิในขณะที่ท่านย่าหลับตานิ่งในมือถือลูกประคำทั้งยังขยับนิ้วนับประคำนั่นช้าๆเพื่อลิ้มรสพระธรรมภายในจิตใจ ภรรยาของเขาที่นั่งสงบนิ่งนั้นกำลังนั่งตัวอ่อนร่างกายโอนเอนไปมา ศีรษะผงกครั้งแล้วครั้งเล่าดูน่าเอ็นดูและน่าสงสารยิ่งหยางเอ้อหลางเห็นว่าภรรยากำลังจะเอนลงด้านข้างจึงรีบสั่งให้ทหารเปิดประตูคุกแล้วกระโดดเข้ามารับร่างนางไว้ เขานั่งเรียบร้อยพร้อมประคองให้นางนอนพิงอกของเขาหลินฮุ่ยหมินได้กลิ่นหอมของสามีนางยิ้มน้อยๆ ทั้งที่ไม่ลืมตาเพียงแต่กอดแขนของเขาเอาไว้ ท่านหมอมาตรวจอาการของนางโดยละเอียดแล้วหลังจากวันนั้น พบว่าองค์หญิงสิบสามตั้งครรภ์จริงๆ ทำให้หยางเอ้
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล
หยางเอ้อหลางพลันอมยิ้ม เขาชอบที่นางชอบเขาที่สุด แม้จะเป็นสิ่งของเขาก็อดหึงหวงไม่ได้กล่าวจบพลันนางโน้มคอเขาลงมาจุมพิตดูดดื่ม เนื้อตัวของนางนุ่มนิ่ม แม้จะมีบุตรถึงสองคนแล้วร่างกายหาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นสตรีอื่น ที่ควรมีก็มีมากขึ้น อีกทั้งยังตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม นับวันเขายิ่งหลงใหลภรรยาจนทนแยกห่างจากนางนานๆ ไม่ได้ยามที่เขาห่างนางต้องไปทำงานต่างเมือง หลายครั้งที่มีสตรีมากมายพยายามปีนขึ้นเตียงส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ในใจหยางเอ้อหลางมองพวกนางเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าช่างดูน่ารำคาญ ในสายตาของเขามีเพียงภรรยาผู้เดียวที่สำคัญยิ่ง เขาไม่มีวันชายตาแลสตรีอื่นให้นางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาดองค์หญิงสิบสามเบียดกายเข้าหาเขา หยางเอ้อหลางใช้ผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกห่อร่างเขาและนางเข้าด้วยกัน พันกายหนาแน่นด้วยกลัวว่านางจะต้องลมเย็นจากด้านนอกจนเจ็บป่วย ร่างกายของเขาแข็งแรง อึกทั้งยังอบอุ่นองค์หญิงสิบสามชอบซุกในอกแข็งแกร่งยิ่งมือของนางซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงเขาแล้วลูบอาวุธเขาเล่นจนผงาดแข็งชัน หยางเอ้อหลางปล่อยให้นางซนเสมอ นางชอบทำอะไรเขาล้วนตามใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ เขายิ่งตามใจนางยิ่งกว่าเรื่องใด“ท่านพี่มันโตแล้ว”“
ผู้ช่วยหมอทำคลอดพลันเปิดประตูออกมา หยางเอ้อหลางไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปด้านในแม้คนจะทัดทานเขาก็ไม่สนใจแล้วเขาโผไปหาภรรยาที่เหนื่อยจนหมดสติไปแล้วอย่างว่องไว กุมมือนางไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว"หมินเออร์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง""องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ เพียงแต่เหนื่อยมากจึงหลับไป"หมอหญิงผู้เก่งกาจประจำจวนเอ่ยขึ้น หยางเอ้อหลางพยักหน้าแต่ไม่วางใจ เขาดึงภรรยามากอดไว้ สำรวจร่างที่ยังเปียกชื้นด้วยเหงื่อของนางปากก็พร่ำขอโทษภรรยาที่ทำให้นางเจ็บปวดด้วยสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง"ข้าจะไม่ให้ท่านท้องอีกแล้ว ขอสัญญา ข้าขอโทษ"ความเจ็บปวดของภรรยาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวยิ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นเช่นนี้อีกจวบจนแม่นมอุ้มก้อนแป้งอวบก้อนหนึ่งมาหาเขา หยางเอ้อหลางเห็นหน้าบุตรเป็นครั้งแรก พลันตื้นตันจวบจนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกรักและผูกพันท่วมท้นในอก บัดนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าบิดามารดารักเขาเพียงใด เขาค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงให้ท่านหมอดูแลเต็มที่ ส่วนตัวเองยื่นมือไปรับห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในอ้อมกอด"เป็นท่านชายเจ้าค่ะ" แม่นมเอ่ยด้วยความยินดี"ดีมาก ดีจริงๆ "หยางเอ้อหลางหัวเราะทั้งน้ำตาแล้ว ความตื้
กินเสร็จได้ไม่นาน องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกอยากอาบน้ำ"ท่านพี่นอกจากเขาจะเลือกกินแล้ว ยังรักสะอาดยิ่ง อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลับอยากอาบน้ำวันละหลายรอบ"หยางเอ้อหลางจึงสั่งอาชิงให้เตรียมน้ำอุ่น หลังจากนั้นเขากลับเป็นฝ่ายดูแลนางด้วยตนเอง ถอดอาภรณ์ให้นาง ค่อยๆ พานางลงอ่างอย่างระวัง ผิวขององค์หญิงสิบสามเปล่งประกายบอบบาง ส่วนข้อเท้าเนียนนุ่มเล็กๆ ของนาง ยิ่งไม่อาจรับร่างกายที่หนักอึ้งของครรภ์ได้ หยางเอ้อหลางจึงต้องระวังเป็นพิเศษอาบน้ำยังไม่ทันเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติยิ่ง มีเลือดไหลออกมาจากช่องทางลับของนาง ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดจะวิ่งจากท้องน้อยถึงไขสันหลัง นางจับข้อมือของหยางเอ้อหลางแน่นห่อปากด้วยความเจ็บปวด"ท่านพี่ ข้าเจ็บ"เพียงเห็นเลือดที่เริ่มไหลออกมาปนกับน้ำในอ่าง เทพสงครามเช่นหยางเอ้อหลางแทบเป็นลมหมดสติยิ่งเห็นนางเจ็บปวดยิ่งรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก ช่วงท้องบิดมวน ปากร้องตะโกนให้อาชิงที่รออยู่ด้านนอกรีบตามหมอตำแยที่เขานำมาเลี้ยงดูในจวนตั้งแต่เดือนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภรรยาหยางเอ้อหลางตั้งใจจะอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำ แต่กลับถูกองค์หญิงสิบสามทั้งข่วนทั้งตบตี