องครักษ์ฝานยินดียิ่งเขากระชับมือของนางแน่นแล้วหันไปหาสตรีที่นั่งเฝ้าที่เก้าอี้ด้านข้าง เพียงอาชิงฟื้นท่านหมอที่ผลัดเวรกันดูแลก็เข้ามาตรวจร่างกายของนางทันที"แม่นางรู้สึกเช่นไรบ้าง" ท่านหมอหญิงถามอาการพลางตรวจดูบาดแผล"องค์หญิงเล่า องค์หญิงอยู่ที่ใด"อาชิงไม่ห่วงตนเองก่อนที่นางจะสิ้นสตินางเห็นว่าธิดาเทพผู้นั้นกำลังแทงองค์หญิง ใจของนางสั่นอย่างรุนแรงดวงตาแดงก่ำเมื่อสติรับรู้เรื่องในคืนนั้นอย่างชัดแจ้ง"องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าไม่ต้องห่วงแล้วรักษาตัวให้ดีก่อนเถิด แล้วข้าจะพาไปพบนาง"องครักษ์ฝานเอ่ยขึ้น เพียงแค่เห็นดวงตาของนางแดงก่ำคลอด้วยหยาดน้ำตา ใจของเขาก็ปวดร้าวแล้วบัดนี้เขาเข้าใจหยางเอ้อหลางเป็นอย่างดีเหตุใดจึงได้ห่วงองค์หญิงสิบสามยิ่งกว่าชีวิตเช่นนั้นแต่ก่อนเคยมองว่าท่านแม่ทัพนั้นโง่เง่าในเรื่องชายหญิงครั้นมาประสบกับตนเองก็ได้แต่หัวเราะแล้วกลืนคำพูดเหล่านั้นลงคอ เขาก็เป็นคนโง่เช่นกันหลังจากตรวจร่างกายของนางเสร็จอีกทั้งปลอบโยนอยู่นาน อาชิงก็สงบลงนางอยากไปพบองค์หญิงเหลือเกินคำพูดขององครักษ์ฝานทั้งหมดที่บอกเล่าเหตุการณ์ อีกทั้งตอนนี้องค์หญิงก็ปลอดภัยแล้วนางย่อมเชื่อแต่การที่ได้เห็นองค
อ๋องฉางอันนั่งลงข้างเตียงอุ่น น้องสาวของเขาไม่มีอาการนอนสะดุ้งเพราะพิษบาดแผลแล้วเขาลูบใบหน้าของนางแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น"พี่ใหญ่ต้องกลับชายแดนแล้ว สิบสามรีบฟื้นขึ้นมานะหากฟื้นแล้วก็ให้เชื่อฟังสามีอย่าดื้ออย่าซนเช่นนั้นชีวิตของเจ้าย่อมปลอดภัยและมีความสุข"องค์หญิงสิบสามส่งเสียงอืมออกมาเบาๆ อ๋องฉางอันยิ้มพร้อมกับลูบศีรษะนางแผ่วเบาก่อนจะหันมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังกับหยางเอ้อหลาง"น้องเขยข้าฝากนางด้วย"หยางเอ้อหลางรับคำ"พี่ใหญ่อย่าได้เป็นกังวลข้าไม่ปล่อยให้นางลำบากแน่""เช่นนี้ข้าก็วางใจแล้ว" อ๋องฉางอันกล่าวพลางยืนขึ้นหยางเอ้อหลางยืนขึ้นแล้วยกมือประสานคารวะอ๋องฉางอัน อ๋องฉางอันประสานมือคารวะตอบอย่างคนที่อยู่ในตำแหน่งระดับเดียวกัน"พี่ใหญ่เดินทางปลอดภัย"อ๋องฉางอันพยักหน้าก่อนหมุนร่างสูงสง่าก้าวออกจากห้องพร้อมกับความรู้สึกว่าตนเองบัดนี้รู้สึกคล้ายเป็นบิดาขององค์หญิงสิบสามจริงๆ แล้วองครักษ์ของเขาเข้ามาทำความเคารพแล้วเอ่ยขึ้น"ท่านอ๋องเตรียมม้าพร้อมแล้วขอรับ""อืม ออกเดินทางได้" อ๋องฉางอันหันหลังมองไปยังเรือนนอนขององค์หญิงสิบสามพร้อมกับตัดใจก้าวเท้ายาวไปยังทิศที่องครักษ์นำ
สาวใช้นำเตาอุ่นมาให้อาชิงถือ นางจึงอุ้มเอาไว้ในขณะที่องครักษ์ฝานวางเสื้อคลุมบนร่างของนางองค์หญิงสิบสามเห็นบุรุษผู้นั้นเอาใจใส่อาชิงเช่นนั้นใบหน้าพลันเจ้าเล่ห์ สนทนาทักทายกับอาชิงหลายประโยคพลันหันไปหาองครักษ์ฝานแล้วเอ่ยขึ้น"เจ้าจะแต่งอาชิงหรือไม่"องครักษ์ฝานพร้อมกับอาชิงสำลักน้ำลายแล้วไอออกมาพร้อมกัน หยางเอ้อหลางส่ายหน้าเพียงภรรยาฟื้นขึ้นมาก็เริ่มสร้างความอึดอัดให้ผู้อื่นแล้ว"สิบสามใช่เวลาเอ่ยถึงหรือ" เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงบางเบา ลูบศีรษะภรรยาด้วยความเอ็นดู"ท่านพี่ข้าผ่านความเป็นความตายมาแล้ว ในตอนนั้นคิดเพียงอยากเห็นอาชิงเป็นฝั่งเป็นฝาตอนนี้ฟื้นขึ้นมาแล้วจึงต้องรีบจัดการบัดนี้ข้าไม่อาจทำนายอนาคตได้แล้วจึงต้องรอบคอบให้มาก"หยางเอ้อหลางพยักหน้าเข้าใจ บัดนี้ไม่ว่าภรรยาจะทำสิ่งใดหากไม่เกินเลยขอบเขตหรือจะเกินเลยไปบ้างแต่ไม่ผิดหลักคุณธรรมเขาล้วนยินยอม นางอยากตีคนเขาจะให้ตี นางอยากจับผู้ใดแต่งงานเขาจะสนับสนุนเต็มที่ "องค์หญิง"อาชิงก้มหน้าแล้ว นางไอจนเจ็บหลังจนองครักษ์ฝานต้องรีบเข้ามาลูบหลังให้"หากองค์หญิงไม่ขัดข้องข้าน้อย"กล่าวจบองครักษ์ฝานพลันคุกเข่าประสานมือเข้าด้วยกัน“ดีมาก เ
หยางเอ้อหลางรู้ดีว่าฝ่าบาทห่วงองค์หญิงสิบสามเพียงใด แต่เรื่องบางเรื่องเขาก็ยังคงปิดบังพระองค์อยู่ เพียงบอกว่านางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากความชุลมุนในเหตุการณ์พระจันทร์ดับไม่ได้ทูลเรื่องจริงที่นางถูกแทงจนบาดเจ็บสาหัส หลังจากสนทนากับพระองค์อีกหลายประโยคจึงกราบทูลลาหลังก้าวออกจากตำหนักจงเหอ คนของหยางเอ้อหลางเข้ามาส่งข่าวสำคัญแก่เขา หยางเอ้อหลางเมื่อได้ยินดวงตาพลันเบิกกว้าง เร่งรุดไปยังที่พักม้าแล้วตะบึงกลับจวนอย่างว่องไวทหารในวังหลวงต่างมองหน้ากันอีกทั้งปากยังร้องห้ามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ด้วยเขตพระราชฐานชั้นในนั้นทำได้เพียงแต่การจูงม้าผ่าน ห้ามขี่ม้าจนกว่าจะออกมาสู่เขตพระราชฐานชั้นนอกแต่คนที่ควบม้าผ่านไปตำแหน่งหนึ่งคือราชบุตรเขยอีกตำแหน่งคือแม่ทัพใหญ่ของแผ่นดิน เช่นนั้นพวกเขาจึงได้แต่ทำเป็นหลับตาข้างหนึ่งด้วยคิดว่าหากเอาผิดคนผู้นั้นสุดท้ายผู้ที่เดือดร้อนจะกลายเป็นตนเองหยางเอ้อหลางกำเชือกบังเหียนแน่น เหงื่อเปียกชื้นเต็มหลังเพราะความหวาดวิตก เขาควบม้าอย่างรวดเร็วจวบจนถึงจวนสกุลหยางเมื่อมาถึงเขาแทบจึงโผทะยานเข้าไปในจวน จวบจนเร่งไปถึงลานกว้างหลังจวนที่เขาใช้เป็นที่ประลองวรยุทธ์อีกทั้งฝึก
หยางเอ้อหลางกระทุ้งที่ข้างกายเจ้าม้าเสี่ยวผิง มันร้องฮี่ออกมาคำหนึ่งแล้วเดินอย่างช้าๆ ด้วยอาการว่าง่ายยิ่งนักองค์หญิงสิบสามตาโตตกตะลึงกล่าวกับม้าพลางกัดฟันด้วยความโมโห นางพยายามมาตั้งนานกลับไร้ผล หยางเอ้อหลางเอ่ยคำเดียวมันกับก้าวขาโดยไม่รั้งรอแม้แต่น้อย "ชิชะ เจ้าเสี่ยวผิงเสียแรงที่ข้าเลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่เล็กไม่คิดว่าจะทรยศข้าได้เพียงนี้ ท่านพี่บอกมาว่าตอนที่ข้าไม่สบายท่านติดสินบนมันใช่หรือไม่ เสี่ยวผิงมันฉลาดนักรู้จักรับสินบนผู้อื่นด้วย""ข้าหาได้ทำเช่นนั้น" หยางเอ้อหลางไม่ยอมรับคำกล่าวหา"แล้วเพราะเหตุใดมันจึงเชื่อฟังท่านเล่า"นางเงยหน้ามองสามีดวงตาใสกระจ่างดุจหยกงามทำให้หยางเอ้อหลางพลันใจสั่น เขาก้มลงจุมพิตที่หน้าผากขาวผ่องเบาๆ อย่างห้ามใจไม่ได้แล้วเอ่ยขึ้น"ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะเล่าให้ฟัง ท่านอยากฟังหรือไม่"หยางเอ้อหลางก้มลงกระซิบข้างหูภรรยาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน"เกี่ยวกับเสี่ยวผิงหรือ" "ใช่""แล้วเรื่องที่ท่านจะเล่าสนุกหรือไม่"องค์หญิงสิบสามหดคอหนีเขารู้สึกจั๊กจี้ที่บริเวณลำคอด้วยบัดนี้สามีใช้จมูกคลอเคลียอีกทั้งเวลาเขาเอ่ยคำยังเป่าลมร้อนๆมาที่ลำคอของนางอีกด้วย อาการเช่นนี้ทำใ
"ในตอนเด็กข้ามีม้าขาวอยู่ตัวหนึ่ง ตอนนั้นเป็นท่านพ่อที่ตั้งใจนำมันมาเป็นของขวัญวันเกิด ข้าทั้งรักและชอบมันยิ่ง เฝ้าฝึกฝนมันแทบตายกว่ามันจะเชื่องและเชื่อฟัง จวบจนวันหนึ่งฝ่าบาททรงทราบว่าในจวนสกุลหยางมีม้าขาวเชื่องอยู่ตัวหนึ่ง พระองค์ทรงต้องการนำม้าเชื่องตัวนี้ไปให้พระธิดาในวันเกิด ทรงบอกว่าพระธิดาผู้นี้ร้ายกาจมากหากไม่ได้ม้าคงแอบออกนอกวังอยู่เรื่อย หวังให้นางเลี้ยงม้าอย่างสงบอยู่ในวังไม่แอบออกไปไหนอีก ท่านพ่อถามความเห็นข้าว่าจะยอมสละมันหรือไม่ ข้าในตอนนั้นไม่อาจตัดใจได้จึงบอกปฏิเสธไป โชคดีที่ฝ่าบาททรงไม่บังคับ ต่อมามีงานเลี้ยงในวัง ข้าบังเอิญได้พบหน้าขององค์หญิงน้อยผู้นั้น แม้ไม่รู้ว่าเป็นองค์หญิงน้อยอันดับที่เท่าใดก็สนใจยิ่งนางดูแตกต่างน่ารักและดื้อรั้นจากองค์หญิงผู้อื่น อีกทั้งดวงตากระจ่างใสคู่นั้นที่มองมายังข้างดงามยิ่ง ท่านพ่อบอกข้าว่าฝ่าบาทยังคงหาม้าขาวสง่างามที่เชื่องๆให้นางไม่ได้ ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใดในที่สุดข้าจึงใจอ่อนเกิดความสงสารเลยยินยอมยกม้าตัวนี้ให้นางไป เจ้าคิดว่าข้ายกให้ใครไปเล่า และไม่คิดหรือว่าเหตุใดเสี่ยวผิงของเจ้าจึงเชื่อฟังข้านัก"หยางเอ้อหลางเล่าด้วยความสุขใจ ระหว
หลินฮุ่ยหมินสำรวจร่างกายสามีอย่างละเอียดดูว่าเขาไม่มีส่วนใดที่หลุดหาย อีกทั้งบาดเจ็บกลับมาหรือไม่เมื่อเห็นว่าสามีมีสภาพที่สมบูรณ์ ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เรียบร้อยปอยผมหล่นลงมาระที่ข้างแก้ม เพิ่มความงดงามอีกทั้งใบหน้าที่สงบนิ่งของเขานั้นดูห้าวหาญหล่อเหลาองอาจยิ่งหยางเอ้อหลางสวมอาภรณ์สีดำทั้งตัวคิ้วขมวดมุ่นคิดจะเอ่ยปากตำหนิภรรยาที่วิ่งมาทั้งที่ข้อเท้าตนเองไม่ดีนักหลังจากนางได้รับบาดเจ็บเมื่อบริเวณเท้ากระทบกับความหนาวเมื่อใดจะทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดจนถึงกระดูก เพราะแบบนี้เขาจึงสั่งทำรองเท้าหุ้มแข้งชนิดพิเศษ ด้านในบุด้วยขนแกะอ่อนนุ่มอีกทั้งหนังที่เอามาทำรองเท้ายังเป็นหนังชั้นดีราคาแพงที่เขาให้คนไปเสาะหามาอย่างยากลำบากเพื่อป้องกันความเหน็บหนาวให้กับข้อเท้าของภรรยา "ท่านพี่กลับมาแล้วเป็นอย่างไรบ้างไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่"หยางเอ้อหลางไม่ตอบภรรยาเขาเพียงรั้งเอวนางเข้าหาแล้วกอดแน่นๆ อย่างรวดเร็วเพราะตนเองร่างกายสกปรกไม่อยากให้นางได้รับกลิ่นเลือดเดิมทีแค่คิดจะจับมือนางแต่เห็นใบหน้าเล็กงดงามที่มองเขาอย่างห่วงใยแล้วก็อดไม่ได้เขาดันร่างของนางออกแต่หลินฮุ่ยหมินหาได้สนใจว่าสามีจะสกปรกเพียงใด กายข
หยางเอ้อหลางก้มลงมาใช้หน้าผากชนเข้าที่หน้าผากของนาง ในใจก่อเกิดความอ่อนหวานและอบอุ่นได้ยินภรรยาบอกว่าคิดถึงตนเองจนไม่อาจกินข้าวได้ ก็มีความรู้สึกหวานปนขมไต่ขึ้นมาในลำคอ"ท่านต้องดูแลตัวเองให้ดีแม้จะคิดถึงก็ต้องกินข้าว อย่างไรเสียข้าต้องรีบกลับมาหาท่านอยู่แล้วแต่ถ้าเกิดเจ็บป่วยอีกข้าจะทนได้อย่างไร""อื้ม เข้าใจแล้ว" นางพยักหน้าจุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปากของสามีหยางเอ้อหลางยิ้มก่อนจะเดินตรงไปยังเรือนพักของเขาที่บัดนี้ได้ย้ายข้าวของส่วนตัวขององค์หญิงมาเรียบร้อยแล้วบ่าวไพร่ที่อยู่บริเวณนั้นล้วนชินแล้วที่ท่านแม่ทัพกับองค์หญิงมักจะแสดงความรักต่อกันอย่างเปิดเผย แม้ใจช่วงแรกจะเป็นเพียงองค์หญิงผู้เดียวที่เป็นฝ่ายรุกแต่เมื่อนางทำบ่อยๆ เข้า ท่านแม่ทัพก็เหมือนจะเคยชินจนเผลอแสดงความรักโดยไม่สนใจผู้ใดอีก ยิ่งหลังองค์หญิงบาดเจ็บดูเหมือนว่าท่านแม่ทัพไม่สนใจสายตาผู้คนอีกต่อไป เขามักอุ้มองค์หญิงสิบสามอยู่เป็นประจำถึงองค์หญิงจะหายแล้วเขาก็ยังปฏิบัติไม่เปลี่ยน อีกทั้งระยะหลังองค์หญิงไม่อาจเดินนานๆ ได้เหมือนเดิมเพราะมักจะมีอาการปวดขาเป็นประจำ จนตอนนี้นางคล้ายจะเป็นคนขี้เกียจเดินไปเสียแล้วท่านแม่ทัพก็ไม่ลั
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล
หยางเอ้อหลางพลันอมยิ้ม เขาชอบที่นางชอบเขาที่สุด แม้จะเป็นสิ่งของเขาก็อดหึงหวงไม่ได้กล่าวจบพลันนางโน้มคอเขาลงมาจุมพิตดูดดื่ม เนื้อตัวของนางนุ่มนิ่ม แม้จะมีบุตรถึงสองคนแล้วร่างกายหาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นสตรีอื่น ที่ควรมีก็มีมากขึ้น อีกทั้งยังตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม นับวันเขายิ่งหลงใหลภรรยาจนทนแยกห่างจากนางนานๆ ไม่ได้ยามที่เขาห่างนางต้องไปทำงานต่างเมือง หลายครั้งที่มีสตรีมากมายพยายามปีนขึ้นเตียงส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ในใจหยางเอ้อหลางมองพวกนางเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าช่างดูน่ารำคาญ ในสายตาของเขามีเพียงภรรยาผู้เดียวที่สำคัญยิ่ง เขาไม่มีวันชายตาแลสตรีอื่นให้นางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาดองค์หญิงสิบสามเบียดกายเข้าหาเขา หยางเอ้อหลางใช้ผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกห่อร่างเขาและนางเข้าด้วยกัน พันกายหนาแน่นด้วยกลัวว่านางจะต้องลมเย็นจากด้านนอกจนเจ็บป่วย ร่างกายของเขาแข็งแรง อึกทั้งยังอบอุ่นองค์หญิงสิบสามชอบซุกในอกแข็งแกร่งยิ่งมือของนางซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงเขาแล้วลูบอาวุธเขาเล่นจนผงาดแข็งชัน หยางเอ้อหลางปล่อยให้นางซนเสมอ นางชอบทำอะไรเขาล้วนตามใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ เขายิ่งตามใจนางยิ่งกว่าเรื่องใด“ท่านพี่มันโตแล้ว”“
ผู้ช่วยหมอทำคลอดพลันเปิดประตูออกมา หยางเอ้อหลางไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปด้านในแม้คนจะทัดทานเขาก็ไม่สนใจแล้วเขาโผไปหาภรรยาที่เหนื่อยจนหมดสติไปแล้วอย่างว่องไว กุมมือนางไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว"หมินเออร์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง""องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ เพียงแต่เหนื่อยมากจึงหลับไป"หมอหญิงผู้เก่งกาจประจำจวนเอ่ยขึ้น หยางเอ้อหลางพยักหน้าแต่ไม่วางใจ เขาดึงภรรยามากอดไว้ สำรวจร่างที่ยังเปียกชื้นด้วยเหงื่อของนางปากก็พร่ำขอโทษภรรยาที่ทำให้นางเจ็บปวดด้วยสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง"ข้าจะไม่ให้ท่านท้องอีกแล้ว ขอสัญญา ข้าขอโทษ"ความเจ็บปวดของภรรยาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวยิ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นเช่นนี้อีกจวบจนแม่นมอุ้มก้อนแป้งอวบก้อนหนึ่งมาหาเขา หยางเอ้อหลางเห็นหน้าบุตรเป็นครั้งแรก พลันตื้นตันจวบจนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกรักและผูกพันท่วมท้นในอก บัดนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าบิดามารดารักเขาเพียงใด เขาค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงให้ท่านหมอดูแลเต็มที่ ส่วนตัวเองยื่นมือไปรับห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในอ้อมกอด"เป็นท่านชายเจ้าค่ะ" แม่นมเอ่ยด้วยความยินดี"ดีมาก ดีจริงๆ "หยางเอ้อหลางหัวเราะทั้งน้ำตาแล้ว ความตื้
กินเสร็จได้ไม่นาน องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกอยากอาบน้ำ"ท่านพี่นอกจากเขาจะเลือกกินแล้ว ยังรักสะอาดยิ่ง อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลับอยากอาบน้ำวันละหลายรอบ"หยางเอ้อหลางจึงสั่งอาชิงให้เตรียมน้ำอุ่น หลังจากนั้นเขากลับเป็นฝ่ายดูแลนางด้วยตนเอง ถอดอาภรณ์ให้นาง ค่อยๆ พานางลงอ่างอย่างระวัง ผิวขององค์หญิงสิบสามเปล่งประกายบอบบาง ส่วนข้อเท้าเนียนนุ่มเล็กๆ ของนาง ยิ่งไม่อาจรับร่างกายที่หนักอึ้งของครรภ์ได้ หยางเอ้อหลางจึงต้องระวังเป็นพิเศษอาบน้ำยังไม่ทันเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติยิ่ง มีเลือดไหลออกมาจากช่องทางลับของนาง ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดจะวิ่งจากท้องน้อยถึงไขสันหลัง นางจับข้อมือของหยางเอ้อหลางแน่นห่อปากด้วยความเจ็บปวด"ท่านพี่ ข้าเจ็บ"เพียงเห็นเลือดที่เริ่มไหลออกมาปนกับน้ำในอ่าง เทพสงครามเช่นหยางเอ้อหลางแทบเป็นลมหมดสติยิ่งเห็นนางเจ็บปวดยิ่งรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก ช่วงท้องบิดมวน ปากร้องตะโกนให้อาชิงที่รออยู่ด้านนอกรีบตามหมอตำแยที่เขานำมาเลี้ยงดูในจวนตั้งแต่เดือนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภรรยาหยางเอ้อหลางตั้งใจจะอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำ แต่กลับถูกองค์หญิงสิบสามทั้งข่วนทั้งตบตี