ผู้ใดจะรู้ เพิ่งจะลำพองใจได้ไม่ถึงเวลาหนึ่งก้านธูปก็ถูกเชิญลงหลุมแล้ว!“ท่านจะไร้เหตุผลไม่ได้นะเพคะ นี่เกี่ยวอันใดกับพวกเราด้วย?” พวกนางไม่เต็มใจ “พวกท่านมีหลักฐานหรือไม่? ถือสิทธิ์อันใดถึงทำกับพวกเราแบบนี้?”“หลักฐาน? หลักฐานมิได้อยู่ในหลุมหรอกหรือ? ยังต้องการหลักฐานอันใดอีก?” ตู้เหิงรำคาญเล็กน้อย
ตงฟางหลีเหมือนกับไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น ไม่แม้แต่จะเหลือบตามองซูเตี่ยนฉิงด้วยซ้ำเมื่อตู้เหิงได้ยินถ้อยคำนี้ก็ดีอกดีใจขึ้นมาตอนที่นางดอกบัวขาวสกุลซูกระโดดออกมา ท่านอ๋องมิได้แสดงท่าทีอันใดออกมาเขายังคิดว่าท่านอ๋องยังคิดถึงมิตรภาพในอดีต จึงมิอาจตัดใจลงโทษนางปีศาจซูได้เสียอีกในใจนั้นเป็นเดือดเป็น
เขาลอบคิดเงียบ ๆ รอให้พระชายาฟื้นขึ้นมาแล้ว จะไปฟ้องแน่นอนครั้นได้ยินคำสุดท้าย อาการเลือดร้อนที่หาได้ยากได้พลุ่งพล่านขึ้นมาเขารู้อยู่แล้ว ท่านอ๋องที่เย็นชาดั่งหิมะไม่มีทางที่จะอธิบายมากมายเพียงนี้ต่อหน้าธารกำนัลโดยไร้เหตุผลนอกเสียจากว่าอยู่ต่อหน้าพระชายา ท่านอ๋องจะพูดน้อยมาตลอดไม่ต้องพูดว่าอยู่ภ
ซูเตี่ยนฉิงเป็นวรยุทธ์อยู่บ้าง และเรี่ยวแรงที่ใช้ในการตวัดมือตบครั้งนี้ก็ไม่น้อยเลยตู้เหิงยกมือแตะแก้มตน รู้สึกแสบร้อนบนใบหน้าเขาตะลึงงันเล็กน้อยนี่คือ เขาถูกตบหรือ?เขาถูกแม่นางตบหรือ?หากฝ่ามือนี้เป็นของแม่นางสุ่ยเยียน เขาคงดีใจจนกินอะไรไม่ลงไปสามวันสามคืนทว่าฝ่ามือนี้เป็นของซูเตี่ยนฉิงสตรีแพ
องค์หญิงอันชางร้อนใจเล็กน้อยเจ้าเจ็ดเป็นคนสุขุมและสงวนท่าทีมาโดยตลอด เหตุใดจู่ ๆ ถึงหัวแข็งขึ้นมาได้?“เจ้าเจ็ด!”องค์หญิงอันชางพูดเกลี้ยกล่อม “เรื่องถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าได้ลงโทษพวกเขาแล้ว และพวกเขาต่างรู้ความผิดแล้ว อะไรที่ให้อภัยได้ก็ให้อภัยเสีย นี่ข้าก็คิดเพื่อเจ้านะ เจ้ารีบหยุดมือเถอะ อย่าทำต่อเ
“ตงฟางหลี!” ซูเตี่ยนฉิงเอ่ยเสียงแหลม “ท่านกล้า ท่านกล้าทำแบบนี้กับหม่อมฉัน”นางพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนในหลุมขายืนได้ไม่มั่นคงนัก และเซไปมาอยู่หลายก้าวเผอิญว่าองครักษ์ถือพลั่วแล้วตักดินลงมา ดินทั้งหมดจึงตกลงบนศีรษะของนางดินเป็นแผ่นแข็ง ๆ ตกลงบนศีรษะของนาง กระแทกเครื่องประดับผมอันวิจิตรของนางพ
ในตอนแรกซูเตี่ยนฉิงยังสามารถดิ้นรนได้ทว่ายิ่งดินมากขึ้น นางก็ไม่สามารถดิ้นรนได้อีกต่อไป ทำได้เพียงด่ากราดยกใหญ่หลังจากด่าทอเป็นเวลานาน รสคาวหวานก็ปรากฏขึ้นในลำคอ เสียงเริ่มแหบแห้งนางเจ็บคอมาก และหลังจากโขลกไออย่างรุนแรงอยู่นาน จึงทำได้เพียงอ้าปากทว่าไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ได้อีกนอกจากซูเตี่ยนฉิงแ
ตงฟางหลีซึ่งแต่เดิมเต็มไปด้วยไอสังหารทว่าได้ยินเสียงนี้แล้ว ไอสังหารพลันหายวับไปรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าเย็นชาราวกับว่าน้ำแข็งทลายลง เฉกเช่นพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นส่องทะลุน้ำแข็งหมื่นปี ความหนาวเย็นและไอสังหารละลายหายไปในฤดูวสันต์เสมือนเมฆหนาจางหายไปและได้เห็นสีท้องฟ้าในที่สุดแรงกดดันที่ส่งผลต
“ภายหลัง ตู้จ้งได้เจอกับหญิงม่ายคนหนึ่ง หญิงม่ายยังมีบุตรวัยสามขวบด้วยคนหนึ่ง” สายตาของเขาผินมองไปนอกหน้าต่าง “นั่นก็คือช่างปักคนนั้น เป็นเพราะเขาถูกหลอกมาหลายครั้ง ข้าถึงได้ฝากให้เจ้าช่วยสืบสักหน่อย”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอามือเท้าคาง นิ้วก็เคาะที่โต๊ะอย่างไม่เป็นจังหวะช่างปักคนนั้นหน้าตาหมดจด ใบหน้าดูใ
“พระชายาคิดว่าข้าโง่ เช่นนั้นข้าก็โง่” ตงฟางหลีฉวยจังหวะจุมพิตหน้าผากของนางก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากที่ไกล ๆตู้จ้งและตู้เหิงเกรงว่าคงจะมากันแล้วเขามุ่นหัวคิ้ว ประทับบนริมฝีปากของนางหนัก ๆ “ตู้จ้งจะมารายงานข่าว”“ต้องให้หม่อมฉันหลบหรือไม่?”ตงฟางหลีนัยน์ตาเป็นประกาย “อืม ข้าได้ให้คนตัดเย
“ท่านอธิบายให้หม่อมฉันฟังเสียดี ๆ!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หน้าบึ้งหันหน้าไปอีกทาง“ยามเช้าข้าให้เฝ่ยชุ่ยเอายาไปให้เจ้า เจ้าไม่ได้รับหรือ?” ตงฟางหลีผินใบหน้านางให้หันกลับมา เผชิญหน้ากับนาง “ข้าตั้งใจให้ลู่ซิวทำขึ้นมาในคืนเดียวเชียวนะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกถึงขวดขนาดเล็กที่เฝ่ยชุ่ยมอบให้นาง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจนิสัยของสองพี่น้องนี้ ช่างมีนิสัยตรงข้ามกันเสียจริงตงฟางหลีดื่มชาในถ้วยรวดเดียวหมดไอจากชาลอยบดบัง แสงดาวที่หว่างคิ้วน่ามองคู่นั้นประกายวับวาบยามที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เหลือบตาขึ้นมอง ได้เห็นแสงดาวในแววตาของตงฟางหลีเข้าพอดีแสงนั้นสองสว่าง ดั่งดวงดาวนับพันหมื่นดวง
“ข้าถูกใส่ร้าย” ตงฟางหลีชูมือขึ้น “อยู่ดี ๆ คิดไปถึงเรื่องพวกนั้นได้อย่างไรกัน? มิใช่ตกลงกันแล้วหรือว่าจะไม่เอาเรื่องเก่าขึ้นมาพูดอีก? เรื่องในอดีตเป็นความผิดของข้า มิใช่ว่าเจ้าลงโทษข้าไปแล้วหรือ? พวกเราปรับความเข้าใจกันแล้วมิใช่หรือ?”“ลงโทษแล้ว แล้วก็ทุบตีไปแล้ว แต่หม่อมฉันยังอารมณ์ไม่ดีอยู่เพคะ”
ในขณะนั้นเองภายในศาลาสูงที่ลานด้านหลังของตำหลังหมิงอวี้ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำลังดื่มชาตรงข้ามตงฟางหลีเมื่อครู่หลังจากตู้เหิงมาเคาะประตูรายงาน และถูกตงฟางหลีไล่ออกไป นางที่เดิมมิได้หลับสนิทก็ได้ตื่นขึ้นมา เมื่อสอบถามอย่างละเอียด ถึงได้รู้ว่าฮูหยินซูมาขอพบนางนึกสงสัยอยู่บ้างว่าฮูหยินซูเอาของขวัญอะไรมา
“ขอร้องเจ้าอย่าทำเช่นนี้ ปล่อยซวงเอ๋อร์ลงเถิด”ตู้เหิงหาได้สนใจไม่ลมหนาวพัดมาหวีดหวิวกลิ่นอายสังหารบนร่างกายของเขาแผ่กำจายไปทั่วทุกทิศทาง และเลือนราง และมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวออกไป ฮูหยินซูตกใจจนขาอ่อนยวบ นางกลัวว่าซูเตี่ยนซวงจะถูกบีบคอตายจริง ๆ จึงเดินเข้ามาดึงแขนของตู้เหิงตู้เหิงไม่ชอบให้สตรีส
ซูเตี่ยนซวงคิดจะวิ่งไปทางตำหนักหมิงอวี้“ท่านจะทำอะไร?” ตู้เหิงขวางนางไว้ กลิ่นอายบนร่างกายพลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก “พระชายาไม่ต้อนรับแขก ท่านฟังภาษาคนไม่เข้าใจจริง ๆ หรือ?”“เจ้าสุนัขรับใช้หลีกไป” ซูเตี่ยนซวงถ่มน้ำลายใส่เขา “หากเจ้ากล้าขวางทางข้าอีก ข้าจะตีเจ้าให้ตายเสีย”“ท่านว่าอย่างไรนะ?”“ข้า
เมื่อเรื่องเกี่ยวพันกับชีวิตของบุตรสาว นางจำต้องถ่อมตนเข้าไว้ ทำได้เพียงกดเพลิงโทสะไว้ “องครักษ์ตู้ บุตรสาวคนเล็กไม่รู้จักความ ล่วงเกินที่ใดไปก็ขออภัยให้ด้วย ข้าขอโทษเจ้าแทนบุตรสาวคนเล็กด้วย”“ท่านแม่ ไยท่านต้องไปขอโทษบ่าวรับใช้คนนี้ด้วย?” ซูเตี่ยนซวงไม่พอใจ “ท่านดูท่าทีนี้ของเขาสิเจ้าคะ ไม่เห็นพวกเ