ราวกับว่า หากเปิดปากพูดออกมาก็จะถูกฝังทันทีพวกเขาไม่ว่าใครก็มิกล้าปริปากพูดอะไรออกมาอีกภายใต้ความหวาดกลัวจากความตายที่ลอยปกคลุม ร่างกายจึงสั่นเทาราวกับตะแกรงไม่หยุด“ตู้เหิง ลงมือ” หลังจากผ่านไปเนิ่นนานครู่ใหญ่ ตงฟางหลีจึงเอ่ยขึ้น“พ่ะย่ะค่ะ” ตู้เหิงพาคนจับตัวคนกลุ่มนี้โยนลงไปในหลุมที่ขุดไว้เป็นอย
ตงฟางหลีปรายตามองตู้เหิงด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่งตู้เหิงตัวสั่น เขาฝืนหัวเราะออกมา “ทุกคนล้วนถูกท่านอ๋องทำให้ตกใจหมดแล้ว นี่กระหม่อมมิใช่เห็นว่าบรรยากาศตึงเครียดเกินไป จึงปรับบรยากาศหรือ”“ท่านอ๋อง ท่านดูสิ เศษเงินล้วนเก็บรวบรวมหมดแล้ว ท่านคิดจะทำอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ตงฟางหลีไม่สนใจเขาสายตาเขากวาดไปย
เถี่ยตั้นหาได้เข้าใจไม่ ก่อนจะคาบอีกเหรียญขึ้นมาอีกครั้งครานี้มันเรียนรู้จนฉลาดแล้ว มิได้คาบให้ตงฟางหลี แต่คาบไปให้ตู้เหิงแทน“เด็กดี เจ้าฉลาดมาก ไม่เสียแรงที่ตีเจ้า” ตู้เหิงรับเหรียญมาอย่างมีความสุขส่วนตงฟางหลีขมวดคิ้วมุ่นสุนัขโง่ตั้งความหวังไว้ไม่ได้ เช่นนั้นก็คงทำได้เพียง...ฝังทุกคนทิ้งเสีย!
องค์หญิงอันชางมีพื้นฐานจิตใจดี ชอบคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม ชอบไกล่เกลี่ยยุติความขัดแย้ง และชอบให้น้อยเรื่องดีกว่ามากเรื่องเรื่องเหล่านี้ เขาเข้าใจทว่า หากครั้งนี้ปล่อยฆาตรกรเหล่านั้นไปอย่างง่ายดายไม่แน่ว่าอาจจะมีครั้งที่สอง ครั้งที่สามเกิดขึ้น...ครั้งนี้โชคดีที่เขาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย จึงช่วยเหลือ
ตู้เหิงรีบเอามือยกขึ้นปิดปาก พลางส่ายหน้า “ท่านอ๋องระงับโทสะด้วย กระหม่อมไม่พูดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ในกลุ่มคนที่จับตัวออกมาได้นั้น สาวใช้คนหนึ่งได้ถูกสุนัขทำให้ตกใจจนเป็นลมไปสาวใช้คนหนึ่งตกใจจนทรุดตัวลงกับพื้นลุกไม่ขึ้นสาวใช้ที่พอจะฝืนยืนตัวตรงได้ก็ตัวสั่นไม่หยุดราวกับเป็นตะแกรง ใบหน้าถอดสีส่วนคุณหนูสอ
สีหน้าของซูเตี่ยนฉิงไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งตงฟางหลีโมโหโกรธา เพื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่เสียดายเลยที่มือจะต้องเปื้อนเลือดความโปรดปรานขั้นนี้ ทำให้นางอิจฉาจนสีหน้าเปลี่ยนไปทั้ง ๆ ที่ ก่อนหน้านี้ไม่นาน นางยังสามารถเรียกเขาว่าเสด็จพี่หลีอย่างสนิทสนมได้ และเขาก็จะหันมาส่งยิ้มอ่อนโยนให้นางอยู่เลยฉินเหยี่ยน
ครั้นซูเตี่ยนฉิงได้ยินคำกล่าวโทษของคุณหนูสื่อ นัยน์ตาพลันเบิกกว้าง ในดวงตาเต็มเปี่ยมด้วยน้ำตาของผู้บริสุทธิ์ก่อนกล่าวด้วยท่าทีอ่อนโยน สีหน้าบริสุทธิ์ น้ำเสียงสะอึกสะอื้น “คุณหนูสื่อ เจ้าพูดอะไรน่ะ? ข้าวกินมั่วซั่วได้ แต่วาจามิอาจพูดส่งเดชได้นะ ข้าฟังพวกเจ้าพูดไม่เข้าใจด้วยซ้ำ”“ความผิดที่พวกเจ้าได้
“ข้าเป็นตัวอะไร แล้วท่านมิใช่ตัวอะไรหรือ?” ตู้เหิงแสดงสีหน้ารังเกียจ สุนัขเปลี่ยนนิสัยกินมูลไม่ได้ฉันใด ซูเตี่ยนฉิงก็เปลี่ยนนิสัยเสแสร้งไม่ได้ฉันนั้นเขามองเห็นท่าทางเสแสร้งอ่อนแอนั่นแล้วก็มีโทสะเป็นสตรี ทว่าไม่เป็นเหมือนพระชายา ที่คำพูดและการกระทำสอดคล้องกัน กล้าทำกล้ารับ ใจกว้างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได