ตู้เหิงรีบเอามือยกขึ้นปิดปาก พลางส่ายหน้า “ท่านอ๋องระงับโทสะด้วย กระหม่อมไม่พูดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ในกลุ่มคนที่จับตัวออกมาได้นั้น สาวใช้คนหนึ่งได้ถูกสุนัขทำให้ตกใจจนเป็นลมไปสาวใช้คนหนึ่งตกใจจนทรุดตัวลงกับพื้นลุกไม่ขึ้นสาวใช้ที่พอจะฝืนยืนตัวตรงได้ก็ตัวสั่นไม่หยุดราวกับเป็นตะแกรง ใบหน้าถอดสีส่วนคุณหนูสอ
สีหน้าของซูเตี่ยนฉิงไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งตงฟางหลีโมโหโกรธา เพื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่เสียดายเลยที่มือจะต้องเปื้อนเลือดความโปรดปรานขั้นนี้ ทำให้นางอิจฉาจนสีหน้าเปลี่ยนไปทั้ง ๆ ที่ ก่อนหน้านี้ไม่นาน นางยังสามารถเรียกเขาว่าเสด็จพี่หลีอย่างสนิทสนมได้ และเขาก็จะหันมาส่งยิ้มอ่อนโยนให้นางอยู่เลยฉินเหยี่ยน
ครั้นซูเตี่ยนฉิงได้ยินคำกล่าวโทษของคุณหนูสื่อ นัยน์ตาพลันเบิกกว้าง ในดวงตาเต็มเปี่ยมด้วยน้ำตาของผู้บริสุทธิ์ก่อนกล่าวด้วยท่าทีอ่อนโยน สีหน้าบริสุทธิ์ น้ำเสียงสะอึกสะอื้น “คุณหนูสื่อ เจ้าพูดอะไรน่ะ? ข้าวกินมั่วซั่วได้ แต่วาจามิอาจพูดส่งเดชได้นะ ข้าฟังพวกเจ้าพูดไม่เข้าใจด้วยซ้ำ”“ความผิดที่พวกเจ้าได้
“ข้าเป็นตัวอะไร แล้วท่านมิใช่ตัวอะไรหรือ?” ตู้เหิงแสดงสีหน้ารังเกียจ สุนัขเปลี่ยนนิสัยกินมูลไม่ได้ฉันใด ซูเตี่ยนฉิงก็เปลี่ยนนิสัยเสแสร้งไม่ได้ฉันนั้นเขามองเห็นท่าทางเสแสร้งอ่อนแอนั่นแล้วก็มีโทสะเป็นสตรี ทว่าไม่เป็นเหมือนพระชายา ที่คำพูดและการกระทำสอดคล้องกัน กล้าทำกล้ารับ ใจกว้างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ
“เสด็จพี่หลี!”“แม่นางซู อย่าให้ข้าต้องเตือนอีก เจ้าโปรดเรียกข้าว่าท่านอ๋องเจ็ดด้วย” ตงฟางหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“หม่อมฉันไม่เข้าใจ หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ในน้ำเสียงซูเตี่ยนฉิงเจือเสียงสะอื้นไห้ นางสะอึกสะอื้นไม่หยุด ก่อนยกมือขึ้นกุมหน้าอก ราวกับเจ็บปวดเป็นอย่างมาก “ระยะเวลาเพีย
ตอนนั้น คุณหนูสื่อเผลอทำเศษเงินก้อนหนึ่งตกโดยไม่ทันระวัง นางคร้านจะค้อมเอวลงไปเก็บ จึงถูกเหล่าขอทานรุมแย่งไปเรื่องนี้ก็เลยถูกซูเตี่ยนฉิงนำมาใช้ประโยชน์ ถึงได้มีอุบัติเหตุในครั้งนี้ในตอนแรกที่วางแผนเรื่องนี้ไว้นั้น นอกจากกลุ่มพวกนางแล้ว ยังมีอีกสองคนสองคนนั้นก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเช่นกัน ย่อมรู้เรื
ผู้ใดจะรู้ เพิ่งจะลำพองใจได้ไม่ถึงเวลาหนึ่งก้านธูปก็ถูกเชิญลงหลุมแล้ว!“ท่านจะไร้เหตุผลไม่ได้นะเพคะ นี่เกี่ยวอันใดกับพวกเราด้วย?” พวกนางไม่เต็มใจ “พวกท่านมีหลักฐานหรือไม่? ถือสิทธิ์อันใดถึงทำกับพวกเราแบบนี้?”“หลักฐาน? หลักฐานมิได้อยู่ในหลุมหรอกหรือ? ยังต้องการหลักฐานอันใดอีก?” ตู้เหิงรำคาญเล็กน้อย
ตงฟางหลีเหมือนกับไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น ไม่แม้แต่จะเหลือบตามองซูเตี่ยนฉิงด้วยซ้ำเมื่อตู้เหิงได้ยินถ้อยคำนี้ก็ดีอกดีใจขึ้นมาตอนที่นางดอกบัวขาวสกุลซูกระโดดออกมา ท่านอ๋องมิได้แสดงท่าทีอันใดออกมาเขายังคิดว่าท่านอ๋องยังคิดถึงมิตรภาพในอดีต จึงมิอาจตัดใจลงโทษนางปีศาจซูได้เสียอีกในใจนั้นเป็นเดือดเป็น
“ภายหลัง ตู้จ้งได้เจอกับหญิงม่ายคนหนึ่ง หญิงม่ายยังมีบุตรวัยสามขวบด้วยคนหนึ่ง” สายตาของเขาผินมองไปนอกหน้าต่าง “นั่นก็คือช่างปักคนนั้น เป็นเพราะเขาถูกหลอกมาหลายครั้ง ข้าถึงได้ฝากให้เจ้าช่วยสืบสักหน่อย”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอามือเท้าคาง นิ้วก็เคาะที่โต๊ะอย่างไม่เป็นจังหวะช่างปักคนนั้นหน้าตาหมดจด ใบหน้าดูใ
“พระชายาคิดว่าข้าโง่ เช่นนั้นข้าก็โง่” ตงฟางหลีฉวยจังหวะจุมพิตหน้าผากของนางก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากที่ไกล ๆตู้จ้งและตู้เหิงเกรงว่าคงจะมากันแล้วเขามุ่นหัวคิ้ว ประทับบนริมฝีปากของนางหนัก ๆ “ตู้จ้งจะมารายงานข่าว”“ต้องให้หม่อมฉันหลบหรือไม่?”ตงฟางหลีนัยน์ตาเป็นประกาย “อืม ข้าได้ให้คนตัดเย
“ท่านอธิบายให้หม่อมฉันฟังเสียดี ๆ!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หน้าบึ้งหันหน้าไปอีกทาง“ยามเช้าข้าให้เฝ่ยชุ่ยเอายาไปให้เจ้า เจ้าไม่ได้รับหรือ?” ตงฟางหลีผินใบหน้านางให้หันกลับมา เผชิญหน้ากับนาง “ข้าตั้งใจให้ลู่ซิวทำขึ้นมาในคืนเดียวเชียวนะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกถึงขวดขนาดเล็กที่เฝ่ยชุ่ยมอบให้นาง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจนิสัยของสองพี่น้องนี้ ช่างมีนิสัยตรงข้ามกันเสียจริงตงฟางหลีดื่มชาในถ้วยรวดเดียวหมดไอจากชาลอยบดบัง แสงดาวที่หว่างคิ้วน่ามองคู่นั้นประกายวับวาบยามที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เหลือบตาขึ้นมอง ได้เห็นแสงดาวในแววตาของตงฟางหลีเข้าพอดีแสงนั้นสองสว่าง ดั่งดวงดาวนับพันหมื่นดวง
“ข้าถูกใส่ร้าย” ตงฟางหลีชูมือขึ้น “อยู่ดี ๆ คิดไปถึงเรื่องพวกนั้นได้อย่างไรกัน? มิใช่ตกลงกันแล้วหรือว่าจะไม่เอาเรื่องเก่าขึ้นมาพูดอีก? เรื่องในอดีตเป็นความผิดของข้า มิใช่ว่าเจ้าลงโทษข้าไปแล้วหรือ? พวกเราปรับความเข้าใจกันแล้วมิใช่หรือ?”“ลงโทษแล้ว แล้วก็ทุบตีไปแล้ว แต่หม่อมฉันยังอารมณ์ไม่ดีอยู่เพคะ”
ในขณะนั้นเองภายในศาลาสูงที่ลานด้านหลังของตำหลังหมิงอวี้ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำลังดื่มชาตรงข้ามตงฟางหลีเมื่อครู่หลังจากตู้เหิงมาเคาะประตูรายงาน และถูกตงฟางหลีไล่ออกไป นางที่เดิมมิได้หลับสนิทก็ได้ตื่นขึ้นมา เมื่อสอบถามอย่างละเอียด ถึงได้รู้ว่าฮูหยินซูมาขอพบนางนึกสงสัยอยู่บ้างว่าฮูหยินซูเอาของขวัญอะไรมา
“ขอร้องเจ้าอย่าทำเช่นนี้ ปล่อยซวงเอ๋อร์ลงเถิด”ตู้เหิงหาได้สนใจไม่ลมหนาวพัดมาหวีดหวิวกลิ่นอายสังหารบนร่างกายของเขาแผ่กำจายไปทั่วทุกทิศทาง และเลือนราง และมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวออกไป ฮูหยินซูตกใจจนขาอ่อนยวบ นางกลัวว่าซูเตี่ยนซวงจะถูกบีบคอตายจริง ๆ จึงเดินเข้ามาดึงแขนของตู้เหิงตู้เหิงไม่ชอบให้สตรีส
ซูเตี่ยนซวงคิดจะวิ่งไปทางตำหนักหมิงอวี้“ท่านจะทำอะไร?” ตู้เหิงขวางนางไว้ กลิ่นอายบนร่างกายพลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก “พระชายาไม่ต้อนรับแขก ท่านฟังภาษาคนไม่เข้าใจจริง ๆ หรือ?”“เจ้าสุนัขรับใช้หลีกไป” ซูเตี่ยนซวงถ่มน้ำลายใส่เขา “หากเจ้ากล้าขวางทางข้าอีก ข้าจะตีเจ้าให้ตายเสีย”“ท่านว่าอย่างไรนะ?”“ข้า
เมื่อเรื่องเกี่ยวพันกับชีวิตของบุตรสาว นางจำต้องถ่อมตนเข้าไว้ ทำได้เพียงกดเพลิงโทสะไว้ “องครักษ์ตู้ บุตรสาวคนเล็กไม่รู้จักความ ล่วงเกินที่ใดไปก็ขออภัยให้ด้วย ข้าขอโทษเจ้าแทนบุตรสาวคนเล็กด้วย”“ท่านแม่ ไยท่านต้องไปขอโทษบ่าวรับใช้คนนี้ด้วย?” ซูเตี่ยนซวงไม่พอใจ “ท่านดูท่าทีนี้ของเขาสิเจ้าคะ ไม่เห็นพวกเ