ความรู้สึกหวาดกลัวชนิดหนึ่งที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนพุ่งพรวดเข้ามาในหัวใจความคิดแวบหนึ่งว่านางกำลังจะตาย...ความคิดแวบหนึ่งว่าต่อไปจะไม่มีนางอีกแล้ว...ความคิดแวบหนึ่งที่ว่า เขาจะสูญเสียนางไปตลอดกาล...ขอบตาของเขาแดงก่ำ ไม่อาจระงับความโกรธและไอสังหารจากก้นบึ้งหัวใจของเขาได้ไอสังหาร เหน็บหนาวราวน้ำแข็ง
“เจ้าเจ็ด” พระสนมเหยาตกตะลึงกับรังสีที่ตงฟางหลีกำจายออกมา “อย่าทำอะไรที่โง่เขลานะ”“พระสนมเหยาไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ” ตงฟางหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มีคำกล่าวหนึ่งคำที่ว่า หนี้เลือดต้องชำระด้วยเลือด”ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องไปถึงใครก็ตาม ตราบใดที่กล้าลงมือกับยัยหนู เขาจะไม่มีวันปล่อยไปตงฟางหลีไม่รั
ท่านอ๋องผู้ตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น ยิ่งเห็นเลือดก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น หลังจากเหยียบย่ำบนกองกระดูกไปจนถึงด้านบนสุดแล้ว ใต้ท้องฟ้าพลันมีฝนโลหิตสีแดงฉานตกลงมาเรื่องราวในครานั้นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งราชสำนัก แล้วชื่อเสียงท่านอ๋องเจ็ดกระหายเลือดดั่งพยายมราชก็ได้เผยแพร่ออกไปหลายปีมานี้ ท่านอ๋องเอาแต่พักรักษา
เด็กหนุ่มหน้าเหลืองรูปร่างผอมบางขดตัวอยู่ในมุมเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวแววตาของเขาประกายความหวาดกลัว มือกำเศษเงินก้อนเล็ก ๆ ก้อนหนึ่งในกระเป๋าแน่น พลางเม้มปากอย่างแรงตงฟางหลีหันไปทางเด็กหนุ่มคนนั้นเด็กหนุ่มพยายามหดตัวอยู่ในฝูงชน ไม่กล้าก้าวออกมา“ตู้เหิง”ตู้เหิงรับคำสั่ง ไม่นานก็หิ้วตัวเด็
ราวกับว่า หากเปิดปากพูดออกมาก็จะถูกฝังทันทีพวกเขาไม่ว่าใครก็มิกล้าปริปากพูดอะไรออกมาอีกภายใต้ความหวาดกลัวจากความตายที่ลอยปกคลุม ร่างกายจึงสั่นเทาราวกับตะแกรงไม่หยุด“ตู้เหิง ลงมือ” หลังจากผ่านไปเนิ่นนานครู่ใหญ่ ตงฟางหลีจึงเอ่ยขึ้น“พ่ะย่ะค่ะ” ตู้เหิงพาคนจับตัวคนกลุ่มนี้โยนลงไปในหลุมที่ขุดไว้เป็นอย
ตงฟางหลีปรายตามองตู้เหิงด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่งตู้เหิงตัวสั่น เขาฝืนหัวเราะออกมา “ทุกคนล้วนถูกท่านอ๋องทำให้ตกใจหมดแล้ว นี่กระหม่อมมิใช่เห็นว่าบรรยากาศตึงเครียดเกินไป จึงปรับบรยากาศหรือ”“ท่านอ๋อง ท่านดูสิ เศษเงินล้วนเก็บรวบรวมหมดแล้ว ท่านคิดจะทำอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ตงฟางหลีไม่สนใจเขาสายตาเขากวาดไปย
เถี่ยตั้นหาได้เข้าใจไม่ ก่อนจะคาบอีกเหรียญขึ้นมาอีกครั้งครานี้มันเรียนรู้จนฉลาดแล้ว มิได้คาบให้ตงฟางหลี แต่คาบไปให้ตู้เหิงแทน“เด็กดี เจ้าฉลาดมาก ไม่เสียแรงที่ตีเจ้า” ตู้เหิงรับเหรียญมาอย่างมีความสุขส่วนตงฟางหลีขมวดคิ้วมุ่นสุนัขโง่ตั้งความหวังไว้ไม่ได้ เช่นนั้นก็คงทำได้เพียง...ฝังทุกคนทิ้งเสีย!
องค์หญิงอันชางมีพื้นฐานจิตใจดี ชอบคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม ชอบไกล่เกลี่ยยุติความขัดแย้ง และชอบให้น้อยเรื่องดีกว่ามากเรื่องเรื่องเหล่านี้ เขาเข้าใจทว่า หากครั้งนี้ปล่อยฆาตรกรเหล่านั้นไปอย่างง่ายดายไม่แน่ว่าอาจจะมีครั้งที่สอง ครั้งที่สามเกิดขึ้น...ครั้งนี้โชคดีที่เขาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย จึงช่วยเหลือ
“ภายหลัง ตู้จ้งได้เจอกับหญิงม่ายคนหนึ่ง หญิงม่ายยังมีบุตรวัยสามขวบด้วยคนหนึ่ง” สายตาของเขาผินมองไปนอกหน้าต่าง “นั่นก็คือช่างปักคนนั้น เป็นเพราะเขาถูกหลอกมาหลายครั้ง ข้าถึงได้ฝากให้เจ้าช่วยสืบสักหน่อย”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอามือเท้าคาง นิ้วก็เคาะที่โต๊ะอย่างไม่เป็นจังหวะช่างปักคนนั้นหน้าตาหมดจด ใบหน้าดูใ
“พระชายาคิดว่าข้าโง่ เช่นนั้นข้าก็โง่” ตงฟางหลีฉวยจังหวะจุมพิตหน้าผากของนางก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากที่ไกล ๆตู้จ้งและตู้เหิงเกรงว่าคงจะมากันแล้วเขามุ่นหัวคิ้ว ประทับบนริมฝีปากของนางหนัก ๆ “ตู้จ้งจะมารายงานข่าว”“ต้องให้หม่อมฉันหลบหรือไม่?”ตงฟางหลีนัยน์ตาเป็นประกาย “อืม ข้าได้ให้คนตัดเย
“ท่านอธิบายให้หม่อมฉันฟังเสียดี ๆ!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หน้าบึ้งหันหน้าไปอีกทาง“ยามเช้าข้าให้เฝ่ยชุ่ยเอายาไปให้เจ้า เจ้าไม่ได้รับหรือ?” ตงฟางหลีผินใบหน้านางให้หันกลับมา เผชิญหน้ากับนาง “ข้าตั้งใจให้ลู่ซิวทำขึ้นมาในคืนเดียวเชียวนะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกถึงขวดขนาดเล็กที่เฝ่ยชุ่ยมอบให้นาง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจนิสัยของสองพี่น้องนี้ ช่างมีนิสัยตรงข้ามกันเสียจริงตงฟางหลีดื่มชาในถ้วยรวดเดียวหมดไอจากชาลอยบดบัง แสงดาวที่หว่างคิ้วน่ามองคู่นั้นประกายวับวาบยามที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เหลือบตาขึ้นมอง ได้เห็นแสงดาวในแววตาของตงฟางหลีเข้าพอดีแสงนั้นสองสว่าง ดั่งดวงดาวนับพันหมื่นดวง
“ข้าถูกใส่ร้าย” ตงฟางหลีชูมือขึ้น “อยู่ดี ๆ คิดไปถึงเรื่องพวกนั้นได้อย่างไรกัน? มิใช่ตกลงกันแล้วหรือว่าจะไม่เอาเรื่องเก่าขึ้นมาพูดอีก? เรื่องในอดีตเป็นความผิดของข้า มิใช่ว่าเจ้าลงโทษข้าไปแล้วหรือ? พวกเราปรับความเข้าใจกันแล้วมิใช่หรือ?”“ลงโทษแล้ว แล้วก็ทุบตีไปแล้ว แต่หม่อมฉันยังอารมณ์ไม่ดีอยู่เพคะ”
ในขณะนั้นเองภายในศาลาสูงที่ลานด้านหลังของตำหลังหมิงอวี้ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำลังดื่มชาตรงข้ามตงฟางหลีเมื่อครู่หลังจากตู้เหิงมาเคาะประตูรายงาน และถูกตงฟางหลีไล่ออกไป นางที่เดิมมิได้หลับสนิทก็ได้ตื่นขึ้นมา เมื่อสอบถามอย่างละเอียด ถึงได้รู้ว่าฮูหยินซูมาขอพบนางนึกสงสัยอยู่บ้างว่าฮูหยินซูเอาของขวัญอะไรมา
“ขอร้องเจ้าอย่าทำเช่นนี้ ปล่อยซวงเอ๋อร์ลงเถิด”ตู้เหิงหาได้สนใจไม่ลมหนาวพัดมาหวีดหวิวกลิ่นอายสังหารบนร่างกายของเขาแผ่กำจายไปทั่วทุกทิศทาง และเลือนราง และมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวออกไป ฮูหยินซูตกใจจนขาอ่อนยวบ นางกลัวว่าซูเตี่ยนซวงจะถูกบีบคอตายจริง ๆ จึงเดินเข้ามาดึงแขนของตู้เหิงตู้เหิงไม่ชอบให้สตรีส
ซูเตี่ยนซวงคิดจะวิ่งไปทางตำหนักหมิงอวี้“ท่านจะทำอะไร?” ตู้เหิงขวางนางไว้ กลิ่นอายบนร่างกายพลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก “พระชายาไม่ต้อนรับแขก ท่านฟังภาษาคนไม่เข้าใจจริง ๆ หรือ?”“เจ้าสุนัขรับใช้หลีกไป” ซูเตี่ยนซวงถ่มน้ำลายใส่เขา “หากเจ้ากล้าขวางทางข้าอีก ข้าจะตีเจ้าให้ตายเสีย”“ท่านว่าอย่างไรนะ?”“ข้า
เมื่อเรื่องเกี่ยวพันกับชีวิตของบุตรสาว นางจำต้องถ่อมตนเข้าไว้ ทำได้เพียงกดเพลิงโทสะไว้ “องครักษ์ตู้ บุตรสาวคนเล็กไม่รู้จักความ ล่วงเกินที่ใดไปก็ขออภัยให้ด้วย ข้าขอโทษเจ้าแทนบุตรสาวคนเล็กด้วย”“ท่านแม่ ไยท่านต้องไปขอโทษบ่าวรับใช้คนนี้ด้วย?” ซูเตี่ยนซวงไม่พอใจ “ท่านดูท่าทีนี้ของเขาสิเจ้าคะ ไม่เห็นพวกเ