ใบหน้าที่มักจะรังเกียจสิ่งต่าง ๆ โดยธรรมชาตินั้นเย่อหยิ่งน้อยลง มีความน้อยเนื้อต่ำใจมากขึ้น และในดวงตากลมโตก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำ“เฮยตั้นเป็นอะไรไป?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ลูบหัวของมัน“ท่านอ๋องนำแมวดำตัวนี้มาที่นี่ด้วย นอกจากมันแล้ว ยังมีสุนัขครึ่งหมาป่าตัวหนึ่ง และลูกแกะตัวหนึ่งด้วยเพคะ” เฟ่ยชุ่ยตอบ “สุนัข
“เฟ่ยชุ่ย มาเร็ว ช่วยข้าหวีผม ช่วยข้าหาอาภรณ์ที่เป็นทางการกว่านี้ด้วย”“อา ไม่สิ เจ้าส่งคนไปเรียกหลิ่วฉือที่จวนสกุลฉินมาที่นี่ก่อน ยิ่งเร็วยิ่งดี”ในเวลาเดียวกัน สำรับอาหารก็ยกมาจากห้องครัวพอดีดวงตาทั้งสองของฉินเหยี่ยนเย่ว์ดำขลับด้วยความหิวโหย นางกินซาลาเปาหลายลูกลงไปอย่างตะกละตะกลามรวดเร็วมากเกิน
“พระชายา พวกเราดื่มโจ๊กอยู่ที่บ้านก็ดีอยู่นะเพคะ จำเป็นต้องไปงานเลี้ยงชิมโจ๊กด้วยหรือ?” เฟ่ยชุ่ยนำเสื้อคลุมมาสวมให้ และช่วยผูกสายรัดให้นาง“จำเป็นต้องไป” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยหลังจากเทศกาลลาปาก็จะเป็นปีใหม่ ช่วงสิ้นปีก็มีกิจกรรมมากเกินไป เป็นเวลาที่พระราชวงศ์ยุ่งที่สุดเมื่อถึงตอนนั
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองท่าทางงุนงงของเขา ก่อนจะโบกมือตรงหน้าเขา “นี่ เจ้าไหวไหม?”“หลิ่วฉือ?”“ร้ายหรือดีก็ตอบกลับข้าหน่อย”หลิ่วฉือดูเหมือนคนโง่เขลา พูดคำเหล่านั้นซ้ำไปมาในปาก สีหน้าก็ค่อย ๆ สูญเสียการควบคุมฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกคิ้วคนผู้นี้อาจตกตะลึงกับข่าวนี้จนโง่งมไปแล้ว?นางหยิบเข็มเงินมาหนึ่งเข็ม แท
“ข้าอยากพบนาง” หลิ่วฉือคุกเข่าลง และโขกหัวสามครั้ง “พระชายาอ๋องเจ็ด ได้โปรดพาข้าไปพบพี่สาวของข้าที แม้นเพียงพบหน้ากันครั้งเดียวก็ได้”“ลุกขึ้น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ดึงหลิ่วฉือขึ้นมา “แล้วเจ้าคิดว่าข้าพาเจ้ามาทำไม? ข้าเพิ่งบอกว่าจะพาเจ้าไปพบนางไม่ใช่หรือ? รีบเข้ารีบเช็ดน้ำตาเสีย หากสนมเหยาเห็นเข้า จะคิดว่
เมื่อมองดู ภาพที่อยู่ข้างหลังกลับทำให้ตกใจจนพูดไม่ออกข้างหลังนางกับหลิ่วฉือ มีเจ้าตัวน้อยทั้งสามตามมาด้วยหนึ่งแมว หนึ่งสุนัข และหนึ่งลูกแกะเฮยตั้นนั่งบนหัวของสุนัข จ้องมองทุกคนอย่างสงบด้วยใบหน้ารังเกียจสุนัขอาจจะวิ่งเร็วเกินไป มันหอบจนแลบลิ้นออกมาลูกแกะน้อยอยู่ข้างสุนัขมองไปรอบ ๆ เต็มไปด้วยความ
การพาสัตว์เล็ก ๆ สามตัวมาด้วยโดยที่ไม่รู้ตัวนั้นเป็นความผิดของนางทว่า องค์หญิงอันชางกล่าวไว้แล้ว ในเมื่อเจ้าของงานไม่สนใจ แขกเหรื่อย่อมยิ้มรับแล้วปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปยิ่งไปกว่านั้น เจ้าสามตัวนี้ไม่ได้สร้างความวุ่นวาย หลังจากเข้ามาแล้วก็เอาแต่ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของนาง สุนัขและลูกแกะก็ถูกพากินเนื้
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รอให้นางตอบคำถาม กล่าวต่อไปว่า “เมื่อครู่นี้ข้าหมายความว่า สตรีในห้องหออย่างพวกท่านดูบอบบางดั่งต้นหลิว ถึงกับเทียบพละกำลังกับสุนัข การคลายความเบื่อหน่ายของพวกท่านนี้ประหลาดไปสักหน่อยแล้วกระมัง”“เฮ้อ เมื่อครู่นี้พวกท่านคิดไปถึงที่ไหนกัน? หรือว่าคำพูดเหล่านั้นยังมีความหมายอื่นอยู่อี
มือของนางสั่นเทาอย่างรุนแรง หลังจากนางกล่าวกับฉินเหยี่ยนเย่ว์ว่าเรื่องอื้อฉาวในบ้านไม่ควรแพร่งพรายออกไปแล้วนั้น คาดว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์คงอาจจะเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวเสียยิ่งกว่าอื้อฉาวออกไปสตรีนางนี้น่ารังเกียจเกินไปแล้วในแววตาของฉินเสวี่ยเย่ว์มีความอำมหิต...รวมถึงความสะกดกลั้นวาบผ่านเพื่องานใหญ่ นางต
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รอให้นางตอบคำถาม กล่าวต่อไปว่า “เมื่อครู่นี้ข้าหมายความว่า สตรีในห้องหออย่างพวกท่านดูบอบบางดั่งต้นหลิว ถึงกับเทียบพละกำลังกับสุนัข การคลายความเบื่อหน่ายของพวกท่านนี้ประหลาดไปสักหน่อยแล้วกระมัง”“เฮ้อ เมื่อครู่นี้พวกท่านคิดไปถึงที่ไหนกัน? หรือว่าคำพูดเหล่านั้นยังมีความหมายอื่นอยู่อี
การพาสัตว์เล็ก ๆ สามตัวมาด้วยโดยที่ไม่รู้ตัวนั้นเป็นความผิดของนางทว่า องค์หญิงอันชางกล่าวไว้แล้ว ในเมื่อเจ้าของงานไม่สนใจ แขกเหรื่อย่อมยิ้มรับแล้วปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปยิ่งไปกว่านั้น เจ้าสามตัวนี้ไม่ได้สร้างความวุ่นวาย หลังจากเข้ามาแล้วก็เอาแต่ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของนาง สุนัขและลูกแกะก็ถูกพากินเนื้
เมื่อมองดู ภาพที่อยู่ข้างหลังกลับทำให้ตกใจจนพูดไม่ออกข้างหลังนางกับหลิ่วฉือ มีเจ้าตัวน้อยทั้งสามตามมาด้วยหนึ่งแมว หนึ่งสุนัข และหนึ่งลูกแกะเฮยตั้นนั่งบนหัวของสุนัข จ้องมองทุกคนอย่างสงบด้วยใบหน้ารังเกียจสุนัขอาจจะวิ่งเร็วเกินไป มันหอบจนแลบลิ้นออกมาลูกแกะน้อยอยู่ข้างสุนัขมองไปรอบ ๆ เต็มไปด้วยความ
“ข้าอยากพบนาง” หลิ่วฉือคุกเข่าลง และโขกหัวสามครั้ง “พระชายาอ๋องเจ็ด ได้โปรดพาข้าไปพบพี่สาวของข้าที แม้นเพียงพบหน้ากันครั้งเดียวก็ได้”“ลุกขึ้น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ดึงหลิ่วฉือขึ้นมา “แล้วเจ้าคิดว่าข้าพาเจ้ามาทำไม? ข้าเพิ่งบอกว่าจะพาเจ้าไปพบนางไม่ใช่หรือ? รีบเข้ารีบเช็ดน้ำตาเสีย หากสนมเหยาเห็นเข้า จะคิดว่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองท่าทางงุนงงของเขา ก่อนจะโบกมือตรงหน้าเขา “นี่ เจ้าไหวไหม?”“หลิ่วฉือ?”“ร้ายหรือดีก็ตอบกลับข้าหน่อย”หลิ่วฉือดูเหมือนคนโง่เขลา พูดคำเหล่านั้นซ้ำไปมาในปาก สีหน้าก็ค่อย ๆ สูญเสียการควบคุมฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกคิ้วคนผู้นี้อาจตกตะลึงกับข่าวนี้จนโง่งมไปแล้ว?นางหยิบเข็มเงินมาหนึ่งเข็ม แท
“พระชายา พวกเราดื่มโจ๊กอยู่ที่บ้านก็ดีอยู่นะเพคะ จำเป็นต้องไปงานเลี้ยงชิมโจ๊กด้วยหรือ?” เฟ่ยชุ่ยนำเสื้อคลุมมาสวมให้ และช่วยผูกสายรัดให้นาง“จำเป็นต้องไป” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยหลังจากเทศกาลลาปาก็จะเป็นปีใหม่ ช่วงสิ้นปีก็มีกิจกรรมมากเกินไป เป็นเวลาที่พระราชวงศ์ยุ่งที่สุดเมื่อถึงตอนนั
“เฟ่ยชุ่ย มาเร็ว ช่วยข้าหวีผม ช่วยข้าหาอาภรณ์ที่เป็นทางการกว่านี้ด้วย”“อา ไม่สิ เจ้าส่งคนไปเรียกหลิ่วฉือที่จวนสกุลฉินมาที่นี่ก่อน ยิ่งเร็วยิ่งดี”ในเวลาเดียวกัน สำรับอาหารก็ยกมาจากห้องครัวพอดีดวงตาทั้งสองของฉินเหยี่ยนเย่ว์ดำขลับด้วยความหิวโหย นางกินซาลาเปาหลายลูกลงไปอย่างตะกละตะกลามรวดเร็วมากเกิน
ใบหน้าที่มักจะรังเกียจสิ่งต่าง ๆ โดยธรรมชาตินั้นเย่อหยิ่งน้อยลง มีความน้อยเนื้อต่ำใจมากขึ้น และในดวงตากลมโตก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำ“เฮยตั้นเป็นอะไรไป?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ลูบหัวของมัน“ท่านอ๋องนำแมวดำตัวนี้มาที่นี่ด้วย นอกจากมันแล้ว ยังมีสุนัขครึ่งหมาป่าตัวหนึ่ง และลูกแกะตัวหนึ่งด้วยเพคะ” เฟ่ยชุ่ยตอบ “สุนัข