หลังจากอาการไอที่ยากจะต้านทานได้ผ่านพ้นไป นางจึงดื่มยาลงไปด้วยความยากลำบากยาฝืนระงับอาการไอลงไปได้“ฉินเสวี่ยเย่ว์หาเรื่องใส่ตัวเอง จึงถูกแมลงพิษกู่กลืนกิน ตายอยู่ในห้องมืดแล้วเพคะ” หมิ่นจูสงบนิ่งพักใหญ่ ถึงกล่าวขึ้น “ท่านอ๋องเจ็ดและพระชายาอ๋องเจ็ดคงจะมาเพราะเรื่องนางเป็นแน่ องค์ชายหกอย่าได้กังวลไป
เมื่อหลี่ชิงอวิ๋นได้ยินว่ามีศพ พลันตกตะลึงไปทันทีมิน่าเล่าพระชายาอ๋องเจ็ดถึงได้พูดคำพูดเหล่านั้น ภายในจวนแห่งนี้ เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นดั่งคาดพบศพเป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องที่อยู่ในขอบเขตการรับผิดชอบของเขาเช่นกันหลี่ชิงอวิ๋นเหยียดเอวตรงทันที“ฮูหยินท่านนี้ อีกประเดี๋ยวท่านโปรดอธิบายให้ชัดเจนด้วย
เป็นอย่างที่เหล่ามือปราบได้ว่าเอาไว้ ภายในห้องนี้เต็มไปด้วยสิ่งของที่ทำให้ผู้ต้องขนลุกตุ๊กตาน่าสงสัยแถวหนึ่งจัดวางเรียงรายไว้ด้านบน ตุ๊กตานั้นราวกับกำลังยิ้มแย้ม ทั้งยังเหมือนกับกำลังร้องไห้ มองจากที่ไกล ๆ นั้นดูเหมือนเป็นของจริงบนผนังฝั่งตรงข้าม ใช้เลือดเขียนอักษรคำว่า “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไปตายเสีย”
หลังจากหมิ่นจูได้ยินเสียงที่เปี่ยมไปด้วยพลังของฉินเหยี่ยนเย่ว์แล้ว ในใจพลันหนักอึ้งเป็นอย่างที่นางได้ทำนายเอาไว้จริง ๆ งูสวรรค์ดำทำอะไรฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ได้ด้วยซ้ำหลังจากงูเพลิงแดงล้มเหลวติด ๆ กัน งูสวรรค์ดำก็ยังมาล้มเหลวอีก!ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิได้รับผลกระทบ กลับเป็นฉินเสวี่ยเย่ว์...ยามที่หมิ่นจูนึ
เรื่องที่ไร้หลักฐาน พลั้งเผลอพูดออกมาโดยไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน อาจถูกแว้งกัดกลับมาได้นางที่สุขุมมาโดยตลอดครานี้กลับจิตใจสับสนวุ่นวายเนื่องจากความตื่นตกใจ จึงพูดถ้อยคำที่ไม่ได้พูดออกมาจากใจจริงออกไปหมิ่นจูคิดหมุนวนอยู่หลายตลบ ยิ่งรู้สึกว่าคำพูดเมื่อครู่นี้นั้นโง่เขลายิ่งนักนางพยายามลุกขึ้นยืนเพื่อ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุดพ้นจากปัญจญาตุ เปลี่ยนชะตาชีวิต มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นนั่นก็คือ ยืมซากคืนชีพ!หรืออาจกล่าวได้ว่า ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตัวจริงตายไปนานแล้วฉินเหยี่ยนเย่ว์ในตอนนี้ มิใช่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตัวจริงด้วยซ้ำ คนที่อยู่ในร่างกาย เป็นอีกคนทว่า ชะตาชีวิตของคนข้างกาย ก็ถูกวิญญาณนี้บีบ
เพียงแค่ให้นางเห็นแก่ฉินเสวี่ยเย่ว์ที่ตายไปแล้ว และไม่ถือสาหาความเรื่องในอดีตอีกต่อไปแน่นอนว่าไม่ถือสาหาความเรื่องแมลงพิษกู่ด้วยเช่นกันหมิ่นจูต้องการให้นางจัดงานศพให้แก่ฉินเสวี่ยเย่ว์ ทำให้ภายนอกได้เห็น และทิ้งชื่อเสียงดีงามด้านมิตรภาพระหว่างพี่สาวและน้องสาวไว้ขณะเดียวกัน ก็จะไม่มีคนใช้ประโยชน์จา
“ท่าน” หมิ่นจูเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยเดิมนางคิดว่าเอ่ยถึงเรื่องเฟิ่งซีผู้มีจิตใจดี จะสามารถทำให้ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกพะว้าพะวังขึ้นมาได้บ้างทว่าคาดไม่ถึงเลยว่า จู่ ๆ ฉินเหยี่ยนเย่ว์จะโมโหขึ้นมากระทั่งใบหน้ายังฉีกทิ้ง“คนตายถือเป็นผู้ยิ่งใหญ่...ยิ่งไปกว่านั้นเป็นมารดาของท่านที่คาดหวังว่าท่านมีความ
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได