อ๋องฉางอันรู้สึกทั้งผิดหวังและเสียใจไม่น้อย เขาเสียใจเพียงใดองค์หญิงสิบสามคงรู้สึกมากกว่าเขาเป็นร้อยเท่าพันทวีเป็นแน่หยางเอ้อหลางทอดถอนใจสิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือการที่สิบสามมีน้ำตา แต่การจะปิดบังเรื่องนี้ต่อนางก็เห็นจะไม่เป็นการยุติธรรมเช่นกัน"ผู้ที่จะสั่งให้ตำหนักเทพทำพิธีได้ นอกจากหัวหน้าธิดาเทพแล้วก็มีเพียงฝ่าบาท แต่ถ้าหากฝ่าบาททรงทราบเรื่องนี้ข้าเกรงว่าคงไม่เป็นผลดีต่อหมินเออร์เช่นกัน" หยางเอ้อหลางเอ่ยขึ้น"ข้าก็คิดเช่นนั้นที่ผ่านมาหลายเรื่องล้วนอาศัยคำทำนายจากสิบสาม ทำให้ฝ่าบาทสามารถใช้สิ่งนี้ต้านอำนาจของตระกูลฝ่ายฮองเฮาได้ การที่ขุนนางฝ่ายขวายังจงรักภักดีไม่เข้ากับเหล่าขุนนางฝ่ายซ้ายที่เป็นพวกของฮองเฮาทั้งหมดล้วนเป็นเพราะตำหนักเทพนั้นอยู่ภายใต้การดูแลของฝ่าบาท หากตำหนักเทพล่มสลายฝ่าบาทจะยอมได้หรือ"อ๋องฉางอันมองหยางเอ้อหลางด้วยใบหน้าเคร่งขรึม"ที่ผ่านมาหัวหน้าธิดาเทพเท่ากับหลอกลวงเบื้องสูง หากกราบทูลไปเห็นทีว่านางคงต้องโทษตายสถานเดียว" แววตาเย็นเยียบของหยางเอ้อหลางมองลงไปที่ถ้วยน้ำชาในมือ"แล้วสิบสามเล่า นางไม่อาจหลีกเลี่ยงความผิดได้เช่นกันการเปิดเผยความจริงแก่ฝ่าบาทคิดว่าจะท
เพื่อช่วยให้ตนเองอยู่ในบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง แม้ฝ่าบาทจะทรงอ่อนโยนต่อองค์หญิงสิบสามแต่พระองค์นั้นแท้จริงแล้วเป็นคนตาขาวและขี้ระแวงยิ่งคนประเภทนี้ย่อมทำทุกสิ่งเพื่อให้รู้สึกว่าตนเองปลอดภัย แม้กระทั่งบุตรตรีอันเป็นที่รักเขาก็สามารถสละได้สกุลหยางที่ผ่านมาทำตัวประดุจสกุลที่อ่อนแอที่เหลือเพียงทายาทเพียงคนเดียว สตรีในสกุลไม่อาจต่อกรกับผู้ใดได้ฝ่าบาทจึงทรงไม่แตะต้องพวกเขา แต่หากพระองค์ทรงทราบว่าองค์หญิงสิบสามเป็นผู้ทำนายชะตาที่แท้จริงประการแรกที่พระองค์จะทำคือเก็บองค์หญิงสิบสามไว้ข้างกายและบังคับให้นางหย่ากับหยางเอ้อหลางเป็นแน่ เมื่อแต่งเข้าสกุลแล้วย่อมคือคนของสกุลแม้ตายก็เป็นผีของสกุลหยาง ฮูหยินชราไม่อาจปล่อยให้องค์หญิงสิบสามต้องทนทุกข์ทรมานเป็นแน่"หากทำพิธีที่อื่นเล่า สามารถทำได้หรือไม่" หยางเอ้อหลางเอ่ยขึ้น "ปกติแล้วการทำพิธีเกี่ยวกับตำหนักจันทราทั้งหมด ต้องทำที่หอจันทราซึ่งเป็นชัยภูมิที่ถือว่าอยู่ในจุดที่ท่านเทพธิดาฉางเออร์สามารถมองเห็นได้ การจะทำพิธีที่อื่นนั้นพวกเรายังไม่เคยลอง"หลินฮุ่ยหมินเอ่ยขึ้นหยางเอ้อหลางดึงตำราจันทราออกมา เขาคล้ายอ่านเจอบางสิ่งจุดที่สามารถทำพิธีได้นอกจ
หยางเอ้อหลางอีกทั้งฉางอ๋องกลับคุกเข่าลงพร้อมกัน ฉางอ๋องประสานมือขอบคุณฮูหยินชราเขารู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่งการส่งนางซึ่งเป็นที่รักของเขาเข้าสกุลหยางนับเป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจถูกต้องที่สุดในชีวิตส่วนหยางเอ้อหลางนั้นโขกศีรษะเพื่อขอบคุณท่านย่าลงกับพื้นอย่างแรง การที่ท่านย่าออกมาปกป้องหลินฮุ่ยหมินเช่นนี้ทำให้เขาแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา"เอาล่ะพวกเจ้าทั้งหมดทำเรื่องที่หนักเกินไปแล้วลุกขึ้นเถิด""ท่านย่าดีกับหมินเออร์เช่นนี้หลาน.."หยางเอ้อหลางไม่อาจกล่าวสิ่งใดได้อีกท่านย่าแย้มยิ้มแล้วเอ่ยเสียงเคร่งขรึม"เรื่องหัวหน้าธิดาเทพหากนางไม่ยอมมาดีๆ ก็ลักพาตัวนางมาเสียหลางเออร์ใช้วิธีใดก็ได้ให้นางยอมทำพิธีเข้าใจหรือไม่" "ขอรับท่านย่า"ก่อนที่หญิงชราจะกล่าวสิ่งใดต่อ ด้านหน้าห้องหนังสือเสียงพ่อบ้านกลับดังขึ้น"เรียนฮูหยินผู้เฒ่า ในวังให้คนส่งเทียบมาที่จวนด้วยเรื่องเร่งด่วนขอรับ""นำเข้ามา" ฮูหยินชราอนุญาตทุกคนจึงลุกขึ้น พ่อบ้านนำเทียบเข้าเข้ามาส่งมอบให้กับหยางเอ้อหลาง เขาเปิดเทียบเชิญในมือพบว่ามีตราประทับของกรมวังได้รับอำนาจมาจากฮองเฮา เมื่ออ่านจบหยางเอ้อหลางกลับมีใบหน้าที่เคร่งขรึมขึ้นแล้วเอ่ยขึ้
ณ ตำหนักองครักษ์บัดนี้หยางเอ้อหลางอาศัยอยู่เพียงลำพัง กงกงปลายแถวที่มีหน้าที่ดูแลตำหนักถูกหยางเอ้อหลางไล่ให้ไปพักผ่อนนานแล้วเขาอ่านตำราจวบจนใกล้ยามจื่อเมื่อแน่ใจแล้วว่าคงไม่เกิดเรื่องอันใดแก่ภรรยาแล้วเขาจึงได้วางตำราลง ดับเทียนไขแล้วเตรียมตัวเข้านอนในตำหนักองครักษ์นั้นมีหลายห้องนัก ห้องที่หยางเอ้อหลางพำนักอยู่นี้นับเป็นห้องที่ดีที่สุดที่ไม่เคยมีผู้ใดใช้ นั่นเป็นเพราะในตำหนักใหญ่โตแห่งนี้มีเพียงหัวหน้าองครักษ์ขั้นสูงถึงจะสามารถพักได้ ตำแหน่งนี้ปัจจุบันมีเพียงคนเดียวแต่กระนั้นเขาก็สมถะนักจึงใช้เพียงห้องเล็กๆ ภายในตำหนักที่แยกไปอีกฝั่งหนึ่งเท่านั้น ถึงจะเป็นถึงหัวหน้าองครักษ์แห่งวังหลวงแต่ด้วยตำแหน่งทางราชการแล้วความจริงยังด้อยกว่าแม่ทัพใหญ่ของแคว้นอยู่หลายขั้น เมื่อเขารู้ว่าหยางเอ้อหลางจะมาพำนักด้วยจึงจัดแจงให้หยางเอ้อหลางพำนักอยู่ที่ห้องที่ใหญ่ที่สุดอีกทั้งยังสั่งห้ามผู้ใดรบกวนเป็นอันขาดหลังจากดับเทียนเข้านอนได้ไม่นาน หยางเอ้อหลางพลันได้ยินเสียงฝีเท้าคนผู้หนึ่ง หูของเขาดียิ่งกลางดึกสงัดเช่นนี้มีคนกระโดดเข้ามาในตำหนักองครักษ์อย่างง่ายดายราวกับไม่มีผู้ใดใส่ใจ อีกทั้งคนๆนี้ต้องมีว
หยางเอ้อหลางยกโอบมือรอบร่างบอบบางที่นอนทับร่างตนเองอย่างแน่นหนา เขาคิดถึงนางตลอดทั้งวัน แม้จะอยู่ใกล้กันแต่วันนี้เพิ่งได้พบหน้าภรรยาแม้อยากจะตำหนิที่นางแอบมาที่นี่ แต่ก็อดดีใจอย่างมากไม่ได้“ข้าเชื่อท่าน ท่านพี่ของข้าดีที่สุด”นางเอ่ยอย่างน่ารัก กระชับอ้อมแขนแน่นพร้อมกับจุมพิตลงบนกลางอกเขา“ที่ย่องมาหาข้าดึกดื่นเช่นนี้ต้องการจะลักหลับข้าหรือ” น้ำเสียงหยอกเย้ายิ่งนัก“ลักหลับหรือท่าทางจะสนุกไม่น้อย” นางกล่าวตาใสเขาหัวเราะพลางเอ่ยต่อ “แล้วรู้หรือไม่ว่าลักหลับคือสิ่งใด”นางส่ายหน้าจนเส้นผมกระจาย เพียงขยับร่างอรชรเล็กน้อย หยางเอ้อหลางพลันได้กลิ่นสาวหอมกรุ่นยั่วยวนไปทั่วปลายสัมผัส พลันหัวใจของหยางเอ้อหลางเต้นแรงขึ้น เขาต้องการนางอีกจนได้“ไม่รู้หรอก แต่ที่รู้คือตอนนี้ข้าต้องการท่านมาก”องค์หญิงสิบสามเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน ออดอ้อนออเซาะยิ่ง หยางเอ้อหลางถอนหายใจหนักๆ ออกมาภรรยาของเขาถึงขนาดอดทนไม่ได้ต้องมาหาเขาถึงที่หรอกหรือ“เห็นได้ชัดว่าท่านต้องการข้าเพียงใด ข้าเองก็เช่นกัน องค์หญิงของข้าเจ้าเห็นหรือไม่”เขาเอ่ยเสียงแหบแห้ง อาวุธของเขาแข็งชันขึ้นมาเพียงได้ยินเสียงแผ่วหวานของภรรยา อีกทั้งท
นิ้วมือที่นวดคลึงของเขากลับกลายเป็นลูบไล้แล้ว ปลายเท้าของนางแดงระเรื่อภายใต้แสงเทียนนี้แม้นางยังไม่ได้เปลือยเปล่ากลับกระตุ้นความรู้สึกได้ดีนัก เรียวขางดงามกระทั่งเขาอดใจไม่ได้ที่จะยกขึ้นมาจุมพิตและองค์หญิงสิบสามพลันส่งเสียงดุทันใด“หากข้าบอกว่ายังระบมอยู่เล่า ท่านพี่ข้าฝึกซ้อมร่ายรำด้วยปลายเท้ามาทั้งวันจะให้หายง่ายๆ ได้อย่างไร แม้กระพรวนตอนนี้ก็อ่อนกำลังยิ่งรักษาขาบวมยังเชื่องช้า”หยางเอ้อหลางนวดต่ออย่างใจเย็นหวังให้นางคลายปวดได้เร็วที่สุด“คงเป็นเพราะท่านบาดเจ็บหลายครั้งพลังกระพรวนจึงนับวันอ่อนแอ ข้าจะเร่งนำหินจันทราออกจากร่างของท่านให้ได้ ต่อไปให้ท่านพึ่งข้าไม่ต้องพึ่งกระพรวนอีก”“ท่านพี่ท่านเป็นสามีที่ดียิ่ง ข้ารักท่าน”เสียงของผู้เป็นภรรยาออดอ้อนนัก นางค่อยไต่นิ้วเท้าขาวเนียนมาที่กลางอกของเขา แล้วลากนิ้ววนอยู่ตรงช่วงปลายถันเล็กของสามี ก่อนจะค่อยๆ สอดนิ้วเท้าเข้าไปในเสื้อนอนที่คลุมร่างสีขาวบางของเขา นางไต่เท้าเรื่อยๆ จวบจนพบปลายถันเปลือยเปล่าแล้ววนหัวนิ้วเท้าเบาๆ ที่ตรงนั้นหัวนมเล็กของหยางเอ้อหลางแข็งชันตอบรับการสัมผัสนุ่มนวลของปลายเท้าพลันแข็งเป็นไตรับความรู้สึกที่ก่อเกิดอย่างรว
"ท่านแม่ทัพสิ่งที่องค์หญิงกำชับให้อาชิงไปซื้อคือตำราฉี่เมิ่งขอรับ"องครักษ์ฝานเข้ามารายงานหลังจากติดตามอาชิงไปที่หอตำราแห่งหนึ่ง หลังจากอาชิงออกจากวังไปตามคำสั่งองค์หญิง ดูเหมือนว่าช่วงนี้อาชิงกำลังทำภารกิจบางสิ่งตามคำสั่งขององค์หญิงสิบสามอย่างลับๆ "ตำราฉี่เมิ่งหรือ""ขอรับ""องค์หญิงจะให้อาชิงจัดเตรียมตำราฝึกหัดอ่านเขียนสำหรับเด็ก ๆ เหล่านั้นไปด้วยเหตุใด""นางซื้อเสร็จก็สั่งให้คนเก็บเอาไว้จนกว่าจะเรียกหา อีกทั้งยังติดต่ออาจารย์สอนหนังสือผู้หนึ่งเอาไว้ด้วยขอรับ"องครักษ์ฝานความจริงแอบติดตามอาชิงมาโดยตลอด ที่น่าประหลาดคือเขาไม่เห็นแม้แต่เงาของคุณชายฉีมั่วหลัวที่อาชิงเอ่ยถึง อีกทั้งไม่อาจสืบที่มาที่ไปของคุณชายท่านนี้ได้ หรือจะเป็นเพียงคำพูดเหลวไหลของสตรีกันแน่จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีคนที่ไร้ตัวตนเช่นนั้น ถึงจะอยากรู้เพียงใดองครักษ์ฝานนั้นยังคงปากหนักเช่นเคย ด้วยระยะนี้องค์หญิงสิบสามต้องพำนักในวังอาชิงจึงคอยปรนนิบัติอยู่ในวังด้วย เรื่องของบุรุษอื่นเขาจึงวางใจได้บ้าง"เจ้าให้คนจับตาดูอาชิงห่างๆ พร้อมจัดคนคอยคุ้มกันอาชิงเมื่อนางออกจากวัง หากองค์หญิงต้องการบอกข้าในเรื่องน
นางบ่นกับอาชิงพร้อมกับยัดส้มสีทองเข้าปากอย่างเหนื่อยล้า"องค์หญิงกระพรวนคุ้มครองบาดแผลนะเจ้าคะไม่คุ้มครองความปวดเมื่อยเสียหน่อย"องค์หญิงสิบสามถอนหายใจแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาออกมา"อาชิง นานมาแล้วข้าในนิมิตน่ากลัวมาก"องค์หญิงสิบสามคิดถึงนิมิตที่ตนเองเห็นในครั้งแรกที่กลายร่างยังคงติดตา ถึงนิมิตนี้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ยังเด่นชัดนัก ภาพสตรีที่นอนจมกองเลือดในอาภรณ์งดงามที่นางเคยสงสัยนักว่าเป็นผู้ใดบัดนี้นางรู้แล้วสตรีในอาภรณ์งดงามสีขาวผู้นั้นคือผู้ใด เมื่อได้เห็นอาภรณ์ที่ช่างเสื้อหลวงนำมาให้ในหลายวันก่อน ชุดสีขาวที่นางต้องสวมเพื่อร่ายรำ ผ้าไหมเนื้อดีอ่อนพลิ้วยิ่งท่าทางการร่ายรำที่งดงามที่สุดที่นางคิดว่าในชีวิตนี้ตนเองไม่มีทางร่ายรำแบบนี้ได้ สุดท้ายภาพของคนผู้นั้นที่กำลังกระอักเลือดและล้มลง ที่แท้สตรีที่นอนจมกองเลือดตามนิมิตเมื่อครั้งยังเยาว์นั้นคือตัวของนางเองสุดท้ายนางตายหรือไม่นั้นนางก็ไม่อาจรู้ได้ องค์หญิงสิบสามความจริงทำใจกับความตายมาเนิ่นนานด้วยมีหินจันทราในร่างไม่รู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับตนเองเมื่อใดกันแน่ แต่เมื่อรับรู้ว่ามันอาจมาเยือนเร็วกว่าที่คิดในใจพลันหนาวจนสะท้าน น
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล
หยางเอ้อหลางพลันอมยิ้ม เขาชอบที่นางชอบเขาที่สุด แม้จะเป็นสิ่งของเขาก็อดหึงหวงไม่ได้กล่าวจบพลันนางโน้มคอเขาลงมาจุมพิตดูดดื่ม เนื้อตัวของนางนุ่มนิ่ม แม้จะมีบุตรถึงสองคนแล้วร่างกายหาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นสตรีอื่น ที่ควรมีก็มีมากขึ้น อีกทั้งยังตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม นับวันเขายิ่งหลงใหลภรรยาจนทนแยกห่างจากนางนานๆ ไม่ได้ยามที่เขาห่างนางต้องไปทำงานต่างเมือง หลายครั้งที่มีสตรีมากมายพยายามปีนขึ้นเตียงส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ในใจหยางเอ้อหลางมองพวกนางเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าช่างดูน่ารำคาญ ในสายตาของเขามีเพียงภรรยาผู้เดียวที่สำคัญยิ่ง เขาไม่มีวันชายตาแลสตรีอื่นให้นางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาดองค์หญิงสิบสามเบียดกายเข้าหาเขา หยางเอ้อหลางใช้ผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกห่อร่างเขาและนางเข้าด้วยกัน พันกายหนาแน่นด้วยกลัวว่านางจะต้องลมเย็นจากด้านนอกจนเจ็บป่วย ร่างกายของเขาแข็งแรง อึกทั้งยังอบอุ่นองค์หญิงสิบสามชอบซุกในอกแข็งแกร่งยิ่งมือของนางซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงเขาแล้วลูบอาวุธเขาเล่นจนผงาดแข็งชัน หยางเอ้อหลางปล่อยให้นางซนเสมอ นางชอบทำอะไรเขาล้วนตามใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ เขายิ่งตามใจนางยิ่งกว่าเรื่องใด“ท่านพี่มันโตแล้ว”“
ผู้ช่วยหมอทำคลอดพลันเปิดประตูออกมา หยางเอ้อหลางไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปด้านในแม้คนจะทัดทานเขาก็ไม่สนใจแล้วเขาโผไปหาภรรยาที่เหนื่อยจนหมดสติไปแล้วอย่างว่องไว กุมมือนางไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว"หมินเออร์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง""องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ เพียงแต่เหนื่อยมากจึงหลับไป"หมอหญิงผู้เก่งกาจประจำจวนเอ่ยขึ้น หยางเอ้อหลางพยักหน้าแต่ไม่วางใจ เขาดึงภรรยามากอดไว้ สำรวจร่างที่ยังเปียกชื้นด้วยเหงื่อของนางปากก็พร่ำขอโทษภรรยาที่ทำให้นางเจ็บปวดด้วยสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง"ข้าจะไม่ให้ท่านท้องอีกแล้ว ขอสัญญา ข้าขอโทษ"ความเจ็บปวดของภรรยาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวยิ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นเช่นนี้อีกจวบจนแม่นมอุ้มก้อนแป้งอวบก้อนหนึ่งมาหาเขา หยางเอ้อหลางเห็นหน้าบุตรเป็นครั้งแรก พลันตื้นตันจวบจนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกรักและผูกพันท่วมท้นในอก บัดนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าบิดามารดารักเขาเพียงใด เขาค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงให้ท่านหมอดูแลเต็มที่ ส่วนตัวเองยื่นมือไปรับห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในอ้อมกอด"เป็นท่านชายเจ้าค่ะ" แม่นมเอ่ยด้วยความยินดี"ดีมาก ดีจริงๆ "หยางเอ้อหลางหัวเราะทั้งน้ำตาแล้ว ความตื้
กินเสร็จได้ไม่นาน องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกอยากอาบน้ำ"ท่านพี่นอกจากเขาจะเลือกกินแล้ว ยังรักสะอาดยิ่ง อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลับอยากอาบน้ำวันละหลายรอบ"หยางเอ้อหลางจึงสั่งอาชิงให้เตรียมน้ำอุ่น หลังจากนั้นเขากลับเป็นฝ่ายดูแลนางด้วยตนเอง ถอดอาภรณ์ให้นาง ค่อยๆ พานางลงอ่างอย่างระวัง ผิวขององค์หญิงสิบสามเปล่งประกายบอบบาง ส่วนข้อเท้าเนียนนุ่มเล็กๆ ของนาง ยิ่งไม่อาจรับร่างกายที่หนักอึ้งของครรภ์ได้ หยางเอ้อหลางจึงต้องระวังเป็นพิเศษอาบน้ำยังไม่ทันเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติยิ่ง มีเลือดไหลออกมาจากช่องทางลับของนาง ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดจะวิ่งจากท้องน้อยถึงไขสันหลัง นางจับข้อมือของหยางเอ้อหลางแน่นห่อปากด้วยความเจ็บปวด"ท่านพี่ ข้าเจ็บ"เพียงเห็นเลือดที่เริ่มไหลออกมาปนกับน้ำในอ่าง เทพสงครามเช่นหยางเอ้อหลางแทบเป็นลมหมดสติยิ่งเห็นนางเจ็บปวดยิ่งรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก ช่วงท้องบิดมวน ปากร้องตะโกนให้อาชิงที่รออยู่ด้านนอกรีบตามหมอตำแยที่เขานำมาเลี้ยงดูในจวนตั้งแต่เดือนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภรรยาหยางเอ้อหลางตั้งใจจะอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำ แต่กลับถูกองค์หญิงสิบสามทั้งข่วนทั้งตบตี