"ท่านแม่ทัพสิ่งที่องค์หญิงกำชับให้อาชิงไปซื้อคือตำราฉี่เมิ่งขอรับ"องครักษ์ฝานเข้ามารายงานหลังจากติดตามอาชิงไปที่หอตำราแห่งหนึ่ง หลังจากอาชิงออกจากวังไปตามคำสั่งองค์หญิง ดูเหมือนว่าช่วงนี้อาชิงกำลังทำภารกิจบางสิ่งตามคำสั่งขององค์หญิงสิบสามอย่างลับๆ "ตำราฉี่เมิ่งหรือ""ขอรับ""องค์หญิงจะให้อาชิงจัดเตรียมตำราฝึกหัดอ่านเขียนสำหรับเด็ก ๆ เหล่านั้นไปด้วยเหตุใด""นางซื้อเสร็จก็สั่งให้คนเก็บเอาไว้จนกว่าจะเรียกหา อีกทั้งยังติดต่ออาจารย์สอนหนังสือผู้หนึ่งเอาไว้ด้วยขอรับ"องครักษ์ฝานความจริงแอบติดตามอาชิงมาโดยตลอด ที่น่าประหลาดคือเขาไม่เห็นแม้แต่เงาของคุณชายฉีมั่วหลัวที่อาชิงเอ่ยถึง อีกทั้งไม่อาจสืบที่มาที่ไปของคุณชายท่านนี้ได้ หรือจะเป็นเพียงคำพูดเหลวไหลของสตรีกันแน่จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีคนที่ไร้ตัวตนเช่นนั้น ถึงจะอยากรู้เพียงใดองครักษ์ฝานนั้นยังคงปากหนักเช่นเคย ด้วยระยะนี้องค์หญิงสิบสามต้องพำนักในวังอาชิงจึงคอยปรนนิบัติอยู่ในวังด้วย เรื่องของบุรุษอื่นเขาจึงวางใจได้บ้าง"เจ้าให้คนจับตาดูอาชิงห่างๆ พร้อมจัดคนคอยคุ้มกันอาชิงเมื่อนางออกจากวัง หากองค์หญิงต้องการบอกข้าในเรื่องน
นางบ่นกับอาชิงพร้อมกับยัดส้มสีทองเข้าปากอย่างเหนื่อยล้า"องค์หญิงกระพรวนคุ้มครองบาดแผลนะเจ้าคะไม่คุ้มครองความปวดเมื่อยเสียหน่อย"องค์หญิงสิบสามถอนหายใจแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาออกมา"อาชิง นานมาแล้วข้าในนิมิตน่ากลัวมาก"องค์หญิงสิบสามคิดถึงนิมิตที่ตนเองเห็นในครั้งแรกที่กลายร่างยังคงติดตา ถึงนิมิตนี้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ยังเด่นชัดนัก ภาพสตรีที่นอนจมกองเลือดในอาภรณ์งดงามที่นางเคยสงสัยนักว่าเป็นผู้ใดบัดนี้นางรู้แล้วสตรีในอาภรณ์งดงามสีขาวผู้นั้นคือผู้ใด เมื่อได้เห็นอาภรณ์ที่ช่างเสื้อหลวงนำมาให้ในหลายวันก่อน ชุดสีขาวที่นางต้องสวมเพื่อร่ายรำ ผ้าไหมเนื้อดีอ่อนพลิ้วยิ่งท่าทางการร่ายรำที่งดงามที่สุดที่นางคิดว่าในชีวิตนี้ตนเองไม่มีทางร่ายรำแบบนี้ได้ สุดท้ายภาพของคนผู้นั้นที่กำลังกระอักเลือดและล้มลง ที่แท้สตรีที่นอนจมกองเลือดตามนิมิตเมื่อครั้งยังเยาว์นั้นคือตัวของนางเองสุดท้ายนางตายหรือไม่นั้นนางก็ไม่อาจรู้ได้ องค์หญิงสิบสามความจริงทำใจกับความตายมาเนิ่นนานด้วยมีหินจันทราในร่างไม่รู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับตนเองเมื่อใดกันแน่ แต่เมื่อรับรู้ว่ามันอาจมาเยือนเร็วกว่าที่คิดในใจพลันหนาวจนสะท้าน น
องค์หญิงสิบสามกลืนก้อนสะอื้นลงคอ อาชิงผละออกจากร่างผู้เป็นนายเมื่อท่านแม่ทัพยืนมาถึงตัวองค์หญิงสิบสามแล้ว นางยืนปาดน้ำตาเงียบ ๆ อยู่ด้านข้าง"ไม่รู้เพราะอะไรถึงร้องไห้เจ้าค่ะ" อาชิงอธิบายบ้าง"ช่วงนี้หนักสำหรับท่านแล้ว"หยางเอ้อหลางสงสารภรรยายิ่ง นางคงหวาดกลัวไม่น้อยเมื่อคิดว่าในวันนั้นอาจต้องเปิดเผยร่างปีศาจต่อหน้าคนทั้งราชสำนัก"ข้าไม่เป็นไร"องค์หญิงสิบสามส่ายหน้าเบาๆ หยางเอ้อหลางดึงภรรยามากอดพร้อมกับลูบหลังอย่างปลอบโยน"ท่านไม่ต้องกลัว เรื่องต้องจบลงอย่างดีข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าไม่มีวันทำให้ภรรยาของข้าลำบากไม่เชื่อข้าหรือ""ข้าเชื่อท่าน ท่านพี่ข้าเชื่อท่านจริง ๆ นะ" "หากเชื่อข้าก็หยุดร้องเสีย ดีหรือไม่"หยางเอ้อหลางคิดว่าตนเองนั้นประดุจบิดาขององค์หญิงสิบสามผู้หนึ่งถึงขั้นอยากสร้างโลกใบใหม่ที่ไร้กังวลให้กับนาง ให้นางได้อยู่อย่างสบาย ทำทุกอย่างที่ภรรยาอยากทำโดยไม่ต้องคอยหวาดระแวงและไม่ต้องคอยกังวลว่าจะมีผู้ใดมาทำร้ายนางได้อีก"เจ้าค่ะ"แม่นางน้อยที่ว่าง่ายเช่นนี้ถูกใจหยางเอ้อหลางนัก เขาจุมพิตที่ริมฝีปากของนางเบาๆ เป็นการให้รางวัล อาชิงเห็นความใกล้ชิดเช่นนั้นก็ใบหน้าแดงก่ำ รีบออกจากตำ
เขาถอนริมฝีปากอย่างพยายามหักห้ามใจตนเองเมื่อเห็นว่านางกำลังแข็งเป็นหินแล้ว"องครักษ์ฝาน"อาชิงเอ่ยแผ่วเบาก่อนจะเป็นฝ่ายตรึงใบหน้าขององครักษ์ฝานเอาไว้ แล้วรั้งคอของเขาลงมาครานี้เป็นนางที่กำลังช่วงชิงลมหายใจของเขา นางเขย่งปลายเท้าด้วยรู้สึกว่าเหตุใดเขาจึงสูงได้เพียงนี้ทั้งคู่จุมพิตกันอย่างดูดดื่มประดุจได้ปลอกเปลือยความรู้สึกที่แอบเก็บกดอยู่ภายในออกมา จุมพิตเนิ่นนานในที่สุดก็หยุดลงด้วยอาการหอบกระเส่า"พอก่อนที่ข้าจะล่วงเกินท่านมากไปกว่านี้" ประโยคนี้หาใช่องครักษ์ฝานที่เอ่ยออกมา กลับเป็นอาชิงที่พูดขึ้นพร้อมเสียงลมหายใจที่หอบน้อยๆราวกับเพิ่งผ่านพ้นการวิ่งหนีบางสิ่งที่น่ากลัวมา"ข้ายินดี" องครักษ์ฝานเอ่ยใบหน้าแดงจรดใบหู"กลับกันเถิด ที่นี่มืดเกินไป" อาชิงเอ่ยนางถูกองครักษ์ฝานรวบร่างเอาไว้ในอ้อมกอด เขาเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบซบใบหน้าลงที่ศีรษะกลมมนของอาชิง"เจ้าจะบอกข้าได้หรือยังว่าเหตุใดต้องเตรียมของพวกนั้นด้วย"อาชิงถอนหายใจ นางเชื่อว่าหากนางไม่บอกมาถึงขั้นนี้แล้วองครักษ์ฝานย่อมสืบรู้จนได้ จากที่ดูสีหน้าขององค์หญิงนั้นเหมือนจะเป็นนิมิตที่ร้ายแรง องค์หญิงสิบสามแม้ไม่ได้เล่าสิ่งใดแต่อาชิงผู้
ความจริงองค์หญิงห้าได้รับคำสั่งจากองค์ฮองเฮาให้คอยเกาะติดองค์หญิงสิบสามไว้ไม่ให้ห่างด้วยกลัวว่าองค์หญิงสิบสามจะก่อเรื่องขึ้นในวันสำคัญเช่นนี้เมื่อได้รับคำสั่งเพียงไม่เห็นองค์หญิงสิบสามองค์หญิงห้าก็นั่งไม่ติดเสียแล้วโชคดีที่ตามหาไม่นานก็พบว่านางยังตั้งหน้าตั้งตากินขนมอยู่ในห้องอาหารแห่งนี้ ครั้นเห็นอาชิงองค์หญิงห้าก็วางใจลงมากอย่างไรเสียอาชิงก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ยังมีเหตุผลและรู้สิ่งใดควรไม่ควร องค์หญิงห้ากำชับอาชิงอีกหลายคำก่อนจะวางใจจริงๆแล้วเดินออกไป"องค์หญิงท่านแม่ทัพรออยู่ด้านนอกเพคะ""ท่านพี่หรือ"องค์หญิงสิบสามตะโกนอย่างดีใจแล้ววิ่งด้วยความว่องไวผ่านหน้าองค์หญิงห้าที่เดินมาพอดีองค์หญิงห้ายกมือตั้งใจจะถามแต่องค์หญิงสิบสามผ่านไปเร็วมากจนยังไม่ทันอ้าปากก็หายวับไปแล้ว"อาชิงข้าให้เฝ้านางเอาไว้ แล้วนี่อะไรยังไม่ทันขาดคำคนก็วิ่งหายไปแล้ว" องค์หญิงห้าหันมาตำหนิอาชิงที่เดินตามมาติดๆ"ท่านแม่ทัพมาขอพบเพคะ ไม่เกิดเรื่องอันใดแน่นอน""เช่นนั้นก็ดูแลนางให้ดี"“เพคะ”“ไปรีบตามไปดูแลนาง อย่าให้คลาดสายตา”องค์หญิงห้าพยักหน้าพลางโบกมือไล่อาชิงให้รีบตามองค์หญิง และอาชิงก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อ
ในขณะที่หลินฮุ่ยหมินในยามที่อยู่ในอ้อมกอดของสามีบัดนี้นางไม่กลัวสิ่งใดแล้วหากไม่ติดว่าคนเยอะเช่นนี้จะทำให้ท่านพี่เสื่อมเกียรตินางคงลากเขาไปที่ลับตาแล้วข่มเหงเขาให้สาแก่ใจเผื่อว่าตนเองจะไม่มีโอกาสได้ทำอีกแล้ว เพราะไม่อยากให้สามีเป็นห่วงนางจึงยังคงทำตัวร่าเริงสดใสเช่นเดิมวันนี้นอกจากเพื่อช่วยนางแล้วหยางเอ้อหลางยังคิดกวาดล้างสายลับแคว้นเว่ยไปพร้อมกัน แม้นางจะรู้ว่าตนเองอาจตายแต่อย่างน้อยสามีก็กำจัดภัยแผ่นดินได้เช่นนี้นางก็นับว่าตนเองตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยายังคงเอ่ยปากเย้าแหย่เขาได้ก็วางใจ นางคงมั่นใจในตัวเขาแล้วถึงยังคงความสดใสร่าเริงได้เพียงนี้จึงเอ่ยว่า"เช่นนั้นท่านเพียงทำตามหน้าที่ ไม่ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นจงยืนอยู่ในจุดที่เจ้ายืนอยู่อย่าได้วิ่งหนีไปที่ใดไม่เช่นนั้นข้าจะหาตัวเจ้าไม่เจอเข้าใจหรือไม่""ข้าเข้าใจแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าจะไม่วิ่งเพียงจะยืนนิ่งๆใช่หรือไม่เจ้าคะ""ใช่ ขอเพียงภรรยาของข้ายืนนิ่ง ๆ แล้วปล่อยทุกอย่างไว้ในมือของสามีเท่านั้น"“ข้าจะทำเช่นนั้นเจ้าค่ะ รับรองไม่ขยับไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว”นางเขย่งปลายเท้าจุมพิตปลายคางของเขา แววตาฉายความรักอย่างเต็มเปี่ย
องค์หญิงสิบสามพอจะเป็นที่กล่าวถึงนั้นก็มาในระยะหลังที่ถูกแต่งเข้าจวนแม่ทัพหยางจนเป็นที่เลื่องลือถึงความหลงใหลรักใคร่อย่างมากล้นที่แม่ทัพผู้เกรียงไกรมอบให้มาในวันนี้ทุกคนได้ประจักษ์แล้วว่าเหตุใดแม่ทัพหยางจึงได้หวงแหนองค์หญิงสิบสามนัก เพียงแค่รูปโฉมสะคราญล่มเมืองที่แอบซ่อนอยู่ภายในมุมมืดปรากฏในวันนี้ก็ทำให้พวกเขาต่างน้ำลายหกด้วยความเสียดายที่ไม่เคยคิดสู่ขอสตรีผู้นี้มาเป็นของตนมาก่อนหญิงงามอย่างไรเสียก็คือหญิงงามแม้จะไม่มีอำนาจใดในมือแต่การได้ครอบครองคนงามย่อมเป็นสิ่งที่บุรุษในใต้หล้านี้ต้องการที่สุดเห็นได้ชัดว่าแม่ทัพหยางโชคดีเพียงใดที่ได้ครอบครองอัญมณีหายากล้ำค่าเม็ดนี้ในใจขององค์หญิงสิบสามนั้นรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด นางรู้ตัวดีว่าภายในร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว แสงจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่ด้านบนทำให้นางรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วกาย ทุกสายตาในขณะนี้ล้วนจับจ้องมาที่นางด้วยความรู้สึกชื่นชม ปากของพวกเขาต่างเอ่ยชื่นชมถึงความงามของนางไม่ขาดการเป็นจุดสนใจเช่นนี้ทำให้นางแทบจะหยุดหายใจด้วยไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย นางกวาดสายตามองหาสามีเห็นเขานั่งอยู่ด้านปีกฝั่งฝ่าบาทมองมายังนางด้วยสายตาอ
เสียงดนตรีดังขึ้น องค์หญิงสิบสามเริ่มร่ายรำ แต่เดิมนางมีพื้นฐานทางด้านการรำกระบี่อยู่แล้วด้วยการฝึกซ้อมอย่างหนัก ท่วงท่าของนางที่ออกมาในวันนี้จึงงดงามอ่อนช้อยยิ่ง วงหน้างดงามแจ่มกระจ่างท่ามกลางแสงจันทร์ เรือนกายอรชรพลิ้วไหวตามท่วงจังหวะดนตรี เท้าบอบบางที่มีกระพรวนประดับส่งเสียงแว่วหวาน อาภรณ์สีขาวพลิ้วแนบไปกับการกระโดดเยื้องย่าง อีกทั้งเหล่าองค์หญิงก็ร่ายรำเป็นท่วงท่าสอดประสานทำให้ทุกคนในที่นี้ตื่นตะลึง เป็นการร่ายรำที่งดงามที่สุดสมแล้วกับตำแหน่งองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ที่พวกนางได้รับมาเสียงชื่นชมดังขึ้นพร้อมเสียงปรบมือเป็นระยะ ทุกสายตาจับจ้องตกตะลึงคิดไม่ถึงว่าองค์หญิงสิบสามผู้นี้จะทำได้ดีเพียงนี้ นอกจากความงามแล้วนางยังทำให้ผู้คนชื่นชมและตกตะลึงได้ด้วยท่วงท่างดงามที่นางแสดงออกมา สายลมพัดแผ่วเบา อากาศวันนี้ไม่นับว่าหนาวมาก แม้เหล่าองค์หญิงจะแต่งกายด้วยอาภรณ์บอบบางแต่ความหนาวที่เบาบางเพียงนี้ย่อมไม่ทำให้พวกนางได้รับความลำบาก ด้วยอาภรณ์เหล่านี้ถูกตัดเย็บมาอย่างดีเพื่อกันลม การแสดงยังดำเนินการต่อจวบจนสายลมพัดแรงขึ้น แรงขึ้น อาภรณ์ของทุกคนเริ่มถูกพัดไปตามแรงลม คบเพลิงบางอันถึงกับตกลงมา
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล
หยางเอ้อหลางพลันอมยิ้ม เขาชอบที่นางชอบเขาที่สุด แม้จะเป็นสิ่งของเขาก็อดหึงหวงไม่ได้กล่าวจบพลันนางโน้มคอเขาลงมาจุมพิตดูดดื่ม เนื้อตัวของนางนุ่มนิ่ม แม้จะมีบุตรถึงสองคนแล้วร่างกายหาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นสตรีอื่น ที่ควรมีก็มีมากขึ้น อีกทั้งยังตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม นับวันเขายิ่งหลงใหลภรรยาจนทนแยกห่างจากนางนานๆ ไม่ได้ยามที่เขาห่างนางต้องไปทำงานต่างเมือง หลายครั้งที่มีสตรีมากมายพยายามปีนขึ้นเตียงส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ในใจหยางเอ้อหลางมองพวกนางเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าช่างดูน่ารำคาญ ในสายตาของเขามีเพียงภรรยาผู้เดียวที่สำคัญยิ่ง เขาไม่มีวันชายตาแลสตรีอื่นให้นางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาดองค์หญิงสิบสามเบียดกายเข้าหาเขา หยางเอ้อหลางใช้ผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกห่อร่างเขาและนางเข้าด้วยกัน พันกายหนาแน่นด้วยกลัวว่านางจะต้องลมเย็นจากด้านนอกจนเจ็บป่วย ร่างกายของเขาแข็งแรง อึกทั้งยังอบอุ่นองค์หญิงสิบสามชอบซุกในอกแข็งแกร่งยิ่งมือของนางซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงเขาแล้วลูบอาวุธเขาเล่นจนผงาดแข็งชัน หยางเอ้อหลางปล่อยให้นางซนเสมอ นางชอบทำอะไรเขาล้วนตามใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ เขายิ่งตามใจนางยิ่งกว่าเรื่องใด“ท่านพี่มันโตแล้ว”“
ผู้ช่วยหมอทำคลอดพลันเปิดประตูออกมา หยางเอ้อหลางไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปด้านในแม้คนจะทัดทานเขาก็ไม่สนใจแล้วเขาโผไปหาภรรยาที่เหนื่อยจนหมดสติไปแล้วอย่างว่องไว กุมมือนางไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว"หมินเออร์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง""องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ เพียงแต่เหนื่อยมากจึงหลับไป"หมอหญิงผู้เก่งกาจประจำจวนเอ่ยขึ้น หยางเอ้อหลางพยักหน้าแต่ไม่วางใจ เขาดึงภรรยามากอดไว้ สำรวจร่างที่ยังเปียกชื้นด้วยเหงื่อของนางปากก็พร่ำขอโทษภรรยาที่ทำให้นางเจ็บปวดด้วยสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง"ข้าจะไม่ให้ท่านท้องอีกแล้ว ขอสัญญา ข้าขอโทษ"ความเจ็บปวดของภรรยาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวยิ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นเช่นนี้อีกจวบจนแม่นมอุ้มก้อนแป้งอวบก้อนหนึ่งมาหาเขา หยางเอ้อหลางเห็นหน้าบุตรเป็นครั้งแรก พลันตื้นตันจวบจนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกรักและผูกพันท่วมท้นในอก บัดนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าบิดามารดารักเขาเพียงใด เขาค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงให้ท่านหมอดูแลเต็มที่ ส่วนตัวเองยื่นมือไปรับห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในอ้อมกอด"เป็นท่านชายเจ้าค่ะ" แม่นมเอ่ยด้วยความยินดี"ดีมาก ดีจริงๆ "หยางเอ้อหลางหัวเราะทั้งน้ำตาแล้ว ความตื้
กินเสร็จได้ไม่นาน องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกอยากอาบน้ำ"ท่านพี่นอกจากเขาจะเลือกกินแล้ว ยังรักสะอาดยิ่ง อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลับอยากอาบน้ำวันละหลายรอบ"หยางเอ้อหลางจึงสั่งอาชิงให้เตรียมน้ำอุ่น หลังจากนั้นเขากลับเป็นฝ่ายดูแลนางด้วยตนเอง ถอดอาภรณ์ให้นาง ค่อยๆ พานางลงอ่างอย่างระวัง ผิวขององค์หญิงสิบสามเปล่งประกายบอบบาง ส่วนข้อเท้าเนียนนุ่มเล็กๆ ของนาง ยิ่งไม่อาจรับร่างกายที่หนักอึ้งของครรภ์ได้ หยางเอ้อหลางจึงต้องระวังเป็นพิเศษอาบน้ำยังไม่ทันเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติยิ่ง มีเลือดไหลออกมาจากช่องทางลับของนาง ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดจะวิ่งจากท้องน้อยถึงไขสันหลัง นางจับข้อมือของหยางเอ้อหลางแน่นห่อปากด้วยความเจ็บปวด"ท่านพี่ ข้าเจ็บ"เพียงเห็นเลือดที่เริ่มไหลออกมาปนกับน้ำในอ่าง เทพสงครามเช่นหยางเอ้อหลางแทบเป็นลมหมดสติยิ่งเห็นนางเจ็บปวดยิ่งรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก ช่วงท้องบิดมวน ปากร้องตะโกนให้อาชิงที่รออยู่ด้านนอกรีบตามหมอตำแยที่เขานำมาเลี้ยงดูในจวนตั้งแต่เดือนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภรรยาหยางเอ้อหลางตั้งใจจะอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำ แต่กลับถูกองค์หญิงสิบสามทั้งข่วนทั้งตบตี