ผู้ใดจะรู้ เพิ่งจะลำพองใจได้ไม่ถึงเวลาหนึ่งก้านธูปก็ถูกเชิญลงหลุมแล้ว!“ท่านจะไร้เหตุผลไม่ได้นะเพคะ นี่เกี่ยวอันใดกับพวกเราด้วย?” พวกนางไม่เต็มใจ “พวกท่านมีหลักฐานหรือไม่? ถือสิทธิ์อันใดถึงทำกับพวกเราแบบนี้?”“หลักฐาน? หลักฐานมิได้อยู่ในหลุมหรอกหรือ? ยังต้องการหลักฐานอันใดอีก?” ตู้เหิงรำคาญเล็กน้อย
ตงฟางหลีเหมือนกับไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น ไม่แม้แต่จะเหลือบตามองซูเตี่ยนฉิงด้วยซ้ำเมื่อตู้เหิงได้ยินถ้อยคำนี้ก็ดีอกดีใจขึ้นมาตอนที่นางดอกบัวขาวสกุลซูกระโดดออกมา ท่านอ๋องมิได้แสดงท่าทีอันใดออกมาเขายังคิดว่าท่านอ๋องยังคิดถึงมิตรภาพในอดีต จึงมิอาจตัดใจลงโทษนางปีศาจซูได้เสียอีกในใจนั้นเป็นเดือดเป็น
เขาลอบคิดเงียบ ๆ รอให้พระชายาฟื้นขึ้นมาแล้ว จะไปฟ้องแน่นอนครั้นได้ยินคำสุดท้าย อาการเลือดร้อนที่หาได้ยากได้พลุ่งพล่านขึ้นมาเขารู้อยู่แล้ว ท่านอ๋องที่เย็นชาดั่งหิมะไม่มีทางที่จะอธิบายมากมายเพียงนี้ต่อหน้าธารกำนัลโดยไร้เหตุผลนอกเสียจากว่าอยู่ต่อหน้าพระชายา ท่านอ๋องจะพูดน้อยมาตลอดไม่ต้องพูดว่าอยู่ภ
ซูเตี่ยนฉิงเป็นวรยุทธ์อยู่บ้าง และเรี่ยวแรงที่ใช้ในการตวัดมือตบครั้งนี้ก็ไม่น้อยเลยตู้เหิงยกมือแตะแก้มตน รู้สึกแสบร้อนบนใบหน้าเขาตะลึงงันเล็กน้อยนี่คือ เขาถูกตบหรือ?เขาถูกแม่นางตบหรือ?หากฝ่ามือนี้เป็นของแม่นางสุ่ยเยียน เขาคงดีใจจนกินอะไรไม่ลงไปสามวันสามคืนทว่าฝ่ามือนี้เป็นของซูเตี่ยนฉิงสตรีแพ
องค์หญิงอันชางร้อนใจเล็กน้อยเจ้าเจ็ดเป็นคนสุขุมและสงวนท่าทีมาโดยตลอด เหตุใดจู่ ๆ ถึงหัวแข็งขึ้นมาได้?“เจ้าเจ็ด!”องค์หญิงอันชางพูดเกลี้ยกล่อม “เรื่องถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าได้ลงโทษพวกเขาแล้ว และพวกเขาต่างรู้ความผิดแล้ว อะไรที่ให้อภัยได้ก็ให้อภัยเสีย นี่ข้าก็คิดเพื่อเจ้านะ เจ้ารีบหยุดมือเถอะ อย่าทำต่อเ
“ตงฟางหลี!” ซูเตี่ยนฉิงเอ่ยเสียงแหลม “ท่านกล้า ท่านกล้าทำแบบนี้กับหม่อมฉัน”นางพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนในหลุมขายืนได้ไม่มั่นคงนัก และเซไปมาอยู่หลายก้าวเผอิญว่าองครักษ์ถือพลั่วแล้วตักดินลงมา ดินทั้งหมดจึงตกลงบนศีรษะของนางดินเป็นแผ่นแข็ง ๆ ตกลงบนศีรษะของนาง กระแทกเครื่องประดับผมอันวิจิตรของนางพ
ในตอนแรกซูเตี่ยนฉิงยังสามารถดิ้นรนได้ทว่ายิ่งดินมากขึ้น นางก็ไม่สามารถดิ้นรนได้อีกต่อไป ทำได้เพียงด่ากราดยกใหญ่หลังจากด่าทอเป็นเวลานาน รสคาวหวานก็ปรากฏขึ้นในลำคอ เสียงเริ่มแหบแห้งนางเจ็บคอมาก และหลังจากโขลกไออย่างรุนแรงอยู่นาน จึงทำได้เพียงอ้าปากทว่าไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ได้อีกนอกจากซูเตี่ยนฉิงแ
ตงฟางหลีซึ่งแต่เดิมเต็มไปด้วยไอสังหารทว่าได้ยินเสียงนี้แล้ว ไอสังหารพลันหายวับไปรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าเย็นชาราวกับว่าน้ำแข็งทลายลง เฉกเช่นพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นส่องทะลุน้ำแข็งหมื่นปี ความหนาวเย็นและไอสังหารละลายหายไปในฤดูวสันต์เสมือนเมฆหนาจางหายไปและได้เห็นสีท้องฟ้าในที่สุดแรงกดดันที่ส่งผลต
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได